Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Psychic School โรงเรียนพลังจิต [บทที่3 ตอนที่3]


Kimur@

Recommended Posts

  • Replies 62
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • Kimur@

    17

  • ChaosPhoenix

    11

  • Myanoct

    9

  • Loveless Nova

    7

พลังวิปลาศเหรอ.....เป็นพลังที่คาดไม่ถึงสมกับเป็นนายจริงๆทาคุยะ!!! ทำร้ายคนอื่นก็ไม่ได้ และพอโดนคนอื่นทำร้าย ก็ดันไม่แสดงออกมาซะอีก เล่นเรื่องดวงล้วนๆเลยนี้หว่าแกนะ -*-

พระเอกของเราเป็นชาวลูกครึ่งงั้นหรือ โอ้~ เจ้านี้ละจะเป็นฑูติไมตรีระหว่างสองอาณาจักรที่ยอกเยี่ยมที่สุด!!!

และนั้น....นั้น!!! วีรบุรุษออกโรงแล้ว วีรบุรุษของฉ้านน~!! แซกของฉ้าน~!!! ได้ออกโรงในฟิคท่านคิมูระอย่างเต็มรูปแบบแล้ว~!!!

Me/ ดีใจไปสามโลก...

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านรวบยอด?

เป็นการอ่านที่เหนื่อยมาก - มากที่สุด... เพราะเล่นเว้นวรรคเยอะมาก ไม่เว้นแม้แต่กับประโยคที่มีการสันธานแล้ว

ซึ่งโอมคิดว่า บางประโยคไม่ต้องเว้นจัดก็ได้มั้งคะ และลองใช้คำสันธานต่า่งๆ เชื่อมประโยคเพื่อให้ดูอ่านได้สบายตาและคล่องขึ้นหน่อย =x=

เขารู้สึกแปลกใจ ยามดึกดื่นเช่นนี้ กลับมีใครหน้าไหนไม่รู้ มาสวมเขาบนหัว ทำท่าเลียนแบบกระทิง งอตัวไปข้างหน้า ผงกหัวขึ้นๆลงๆจนดูเวียนหัวแทนคนทำ

"เขารู้สึกแปลกใจที่ยามดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ กลับมีใครหน้าไหนก็ไม่รู้สวมเขาเอาไว้บนหัวของตนและผงกขึ้นๆ ลงๆ ทำท่าทางเลียนแบบกระทิง จนทาคุยะที่กำลังดูอยู่นั้นรู้สึกเวียนหัวแทนคนบ้าที่กำลังทำท่าทางประหลาดๆ คนนั้นเสียอีก"

(แนวโอม? *โดนโบก*)

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณทุกคอมเม้นครับ ทุกคำวิจารณ์ จะนำไปปรับปรุง เท่าที่ฝีมือผมจะเอื้ออำนวยนะครับ :pika01:

[me=Inception]เอ็งมีฝีมืแค่ไหนฟระ~[/me]

Link to comment
Share on other sites

บทที่1 ระดับห้าผู้เป็นภัย ตอนจบ

ห้องพักของสถาบันวิจัยผู้มีพลังพิเศษนั้นดีกว่าที่ทาคุยะคิดไว้ ห้องโอ่อ่า เฟอร์นิเจอร์อย่างดีและที่นอนนุ่มสบาย เขานอนเกลือกบนเตียงได้สักพักหนึ่ง ก็คิดได้ว่าต้องกลับไปเอาสัมภาระที่ลืมไว้ รวมทั้งชุดนักเรียนที่ต้องใส่ขึ้นไปบนเรือด้วย แต่ทว่า  --  

เสียงเคาะประตู ตามด้วยแม่บ้านนำชุดนักเรียนที่ซักรีดพร้อมใส่อย่างดีหนึ่งชุด และอีกสองชุดที่พับไว้อย่างเรียบร้อย รวมทั้งกระเป๋าเดินทางใบใหม่ใหญ่โต และเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยวและใส่อยู่บ้าน มาวางไว้ที่หน้าประตู ก่อนจะออกไป

นี่สรุปฉันได้ของใหม่ยกชุดเลยสินะ ทาคุยะเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะตรงไปหอบของใหม่ทั้งหมดมา และจัดแจงนำเข้ากระเป๋า สำหรับเดินทางพรุ่งนี้

:pika03:

ตอนนี้เจ้าทาคุยะกำลังจะเดินทางไปเซย์ริว คุณรู้เรื่องรึยัง ผู้หมวดอิชิมารุ

ภายในห้องรับแขกของอาคาร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเขตที่เจ็ด ซึ่งแก่ชราแล้ว กำลังคุยกับทหารในชุดเต็มยศคนหนึ่ง ทหารชายในชุดสีเขียว ใบหน้าละม้ายคล้ายกับทาคุยะ แต่ผิวคล้ำแดดเพราะผ่านการฝึกซ้อม ใบหน้าแห้งกร้านเพราะตากแดดตากลมมานาน แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลยังคงเปล่งประกาย เขาคือพ่อของทาคุยะนั่นเอง

ผมได้ข่าวว่าคนของเวอร์มิเลี่ยนตามตัวเขาเจอแล้วน่ะครับ พ่อของทาคุยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความห่วงใยเอาไว้ ผมละสงสัยจริงๆ ว่าพวกนั้นตามหาเขาเจอได้ยังไง ทั้งที่พลังประเภทที่เขาต้องการในตัวทาคุยะ พึ่งแสดงอาการได้แค่ปีเดียว ผมคิดว่าทาคุยะจะปลอดภัยแล้วนะ ถ้ามีปู่ของเขาคอยดูแล

ผู้อำนวยการทำสายตาปรามไปยังผู้พัน ผู้พันเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัว ว่าพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมา ก่อนที่จะมองไปรอบห้อง ว่ามีกล้องหรือเครื่องดักฟังหรือเปล่า ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่มีเครื่องดักฟัง เขาทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินพ่อของทาคุยะพูดประโยคนั้น ก่อนจะเริ่มเรื่องใหม่

ดูเหมือนพวกสายสืบในประเทศเราจะเยอะน่ะ คุณผู้หมวด ผู้อำนวยการกล่าวเสียงเข้ม ขนาดจดหมายจากอดีตภรรยาของคุณ คุณหญิงโจแอนนา ยังถูกส่งมาหาผมได้ โดยไม่มีการจ่าหน้าซองถึงผู้ส่ง

นี่มันขั้นวิกฤติแล้วนะ นายทหารผู้เป็นพ่อทาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน พวกนั้นรับรู้ความเคลื่อนไหว และแทรกแทรงภายในของประเทศเราได้ ราวกับว่าสายสืบที่พวกนั้นส่งมา มีความสามารถแบบนี้อยู่

ผมคิดว่าคงเป็นความสามารถประเภท อ่านจิตใจคนอื่นได้ หรือไมน์ รีดเดอร์ (Mind Reader) ผู้อำนวยการเริ่มเสนอความคิด เราเคยส่งคนมีความสามารถประเภทนี้ไปที่เวอร์มิเลี่ยน เลยรู้ข่าวระดับห้าของพวกมัน รวมทั้งความสามารถด้วย

และก็โดนจับเผาทั้งเป็นเมื่อสองปีก่อน พ่อของทาคุยะเสริมต่อด้วยเรื่องราวสยดสยอง รายนั้นรัฐบาลออกงบไปตั้งสิบล้าน เพื่อปั้นเขาขึ้นมา

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเขตที่สาม เสียใจมากถึงขั้นลาออกเลยละ ผู้อำนวยการปิดเรื่องผู้มีพลังพิเศษรายนั้นให้จบ ว่าแต่คุณอิชิมารุ จะไม่ไปพบลูกคุณหน่อยหรือ ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบปีแล้วนะ

อยากพบอยู่หรอก นายทหารเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า แต่ผมต้องไปที่กระทรวงกลาโหมให้ทันภายในยี่สิบนาที คงจะอยู่คุยกับเขาไม่ได้แล้วละ ผมคิดว่าอุปกรณ์และเครื่องแบบนักเรียนสำหรับพรุ่งนี้ ก็คงพอแล้ว

ฮะๆ หาซื้อได้เร็วจริงๆ ผู้อำนวยการกล่าวหัวเราะชอบใจ แต่นั่นคงไม่พอกับของขวัญวันเกิดล่วงหน้าของเขาใช่ไหม

ต้องไปจริงๆแล้ว นายทหารกล่าวตัดบท พร้อมลุกจากเก้าอี้ บอกทาคุยะว่าบิดาของมันฝากของสิ่งนี้มาให้ ราคาแพงกว่าของนังหนูไฮโซนั่นแน่นอน  --  ของที่พ่อของผมมอบไว้ให้น่ะ เป็นของขวัญตอนสอบติดโรงเรียนนายสิบ จะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะส่งต่อให้หลาน คุณผู้อำนวยการ

เขาถอดนาฬืกาข้อมือวางเอาไว้บนโต๊ะ มองหน้ามายังผู้อำนวยการด้วยแววตาที่โหยหา บุคคลตรงหน้าที่ไม่อาจเรียกว่าพ่อได้เพราะหน้าที่การงานของทั้งสองคน  --  เขาได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา พร้อมกับทำท่าวัณทยาหัตถ์ให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยความคล่องแคล่ว เสียงรองเท้าคัทชูกระทบพื้นไปตลอดทาง นายทหารไม่ได้หันหลังกลับมามองอีก

ใจจริงคงอยากจะซื้อเรือนใหม่ให้ลูกชายสินะ ผู้อำนวยการกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พลางหยิบนาฬิกาที่วางอยู่ขึ้นมาดู มันเป็นนาฬิกาเรือนเงินธรรมดาๆ ที่เข็มนาฬิกาหยุดเดินไปแล้ว แต่นายทหารคนนั้นยังคงใส่อยู่ ดูจากสภาพมันคงได้รับการดูแลมาอย่างดี

สำคัญสำหรับแกมากสินะ นาฬิกาที่ฉันซื้อให้ส่งๆที่ตลาดนัด ผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ราวกับว่าในคอของเขามีน้ำที่พยายามจะออกมาแทนเสียง เพราะฉันไม่คิดว่าคนโง่ๆอย่างแกจะสอบติดนายสิบ เจ้าคุโรซาวะ  แต่แกก็ทำให้ฉันภูมิใจครั้งแร-  --

 --  เป็นไรน่ะ ผู้อำนวยการ ทาคุยะเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขารู้สึกแปลกใจ ที่เห็นนัยน์ตาผู้อำนวยการแดงก่ำ

คุณชิราอิชิ ผู้อำนวยการเอาเสื้อคลุมเช็ดน้ำตา พลางวางนาฬิกาข้อมือไว้ที่โต๊ะ ได้รับของที่ฉันส่งไปให้แล้วสินะ

อื้อ ทาคุยะตอบรับ ก่อนหน้านี้กะว่าจะมายืมมอไซค์ซะหน่อย แต่คงไม่เป็นไรละ  -- ร้องไห้หรือไงกันนั่นน่ะ เด็กหนุ่มจ้องไปยังตาของผู้อำนวยการ เขาเอาเสื้อคลุมซับอีกครั้ง

เปล่าๆ ไม่มีอะไร  --  อ้อ มานี่สิ เขากล่าวเรียกทาคุยะ เด็กหนุ่มเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้อำนวยการ เจ้าคุโร- เอ้ย พ่อของคุณอิชิมารุฝากนาฬิกาเรือนนี้ให้น่ะ

เขายื่นนาฬิกาข้อมือที่เข็มหยุดเดินแล้ว ให้กับเด็กหนุ่ม เขารับมันไว้ ก่อนที่จะเงยหน้ามองผู้อำนวยการ

ผมรู้ เรือนนี้พ่อของผมบอกว่าปู่ที่ตายไปนานแล้ว เป็นคนซื้อให้ ตอนพ่อผมสอบติดนายสิบ เขากล่าวพร้อมกับลงมือสวมใส่ทันที แต่ข้อมือของเขาเล็กเกิน มันเลยร่วงลงมาเกือบถึงข้อศอก สงสัยต้องเอาไปตัดสายละจะได้แวะซ่อมด้วยเลย ซ่อมได้แท้ๆ ดันไม่ซ่อม พ่อผมแปลกคนแบบนี้ละ

ผู้อำนวยการได้แต่ยิ้มน้อยๆ เขาไม่พูดอะไรต่อ ดูเหมือนทางพ่อของทาคุยะ จะบอกว่าปู่ของเขาตายไปก่อนที่เขาจะจำความได้ซะแล้ว เขาคิดในใจว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้นั่นแหละ ดีแล้ว  จะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงใคร เวลาปฏิบัติภารกิจ

คุณชิราอิชิ ผู้อำนวยการกล่าวด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีผิดปกติ จนทาคุยะก็สังเกตได้ ฉันคิดว่าจะให้เธอทำงานให้ฉันชิ้นหนึ่ง งานชิ้นนี้ สำคัญต่อตัวของเธอเอง

งานอะไรหรือครับ เกี่ยวกับระดับห้านั่นหรือเปล่า ทาคุยะเอ่ยถามอย่างสงสัย

นี่คืองานชิ้นแรกของเธอ อาจจะยากมาก แต่ประเทศของเรา กำลังถูกคุกคามโดย ไมน์ รีดเดอร์คนหนึ่ง (Mind Reader) น่าจะเป็นระดับห้า เพราะเขาล้วงเอาความลับราชการไปพอสมควรแล้ว

จะให้คนไม่เอาอ่าวอย่างผมทำนี่นะ ทาคุยะพูดเชิงปฏิเสธ ตอนนี้เขามีสีหน้ากังวล  --   แต่แล้วอาการเสียวสันหลังวาบของเขาก็เกิดขึ้น ความสามารถพิเศษของเขาทำงานอีกแล้ว  --  เขารู้สึกว่าเขากำลังอ่านจิตใจของเด็กหนุ่มที่ชื่อทาคุยะอยู่ เขากำลังปลื้มปิติ และคิดว่าจะต้องรายงานให้กับเพื่อนอีกคนทราบ เพื่อฆ่าเขา หลังจากขึ้นเรือ เพราะว่าตัวเขา สามารถหาเพอร์เวอร์ซิตี้ได้แล้ว

หวอๆๆๆ

เกิดเสียงดังลั่นอาคาร ห้องที่ทาคุยะและผู้อำนวยการอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดง สัญญาณเตือนภัยนั่นเอง มันส่งเสียงลั่นพร้อมกับปล่อยแสงสัญญาณสีแดงทั่วอาคาร เพื่อเตือนภัย

ดูเหมือนว่าอาคารแห่งนี้จะตรวจจับคลื่นพลังพิเศษแรงมากได้ ผู้อำนวยการกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก พลางมองไปที่ทาคุยะ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

พลังที่อาคารตรวจจับได้ คือระดับห้า ไม่งั้นมันไม่ทำงานหรอก ผู้อำนวยการตะโกนแข่งกับเสียง ในจังหวะนี้เอง ทาคุยะเริ่มทรุดตัวลง ผู้อำนวยการรีบเข้าไปประคอง แต่ทาคุยะใช้มือดันผู้อำนวยการให้พ้นจากตัวเขา

ผม...รู้สึก เด็กหนุ่มกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก ไม่สิ...รอเดี๋ยว ใกล้จะเห็นแล้ว...ผมเป็นเขา...เดนนิส มาร์คเกอร์

ผู้อำนวยการงงกับที่ทาคุยะเอ่ยออกมา แต่ลางสังหรณ์เขาบอกว่าที่ทาคุยะทำ ต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน

ทาคุยะล้มตัวลงนอนกับพื้นในที่สุด ภาพในหัวเขากำลังดำดิ่งไปสู่ความมืด จิตของเขากำลังไปที่ไหนสักแห่ง

ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาคือเดนนิส มาร์คเกอร์ เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีฟ้า สวมใส่ชุดสูท ดุเหมือนว่าตัวเขาที่เป็นเดนนิส กำลังอยู่ในห้องน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่ง เขากำลังเปิดก๊อกล้างหน้า มือเขาสั่นไหว เพราะว่าเขาไม่อาจเข้าไปอ่านจิตใจของเด็กคนหนึ่งได้

เขาไม่สามารถอ่านจิตใจของเจ้าทาคุยะได้ เด็กที่มีพลังวิปลาสคนนั้น (ในภาพที่เขาเป็นเดนนิส เห็นรูปของตัวเองวางไว้ข้างที่อ่างล้างมือ) ทั้งที่เมื่อกี้เขากำลังจะล้วงลึกเข้าไปแล้ว กะจะดูว่ามันมีพ่อชื่ออะไร ทำงานที่ไหน บ้านอยู่ที่ใด หรือแม้แต่สถานที่ซ่อนตัวว่าอยู่ที่ไหน เขาไม่สามารถล้วงข้อมูลเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย

กลับกัน เขารู้สึกเหมือนกับว่าจิตใจของเขาถูกตีกลับ เจ้าเด็กชื่อทาคุยะนั่นเล่นอะไรกับพลังอ่านจิตใจของเขาหรือเปล่า เขาเป็นถึงระดับห้าเชียวนะ แค่มองรูปภาพหรือได้ยินเสียง จิตของเขาก็สามารถตามหาตัวตนของสิ่งที่เขาอยากอ่านจิตใจได้ทันที และทำไม  --

ทาคุยะ เป็นไรมากมั้ย

ผู้อำนวยการเอ่ยเรียกเขา ดูเหมือนว่าการเชื่อมต่อของเขากับเจ้าเด็กที่ชื่อ เดนนิส มาร์คเกอร์ จะจบลงเพียงเท่านี้ เขารู้สึกหายใจติดขัด มือของเขาสั่นน้อยๆ และทันทีที่เขาได้สติ เขาก็ร็สึกว่าตัวเขาทำอะไรลงไป

