Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

ออริ-Ficion/_Rainbow Of Johto-~*- //จบบริบูรณ์\\


varinne

Recommended Posts

ตามอ่านครบแล้ว >w< เลยโต้รุ่งอีกคืน  :pika02:

เรื่องเริ่มเข้มข้นเรื่อยๆ ผมก็เดาไปสีทางห้าทาง แต่ไม่รู้จะถูกรึเปล่า ต่อไปนี้จะตามเม้นให้ได้ทุกตอนน่อ

สู้ต่อไปนะครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 96
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • varinne

    32

  • Loveless Nova

    11

  • SKYNET

    11

  • Risu

    8

ตามอ่านครบแล้ว >w< เลยโต้รุ่งอีกคืน  :pika02:

เรื่องเริ่มเข้มข้นเรื่อยๆ ผมก็เดาไปสีทางห้าทาง แต่ไม่รู้จะถูกรึเปล่า ต่อไปนี้จะตามเม้นให้ได้ทุกตอนน่อ

สู้ต่อไปนะครับ ^^

ขอบใจจ้า >_< ลองบอกหน่อยจิ ว่าเดาไรบ้าง ฮ่าๆ อย่าเดาให้ถูกก้พอ ^w^

เอาภาพ (รั่วๆ) มาฝาก =w=

735737a9.jpg

/-me วิ่งหนีออกนอกกระทุ้อย่างรวดเร็ว ฟิ้วววววว~~~

Link to comment
Share on other sites

หน้าโหดเกินไปแล้ว

------------------------

ติดแล้วแฮะ

จิ้งจอกไฟ ติดแล้ว

--------------------------------------------------------------

= ='' เล่าเรื่องแปลกไปแล้ว

แต่ทว่า รูปประกอบตอนนี้มัน.......

Link to comment
Share on other sites

เกิดอะไรขึ้นระหว่างน้ำกับพืชกันนะ ที่ทำให้ตำนานแห่งเวลาอย่างเซเรบี้ซึมเศร้าได้มายมากถึงเพียงนั้น เฮ้ย!! อย่าฆ่าตัวตายสิฟะเซิฟฟี่!!

Me/ เข้าไปห้ามอีกคน...

ปล.ติดตามอยู่ตลอดนะคร้าบท่านอาจารย์!! เพราะงั้นได้โปรดอย่ามืดมนเลย!!!

Link to comment
Share on other sites

การบรรยายท่าทางของสเปฏต้าบางท่อนดูไม่เข้ากะสเปกต้าในช่วงแรกๆ

ส่วนโคฮาคุก้ดูเกลียดมนุษย์อย่างหน้าหมั่นไส้จิงๆ

บรรยายโดยรวมดีแล้วละ แต่อยากให้ดูสละสลวยกว่านี้อีกนิด

Link to comment
Share on other sites

เกิดอะไรขึ้นระหว่างน้ำกับพืชกันนะ ที่ทำให้ตำนานแห่งเวลาอย่างเซเรบี้ซึมเศร้าได้มายมากถึงเพียงนั้น เฮ้ย!! อย่าฆ่าตัวตายสิฟะเซิฟฟี่!!

Me/ เข้าไปห้ามอีกคน...

ปล.ติดตามอยู่ตลอดนะคร้าบท่านอาจารย์!! เพราะงั้นได้โปรดอย่ามืดมนเลย!!!

ขอบใจจ้า ตอนที่ 9 ที่จะลงนี่ไม่ค่อยเผาเท่าไร แต่ตอนที่ 10 ต้องดูอีกที >_< (แต่งไปได้ครึ่งตอนแว้ว)

การบรรยายท่าทางของสเปฏต้าบางท่อนดูไม่เข้ากะสเปกต้าในช่วงแรกๆ

ส่วนโคฮาคุก้ดูเกลียดมนุษย์อย่างหน้าหมั่นไส้จิงๆ

บรรยายโดยรวมดีแล้วละ แต่อยากให้ดูสละสลวยกว่านี้อีกนิด

เพราะว่าช่วงหลังๆ ตั้งใจสร้างจุดยืนของตัวละครให้แน่ชัดไปเลย - -

ไม่รุ้จิ ว่าแรงไปเป่า -*- แต่จะพยายามน๊ะ

ส่วนภาษาสละสลวย คิดว่ามันก็น่าจะยังยากสำหรับเราอยุ่นะ แต่จะพยายามเรียนรุ้ ^ ^

เอาละ มาลงตอนต่อไปละ

ตอนที่ 9 ผู้ชายปริศนา

ในที่สุดกลุ่มเดินทางก็เดินทางออกจากป่าได้สำเร็จ ในขณะที่เดินออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง พวกเขาก็พบกับถนนสายหลักที่จะพาพวกเขามุ่งหน้าไปสู่เมือง โคงาเนะ เมืองที่ไม่มีการหลับใหล เมืองที่สว่างสดใสไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เมืองที่เฟรย่าพร่ำบอกสรรพคุณจนงดงามและน่าสนใจเป็นพิเศษ เมืองที่เป็นดั่งเมืองหลวงแห่งเขตโจโต

แต่เมื่อออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ กลับมีชายวัยประมาณ 30 เผ้าผมรุงรังสีน้ำตาลเข้มเหมือนไม่ได้หวีในตอนเช้า หนวดเครายาวออกมาแบบที่ไม่ยอมจัดการดูแลให้ดีในยามเช้า เสื้อผ้ายับเยินแบบที่ไม่ยอมรีดให้เรียบร้อยก่อนแต่งตัวออกมาเดินข้างนอก ตอนนี้ชายหน้าแปลกดังกล่าวกำลังกอดอกตรงหน้าของพวกเขา รวมถึงชายคนอื่นๆอีกประมาณ 3 ที่เหมือนเป็นลูกน้อง พวกเขา 4 คนจ้องมองมาที่ผู้มาเยือนเมืองแห่งนี้

เห็นแบบนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกจ้องก็ต้องรู้สึกไม่ดีเป็นธรรมดา โคฮาคุคิดว่าพวกนั้นคือมาเฟียแห่งเมืองโคงาเนะ แถมยังถูกจ้องอย่างเอาเรื่องแบบนั้นก็พยายามเดินตีวงกว้างออกไปห่างๆ โดยที่สายตายังจับจ้องที่หัวหน้ามาเฟีย แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีมือนุ่มนิ่มมาเกาะที่ไหล่ของเขา เมื่อหันไปมองก็พบเฟรย่ากำลังเอาตัวเขาบังตัวเธอไว้ สีหน้ามีความหวาดหวั่นอยู่หน่อยๆกับชายตรงหน้า

นั้น ใช่เธอจริงๆด้วย เธออยู่ตรงนั้น! หัวหน้ามาเฟียชี้ไปทางพวกเขา

นี่มัน... เรื่องอะไรกัน?? โคฮาคุพึมพำ พลางมองชายร่างกำยำทั้งสี่ที่ตัวสูงกว่าเขากำลังสาวเท้าเข้ามาหา ไม่ทันจะมีอะไรมากกว่านี้ เฟรย่าก็โยนอะไรออกไป

ตูม!!

เกิดควันสีขาวขึ้นโขมง มองไม่เห็นสิ่งใด โคฮาคุถูกมือเรียวบางฉุดให้วิ่งไป แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเจ้าของมือเรียวบางถูกจับโดยหัวหน้ามาเฟียเข้า

ใช่เธอจริงๆด้วยยัยเด็กตัวแสบ หัวหน้ามาเฟียตะคอกใส่เด็กสาว เฟรย่าพยายามดิ้นให้หลุดแต่แน่นอนว่าไม่สามารถสู้แรงได้

ตามหาตัวตั้งนาน ตอนนี้แอบไปทำอะไรไว้ละ

ปล่อยนะ ฉันไม่รู้เรื่อง ปล่อย! เฟรย่าร้องแล้วดิ้นรน แต่ก็ถูกชายตรงหน้าบีบแขนแรงขึ้นจนเจ็บ จนต้องเงยหน้ามองชายร่างสูงอย่างไม่มีทางหลีกหนี

ฉันรู้ว่าช่วงนี้เมืองโคงาเนะเริ่มมีอะไรที่แปลกๆออกไป เธอต้องเป็นหนึ่งในคนที่สมรู้ร่วมคิดแน่ บอกมาให้หมดว่าพวกแกวางแผนอะไรไว้!

ไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะไม่รู้เรื่องจริงๆ ปล่อยฉันไป เฟรย่าส่งเสียงอ้อนวอน น้ำตาเริ่มไหลออกมา แต่แล้วลำแขนหนาของช่ายร่างสูงก็ถูกมือของใครบางคนจับไว้ โคฮาคุจ้องหน้าของหัวหน้าแก้งมาเฟียอย่างไม่กลัวเกรงแล้วพูดเสียงแข็ง

เธอบอกว่าไม่รู้เรื่อง ก็คือไม่รู้เรื่องสิ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ!!

แก.... หัวหน้าแก็งมาเฟียอึ้งไปนาน ก่อนจะหันฝ่ามือหนาเข้าผลักตัวเด็กชาย

เกิดบาเรียโปร่งใสขึ้น แทนที่ตัวเด็กชายจะเจ็บ กลับกลายเป็นมือของมาเฟียที่เจ็บแทน หัวหน้ามาเฟียมองอย่างงุนงง ก่อนจะเริ่มเข้าใจอุทานเสียงดัง

แกเอง น่ะเหรอ??

ตอนนี้โคฮาคุทุบไปที่แขนข้างที่มาเฟียจับตัวเฟรย่าอยู่ หัวหน้ามาเฟียเจ็บจนต้องยอมปล่อยตัวเฟรย่า แล้วหันหมัดมวยใส่โคฮาคุแทน

โคฮาคุก้มหลบ แล้วใช้ถุงมือบาริยาสปล่อยบาเรียออกไป แต่แล้วก็ต้องตกใจมากๆที่หมัดของหัวหน้ามาเฟียนั้นทะลุบาเรียออกมา บาเรียที่โปร่งแสงแตกกระจายแล้วหายไป ทำให้เด็กชายต้องฮึดสู้ เขาถอยหลังแล้วปล่อยบาเรียออกไปอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะปล่อยออกไปสักเท่าไร ถอยหลังออกไปไกลแค่ไหน บาเรียก็ถูกหมัดของชายตรงหน้าทำลายได้หมด สุดท้ายชายแปลกหน้าก็ถึงตัวโคฮาคุ เด็กชายมีสีหน้าหวาดหวั่น แต่แล้วก็ต้องตกใจจนหน้าซีดกับคำพูดของหัวหน้ามาเฟียที่เอ่ยออกมาเบาๆ

โลกกลมจริงๆนะ โคฮาคุ

เขาเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้าตรงหน้า และพบว่าหัวหน้าแก็งมาเฟียกำลังยิ้มตอบ นั้นทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ โคฮาคุจับสเปกต้าที่หลับสนิทบนไหล่ให้มั่น แล้วใช้หัวกระแทกกับท้องของหัวหน้าแก็งมาเฟียเต็มแรง ชายแปลกหน้าผงะออกไป มือกุมท้องไว้แล้วมองเด็กชายที่วิ่งหนีออกมาได้ด้วยสายตาเคียดแค้น

เดี๊ยวนี้แกเองก็แสบไม่เบาเลยนะ ว่าแล้วก็หยิบมอนสเตอร์บอลออกมา แล้วโยนไปยังเด็กชายคนนั้น

ริสชาร์ส เชร่า ออกมา!

โปเกมอนริซาด้อน (#006 Charizard) กับ จุ๊ฟต๊อป (#253 Grovyle) ออกมายืนอยู่เบื้องหลังของโคฮาคุ

เบื้องหน้าของเขาคือภาพที่เฟรย่ากำลังใช้เมตามอนต่อสู้กับโปเกมอนของลูกน้องมาเฟียสามตัว สามรุมหนึ่ง! แต่แล้วเฟรย่าก็หันมามองโคฮาคุ แล้วขว้างวัตถุกลมๆลูกหนึ่งใส่พื้น

ตูม!!

ควันสีขาวขึ้นโขมงอีกครั้ง มองไม่เห็นสิ่งใด แล้วโคฮาคุก็ถูกฉุดอีกครั้งด้วยมือเรียวบาง พาเขาขึ้นไปนั่งบนตัวของนกขนาดใหญ่แล้วพาเหินเวหาหนีไปจากพื้นที่ตรงนั้น

ท่ามกลางควันที่ขึ้นกระจาย โปเกมอนนกของพวกแก็งมาเฟียกำลังกระพือปีกไล่ควัน ทำให้ควันจางลงไปเป็นแห่งๆ หัวหน้าแก็งมาเฟียเงยหน้ามองพวกเขา ส่งสายตาดุร้ายมาให้ และมองพวกเขาหายไปจนลับสายตา

ชิส์... หนีไปจนได้..

มาเฟียสบถเบาๆ ก่อนจะยกมือกุมหน้าผากไว้

เหนือเมืองโคงาเนะ เมตามอนที่แปลงร่างเป็นพีจ๊อต(#018 Pidgeot)ตัวใหญ่กำลังกางปีกเหนือเวหาเมืองโคงาเนะ โดยมีเฟรย่านั่งอยู่ข้างหน้า และโคฮาคุที่ไม่เคยบินสูงขนาดนี้จับตัวฟีจ๊อตไว้มั่น สายตามองข้างล่างนิ่งโดยกักเก็บความกลัวไว้ในใจ จนกระทั้งฟีจ๊อตกระพือปีกแล้วร่อนลงบนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่ง แล้วจอดสงบนิ่งให้ผู้ที่ขี่หลังมันเดินลงมา

อะไรกันนี่ ตัวสั่นเชียว? เฟรย่าเริ่มต้นด้วยการแขวะ พร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ

เรื่องของฉันน่า โคฮาคุว่า แล้วก็ทรุดลงไปนั่งบนดาดฟ้า หายใจยาวๆหลายที ก่อนจะเงยหน้าเอ่ยถามเธอ

ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน แล้วเธอน่ะไปก่อเรื่องไว้จริงๆเหรอ?

