Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

*บทสรุป ส่งท้าย* >ปิดตำนาน< fic วิบัติโลก หายนะแห่งดวงดาว


varinne

Recommended Posts

ลงจบแล้วน๊ะ บทสรุปส่งท้าย อยู่ที่หน้าสุดท้ายแล้วละ ไปอ่านกันนะ

^_^

fic วิบัติโลก หายนะแห่งดวงดาว ฟิคโปเกมอนที่ทุกคนจะต้องตะลึง!!

ตะลึงในการกลับเอามาลงใหม่อีกครั้งโดยไม่ได้รีเมก!! =_="

แต่ขอรับประกันว่าความสนุกยังเหมือนเดิม (เหมือนกระทู้ที่บอร์ดเก่า 555)

คราวนี้จะมาลงเรื่อยๆ เพื่อให้จบไปเลยล่ะคะ

ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิครับสมัครเช่นกัน ถึงแม้ว่าผู้อ่านบางท่านจะไม่ได้มีตัวละครอยู่ในเรื่องนี้ก็ตาม แต่ข้าน้อยอยากให้อ่านที่เนื้อเรื่อง มากกว่ามองหาตัวละครของตัวเองคะ

>O< เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ก็ไปตะลุยกับ ฟิคโปเกมอน!! ที่ไม่เหมือนใคร กันเถอะ

--------------------------------------------------------------------------

บทนำ

หากคุณมองขึ้นไปบนฟ้า คุณก็จะเห็นดวงดาวหลายล้านดวง ส่องประกายแสงสว่างให้กับจักรวาลอันกว้างใหญ่ และให้กับโลกดวงน้อยๆใบนี้ แต่เนืองจากว่าจักรวาลกว้างใหญ่เกินไป กว้างจนน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นนอกจากมนุษย์บนโลกนี้ เมื่อวิทยาศาสตร์กระโดดก้าวไกลยิ่งขึ้น เหล่าคนที่อยากรู้อยากเห็น จึงต้องการที่จะแสวงหามาโดยตลอด

ทั้งๆที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่กลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก แต่เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำ ก็สามารถกลืนกินความหวาดกลัวไปจนหมด

เมื่อวิทยาการเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ประเทศที่มีเงินเหลือเฟืออย่างสหรัฐอเมริกา นำร่องประเทศอื่นๆทั่วโลกโดยการออกยานอวกาศไปสำรวจทั่วจักรวาล แต่ด้วยพลังงานบนโลกที่มีอยู่จำกัดและมีคุณภาพต่ำ จึงทำให้ไม่สามารถสำรวจไปไกลกว่าระบบสุริยะของเราได้

แน่นอน... สิ่งที่เราค้นพบจากการสำรวจดวงจันทร์ ดาวอังคาร พุธ ศุกร์ จนไปถึงพลูโต ก็แค่เศษธุลีในจักรวาลเท่านั้นเอง... ยังมีอะไรหลายๆอย่าง ที่อยู่ไกลกว่านี้ ไกลเกินกว่าที่เราจะคาดถึง ที่นั้น อาจมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายๆกับเรา อาจมีหลายๆอย่าง อาจมีอะไรที่น่าตื่นเต้น... น่าสัมผัส ใช่... โลกคู่ขนาน!

และ...ไม่นานมานี้ ฉันได้ค้นพบวิทยาการบางอย่างอันล้ำค่า ใช่แล้วล่ะ... ฉันสามารถสร้างประตูเชื่อมมิติได้สำเร็จแล้ว แต่มันยังไม่ดีพอเท่าที่ควร โอกาสในการผิดพลาดมีสูงมาก ดังนั้น ฉันจึงต้องทำการวิจัยต่อไป เพื่อให้มันมีประสิทธิ์ภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น...

แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น จากการวิจัยมาหลายต่อหลายปี นี้เป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุดในบรรดาสิ่งอื่นๆที่ฉันได้ค้นพบ และมันเป็นสิ่งที่สามารถไขปริศนาของดวงดาวต่างๆได้... สิ่งนั้น คืออัญมณี

อัญมณีชิ้นนั้น จะกำเนิดขึ้นมาเมื่อดวงดาวดวงนั้นอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นอัญมณีเพียงชิ้นเดียวในโลก แหล่งพลังงานทั้งมวลที่หล่อเลี้ยงดวงดาวทั้งดวงได้เก็บอยู่ในอัญมณีชิ้นนั้น แน่นอน... โลกของเราก็มี

ฉันขอตั้งชื่อโลกของเราว่า ไกอา

บทที่ 1 อัญมณีของโลก

ในสถานที่ลึกลับที่สุด บนโลกไกอาที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน เพราะมันเป็นที่ที่ดวงดาวต้องเก็บซ่อนไว้ให้ดีที่สุด แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีมนุษย์ 2 คน สามารถรุกล้ำเข้าไปโดยที่ดวงดาวมิอาจต้านทานได้

เครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์นั้นให้มาใช้การได้ดีจริงๆเลยนะ เจมส์

ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขาแต่งชุดนักสำรวจเครื่องแบบอุปกรณ์ครบติดตัวจนดูรุ่มร่าม และส่องไฟฉายไปทั่วบริเวณ

#@$@#&%^! บ้าฉิบ อะไรจะสวยแวววาวขนาดนี้เนี่ย ตั้งแต่เกิดมาเป็นนักล่าเงินรางวัลจนถึงวันนี้ยังไม่เคยเห็น เราได้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกนี้เคยพบซะแล้ว ฮ่าๆๆ

ในถ้ำลึกลับ หลังจากที่นักสำรวจถ้ำหรือนักล่าเงินรางวัลทั้ง 2 เฝ้าบากบั่นไปกว่า 2 วันเต็มด้วยเครื่องมือทันสมัยที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า คือ อัญมณีสีรุ้งอันงดงามอยู่ภายในใจกลางของถ้ำ มันทอแสงประกายอาบไล้ไปทั่วบริเวณแห่งนั้น ราวกับทั้งโลกและอัญมณีต่างส่งพลังงานให้แก่กันและกันอยู่

ถ้าเราไม่ได้เครื่องมือของแม่นั่นมาล่ะ เราแย่แน่ๆ ที่นี่กว่าจะเข้ามาได้มันยื่งกว่าปริศนาของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเสียอีก แต่เราก็มาได้แล้วสินะ

นักสำรวจเจมส์ฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นอัญมณีที่อีกไม่นานจะแปรสภาพเป็นเม็ดเงินหลายร้อยล้านในกระเป๋า

แกคิดว่ามันจะราคาสักเท่าไหร่ แม๊กซ์!