ผู้อำนวยการ ผมว่าผมเจอคนที่คุณให้ผมตามหาแล้วละ ทาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาชื่อเดนนิส มาร์คเกอร์

ผู้อำนวยการกดปิดสวิตออดที่ทำงาน สัญญาณไฟสีแดงก็หยุดลง พร้อมกับมีพนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน

ไปดูว่าในคลังข้อมูลของเรา มีคนที่ชื่อเดนนิส มาร์คเกอร์มั้ย สิ้นเสียงคำสั่ง พนักงานก็รีบออกไป พร้อมกับอีกห้านาทีต่อมา เขามาพร้อมกับเอกสารขนาดย่อย

ข้อมูลของเดนนิส มาร์คเกอร์ ผู้อำนวยการเริ่มอ่าน ระดับห้าคนที่สามของเวอร์มิเลี่ยน ความสามารถคือไมน์ รีดเดอร์ ด้วยความที่แค่มองภาพ หรือได้ยินเสียง ก็สามารถเข้าไปในจิตใจ และดึงเอาข้อมูลออกมาได้หมด จึงกลายเป็นระดับห้า

ผู้อำนวยการรู้สึกตกใจกับความสามารถทาคุยะ เธอเห็นอะไรบ้าง เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยินดี

ถามได้ ทาคุยะตอบด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วม ผมเห็นว่าเขากำลังทำอะไร กำลังคิดอะไร และ...เจ้าหมอนั่นมันพยายามอ่านจิตใจผม มันมีรูปภาพผม

พระเจ้าช่วย ผู้อำนวยการอุทาน ความสามารถของเธอตอนนี้จะเรียกว่าอะไรดีละ เธอย้อนรอยความสามารถของเจ้าเดนนิสกลับ มันไม่ใช่แค่การสะท้อน แต่เธอได้ความสามารถของเขามาด้วยช่วงหนึ่ง

ทาคุยะไม่พูดอะไรต่อ เขาค่อยๆปีนมานั่งบนเก้าอี้ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก จนอยากจะโยนความเหนื่อยนี้ออกไปซะ

และราวกับชั่วพริบตา ความเหนื่อยของเขาตกไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ เขารู้แต่ว่าตอนนี้เขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ราวกับคนพึ่งอาบน้ำเตรียมพร้อมเข้านอน เขาเริ่มรู้สึกง่วง

ประตูห้องรับรองที่ทาคุยะและผู้อำนวยการอยู่ ถูกเปิดอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่พนักงาน หรือว่าแม่บ้าน แต่เป็นใครสักคนที่ทาคุยะไม่รู้จัก

ชายชราในชุดทหารระดับชั้นนายพลเดินเข้ามา เขามีไม้เท้าค้ำยันด้วยอันหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูยิ้มแย้ม ถึงแม้ว่ารูปหน้าของเขานั้นจะเหมือนกับว่าไม่เคยยิ้มมาก่อนเลยก็ตาม

ผมได้ข่าวมาจากศูนย์วิจัยผู้มีพลังพิเศษหลัก เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ว่าประเทศของเรา มีผู้ใช้พลังระดับห้าคนแรกถือกำเนิดขึ้นแล้ว จับสัญญาณได้ที่เขตเจ็ด

เขามองไปที่ทาคุยะด้วยสีหน้าชื่นชม ทาคุยะเองได้แต่แปลกใจ ตัวเขาที่ยังควบคุมพลังพิเศษไม่ได้ กลายเป็นระดับห้าไปได้ยังไงกัน

หลังจากกระทรวงกลาโหมเราทำงานอย่างหนัก ก็ได้ข้อมูลก่อนกระทรวงพลังจิต นายพลเป็นฝ่ายพูด พลังที่ทาคุยะมี เป็นพลังที่เรียกว่า เพอร์เวอร์ซิตี้

เรื่องนี่เราทราบครับ ผู้อำนวยการกล่าว เราตั้งชื่อนี้ตามสภาพที่มันเป็น

คุณรู้มั้ย ว่ามันทำอะไรได้ นายพลกล่าวพลางมองผู้อำนวยการอย่างจับผิด มันอาจดูเหมือน โยกย้าย เปลี่ยนแปลง ความเจ็บปวด หรือจิตใจสินะ แต่ความจริงไม่ใช่

จังหวะนี้ทุกคนคอยฟังกันจนแทบหยุดหายใจ

ใช่แล้ว คุณอิชิมารุ ทาคุยะ ความสามารถของคุณก็คือ สามารถเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณได้ และด้วยความที่มันไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเงื่อนไข คุณจึงกลายเป็นระดับห้าไปโดยปริยาย

ทาคุยะยังไม่เข้าใจว่าเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์คืออะไร เขารู้แต่ว่าตอนนี้เขากลายเป็นระดับห้าไปแล้ว พลังระดับห้าอะไรกัน ส่งผลร้ายได้แม้แต่ตัวเอง

ฮะๆ ทาคุยะหัวเราะเบาๆ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมาก แต่ถ้าให้ผมเป็นระดับห้า ผมคิดว่าคงจะเป็นระดับห้าที่เป็นภัยมากกว่าประโยชน์แน่นอนเลยละ

จบบทที่1  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

สมเป็นพลังวิปลาศสินะ ถึงขนาดย้อนรอบพลังอ่านใจได้เลยทีเดียว  ความสัมพันธ์ปู่ พ่อ ลูก ครอบครัวนี้ดูแปร่งๆพิกล

Link to comment
Share on other sites

ย้อนกลับไปทั้งพลังแบบนี้ย้อนโหดกว่าจาโรด้าหลายๆ

ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าความสามารถดูธรรมดาๆพอเจอตอนล่าสุดเข้าไป โอ้ว้าว~!

การบรรยายก็ยังมีงงๆอยู่บ้างเหมือนเดิม เช่น

จะให้คนไม่เอาอ่าวอย่างผมทำนี่นะ ทาคุยะพูดเชิงปฏิเสธ ตอนนี้เขามีสีหน้ากังวล  --   แต่แล้วอาการเสียวสันหลังวาบของเขาก็เกิดขึ้น ความสามารถพิเศษของเขาทำงานอีกแล้ว  --  เขารู้สึกว่าเขากำลังอ่านจิตใจของเด็กหนุ่มที่ชื่อทาคุยะอยู่ เขากำลังปลื้มปิติ และคิดว่าจะต้องรายงานให้กับเพื่อนอีกคนทราบ เพื่อฆ่าเขา หลังจากขึ้นเรือ เพราะว่าตัวเขา สามารถหาเพอร์เวอร์ซิตี้ได้แล้ว

อันนี้ตอนแรกอ่านแล้วไม่เก็ท ต้องอ่านต่อไปอีกนิดถึงจะเก็ท แต่คิดว่าภาษาก็แปร่งๆอยู่ดีอ่ะ

ส่วนเนื้อเรื่องเมพ~ อ่านแล้วอยากอ่านต่อไวๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ตัวละครที่แสดงให้เห็นในตอนนี้นี่ก็ชอบมากเลย (เพราะฉะนั้นต่อไปนี้คอยจะจี้ให้คิมุระอัพฟิกไวๆ ฮ่าๆๆๆๆ XD)

รออ่านบทต่อไปเน้อ

ป.ล. ขอไปแก้ไขข้อมูลตัวละครของตัวเองในกระทู้รับสมัคร ขอเพิ่มท่าอีกท่าให้ครบ 5 นะครับ และขอลดข้อจำกัด ปรับความสามารถบางอย่างของท่าเดิม เปลี่ยนชื่อด้วยท่านึงนะ ;]

Link to comment
Share on other sites

ราวกับว่าสายสืบที่พวกนั้นส่งมา มีความสามารถแบบนี้อยู่

--------------------

มันต้องพูดว่า "แสดงว่า สายสืบที่พวกนั้นส่งมา มีความสามารถสูงมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้"

แต่ว่า แทรกแซงด้วยเนี่ย มันอยุ่ในหน้าที่ของสายสืบด้วยหรอ - - น่าจะเรียกคำอื่นนะ (อันนี้เราไม่รุ้นะ)

--------

สำคัญสำหรับแกมากสินะ นาฬิกาที่ฉันซื้อให้ส่งๆที่ตลาดนัด ผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ราวกับว่าในคอของเขามีน้ำที่พยายามจะออกมาแทนเสียง เพราะฉันไม่คิดว่าคนโง่ๆอย่างแกจะสอบติดนายสิบ เจ้าคุโรซาวะ  แต่แกก็ทำให้ฉันภูมิใจครั้งแร-  --

-----------

มันต้องซื้อให้หลังสอบติดไม่ใช่หรอ?

การบรรยายยังแข็งอยู่เลย

และคำอธิบายหรือการบรรยายบางจุด ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ลงไปด้วย

บอกแค่นี้ก่อนละกัน =w=

Link to comment
Share on other sites

บทที่2 สู่รั่วเซย์ริว ตอนที่1

วันที่ต้องเดินทางไปเซย์ริวด้วยเรือสำราญได้มาถึง เด็กหนุ่มลูกครึ่งผมบลอนด์น้ำตาลลงมาจากรถแท็กซี่ พร้อมกับนำกระเป๋าเดินทางจากท้ายรถออกมา เขาอยู่ในชุดคอปกแขนยาวสีขาว กางเกงขายาว อากาศไม่ได้หนาวขนาดที่ว่าเขาต้องคลุมสูทซึ่งเป็นชุดนักเรียนทับ เพราะเกรงว่ามันจะทำเขาร้อนอบอ้าวซะก่อน

เมื่อคืนก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านนายพลมาถึงสถาบันวิจัยเขตที่เจ็ด นายพลและผู้อำนวยการได้ปรึกษากันเรื่องสายสืบที่เวอร์มิเลี่ยนส่งมา ซึ่งก็คือ โรเบิร์ต วิคเตอร์ ที่จะไปเข้าเรียนที่เซย์ริว ส่วนอีกคนดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ข่าวที่สายลับบลูแลนด์เข้าใจผิด โรเบิร์ต วิคเตอร์ มาคนเดียว (อีกคนผู้อำนวยการไม่ได้บอกทาคุยะว่าเป็นใคร)

ส่วนทางด้านของเดนนิส มาร์คเกอร์ รายนั้นอยู่ที่เวอร์มิเลี่ยน คงเป็นการยากที่จะกำจัด จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมที่จะหาวิธีป้องกันการแทรกแทรงทางจิตจากเด็กคนนั้น

ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็คิดว่าตัวเขานั้นมาไวเกินไป เรือมาจอดเทียบท่าให้เห็นแล้วก็จริง แต่จำนวนนักเรียนดูบางตา ผิดกับที่เขาคิดเอาไว้

กำหนดการคือเก้าโมงนี่ เด็กหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือข้างซ้าย นาฬิกาของพ่อเขาที่ซ่อมเสร็จแล้ว นี่แปดโมงครึ่งแล้ว ทำไมยังไม่มีใครมาอีกละ

ไม่เห็นแปลกนี่ เที่ยวเรือรอบนี้ สำหรับนักเรียน ไม่ใช่ผู้สมัคร เสียงหนึ่งเอ่ยดังข้างลำตัว ทาคุยะหันไปมอง เป็นเสียงของเด็กในชุดเครื่องแบบเซย์ริว สูทสีน้ำตาลไหม้ เนคไทสีแดงกลัดเข็มรูปมังกรตรงกลาง ทันทีที่เขาเห็นหน้าของคนที่ทักทายเขา เขาก็รู้สึกตกใจ

เพราะคนที่ทักทายเขา คือโรเบิร์ต วิคเตอร์ เด็กระดับห้าที่ยิงลำแสงทะลุทะลวงทุกอย่างคนนั้น หนุ่มลูกครึ่งเหมือนเขา แต่มีผมบลอนด์ทอง ตัวสูงกว่าทาคุยะเล็กน้อย

นักเรียนที่ได้รับเลือกแล้ว  -- เด็กหนุ่มที่ชื่อโรเบิร์ต วิคเตอร์ ดูเหมือนจะไม่เห็นกิริยาตกใจของทาคุยะ เขายังคงอธิบายต่อ  -- ที่จะมาขึ้นเรือในรอบนี้น่ะ ฉันแปลกใจจัง นายไม่อยู่ตอนเขาคัดเลือกหรือไง

อ้อ ทาคุยะส่งเสียงรับ เขาไม่อยากบอกว่าเขาถูกส่งเข้ามาได้ทันที โดยไม่ต้องสอบคัดเลือก เหตุการณ์รุนแรงน่าดู ฉันไม่อยากนึกถึงมัน

รุนแรง! โรเบิร์ตทวนคำ การจับสลากนี่นะ รุนแรง แล้วอะไรที่นายคิดว่าพอดีละ!

อ้อ เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโง่เต็มที ก็...ยังไงดีละ ไม่ได้เข้าเพราะจับฉลากไม่ได้ เจ็บใจน่าดูเชียว ฮะๆ เขาหัวเราะเสียงแห้งๆ กลบอาการหน้าแตกเอาไว้

อ้อ จริงสิ ทาคุยะรีบเปลี่ยนเรื่อง นายชื่อว่าอะไร ฉันชื่อว่าอิชิมารุ ทาคุยะ

เขารอดูสีหน้าของโรเบิร์ต ว่าจะมีอาการยังไง ที่เป้าหมายของเขามาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ริมฝีปากเขาฉีกยิ้มน้อยๆ

ฉันชื่อว่า เฮนรี่ บูท โรเบิร์ตแนะนำชื่อปลอมของตน ซึ่งทาคุยะพยายามปิดอาการหัวเราะเอาไว้ แต่มันกั้นไม่อยู่ เขาพ่นลมออกทางปาก ก่อนจะฟอร์มทำเป็นไอ

และนาย  -- ใช่สิ! นามสกุลฉันมันตลก! หัวเราะเลยสิ --

ทาคุยะแสดงอาการเงียบทันที  ดูเหมือนว่าเฮนรี่ ที่เขาเชื่อว่าเป็นโรเบิร์ต จะแสดงอาการโมโห --  บ้านฉันเป็นช่างทำรองเท้า ฉันภูมิใจกับอาชีพของพ่อฉัน นามสกุลนี้ฉันภูมิใจ เข้าใจมั้ย

ฉันไม่ได้คิดว่านามสกุลนายตลกเลยนะ ทาคุยะแก้ตัว โร เฮนรี่! ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่นายก็ไม่ปฏิเสธ ที่นายหัวเราะ เฮนรี่กล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห คิดว่าเรารู้จักกันเท่านี้เถอะ คุณอิชิมารุ หลังจากนั้นเฮนรี่ก็เดินแยกไปทางอื่น

พอรู้เป้าหมายแล้ว ก็หาเรื่องแยกสินะ ทาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงหมิ่นๆ ฉันจะระวังนายไว้ ไม่ให้นายทำอะไรที่ต้องการได้ง่ายๆหรอก

:pika10:

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เรือก็ออกจากท่า ทาคุยะนั่งในห้องพักส่วนตัว ซึ่งดูเหมือนห้องนอนชั้นหนึ่งมากกว่า จะว่าไปตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้ว ว่าทำไมผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพลังพิเศษเขตที่เจ็ด ถึงได้ดูแลเขาดีนัก ระดับสี่มีออกถมเถ และเขาซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น หรือเป็นเพราะว่าเขากลายเป็นระดับห้ากันแน่นะ

ระดับมันเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้นแหละ ทาคุยะบอกกับตัวเอง ฉันไม่ได้มีแสงที่ปลายเท้าซะหน่อย! เป็นระดับห้าแล้วยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย จะมาคาดหวังอะไรกับฉันมาก

เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด และตามมาด้วยอาการเสียวสันหลังวาบ ตอนนี้เขาเริ่มชินแล้ว มันเป็นอาการฟ้องว่าพลังพิเศษของเขากำลังทำงาน เขาค่อยๆหลับตา

เขารู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง ตอนนี้มันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น แต่แผนการที่จะทำลายมันละ อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะเข้าใกล้มันแล้ว

ทาคุยะลืมตา ดูเหมือนว่าสภาวะทางจิตใจของโรเบิร์ต (ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นโรเบิร์ต) กำลังหาทางที่จะกำจัดเขา แต่ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงที่ว่านี่คืออะไร เขาพักอยู่ห้องข้างๆโรเบิร์ตด้วยซ้ำ (ทาคุยะ14 โรเบิร์ต15) ถ้ามันจะมากำจัดเขา แค่ยิงลำแสงทะลุมาก็จบเรื่องแล้ว หรือว่าเขามีเป้าหมายอย่างอื่น! เป้าหมายที่ไม่ได้มากำจัดเขา แต่เป้าหมายอยู่ที่โรงเรียน

และโรงเรียนนี้มีอะไรให้กำจัดละ นอกจากฉัน ทาคุยะนึกสงสัย ดูเหมือนว่าโรเบิร์ตจะไม่ได้คิดถึงว่าสิ่งที่เขาจะกำจัดคืออะไร ทาคุยะจึงไม่สามารถดูสภาวะของจิตใจโรเบิร์ตได้

เสียงเคาะประตูห้องของเขาดังขึ้น ทาคุยะมองลอดช่องประตูไปเพื่อดูว่าใครมา โรเบิร์ตนั่นเอง เขามาทำอะไรนะ