พอถูกว่าว่าไปก่อเรื่อง เด็กสาวก็บุ้ยหน้าไม่พอใจ แล้วก็ลงไปนั่งข้างๆเขา

ก่อเรื่องอะไรกันละ ไม่จริงสักหน่อย ฉันน่ะไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นนะ เขาต้องจำผิดคนแน่ๆเลย พวกผู้ใหญ่แก่ๆก็งี้ละ สติเลอะเลือน

แต่ว่า.. เขารู้จักฉัน? แน่ๆ... โคฮาคุถอนหายใจยาวแล้วมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้ว

เฟรย่าหันมามองโคฮาคุด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร

เขารู้จักเธอจริงๆเหรอ เฟรย่าถามอีกครั้ง

ใช่ เขาเรียกชื่อฉันด้วย โคฮาคุตอบ

แย่ละ... เฟรย่าพึมพำเบาๆ แต่นั้นทำให้โคฮาคุหันไปมองเธออย่างแปลกใจ

แย่ยังไง?

อ่า... เฟรย่านิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะยอมตอบออกมาว่า จริงๆแล้วฉันก็รู้จักผู้ชายคนนั้นนิดหน่อยละ เขาชื่อว่า อเวลโล่ เป็นหัวหน้าแก็งลึกลับที่มีอิทธิพลมากในเมืองแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวอันตรายมากๆเลย ถ้าเขารู้จักนายละก็ แสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเขาถึงรู้จักเธอ แต่ว่าทางที่ดีนะ อยู่ห่างๆเขาให้มากที่สุด จะดีกว่านะ

....... ผู้ใหญ่แปลกๆก็มีแบบนี้ด้วยแหะ โคฮาคุก้มหน้าแล้วพึมพำเบาๆ ฉันพึ่งเข้าเมืองนี้มาแท้ๆ แปลกจริงๆ

อืม... เฟรย่ามองเขาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริง

ตอนนี้ก็เย็นมากละ ลงไปหาห้องพักที่จะพักในเมืองนี้กันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไปหอสมุด ไปตามหาเรื่องราวของสเปกต้า

ตกลง โคฮาคุว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามเธอลงจากบันไดที่อยู่บนดาดฟ้าลงไป

แต่ใครจะนึกได้ละว่า บนตึกดาดฟ้านั้นเป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง เฟรย่าพาเขาลงไปที่ชั้น 4 ไขกุญแจแล้วเปิดประตูห้อง 404 เข้าไปเป็นห้องขนาดกลาง มีเตียงนอน 2 เตียงอยู่ห่างๆกัน มีอุปกรณ์ครบครัน เช่นตู้เย็น โทรทัศน์ ตู้เสื้อผ้า ห้องอาบน้ำเป็นต้น จะว่าไปแล้วเพราะมีสองเตียงตั้งอยู่แบบนี้ ทำให้เฟรย่าเริ่มหน้าแดงเรื่อๆ แล้วเหลือบไปมองอีกฝ่าย แล้วพบว่าอีกฝ่ายตรงไปที่เตียงแล้วโบกมือแทนคำตอบ

ฉันไม่คิดอะไรหรอก เพราะว่าฉันไม่ได้สนใจมนุษย์

........................ เฟรย่าไม่รู้ว่าจะโกรธ หรือว่าสบายใจดี แต่อย่างน้อยเธอก็น่าจะอุ่นใจได้บ้างละ เธอเดินลงมาที่เตียงอีกเตียงหนึ่งแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มๆ

ตอนแรกก็คิดว่าจะจองสองห้อง แต่ว่าจะเปลืองงบเกินไป เธอพูดเบาๆ

ไว้ฉันจะจ่ายค่าห้องหารครึ่งกับเธอละกัน โคฮาคุบอก ขณะที่นั่งพักบนเตียงแล้วมองอีกฝ่าย

ไม่ต้องละ ยังไงนี่ก็เป็นห้องของฉันอยู่ดี เฟรย่าบอกปัดไป นายก็แค่คนมาอาศัยชั่วคราวละ

งั้นเหรอ?

ถ้างั้นพักผ่อนกันการละกัน ก่อนอื่นอาบน้ำด้วยละ

เธออาบก่อนละกัน

แล้วเฟรย่าก็เริ่มฉุกคิดได้จริงๆว่าแผนการแบบนี้ เลวร้ายกว่าที่คิด เธอเหลือบมองไปที่อีกฝ่ายอีกทีหนึ่ง แล้วก็ดีใจขึ้นมาเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเลยแม้แต่นิด ก็เพราะเจ้าบ้านั้นเป็นเจ้าโอตาคุโปเกมอนละนะ อืม เปลี่ยนดีกว่า เป็น เจ้าบ้าโอตาคุสเปกต้า

หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเข้านอนจริงๆสักที

ความมืดครอบคลุมห้องสี่เหลี่ยม เฟรย่ามองโคฮาคุที่นอนกอดสเปกต้าโดยหันหลังให้เธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและแอบเห็นใจหน่อยๆ เธอนอนลงแล้วดึงผ้าห่มคลุมกาย หันหน้าไปอีกฝั่งแล้วพึมพำเบาๆ กับเมตาที่อยู่ข้างๆตัว

นี่ไซน์..... ฉันควรจะทำยังไงดี

อืออ.... ไซน์ส่ายหน้าไปมา เหมือนจะบอกว่า ไม่เห็นต้องไปสนใจคนแบบนั้นเลย

ไซน์ ใจร้ายกว่าที่คิด นะนิ... เฟรย่าแอบหัวเราะเบาๆ

เมตามองพยายามส่งภาษาใบ้ออกมา ได้ความว่าอย่างนี้

ก็พวกนั้นอ่อนแอเองนินา มันช่วยไม่ได้จริงๆนะ

มันก็เหมือนกับฉัน กับเฟีย... ไม่ใช่เหรอ? จนถึงวันนี้ฉันยังไม่เคยลืมเฟียเลย ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องอ่อนแอด้วย ไม่ใช่เหรอ? เฟรย่ากระซิบถามเสียงเศร้า

เฟีย ฮิโตะคาเงะแสนน่ารัก ฮิโตะคาเงะที่คอยอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา และอยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปี จนถึงแม้ว่าจะพูดกันคนละภาษา แต่ใจกลับสามารถสื่อถึงกันได้

เมตามอนเริ่มลุกลี้ลุกลนทำหน้าเศร้าปฎิเสธไปมา

ไม่ใช่นะเฟรย่า ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้จะว่าเฟรย่าสักหน่อย

อือ ฉันเข้าใจ แต่ว่าฉันทิ้งเฟียไม่ได้จริงๆ เธอหลับตา แล้วหยาดน้ำตาสายเล็กๆก็ไหลออกมา แต่ว่ามันจำเป็นจริงๆนะ มันจำเป็นจริงๆ ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้เลย...

ห้องที่เงียบสงบ ไร้เสียงใดๆนอกจากเสียงเบาๆของแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ สเปกต้าขยับตัวไปมาในอ้อมกอดของโคฮาคุ ทำยังไงก็นอนไม่หลับสักที

อ่า... แย่จัง นอนหลับกลางวันมากไป นอนกลางคืนไม่ค่อยหลับเลยแหะ

สเปกต้าได้แต่คิดเศร้าๆ ก่อนจะตัดสินใจบินออกจากอ้อมแขนชองเด็กชาย

เธอพบว่าประตูกระจกถูกเปิดทิ้งไว้ แสงจางๆจากดวงดาวลอดผ่านออกมาพร้อมกับผ้าม่านที่ที่พริ้วไหวตามแรงลมข้างนอก เมตามอนกำลังเงยหน้ามองดูดาวอยู่ตรงริมระเบียง

เมื่อเธอเข้าไปใกล้ๆ ก็ต้องพบว่า ไซน์กำลังทำหน้าสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก ถอดถอนหายใจ มองดูดวงดาวไปด้วยสายตาที่ไร้ความหมาย

1copy-2.jpg

เป็นอะไรไปเหรอ?

อย่ามายุ่งกับฉันน่า ไซน์พึมพำ แล้วอ้าปากพะงาบๆถอนหายใจต่อไป

งืม.... สเปกต้าไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยเงยหน้ามองดูท้องฟ้าตาม

สักพักหนึ่ง ไซน์ก็เริ่มปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้

ฮือๆ ฉันทำให้เฟรย่าเสียใจ ฉันเป็นโปเกมอนที่แย่ที่สุด!! ฉันสมควรตาย!!

ทำให้สเปกต้าผงะ แล้วมองดูเมตามอนระเบิดความในใจออกมา

ฉันพูดอะไรไปไม่คิดอีกแล้ว ถึงฉันจะใจร้ายแค่ไหนแต่ฉันก็รักเธอมากๆนะเฟรย่า!!

น้ำตาไหลเป็นสายแล้วตะโกนอย่างแค้นเคือง

เจ้าเฟียบ้า เจ้าเฟียสมควรตาย!!

เกิดความเงียบขึ้น

สเปกต้ามองท้องฟ้า แล้วพูดออกมาเบาๆ

นี่....  ไม่มีใครที่สมควรตายหรอกนะ...

เธอจะรู้อะไรละ อย่ามายุ่งเรื่องของฉันหน่อยเลย ไซน์ตวาดใส่ แล้วปล่อยโฮอีกรอบ

เฟรย่า อะไรๆ ก็เฟีย เมื่อไรที่นั่งเหงาๆก็พูดถึงแต่เฟีย! เมื่อไรที่กำลังเศร้าก็พูดถึงเฟีย! หรือว่าตอนที่มีความสุข ก็พูดว่า เฟียน่าจะอยู่ตรงนี้ด้วยนะ แล้วฉันละ แล้วฉันละไม่สำคัญเลยใช่ไหม!! ถ้าไม่มีเฟียละก็... ทุกอย่างจะดีกว่านี้

แต่ว่าไซน์เองก็สำคัญนะ คอยช่วยเหลือเฟรย่าตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?

ไซน์ก้มหน้าลงด้วยความเศร้า แล้วพึมพำเบาๆ

ฉัน เป็นเครื่องมือมากกว่า... เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์มากกว่า.. เฟรย่าอาจจะไม่ได้รักฉันจริงๆ

ไม่จริงสักหน่อย! คนอย่างเฟรย่าไม่มีทางจะใครเป็นเครื่องมือได้หรอก

สเปกต้าว่ากลับไป แต่เมตามอนกลับยิ้มเศร้าๆแล้วส่ายหน้าช้าๆ

ฮะๆ.. เธอนี่ไม่รู้อะไรจริงๆด้วย

ฉันไม่เชื่อที่ไซน์พูดหรอกนะ แต่ถ้าไซน์แคลงใจในความรักของเฟรย่าละก็ ทำไมถึงไม่ไปถามตรงๆละ!

ถามทำไมละ ไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะไม่โกหก

ไซน์ว่ากลับ เกิดความเงียบขึ้น สเปกต้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงถามออกไป

นี่.... เฟรย่าน่ะ เป็นคนที่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?

เพราะโดนถามอย่างนั้น ไซน์จึงตกใจมากๆ แล้วรีบปฎิเสธเป็นพัลวัน ไม่ใช่สักหน่อย เฟรย่าน่ะใจดีจะตาย ตอนที่ฉันไม่สบายก็ไปซื้อยามาให้ ตอนที่ฉันกำลังเหงาก็คอยชวนคุยนู้นคุยนี้ เวลามีเรื่องอะไรก็พูดคุยปรึกษาฉันตลอด เพราะแบบนี้ฉันก็เลยรักเฟรย่ามากๆไง

ถ้าอย่างนั้น ทำไมเธอถึงยังสงสัยละ.. ว่ากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือเปล่า

ไซน์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะริมฝีปากสั่นระริก แล้วพึมพำออกมา ก็ฉัน... ก็ฉัน มาทีหลังนี่นา

ว่าแล้วเจ้าตัวก็บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ สเปกต้าไม่รู้จะทำยังไงดี จึงลองนึกทบทวนไป

ที่ผ่านมาตลอดการเดินทางร่วมกันหลายอาทิตย์นั้น เธอแทบจะไม่เห็นไซน์พูดอะไรเลย ไม่เรียกร้อง ไม่อะไรทั้งสิ้น อยู่เฉยๆรอรับคำสั่งของเฟรย่าอย่างเดียว เพราะแบบนั้นละมั้งเลยทำให้เกิดอาการน้อยใจได้ง่ายๆ

ไซน์มีอะไรที่อยากทำบ้างหรือเปล่า อาจจะเป็นสถานที่ที่อยากไป หรืออะไรทำนองนั้น

ไม่มี แค่ได้ร่วมเดินทางไปกับเฟรย่าทุกวัน แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว

สเปกต้าเงียบคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ

ถ้าอย่างนั้น มีของที่ชอบ ชอบที่อยากกินหรือเปล่า?