เห็นแม่นั่นบอกว่า ใครที่ได้อัญมณีนี้ไป โลกจะตกอยู่แทบเท้าของคนคนนั้นทีเดียว มันมีพลังมหาศาลจนสามารถข้ามไปยังโลกคู่ขนานอื่นๆได้ภายในพริบตา

เจมส์เอ่ย

แต่พวกเราไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ก็แค่นิทานหลอกเด็ก สิ่งที่เราต้องการ ก็คือเงินต่างหาก

แม๊กซ์ดึงเครื่องมือชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า มันมีรูปร่างคล้ายขวานเจาะถ้ำ ประดับด้วยเพชรพลอยช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับขวาน

ได้เวลาลงมือแล้ว

ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปใกล้ สิ่งที่หวงแหนเฝ้าปกปักษ์รักษาเพื่อการวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลก ไม่มีใครจะรู้ถึงเรื่องนั้น และทันทีที่ขวานทะลวงลงไปยังใต้ฐานของอัญมณี แสงสีขาวโร่วไปทั่วถ้ำ และกลับคืนสีเก่า

หากแต่ว่า... อัญมณีที่เคยเป็นสีรุ้ง กลับกลายเป็นสีดำสนิท และถ้ำที่เคยส่องแสงวาวแวว ก็หม่นหมองไร้สีสัน

มัน... มันเกิดอะไรขึ้น

เจมส์ถาม เขาเริ่มมองไปรอบๆตัวอย่างรู้สึกกลัว

ฉะ... ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่า...

ยังไม่ทันที่แม๊กซ์จะได้พูดไปมากกว่านี้ เขาก็ได้เห็นแสงสีขาวสว่างรูปม้า กระโจนออกมาจากอัญมณี

และอีก 4-5 ตัว ก็กระโดดออกมาจากใจกลางของถ้ำ ม้า 2 ตัววิ่งผ่านนักสำรวจทั้ง 2 ไป

หะ... หายใจไม่ออก... เจมส์ใช้มือกุมคอตัวเอง

และต่อจากนั้น.. ก็กลายมาเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนอันแสนทรมานของชายทั้งสอง ดังก้องไปทั่วถ้ำที่ไม่เคยมีใครรู้จัก...

อัญมณีที่จะมีอยู่เพียงชิ้นเดียว... ในดวงดาวที่มีสภาวะการเจริญเติบโตขั้นสูงสุด เป็นแหล่งรวมพลังอันมหาศาลทั้งหมดของดวงดาวดวงนั้น

เงาของเด็กสาวคนหนึ่ง ทาบอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ เผยให้เห็นข้อมูลต่างๆที่เธอกำลังดู ภาพนั้น คืออัญมณีที่กลายเป็นสีดำแล้ว

อัญมณีกำลังส่งคลื่นแปลกๆออกมา...

เธอพึมพำ แล้ววางมือบนแป้นคีย์บอร์ด พลางกดตัวอักษรรัวอยู่ครู่หนึ่ง

ไม่น่าเชื่อ... มันคือ!!!

เธอเงยหน้าขึ้น และมองหน้าจอขนาดยักษ์

เกิดปฎิกิริยาต่อต้าน... พลังของอัญมณีจึงหายไปจนหมด..

แล้วเธอก็อ้าปากค้าง

เพราะนักล่าเงินรางวัล 2 คนนั้น เข้าไปใกล้จนทำให้เกิดปฎิกิริยาต่อต้านขนาดรุนแรง อัญมณีนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งที่สุด

เธอยืนนิ่งสงบสติอารมณ์ชั่วครู่หนึ่ง อะไรบางอย่างที่ร้ายแรงกำลังเริ่มต้นขึ้นต่อจากนี้ ตอนนี้... และวินาทีนี้... เธอรู้ว่าหายนะกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆ... จนในที่สุด ก็จะปกคลุมโลกทั้งใบ แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าอะไรคือหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น... จากการที่โลกไร้พลังในการดำรงชีวิต...

 คอมพิวเตอร์ ติดตั้งระบบคุ้มกันภัยขั้นร้ายแรง! เดี๊ยวนี้! เด็กสาวหันหน้าไปสั่งอินฟราเรตสีแดง ก่อนเดินออกจากห้องไป

โลก.... กำลังจะตาย

จบบทที่ 1

--------------------------------------------------

*แก้ที่ りりん  แนะนำ แล้วน๊า XD*

อ่านอีกรอบก็ไม่เลวนะ ทางผู้แต่งเองก็จะอ่านซ้ำเหมือนกัน ฟิคของปี 2008 ช่างน่าคิดถึงอะไรเช่นนี้ T^T

ปล. ขอโทษทุกคนที่บอร์ดเก่าจริงๆ ที่ลงไม่จบ =/=.. ต่อไปเราจะเต้มที่กะฟิคที่แต่งคะ

ปล2. เม้นคนละนิด จิตแจ่มใส ใครเคยอ่านแล้วก็กลับมาเม้นให้กำลังใจหน่อยน๊า XD

อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าของฟิคไม่เหงาอะจ้า

Link to comment
Share on other sites

มาเจิมๆ =w=

“เครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์นั้นให้มาใช้การได้ดีจริงๆเลยนะ เจมส์” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขาแต่งชุดนักสำรวจเครื่องแบบอุปกรณ์ครบติดตัวจนดูรุ่มร่าม และส่องไฟฉายไปทั่วบริเวณ “#@$@#&%^! บ้าฉิบ อะไรจะสวยแวววาวขนาดนี้เนี่ย ตั้งแต่เกิดมาเป็นนักล่าเงินรางวัลจนถึงวันนี้ยังไม่เคยเห็น เราได้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกนี้เคยพบซะแล้ว 555+

ตรงที่เป็น"555+"แทนว่า"ฮ่าๆๆ"จะดีกว่านะคะ เห็นแล้วมันขัดๆยังไงไม่รู้น่ะค่ะ =_=

ตรงสีแดงลืมเว้นบรรทัดหรือเปล่าคะ :pika01:

และก็บางบรรทัดเห็นบรรทัดมันติดกันน่ะค่ะ เวลาอ่านจะอ่านไม่ค่อยสะดวกเท่่าไหร่นะคะ

เช่น...