มีอะไรหรือ ทาคุยะเปิดให้โรเบิร์ตเข้ามา โรเบิร์ตเข้ามาในห้องเขา พร้อมกับปิดประตู ทาคุยะชักสีหน้าเล็กน้อย

นายมีความสามารถอะไร โรเบิร์ตถามด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ ทาคุยะเริ่มรู้ตัว ความสามารถวิปลาสของเขา เป็นการเชื่อมโยง ดังนั้นเขาเห็นจิตใจของอีกฝ่าย ก็เป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะเห็นจิตใจของเขาเช่นกัน

นายถามฉันทำไม ทาคุยะนึกสงสัย มันสำคัญอะไรกับนาย

โรเบิร์ตลงมือชกหน้าทาคุยะทันที  ทาคุยะหน้าหันตามแรงหมัด แต่รอยเขียวช้ำบนใบหน้ากลับตกอยู่ที่โรเบิร์ตแทน

แกทำบ้าอะไรวะ" ทาคุยะตะโกนด้วยความโมโห ก่อนที่จะลงมือทุบหัวตัวเองอย่างแรง เพื่อให้ความเจ็บไปตกที่โรเบิร์ตอีกที โรเบิร์ตคอตกลงทันที ราวกับว่ามีใครมากดหัวเขาลง

แต่โรเบิร์ตเองก็ไม่โง่ เขาใช้กำปั้นของตัวเองทุบที่ต้นคอของเขา ทาคุยะทรุดตัวลงไปเช่นกัน ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเข้าใจพลังของเขาแล้ว

ฉันเข้าใจละ โรเบิร์ตกล่าวพร้อมกับหัวเราะในลำคอ เมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนมีคนคอยจับจ้องฉัน คงจะเป็นนายแน่นอน และก็เป็นนายจริงๆ ฉันสงสัยไม่ผิด

ทาคุยะนิ่งเงียบไม่เถียงอะไร เขากำลังเอามือนวดที่คอด้านหลัง พลางกล่าวสบถกับตัวเอง โรเบิร์ตจึงพูดต่อ

ฉันรู้ว่านายมีความสามารถอะไร อย่าใช้มันกับฉัน โรเบิร์ตกล่าวเตือน ถ้าฉันรู้สึกว่านายเข้ามายุ่มยามกับฉันอีกทีเดียว...เขากล่าวพร้อมกับชูกำปั้น ฉันสาบานได้ว่าจะฉีกนายเป็นชิ้นๆ

ทำไมไม่พูดว่าจะยิงฉันให้ทะลุไปเลยละ พรรคพวก ทาคุยะกล่าวล้อเลียน โรเบิร์ต วิคเตอร์ ผู้มีพลังระดับห้าแห่งเวอร์มิเลี่ยน ใช่มั้ยละ

เขากล่าวพร้อมยิ้มเยาะ เดินมาเผชิญหน้ากับโรเบิร์ต พลางเชิดหน้าใส่ สภาพเขาตอนนี้ยิ้มเยาะราวกับตัวร้าย แกคิดว่าคนอื่นคงไม่รู้สินะ ว่าคนต่างชาติแบบแก มาทำอะไรที่เซย์ริว

โรเบิร์ตดูเหมือนว่าจะตกใจเล็กน้อย ที่ต้องมาตายน้ำตื้น เขาพยามยามรวบรวมสติ ก่อนที่จะเริ่มพูด ต่อให้ฉันใช่จริงๆ...แล้วใครจะเชื่อแก ประวัติของฉันสืบได้หมด ไม่มีใครเชื่อเด็กอายุสิบหกแบบแกหรอก

เขาผลักไหล่ทาคุยะจนถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนที่จะหันหลังออกจากห้องไป ทาคุยะเอามือปัดรอยยับบนเสื้อให้เรียบ ก่อนจะเดินไปปิดประตูห้อง

ตอนนี้เขากำลังมีโทสะ และทางฝ่ายโรเบิร์ตเองก็คงมี หากเขาเชื่อมต่อจิตใจตอนนี้ ฝ่ายนั้นต้องไม่รู้ตัวแน่นอน เขาหลับตา รวบรวมสมาธิเพื่อเชื่อมต่อสภาวะจิตใจของเขากับโรเบิร์ตอีกที นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาจะลองควบคุมพลังวิปลาสในส่วนของจิตใจ

มันเงียบเชียบ ทาคุยะรู้สึกแบบนั้น และสักพักเขาก็รู้สึกร้อนรน นี่คงเป็นอาการโกรธละมั้ง หรืออาการกลัว

เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะพอแค่นี้ เพราะทั้งเขาและโรเบิร์ต ต่างหงายไพ่ออกมาจนหมด เจ้าหมอนั่นคงจะไม่เก็บเขาในเร็วๆนี้หรอก

:pika11:

อีกสองชั่วโมงเรือถึงจะเทียบท่า ทาคุยะตัดสินใจลงไปทานอาหารที่ชั้นล่าง เขารับรู้ความรู้สึกของในห้องอาหารคนหนึ่ง ว่ามีอาหารทะเลหลากหลาย จึงทำให้เขาสนใจพอสมควร

เมื่อเขาลงมาที่ชั้นล่างของเรือ ซึ่งจัดเป็นภัตตาคารบุฟเฟ่ เขาก็พบคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง พนักงานบริการที่คอยเติมเค้กและขนมหวานหน้าตาคุ้นมาก เขาเป็นหนุ่มผมสีน้ำตาล ตรงกลางไฮไลท์สีเงิน ตอนนี้เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ ซึ่งเป็นชุดของพนักงานบริการ ใบหน้าหล่อเหลานั้นกำลังยิ้มแย้มพร้อมกับแนะนำเค้กชิ้นหนึ่งให้กับนักเรียนสาว นักเรียนสาวผมดำยาวหุ่นดีคนนั้นดูท่าว่าจะหาเรื่องคุยกับแซก มากกว่าอยากรู้ว่าเค้กชิ้นไหนอร่อยมากกว่า

เจ้าหมอนั่น ที่ช่วยเราไว้นี่ ทาคุยะรู้สึกแปลกใจ อาชีพหลักของเจ้าหมอนั่นคือแบบนี้เองหรือ

สนใจเป็นพนักงานพาร์ทไทมหรือไงละ

เสียงดังขึ้นจากด้านหลังของทาคุยะ และลอยอยู่เหนือหัวเขา เขาหันกลับไป พบว่าคนที่พูดกับเขา สูงกว่าเขาพอสมควร หัวเขาอยู่ประมาณตาของคนๆนั้นได้

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีดำหวีเป็นระเบียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ เขาแต่งกายทันสมัยพอสมควร เสื้อนอกแขนกุดสีดำ คลุมทับเสื้อกล้ามสีขาวอีกที กางเกงขายาวสีดำ เครื่องประดับทั้งสร้อยคอ เข็มขัด และริสแบนด์ ล้วนดูทันสมัยและเข้ากันกับชุดของเขา ดูท่าว่าเขาจะเป็นนักแต่งตัวเลยทีเดียว

พนักงานพาร์ทไทม์ ทาคุยะทวนคำ สองชั่วโมงเนี่ยนะ

ถ้าติดต่อไว้ก่อนขึ้นเรือวันหนึ่ง ก็ได้เงินพอสมควรนะ ชายหนุ่มที่คุยกับทาคุยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ หรือว่านายไม่รู้เรื่อง ว่าพนักงานบนเรือไปกลับเซย์ริว ส่วนมากเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรา ทั้งพ่อครัว พนักงาน หรือแม้แต่ยาม

ผมไม่ทราบน่ะ ทาคุยะกล่าวตอบ คือผมพึ่งปีหนึ่งน่ะครับ อ้อ ผมอิชิมารุ ทาคุยะ ทาคุยะเริ่มลงมือแนะนำตัว ดูท่าว่าบุคคลตรงหน้าเขาคงเป็นคนดี เขาคิดเช่นนั้น

ฉันชื่อว่า ไม ซานาดะ บุรุษหนุ่มนาดนิ่งแนะนำตัว นักเรียนปีห้าของเซย์ริว เขาเอื้อมมือไปจับมือทาคุยะ และเริ่มเขย่า หวังว่าพวกเราคงจะได้เจอกันที่หอมังกรดินนะ

หอมังกรดิน ทาคุยะเอ่ยทวนคำ ดูเหมือนที่นั่นจะมีระบบหอด้วยสินะ

จริงๆมันคาดเดาไม่ได้หรอกนะ ว่าใครจะอยู่หอไหน ไมกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง แต่ส่วนใหญ่ พวกเราชาวมังกรดิน รู้ดีว่าหอของเราน่ะ ดีที่สุดแล้ว  -- อ้อ ไว้นายไปถึงที่โรงเรียน นายก็จะรู้เอง

ทาคุยะพยักหน้ารับ ดูเหมือนว่าจะมีพนักงานบริการคนหนึ่งเรียกตัวไม เขาจึงโบกมือลาทาคุยะ ก่อนที่จะไปช่วยกันยกหม้อซุปขนาดใหญ่ ทาคุยะก็เริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองหิว แต่เขาไม่ค่อยมีอารมณ์กินอาหาร ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างประหลาด เขาจึงตัดสินใจไปทานของหวาน เผื่อว่าจะได้แวะคุยกับแซกด้วยเลย

งั้นหรือคะ และเค้กวานิลลาที่นี่ อร่อยสู้ที่ร้านดราก้อนสมายของเซย์ริวได้หรือเปล่าคะ พอดีได้ยินว่าที่โรงเรียนนั้นมีร้านของหวานอร่อยลือชื่อ...

ดูท่าว่าหญิงสาวที่ชวนแซกคุย จะยังไม่เสร็จธุระ เธอม้วนผมดำยาวของเธอไปตลอดระหว่างคุย เหมือนแสดงอาการเคอะเขิน ใบหน้าของเธอชมพูระเรื่อ และทาคุยะก็สังเกตสีหน้ารำคาญของแซกได้ แต่แซกอยู่ในหน้าที่ จึงต้องทนคุย เขาสังเกตุได้ว่าแซกใช้หางตามองมาทางเขา เหมือนเป็นสัญญาณให้ช่วยที

เอ่อ ขอโทษนะครับ ทาคุยะทำตามคำขอ เขาเดินมาหาแซก ทำเอาผู้หญิงที่ชวนแซกคุยมองค้อน คือผมจะหาชีสเค้กน่ะครับ ไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหน

ทาคุยะเลือกเค้กที่อยู่ไกลจากที่นี่ที่สุด เพื่อที่เขาจะได้คุยกับแซกได้สะดวก แซกเองก็ได้โอกาสปลีกตัวออกมา จึงเดินพาทาคุยะไปยังที่วางชีสเค้ก

ขอบใจมากนะ แซกกล่าวด้วยน้ำเสียงโล่งใจ ฉันทนคุยกับยัยนั่นมาจะยี่สิบนาทีแล้ว

ฉันมีเรื่องจะถามนาย ทาคุยะเริ่มเข้าประเด็นทันที พวกเขาเดินไปด้วยกันเรื่อยๆ เดินจนเลยจนเลยชีสเค้กไปแล้ว ทำไมนายถึงช่วยฉัน และใครส่งนายมา และ --

ทีละข้อสิ แซกกล่าวพร้อมกับหยุดยืน นายจะถามอะไรฉัน ค่อยๆถามมาละกัน

ใครส่งนายมา ทาคุยะเอ่ยถามข้อที่เขาสงสัยที่สุด เขาแอบนึกในใจว่าเรื่องนี้จะมีแม่เขาเกี่ยวข้องด้วย

คุณหญิงโจแอนนา แม่ของคุณส่งผมมา แซกกล่าว เธอคือผู้มีพระคุณของฉัน นี่คือสาเหตุที่ฉันรับงานที่เสี่ยงกับการโดนราชวงศ์กุดหัวยังไงละ

แม่ฉันเป็นยังไงบ้าง ดูเหมือนว่าทาคุยะจะไม่สนว่ามาคุ้มกันเขาเรื่องอะไรแล้ว เขาอยากทราบข่าวของแม่ ท่านสบายดีมั้ย

จะไม่สบายได้ยังไงละ ทำงานอยู่ในรั้วในวัง แซกกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ ดูเหมือนว่าเขากำลังหงุดหงิด

นายเป็นไรไป ทาคุยะถามด้วยความสงสัย เขาสังเหตุว่าแซกดูเหมือนกำลังอึดอัด

ยัยนั่นตามฉันมา แซกกล่าวพลางกัดฟัน ทาคุยะหันไปมอง พบว่าผู้หญิงที่ชวนแซกคุยเรื่องเค้ก มายืนดูอยู่ห่างๆ

อ้อ เอ่อ งั้นฉันว่าค่อยถามนายทีหลังละกัน ทาคุยะสังเกตสีหน้าของผู้หญิงคนนั้น ดูท่าว่าเขาจะหึงแซก หึงแม้แต่กับผู้ชายด้วยกัน!

ฉันไปทำงานต่อดีกว่า แลกเบอร์กันไว้ ค่อยไปเจอที่โรงเรียน แซกเสนอพร้อมกับหยิบมือถืออกมา ฉันคิดว่าฉันมีเรื่องเล่าให้นายฟังพอสมควรละ

เอาสิ ทาคุยะกล่าว พร้อมกับหยิบมือถือของตนออกมา พวกเขากำลังจะแลกเบอร์กัน แต่ผู้หญิงที่ชวนแซกคุย มองด้วยสายตาขุ่นมัว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ทนรอพวกเขาคุยกันเสร็จ เธอก้าวเท้าเดินมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว เสียงส้นเท้ากระทบดังสนั่นตลอดทาง เธอจงใจทิ้งน้ำหนัก

ขอโทษนะคะ พวกคุณเป็นอะไรกัน เธอแสดงอาการหึงหวงอย่างออกนอกหน้า พลางมาคั่นกลางระหว่างแซกกับทาคุยะ เธอหันหน้ามามองทาคุยะด้วยสีหน้าชิงชัง

คู่เกย์! ทาคุยะตอบทันใจ ทำเอาผู้หญิงคนนั้นหน้าถอดสี ไม่เพียงแต่ฝ่ายหญิง แซกเองก็เหมือนกัน เขาทำหน้าเหวอทันที ดูเหมือนการล้อเล่นของทาคุยะ จะอยู่นอกเหนือจากที่เขาคิด

ผมล้อเล่น ทาคุยะพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน พลางมองไปยังหญิงสาว เพื่อเป็นการขออภัย ให้ผมได้เลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วนะครับ

หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดุดันหึงหวง มีทีท่าอ่อนลง ทาคุยะส่งยิ้มให้ พร้อมกับยื่นมือถือของเขาให้กับเธอ

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมคิดว่านี่คือโชคชะตาของเรา ให้เบอร์ผมหน่อยสิ  ผมจะโทรหาคุณคนแรกเลย ผมสัญญา

การเปลี่ยนบทสนทนาอย่างแนบเนียน (หรือเรียกว่าหน้าด้านไว้ก่อนกันแน่) ของทาคุยะทำเอาหญิงสาวเขินอาย เธอกำลังคิดอะไรสักอย่าง ระหว่างนี้ทาคุยะพยายามจ้องหน้าหญิงสาว ส่งยิ้มให้เรื่อยๆ พร้อมกับนำมือถือไปไว้ในมือของเธอ ด้วยความที่ทาคุยะจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว และมีมือถือของเขาในมือ เธอไม่อาจเดินหนีได้เลย

ทาคุยะสัมผัสจิตใจของหญิงสาวได้ว่าเธอเองก็เริ่มมีใจให้เขา เขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังแอบชมในหน้าตาลูกครึ่งของเขา ราวชั่วอึดใจ เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของเธอลง แล้วยื่นให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะเดินปลีกตัวไปที่อื่น

ทาคุยะยิ้มน้อยๆ พร้อมกับกดโทรออกทันที และรอฟังเสียง

สวัสดีครับ บาร์เกย์ดิลโด้แลนด์ยินดีต้อนรับ...หากคุณต้องการหนุ่มหล่อๆ --

ทาคุยะสะอึก เขารีบกดวางสาย พลางมองไปรอบๆ หญิงสาวที่ให้เบอร์หัวเราะคิกคัก พร้อมตะโกนมาให้เขาได้ยิน หวังว่าคงถูกใจนะคะ พ่อหนุ่มเกย์

ทาคุยะปลีกตัวเดินออกจากบริเวณนั้นทันที ไม่สำคัญว่าเธอได้เบอร์บาร์เกย์มาจากที่ไหน แต่ที่สำคัญคือ สิ่งที่เขาคิดว่าเขากำลังใช้พลังพิเศษอยู่ กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

สงสัยเราแอบเข้าข้างตัวเองอยู่ในใจ เลยไม่สามารถรับความจริงที่เชื่อมโยงได้สินะ ทาคุยะเริ่มรู้จุดอ่อนของพลังพิเศษเขาแล้ว หากสิ่งที่เขาคิดว่าใช่ แล้วพลังไม่อาจตรงกับใจเขา มันจะไม่แสดงผลออกมา ทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นความรู้สึกเข้าข้างตัวเองของเขามากกว่า

โคตรน่ายินดีเลยจริงๆ เขาบ่น ได้จุดอ่อนพลังพิเศษตัวเองเพิ่ม ให้มันได้อย่างนี้สิ

ไกลออกไปจากที่ทาคุยะอยู่ ไม ซานาดะ กำลังยืนมองเขาอยู่ห่างๆ พลางมองไปยังโรเบิร์ต วิคเตอร์ ที่กำลังจ้องทาคุยะด้วยแววตาชิงขังบนโต๊ะอาหาร เขาไม่ได้แตะกุ้งล็อปสเตอร์ตัวโต กับซุปหัวหอมที่เขาเอามาเลย