ฉันชอบกิน เต้าหู้ทอด

เมื่อได้ยินอย่างนั้นสเปกต้าก็พึมพำเบาๆ เต้าหู้ทอด เต้าหู้ทอด.. หน้าตาเป็นยังไงนะ

ไซน์เริ่มแก้มแดงเรื่อ สุดท้ายก็หันมาตวาดสเปกต้า ไม่นะ!! ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยละกัน

มังกรฟ้าเอ๋อไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามว่า ไม่ชอบกินเต้าหู้ทอดแล้วเหรอ?

เปล่า!!

ถ้างั้น แล้วฉันจะบอกเฟรย่านะ ว่าไซน์ชอบกินเต้าหู้ทอด

ไม่นะ หยุดนะ!! เรื่องน่าอายแบบนั้น บอกไม่ได้เด็ดขาด!!

เมตามอนเริ่มโวยวาย ทำให้สเปกต้าหันมาถามอีกที

ไม่อยากกินเต้าหู้ทอดแล้วเหรอ?

เปล่า...

ก้มหน้านิ่งแล้วเงียบกริบ ก่อนจะมีท่าทางหงุดหงิด แล้วรีบเดินหนีไปจากระเบียง

............... แปลกจริงๆนะ ไซน์เนี่ย สเปกต้ามองดูไซน์ที่ก้มหน้างุดๆจากไปด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลืองนวลบนท้องฟ้า

แล้วเมื่อไหรดวงจันทร์สีเหลืองจะกลายเป็นสีชมพูนะ~

จบตอนที่ 9

(ยังอุตส่าห์แอบรั่วๆตอนท้ายได้อีก - -)

-------------------------------------------------

Link to comment
Share on other sites

จากการแต่งตัว

ตอนแรกนึกว่าขอทานซะอีก

ในตอนนี้รู้จุดอ่อนของโคฮาคุและ(กลัวความสูง)

Link to comment
Share on other sites

บรรยายชาวมาเฟียได้แบบไร้ความน่ากลัวจิงๆ

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านละครับ ช่วงแรกมีขัดๆ บ้าง

เผ้าผมรุงรังสีน้ำตาลเข้มเหมือนไม่ได้หวีในตอนเช้า หนวดเครายาวออกมาแบบที่ไม่ยอมจัดการดูแลให้ดีในยามเช้า เสื้อผ้ายับเยินแบบที่ไม่ยอมรีดให้เรียบร้อยก่อนแต่งตัวออกมาเดินข้างนอก

ตรงนี้ไม่ต้องซ้ำยามเช้าก็ได้ครับ รวบทั้งสามประโยคนี้เป็น เผ้าผมและหนวดเคราดูยาวรุงรังไม่เป็นระเบียบเหมือนไม่ได้จัดการให้ดีตอนตื่นเช้า รวมไปถึงเสื้อผ้ายับๆ แบบไม่ยอมรีัดให้เรียบร้อยก่อนแต่งตัว ตรงเสื้อผ้าใช้คำว่ายะับเยินมันดูแปลกๆ นะครับ เหมือนไปโดนอะไรมา แล้วก็

แต่เมื่อออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ กลับมีชายวัยประมาณ 30

อันนี้ถ้ามากันหลายคนน่าจะใช้คำว่า 'กลุ่มชาย' ไปตั้งแต่ทีแรกเลยจะทำให้อ่านลื่นกว่าครับ เพราะแบบที่พี่คานะเขียนดูเหมือนเจ้าสามคนหลังโผล่มาจากไหนไม่รู้

นี่....  ไม่มีใครที่สมควรตายหรอกนะ...

ประโยคนี้เจอกี่ทีๆ ก็โดน...

รออ่านตอนต่อไปครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

เมตาม่อนชอบกินเต้าหู้ทอด อร๊าย แต่ผมสงสัยในตัวนายมาเฟียคนนั้นจริงๆ หวังว่าคงไม่จบลงที่เป็นแค่ตัวประกอบนะ

เหมือนที่ฟุเรอิซังว่าน่ะนะ ตอนช่วงแรกดูไม่ค่อยไหลลื่น เหมือนกับว่าบรรยายสถานการณ์ในขณะนั้นได้ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ แล้วค่อยมาดีขึ้นตอนช่วงหลัง

เอาละ! ตอนนี้นายอยู่ในโรงแรมกับเฟรย่าสองต่อสองแล้ว มัวหลับทำไม เผด็จศึกเลย!!!

[me=bluewind]โดนคาน่าซังตบตี[/me]

Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

ขอบคุณทุกคอมเม้นงับ หายไปนานเลยทีเดียว ต้องขอบคุณ ดร ที่เรียกให้กลับมา

มาลงกันต่อเลยละกัน =w=

ตอนที่ 10  จิ๊กซอชิ้นสุดท้าย

เมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาในยามเช้าอีกครั้ง เฟรย่าเป็นคนนำขบวนไปยังหอสมุด พร้อมกับบรรยายบรรยากาศของหอสมุดแห่งเมืองโคงาเนะอย่างน่าหลงใหล ไม่ว่าจะขึ้นชื่อด้วยเรื่อง หอสมุดที่ใหญ่ที่สุด เรืองรองที่สุด หนังสือเยอะที่สุด อะไรก็ว่าไป แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกระดาษติดป้ายประกาศแผ่นใหญ่ที่มีรูปหน้าเธออยู่

[ประกาศจับ.. (รูปหน้าเฟรย่า ที่กำลังยิ้มหวานแล้วแล๊บลิ้น มือชูสองนิ้ว) ผู้เป็นภัยแห่งเมืองโคงาเนะ รางวัลนำจับคือ ได้รับเหรียญประกาศเกียรติคุณผู้ปกป้องเมืองโคงาเนะ เป็นการตอบแทน]

เห็นแบบนั้นเธอก็กริ้วสุดแรงเกิด กระชากใบประกาศนั้นออกมาแล้วฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลางพึมพำเสียงต่ำออกมาว่า “เจ้าอเวลโล่จอมเละเลือน! ครั้งหน้าไม่ให้รอดแน่!!”

“เฟรย่า ภาพตรงกำแพงฝั่งนู้นดูคุ้นๆนะ” โคฮาคุชี้ไปตรงกำแพงอีกด้านหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป มีติดใบประกาศแบบที่เธอพึ่งทำลายทิ้งไป เรียงกันเป็นแถวยาวๆ เด็กสาวรีบกระโจนเข้าไปแล้วเก็บใบพวกนั้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แคว๊กๆๆๆๆ

“เอ่อ....” ทั้งโคฮาคุและสเปกต้ามองดูร่างบางที่ท่าทางแปลกไปจากเดิม แต่เธอเพียงหันกลับมาพลางยิ้มหวาน แล้วบอกว่า

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น! รีบไปหอสมุดกันเถอะ!”

ว่าแล้วเธอก็รีบเดินให้เร็วขึ้น มีเสียงพึมพำต่ำๆเล็ดลอดออกมาแบบที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากเมตามอนของเธอ

“ตาแก่นั้น.... เจอกันคราวหน้า... ตายแน่!!”

หอสมุดแห่งเมืองโคงาเนะ รูปร่างอาคารที่แปลกไม่เหมือนใคร เป็นหอทรงกลมสีเหลืองเรืองรองสูงประมาณ 5 ชั้นของตึก ใหญ่แบบที่หาหอสมุดที่ใหญ่กว่านี้ในเขตโจโตไม่ได้แล้ว เมื่อพวกเขาเข้าไปก็พบเหล่าหนอนหนังสือที่กำลังขมั่กเขม่นอ่านหนังสือกันอยู่ และตรงเคาเตอร์ก็มีพนักงานสาวสวยคอยให้บริการผู้ที่ต้องการจะสอบถาม ยืม เช่า หรือถ่ายเอกสาร หลังจากที่ดูหมวดหมู่ของหนังสือและปรึกษากันแล้ว ก็ตกลงกันว่า น่าจะอ่านเรื่อง ฮาคุริว ก่อนละกัน

แต่ว่าหมวดหมู่ของโปเกมอนมังกรสีฟ้าที่ชอบโลดแล่นอยู่บนท้องนภานั้น ใกล้ๆกันเป็นหมวดตำนานเทพแห่งโปเกมอนผู้สร้างจักรวาล เฟรย่าหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่สนใจจากบนชั้นหนังสือ หน้าปกของมันเขียนไว้ว่า “เทพีแห่งโชคชะตานอร์สและตำนานแห่งพันธะสัญญา”

เธอหยิบไปนั่งอ่านอยู่พักหนึ่ง ก่อนจับใจความสำคัญออกมา

[เทพีแห่งโชคชะตานอร์ส ผู้กุมความลับอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาลเอาไว้ ผู้หวังครองพลังจำต้องทำพิธีร่ายคำแห่งพันธะสัญญาลงไป ถ้อยคำที่ไม่ว่าผู้ใดได้สดับฟังเป็นอันต้องเข้าใจตรงกัน]

“ดีจริงๆเลยที่เรามาที่หอสมุด เล่มนี้ต้องเป็นคำใบ้ที่เกิดประโยชน์แน่ๆ”

เฟรย่ายิ้มออกมาจางๆ กอดหนังสือเล่มนี้เอาไว้ แนบชิดกับหัวใจ

“รอก่อนนะ... เฟีย”

ว่าแล้วเธอก็รีบเอาหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋าไป โดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย

“เฟรย่าคะ”

น้ำเสียงหวานใสเรียกให้เธอหันไปมอง ฮาคุริวนามว่าสเปกต้ากำลังจ้องมองเธออยู่ แม้ว่าที่นี่จะเป็นหอสมุดที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยชั้นวางหนังสือที่มากมายทำให้มุมที่สเปกต้าพูดอยู่นั้นเป็นมุมอับ คนอื่นๆมองไม่เห็นอย่างแน่นอน

“อะไรเอ่ยสเปกต้า?” เฟรย่ายิ้มหวานตอบ

ผ้าพันคอบนไหล่เธอขยับเล็กน้อย

“คือว่า ไซน์บอกกับฉันว่า ไซน์ชอบกินเต้าหู้ทอด คะ”

ดวงตาไร้เดียงสาน่ารักและน้ำเสียงหวานใสเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม เฟรย่าเลิกคิ้วสูง ก่อนจะไออย่างแรงเพราะผ้าพันคอที่อยู่ตรงคอรัดแน่นขึ้นจนหายใจไม่ออก

“ไซน์เป็นอะไรน่ะ หยุดนะ! หายใจไม่ออก”

เพราะว่าเด็กสาวโวยวายเสียงดังในหอสมุด ทำให้คนอื่นๆเริ่มเดินมาทางที่เธออยู่ด้วยสายตาตำหนิ เฟรย่ามองทุกคนด้วยสายตารู้สึกผิด ก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆให้กับสเปกต้าแล้วบอกเธอ

“งั้นก็... ขอบใจนะที่มาบอก ถ้าไงฉันไปก่อนนะ” พูดจบก็รีบเดินอย่างรวดเร็วออกจากหอสมุดทันที โดยมีเมตามอนส่งสายตาขอโทษไปหาผู้เป็นนาย แต่ก็มีเฉพาะสเปกต้าที่สังเกตเห็นละนะ

สเปกต้าส่งยิ้มแห้งๆให้ไซน์เป็นการขอโทษ ก่อนจะบินไปหาโคฮาคุ

สีหน้าของเด็กชายที่ยิ้มอย่างเป็นกันเองยามที่พูดคุยกับเธอ ชี้นู้นชี้นี้ให้ดู ภาพในหนังสือที่รูปร่างเป็นฮาคุริว มีฮาคุริวที่สีสันเป็นสีชมพูด้วย พร้อมกับท่าโจมตีต่างๆที่เธอไม่รู้จัก เธอรู้เพียงแต่ว่า เพียงได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนของเขาแล้ว ก็รู้สึกดีมากๆ น้ำเสียงอ่อนโยนที่เป็นของเธอคนเดียว สเปกต้าซบบนตักของโคฮาคุ สายตามองภาพในหนังสือและตัวอักษรที่วางอยู่บนตักของเขา พลางคิดว่า นี่เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ไซน์รู้สึกหรือเปล่านะ?

-----------------------------------------------------------

ทางด้านเฟรย่าที่ออกมาจากหอสมุด หลังจากที่ออกมาจากนั้นนั้นได้เธอก็เดินช้าลง และกระซิบถามไซน์

“อยากกินเต้าหู้ทอดจริงๆเหรอ?”

ผ้าพันคอจากที่สีแดงหม่นเปลี่ยนสีเป็นสีแดงแปร๊ดในทันที ถ้าคนที่มองมาอาจจะตกใจจนซ๊อคตายก็ได้เพราะเห็นผ้าพันคอที่เปลี่ยนสีกระทันหัน เฟรย่าตกใจเลยต้องรีบพูดออกมา

“ไม่ต้องเขินก็ได้ ไว้จะหาซื้อให้นะ”

“เมมมม” ครางเบาๆอย่างความเขินอาย

“แต่ว่า สเปกต้านี่ก็ดีจังเลยนะ รู้ใจไซน์ด้วยว่าชอบอะไร แบบนี้คงต้องมองสเปกต้าใหม่แล้วละ แต่ว่าไซน์จะไม่เข้าไปผูกมิตรด้วย ใช่ไหม?”

“...............................”