“ถ้าเราไม่ได้เครื่องมือของแม่นั้นมาล่ะ เราแย่แน่ๆ ที่นี่กว่าจะเข้ามาได้มันยื่งกว่าปริศนาของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเสียอีก แต่เราก็มาได้แล้วสินะ” นักสำรวจเจมส์ฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นอัญมณีที่อีกไม่นานจะแปรสภาพเป็นเม็ดเงินหลายร้อยล้านในกระเป๋า “แกคิดว่ามันจะราคาสักเท่าไหร่ แม๊กซ์!”

ตรงนี้ก็เหมือนกันค่ะ ส่วนตรงที่เป็นสีแดงควรจะแทนว่า"นั่น"ดีกว่าคำว่า"นั้น"นะคะ :pika01:

มีเรื่องเว้นบรรทัดอยู่เรื่องเดียว เนื้อเรื่องกับการบรรยายน่าสนใจดีแล้วล่ะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ อิอิ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

คะน้าาาาาาาาาา =[]=

คิดถึงคะน้าอ่าาาาาาาา

เดี๋ยวค่อยมาอ่านฟิคนะ ตอนนี้ต้องไปเรียนก่อน เหอๆ กลับมาแล้วจะเม้นให้

Link to comment
Share on other sites

มาเจิมๆ =w=

ตรงที่เป็น"555+"แทนว่า"ฮ่าๆๆ"จะดีกว่านะคะ เห็นแล้วมันขัดๆยังไงไม่รู้น่ะค่ะ =_=

ตรงสีแดงลืมเว้นบรรทัดหรือเปล่าคะ :pika01:

และก็บางบรรทัดเห็นบรรทัดมันติดกันน่ะค่ะ เวลาอ่านจะอ่านไม่ค่อยสะดวกเท่่าไหร่นะคะ

เช่น...

ตรงนี้ก็เหมือนกันค่ะ ส่วนตรงที่เป็นสีแดงควรจะแทนว่า"นั่น"ดีกว่าคำว่า"นั้น"นะคะ :pika01:

มีเรื่องเว้นบรรทัดอยู่เรื่องเดียว เนื้อเรื่องกับการบรรยายน่าสนใจดีแล้วล่ะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ อิอิ :pika01:

XD ขอบคุณมากคะ แล้วจะนำไปแก้ใน Word ที่เก็บเนื้อเรื่องนะคะ

ตามมาอ่านครับ ลงให้จบนา :pika01:

ให้กำลังใจเราไปด้วยน๊า XD

คะน้าาาาาาาาาา =[]=

คิดถึงคะน้าอ่าาาาาาาา

เดี๋ยวค่อยมาอ่านฟิคนะ ตอนนี้ต้องไปเรียนก่อน เหอๆ กลับมาแล้วจะเม้นให้

คิดถุงเหมือนกั้ลลลลล T^T ขอบใจที่จะอ่านอีกรอบ XD

Link to comment
Share on other sites

เอ เดี๋ยวนะ จำไม่ได้แล้วว่านี่คะน้าเอาของเก่ามาลงล้วนๆเลยรึเปล่า

ถ้าใช่ ก็ขอแนะนำว่าให้ทำตัวหนาตรงส่วนที่เป็นซาวด์เอฟเฟค และชื่อเรื่องบ้างก็ได้ สายตาคนอ่านจะได้แยกออกน่ะนะ

จะเอาใจช่วยให้จบนะ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ฟิคนี้ TT TT

ลงให้จบน่อ จะรออ่าน~

ขอบใจจ้า XD

เอ เดี๋ยวนะ จำไม่ได้แล้วว่านี่คะน้าเอาของเก่ามาลงล้วนๆเลยรึเปล่า

ถ้าใช่ ก็ขอแนะนำว่าให้ทำตัวหนาตรงส่วนที่เป็นซาวด์เอฟเฟค และชื่อเรื่องบ้างก็ได้ สายตาคนอ่านจะได้แยกออกน่ะนะ

จะเอาใจช่วยให้จบนะ :pika01:

งุมๆ ตกลง =_= ขอโทษที่เอามาลงซ้ำอีกรอบนะ... ทวนความจำไปด้วย

Link to comment
Share on other sites

มาแล้วมาแล้ว~!! โอ้แสนคิดถึงเหลือเกิน เจ้าเด็กน้อยอัจฉริยะผู้ก่อเรื่องทั้งหมดและ....คงจะเป็นตัวร้ายสุดๆของเรื่อง(ละมั้งนะ) มาแล้ว~!!

นี้ต้องรอถึงปีเชียวรึถึงจะจบ!!! ขอต่อขาดตัวอาทิตย์ละ 2 ตอนไม่ไเหยอ TT[]TT

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านล่ะน้า

1 ปี อืม...จะว่าแป๊บเดียวก็แป๊บเดียว จะว่านานก็นาน (ไรของเจ๊เนี่ย - -)

ขออาทิตย์ละสองตอนตามวาว่าด้วยสิ ปิ้งๆๆ (ส่งสายตาอ้อนวอน ปิ้งๆๆๆ)

Link to comment
Share on other sites

48 ตอน 1 ปี ก็เท่ากับว่า ลงเดือนละ 2 ตอนน่ะสิ -*- ถือว่าเรามึนๆ คิดเลขผิดละกันนะ XD

แหะๆ ช่วงนี้ มัวแต่ลงความคิดไปที่ ฟิคสีรุ้ง อะ กำลังทำเนื้อเรื่องใหม่ (แต่เนื้อเรื่องหลักเหมือนเดิม)

ก็ขอบคุณทุกคนนะที่มาให้กำลังใจสม่ำเสมอ XD

อาทิตย์ละสองตอนก็ดีอ่า เอาเป็นว่าแล้วแต่ละกันเนอะ

ช้าอยู่ไย อ่านตอนต่อไปต่อเถอะ XD

ตอนที่ 2 ชีวิตธรรมดาที่สุขสันต์

ที่ประเทศญี่ปุ่น

ปรี๊ดดดดดดดด!!!!