นั่นคือเจ้าหนูเพอร์เวอร์ซิตี้ และก็เด็กต่างชาติผู้มีพลังระดับห้าสินะ ไมพูดกับตัวเองช้าๆ เขามองเด็กทั้งสองด้วยท่าทีสุขุม โรงเรียนเราปีนี้คงมีเรื่องปวดหัวแน่เลย

จบบทที่2 ตอนที่1

มาขอแก้ไขอะไรเล้กน้อย สงสัยลงไว้จัด เลยเบลอ :pika11:

Link to comment
Share on other sites

ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาแฮะ ทาคุยะก็กล้าตอบเนอะ - -

Link to comment
Share on other sites

โอ๊ะ ได้ออกแล้ว แก้ข้อมูลทันก่อนออกพอดีเลยแฮะ XD

เริ่มสนุกกับการที่ได้เห็นทาคุยะในพฤติกรรมและอารมณ์หลายๆแบบ กะ...ก็ไม่ได้เกลียดเด็กแบบนี้หรอกนะ ! (ซึน)

ตอนนี้กลายเป็นไปหมั่นไส้นักเรียนหญิงคนนั้นแทน

นักเรียนของเซย์ริวทำงานกันบนเรือ ทุกคนมีพลังพิเศษ ใครตีกันขึ้นมาเรือมิแตกพอดีเหรอเนี่ย XD

เนื้อเรื่องยังสนุกเหมือนเดิม ส่วนการบรรยายก็ยังมีจุดที่แปลกๆเหมือนเดิมเช่นกัน แต่ที่ชัดสุดในตอนนี้คงเป็นเรื่องการเลือกคำเชื่อม กับพิมพ์ตก

แต่ขอบอกว่าเนื้อเรื่องสนุกมากจริงๆนะเออ อ่านมาทุกตอนพออ่านจบก็รู้สึกอยากอ่านต่อไวๆทุกตอนเลย รอติดตามต่อไปครับ :]

Link to comment
Share on other sites

บทที่2 สู่รั้วเซย์ริว ตอนที่2

โรเบิร์ต วิคเตอร์ เด็กหนุ่มลูกครึ่งแบบเดียวกับทาคุยะ ยังคงมองทาคุยะจนเขาหายลับไปกับสายตา เขาชำเลืองมองไมที่ยืนดูเขาอยู่ ไมเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจับได้ เขาทำเป็นโบกมือให้กับเพื่อนของเขาที่กำลังนำปลานึ่งมะนาวเสิร์ฟให้โต๊ะข้างโรเบิร์ต และเดินมาทำทีชวนคุยเรื่องทั่วไป

โรเบิร์ตรู้สึกวิตกกังวล เขาคิดว่าเขาเก็บตัวเงียบเชียบมาตลอด และทำไมเจ้าเด็กที่ชื่อทาคุยะนั่นถึงรู้ตัวจริงของเขา ภารกิจของเขาจะสำเร็จไหม เขาไม่สนชีวิตตัวเองหลังจบภารกิจหรอก หากแต่ว่าภารกิจล้มเหลว เขาจะสูญเสียอะไรที่มากกว่าชีวิตของเขาแน่นอน

มือของเขากำลังกุมมือถือขนาดเล็ก ที่ไร้ปุ่มใดๆนอกจากลำโพง   -- มันเงียบมาสองวันแล้ว เขาต้องฟังภารกิจจากลำโพงนี่ เพื่อนของเขาที่มีความสามารถไมน์ รีดเดอร์ระดับห้า ไม่ส่งข่าวผ่านลำโพงมาอีกเลย นับตั้งแต่แผนการครั้งล่าสุด ที่บอกว่าสิ่งที่เขาต้องทำลาย อยู่ที่เซย์ริว

นายเป็นอะไรหรือเปล่านะ โรเบิร์ตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียขวัญ เอาฉันมาทิ้งลอยคอคนเดียว และไม่ติดต่อมา เกิดพวกมันจับฉันได้ ฉันไม่ตายฟรีหรือไง

ปลานึ่งมะนาวมาแล้วครับ

เสียงพนักงานทำเอาเขาสะดุ้ง ราวกับถูกจับได้ว่าเป็นสายลับ ไม ซานาดะ นำปลานึ่งมะนาวมาเสิร์ฟให้เขาถึงที่

ผมไม่ได้สั่ง เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ เขาร็สึกระแวงตั้งแต่ที่มีคนรู้ว่าเขาเป็นสาย และผมยังกินซุปหัวหอมกับกุ้งลอปสเตอร์ไม่หมดด้วย

อ้อ ไมทำเสียงเหมือนว่ารู้อยู่แล้ว ขอโทษ คงผิดโต๊ะน่ะ เขาดูเลขที่โต๊ะของโรเบิร์ต (โต๊ะหมายเลข14) และปลานึ่งมะนาวที่เขาต้องนำไปส่ง (โต๊ะที่44)

ไมหยิบจานปลานึ่งมะนาวกลับคืน ก่อนจะไปยังโต๊ะที่ถูกต้อง โรเบิร์ตเอามือกุมหัวใจตัวเอง

ทำไมฉันต้องใจฝ่ออย่างนี้ด้วยฟะ เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ ถ้าเจ้าเดนนิสมันบอกฉันสักคำว่าต้องจัดการกับอะไร ฉันจะไม่ลังเลเลย

โหลๆ เฮนรี่ หนึ่ง สอง สาม เฮนรี่ๆ

เสียงซ่าๆเหมือนคลื่นวิทยุดังมาจากลำโพงที่โรเบิร์ตคอยฟัง ใจของพองโตทันที และโชคดีที่มันมาตอนคนส่งอาหารผิดโต๊ะไปเรียบร้อยแล้ว

ฉันฟังอยู่ โรเบิร์ตส่งสัญญาณตอบ เขามองซ้ายมองขวา ก่อนจะทำกระเป๋าเงินตก เพื่อลงไปเก็บกระเป๋าข้างใต้ ซึ่งที่จริงเขาหาที่ลับตาคน

ตรงนั้นปลอดภัยไหม เสียงในลำโพงเอ่ยถาม

ปลอดภัย โรเบิร์ตตอบกลับอย่างรีบร้อน

เกิดปัญหานิดหน่อย ฉันถึงไม่สามารถบอกข่าวกับนายได้ เป็นฝีมือของเจ้าเพอร์เวอร์ซิตี้ที่เราตามตัวกันอยู่

น่าแปลกจัง โรเบิร์ตเอ่ยถาม เป้าหมายเพอร์เวอร์ซิตี้ ยังไม่โดนเจ้าอะไรวะฆ่าตายอีกหรือ โรเบิร์ตกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ บนเรือเครื่องตรวจพลังพิเศษแบบเฉพาะเจาะจง ที่สายสืบในสถาบันวิจัยเขตที่เจ็ดของเราแอบสร้างขึ้นมา ก็ตรวจไม่พบคนที่มีพลังเพอร์เวอร์ซิตี้

พลังพิเศษของแต่ละคน จะทิ้งคลื่นสนามพลังเฉพาะ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ ดังนั้น หากมีคนที่สามารถจับรูปแบบคลื่นในเวลาที่เหมาะสมได้ ก็สามารถนำคลื่นนั้นมาทำการเข้ารหัสเลขฐาน และสร้างโปรแกรมขึ้นมาเพื่อต่อต้าน หรือตรวจสอบบุคคลผู้มีพลังพิเศษนั้นๆได้

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจของฉัน เดนนิสในลำโพงตอบกลับ กรณีเครื่องตรวจสอบพลังพิเศษแบบเฉพาะเจาะจง ที่สามารถตรวจสอบพลังของเจ้าเพอร์เวอร์ซิตี้นั่นไม่ทำงาน มีอย่างเดียว นั่นคือเครื่องเสีย...

เครื่องเสีย! โรเบิร์ตถามด้วยเสียงสงสัย ทางฉันไม่รู้จักหน้าตาหรือชื่อของมัน และถ้าเครื่องมือนี่เสียขึ้นมา ฉันคิดว่าแผนนี้มีโอกาสล้มเหลว  --

ฉันรู้จักชื่อของมันตอนเข้าไปตรวจจิตใจ เสียงในลำโพงตอบกลับอย่างรวดเร็ว มันชื่อว่าอิชิมารุ ทาคุยะ ฉันได้รูปมันมาจากสำนักพระราชวังของเรา เลยตรวจได้

โรเบิร์ตแทบทำเครื่องมือสื่อสารตก เมื่อได้ยินชื่อของเป้าหมาย มันอยู่ห้องข้างๆเขา เจ้าทาคุยะอยู่ห้องติดกับเขา ทำไมเขาไม่นึกเอะใจสงสัยเลยนะ ทั้งที่ความสามารถมันฟ้องขนาดนั้น ทำไมเขาถึงโง่แบบนี้

ถ้านายถึงโรงเรียนแล้ว ก็จะสามารถตรวจสอบได้เองละ ว่ามันเป็นใคร เสียงในลำโพงพูดทิ้งทาย ก่อนที่คลื่นเสียงรบกวนจะเล็ดลอดออกมาจากลำโพง และดับไป

โชคดีที่มันดับไปก่อน เขาไม่กล้าเอ่ยปากบอกเจ้าเดนนิสหรอก ว่าเขาพบมันแล้ว แต่ไม่ได้กำจัด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้ตัวตนของเขา และอาจรู้ด้วยว่าเขามาทำอะไร ในขณะที่เขากลับโง่คิดว่ามันหัวเราะนามสกุลปลอมของเขา น่าเจ็บใจจริงๆ!

เจ้าทาคุยะนั่นกำลังวางแผนอะไร โรเบิร์ตเริ่มวิตก สีหน้าเขาเคร่งเครียด ทำไมมันไม่ฆ่าฉันซะตั้งแต่ตอนพบหน้าครั้งแรก หรือว่ามันจะบอกอาจารย์ในโรงเรียน เพื่อให้จับตัวเราหลังจากขึ้นฝั่ง...ต้องเป็นแบบนั้นแน่เลย มันต้องการให้เรารับโทษเผาทั้งเป็นแน่ๆ แบบสายสืบของบลูแลนด์ที่โดนเมื่อสองปีก่อน...ต้องใช่แน่ๆ

โรเบิร์ตมัวแต่กังวลกับปัญหาของตัวเองมาก จนไม่ได้รับรู้เลย ว่าตอนเขาลุกขึ้นเดินออกไป มีคนมายืนมองเขา ห่างออกไปไม่เกินสองเมตร ไม ซานาดะนั่นเอง เขาเดินไปยังโต๊ะที่โรเบิร์ตเคยนั่ง มือสอดเข้าไปใต้โต๊ะ เขาแอบติดเครื่องดักฟังขนาดเล็กเอาไว้ที่ขาโต๊ะ เขาดึงมันออกมา พร้อมเก็บเครื่องดักฟังขนาดเล็กใส่กระเป๋า

เขาพูดอะไรกับเครื่องแปลงสัญญาณโทรจิต...น่าสงสัยจริงๆ

:pika04:

อีกครึ่งชั่วโมง เรือก็จะเทียบท่ากับเกาะเซย์ริว ทาคุยะกำลังนอนบนเตียงนุ่มสบาย เขาคิดว่าจำเป็นมั้ย ที่ต้องกำจัดโรเบิร์ตให้ได้ หลังจากลงเรือ ผู้อำนวยการไม่ได้มีคำสั่งให้เขากำจัดโรเบิร์ต แค่ให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะเจ้าพวกนี้มาในฐานะสายสืบของเวอร์มิเลี่ยน

ถ้าผู้อำนวยการโทรมาก็ดีน่ะสิ

ราวกับว่าเขาเดาอนาคตได้แม่นยำ โทรศัพท์มือถือเขาดังขั้น ทาคุยะสังเกตเบอร์ว่าเป็นของผู้อำนวยการเขตที่เจ็ด เขาจึงกดรับสายทันที

ทาคุยะ ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย ฝ่ายที่โทรมา ซึ่งก็คือผู้อำนวยการทักเขาก่อน โรเบิร์ตขึ้นเรือลำเดียวกับเธอ เขาใช้ชื่อว่าเฮนรี่ บูท เธอเจอเขารึยัง เขาพักห้องข้างๆเธอน่ะ ห้องสิบห้า

เจอแล้วครับ ทาคุยะคิดว่าควรจะเล่าเรื่องให้เร็วที่สุด และผมก็เผยตัวกับเขาไปแล้วด้วย ว่าผมเป็นใคร รวมทั้งรู้ว่าเขามาทำอะไร

เขากำลังเตรียมรับเสียงด่า เพราะเขาคิดว่าผู้อำนวยการต้องมองว่าเขาโง่ ที่ประกาศจุดยืนให้ศัตรูได้รับรู้ แต่เสียงของผู้อำนวยการจากในสาย กลับแสดงความเป็นห่วงแทน

ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงตอนไปที่โรงเรียน เขาก็ต้องรู้อยู่ดี และระวังไว้ เราไม่รู้ว่าที่เซย์ริวมีสายลับของเวอร์มิเลี่ยนอีกมั้ย

ไม่ต้องห่วงครับ ผมคิดว่าพลังพิเศษของผม จะช่วยเผยว่าให้เป็นมิตร หรือศัตรู ทาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

พลังของเธอไม่ได้เป็นแก้วสารพัดนึก ผู้อำนวยการย้ำเตือนเขา พลังที่กว้างขวางมาก เวลาผิดพลาด ก็ผิดพลาดมากด้วยเช่นกัน ระวังไว้ให้ดี โดยเฉพาะกับคนที่ยังใช้พลังของตัวเองไม่คล่อง และเธอเอง อาจจะไม่รู้จักพลังของตัวเองดีพอ

ทาคุยะเข้าใจว่าผู้อำนวยการเป็นห่วง เขารู้สึกซาบซึ้ง ถ้าอย่างนั้นโชคดีครับ ทางผมจะระวังตัวให้เต็มที่

อ้อ อย่าทำอะไรโรเบิร์ตละ ผู้อำนวยการย้ำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง สาเหตุที่เราปล่อยให้เขาเข้าจนถึงเซย์ริวได้ เพราะต้องการรวบยอดสายสืบจากเวอร์มิเลี่ยนให้ได้มากที่สุด เธอคงเข้าใจใช่มั้ย

ครับ ผมจะระวังไม่ทำอันตรายเขา ทาคุยะรับคำ

มันคงจะดีกว่า ถ้าปล่อยเขาไว้แล้วเรารู้ถึงสายสืบที่เหลือๆของเวอร์มิเลี่ยน ดีกว่าจับเขาได้ แล้วปล่อยให้พวกสายลับที่เหลือฆ่าตัดตอนเขา

ถ้าเป็นไปได้ ให้ผมช่วยอีกแรงมั้ยครับ ทาคุยะเสนอ เขาคิดว่าเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกของโรเบิร์ตได้ นั่นอาจช่วยได้อย่างมาก

ฉันไม่อยากให้เธอทำแผนเราพลาด ผู้อำนวยการพูดเชิงตำหนิ มันจะดีมาก ถ้าเธอระวังตัวเธอไม่ให้โดนเจ้าโรเบิร์ตฆ่าตายซะก่อน และพยายามอย่าช่วยเราอีก ขอบคุณ

ผู้อำนวยการตัดสายทิ้งทันที ทาคุยะรู้สึกโทษตัวเองที่ทำอะไรหุนหันพลันแล่นไปหน่อย หวังว่าการกระทำของเขา จะไม่ส่งผลเสียต่อแผนการที่ผู้อำนวยการวางไว้หรอกนะ

:pika01:

ภายในสถาบันวิจัยเขตที่เจ็ด ในห้องทำงานส่วนตัวของผู้อำนวยการ ชายสูงอายุในชุดกราวน์สีขาวกำลังตรวจเอกสารอยู่ มันคือข้อมูลของโรงเรียนเซย์ริว และระดับห้าของเวอร์มิเลี่ยน

เจ้าผู้อำนวยการเขตที่ห้า ทำไมไม่ติดต่อมาซะทีนะ ผู้อำนวยการเขตเจ็ดบ่นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์ของผ็อำนวยการที่เขาพึ่งเอ่ยถึงทันที

สวัสดีครับ เสียงในสายตอบรับ บอกรหัสสำคัญของคุณ ก่อนคุยกันด้วย

ฉัน ผู้อำนวยการเขตที่เจ็ด ผู้อำนวยการตอบกลับ รหัสคือเขตที่เจ็ด

จอคอมฝั่งด้านของผู้อำนวยการเขตที่ห้า กำลังขึ้นข้อมูลของผู้อำนวยการเขตที่เจ็ดออกมา ทุกอย่างถูกต้องหมด เขาจึงทำการสนทนาต่อ

ทางฉันได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากคนของฉัน ผู้อำนวยการเขตที่ห้าเริ่มต้นพูด ฉันจะส่งให้คุณทีหลัง ไปตรวจสอบว่าทางฝั่งของคุณปลอดภัยก่อน ฉันถึงจะส่งได้

ทำไมละ ผู้อำนวยการเขตเจ็ดเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย คุณจะบอกว่าทางเขตของผม มีสายสืบงั้นหรือ

ถูกต้อง ผู้อำนวยการเขตห้าในโทรศัพท์ตอบกลับมา และคงเป็นคนสำคัญของที่นี่ด้วย ระวังเจ้าหนูวิปลาสของคุณให้ดี เขาถูกเพ่งเล็ง แบบเฉพาะเจาะจง