“รู้ใช่ไหมว่า งานนี้อาจจะเป็นงานสุดท้ายจริงๆนะ ถ้าทำสำเร็จละก็ เฟรย่าจะได้เฟียกลับมา”

“........................” ผ้าพันคอสั่นระริก

เฟรย่ารู้สึกได้ว่าร่างบางๆของผืนผ้าว่ากำลังคิดอะไร เธอจับผืนผ้าตรงคอเธอไว้แล้วบอกว่า

“ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอกนะ ถึงเฟียจะกลับมา ฉันก็ยังรักและดูแลไซน์เหมือนเดิมนะ”

เป็นครั้งแรกที่ไซน์ได้ยินคำพูดนี้ของเฟรย่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไซน์จึงได้แต่อยากร้องตะโกนดังๆออกมาด้วยความดีใจว่า

[เฟรย่ารักไซน์จริงๆด้วย! สเปกต้าพูดถูกจริงๆ สเปกต้าเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ สเปกต้าเก่งสุดๆ!!]

ไซน์แอบร้องไห้ด้วยความดีใจพลางสรรเสริญในตัวสเปกต้าไปด้วย จนลืมคำเตือนของเฟรย่าไปเกือบสนิท

เดินไปได้สักพัก เด็กสาวก็เดินผ่านตึกหรูหราตึกหนึ่งไป เธอหันกลับมามองด้วยความสนใจ ตึกแห่งนั้นคือตึกคาร์ซิโน่ชื่อดังแห่งเมืองโคงาเนะ เธอยิ้มและพึมพำให้ไซน์ได้ยินผู้เดียว

“วันนี้ หาเงินเพิ่มเติมจากที่นี่ดีกว่า”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จากดวงอาทิตย์ในยามเช้าก็คล้อยเลยบ่ายมาเป็นเวลาเย็น สองชีวิตที่ถูกทิ้งไว้ที่ห้องสมุดก็นั่งอ่านอะไรเรื่อยไปรอไป แต่ก็ไม่มีวี่แววเลยว่าคนที่เดินออกมาไปก่อนจะกลับมา ในที่สุดเมื่อเริ่มเบื่อที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม (ประกอบกับเริ่มหิวแล้ว) โคฮาคุเลยเก็บหนังสือที่เอามาทั้งหมดแล้วออกจากหอสมุดพร้อมกับสเปกต้า

“ไปไหนของเธอกันนะ?”

เดินผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย โคฮาคุคุยกับสเปกต้าเป็นระยะๆ พูดอยู่คนเดียว โดยที่ตัวมังกรฟ้าเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เหมือนกับที่เทรนเนอร์ทั่วไปจะชอบพูดคุยกับโปเกมอนของตัวเองทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดตอบ เพราะใช้ใจสื่อถึงกัน

เมื่อเดินผ่านร้านคาร์ซิโน่ รูปร่างอาคารที่สีสันสะดุดตาเป็นพิเศษแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม ดึงดูดความสนใจของมังกรน้อยสีฟ้าไปได้เยอะทีเดียว เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วความสนใจของเด็กชายก็ถูกดึงดูดตามไปด้วย เขาเดินไปที่หน้าต่างมองลอดเข้าไป ตั้งใจจะอธิบายให้โปเกมอนของเขาฟังก่อนจะพาเดินออกมา แต่ว่าภาพเหตุการณ์ที่เห็นในร้านนั้นทำให้เขาตกใจเสียก่อน

ภาพที่เห็นคือ ภาพเด็กสาวที่คุ้นเคยที่สุด กำลังเป็นเจ้ามือวางไพ่หมายเลขสูง 4 ใบติดกัน และข้างหน้าของเธอนั้น มีเหรียญทองกองหนึ่งท่วมสูง เด็กสาวมองเหรียญทองกองนั้นด้วยความพึงพอใจ

25-5-54.jpg

รอบๆด้านนั้นมีผู้ชายตัวใหญ่ๆหลายๆคนกำลังยกมือกุมศรีษะ ส่งเสียงโวกเวกโวยวายจนได้ยินออกมาข้างนอก

“อ๊า! ยัยบ้านั้นกินไปหมดเลย!!”

“อ๊ากกกก!! หมดตัวแล้ว”

อะไรทำนองนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มร่าเล่นไพ่ต่อไปด้วยความชำนาญอย่างไม่มีหยุด ไม่ได้สนใจรอบด้านเลยแม้แต่น้อย คนที่อยู่ตรงหน้าต่างได้แต่ยิ้มที่มุมปากซึ่งกระตุกแล้วกระตุกอีกนับไม่ถ้วน ก่อนจะทนไม่ไหวเปิดประตูเข้าไป พร้อมกับลากร่างบางที่ยังเมามันส์อยู่กับโต๊ะไพ่ให้ออกมา

“กลับได้แล้ว” โคฮาคุเอ่ยเสียงต่ำ พลางฉุดกระชากร่างน้อยๆให้เดินไปด้วย

เฟรย่าเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมถูกลากไป แต่แล้ว...

“ว้าว!! ฮาคุริว ราคาต้องดีแน่ๆเลย!”

ชายร่างกำยำคนหนึ่งพุ่งออกไปจับสเปกต้าเอาไว้ มังกรสีฟ้าดิ้นรนสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่มีใครสงสัยเลยว่าทำไมโปเกมอนตัวนี้ถึงไม่ใช้พลังออกมา แต่ในเมื่อเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากและมีราคาสูง ไม่ว่าใครก็อยากได้ทั้งนั้น

“สเปกต้าเป็นของฉันนะ อย่ามายุ่ง!!” โคฮาคุปล่อยเฟรย่าแล้วรีบวิ่งไปหาชายร่างกำยำคนนั้นทันที แต่ไม่ทันถึงตัวก็ถูกกลุ่มของชายร่างใหญ่ๆผลักเต็มแรงจนล้มไปนั่งกับพื้น

“นี่นี่ลุง ขโมยของคนอื่นน่ะ ไม่ดีเลยนะ” คราวนี้เด็กสาวเดินมายืนประจันหน้ากับชายร่างกำยำบ้าง ใบหน้าเรียวงามเหยียดยิ้มนิดๆ ปรายตามองชายตรงหน้าอย่างดูหมิ่นถึงที่สุด

“ไม่สน! ตอนนี้ข้าจับมันได้แล้วมันก็ต้องเป็นของข้าสิ ฮ่าๆๆๆ” ผู้ชายร่างกำยำนั้นหัวเราะเสียงก้อง คนที่ถูกผลักไปแล้วรีบลุกขึ้นมาและวิ่งไป ตั้งใจจะทำอะไรก็ได้ให้เขาปล่อยตัวสเปกต้าออกมา ไม่มีทางยอมให้เอาไปได้เด็ดขาด แต่แล้ว...

ตูม!!!

ตู้คอนเทนเนอร์ข้างหลังพังเป็นแทบๆ ฝ่ายชายร่างกำยำถึงกับทำหน้าเหวอเมื่อเหลือบมองไปด้านหลัง เห็นตู้คอนเทนเนอร์ข้างๆตัวนั้นเป็นรอยยุบ มองไปที่เด็กสาวเบื้องหน้าที่ยังคงมีรอยยิ้มเย็นๆ หากแต่มีออร่าสีดำแผ่กระจายออกมาจากด้านหลัง โดยปลายหางของผ้าพันคอนั้นแปรสภาพเป็นหมัดขนาดใหญ่ยืดยาวไปทำลายตู้คอนเทนเนอร์เมื่อกี้

“สเปกต้าน่ะ ของฉัน” เด็กสาวยิ้มหวานให้กับทุกคนในร้าน

ก่อนจะให้ปลายผ้าพันคออาละวาด จัดการกวาดคนที่อยู่ในร้านปลิวออกมานอกร้านทีละคน สองคน จนหมดร้านไป

โคฮาคุมอบรอบๆตัวอย่างตกใจ สภาพร้านคาร์ซิโน่ในตอนนี้ เหมือนสิ่งก่อสร้างที่ถูกรถแทรกเตอร์ทำลาย เรียกได้ว่า เละไม่มีชิ้นดีเลยทีเดียว เมตามอนที่แปรงร่างเป็นไคริกี้[#068 Machamp] อุ้มสเปกต้ามาส่งให้โคฮาคุ ไซน์ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดสองสามทีแล้วกลับร่างเป็นผ้าพันคอของเด็กสาวเหมือนเก่า

ฝ่ายเด็กสาวที่ยืนกอดอกนิ่งๆ มองสภาพร้านด้วยดวงตาเบิกกว้างแล้วพูดว่า “รีบกลับที่พักดีกว่า”

บางทีเธออาจตกใจกับสภาพร้านที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันภายในเวลาไม่ถึงนาทีครึ่งก็ได้ โคฮาคุคิดเช่นนั้น เขาเองก็พึ่งรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่ไม่น่าหาเรื่องด้วยมากที่สุด ถึงแม้ว่าใบหน้าจะฉาบด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจคงจะโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย จึงได้ระเบิดพลังเช่นนั้นออกมา หรือว่าจะ....

“มัวยืนบื้ออะไรอยู่ละ! อยากโดนพวกยามมาลากตัวหรือไง รีบๆออกไปเร็วสิ”

ในที่สุดก็โดนเด็กสาวด่า โคฮาคุได้แต่มองคนที่ทำหน้าดุอยู่เบื้องหน้าอย่างไม่วางตา ก่อนที่เด็กสาวจะถอนหายใจแล้ววิ่งออกจากร้าน ผมหางม้ายาวสลวยกวัดแกว่งตามแรงทิ้งน้ำหนักของเจ้าของ เด็กชายเห็นอย่างนั้นแล้วยืนคิดในใจครู่ใหญ่ ก่อนจะวิ่งตามออกไป

กลางถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ก่อนจะเปลี่ยนเขตมาเป็นสวนย่อมที่ร่มรื่นด้วยเงาไม้สูง จากการสาวเท้าก้าวยาวๆแปรเปลี่ยนมาเป็นทอดน่องเดินช้าๆ บางทีเด็กสาวตรงหน้าอาจจะยังไม่อยากกลับที่พักในเวลานี้

แต่นั้นก็ทำให้โคฮาคุพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาได้ง่ายขึ้น เขารวบรวมความกล้า ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“ขอบคุณมากเลยนะ ไม่คิดว่าเธอจะทำเพื่อสเปกต้าขนาดนี้”

เฟรย่าหันกลับมา ผมหางม้าแกว่งไปด้านหลังตามแรงหัน ฉายให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลสดใสที่ดูตกใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่โคฮาคุขอบคุณเธอ ทำเอาทำอะไรไม่ถูกทีเดียว ก่อนจะตั้งสตินึกขึ้นมาได้  จึงหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง

“ฮ่ะๆๆ ขอบคุณอะไรกัน แค่เป็นเรื่องของสเปกต้านายก็ทุ่มเททันทีนะ อย่ามาทำทีเป็นสนใจฉันหน่อยเลย”

“แต่ว่า เธอเองก็ท่าทางเป็นคนดีมากกว่าที่ฉันคิดไว้นะ”

โคฮาคุเอ่ย ก่อนจะร่ายยาวออกมา “ทั้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ท่าทางไม่น่าไว้วางใจสุดๆ แล้วต่อมาก็เหมือนปัญหาจะวิ่งมาเพราะเธอเป็นต้นเหตุตลอด ถึงตอนที่อยู่ที่คาร์ซิโน่อาจจะรวมยอดนั้นไปด้วย แต่สำหรับสเปกต้าที่ไม่มีพลัง ไม่มีความสำคัญอะไรกับโปเกมอนเทรนเนอร์ที่บ้าพลังเลย เธอกลับพยายามปกป้องอย่างถึงที่สุด ไม่เหมือนคนอื่นๆที่ชอบมองแต่เปลือกนอก ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของจิตใจ ต้องมองเธอใหม่แล้ว”

“ขอบคุณจริงๆคะ!!” สเปกต้าพูดขึ้นบ้าง โบกหางปาอย่างร่าเริง

“จริงๆแล้วไซน์เป็นคนทำต่างหาก ยะ อย่าเข้าใจผิดสิ” จะว่าไปเธอก็รู้สึกแปลกๆ หรือไซน์จะหัวรุนแรงขึ้น แต่ไม่น่านะ...

“จริงๆแล้วเรามีอุดมการณ์เดียวกันใช่ไหม?” น้ำเสียงตื่นเต้นโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง นี่ก็เป็นครั้งแรก อีกครั้งที่เห็นดวงตาของคนตรงหน้ามีประกายระยิบระยับ ส่องแสงความรู้สึกอันแสงกล้านั้นทำเอาเด็กสาวต้องเอามือบังตา

“อาจจะ... เป็นอย่างนั้นก็ได้ มั้ง?”

“ฉันยอมรับเธอเป็นเพื่อนร่วมทางจริงๆละ!!” นี่ก็เป็นอีกครั้งจริงๆ ที่โคฮาคุยิ้มให้เธอ เด็กสาวยิ้มแหย่ๆ ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะปักใจเชื่อในตัวเธอเรียบร้อยแล้ว ทำยังไงต่อดีละ? เมื่อคิดไม่ออกจึงได้ยิ้มหวานๆและเอ่ยเสียงใสเบาๆ

“ขอบคุณนะที่ยอมรับในตัวฉัน”

“ถ้างั้นก็ต้องหาข้อมูลในหอสมุดให้เต็มทีแล้วละ!!”

คนที่ติดไฟเรียบร้อยแล้วชูมือขึ้นสูง พลางโบกไปมา สเปกต้าเองก็เล่นตามไปด้วย โบกหางไปมาอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองไม่รู้เลยว่าด้านหลังนั้น ร่างบางจะใช้มือยันต้นไม้ไว้ ก้มหน้าแล้วพึมพำเบาๆ

“อ่า... เหนื่อยชะมัดเลย...”