เสียงนกหวีดดังก้องไปทั่วสนามกรีฑา  ตามด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ชะลอความเร็วพร้อมกับเสียงเหนื่อยหอบ

นักเรียนทุกคน วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน

ครูพละหนุ่มนามว่า ฮารุ โนนาเมะ เอ่ยขึ้นพลางยิ้มอย่างร่าเริง จากนั้นก็ตามด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้มหลายต่อหลายคู่จากนักเรียนหญิง

อาจารย์คะ อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นสุดภาคเรียนนี้แล้ว... หนะ... หนู ขอลายเซ็นต์อาจารย์นะคะ!!!

ซากุระอิ พิงค์ สาวน้อยในชั้นเรียนเมื่อกี้ส่งกระดาษพร้อมปากกาพลางหน้าแดงแปร๊ด

ได้เลยครับ

อาจารย์ฮารุตอบพลางยิ้มกระหยิ่มใจ ขณะที่รับกระดาษและปากกามา

อาจารย์คะ หนูขอถามเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ได้ไหมคะ!

ซากุระอิพูดต่อราวกับเธอจะไม่หยุดหายใจเลย

ได้เลยครับ ถ้าหากว่าอาจารย์ตอบได้นะ

ซากุระอิล้วงกระเป๋า หยิบสมุดจดขึ้นมาพร้อมกับจ่อปากกา จ้องหน้าฮารุอย่างตั้งใจ

หนูได้ยินว่า อาจารย์เคยสอนวิชาเพศศึกษามา ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นอาจารย์สอนพละได้ล่ะคะ

ฮารุยิ้ม

สอนในห้องเรียนมาตั้งหลายปี เปลี่ยนมาเป็น มาออกกำลังกายกันเถอะ! ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เมื่อได้ยินคำตอบ เด็กสาวก็แทบร้องกรี๊ดด้วยความตื้นตันใจ

ว๊าวววว!! อาจารย์เฟอร์เฟ๊ตที่สุดในโลกเลย!!

ฮารุจึงได้แต่หัวเราะหึหึในใจ

โธ่... เด็กน้อยเอ๋ย.. เจ้าช่างไร้เดียงสายิ่งนัก เจ้าไม่รู้รึไงว่า วิชาเรียนที่อาจารย์ผู้ชายทุกคนอยากจะสอนสาวน้อยมากที่สุดก็คือวิชาเกี่ยวกับการวิ่งนี่แหละ ฮะฮะฮะ โดยเฉพาะสาวอกโต... อ๊างงงงง...

เชอะ!

เสียงบางอย่างขัดอารมณ์สุนทรีย์ของอาจารย์หนุ่มโดยสิ้นเชิง ฮารุกับซากุระอิจึงหันมามองที่ต้นเสียง

ไม่ไกลจากตรงนี้นัก ริวโนะ อาราชิยามะ นักเรียนชายที่ดูยังไงก็เป็นนักเลงหัวไม้ ยืนเดอะวอลเลย์บอลบนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์

เนื่องจากโรงเรียนหญิงชื่อดัง แปรเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนสหได้ไม่กี่ปี จึงมีผู้ชายเข้ามาเรียนน้อยมาก ริวโนะจึงเป็นหนึ่งในนั้น

เด็กคนนั้นไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลยนะ ทั้งๆที่เล่นกีฬาก็ดี เผลอๆอาจสามารถเป็นทีมฟุตบอลในโรงเรียนได้เลย

ฮารุพึมพำเลาๆอย่างเสียดาย

เด็กมีปัญหาน่ะคะ

เฟลอร์ เซนท์ลูทาโนริลฟอร์ด นักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้อง เดินเข้ามาหาอาจารย์ พลางยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย

พ่อแม่ของเขาตายเพราะถูกรถชนตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ญาติพี่น้องก็เกี่ยงกันเลี้ยงดู น่าสงสารจริงๆ

ทันใดนั้น ลูกวอลเลย์บอลก็พุ่งเข้ามาหาเฟลอร์อย่างรวดเร็ว เด็กสาวหลับตาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะกระโดดตัวลอยใช้ขาเตะบอลกระเด็นไปชนหัวของผู้ประสงค์ร้ายอย่างจัง

เมื่อฮารุกับซากุระอิหันไป ก็พบเพียงแต่ริวโนะที่ลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

ยังไงก็นะ อาจารย์คะ ขอลายเซ็นต์ด้วยนะคะ แหะๆ

เฟลอร์ยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ฮารุแทบเหงื่อตก

เอาเถอะ

อาจารย์หนุ่มรับสมุดขึ้นมาเซ็น แต่ก็ถูกเฟลอร์คว้าไปทันทีที่เขาเขียนเสร็จ

ขอบคุณมากคะ ไปก่อนนะคะอาจารย์สุดหล่อ!!

แล้วเด็กสาวก็วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ฮารุกับซากุระอิมองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเข้าใจเฟลอร์ เพราะว่าริวโนะลุกขึ้นมายืนอย่างเก่าแล้ว

แต่เขาก็ยังยืนเดอะบอลต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเลือดจะไหลกบปากก็ตาม

ความจริง... ริวโนะ ก็เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง น่าเสียดายจริงๆ

ฮารุได้แต่ยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากสนามกรีฑาไป

ดวงตะวันเริ่มคล้อยลงทางทิศตะวันตก เวลานี้บ่าย 3 แล้ว เป็นเวลาทีนักเรียนเกือบจะเลิกเรียนพอดี ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างร่าเริง

เฮ้อ... ทำไมเราถึงเสน่ห์แรงจังนะ?

ฮารุอดบ่นกับตัวเองไม่ได้ พลางยิ้มหวานอย่างเหม่อลอย

ถ้าปีหนึ่งมีวันวาเลนไทน์ 12 ครั้ง เดือนละ 1 วันก็ดีน่ะสิ

แล้วเขาก็หลับตาฟรี๊ม เดินไปตามทางกลับบ้านของตัวเอง

อืม... หวานจัง ดอกไม้สวยด้วย โดยเฉพาะกุหลาบแดง 555+

แต่เขาไม่มีทางรู้เลยว่า หายนะของโลกกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆ และหลังจากวันนี้เป็นต้นไป โลกนี้จะไม่เป็นโลกที่น่าอยู่เหมือนเดิมอีกต่อไป....