ฉันจะตรวจสอบอย่างละเอียด ผู้อำนวยการกล่าว เขาเข้าใจคำว่าแบบเฉพาะเจาะจงที่ผู้อำนวยการเขตที่ห้าว่า ทางที่ดีที่สุด เราควรจบการคุยกันแค่นี้สินะ

แผนการนี้ ปล่อยให้คนของผมจัดการดีกว่า ผู้อำนวยการเขตห้าเอ่ยขึ้น แค่นี้ละนะครับ ผมขอตัว

เสียงวางสายโทรศัพท์ดังขึ้น ผู้อำนวยการเขตที่เจ็ด เริ่มลงมือค้นทั่วห้องของเขาทันที

:pika01:

เสียงประกาศดังขึ้นทั่วทั้งเรือ ว่าใกล้ถึงเกาะเซย์ริวแล้ว เด็กนักเรียนหลายคนดีใจ ที่จะถึงได้ซะที และอีกแค่ชั่วอึดใจ เรือก็จอดเทียบท่า

ทาคุยะเก็บกระเป๋า พร้อมกับเดินออกจากห้อง เขาออกมาพร้อมกับโรเบิร์ต ที่มีสีหน้าไม่สู้ดี ทั้งสองสบตากัน ทาคุยะยิ้มให้เล็กน้อย แต่เป็นยิ้มที่กวนประสาท เขายักคิ้วให้ด้วยสองสามที

โรเบิร์ตทำเป็นไม่เห็น เขาหันหลังกลับ ลากกระเป๋าเดินทางและไปจากทาคุยะให้ไกลที่สุด ทาคุยะส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามไป

ทาคุยะลองหยิกที่แขนตัวเองเบาๆ ปรากฏว่าเขารู้สึกเจ็บ เขายิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนที่จะทุบหัวตัวเอง ซึ่งปรากฏว่าคอของโรเบิร์ตทรุดลงราวกับมีใครมากดหัวเขา เขาหันมามองทาคุยะด้วยสีหน้าชิงชัง

ทาคุยะยิ้มรับกับสีหน้าที่อยากจะฆ่าคนของโรเบิร์ตตอบ ตอนนี้เขาสามารถควบคุมพลังของเขาได้แล้ว เขาคิดว่าหากฝ่ายนั้นเกิดบ้าบิ่นใช้ลำแสงยิงตัวเอง เขาคงจะไม่เป็นไร

เปิดเทอมครั้งนี้คงสนุก ว่ามั้ยเฮนรี่ ทาคุยะตะโกนใส่โรเบิร์ต เขาจงใจเรียกชื่อปลอมของเจ้าหมอนั่น

ใช่ เขาพูดกัดฟัน สนุกมาก อยู่ให้ถึงเทอมนะ ไอ้คนกวนประสาท

นายเองก็อย่าทำภารกิจล้มเหลวละกัน ทาคุยะตอบกลับอย่างอารมณ์ดี แต่เขาส่งแววตาเกลียดชังออกไปจ้องโรเบิร์ต

ทั้งสองจ้องหน้าแบบเอาเรื่องกันอยู่สักพัก ก่อนที่โรเบิร์ตจะเป็นฝ่ายหันหลังกลับ และเดินจากไปเอง

:pika03:

ในทีสุด นักเรียนทั้งหมดก็เดินออกจากเรือ มาขึ้นฝั่งของเกาะเซย์ริว ทุกคนล้วนแต่ประทับใจกับบรรยากาศของที่นี่  เกาะห่างไกลตัวเมือง ทำให้น้ำทะเลใสสะอาด บรรยากาศโดยรอบมองเห็นเกาะน้อยใหญ่ลิบลับ หาดทรายขาวสะอาดจนเด็กส่วนมากอยากจะกระโดดลงจากพื้นไม้ของท่าเรือลงไปเหยียบเล่นดู มีปูเสฉวนเดินไปมาจำนวนมากด้วย บนหาดทราย

เด็กปีหนึ่งฟัง

เสียงดังออกมาจากท่าเรือ ทำเอาทุกคนหันไปมอง คนที่ตะโกนเป็นเด็กปีหกรูปร่างสูงใหญ่ อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนเซย์ริวเรียบร้อยแล้ว เขากำลังจะประกาศข่าว

พวกเธอเห็นหน้าผาสูงใหญ่ข้างหน้ามั้ย ข้างบนสุดนั่นแหละ คือที่ตั้งโรงเรียนของเรา

ไกลจากหาดทรายประมาณสองร้อยเมตร หน้าผาสูงชั้นที่เงยคอขึ้นไปยังมองไม่เห็นยอดปราสาท คือที่ตั้งของโรงเรียน ทางขึ้นมันอยู่ตรงไหนกันนะ

ทาคุยะมองไปรอบๆหน้าผา ฝั่งซ้ายมือเป็นชายฝั่งแคบๆ ที่เต็มไปด้วยหินโสโครกซึ่งไกลจนสุดสายตา ทรายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ตะไคร่เกาะตามหินเต็มไปหมด และน้ำทะลซัดกระทบฝั่งตลอดเวลา

ส่วนทางด้านขวา เป็นป่ารกทึบจนมองข้างในไม่เห็น แต่เขาสังเกตว่ามีรอยเท้าเข้าออกป่านั้นทิ้งไว้มากมาย จากหาดทรายจนเข้าไปในตัวป่า นั่นคงเป็นทางเข้าละมั้ง

อย่างที่พวกเธอคิด เด็กปีหกคนนั้นกล่าว ทางขึ้นมีสองทาง เลือกเอาได้ตามใจชอบ จะมีคณะกรรมการหอพักคอยดูแลพวกเธอตลอดทาง

เด็กหลายคนทำเสียงโอดครวญ เมื่อรู้ว่าต้องเข้าป่า บางคนมองไปยังชายฝั่งที่เต็มไปด้วยหินโสโครก แล้วก็ส่ายหน้า ใครจะปีนป่ายข้ามหินที่ดูสกปรก

ฉันจะไปทางหินโสโครก

เสียงของโรเบิร์ตดังมาจากด้านหลังทาคุยะ เขาหันกลับไปมอง โรเบิร์ตทำสีหน้าท้าทาย

ฉันก็จะไปทางหินโสโครกเหมือนกัน ทาคุยะตอบกลับ มันท้าทายดี

ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับจะขย้ำอีกฝ่าย ก่อนที่โรเบิร์ตจะเดินตรงไปยังชายฝั่งซ้ายมือ ที่เต็มไปด้วยหินโสโครก ทาคุยะเองก็เดินตามไปติดๆ

จบบที่2 ตอนที่2

พอจบตอนนี้จะหยุดอัพสักพักหนึ่ง (พักหนึ่งจริงๆ :pika01:) ไม่งั้นคนที่อยากอ่าน จะอ่านไม่ทัน  :pika11:

Link to comment
Share on other sites

  เหอๆ ทาคุยนี่กวนประสาทไม่น้อยเลยนะ โดนห้ามว่าไม่ให้ยุ่งดันจะไปกวนตีนเค้าอีกอะ -*-

Link to comment
Share on other sites

อัพเร็ว(มาก)เลยคร้าบ ตามกันแทบไม่ทันเลยทีเดียวเชียว~!!!

จะให้เม้นทะลุแบบสามเทพก็คงะไม่ไหว ขอเม้นตอนล่าสุดเลยนะคร้าบ~!!!

----------------------------------------------------------

มาถึงก็ประกาศตัวเป็นศัตรูกันเลยเหรอเนี้ย ช่างกล้่าจริงๆเลยนะพระเอกของเรา แต่ก็เล่นทำเอาอีกฝ่ายใจเสียไปพอดูเลยเหมือนกัน เหอๆๆ

แล้ว....เจ้าทาคุยะ.....

อย่ามาคิดเกย์หริือวายกับตัวละครฉันนะ ไม่งั้นมีโดนดีแน่!!!!

ปล.ความสันพันธ์ระหว่างโรเบิร์ตกับทาคุยะจะเป็นยังไงต่อไป ชักน่าลุ้นแล้วสิ!!!!

ปล2.รู้สึกเหมือนกำลังดูคู่ แฮรี่(ทาคุยะ) กับ มัลฟอย(โรเบิร์ต) จากแฮรี่ พอตเตอร์เลยแฮะ....ทำไมน้า....

Link to comment
Share on other sites

ปล2.รู้สึกเหมือนกำลังดูคู่ แฮรี่(ทาคุยะ) กับ มัลฟอย(โรเบิร์ต) จากแฮรี่ พอตเตอร์เลยแฮะ....ทำไมน้า....

ไม่นึกว่าจะมีคนคิดเหมือนกันด้วยนะเนี่ย !

ตอนนี้อ่านลื่นแทบไม่ติดขัดเลยครับ

มีแค่จุดเล็กๆน้อยๆจริงๆซึ่งคิดว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

เนื้อเรื่อง เอ่อ ไม่ต้องชมแล้วมั้ง สนุกน่าติดตามทุกตอนจริงๆ ถ้าโพสหน้าไม่มีชมว่าเนื้อเรื่องสนุกเอาเป็นว่ารู้กันว่าชมทุกตอนนะ XD

รอดูสองหน่อปีนหินโสโครก ชอบลองของทั้งคู่จริง

ป.ล. ไมบันไซ !

Link to comment
Share on other sites

บทที่2 สู่รั้วเซย์ริว ตอนจบ

ทางนี้คนน้อยกว่าที่คิดนะ

เสียงของโรเบิร์ต เขากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนดันตัวเองขึ้นไปบนก้อนหินอันหนึ่ง ที่น้ำทะเลซัดไม่ถึง

บางทีคนน้อย อาจจะไปเร็วก็ได้ ทาคุยะกล่าวพร้อมกับปีนขึ้นมาสมทบ ภายนอกดูเหมือนว่าชายฝั่งตรงนี้ทั้งแคบและมีแต่หินสูงชัน ไม่มีทีท่าว่าจะปีนขึ้นไปถึงบนเขาได้เลย หากแต่สังเกตดีๆจะพบว่าก้อนหินที่ดูจะโสโครกและอัดกันแน่นเต็มหน้าผาไปหมด สามารถปีนป่ายได้จนถึงชั้นบน ถ้าไม่ร่วงลงมาตายซะก่อนนะ

มั่นใจหรือว่าจะปีนจริงๆ

เสียงของรุ่นพี่ปีหกกล่าวขึ้นด้านหลังพวกเขาทั้งสอง ทั้งทาคุยะและและโรเบิร์ตต่างร็สึกงง ที่เขาถามแบบนั้น

พวกปีหนึ่งที่ชอบความท้าทาย ผมชอบความกล้าของพวกเขานะ

อีกหนึ่งเสียงลอยตามมาจากด้านหลัง เสียงของนักเรียนเซย์ริวปีสอง บุรุษหนุ่มผมดำยาวแบบอิสตรี รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับผู้หญิง นัยน์ตาสีแดงมองมาที่พวกปีหนึ่งด้วยท่าทีสนใจ

และนี่คือรางวัลของพวกเขาละนะ พี่ปีหกพูดด้วยน้ำเสียงนึกสนุก ฉันจะไปใช้ลิฟท์ของคณะกรรมการ นายจะบอกเขาหรือไม่ก็ได้นะ สปอร์

และพี่ปีหกก็เดินกลับไป ทิ้งพวกเขาสองคนไว้กับรุ่นพี่ปีสอง สปอร์

อยากใช้ลิฟท์มั้ยละ นี่คือความลับที่ไม่บอกเด็กใหม่เลยนะ สปอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วชวนตื่นเต้น แต่ทาคุยะและโรเบิร์ตกลับทำสีหน้างง

สปอร์ไม่พูดไรต่อ เขาเดินนำพวกปีหนึ่งสองคนไปเรื่อยๆ ทาคุยะตัดสินใจตาม

พวกเขาเดินมาร่วมสิบนาทีได้ สปอร์ก็หยุด ใช้สายตาสีแดงเลือดของตัวเองมองที่ผนังถ้ำอย่างสนอกสนใจ และพินิจอยู่ ราวกับว่าหาปุ่มเปิดที่ซ่อนอะไรสักอย่าง

เจอแล้วละ สปอร์กล่าวพร้อมกับกดปุ่มตรงหิน ตอนฉันมาที่นี่ครั้งแรก ตัดสินใจนั่งพักเหนื่อยพิงกำแพง และทำอีท่าไหนไม่ทราบ นิ้วฉันไปโดน เลยรู้ว่ามันมีลิฟท์

สปอร์พูดไม่ผิด ตรงที่ที่ควรจะเป็นโขดหิน กลับกลายสภาพเป็นประตูเลื่อน และเผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ทาคุยะตัดสินใจตามสปอร์เข้าไปโดยไม่เอ่ยถาม โรเบิร์ตเองก็คิดเช่นนั้น

ก็ว่าอยู่ ชายฝั่งที่มีแต่หน้าผาและหินโสโครก จะให้นักเรียนปีน ก็คงลำบากไม่น้อย ทาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงโล่งอก เขานึกขอบคุณที่ความพยายามจะปีนหน้าผาของเขา หมดลงตอนเจอลิฟท์พอดี

มีคนปีนมาแล้วนะ รุ่นพี่ปีสองนามว่าสปอร์ตอบลากน้ำเสียง พลางใช้สายตาจองมาที่เด็กปีหนึ่งสองคนด้วยท่าที่พิสมัย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกยาว

ถอนใจอะไรหรือ โรเบิร์ตถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าเด็กปีหนึ่งที่ขึ้นลิฟท์นี ต้องโดนรับน้องหนักกว่าคนอื่นละ

ถึงใช่ พวกนายก็หันหลังกลับไม่ได้แล้ว สปอร์พูดโดยไม่คิดจะปลอบขวัญ ฉันเป็นชาวมังกรลม ดังนั้นผู้คุมหอมังกรลมคงตัดสินพวกนายเองละ

ตัดสินหรือ!! ทั้งทาคุยะและโรเบิร์ตประสานเสียง คนพามาคือนายและรุ่นพี่คนนั้นแท้ๆ

ฉันพูดเล่น สปอร์ยิ้มกวนๆ แต่ประเพณีรับน้องนั้น พวกนายทุกคนต้องโดนกันหมด

ได้ข่าวว่าต้องมีนี่ และพิศดารกว่าที่ควรจะเป็น ทาคุยะพูดอย่างรู้ดี ฉันอยากจะรู้แล้วสิ ว่าเป็นแบบไหน

เกิดเสียงกระแทกเล็กน้อย พร้อมกับลิฟท์ที่พวกเขาอยู่สั่นเบาๆ ดูเหมือนว่าจะถึงแล้ว ด้านหลังที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นผนังลิฟท์เปิดออก และทำเอาทาคุยะหงายหลังล้มไปทันทีเพราะเขาพิงผนัง โรเบิร์ตเอ่ยพูดเบาๆ (ซึ่งจงใจให้เขาได้ยิน) ว่า พวกโง่

ดูท่าว่าลิฟท์ที่มาส่งเขา จะมาส่งถึงแผนกพละศึกษาของโรงเรียน เพราะเขาเห็นสระว่ายน้ำที่มีรั้วกั้นได้เยื้องไปทางขวามือ และดูเหมือนจะมีอาคารชั้นเดียวที่ทำห้องเล็กๆติดกันเป็นทางยาว พวกเขาเดาว่าคงเป็นห้องอาบน้ำแน่นอน

พวกเขาสามคนเดินออกมาเรื่อยๆจนถึงอาคารฟิตเนส และอาคารสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ ก่อนที่จะข้ามรั้วลูกกรง เพื่อไปยังหอประชุม ที่ตั้งอยู่กลางโรงเรียน

ระหว่างทางไปหอประชุม ความคิดที่ทาคุยะเคยมองว่าโรงเรียนนี้กันดารหายไปทันที เพราะสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเขา มีแต่อาคารทรงทันสมัยมากมาย ที่บางตัวอาคาร ดูจะออกแบบมาให้เป็นมากกว่าอาคารเรียนซะอีก เนื่องด้วยความหรูหราและความสวยงามของมัน

มีเพียงหอประชุมกลางโรงเรียนเท่านั้น ที่ดูว่าจะออกแบบได้จืดชืดไปหน่อย อาคารที่ชั้นหนึ่งไม่มีอะไร นอกจากเวทีพื้นยกระดับ ซึ่งมีม่านปิดบังอยู่ ชั้นสองเป็นแค่แผงระเบียงทางเดินยาว ที่ยื่นออกมาให้มองลงมาเห็นลานกว้างชั้นหนึ่ง ดูท่าว่าหอประชุมแห่งนี้ จะเคยใช้เป็นสามกีฬาเอนกประสงค์มาก่อน สังเกตจากเทปกาวสีขาวที่แปะบอกสัญลักษณ์ไว้มากมาย

ไม่มีอะไรจะน่าแปลกใจได้เท่ากับที่พวกเขาทั้งสามคน มาถึงเป็นกลุ่มแรก เพราะในหอประชุมแห่งนี้ ไม่มีใครเลย

อย่างน้อยก็น่าจะมีอาจารย์ ทาคุยะสงสัย ไม่มีใครเลยแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนเรามาผิดที่ยังไงชอบกล

งานคราวนี้ดูท่าว่าอาจารย์จะปล่อยให้พวกกลุ่มเอลิททำกันเองละมั้ง สปอร์พูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันเงียบเชียบในห้องประชุม