ทางด้านของร้านคาร์ซิโน่ ที่ด้านในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับซากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกทำลายยับเยิน หญิงสาวที่มีรูปร่างผอมบางงดงามชวนน่าหลงใหล ผมสีบลอนด์ทองลอนยาวคลอเคลียกลางหลัง ชุดสีดำราตรีผ่าข้างเผยให้เห็นเรียวขายาวขาวผ่อง ปลายเท้าสวมรองเท้าส้นสูงเดินก้าวเท้าสำรวจความเสียหายคร่าวๆภายในร้านอย่างไม่ยี่หระอะไร แต่ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวกลับดูไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะสะบัดพัดในมือลงแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ

“ยัยเด็กบ้านั้นทำลายร้านพังได้ขนาดนี้เชียว แบบนี้ต้องคิดดอกเบี้ยให้เข็ดไปจนวันตาย”

-----------------------------------------------------------

ยามค่ำคืนที่แสงนวลจลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาในตัวห้อง ลมเย็นๆจากภายนอกพัดเข้ามาถูกผิวกายของผู้ที่ใกล้เข้าสู่ห้วงนิทรา สเปกต้าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเห็นประตูระเบียงที่เปิดอ้าทิ้งไว้ และรูปร่างไร้รูปทรงที่แน่ชัดสีชมพูยืนเกาะระเบียงด้านนอกอยู่

บนฟากฟ้าประดับด้วยประกายสีขาวเล็กๆของดวงดาว และดวงจันทร์สีนวลที่ใกล้จะกลมมนเต็มที่ ถึงแม้จะไม่ใช่ทรงกลมซะทีเดียว แต่หลังจากที่ลืมตาฟื้นขึ้นมาบนโลกนี้ได้พักหนึ่ง ก็พอจะรู้ว่าอีกไม่นานดวงจันทร์ที่แหว่งอยู่นั้นใกล้จะเป็นทรงกลมโดยสมบูรณ์ ถึงแม้กระนั้น เธอก็ยังเอ่ยชมธรรมชาติที่แสนงดงามให้ชีวิตที่อยู่ข้างๆได้ฟัง

“ดวงจันทร์สวยจังเลยนะคะ”

“ใช่แล้วละ! ถ้าหัวใจของฉันผุดผ่องและสว่างไสวได้เหมือนดวงจันทร์นั้นก็คงจะดี”

ว่าแล้ว ดวงตาของคนพูดก็เหม่อลอยไปเสียไกล

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

เมตามอนก้มหน้าลง สีหน้าฉายให้เห็นถึงความกลัดกลุ้ม สเปกต้าจึงเริ่มเดาเอาเอง

“ยังมีปัญหากับเฟรย่าอยู่เหรอ?”

เมตามอนรีบหันควับมาปฎิเสธทันที

“ไม่ใช่นะ!! วันนี้เฟรย่าใจดีมากๆเลยต่างหาก  เธอซื้อเต้าหู้ทอดให้ฉันตั้ง 20 ชิ้น! และเฟรย่าก็ยังสารภาพรักกับฉันด้วย...”

ว่าแล้วเจ้าตัวที่พูดออกมาก็หน้าแดง เหม่อลอยไปเสียไกล ก่อนจะหันหลังให้เธอ

“งั้นก็ดีแล้วนี่นา? แล้วมีอะไรที่น่ากลุ้มอยู่อีกละ?”

“เพราะว่า... ฉันเริ่มจะรู้สึก ผูกพันกับเธอจริงๆแล้วน่ะสิ”

ถึงแม้จะพูดเรื่องที่น่าอายขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไซน์หันไปมองสเปกต้า และเห็นมังกรสีฟ้ากำลังยิ้มตอบกลับมาอย่างร่าเริง

“งั้นก็ดีแล้วนี่คะ”

“......... ฉันควรจะทำยังไงดีนะ” ไซน์เริ่มพึมพำเบาๆอย่างเศร้าสร้อย

“สเปกต้าไม่รู้หรอก ว่าสเปกต้าเป็นโปเกมอนตัวแรกที่ไซน์คุยด้วยนานขนาดนี้ ที่ผ่านมาไซน์ไม่เคยตีสนิทกับใครนะ ดังนั้น ดังนั้น... “

ไซน์เงยหน้ามองดวงจันทร์สีนวลที่แสนงดงามอีกครั้ง ด้วยดวงตาที่เหม่อลอย

“ถ้าหัวใจของฉันไม่มีเรื่องกังวลใดๆ ดุจดวงจันทร์สีนวลที่ปราศจากมลทินแล้วละก็ มันจะ... มันจะดีกว่านี้มาก”

ว่าแล้วเจ้าตัวคนพูดก็เริ่มน้ำตาคลอ ก่อนจะไหลพรากๆออกมาอาบแก้ม ถึงสเปกต้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยก็ต้องช่วยปลอบละ

“ไม่เป็นไรหรอกนะไซน์ แค่นี้เธอก็ดีมากๆแล้วละ ฉันพูดจริงๆนะ”

“สเปกต้า ฉันอยู่กับเฟรย่ามานานกว่า และรักเฟรย่ามากกว่า ดังนั้นฉันขอโทษนะ”

“....................” สเปกต้างุนงงกับคำพูดของไซน์ ก่อนจะตอบรับเบาๆ

“อือ”

เวลานั้นสเปกต้าไม่มีทางเข้าใจคำพูดของไซน์เลยแม้แต่น้อย เงยหน้ามองดวงจันทร์ที่เปรียบเสมือนเข็มทิศคอยนำทางตลอดมา ดวงจันทร์ที่เคยแหว่งไปใกล้จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เหมือนบ่งบอกว่าตัวเองเป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด ของบางอย่าง ที่กำลังใกล้เข้ามา

-----------------------------------------------------------

ปล. ภาพของตอนนี้ รุ้สึกเป็นภาพที่ดูดีที่สุดเท่าที่เคยระบายมาเลยนะนี่ TwT//

Link to comment
Share on other sites

ดันๆ

ฮ่ะๆๆๆ กลายเป็นป๋าดันไปแล้ว

ไม่ตามมีหวัง เรื่องนี้ หาย

---------------------------------------------

อย่างที่บอกไว้ใน M

"จงเรียกฉันว่าราชินี!!! โฮะๆๆๆ"

Link to comment
Share on other sites

โอ้ ความรักเจ้าเอย....เฝ้าตามหาเธอ....

แต่ลื้อไม่มีเพศไม่ใช่เหรอ เมตาม่อน!!!

Me/ ผัวะ! ถูกฮาคุริวตบ...

Link to comment
Share on other sites

ไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรกมา สุดยอดจริงๆ

ถึงจะไม่มีเพศ แต่เมตาม่อนก็ออกไข่กับใครก็ได้นา อย่าทำเป็นเล่นไป

วันหลังสเปกต้าจะเสร็จไซน์ :psyduck02:

[me=Namifia Ashihara]โดนสเปกต้าโบกอย่างแรงด้วยหาง[/me]

Link to comment
Share on other sites

เห็นด้วยกับข้อความสีชมพูล่างสุดของฟิค

=w=

Link to comment
Share on other sites

  • 5 weeks later...

เจอนักอ่านคนใหม่เพิ่มมาในฟิคแล้ว ดีใจจัง >_<///

อ่านคอมเม้นของแต่ละคนไปก็ฮาไป หุหุ

หายไปนานเลยนะนี่ ตั้ง 1เดือน ถ้าไงขอมาต่อเลยละกันนะ

ตอนที่ 11 ลาจาก

สามสิ่งลี้ลับที่หลงเหลือ

คือเทพีชะตานอร์นดลบรรดาล

กุญแจไขสู่พลังโบราณกาล

ควบคุมทุกสิ่งไว้ในกำมือ

    กลางดึกคืนหนึ่ง ใต้แสงจันทร์สีนวลที่ใกล้วันเพ็ญเต็มที่แล้ว ดวงตาคู่กลมโตเผยอหนังตาขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากได้ยินเสียงกระซิบที่ถี่ขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างเร่งเร้า ครั้นพอชะโงกคอไปมาก็ไม่เห็นสิ่งใด นอกจากแสงสว่างเรืองรองสีเขียวที่อยู่หลังประตูตรงระเบียงข้างนอก สเปกต้าเลื้อยไปที่ประตูแล้วออกไป พบกับ เซเลบี ที่ชื่อว่า เซิฟฟี่ กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาคู่สีเขียวที่ดูไม่สดใสนัก

“ไอรีน เทพีแห่งโชคชะตานอร์นแห่งปัจจุบัน เวอร์ดันดี้ ถูกจับตัวไปแล้วนะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ความง่วงก็หายไปปลิดทิ้ง สเปกต้าละลักละล้าถาม

“หมายความว่ายังไง ถูกใครจับไป?”

“องค์กรลึกลับที่ขึ้นชื่อว่าใช้โปเกมอนไปในทางที่ชั่วร้าย ให้เป็นเครื่องมือของพวกมนุษย์” เซฟฟี่ถอนหายใจยาวออกมา “เวลาแห่งความสงบสุขหายไปแล้ว.. ใกล้ถึงเวลานั้นเต็มที”

“มีอะไรที่พวกเราทำได้บ้างละ อะไรก็ได้ที่จะขัดขวางพวกนั้น” สเปกต้ารู้สึกไม่พอใจมากที่เห็นท่าทีของเซเลบี เหมือนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับมีท่าทีสิ้นหวังเหมือนไม่สามารถทำอะไรได้สักอย่าง

“ไม่มีอะไรที่เราทำได้หรอกนะ” เซิฟฟี่บอก คราวนี้ดวงตาสีเขียวจ้องมองเธอเป็นประกาย

“ถ้านั้นแลกไอรีนกลับมาแล้วละก็ ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆก็ตามฉันก็จะรอวันนั้น เราจะได้เจอกันอีกครั้ง ในวันที่เธอจำฉันได้อย่างสมบูรณ์”

“แต่ว่า..” สเปกต้าเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ถูกเซิฟฟี่ขัดขึ้นมา เหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร

“เมื่อวงล้อแห่งชะตากรรมเริ่มหมุน ก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งมันได้อีกต่อไป”

-----------------------------------------------------------

เวลาเปรียบเหมือนสายลม

พัดผ่านมาต้องผิวกาย พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าสายลมนั้นหายไปแล้ว

เหลือเพียงความทรงจำ ความรู้สึกดีๆ ที่ตกค้างอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ

ดวงจันทร์ที่ใกล้กลมโตโดยสมบูรณ์ลอยเด่นสง่ากลางฟากฟ้า ท่ามกลางผืนราตรีสีน้ำเงินเข้มที่ประดับประดาด้วยดวงดาวนับล้าน ราวกับบอกให้รู้โดยนัยว่ายามกลางคืนนี้ไม่มีใครสามารถเด่นไปกว่าตัวเองได้ ร่างของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนหลังคาของตึกแห่งหนึ่ง ครึ่งร่างกายของเธอถูกแสงจันทร์อาบไล้ลงมาเป็นสีเงิน ดวงตาคู่สีน้ำตาลและดวงตาคู่สีดำขลับของโปเกมอนจ้องมองดวงจันทร์ด้วยกัน

“สัญญานใกล้เข้ามาทุกที กำหนดการเหลืออีกไม่มากแล้ว จริงๆ”

เมตามอนเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ และเปลี่ยนร่างของตัวเองเป็นตัวอักษรของมนุษย์ อ่านว่า

“ทำยังไงดี?”

เด็กสาวก้มหน้างุด มือกอดเข่าตัวเองไว้เหมือนกับจะสามารถปกป้องความหนาวไว้ได้ พลางหรี่ตามองโปเกมอนตรงหน้า

“ฉันไม่รู้ แล้วเธอละ”

รูปร่างของตัวอักษรเปลี่ยนไป

“อะไรสำคัญกว่ากันละ”

“โธ่เอ้ย....!!!” กำปั้นทุบลงบนหลังคาเต็มแรง ความสั่นสะเทือนและดวงตากริ้วกราดของผู้เป็นนายทำเอาตัวอักษรสั่นระริก จากนั้นก็ละลายราวกับก้อนชีสที่ถูกความร้อน

“ถ้าฉันรู้ฉันคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มอยู่ตรงนี้หรอกนะ”

ว่าแต่เด็กสาวก็ลุกขึ้นยืน สายลมยามดึกพัดถาโถมเข้ามาราวกับจะพัดให้ร่างบางตกลงไป หากแต่เธอไม่ได้สะเทือนกับแรงลมเลยแม้แต่น้อย

“สิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้า กับสิ่งสำคัญเมื่อครั้งอดีต ถ้าเป็นเฟียละก็....”

คราวนี้ดวงตามองไปที่ดวงจันทร์ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่กว่าเดิม

-----------------------------------------------------------

“เราจะออกจากเมืองนี้กัน”

ในตอนรุ่งเช้าของวันถัดมา ก็ประเดิมด้วยคำพูดที่ไม่เหมือนวันปกติอีกต่อไป เฟรย่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ทำไมละ?” โคฮาคุที่กำลังตักข้าวโอ๊ดเข้าปาก

ข้างๆเขาเป็น สเปกต้ากำลังกินขนมปังเป็นอาหารเช้า

เมืองนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

ในใจเฟรย่าอยากจะพูดแบบนี้ แต่แน่นอนว่าหากพูดแบบนั้นออกไป ย่อมมีคำถามที่เธอไม่สามารถตอบได้แน่นอน เธอจึงได้แต่ยิ้มหวานแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยแรงจูงใจ

“เราพักที่นี่กันมานานแล้วใช่ไหมละ น่าจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งได้แล้วนะ”

“เราตั้งใจจะมาข้อมูลที่หอสมุดที่นี่ ที่พวกเราอ่านจบไปแล้วยังไม่ไม่ถึงครึ่งของที่ต้องอ่านต่อนะ” โคฮาคุแย้ง

“หาเสร็จแล้วละ” เฟรย่าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ

“ดวงจันทร์สีชมพู ต้องเป็นเครเซเรีย โปเกมอนดวงจันทร์แน่ๆ!”