จบตอนที่ 2

ทำไมแต่ก่อนเราแต่งฟิคได้โหดจิงๆ =w= (โหดกะผู้สมัครน่ะ ฮ่าๆ)

ปล. แก้เรื่องบันทัด

ปล.2 แก้คำผิด และก็นิดๆหน่อยๆ 

Link to comment
Share on other sites

“เฮ้อ... ทำไมเราถึงเสน่ห์แรงจังนะ?”

ฮารุอดบ่นกับตัวเองไม่ได้ พลางยิ้มหวานอย่างเหม่อลอย

“ถ้าปีหนึ่งมีวันวาเลนไทน์ 12 ครั้ง เดือนละ 1 วันก็ดีน่ะสิ”

แล้วเขาก็หลับตาฟรี๊ม เดินไปตามทางกลับบ้านของตัวเอง

“อืม... หวานจัง ดอกไม้สวยด้วย โดยเฉพาะกุหลาบแดง 555+”

เคาะ ตรง ถ้าอีกปี ลงมาอีกบรรทัดจะสวย

ชอบการเว้นแบบนี้ละ!!! มันสบายตา!!!~

“ได้เลยครับ”

อาจารย์ฮารุตอบพลางยิ้มกระหยิ่มใจ ขณะที่รับกระดาษและปากกามา

“อาจารย์คะ หนูขอถามเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ได้ไหมคะ!”

ซากุระอิพูดต่อราวกับเธอจะไม่หยุดหายใจเลย

เคาะๆด้วยๆตรง "อาจารย์ฺ"

“ได้เลยครับ”

อาจารย์ฮารุตอบพลางยิ้มกระหยิ่มใจ ขณะที่รับกระดาษและปากกามา

“อาจารย์คะ หนูขอถามเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ได้ไหมคะ!”

ซากุระอิพูดต่อราวกับเธอจะไม่หยุดหายใจเลย

แบบนี้อะ

ฝึกบรรยายอีกนิด จะสวย บรรยายคือ บรรยาย ท่าทางของคนแต่ละช่วงนะแหละ ลัีกษณะการใช้ท่าทางต่างๆ

เช่น

อาจารย์ฮารุตอบพลางยิ้มกระหยิ่มใจ ขณะที่รับกระดาษและปากกามา

อาจจะเป็น

อาจารย์ฮารุตอบพลางยิ้มกระหยิ่มใจ ด้วยสีหน้า่ที่ดูราวกับกำลังขบคิดถึงอะไรบ้างอย่าง พลางใช้มือเรียวรับกระดาษและปากกามาเพื่อที่จะ....

อะไรก็ว่า่กันไป แค่นี้แหละ

ปล.ตรงที่เป็นช่วงบรรยาย ไม่ต้องยาววววเลยไปมากหรอก เคาะลงมาหน่อยก้ได้ ตามันเลือนไปเลือนมาแล้วมันน่ารำคาญอะ

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วจ้า

ฮารุเสน่ห์แรงจริงๆ

ก่อนวันจะลงตอน 2 นึกเนื้อหาแทบไม่ได้เลยล่ะ แหะๆ (อ่านมานานแล้วนี่เนอะ)

ว่าแต่ งงตรงนี้

48 ตอน 1 ปี ก็เท่ากับว่า ลงเดือนละ 2 ตอนน่ะสิ -*- ถือว่าเรามึนๆ คิดเลขผิดละกันนะ XD

เดือนละ 2 ตอน 1 ปี มี 12 เดือน 12x2=24 เองนะ อาทิตย์ละตอนน่ะถูกแล้ว

(1 ปี มี 52 สัปดาห์ 48 ตอน ก็ 48 สัปดาห์ ประมาณ 11 เดือนก็ลงจบสินะ)

ปล.พิมพ์เองเริ่มงงเอง (อ้าว - -)

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วจ้า

ฮารุเสน่ห์แรงจริงๆ

ก่อนวันจะลงตอน 2 นึกเนื้อหาแทบไม่ได้เลยล่ะ แหะๆ (อ่านมานานแล้วนี่เนอะ)

ว่าแต่ งงตรงนี้

เดือนละ 2 ตอน 1 ปี มี 12 เดือน 12x2=24 เองนะ อาทิตย์ละตอนน่ะถูกแล้ว

(1 ปี มี 52 สัปดาห์ 48 ตอน ก็ 48 สัปดาห์ ประมาณ 11 เดือนก็ลงจบสินะ)

ปล.พิมพ์เองเริ่มงงเอง (อ้าว - -)

เย้!! มีคนมาคำนวนแทนให้ด้วย XD

เดือนหนึ่งมี ประมาณ 4 อาทิตย์นะ แต่ว่าไหนๆก็จะให้จบไปแล้วคงไม่ต้องใช้เวลาเหยียบปีหรอกเนอะ =w=

>>> kurei

เราปรับปรุงอะๆรนิดๆ หน่อยๆน่ะ ถ้าทำที่แกบอกจะกลายเป็น Rewrite พอดี =_=" ไว้ฟิคเรื่องสีรุ้งแกวิจารณ์แบบนี้นะ XD

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่2แล้วนะครับ  :pika01: เนื่องจากทางผมไม่มีวิชาเม้นทะลุ เลยไม่รูจะวิจารณ์อะไรมาก เพราะทางผมอ่านแล้วมันลื่นดีอะ

Link to comment
Share on other sites

โลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว เส้นทางข้างหน้าของนายไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะฮารุ!!!

แต่เป็นซากศพแทน เหอๆๆ *ผลั๊วะ!!!*

Me/ ถูกวอลเลย์สังหาร..

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่2แล้วนะครับ  :pika01: เนื่องจากทางผมไม่มีวิชาเม้นทะลุ เลยไม่รูจะวิจารณ์อะไรมาก เพราะทางผมอ่านแล้วมันลื่นดีอะ

ดิฉันก็ไม่มีวิชานั้นค้า!! =_="

โลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว เส้นทางข้างหน้าของนายไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะฮารุ!!!

แต่เป็นซากศพแทน เหอๆๆ *ผลั๊วะ!!!*

Me/ ถูกวอลเลย์สังหาร..

XD ~~ กี๊ซซซ (ร้องเฉยๆ)

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ตอนที่ 3 หลบหนี และหวาดกลัว

บ่าย 3 โมงที่โรงเรียนใกล้เลิกเรียน ฮารุ ครูสอนวิชาพละเดินไปตามถนนที่ทอดยาวเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ในขณะที่เขากพลังเดินผ่านย่านสรรพสินค้า เมื่อมองไปสุดสายตา เขาก็ต้องพบกับ... อะไรบางอย่างสีขาวคลานไปมาอยู่บนถนนราวกับ...