กลุ่มเอลิท ทาคุยะทวนคำ คืออะไร

พูดให้เข้าใจหน่อย ก็น่าจะเป็นสี่จตุรเทพแห่งเซย์ริว ทำนองนี้ละ สปอร์ตอบไปแบบไม่ใส่ใจ สี่จตุรเทพ ซึ่งเป็นผู้คุมหอต่างๆ จะมาทำการทดสอบนักเรียนปีหนึ่ง ว่าพวกเขาสมควรได้อยู่หอไหน หรือว่าจะได้เป็นแค่พลเมืองชั้นสอง ในโรงเรียนแห่งนี้  -- พูดปุปก็มาทันที

ทาคุยะหันไปมองที่หน้าประตู นักเรียนสี่คน ที่ดูท่าว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่าปีห้าเดินมา ในบรรดาสี่คนนั้น เป็นผู้ชายสองคน และหญิงสอง น่าจะเป็นเครื่องหมายที่ดี ที่บ่งบอกว่าที่เซย์ริวนี่ ผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าผู้ชาย

คนแรกที่เดินมาเป็นผู้ชาย เขาอยู่ในเครื่องแบบเซย์ริวทุกอย่าง ผมสีดำถูกหวีเรียบเป็นระเบียบ เขาใส่แว่นตา เขาไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลย หากไม่ติดเข็มกลัดหัวมังกรสีน้ำตาล ก็คงไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้นำหอมังกรดิน

คนที่สองเป็นผู้ชายอีกเช่นกัน  ใบหน้าซูบผอมเหมือนคนติดยา ผมสีน้ำเงินพันกันยุ่งไม่เป็นระเบียบ ใต้ตาคลำ แว่วตาของเขาเหม่อลอย และแต่งกายไม่ถูกระเบียบ เสื้อออกมานอกกางเกง รองเท้าก็รองเท้าผ้าใบ ถ้าไม่ติดเข็มกลัดหัวมังกรสีน้ำเงิน  คงไม่รู้แน่ว่าเป็นผู้นำหอมังกรน้ำ

คนที่สามนี้เป็นผู้คุมหอมังกรลม ดูเหมือนว่าเธอจะอายุน้อยกว่าเด็กปีหนึ่งด้วยซ้ำ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างเตี้ย ไว้ผมสั้น ใส่แว่นตาหนาเตอะ ดูไม่มีอะไรโดดเด่นอีกเช่นกัน ถ้าไม่มีเข็มกลัดมังกรลมติดที่อกด้านซ้าย (ผู้หญิงไม่ต้องผูกไทด์)

สวัสดี ยัยเฟล สปอร์เอ่ยทักทายผู้คุมหอมังกรลมอย่างเป็นกันเอง

ชิไกมะ เนจิริย่ะ ผู้คุมหอมังกรลมกล่าวเสียงแหลม ถ้ากล้าเรียกยัยเฟลอีกจะโดนดี

สปอร์ทำหน้ามุ่ย ก่อนที่จะเบือนหน้าไปทางอื่น

คนสุดท้ายที่เดินเข้ามาไม่ได้เป็นที่จับจ้องแบบสามคนแรก แต่ถึงอย่างนั้นทาคุยะก็อยากรู้ว่าหน้าตาผู้คุมหอมังกรไฟ จะเป็นอย่างไร

ทันทีที่ทาคุยะเห็น หัวใจเขาแทบหยุดเต้น เมื่อเขาเคยพบเธอมาก่อน ผู้หญิงผมบลอนด์ทองยาว นัยน์ตาสีฟ้าที่อยู่บนใหน้าระดับนางงามจ้องเขาแบบเอาเรื่อง ผิวเธอขาวราวหิมะ เธอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนเลย หากแต่ใส่ชุดกระโปรงยาวเลยเข่าสีน้ำตาลอ่อน รองเท้าส้นสูง ทาคุยะรู้สึกเหมือนกระเพาะเขาตกลงเหว หัวใจเต้นถี่แรงขึ้น

คนๆเดียวกับที่เราขับรถชนรึเปล่า

ฉับพลัน ภาพในคืนที่เขาขับรถก็แวบขึ้นมาบนสมองทันที รถชนร่างเด็กผู้หญิง และผมสีบลอนด์ปลิวสยาย

ฉันเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผู้หญิงผมบลอนด์ในชุดกระโปรงถามเขาเสียงแข็ง สักอึดใจหนึ่ง ก่อนที่ทาคุยะจะบอกไปว่า ไม่เคย

คนโกหก เธอกล่าวกับเขาอย่างไม่เกรงใจ ทำเอาทาคุยะเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที เธอรู้ได้ยังไง ว่าเขาโกหก แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันมาก รุ่นพี่ที่เป็นผู้คุมหอน้ำก็พูดขึ้นมาก่อน

ไหนๆเราก็คัดเลือกเด็กเข้าหอแล้ว คัดเลือกประธานนักเรียนด้วยเลยดีมั้ย เสียงของเขาใหญ่และก้องกันวาล ผิดกับใบหน้าที่ซูบผอมราวกับคนติดยา เขามองมาที่ทุกคนอย่างหื่นกระหาย

ผู้คุมหอมังกรไฟยังไม่มา เราคงคัดเลือกไม่ได้หรอก หญิงสาวผมบลอนด์ในชุดกระโปรง ที่ทาคุยะเข้าใจว่าเธอเป็นผู้คุมหอมังกรไฟเอ่ยขึ้น

ฉันชักจะสงสัยแล้วสิ ว่าผู้นำหอมังกรไฟคนใหม่ กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นระดับห้า หรือว่าหอมังกรไฟไม่เคยมีผู้นำเลย ผู้นำหอมังกรน้ำกล่าวขึ้นมา ก่อนที่จะเดินมาใกล้ โค้งตัวต่ำลง แล้วเอาหน้ามาจ่อหญิงสาวผมบลอนด์ จนจมูกแทบจะชนกัน เขาพูดจนน้ำลายกระเด็นแตกฟองใส่หน้าหญิงสาว

หนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเราผู้คุมหอ ไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามิบุ ชินเรที่แกกล่าวถึง ผู้คุมหอน้ำตะโกนลั่น ยอมรับมาซะเถอะ ว่าตั้งแต่เจ้าอิชิโตะลาออกจากโรงเรียน หอมังกรไฟก็ไม่มีผู้นำอีกเลย

หากทาคุยะไม่ได้ตาฝาดไป น้ำลายที่แตกฟองนั้นไม่กระทบใส่หน้าหญิงสาวเลย มันตกลงสู่พื้นเฉยๆ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาคิดว่าผู้คุมหอน้ำดูมารยาทแย่ยังไงชอบกล

ทำไมต้องว่าเธอขนาดนั้นด้วยละ คราวนี้โรเบิร์ตเป็นฝ่ายพูดขึ้น ก่อนที่ทาคุยะจะทันได้พูด เสียงในห้องประชุมเงียบกริบ แต่มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอันตราย เพราะทาคุยะสังเกตสายตามุ่งร้ายมาทางโรเบิร์ตทันที ไม่เพียงแต่ผู้คุมหอมังกรน้ำ แต่เป็นผู้คุมหอทุกคนเลย

โดนจนชินแล้วละ หญิงสาวผมบลอนด์เอ่ยขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์ร้อนแรง ทำให้ท่าทีของทุกคนที่เตรียมมีเรื่องเปลี่ยนไป อีกไม่นานผู้คุมหอมังกรไฟก็จะออกมาแล้ว และเมื่อถึงคราวนั้น ตำแหน่งประธานนักเรียนจะถูกตัดสิน

ผู้คุมหอมังกรน้ำทำหน้ามุ่ย ปากบ่นสบถเบาๆพร้อมกำเหวี่ยงกำปั้นใส่อากาศ  ดูท่าว่าเขาจะจินตนการหน้าใครบางคนก่อนชกออกไป ส่วนสปอร์ดูเหมือนจะไม่ทุกร้อนกับเหตุการณ์ เขาแย่งสมุดเล่มหนึ่งมาจาก ยัยเฟล เธอวิ่งตามสปอร์ใหญ่

และความสามารถของสปอร์ก็พึ่งจะเปิดเผย เขาทำให้สมุดมันอันตรธานจากมือขวาไปอยู่บนหัว จากบนหัวไปอยู่ที่มือซ้าย จึงเป็นไม่ไม่ได้เลย ที่ผู้คุมหอลม เนจิริ จะแย่งของคืนจากสปอร์ได้ ท้ายที่สุดเธอก็สะดุดล้มลง ซึ่งสปอร์ล้อเลียนว่าเธอสะดุดอากาศล้มอีกแล้ว

เสียงพูดคุยจากภายนอกอาคารเริ่มดังขึ้น ดูเหมือนว่าเด็กกลุ่มใหญ่จะขึ้นมาถึงแล้ว ทุกคนดูสะอาดเรียบร้อย และไม่มีร่องรอยว่าขึ้นเขามาโดยทางป่าเลยแม้แต่น้อย

บันไดยาวชะมัด

เสียงหนึ่งดังเล็ดลอดมาจากกลุ่มเด็กที่มาใหม่ ทำให้ทาคุยะรู้แล้ว ว่าทางขึ้นตรงป่านั้นมีบันได และเขาเชื่อว่าอาจจะมีลิฟท์ซุกซ่อนสักแห่งในป่านั้น ซึ่งเด็กปีหนึ่งจะไม่มีวันรู้เลย หากไม่บังเอิญจริงๆ

ไม่เกินยี่สิบนาที หอประชุมก็เต็มไปด้วยเด็กนักเรียนปีหนึ่ง ทุกคนยืนเข้าแถวกันเป็นระเบียบ ส่วนผู้คุมหอพักทั้งสามยืนชิดกำแพง ทาคุยะหัวใจหล่นวูบอีกครั้ง เมื่อพบว่าเขาต้องยืนใกล้กับหญิงผมบลอนด์ในชุดกระโปรงอีกครั้ง คราวนี้เขาเริ่มแน่ใจแล้ว ว่าเขาคงแอบชอบเธอ เพราะอาการที่เขาเป็นอยู่ คงไม่ใช่ตื่นเต้นจากพิธีรับน้องแน่

เมื่อยืนกันใกล้ขนาดนี้ เขาพบว่าเธอนั้นตัวสูงเท่าเขาเลย ดูท่าว่าเธอจะเป็นคนตะวันตกเต็มขั้น แต่เขาไม่สนหรอก ว่าเธอมานี่ได้ยังไง เขาคิดว่าจะหาเรื่องชวนเธอคุย

นี่เธอ ทาคุยะตัดสินใจตามที่คิด ทำไมไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียนละ หรือว่าเธอได้รับสิทธิพิเศษ

ไม่อยากให้ชุดนักเรียนเปื้อนน่ะ เธอตอบทาคุยะสั้นๆ พิธีรับน้องคาดว่าหน่วยพยาบาลต้องทำงานหนักเลยละ

ทาคุยะเริ่มจินตนาการ พิธีรับน้องคงไม่ใช่ให้ตะลุมบอนกัน และคัดเลือกนักเรียนจากผู้รอดชีวิตในหอประชุมนี่หรอกนะ

อย่าคิดมากไป เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงกระซิบ พร้อมกับจ้องมายังนัยน์ตาทาคุยะ เขาไม่ได้คัดเลือกนักเรียนจากผู้รอดชีวิตหรอก

ทาคุยะเริ่มแปลกใจ ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขานั้น เธอมีความสามารถอ่านใจได้หรือเปล่า ถ้าอ่านได้ ทำไมพลังพิเศษเขาถึงไม่ทำงานนะ หรือเขาเป็นพวกที่คนอื่นดูออกง่าย ว่าคิดอะไร

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของทาคุยะสั่น เขาจึงนำมันออกมา และดูว่าใครเป็นคนโทร เป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาตัดสินใจรับไว้ก่อน

สวัสดีครับ พนักงานบาร์เกย์ดิลโด้แลนด์จะโทรมาสอบถามว่า...

ทาคุยะกดปิดมือถืออย่างไม่ลังเล เขารู้สึกตกใจ นี่เจ้าบาร์เกย์นั่นยังโทรมาหาเขาอีกหรือ เขาสบถเบาๆพร้อมกับกดปิดมือถือทันที

ขณะที่ทาคุยะกำลังปิดมือถือนั้น ผู้ชายแก่ๆที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการของที่นี่ ก็ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับนักเรียนบนเวที ซึ่งทาคุยะไม่ได้ฟังตั้งแต่แรกหรอก ว่ามีคนพล่ามอะไรบนเวที

มีคนแกล้งเธอน่ะ หญิงสาวผมบลอนด์ที่ยืนข้างทาคุยะเอ่ยขึ้น พร้อมกับชี้ไปข้างหลังทาคุยะ เขามองตาม เด็กผู้ชายใส่แว่นกำลังหัวเราะคิกคักกับหญิงสาวผมดำหุ่นดี ซึ่งเขาจำได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เขาขอเบอร์ไปบนเรือ และเธอแกล้งให้เบอร์ผิดมา

ทาคุยะส่ายหน้าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่พูดอะไร หลังโรงเรียนเปิดได้สองหรือสามวัน เขาอาจชวนเธอออกเดทก็ได้ เพราะเธอเองก็หน้าตาดีทีเดียว

พิธีกล่าวต้อนรับเด็กปีหนึ่งของเซย์ริวได้จบลง เสียงปรบมือดังสนั่น ทาคุยะตบตามพอเป็นพิธี ก่อนที่จะรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ขณะนี้ ขอเชิญฮิเดโยชิ คุซากะ ผู้รักษาการตำแหน่งประธานนักเรียนขึ้นมากล่าววิธีรับน้องเข้าหอนะครับ

เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อเสียงพิธีกรจบลง หัวหน้าหอมังกรน้ำที่มีใบหน้าซูบผอมก็ก้าวขึ้นเวทีอย่างเชิดหน้า ก่อนที่จะมองลงมาข้างล่างที่เต็มไปด้วยเด็กปีหนึ่ง เขาพยักหน้าทำสัญญาณ ก่อนที่อาจารย์และบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นักเรียนจะทยอยกันออกจากห้องประชุม

ไม่ต้องตกใจไป รักษาการประธานบนเวทีกล่าว เมื่อเห็นนักเรียนปีหนึ่งแปลกใจ แค่จะมีพิธีคัดเลือกว่าใครจะไปอยู่หอไหนบ้างก็เท่านั้น

นักเรียนทั้งหลายต่างแปลกใจ หอมีสี่หอ นักเรียนประมาณห้าร้อยกว่าคนได้ จะทำการคัดยังไงให้หมดภายในวันเดียว เพราะพวกเขารู้ว่าการคัดเข้าหอต่างๆนั้น แล้วแต่ความพอใจของผู้คุมหอคนนั้น

ใครคิดว่าอยากจะประลองกำลังเพื่อเลือกหอบ้าง คุซากะเสนอทางเลือกบนเวที มีนักเรียนไม่กี่คนที่ยกมือ ทาคุยะลองสังเกตดู พบว่าไม่มีมือของโรเบิร์ต

แต่เสียใจ เด็กปีหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ ผู้รักษาการตอบด้วยท่าทีผิดหวัง เพราะลึกๆเขาอยากให้ใช้วิธีนี้คัดเลือกมาก ทางเราจะให้แผนที่ว่าหอทั้งสี่อยู่ที่ไหนบ้าง พวกเธอทุกคนต้องทำยังไงก็ได้ ให้ผู้คุมหอและคณะกรรมการยอมรับ

มีเสียงโล่งอกจากเด็กหลายๆคน พวกเขาอาจจะรวมตัวกันไปเป็นหลักสิบหรือหลักร้อย และไปหารุ่นพี่ อาจจะโดนสั่งให้ออกำลังเล็กๆน้อยๆแบบที่โรงเรียนส่วนใหญ่ทำกัน แค่นี้ก็จบ

ประมาณสิบนาทีที่กระดาษแผนที่ถูกส่งให้นักเรียนจนครบ มันคือแผนที่ของโรงเรียนเซย์ริว ซึ่งพื้นที่ของโรงเรียนทั้งหมดตั้งอยู่บนหน้าผาขนาดใหญ่ หอทั้งสี่ตั้งแยกกันเป็นสี่ทิศ หอมังกรดินอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งอยู่ทิศทางเดียวกับท่าเรือ ทำให้ทาคุยะคิดว่ายอดปราสาทที่เห็นได้แต่ไกล นั่นอาจจะเป็นหอพักของมังกรดินก็ได้  และอาจจะได้เล่นกีฬาทุกวันเพราะมันอยู่ใกล้โรงกีฬาและฟิตเนส ที่ทาคุยะเดินผ่านมา

หอมังกรลมอยู่ทางทิศเหนือ ติดกับหอสมุดขนาดใหญ่ของโรงเรียน ซึ่งหอมังกรลมมักยึดหอสมุดกลางเป็นที่ประชุม หรือรวมกลุ่มติวสอบ ทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่าหอนี้มีแต่เด็กเรียน และก็อาจจะเป็นจริง เพราะคะแนนเฉลี่ยอันดับต้นๆของโรงเรียน มักมาจากหอนี้

หอมังกรไฟอยู่ทิศตะวันออก เด็กนักเรียนที่เดินขึ้นมาจากทางป่าจะเห็นหอนี้ตั้งอยู่ใกล้ทางลงเขา เป็นหอเพียงหอเดียวที่ไม่ติดทะเล แต่อยู่ใกล้กับตึกที่สอนเกี่ยวกับอุปกรณ์สารสนเทศและคอมพิวเตอร์

สุดท้าย หอมังกรน้ำ หอนี้แยกอยู่ต่างหาก และไม่ใกล้อาคารอะไรเลย เขาพิจารณาอยู่ที่หอน้ำ หอนี่เป็นหอที่น่าเลือกน้อยที่สุดแล้ว ถึงจะอยู่ใกล้ลานประลองขนาดใหญ่ของโรงเรียนก็ตามที แต่เขาคงไม่มีการประลองให้ชมทุกวันแน่

ทาคุยะมองไปที่หญิงสาวผมบลอนด์ที่ยืนข้างเขามาตลอด และเขาร็สึกหน้าร้อนผ่าว เพราะเธอไม่ได้เคลื่อนไหวหรือไปไหนแบบคนอื่นๆ ที่ปรึกษาเรื่องหอพัก แต่เธอจ้องมองดูเขาอยู่

เธอสนใจหอไหนหรืออิชิมารุ ผู้หญิงคนนั้นถามเสียงใส

ตรงนี้ทำเขาคิดหนัก หากเขาบอกว่าเขาอยากอยู่หอไฟ ซึ่งเป็นหอเดียวกับเธอ เธออาจเข้าใจว่าเขากำลังจะจีบเธอ ถึงมันจะเป็นความจริง แต่เขาคิดว่าไม่อยากให้มันง่ายนัก ที่จะให้เธอรู้ความรู้สึกเขาตอนนี้ เขาต้องหาข้ออ้างซะหน่อย

ผมคิดว่าผมอยากอยู่หอ...