“เอ๋?” สเปกต้าอุทาน ขนมปังร่วงตกจากปาก

“เป็นโปเกมอนหรอกเหรอ พูดจริงหรือเปล่า” คราวนี้โคฮาคุเองก็หยุดกินด้วยเช่นกัน ตาเขม่งจ้องมองเธอ

นี่พวกเธอตามหาตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอ? หรือว่าเครเซเรียจะตำนานเกินไปจริงๆจนผู้คนไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่จริง แต่ก็คิดเผื่อไว้บ้างก็ได้นิ โดยเฉพาะดวงจันทร์สีชมพูที่พูดได้น่ะ....

เฟรย่าแอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก็จะพูดต่อไป

“ในตำนานกล่าวไว้ว่ามันอาศัยอยู่บนเกาะแสงจันทร์เต็มดวง เมือง Canalave City เป็นเมืองท่าเรือ ถ้าไปที่นั้นอาจได้รู้อะไรเพิ่มแน่ๆ”

อาจจะไม่ใช่ Canalave City ก็ได้ เฟรย่าก็ได้แต่ตอบให้ผ่านๆไป ยังไงก็ได้

ขอให้ออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดก็พอ

โคฮาคุกับสเปกต้ามองหน้ากัน

ในเมื่อรู้สถานที่ที่จะไปแล้วก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ในเมืองที่แสนจะวุ่นวายแห่งนี้ต่อ (แน่นอนว่าไม่ใช่นิสัยของโคฮาคุด้วย) พวกเขาจึงตัดสินใจจะออกเดินทางในนาทีนั้นเลย

--------------------------------------------------------------------

ผ่านไป 4 ชั่วโมงแล้วกับการออกเดินทางจากเมืองโคงาเนะ ยามนี้ข้าสู่เวลาเที่ยง ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุด สาดแสงแรงกล้าไปทั่วพื้นดิน หากแต่สถานที่ที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่นั้นเต็มไปด้วยแมกไม้ให้ความร่มรื่น แสงแดดจึงแทบไม่เป็นผลต่อการเดินทางเลยแม้แต่น้อย แต่เด็กชายเริ่มเหนื่อย เพราะเด็กสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลย

“เมืองอยู่ไกลมากเลยหรอ? เฟรย่า” โคฮาคุถาม พยายามซ่อนเสียงเหนื่อยหอบของตัวเองเอาไว้ พลางเช็คเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า

“ไกลมากๆ ถ้าไม่รีบเดินทางจะไปไม่ทันค่ำนะ” เฟรย่าหันมาตอบ ไม่มีทีท่าของความเหนื่อยล้า แต่ก็พอเห็นเหงื่อผุดพรายอยู่หน่อย

“ง่วงแล้ว ขอนอนนะ” สเปกต้าบินขึ้นมาคลอเคลียข้างแก้มโคฮาคุแล้วเริ่มหาว พลางพันรอบคอเขาแล้วหลับตาลง

“อ่า...” เขาพึมพำออกมานิดหนึ่ง มันหนักนะ T^T

“อิอิ ไม่ไหวแล้วใช่ไหมละ?” เฟร่ยายกมือป้องปากแอบหัวเราะคิกๆ

“ไม่ใช่สักหน่อย” โคฮาคุบุ้ยหน้า แล้วรีบเดินให้เร็วขึ้น

เฟรย่าหลิ่วตามองเขา แอบรู้สึกเห็นใจเล็กน้อยที่ต้องเดินทางติดต่อกันนานขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่คนที่เคยฝึกฝนร่างกายอย่างหนักแบบเธอแล้วละก็คงล้มพั่บไปตั้งแต่เข้าสู่ชั่วโมงที่ 3 แล้วละมั้ง

แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา

คิดแบบนั้นเธอก็เลิกสนใจคนข้างหลัง หมุนตัวกลับไปออกเดินทางต่อ ตอนนี้ย่างเข้าสู่เมือง อาซากิ เมืองแห่งท่าเรือแล้ว ถ้าไปถึงเมืองนั้นได้ก็อาจจะเรียกได้ว่าเข้าสู่เขตปลอดภัยแล้ว แต่ยังไงก็ต้องรีบ รีบออกไปจากแผ่นดินนี้ให้เร็วที่สุด

((ช่วยด้วย))

สเปกต้ากระพริบตา ครั้นแล้วก็ต้องกระพริบตาถี่ขึ้น เพราะแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป

((ช่วยด้วย))

“ใครน่ะ?” อดใจไม่ไหวจึงตะโกนถามออกไป

พอเหลียวมองรอบตัวก็ไม่มีอะไรผิดแปลกไป นอกจากตัวเธอที่ทุกคนต่างหันมามองเป็นทางเดียวกัน

“มีอะไรเหรอสเปกต้า?” โคฮาคุถาม

“เสียงขอความช่วยเหลือ ไม่ได้ยินเหรอคะ?” สเปกต้าหันไปมองรอบตัว เธอเริ่มกระวนกระวาย

เฟรย่าขมวดคิ้ว หันไปมองไซน์ ไซน์เองก็ทำท่าเหมือนไม่รู้พอๆกัน

((ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที))

สเปกต้าหันซ้ายรีขวา สุดท้ายเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะทำอะไร ก็รีบกางปีกบินจากไป

“สเปกต้า เธอจะไปไหน” โคฮาคุหันไปมองอย่างตกใจ

“ฉันจะไปหาเสียงปริศนานั้นคะ” เธอตอบแล้วรีบบินจากไปอย่างรวดเร็ว

“หยุดนะ สเปกต้า” เฟรย่าตะโกน แล้วรีบวิ่งตามเธอไปทันที

รอบข้างมีแต่เสียงลม จากการบินพุ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ ถึงกระนั้นแล้วเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้แผ่วเบาลงแต่อย่างใด หากแต่กำลังอ่อนแรงคร่ำครวญอย่างทรมาน

“เธออยู่ที่ไหนกัน??” สเปกต้าได้แต่พึมพำเบาๆ ถึงไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ แต่ก็ยังอยากจะช่วย

เสียงนั้นหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับมาเบาๆ

((ไอรีน เธออยู่แถวนี้หรอกหรือ?))

“ใช่แล้ว ฉันกำลังจะไปหาเธอ” ถึงแม้ว่า ไอรีน จะไม่ใช่ชื่อของเธอ แต่สเปกต้าก็ตอบกลับไปอย่างกระวนกระวายใจ

((เธอไม่มีพลังเหลือแล้ว ไอรีน ได้โปรด อย่ามา))

“ทำไมกัน ทำไมกัน!! เพราะแบบนั้นฉันเลยทำอะไรไม่ได้เหรอ? ทั้งๆที่ฉันได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือแล้วจะให้ฉันอยู่เฉยๆเหรอ? ถ้าอย่างนั้นตัวฉันจะมีความหมายอะไร???” สเปกต้าตะโกนกลับไปอย่างคับแค้นใจ

((ถ้าเช่นนั้น ไอรีน ได้โปรด ระวังตัวด้วย))

      ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!

เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นเบื้องหน้าของเธอ แสงสีเสียงทำเอาหูตาพร่าไป สเปกต้าหยุดเคลื่อนไหวแล้วมองไปรอบด้านด้วยหัวใจเต้นระรัว เมื่อกลุ่มควันจางลงเธอก็เห็นโปเกมอนตัวเล็กๆ สีฟ้าที่มีปลายหางสองเส้นยาวลงมาแบบขนนก กำลังถูกกลุ่มคนชุดดำหลายคนใช้โปเกมอนที่ตัวเองมีอยู่เข้ารุมทำร้าย โปเกมอนสีฟ้าพยายามหลบพลังนั้น พร้อมกับโปเกมอนป่าจำนวนหนึ่งที่พยายามปกป้องจนอ่อนแรง และล้มลงไปนอนทีละตัวสองตัว

โปเกมอนสีฟ้าพยายามมองเธอ มองมังกรสีฟ้าที่อยู่ไกลออกไปลิบ ก่อนจะทิ้งร่างของตัวเองให้ร่วงลงสู่พื้นดั่งหมดแรงเฮือกสุดท้าย และถูกแสงสีแดงกลืนกินเข้าลูกบอลจับโปเกมอนไป

“.......................” ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอช๊อค ไม่กล้าขยับเขยื้อน ไม่กล้าเคลื่อนไหว แม้แต่จะหันหลังกลับไปก็ทำไม่ได้ ได้แต่มองคนกลุ่มนั้นไม่วางตา

ไม่นานนักก็มีชายร่างสูงคนหนึ่งเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอ เงาของร่างสูงทับร่างของเธอจนมิด ผมสีเพลิงขยับตามแรงลมที่พัดไปข้างหลังเล็กน้อย ดวงตาสีอำพันมองต่ำลงมาที่สเปกต้า และริมฝีปากก็เหยียดรอยยิ้ม

“หืม? เจ้างูตัวน้อยนี่หลงทางมาเหรอ?”

สเปกต้าจ้องร่างสูงนั้นตอบ รู้สึกถึงความน่ากลัว ความอันตรายของบุคคลตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

“ขอให้ฉันได้ดูเธอใกล้ๆหน่อยละกัน”

ว่าแล้วชายร่างสูงคนนั้นก็จับคอสเปกต้าแล้วยกขึ้นเหนือพื้น ฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นทำให้เธอดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ทั้งยังทวีความแรงที่บีบขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก เธอร้องครางอย่างทรมาน

“ได้ยินเสียงของ อะกุโนะมุอุ สินะ ถึงได้มาที่นี่ เธอนี่ช่างน่าสนใจจริงๆ”

ดวงตาสีทองฉายแววอันตรายแล้วเห็นได้ชัด ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างเยาะเย้ย พลางกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

“เจ้างูไร้พลัง”

e44f597f.jpg

   

“หยุดนะ!!”

ชายคนนั้นหันไปมองยังเสียงที่ดังมา เฟรย่าหอบหายใจ เหนื่อยจากการวิ่งตามมามาก เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าซีดเผือก ก่อนจะกำมือแน่น แล้วเค้นเสียงตะโกนออกไป

“อย่าทำอะไรเธอนะ! ฮาคุริวตัวนั้น ‘เป็นของสำคัญ’ ของฉัน!”

“งั้นเหรอ?” ชายคนนั้นยิ้ม แล้วขว้างสเปกต้าไปหาเฟรย่า ซึ่งเด็กสาวก็รีบรับเธอไปอยู่ในอ้อมแขน สเปกต้าไออย่างทรมาน

“เป็นงูไร้พลังที่น่าสนใจดีนะ หึหึหึ แล้วเราจะได้เจอกันอีก ในไม่นานนี้ละ”

ชายคนนั้นพูดทิ้งท้าย แล้วเดินจากไปพร้อมกับลูกน้องของเขา ทิ้งสวนหญ้าที่เต็มไปด้วยหลุมระเบิดและร่างโปเกมอนป่าที่บาดเจ็บจากการต่อสู้นับสิบๆตัวไว้เบื้องหลัง

เฟรย่าพยายามคุมร่างกายของตัวเองไว้ไม่ให้สั่น ก่อนจะพบว่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นสั่นเทายิ่งกว่า เธอกอดสเปกต้าไว้แน่นกว่าเดิมพลางลูบไล้หลังของเธออย่างปลอบโยน สเปกต้าสะอื้น น้ำตาหยดลงมาก่อนจะพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ไว้ เธอช่วยอะกุโนะมุอุไม่ได้ เธอช่าง.... ไร้ประโยชน์เสียจริง....

e796bf19.gif

-----------------------------------------------------

“ไม่ไปเมือง อาซากิ แล้วเหรอ?”