“พวกแมลงเหรอ?”

ฮารุพึมพำอย่างสงสัย

“รูปครึ่งวงกลมคว่ำ สีขาวปุยนุ่น มีขนเล็กๆคล้ายขา แต่ตัวขนาดเท่าหมาพันธุ์ชิชุ... สิ่งมีชีวิตอะไรเนี่ย สัตว์พันธุ์ใหม่เหรือหรืออะไร? แต่ทำไมแถวนี้จึงไม่มีคนอยู่เลย...”

ทั้งๆที่เมื่อตกเย็น ย่านสรรพสินค้าจะมีคนเดินพลุ่นพล่านเกลื่อนถนน แต่วันนี้กลับว่างเปล่า เหลือเพียงแต่บางสิ่งบางอย่างสีขาวที่ฮารุคิดว่าเป็นแมลง... เคลื่อนที่อย่างช้าๆ... เต็มพื้นถนนแถวนั้น

เมื่อเขาเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เขาเลยรีบวิ่งกลับบ้านไป

ที่บ้านชั้น 2 ฮารุถือหนังสือกองหนึ่งวางบนโต๊ะ และนั่งอ่านทำความเข้าใจสำหรับเตรียมการสอนในวันพรุ่งนี้ ในระหว่างนั้น เขาก็เปิดทีวีดูข่าวไปด้วย เสียงจากทีวีส่วนใหญ่จะผ่านเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาไป ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง เพศศึกษา และการกีฬา แต่แล้วก็มีเสียงที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องทั้ง 3 กระทบโสตประสาทเข้าอย่างจัง

“ขณะนี้ได้เกิดไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วโลก และได้เกิดสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดสีขาวครึ่งวงกลมขึ้นมากมาย พวกเราเฝ้าสังเกตและรู้ถึงความน่าสะพรึ่งกลัวบางอย่าง... มนุษย์ทั้งโลกกำลังกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแบบนั้น อย่าแต่ต้องตัวพวกมัน และจำไว้ให้ดี จงระวัง ม้าสีขาว!”

  แล้วข่าวก็เปลี่ยนไปเป็นข่าวอย่างอื่น ฮารุได้แต่มองค้างที่ทีวี จากนั้นก็นิ่งอึ้งไปนาน...

หลายชั่วโมงผ่านไป เมื่อฮารุเปิดตู้เย็นดู เขาก็พบว่ากาแฟหมด

“ออกไปซื้อที่ร้านเซเว่นดีกว่า อยู่ใกล้ดี”

เขาพึมพำ ข่าวในทีวีเมื่อครู่เขายังไม่ค่อยเชื่อแต่อย่างใด เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกที่มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขมากว่าพันล้านปีแบบนี้

เมื่อเขากำลังเดินเข้ามาที่ย่านห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ที่หัวมุมถนน... เขาก็พบ

เสียงกรีดร้อง ไกลออกไป... หญิงชราคนหนึ่งพยายามจะวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง แต่ช้ากว่า... ม้าสีขาวสว่างวิ่งผ่านทะลุร่างของหญิงชราไปราวกับว่ามันคือวิญญาน...

หลังจากนั้น หญิงชราก็ล้มลง มือทั้ง 2 กุมคอตัวเอง... ไม่นานนัก ร่างของเธอก็ส่องแสงสว่าง และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาว... ขนาดเท่าหมาชิชุ... คล้ายกับแมลงที่ฮารุเคยเห็น...  พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ตามมาจนหยุดลง

“@!^&$%*#$!”

ฮารุยืนนิ่ง เขาพูดไม่ออกเลยนอกจากเสียงพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ราวกับมีอะไรบางอย่างมาจุกที่คอจนปวดแน่นไปหมด เมื่อได้สติ เขาก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที

เมื่อเขาวิ่งมาถึงชั้น 2 ของบ้าน เขาก็รีบกดโทรศัพท์มือถืออย่างบ้าคลั่ง

“มาโคโตะ ฮิมาริ ฮิคารุ ซาซึกะ! โธ่! ใครก็ได้ รับสายสิ รับสาย!”

ถ้าใครได้เจอเหตุการณ์อย่างฮารุ ก็คงต้องบ้าคลั่งเป็นธรรมดา แต่ว่าไม่มีใครรับสายจากเขาเลย ผ่านไปเบอร์แล้วเบอร์เล่า สัญญานโทรศัพท์ก็ยังคงว่างอย่างต่อเนือง

“บัดซบเอ้ย! ทุกคนเสร็จมันไปหมดแล้วเหรอ ใครก็ได้!”

ฮารุพยายามหาเบอร์โทรคนอื่นไปเรื่อยๆจนกระทั้ง... เผลอไปกดโดนเบอร์เบอร์หนึ่ง

ตู๊ด... ตู๊ด...

“ฮาโหล นั้นใคร!” ฮารุถาม

“นี่เฟลอร์ เซนท์ลูทาโน-”

“ไม่ต้องพูดนามสกุลหรอก!” ฮารุมือกุมหัว

“อาจารย์ฮารุใช่ไหมคะ หนูดีใจจริงๆที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ เอ้ย! ไม่ใช่คะ หนูดีใจมากเลยที่อาจารย์ปลอดภัย”

“ใช่.. ฉันก็ด้วย!” ฮารุเริ่มผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย ในที่สุดเขาก็ได้พบกับคนที่สามารถติดต่อด้วยได้แล้ว แต่ว่า หายนะที่กำลังคืบคลานยังไม่หายไป

“เฟลอร์ ทางเธอ... เป็นอย่างไรบ้าง”

“อาจารย์คะ มันแย่มากเลยคะ คนทุกคน... รวมทั้งพ่อแม่ของหนู กลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้สีขาว หนูรีบวิ่งหนี... ยังดีที่พกโทรศัพท์มือถือติดมาด้วย ตอนนี้หนูอยู่ในที่ซ่อนลับที่ริวโนะเขาบอกมาให้น่ะคะ!”

“ห๊ะ!”