เขายังคงลังเล แต่แล้วเหมือนความรู้สึกเขาช้าไปมากโข เขาพึ่งมานึกได้ว่าเธอเรียกเขาว่าอิชิมารุ เธอรู้จักเขาด้วย เขาสูดหายใจข้าลึกๆ ก่อนที่จะตอบเธอ ตอนนี้เขาคิดว่าจะช้าไม่ได้แล้ว

หอไฟ เขาพยายามเก็บเสียงสั่น ผมจะอยู่หอมังกรไฟ เขาเน้นชัดอีกครั้งหนึ่ง เธอยิ้มน้อยๆให้เขา

หน้าแดงใหญ่แล้วนะคะ คุณอิชิมารุ เธอกล่าวพร้อมกับหัวเราะ ก่อนที่จะเดินออกไป เป็นอันว่าจบกัน เจ้าหล่อนรู้ว่าเขาชอบเธอ และรู้ไวเกินไปแล้ว ทำให้เขาพลาดโอกาสไปหลายอย่าง ทั้งอยากถามว่าเธอรู้จักเขาได้ยังไง และโอกาสที่จะชวนคุยเพื่อทำความรู้จักอีก

เห นายสนพวกเวอร์มิเลี่ยนอย่างเราด้วยหรือ

น้ำเสียงสบประมาทดังมาจากข้างหลังเขา ทาคุยะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร เจ้าโรเบิร์ต เขารีบหันไปมองทันที โรเบิร์ตอยู่ในชุดนักเรียน แต่งตัวเรียบร้อย และที่เข็มกลัดหัวมังกรส่องแสงสีแดงบนไทด์ มันได้เข้าหอมังกรไฟตั้งแต่ตอนไหนกัน

นายเข้าหอมังกรไฟตั้งแต่ตอนไหนกันน่ะ ทาคุยะถามด้วยความสงสัย โรเบิร์ตยิ้มเยาะน้อยๆ ก่อนจะส่ายหน้าราวกับว่าเขาไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ

ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสบประมาท ถ้าระดับห้าคนแรกของที่บลูแลนด์มีน้ำยาแค่นี้ ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงละ

สิ้นเสียงของโรเบิร์ต ทาคุยะโดดเข้าใส่หมอนั่นทันที แต่เขาไม่ทันได้ทำอะไรโรเบิร์ตหรอก เพราะมันไวกว่า มันถีบเขากระเด็นออกมาก่อนที่หมัดเขาจะถึงหน้ามันด้วยซ้ำ

ทาคุยะพยายามจะเข้าไปหาเจ้าโรเบิร์ตต่อ แต่ตัวเขาขยับไม่ได้ เขาไม่สามารถเดินไปต่อได้เลยมากกว่า ราวกับถูกพลังที่มองไม่เห็นบังคับให้เขาขยับไม่ได้ ฝ่ายโรเบิร์ตยิ้มกริ่มน้อยๆ ก่อนจะรวมพลังไว้ที่มือขวา เขาคิดจะใช้ลำแสงยิงทะลุใส่ทาคุยะ

ทาคุยะเตรียมตั้งสติเพื่อเรียกพลัง เขาต้องสลับพลังของเจ้าโรเบิร์ตให้ได้ แต่หลังจากผ่านไปราวหนึ่งนาที ซึ่งสำหรับทาคุยะคิดว่านานเป็นปี ลำแสงสีแดงบนฝ่ามือของโรเบิร์ตก็ทำได้แค่ส่องประกาย ไม่ถูกยิงออกมา โรเบิร์ตเองก็ประหลาดใจไม่แพ้ทาคุยะ แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ทาคุยะไม่รู้ เขาสลายพลัง และวางมือลง

ถ้าไม่หยุดทั้งคู่จะโดนหนักกว่านี้  หญิงผมบลอนด์ในชุดกระโปรงกล่าวขึ้น เธอยกมือขวาขึ้นมาราวกับควบคุมอะไรบางอย่าง ซึ่งทาคุยะคิดว่ามันเป็นพลังพิเศษที่ทำให้เขาและโรเบิร์ตไม่สามารถต่อสู้กันได้ แต่มันเป็นพลังอะไรกันละ ที่หยุดได้แม้กระทั่งเพอร์เวอร์ซิตี้

น่าแปลกมากที่การทะเลาะกันของพวกเขา ไม่ได้ตกเป็นเป้าสนใจเลย ถึงจะดูอยู่บ้างแต่ก็ประปราย และเดินหายไปทันทีเมื่อเรื่องจบ

เสียงเก้าอี้ลม เสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นระยะๆ นอกเหนือจากคู่ของเขา มีคู่อื่นที่กำลังตีกันอยู่ ทาคุยะคิดว่าคงเป็นการทดสอบที่คณะกรรมการหอสั่งละมั้ง และด้วยเหตุนี้ การประลองของพวกเขาจึงไม่เป็นที่สะดุดตา

โจแอนนา เธอมาห้ามฉันทำไม โรเบิร์ตกล่าวด้วยน้ำเสียงกล่าวโทษ แต่เธอไม่ใส่ใจ หญิงผมบลอนด์ที่ชื่อโจแอนนามองมายังทาคุยะ

ฉันไปเอานี่มาให้เธอ เธอยื่นเข็มกลัดสีแดงออกมาให้ มันคือสัญลักษณ์ของหอมังกรไฟ ดูเหมือนว่าหอมังกรไฟจะรับคนง่ายกว่าหออื่น (ซึ่งหอมังกรลมสั่งให้เล่นเกมเก้าอี้มหาสนุก ใครโดนเก้าอี้อีกฝ่ายฟาดจนล้มก่อน คนนั้นถือว่าแพ้)

ทาคุยะไม่รู้สึกยินดีเลย ที่ผู้หญิงที่เขาชอบ กลับรู้จักกับเป้าหมายของเขา (หรืออันที่จริง ต้องบอกว่าเขาตกเป็นเหยื่ออยู่)

เป็นอะไรไป เธอถามทาคุยะเพราะเห็นเขาผิดสังเกต อันที่จริงเธอรู้อยู่แล้ว ว่าทาคุยะคิดอะไร

เธอรู้จักกับเจ้าโรเบิร์ตสินะ ทาคุยะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโกรธ

ไม่มีทีท่าตกใจจากเธอเลย ที่ทาคุยะรู้ความจริงเรื่องโรเบิร์ต เธอหยักหน้าน้อยๆ

เธอมาจากเวอร์มิเลี่ยนเหมือนกับเขา ทาคุยะถามอีกเพื่อความแน่ใจ เขาเริ่มเกลียดชังเธอเข้าแล้ว เธอได้แต่พยักหน้าตอบ

ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง ทาคุยะรู้สึกสึกว่าหัวใจของเขาที่ตอนแรกตื่นเต้นเมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ เริ่มช้าลง เขากลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว สภาวะของคนอกหัก

ผมขอตัวก่อน ทาคุยะก้าวเดินอาดๆไปให้พ้นจากโจแอนนา หญิงสาวที่มองเขาตามหลังด้วยท่าทีสงสาร

เธออาจห้ามฉันได้ แต่เธอห้ามชะตาของหมอนั่นไม่ได้หรอก โรเบิร์ตพูดจากด้านหลังของโจแอนนาให้เธอได้ยิน ทั้งแซก และเธอ ไม่อาจคุ้มกันเขาได้ตลอดไปหรอก เธอรู้ดี ชีวิตเขาเป็นได้แค่เหยื่อ เหยื่อของวิทยาศาสตร์ยังไงละ

โจแอนนาไม่ตอบอะไร เธอเก็บเข็มกลัดไว้กับตัว และออกเดินตามหาทาคุยะ

..........................

มีคนหลายองค์กรณ์ และหลายฝ่ายเหลือเกินครับ ที่ต้องการตัวทาคุยะ

เสียงของไมดังขึ้น เขาหลบออกมานอกหอประชุม เพื่อติดต่อผู้อำนวยการเขตที่ห้า ผู้อำนวยการที่เขาทำงานให้

มีกลุ่มไหนบ้างละ ที่ตามตัวเขา เสียงในโทรศัพท์เอ่ยถามไม

ผมไม่ทราบแน่ชัด รู้แต่เจ้าแซก เด็กปีสองในโรงเรียนผม แม่ของทาคุยะส่งเขามา เจ้าโรเบิร์ตเรารู้ดีว่าเจ้าหญิงอเล็กซานดริน่าแห่งเวอร์มิเลี่ยนส่งเขามา

และกลุ่มล่าสุดนี่คือใคร เสียงในโทรศัพท์ถามอย่างกระหายข้อมูล ราชนิกูลคนใดต้องการตัว หรือฆ่าเจ้าหนูเพอร์เวอร์ซิตี้ของประเทศเราอีก

ผมขอดูให้แน่ใจก่อนครับ ไมตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ตั้งแต่ผมเรียนที่นี่มาห้าปี พึ่งจะเห็นหน้าเด็กผู้หญิงปีสองที่ชื่อว่าโจแอนนาเป็นครั้งแรกนั่นแหละครับ ขอผมดูให้ดีก่อน

ไม่มีใครสงสัยเลยหรือ เสียงในโทรศัพท์ถาม

นี่ละครับ เรื่องแปลก ไมตอบกลับ เขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้เสียงในโทรศัพท์ นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครในโรงเรียนสงสัยเลย ว่าเธอเคยมาปรากฏตัวที่นี่เป็นครั้งแรก ผมคิดว่าน่าจะเป็นผลของพลังพิเศษเธอรึเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ ซ้ำพวกอาจารย์กลับบอกว่าเธอเรียนที่นี่ตามปกติ เธอใช้ชื่อว่าเอริกะ

เข้าใจแล้ว จะลองหาข้อมูลให้ เสียงในโทรศัพท์เอ่ยขึ้น ก่อนจะวางสาย ไมเดินกลับเข้าไปในห้องประชุมใหม่ แต่มีคนมาขวางเขาไว้

เด็กหนุ่มซึ่งไฮไลท์ผมสีเงินไว้กลางหัว แซกนั่นเอง เขาใช้สองนิ้วหยิบเครื่องมือสี่เหลี่ยมขนาดเล็กขึ้นมา ไมมองมันด้วยความสงสัย

นี่คือเครื่องมือที่จะเฉลยเรื่องราวทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แซกกล่าวด้วยความมั่นใจ พร้อมยื่นมือมาให้จับ เป็นสัญญาณว่าให้ร่วมมือกัน

ขอคิดดูก่อน ไมกล่าวก่อนที่จะเดินไปภายในอาคารประชุม ที่มีเด็กเล่นเกมเก้าอี้มหาสนุก และเกิมวิ่งแข่งสี่ขา และอื่นๆตามแต่คณะกรรมการจะสั่ง

เรื่องมันซับซ้อนเกินไปแล้ว  เขากล่าวกับตัวเองเบาๆ พลางเดินหายเข้าไปกับฝูงนักเรียน

จบบทที่2 ตอนจบ

Link to comment
Share on other sites

ไล่อ่านยังไม่หมดทุกตอนเล้ย =w= อ่านได้แค่บทแรก ไว้จะมาอ่านต่อนะครับ

:pika10: :pika10: :pika10: 

Link to comment
Share on other sites

มีการเอ่ยชื่อออกมาละ รอตัวจริงปรากฏกาย เหอๆ

Link to comment
Share on other sites

ผมละชอบชื่อบาร์เกย์ดิลโด้แลนด์จริงๆ :pika01:

ผู้คุมหอน้ำอุบาทว์มากเลยอ่ะ กล้าพูดน้ำลายแตกฟองแบบนี้กับผู้หญิงได้ไง น่าให้ทาคุยะอัดด้วยเพอร์เวอร์ซิตี้ให้เข็ด

ได้เวลาเข้าเรียนซะที เย้~ :pika10:

ได้เข้าสู่เนื้อเรื่องจริงๆก็คงคราวนี้ล่ะนะ ขอโทษทีที่ไม่ได้เม้นต์นานครับ T_T

Link to comment
Share on other sites

งวดนี้เป็นเพราะแต่งตอนตีสามรึเปล่าบรรยายเลยกลับมาดูรีบๆเบลอๆอีกแหล่ว

ทำไมเธอคนนั้นชื่อเดียวกับหม่อมแม่ของทาคุยะ? หรือหม่อมแม่มีความสามารถลดอายุ ! *ผัวะ!*

ผู้คุมหอนี่อยู่ปีไหนก็เป็นได้สิเนอะ เนจิริจังของโอมนี่อายุน่าจะปีสองเองก็เป็นผู้นำหอแล้ว

อยากรู้ระดับพลังของตัวตัวเองจังแฮะ XD

Link to comment
Share on other sites

เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไปแล้ว

ทำไมเด็กอ่อนหัดอย่างเจ้าทาคุยะถึงได้เป็นเป้าหมายคนระดับสูงๆหลายฝ่ายด้วยหว่า~!!

เห็นทีคราวนี้เรื่องยุ่งๆของแกจะไม่จบได้ง่ายๆ ให้คนแต่งหนักใจเล่นแล้วละทาคุยะ~

Link to comment
Share on other sites

ไล่อ่านยังไม่หมดทุกตอนเล้ย =w= อ่านได้แค่บทแรก ไว้จะมาอ่านต่อนะครับ

:pika10: :pika10: :pika10: 

คอยอยู่นะครับ  :pika12:

มีการเอ่ยชื่อออกมาละ รอตัวจริงปรากฏกาย เหอๆ

อีก2หรือ3ตอนก็ได้ออกแล้วครับ ถ้าพลอตที่วางไว้ไม่ปรับเปลี่ยนอะไร :pika01:

ผมละชอบชื่อบาร์เกย์ดิลโด้แลนด์จริงๆ :pika01:

ผู้คุมหอน้ำอุบาทว์มากเลยอ่ะ กล้าพูดน้ำลายแตกฟองแบบนี้กับผู้หญิงได้ไง น่าให้ทาคุยะอัดด้วยเพอร์เวอร์ซิตี้ให้เข็ด

ได้เวลาเข้าเรียนซะที เย้~ :pika10:

ได้เข้าสู่เนื้อเรื่องจริงๆก็คงคราวนี้ล่ะนะ ขอโทษทีที่ไม่ได้เม้นต์นานครับ T_T

ขอบคุณที่อุตส่าห์ติดตามครับ :pika01: ตัวบลูวินอีกสักพักนึงได้ออกแน่ครับ แต่ไม่มั่นใจว่าจะได้ออกในบทที่3มั้ย เท่าที่วางไว้ :pika08:

งวดนี้เป็นเพราะแต่งตอนตีสามรึเปล่าบรรยายเลยกลับมาดูรีบๆเบลอๆอีกแหล่ว

ทำไมเธอคนนั้นชื่อเดียวกับหม่อมแม่ของทาคุยะ? หรือหม่อมแม่มีความสามารถลดอายุ ! *ผัวะ!*

ผู้คุมหอนี่อยู่ปีไหนก็เป็นได้สิเนอะ เนจิริจังของโอมนี่อายุน่าจะปีสองเองก็เป็นผู้นำหอแล้ว

อยากรู้ระดับพลังของตัวตัวเองจังแฮะ XD

ขอตอบทีละข้อ

-จงใจให้ชื่อเดียวกับแม่ตัวเอกครับ

-ระบบผู้คุมหอของที่นี่ จะอธิบายในตอนหน้าครับ

-ลืมตรวจทานให้ดีก่อนลงครับ :pika12: ตอนหน้าจะบรรยายให้ดีกว่านี้ครับ

เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไปแล้ว

ทำไมเด็กอ่อนหัดอย่างเจ้าทาคุยะถึงได้เป็นเป้าหมายคนระดับสูงๆหลายฝ่ายด้วยหว่า~!!

เห็นทีคราวนี้เรื่องยุ่งๆของแกจะไม่จบได้ง่ายๆ ให้คนแต่งหนักใจเล่นแล้วละทาคุยะ~

-ไม่ล่มแน่นอนครับเรื่องนี้ :pika01: แม้ผมจะเล่นแร็คด้วยก็ตามที ตอนหลังๆปมเรื่องจะเฉลยครับ

Link to comment
Share on other sites

แหมเล่นแร็คด้วยเหรอครับ ผมก็คิดอยู่ว่าจะกลับไปเล่นดีมั้ยเหมือนกันนะ อยากรู้จังว่าตัวของผมจะได้ไปอยู่หอไหนกันน้า

Link to comment
Share on other sites

  • 3 weeks later...