ฟากฟ้าที่ยามราตรีกำลังเดินทางมาเยือน ดวงดาวบนฟ้าเริ่มทอแสงเรืองๆ และดวงจันทร์กลมโตสีนวลที่อยู่ใกล้ลิบๆ โคฮาคุนั่งอยู่บนรากต้นไม้ มองสเปกต้าที่เอาแต่ขดตัวนอนนิ่งๆอยู่บนตักอย่างไม่เข้าใจเท่าไร ว่าเกิดอะไรขึ้น

ได้ฟังเพียงแค่เหนื่อยอ่อนสุดๆจากการเดินทาง หลังจากเฟรย่าเดินกลับมาก็อุ้มสเปกต้าที่เอาแต่หลับไม่ยอมตื่นมาคืน แล้วก็บอกว่าจะเดินทางเพียงแค่นี้ละ

“ไม่จำเป็นแล้ว เมืองอาซากิ” เฟรย่ายิ้มพลางหัวเราะเบาๆ หากแต่ใครจะรู้ว่านั้นเป็นเสียงหัวเราะที่ข่มขื่นเหลือเกิน คงมีแต่ไซน์ที่ได้ฟังแล้วเข้าใจ

“สเปกต้าเองก็เหนื่อยอ่อนแล้ว นายเองก็เหนื่อยมากๆเลยไม่ใช่เหรอ ตอนที่สเปกต้าบินหนีไปก็วิ่งจนแทบจะลงไปนอนกับพื้นแล้วนินา?” เฟรย่าเอ่ยเสริม

โคฮาคุหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่พอใจนัก ร่างที่ขดตัวอยู่บนตักของเขาขยับตัวเบาๆ พลางซุกหัวเข้าไปในอ้อมแขนมากยิ่งขึ้นไปอีก เขามองโปเกมอนในอ้อมแขนของเขา เห็นดวงตาที่ยิ้มหลับตาหยี้อย่างมีความสุขในอ้อมแขนของเขา เห็นดังนั้นก็อดจะเอื้อมมือไปลูบไล้ตัวเธออย่างอ่อนโยนไม่ได้

“ปูถุงนอนกันได้แล้วละ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางอีกไกล” เฟรย่าเงยหน้ามองท้องฟ้าสีน้ำเงิน

“โคฮาคุเองก็นอนได้แล้วนะคะ” สเปกต้าเอ่ยน้ำเสียงหวานออกมาเบาๆ ทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“อืม... ตกลง”

----------

---------------------

------------------------------------------

---------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------------------------------

“ฉันรักเธอนะ โคฮาคุ”

น้ำเสียงใสของสเปกต้ากระซิบบอกเขาเบาๆ ก่อนที่ความรู้สึกร้อนผ่าวจะแล่นไปทั่วหลังมือข้างขวาของเขา

โคฮาคุสะดุ้งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งมองซ้ายหันขวา ไม่พบแม้แต่ร่างของเด็กสาวที่ร่าเริง เมตามอนเงียบครึม หรือแม้กระทั้งมังกรสีฟ้าสดสวยที่อยู่ข้างกาย

ตอนนี้เหลือเพียงเขาตัวคนเดียวท่ามกลางแมกไม้และความมืดยามราตรี

5a1caad3.gif

---------------------------------------------------------------

ปล. โดนทิ้งแล้วโคฮาคุ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ToT////

Link to comment
Share on other sites

คลอเครเซีย?

เครเซเรียมิใช่เหรอ แง้วๆ

อะกุโนมุอุ?

ชื่อยุ่นมันอ่านว่า อะกุโนมุ (アグノム) นี่นา

(จะอ่าน อากุนอม, แอ๊กนอม ก็ได้)

ไปจำมาจากพี่บี้ป่าวหว่า เพราะในเว็บพี่บี้เขียนตัวโรมันจิว่า Agunomuu นิ

Canalave City คือเมืองมิโอะ เขตชินโอสินะ

(แว่บไปหาในบัลบาเพราะจำชื่อเมืองอังกฤษไม่ได้)

อ้าว! โคฮาคุถูกทิ้งซะแล้ว

ทำไมถูกทิ้งนะเหรอ เพราะโคฮาคุหมดเสน่ห์แล้วไง

สาวๆเลยทิ้งไปนะซิ

[me=สนวม.โทโกะ]โดนเตะ[/me]

ปล.ภาพเฟรย่ากอดสเปกต้าดูแล้วเศร้าอ่ะ T T

Link to comment
Share on other sites

คราวนี้สงสัยภาพจะสีตก

=w=

โดนทิ้งนี่เพื่ออะไรกัน

มีปริศนาให้ติดตามซะแล้ว

Link to comment
Share on other sites

แป่ว ไม่ได้ชื่อ คลอเครเซีย O_o!! สงสัยเราจะจำสับสนนะนิ!!!

ขอบใจมาก จะไปแก้เดี๊ยวนี้

ตอนอ่านชื่อของโปเกมอน 3 ตัวในตำนานก็ไปอ่านออกเสียงจากเวปเซเลบี จิงๆด้วย - - ไม่ค่อยต่างไรมากก็ไม่เป็นไรเนอะ

ขอบใจที่เอาชื่อเมืองมาแปะให้จ้า ^ ^

ปล. นั้นสิ ทำไมถึงถูกทิ้ง ทำไมถึงเหลือโคฮาคุอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีใครเอะใจบ้างเลยหรอ??

Link to comment
Share on other sites

ว้าววว กลับมาแล้วสินะขอร้าบบบ!!!!!

ตอนนี้มีเรื่องราวชวนเศร้ามากมายจริงๆแฮะ

ว่าแต่ทำไมไอรีย เฮ้ย! สเปกต้าถึงได้จะทิ้งโคาฮาคุไปนะ

หรือเพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่แสดงความเท่ห์ออกมาเลย(เฟรย่าแสดงตลอด) ก็เลยหมดเสน่ห์แล้วนะ

Me/ โดนโบกด้วยหาง กระเด็นไปสิบสองโลก....

ฝีมือ....ฝีมือการวาดภาพเริ่มพัฒนาแล้วนะจารย์....สีตกนี้ชวนให้ความรู้สึกเศร้าดีจริงๆ

Me/ หันไปมองงานตัวเองที่ไม่มีทีท่าว่าจะ Level Up เลย...

Link to comment
Share on other sites

มารายงานตัวรวด ._.

นี่พวกเธอตามหาตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอ? หรือว่าคลอเครเซียจะตำนานเกินไปจริงๆจนผู้คนไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่จริง แต่ก็คิดเผื่อไว้บ้างก็ได้นิ โดยเฉพาะดวงจันทร์สีชมพูที่พูดได้น่ะ....

ยังเป็น คลอเครเซียอยู่นะเออ

ตรง นิ ผมว่าเปลี่ยนเป็นนี่จะฟังดูดีกว่านะ

---------------------------------------------------------

ห้ามบิ้วท์สเปกต้าเฟรย่าเด็ดขาดดดด ผมไม่ปลื้มมมมมมมม

[me=Sir Anya Alstreim]โดนเจ๊วันเอาสไนเปอร์ยิงหัว[/me]

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

ว้าววว กลับมาแล้วสินะขอร้าบบบ!!!!!

ตอนนี้มีเรื่องราวชวนเศร้ามากมายจริงๆแฮะ

ว่าแต่ทำไมไอรีย เฮ้ย! สเปกต้าถึงได้จะทิ้งโคาฮาคุไปนะ

หรือเพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่แสดงความเท่ห์ออกมาเลย(เฟรย่าแสดงตลอด) ก็เลยหมดเสน่ห์แล้วนะ

Me/ โดนโบกด้วยหาง กระเด็นไปสิบสองโลก....

ฝีมือ....ฝีมือการวาดภาพเริ่มพัฒนาแล้วนะจารย์....สีตกนี้ชวนให้ความรู้สึกเศร้าดีจริงๆ

Me/ หันไปมองงานตัวเองที่ไม่มีทีท่าว่าจะ Level Up เลย...

ฝึกวาดบ่อยๆก็ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้สวยไรมากหรอก >_<

ปล. โคฮาคุทำไม??? อิจฉาละซิ๊ โหะๆๆๆๆ =w=/

มารายงานตัวรวด ._.

ยังเป็น คลอเครเซียอยู่นะเออ

ตรง นิ ผมว่าเปลี่ยนเป็นนี่จะฟังดูดีกว่านะ

---------------------------------------------------------

ห้ามบิ้วท์สเปกต้าเฟรย่าเด็ดขาดดดด ผมไม่ปลื้มมมมมมมม

[me=Sir Anya Alstreim]โดนเจ๊วันเอาสไนเปอร์ยิงหัว[/me]

ฮา ขอบใจมาก เดะแก้

แต่ว่าตั้งแต่เด็กๆแล้ว ที่เราคิดคือภาษาพูดว่า นิ

แล้วก็จะมีคนแย้งว่าเปลี่ยนเป็น นี่ จะดีกว่า =w= แต่ที่พี่คิดคือมันเป็นภาษาพูดในใจอะ

อันนั้นไม่แก้นะ แก้แค่คลอเครเซีย

เอาละ มาลงตอนต่อไปแล้วจ้า ขอโทษที่หายไปนาน T^T

/ -me โดนตัวเองโบก

ตอนที่ 12 ความเป็นจริง

ปลายขอบภูเขามีแสงสีแดงเรืองรองจากดวงตะวันที่กำลังจะขึ้นมา อาบไล่ท้องนภาให้แปรจากสีน้ำเงินไปเป็นสีของเช้าวันใหม่อีกครั้ง สีสันสีดำที่ครอบคลุมรอบกายแปรเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินและจางไปเป็นสีฟ้าสลัวๆ จากการเดินทางที่มีเพื่อนร่วมทางด้วย แต่บัดนี้กลับต้องอยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อน

ไม่ต้องคอยให้ดวงตาชินกับแสงแรกของวันที่สาดส่องเข้ามา เพราะความมืดค่อยๆหายไป แทนที่ด้วยเช้าวันใหม่ โดยที่เจ้าตัวปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างนั้น เนิ่นนานจนแทบไม่รู้สึกตัวว่าความมืดของยามกลางคืนหายไปหมดแล้ว

เขายังคงนั่งนิ่งๆ ก่อนจะรับรู้ความจริงว่า ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว

เขาแปลกใจ ก้มหน้าลงทบทวนหลายๆวันที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความฝันแน่นอน ความคิดนั้นตัดทิ้งไปได้เลย

ถ้าอย่างนั้น??

“หายไปไหนกันหมด?” โคฮาคุพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบสำรวจรอบตัวอย่างกระวนกระวาย

หากแต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า

เกิดอะไรขึ้น?

หายไปไหนกันหมด?

หรือเป็นเพราะว่าสเปกต้าแอบไปได้ยินเสียงแปลกๆอีกแล้วเลยออกไป จากนั้นเฟรย่าก็วิ่งตามไป

แล้วทำไมไม่ปลุกเขา ทำไมไม่มีใครสนใจเขา

หรือเพราะครั้งที่แล้วเขาวิ่งตามไม่ทันกัน?

เราโดนทิ้งงั้นเหรอ?

มีเหตุผลอะไรนอกจากนี้บ้างไหมนะ มีเหตุผลอะไรอีกบ้างที่พวกเธอหายตัวไป

………………………………………….

-------------------------------

---------------

อ้างว้างเหลือเกิน... ทำไมถึงโดนทิ้งได้ละ

เราโดนทิ้งอีกแล้วใช่ไหม???

-------------------------------------------------------------

แสงแดดจากปลายขอบฟ้า เคลื่อนที่จนมาอยู่บนสุดของท้องนภา

หมดแรงกายแค่ไหนไม่เทียบเท่ากับหมดแรงใจได้เลย

สุดท้ายเมื่อหมดกำลังใจจะตามหาต่อ

เด็กชายก้มหน้านิ่งๆ ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่คอยบังแดดไว้ให้

ตอนนี้รอบข้างตัวเขาจะเป็นยังไง เขาก็ไม่สนใจแล้ว

เสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามา ใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ

“รู้ไหมว่า โปเกมอนเพียงตัวเดียว ก็สามารถทำให้หมูบ้านพังพินาศได้”

โคฮาคุค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ ถึงรู้ว่าคนที่เข้ามาใกล้ๆเป็นใคร แต่เขาก็ยังคงไม่สนใจเช่นเดิม

“ทั้งๆที่ไม่ใช่โปเกมอนในตำนานแท้ๆ แต่กลุ่มที่มีอิทธิพลมืดกลับอยากได้ตัวไปครอบครอง เพราะแบบนี้เลยเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น”

ผ่านไปสักพัก คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็พูดต่อ

“ถ้าเธอยอมอยู่นิ่งๆแล้วฟังแต่แรกก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้แล้วแท้ๆ”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผมไม่อยากฟัง!!” โคฮาคุเงยหน้าขึ้นแล้วตวาดอออกไป เพียงแต่ชายร่างสูงคนนั้นกลับมีรอยยิ้มเย็นๆเป็นคำตอบกลับมา

“เชื่อหรือยัง ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นมีปัญหา?”

“ปัญหาอะไรอีก....?” โคฮาคุเบี่ยงสายตาไปทางอื่นพลางหัวเราะ ก่อนจะกลับมาจ้องบุคคลตรงหน้าตรงๆอย่างไม่เกรงใจ

“ตาแก่สติเลอะเลือนที่ไล่ตามจับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเนี่ยจะเชื่อได้สักเท่าไรกัน”

ผู้ชายคนนั้นผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดอย่างมีน้ำโห

“ตาแก่สติเลอะเลือนอะไร พูดให้มันดีๆหน่อย โคฮาคุ!!”

“แล้วคุณรู้จักผมได้ยังไง??”

โคฮาคุเองก็ตวาดออกไป เริ่มรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาแล้ว

ผู้ชายคนนั้นถึงกับสูดลมหายใจลึกๆ ดวงตาสีอำพันยากหยั่งถึงจ้องมองที่เขาอย่างชั่งใจ ถ้าจำไม่ผิด เฟรย่าเคยบอกว่าผู้ชายคนนี้ชื่ออะไรสักอย่าง ออเทโล? เวลโล่? อเวลโล่? น่าจะชื่อ อเวลโล่

“ข้าเป็นพ่อของแกไงเล่า”

อเวลโล่ถอนหายใจออกมายาวๆ

เกิดความเงียบขึ้น อย่างเนิ่นนาน

ยาวนานจริงๆ

โคฮาคุจ้องชายผู้นั้นตาถล่น วินาทีต่อมาเขาก็เริ่มแขวะไม่หยุดปาก

“เจ้าบ้า!! หายไปอยู่ที่ไหนมา บ้านช่องไม่กลับ กี่ปีกี่เดือนแล้วเนี่ย??? ลูกก็ยังจำไม่ได้มันน่าละอายใจไหม????”

“ก็เพราะว่าข้ามีธุระแถวๆนี้ไงเว้ยยยย!!” อเวลโล่ก็เถียงกลับไม่แพ้กัน

“ธุระแถวนี้ สิบปีผ่านไปยังสะสางไม่เสร็จอีกหรอ?? มัวแต่เถลไถลอยู่ล่ะสิ!!”