“อ้อ! ใช่คะ ตอนนี้หนูอยู่กับซากุระอิ กับริวโนะ แค่ 3 คน แต่ซากุระอิตัวสั่นไม่หยุดเลย อาจารย์คะ หนูควรทำอย่างไรดี!”

“เฟลอร์ ใจเย็นๆ... ตั้งสติ...”

ฮารุนิ่ง... คิด.... ทั้งๆที่คิดไม่ออกเลย

“บ้านอาจารย์มีทีวีไหมคะ ที่นี่ไม่มีเลย... มืดมาก... จนพวกเราหวาดกลัว”

“บ้านฉันมีทีวี แต่... จะให้ทำยังไง?”

“เดี๊ยวพวกหนูจะรีบไปที่บ้านอาจารย์นะคะ อาจารย์อย่าลืมภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะ ขอให้พวกหนูปลอดภัย....”

ติ๊ด... ติ๊ด...

เฟลอร์วางหูโทรศัพท์ไปแล้ว เหลือแต่ฮารุที่ยืนกุมโทรศัพท์แน่น ตัวสั่นไม่หยุด...

ในเวลานี้ เขาไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เลย นอกจากรอให้เด็กๆมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยเท่านั้น....

ในเวลาแบบนี้... ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง.. เด็กๆให้มาถึงที่นี่โดยปลอดภัย

จบตอนที่ 3

Link to comment
Share on other sites

ตอนที่ 4 เด็กสาวปริศนา

ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ทั้งเฟลอร์ ซากุระอิ และริวโนะ ก็มาถึง

ข้างนอก... เป็นอย่างไรบ้าง?

ฮารุกลั้นหายใจถามเด็ก 3 คนที่ยืบหอบแฮ่กๆอยู่ในบ้านที่ชั้น 1

น่ากลัวมากคะ ม้าสีขาววิ่งเต็มไปหมด และตัวประหลาดสีขาวเต็มท้องถนน พวกมดพวกแมลงก็กลายเป็นแบบนั้น! หนูเห็น มีเด็กคนหนึ่งไปจับมัน แล้วกลายร่างเป็นตัวสีขาวแบบนั้นด้วย!

พอเถอะ เฟลอร์ เธอจะทำให้ทุกคนกลัว

ริวโนะพูดเสียงเรียบ จนทุกคนหันมามองเขาอย่างแปลกใจ สายตาของริวโนะมองไปที่ชั้นบันไดบ้าน

ทำไมพวกเราไม่ขึ้นไปที่ชั้น 2 ล่ะ ฉันแน่ใจว่ามันปลอดภัยกว่าการอยู่ติดพื้นถึง 70%

ทีวีอยู่ไหนคะอาจารย์!

เฟลอร์รีบถาม

ที่ชั้น 2 ทุกคนขึ้นมาเลย อ้อ! อย่าลืมถอดรองเท้าด้วย

ฮารุสั่ง พร้อมกับหันหน้าขึ้นบันไดไปเป็นคนแรก

เมื่อทุกคนขึ้นมาถึง เฟลอร์ก็รีบเปิดทีวีเป็นอันดับแรก

ทำไมสนใจทีวีมากล่ะ เฟลอร์

ฮารุอดสงสัยไม่ได้

เพราะว่ามันเป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารชั้นเยี่ยมสำหรับนักสืบเลยน่ะสิ!

นักสืบ?

ใช่แล้วคะ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น มันย่อมมีการประกาศออกทีวีอยู่แล้วล่ะ

แต่... แต่ว่า..

ซากุระอิขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ความจริง เมื่อประมาณบ่าย 3 ข่าวนั้นก็ออกมาแล้ว

อีกอย่าง... ฮารุพูดต่อ

ทางสถานีโทรทัศน์ก็คงต้องโดนพวกมันเล่นงานไปจนหมดแล้ว หรืออย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครมีกะจิตกะใจมานั่งประกาศข่าวต่อหรอก

เฟลอร์ทำหน้าเสียอย่างตกใจ ก่อนจะบุ้ยปากแล้วเปลี่ยนช่องทีวีต่อไปตามความตั้งใจของตัวเอง

แต่มันก็เป็นไปตามที่ฮารุพูด

บางช่องสัญญานล่มไปเลยก็มี และบางช่องก็ติดตัวหนังสือขนาดใหญ่ว่า

งดการฉายโทรทัศน์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ไม่มีช่องไหนเลยที่มีข่าวสารที่พวกเขาต้องการดูเลย

บ้า! บ้าที่สุด!

เฟลอร์ถึงกับเข่าทรุด ก้มหน้านิ่ง

ถึงทางตันแล้ว! ม้าสีขาววิ่งผ่านมา และพวกเราก็ต้องกลายเป็นตัวประหลาดสีขาว อ๊ากกกกกกกกก!

หยุดน่า เฟลอร์

ริวโนะพูดเรียบๆ

เสียงของเธอจะทำให้ม้าพวกนั้นมาหา...

แก! เด็กสาวรีบตะโกน พร้อมกับวิ่งปร๊าดไปคว้าคอเสื้อเด็กหนุ่ม

แก ทำไมแกถึงรู้ดีขนาดนั้น ทำไมแกถึงยังนิ่งเฉยได้โดยไม่แสดงความรู้สึกล่ะ ใช่แล้ว แกน่ะ ต้องเป็น!

ปีศาจใช่ไหม? ริวโนะกุมมือเฟลอร์แล้วปัดออก เขายิ้ม ทำให้เด็กสาวอึ้ง

หยุดนะ! สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันนะ เด็กๆ!