บทที่3  ภารกิจ ตอนที่1

ในเวลานี้ทาคุยะรู้สึกผิดหวัง และเจ็บปวด ตามแบบฉบับลูกหมาช้ำรัก ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูมีความลับ และทำให้เขาถูกใจเลยก็ตามที แต่เรื่องที่เธอมาจากเวอร์มิเลี่ยน และยังรู้จักกับเจ้าโรเบิร์ตอีก มันเป็นเรื่องที่จะให้เขาทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ไม่ได้

เฮ้ ทาคุยะใช่ไหม

เสียงเรียกเขาจากด้านหลัง เขาหันหลังไปมองเจ้าของเสียงที่เดินตามเขามาเรื่อยๆ ที่แท้ก็เป็นฮิเดโยชิ คุซากะ ผ็รักษาการตำแหน่งประธานนักเรียนของที่นี่นั่นเอง

มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ ทาคุยะร็สึกสงสัยที่รุ่นพี่ที่ดูก้าวร้าว ไม่มีมารยาทคนนี้ ตามตัวเขา

ฉันมาพบนาย ก็เพื่อจะชวนนายมาอยู่หอน้ำยังไงกันละ คุซากะกล่าวเชิญชวนเขา ทำให้เขาแปลกใจ ดูเหมือนว่าตัวเขาจะมีชื่อเสียงในวงการพลังจิตพอสมควร โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย

รุ่นพี่คุซากะเองก็เดาสีหน้าแปลกใจของทาคุยะออก เขาจึงอธิบายต่อ ระดับห้าคนแรกของบลูแลนด์ พลังอยู่ในระดับที่สูงที่สุด เท่าที่เครื่องตรวจวัดพลังของบลูแลนด์เคยตรวจมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม นายก็มีแต่พลัง แต่ไม่รู้จักวิธีใช้มัน

ผมว่าผมพอรู้พลังของตัวเองน่ะครับ ทาคุยะกล่าวตอบกลับ ลึกๆเขาไม่ชอบหอน้ำตั้งแต่เห็นการกระทำของรุ่นพี่คนนี้แล้ว

คุซากะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เกิดมาเพื่ออธิบายอะไรยืดเยื้อ เขามีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่จะอธิบายต่อ

ตอนนี้คนที่รู้ว่า อิชิมารุ ทาคุยะ หน้าตาเป็นยังไง ต่างก็อยากจะรู้จักนายกันทั้งนั้น และนายจะรู้สึกยังไง ถ้าพวกเขารู้ว่าพลังระดับห้าของนาย ไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ หอน้ำของเราเป็นหอที่เน้นในด้านการต่อสู้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงมีสนามประลองอยู่ข้างหอยังไงละ ฉันสามารถที่จะฝึกนายให้ต่อสู้ได้นะ มาอยู่หอน้ำสิ

คำเชิญชวนที่ดูมีหลักการและเหตุผลนั้น ทำเอาทาคุยะคล้อยตาม แต่อย่างว่า คนเรามักจะประทับใจกับภาพพจน์ครั้งแรกของคนที่เราได้เห็น ซึ่งนิสัยของคุซากะที่ทาคุยะเห็นนั้น ก็บ่งบอกตัวตนของเขามากพอแล้ว ความคิดว่าเขาจะอยู่หอน้ำจึงไม่มีเลย เขาอยากอยู่หอไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่หอน้ำ

ทาคุยะเลือกที่จะอยู่หอไฟ

เสียงของโจแอนนาดังไล่หลังมาอีก เธอเดินตามหาทาคุยะจนเจอ สีหน้าเธอเรียบเฉย แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ทำมารยามทรามใส่เธอก็ตามที

ไปอยู่หอไฟน่ะหรือ คุซากะพูดด้วยสีหน้าดูถูก ระดับห้าของบลูแลนด์จะได้กลายเป็นไอ้กระจอกน่ะสิ

ดูถูกกันมากไปแล้วนะ โจแอนนาทำเสียงดุ เธอกำมือขวาแน่นเล็กน้อย ก่อนที่จะผ่อนคลาย

อยากมีมวยก็ตามใจ คุซากะกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี เขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาพร้อมสู้ การชกต่อยไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชาย ฉันซัดได้หมด ไม่ว่าเพศไหน

ผมไม่อยู่มันทั้งคู่นั่นแหละ ทั้งน้ำทั้งไฟ กัดกันอยู่ได้ น่ารำคาญ ทาคุยะพูดอย่างรำคาญ เขาสุดทนแล้ว ไหนจะรุ่นพี่มารยาททราม ไหนจะหญิงจากเวอร์มิเลี่ยนที่รู้จักกับโรเบิร์ต เขาคิดว่าไปให้พ้นๆสองหอนี่ดีกว่า

นายจะไปอยู่ไหนกัน ระดับห้าคนแรกของบลูแลนด์ คุซากะพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

ระดับห้าเหรอ ฮะๆ น่าขำ ทาคุยะพูดเยาะเย้ยตัวเอง ผมก็แค่ถูกใครก็ไม่รู้จับไปไว้บนหิ้งระดับห้า ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะอยู่รอดยันเรียนจบมั้ย ต้องดูๆกันไปละ อย่าคาดหวังอะไรกับผมเลย

คำพูดของเขาทำเอาสองคนตะลึง ทาคุยะอาศัยจังหวะนี้รีบปลีกตัวออกมา เขาต้องหาหอให้เร็วที่สุด เพื่อสองคนนั้นจะได้ไม่ต้องตามตื้ออีก เขามุ่งตรงกับไปยังหอประชุม

โจแอนนามีสีหน้าสะใจเล็กน้อย เมื่อเห็นคุซากะทำสีหน้าผิดหวัง เขาหันมามองเธอด้วยสายตาที่ราวกับจะกินเลือดกันเนื้อ

งานประลองเลื่อนระดับ ฉันจะฆ่าแก นังเอริกะ เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยความอาฆาต ก่อนจะเดินกลับไป โจแอนนาไม่พูดอะไรต่อ เธอสะบัดชุดกระโปรง ก่อนจะเดินกลับหอประชุมเหมือนกัน

:pika01:

มุมแดงแพ้แล้วนะครับ มุมน้ำเงิน อิชิมารุ ทาคุยะ เล่นเกมเก้าอี้ชนะไปด้วยคะแนนสิบต่อศูนย์ ได้อยู่หอมังกรลมนะครับ

เสียงคณะกรรมการซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นพี่ประกาศ ทาคุยะชูเก้าอี้ขึ้นต่างถ้วยรางวัล ก่อนที่ประธานหอมังกรลม ชิไกมะ เนจิริ ติดเข็มกลัดหัวมังกรสีเขียวลงบนไทด์ของเขา เสียงปรบมือของคนรอบข้างดังจนเขาลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ ตอนนี้ไม่มีผู้นำหอน้ำหรือหอไฟมารบกวนแล้ว

เราได้ระดับห้า!! เราได้ระดับห้า!!

เสียงของเนจิริตะโกนดังลั่น เธอดีใจกระโดดไปมา ทางฝ่ายทาคุยะฝืนยิ้มรับเล็กน้อย เขาหวังว่าหอมังกรลม คงไม่บังคับเด็กนักเรียนให้อ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางกันทุกวันหรอกนะ

เขาหันไปมองรอบๆกับทุกคนที่ปรบมือต้อนรับเขา สายตาของเขาเผลอสบกับโจแอนนา เธอมองเขาอยู่ห่างๆ และปรบมือให้เขาด้วย เขาเองหาเหตุผลที่จะหลบหน้าเธอไม่ได้ จึงยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนจะมองไปรอบๆ

:pika04:

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอันตรายกับทาคุยะนะ

ไมกล่าวกับแซก ทั้งคู่ยืนมองทาคุยะจากชั้นสอง ซึ่งทำเป็นระเบียงให้มองลงมาเห็นชั้นหนึ่งได้ทั่ว

แอบเสียดายนิดหน่อยนะ ที่เขาไม่ได้อยู่หอดินเหมือนพวกเรา ไมกล่าวพร้อมกับมองทาคุยะไปด้วย ดูเหมือนว่าทาคุยะจะค่อยอยู่ปรบมือต้อนรับคนที่เล่นเกมเก้าอี้หรรษาชนะ และได้เข้ามาอยู่หอลม ถึงแม้มันจะเป็นเกมที่พิสดารและเจ็บตัวบ้าง แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไรเลย

นายคิดว่าเพอร์เวอร์ซิตี้จะเหมาะกับมังกรลมหรือเปล่า แซกกล่าวถามไมขึ้นมา

ฉันคิดว่าเพอร์เวอร์ซิตี้เข้ากับอะไรก็ได้ ไมตอบคำถามสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องสำคัญ น้ำเสียงของไมดูเคร่งเครียดขึ้น มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เกี่ยวกับนางโจแอนนาคนนั้น ซึ่งในโรงเรียนนี้ เธอเป็นที่รู้จักในชื่อเอริกะ กล่องที่นายให้ฉันดู เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

นายคงเรียนรู้เกี่ยวกับคลื่นสนามพลังจิต ที่ผู้มีพลังพิเศษจะปล่อยออกมารอบๆตัวสินะ ผู้มีพลังจิตจะมีคลื่นที่ว่านี้กันทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น

ฉันรู้ ไม่โต้กลับ นี่เป็นสาเหตุให้เรานำคลื่นสนามพลังจิตที่ว่านี้ มาทำการเข้ารหัส เพื่อสร้างสนามพลังต่อต้านหรือรบกวนพลังพิเศษของคนๆนั้น และคลื่นสนามพลังของผู้ที่มีพลังพิเศษในตัวนั้น หากมีความสามารถพิเศษใกล้เคียงกัน หรืออยู่ในประเภทเดียวกัน การเข้ารหัสป้องกันที่ว่านี้ ก็อาจใช้กับคนที่มีสนามพลังคล้ายกันได้ด้วย

ถือว่าถูก แซกกล่าวพร้อมกับหยิบกล่องขึ้นมา เราเข้าใจประเด็นนี้กันแล้ว คราวนี้ฉันจะขอเข้าเรื่องเลยละกันนะ โจแอนนา หรือเอริกะ ฉันสงสัยว่าความสามารถพิเศษของเธอคือ ควบคุมสนามพลังของผู้มีพลังพิเศษได้ยังไงละ

บ้าน่า ไมตกใจจนสะดุ้ง ความสามารถบรมโกงขนาดนั้น จะรับมือยังไง หากเธอเป็นศัตรูของเรา

ถึงแม้ว่าเธอจะควบคุมสนามพลังของคนอื่นได้ แต่เธอเองก็ถือเป็นผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่ง แซกอธิบายต่อไป ดังนั้นหากรับรู้ค่าสนามพลังของเธอ และทำการเข้ารหัสป้องกันได้ เธอก็จะหมดความน่ากลัว

หากเธอเปลี่ยนค่ารหัสสนามพลังของตัวเอง ระบบการเข้ารหัสนั่นก็จะไร้ผลในทันทีไม่ใช่หรือไงกัน ไมแย้งทฤษฏีของแซก เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะป้องกันคนที่มีความสามารถพิสดารขนาดนั้น

ฉันบอกนายไปแล้วนี่ ว่าฉันแค่สงสัย ว่าความสามารถเธออาจจะเป็นแบบนั้น แซกกล่าวพลางทำท่าครุ่นคิด ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันว่าเลย ไม่งั้นระบบการเข้ารหัสนั่นคงจะล่มเพราะเธอคนนี้ละ

จริงด้วย ว่าแต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับกล่อง ไมเริ่มถามประเด็นหลักที่แซกเอาให้ดูแล้ว

กล่องที่ฉันให้นายดูนั้น แซกอธิบาย มันเป็นกล่องรบกวนสนามพลังจิตรุ่นทดลอง ซึ่งความสามารถของมันสามารถแทรกซึม หรือรบกวนความคิดของผู้มีพลังจิตได้ยังไงละ ว่าง่ายๆคือ เราจะให้เขามองเราเป็นอะไรก็ได้ ตามที่เราต้องการ แต่ควบคุมจิตใต้สำนึก หรือว่าการกระทำไม่ได้หรอกนะ

จะบอกว่าต่อให้เป็นคนแปลกหน้ามาที่โรงเรียน หากใช้กล่องนี้ เขาก็จะคิดว่าเราเป็นคนในโรงเรียนสินะ ไมเริ่มเข้าใจที่แซกพูด

คุณรู้ว่าผมเป็นสายสืบจากเวอร์มิเลี่ยน และทำไมผมถึงได้เรียนอยู่ที่นี่ละ ทั้งที่ผมพี่งมาไม่นาน แซกกล่าวพร้อมกับยิ้มเยาะ

ไมเริ่มสะดุด ทำไมเขาพึ่งมานึกได้ตอนแซกเฉลย และเขาก็พึ่งนึกขึ้นได้ ว่าแซกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน รวมทั้งเขายังบอกว่าแซกอยู่หอมังกรดินเหมือนกับเขาด้วย ตอนรับน้องหอมังกรดิน เขาก็ไม่เคยเจอแซกเลย

นี่นาย ใช้กล่องนั้นแทรกแทรงฉันหรือ ไมเริ่มเข้าใจแล้ว สีหน้าของเขาตอนนี้ราวกับว่าถูกต้มเอาเงินไปหลักสิบล้าน

กล่องนี่เจ้านายของผมให้มา เพื่อจะได้สะดวกเวลาคุ้มกันท่านทาคุยะ ลูกชายของนายหญิงโจแอนนาให้ปลอดภัย ซึ่งมันใช้ไม่ได้ผลกับผู้มีพลังจิตบางประเภท แต่นั่นเป็นปัญหาที่เล็กน้อยมาก ถ้าผมไม่ได้ทำตัวเป็นจุดสนใจ

และถ้านายทำให้เขาสะดุด หรือฉุกคิดอะไรได้ กล่องนี่ก็อาจจะลดประสิทธิภาพลงไป เพราะสนามพลังในตัวต่อต้านสินะ ไมเริ่มเข้าใจทฤษฏีของกล่องบกวนสนามพลังที่ว่านี้แล้ว

ถูกต้อง มันจะไปรบกวนเวลาเขาไม่ได้ต่อต้าน หรือรู้ตัว ดังนั้นการใช้กล่องนี้จึงยังมีความเสี่ยงอยู่ แซกเล่าทฤษฏีให้ไมฟัง และรู้อะไรมั้ย ว่าที่โรงเรียนนี้ใช้ได้ง่ายมาก เพราะเราอาศัยคลื่นสัญญาณจากสถานีวิทยุของโรงเรียน เป็นตัวช่วยปล่อยกระแสคลื่นยังไงละ

ดูเหมือนเวอร์มิเลี่ยนจะนำเราไปมากโขสินะ ไมกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

กล่องที่ว่านี้ต้องเป็นคนในจริงๆ จึงจะมีได้ เพราะมันยังอยู่ในขั้นทดลอง แซกกล่าวอธิบายอีกรอบ และมันจะมีสัญญาณเตือน หากมีเครื่องมือแบบนี้อีกเครื่องกำลังทำงานอยู่ใกล้เคียง ซึ่งฉันตรวจไม่พบ

และทำไมนายเลือกจะบอกฉัน ทั้งที่กล่องนี่เป็นความลับของเวอร์มิเลี่ยน ไมถามถึงเจตนาของแซก เพราะถ้าหากเป็นเขา เขาคงไม่อธิบายขนาดนี้แน่นอน

คงเพราะคุณเป็นคนที่มีพลังจิตประเภทที่ต่อต้านพลังพิเศษของโจแอนนาได้ละมั้ง ผมเลยบอกคุณ คุณเป็นคนเพียงไม่กี่คน ที่สงสัยโจแอนนา หรือเอริกะ ที่ทุกคนรู้จัก ผมเลยตัดสินใจบอกคุณ

งั้นหรอกหรือ ไมตอบกลับ มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ที่ต้องคุ้มกันระดับห้าของประเทศเรา

ผมยอมเปิดไพ่ในมือขนาดนี้แล้ว จะยอมร่วมมือกับผมหรือเปล่า แซกกล่าวข้อเสนอกับไม

แน่นอน ฉันจะไว้ใจนายละกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นวางใจหรอกนะ ไมกล่าวตอบรับ และยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ แซกจับมือตอบรับ ก่อนที่จะเดินออกไปชั้นสอง

:pika08:

ไมเดินมาชั้นล่าง ตอนนี้นักเรียนเริ่มเหลือน้อยแล้ว ทางเขาเองก็ต้องคอยไปต้อนรับนักเรียนปีหนึ่งที่เข้ามาหอดิน เขาคงจะเดินไปเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ติดว่าผู้รักษาการณ์ตำแหน่งผู้นำหอไฟมาดักพบเขาซะก่อน

เอริกะ หรือโจแอนนา ยืนรอเขาอยู่นานแล้ว จากสายตาของเธอ ทำให้ไมเดาได้ว่าเธอรับรู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันทั้งหมด

อย่าขวางฉันก็พอ เอริกะ หรือโจแอนนาพูดให้ไมได้ยินสั้นๆ

ฉันไม่รู้เจตนาของเธอ ไมกล่าวตอบรับ ดังนั้นอย่าได้ทำอะไรที่ฉันเห็นว่าไม่สมควรละ

ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่ไว้ใจอีกฝ่าย ไมไม่มีเวลามาก เขาเดินผ่านเอริกะไป เพื่อร่วมงานรับน้องของหอดินที่จะจัดในไม่ช้านี้

จบบท3 ตอนที่1

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.