“เฟรย่านี่แหละธุระที่ต้องสะสาง”

เกิดความเงียบขึ้น

อเวลโล่ใช้นิ้วเกาแก้มเบาๆ คอยดูท่าทีของลูกชายตัวเอง

“เธอ.... เธอทำไมหรอ?”

โคฮาคุเริ่มก้มหน้าลงต่ำ ไม่อยากจะคิดอะไรต่อ

เรื่องหลายๆเรื่องที่ชอบมาพากลทั้งหลายแหล่ เขาพอรู้สึกได้ลางๆมาตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติดใจอะไรสักที มีแต่ความไว้วางใจที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อในตัวมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นมา

ทั้งๆที่ความเจ็บปวดจางหายไปมากแล้ว แต่บัดนี้กลับเหมือนรอยแผลเก่าถูกซ้ำเติม

และถูกซ้ำเติมมากขึ้นเรื่อยๆ

“จะพูดต่อละนะ โปเกมอนเพียงตัวเดียว ก็สามารถทำให้หมู่บ้านพังพินาศได้ ถ้าโปเกมอนตัวนั้นมีพลังที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มแก๊งร๊อตเก็ตที่ต้องการแสวงหาพลังอำนาจ ต่อให้ต้องลบหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งหายไปจากแผนที่ก็ย่อมทำได้ เฟรย่ามาจากหมู่บ้านแห่งนั้นแหละ เหมือนเป็นคนๆเดียวที่เหลือรอดชีวิตออกมานะ ไม่แน่อาจจะยอมหักหลังคนในหมู่บ้านของตัวเองเพื่อเข้าร่วมกับแก๊งร๊อคเก็ตก็ได้”

“หลังจากนั้นเธอก็หักหลังผมต่อเหรอ?” โคฮาคุก้มหน้าลงจนสุด

“ฉันส่งสายสืบออกไปแล้ว อีกไม่นานคงหาพบ”

อเวลโล่เลิกคิ้ว มองเด็กชายที่นั่งคุดคู้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เรือนผมสีน้ำตาลยามต้องแสงแดดมีสีทองประกายออกมา เรือนผมและลำแขนนั้นซ่อนนัยน์ตาเอาไว้ คงจะเจ็บปวดไม่น้อยสินะ

“เจ้าเองก็มาช่วยกันตามหาสิ ลุกขึ้นได้แล้ว!”

โคฮาคุเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนนี้สเปกต้าจะเป็นยังไงบ้างนะ จะเป็นยังไงบ้างนะ...

แล้วดวงตาที่เคยโศกเศร้า ก็แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นแทน

---------------------------------------------------------------------------

ท้องฟ้าจากสีฟ้า กลายเป็นสีดำอีกครั้งตามช่วงเวลาที่ผ่านไป

ตอนนี้ เบื้องหน้าของเขา คือเด็กสาวที่ถูกมัดด้วยเถาวัลย์ของเมกาเนียม

เด็กสาวที่มัดผมหางม้าด้วยโบว์สีแดงสด เบี่ยงดวงหน้าไปทางอื่น ปอยผมปิดดวงตาของเธอไว้

เทมม่านั่งชันเข่าข้างหนึ่ง แล้วเปรยตามองใบหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเรียงกันไปทีละคน พอครบแล้วก็เริ่มต้นมองกลับไปที่คนแรก แล้วมองเรียงไปที่คนสุดท้ายต่อไป

ที่แท้คนที่เจอที่เมืองวาคาบะ เด็กผู้ชายผมสีเขียวคนนั้น ก็คือสายสืบของอเวลโล่ ผู้เป็นพ่อนั้นเอง

โคฮาคุจ้องมองคนที่หักหลังเขา ก่อนจะกำมือแน่นเพื่อให้มันหยุดสั่น

“สเปกต้าอยู่ที่ไหน?”

“หึหึ” เฟรย่าหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันมาพูดกับเขาด้วยดวงตาที่เย็นยะเยือก และริมฝีปากที่มีรอยยิ้มน่ากลัว

“อยู่ในที่ที่เธอจะหาไม่พบแล้วละ ขอโทษนะ เพราะมันสายไปแล้ว”

“ทำแบบนี้ทำไม!!”

เด็กสาวเหล่สายตาไปทางผู้ที่มีอายุมากที่สุดในสามคนนี้

“ผู้ชายคนนั้นน่าจะบอกทุกอย่างครบแล้วมั้ง แล้วจะเอาคำตอบจากฉันอีกเพื่อให้ได้ประโยชน์อะไร?”

ก่อนจะหันมาสบตากับโคฮาคุโดยตรง

“ตอนนี้ฉันก็ไม่มีธุระกับพวกเธอแล้วละ เพราะฉันได้บรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว”

รอยยิ้มของเธอเหมือนจะยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะหัวเราะ โคฮาคุเดินเข้าไปหาเธอ แต่ก็ถูกอเวลโล่ขวางไว้

“แล้วที่นี่จะทำอะไรต่อไปละอเวลโล่ จับฉันมาก็ไม่ได้ทำให้เมืองนี้ปลอดภัยหรอกนะ”

เชิดคอระหงไปทางอื่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“คิดอะไรไม่ออกแล้วสินะ เพราะมันจบลงแล้ว”

อเวลโล่มองเด็กสาว แล้วมีสีหน้าละอ่อนใจขึ้นมา

“ก่อนที่เจ้าจะหนีไป ข้ามีบางสิ่งอยากจะให้เจ้าดู”

ชายวัยกลางคนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบมอนสเตอร์บอลออกมาลูกหนึ่ง แล้วปาลงกับพื้น

ท่ามกลางกลุ่มควันนั้น ปรากฏร่างสูงใหญ่ของมังกรไฟสีดำทมึน หายใจเอาควันออกจากจมูกเป็นระยะๆ พร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำที่ส่องประกายในความมืด มันคือริซาด้อน แต่น่าแปลกที่ริซาด้อนตัวนี้ไม่ใช่สีส้ม แต่กลับกลายเป็นสีดำ

“จำมันได้หรือเปล่า”

เฟรย่าจ้องมองริซาด้อนสีดำตัวนั้นอย่างไม่วางตา รอยยิ้มของเธอหายไปจนเหลือแต่ความตกใจทีเหลือบนใบหน้า ก่อนจะฉายแววเศร้าออกมาแล้วหัวเราะ

“ฮ่ะๆ เป็นไปไม่ได้หรอก คนละตัวกันเลย ใช่ไหม?”

“เมื่อ 7 ปีก่อน” อเวลโล่เริ่มต้นพูดขึ้น

“เมื่อ 7 ปี ก่อน มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งถูกลบออกไปจากแผนที่ เพื่อที่จะนำฮิโตะคาเงะสีทองที่เปรียบเหมือนเทพผู้พิทักษ์ไป ฮฺโตะคาเงะที่มีสีแปลกไปจากฮิโตะคาเงะตัวอื่น ตัวที่สามารถเปล่งแสงสีทองออกมาได้ ย่อมเป็นโปเกมอนที่ล้ำค่าหาได้ยาก เหมาะแก่การนำมาวิจัย”

“ลุงเดาผิดแล้ว ไม่มีใครมองเฟียว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์หรอก ทุกคนในหมู่บ้านต่างมองว่าเฟียเป็นเสมือนคนในหมู่บ้าน คนในครอบครัว”

เฟรย่าแย้ง ก่อนจะพูดต่อ

“มีอยู่วันหนึ่ง พ่อของฉันที่เป็นนักเดินทางเผอิญไปเจอไข่สีแปลกๆอยู่ฟองหนึ่ง เลยนำกลับให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 6 ขวบของฉัน มันแตกออกมาเป็นฮิโตะคาเงะสีทอง ฉันตั้งชื่อให้มันว่า “เฟีย” จริงๆแล้วเรื่องไม่น่าจะเลวร้ายขนาดนี้ คนในหมู่บ้านต่อต้านเพราะรักในศักดิ์ศรี ทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น”

สีหน้าของเธอดูเศร้ามากๆ ในขณะที่เธอเล่าต่อไป

“วันนั้นฉันทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่คือเฟีย และเฟียก็จะถูกนำตัวไปแล้ว ฉันก็เลยขอร้องพวกมัน ไม่ให้ทำอะไรเฟียแลกกับตัวฉันที่ต้องเข้าสู่การฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นสายให้พวกมัน แต่ว่า....”

เฟรย่าเงยหน้ามองริซาด้อนสีดำ

“ทำไมเฟียที่ฉันพยายามปกป้องอยู่ ถึงอยู่ตรงหน้าฉันอย่างปลอดภัย และรูปร่างเปลี่ยนไปได้ละ???”

ริซาด้อนสีดำครางในลำคอ แววตาของมันเองก็ดูหมองลงเช่นกัน

“เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ฉันได้กลิ่นแผนการที่ช่วยร้ายของพวกแก๊งร๊อตเก็ต เลยแอบลักลอบเข้าไปในฐานมัน แล้วเจอฮิโตะคาเงะสีทองเข้า เลยช่วยมันออกมาได้”

“เฟียถูกช่วยมาได้ 3ปีแล้วหรอ?”

เฟรย่าอุทานเบาๆ  “งั้นคนที่ถูกหลอกใช้ ก็เป็นฉันน่ะสิ?”

เธอขบฟันแน่นอย่างเจ็บแค้น

“ที่นี่ปัญหาของเธอก็ถูกสะสางลงแล้ว ถ้างั้นช่วยเล่าให้ฟังทีว่าพวกมันจะทำอะไรกับเมืองโคงาเนะนี้”

“หัวหน้าสูงสุดของแก๊งร๊อตเก็ตคือ เอนเบริก เขาต้องการอะไรบางอย่างจากการรวบรวมโปเกมอนในตำนานสามตัวมารวมกัน เพื่ออัญเชิญพลังที่ยิ่งใหญ่ลงมาจุติ ณ เมืองแห่งนี้ ทำให้เมืองโคงาเนะเป็นจุดศูนย์กลางของอำนาจ”

เฟร่ยาตอบคำถามของอเวลโล่ แต่ก็ยังไม่ได้ไขข้อข้องใจให้กับเด็กชายที่รอฟังอยู่นานสักที

“แล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับสเปกต้า!!”

“[เทพีแห่งโชคชะตานอร์ส ผู้กุมความลับอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาลเอาไว้ ผู้หวังครองพลังจำต้องทำพิธีร่ายคำแห่งพันธะสัญญาลงไป ถ้อยคำที่ไม่ว่าผู้ใดได้สดับฟังเป็นอันต้องเข้าใจตรงกัน] นี่คือข้อความในหนังสือ”

เฟรย่าเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะพูดต่อ

“ผู้ที่เป็นตัวเชื่อมพลังระหว่างโปเกมอนในตำนานกับมนุษย์ คือสเปกต้า”

“ไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว ฮาคุริวตัวนั้น พวกเราต้องรีบไปช่วยเธอ” อเวลโล่พึมพำเบาๆ

ส่วนโคฮาคุนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเค้นเสียงมากขึ้นกว่าเดิม

“ส่งเธอไปยังเรื่องอันตรายได้ยังไงกัน!!”

เฟรย่าหลบสายตาไปทางอื่น พลางกัดริมฝีปากแน่น

“พอได้แล้ว” อเวลโล่เดินมาตบบ่าของเขา ทำเอาเกือบทรุด

“พวกลุงจะไปช่วยสเปกต้าใช่ไหม?”

เฟรย่าหันมาถามอีกครั้ง

“ใช่แล้ว” ลุงอเวลโล่บอก

“ฉันเองก็ต้องไปสะสางเรื่องราวสุดท้ายด้วยเช่นกัน”

เฟรย่าก้มหน้าลงเล็กน้อย พลันนั้นเถาวัลย์ของเมกาเนียมก็ถูกตัดออกเป็นส่วนๆ เมกาเนียมร้องอย่างตกใจพร้อมกับเทมม่าที่หลุดอุทานออกมา

เด็กสาวยืนขึ้น หางของผ้าพันคอสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นรูปปีกสีแดงสด พาร่างบางขึ้นไปอยู่บนฟ้า บนกำแพงตึกสูงสุดแห่งหนึ่ง

b22f34e8.jpg

“หวังว่าจะอยู่รอดปลอดภัยกันทุกคนนะ”

เฟรย่าพึมพำเบาๆ ด้วยดวงตาที่เย็นเหยียบ ก่อนจะบินต่อไป

-------------------------------------------------------------------

Link to comment
Share on other sites

การทรยศหักหลังซ้ำซ้อนกันไปมา เรื่องราวของเฟรย่านี้ชวนเศร้าเสียเหลือเกิน...

และในที่สุดโคฮาคุก็ได้พบกับพ่อจนได้ แต่เป็นการพบกันที่ไม่ลึกซึ้งเอาเสียเลยแฮะ...

เหตุการณ์ดำเนินไปรวดเร็ว ทำให้ต้องใช้เวลาอ่านนานขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง แต่ก็...เข้าใจนะ

ถึงเวลาไปช่วยเจ้าหญิงสเปกต้าแล้วละโคฮาคุ ช่วยเธอ....ให้ได้นะ!!!

ปล. เมตาม่อนกลายเป็นปีกได้ด้วย!!!

ปล2. พอพูดถึงลิซาด้อนสีดำ ก็ทำให้นึกถึงลิซาด้อนตัวนี้ ที่เคยวาดมาเมื่อก่อนเลยแฮะ...http://u8.popcornfor2.com/show/UQu881b4.jpg

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.