ฮารุออกคำสั่ง พลางผลักให้ทั้งสองอยู่ห่างจากกัน

ทุกคน... ทีวีมัน... ซากุระอิพึมพำ ทำให้ทุกคนหันไปมอง

หน้าจอโทรศัทน์กระตุก ส่งเสียงซ่าๆ 2-3 ครั้ง ก่อนจะปรากฎภาพเงาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

สวัสดีคะ ผู้รอดชีวิตจากไวรัสของดวงดาวทุกท่าน

เสียงนุ่มนวลของเด็กผู้หญิงที่ไม่ปรากฎตัวดังขึ้น ดึงความสนใจของทุกคนในห้องไปจนหมด

ขณะนี้ ทั้งโลกกำลังประสบกับหายนะขั้นรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งพวกท่านก็คงรู้มาแล้วจากประสบการณ์ที่ต้องหลบหนีเอาตัวรอด

ฉันไม่แน่ใจว่ายังมีผู้เหลือรอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้หลงเหลืออยู่รึเปล่า แต่ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

สถานที่ที่ฉันอยู่ ไวรัสแห่งดวงดาวไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้ และหากท่านต้องการรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ ท่านต้องมาที่ประเทศไทย

ประเทศไทย? เฟลอร์อุทาน

ชูว์ ซากุระขัด

ฐานลับของฉันอยู่ใต้อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะสงคราม ในเมืองหลวงแห่งประเทศไทย

ขอให้ท่านสามารถไขปริศนาง่ายๆให้ถูกต้อง และเดินทางมาหาฉันอย่างสวัสดิ์ภาพ เพราะฉัน คือทางเลือกสุดท้ายที่เหลืออยู่สำหรับผู้รอดชีวิต และสำหรับมนุษยชาติ... ของโลกใบนี้

วูบ!

ทีวีดับลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คงเหลือแต่ 4 ชีวิตที่หัวใจยังคงเต้นรัวด้วยความระทึก

ประเทศไทย? ยะ... อยู่ที่ไหนนะ? ซากุระอิพึมพำ

ด้วยความตื่นเต้น ทุกคนจึงเริ่มสติแตกไปตามๆกัน

เฟลอร์เริ่มตั้งสติขึ้นมาใหม่ เธอรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้ สติคือตัวที่สำคัญที่สุด เด็กสาวเปิดโน้ตบุ๊คประจำตัวออกมา และเริ่มทำการค้นหาสถานที่ที่ผู้หญิงในทีวีกล่าวทิ้งไว้

เจอรึยัง! เฟลอร์ ฮารุถาม

เจอแล้วคะ... ต้องเป็นที่นี่! แน่ๆ เฟลอร์ใช้ปากกาโน้ตบุ๊คจิ้มไปที่หน้าจอ

แต่ว่ามัน... มีปัญหา... เมื่อพูดได้แค่นี้ ซากุระอิก็ทรุดนั่งลง มือทั้ง 2 กุมใบหน้าตัวเองและเริ่มร้องไห้

มันอยู่ไกล... ไกลจากญี่ปุ่นมากเลยนะ เราไปไม่ได้หรอก ฮือๆๆ

ทุกคนเริ่มใจเสียไปตามๆกัน

ทั้งๆที่ทางรอดมันอยู่ใกล้แค่นี้.... แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอยู่ไกล... ไกลไปจนพวกเขาจะไม่สามารถจะไปถึง

ก่อนที่ฮารุจะทรุดลงกับพื้นบ้าง ริวโนะก็พูดขึ้น

ทำไมเราไม่ไปที่นั่น ด้วยเครื่องเฮลิคอปเตอร์ล่ะ?

ฮารุลุกขึ้นยืนทันที แล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ใช่แล้ว เฮลิคอปเตอร์ไง เด็กๆ เฮลิคอปเตอร์! ริวโนะพูดถูกแล้ว! แต่ว่า!

พวกเราจะหาเฮลิคอปเตอร์ได้จากที่ไหนเล่า!! เฟลอร์เริ่มแผดเสียงร้อง เธอนั่งกับพื้นแล้วก้มหน้าอย่างหมดกำลังใจ

ที่สนามบินนาริตะ ที่นั้นต้องมี

ริวโนะพูดเสียงเรียบเช่นเคย

ถ้ามีเฮลิคอปเตอร์อยู่จริง แล้วใครจะเป็นคนขับมันเล่า เจ้าเซ่อ!

เฟลอร์ยังไม่หยุดโวยวาย เธอแทบจะร้องไห้ตามซากุระอิอยู่ร่อมร่อ

อย่างน้อย ที่สนามบินนาริตะ ต้องมีคนขับเฮลิคอปเตอร์เป็นเหลือรอดอยู่สักคนหนึ่ง

หรือถ้าไม่มี

ริวโนะเอ่ยต่อ

ฉันจะเป็นคนขับมันเอง

หนะ.. ! นายขับเป็นเหรอ?? เฟลอร์ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาเริ่มส่องประกายความหวัง

ใช่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันจึงขับมันเป็น

ริวโนะกล่าวเสียงเรียบ

พวกเราไปรีบที่สนามบินนาริตะเถอะ หากปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ดีแน่ ม้าพวกนั้นอาจหาพวกเราเจอ พวกเรา ไปเร็ว!

ริวโนะวิ่งลงจากบันไดเป็นคนแรก ตามด้วยพวกที่เหลือ วิ่งกันออกไป

พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่สนามบินนาริตะ... และไปที่ประเทศไทย เพราะนั้น คือความหวังในการรอดชีวิตทางสุดท้าย

ในขณะที่เด็กทั้งสามกำลังวิ่ง ฮารุก็คิดในใจ พลางยิ้มอย่างอบอุ่น

หลังจากวันนี้ คงต้องมองริวโนะใหม่ซะแล้ว

ด้วยจัญยาบรรณความเป็นครูที่เต็มเปี่ยม ฮารุจึงตั้งใจว่า ต่อจากนี้เขาจะต้องทำให้ทุกคนมองริวโนะใหม่ให้ได้!

จบตอนที่ 4

Link to comment
Share on other sites

แว้บมาอ่านถึงตอน 2...

ซากุราอิน้อยของเราไปหลงอ.หลงตัวเองไม่เต็มเต็งนั่นซะแล้ว!!!

ติดตามต่อไป อ่อค...

ปล. เดี๋ยวไล่อ่าน ไปนอนก่อน...

Link to comment
Share on other sites

การเดินทางไปยังประเทศไทยของพวกเขาจะเป็นยังไงน้า

ถ้าจำไม่ผิด มีผู้เสียสละไปคนนึงใช่ป่าวหว่า

Link to comment
Share on other sites

เจอภัยพิบัติขนาดนั้น ท่านครูก็ยังไม่ลืมสั่งนักเรียนให้ถอดรองเท้าอีกนะ ชู่~ มารยาทดีเหลือเกิน

ทั้งๆที่เคยอ่านมาแล้ว แะรู้เนื้อเรื่องดี แต่มันก็อดลุ้นระทึกเรื่องราวต่อไปของพวกเขาไม้ได้เลยนะเนี้ย~!!

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.