Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Mystery of Ga'Hoole - คดีโศกนาฏกรรมต้นไม้หมื่นปี (บทที่ 6 ช่วงที่ 4)


ไมยาเตะ (เชมี่)

Recommended Posts

“หา!?” ภัสสร์นภันต์แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่มีทางที่ปิยวรรณจะชอบโซเรนอย่างแน่นอน! รายนั้นชอบพูดไปอย่างนั้นเอง เอ๋!?...เดี๋ยวก่อนสิ...การที่กิลฟี่ถามแบบนี้ก็แปลว่า... “เธอชอบโซเรนเหรอ” ภัสสร์นภันต์ถามแบบตรงๆ

“ป...เปล่า...แต่ก็ชอบ...ในฐานะเพื่อน...” กิลฟี่พูดติดอ่างอย่างหนักภัสสร์นภันต์มองกิลฟี่แฝงความหมายบางอย่าง “นี่ฉันพูดจริงๆนะ!” กิลฟี่พอเห็นสีหน้าภัสสร์นภันต์เลยรีบพูดทันที

เธอชอบโซเรนแน่ๆ อย่ามาซึนเดเระ กิลฟี่!! เพื่อนเขาไม่(หึง)ห่วงขนาดนี้หรอก!!

Me/ ภัสสร์นภันต์ตบร่วงลงทะเล

“เปล่า...แต่ขอโทษนะกิลฟี่ฉันยังบอกไม่ได้จริงๆว่าฉันหรือคณะฉันมาจากไหน” ก็แน่สิ! ทางนกฮูกเหล่านี้รู้ว่าคณะภูมิพัฒน์เป็นมนุษย์คงแตกตื่นเป็นแน่แท้ “แต่พวกฉันเป็นคนดีนะ”

เธอเป็นนกฮูกอยู่นะ ภัสสร์นภันต์! แล้วเผลอพูดคำว่า "คนดี" ออกไปได้ยังไง ตอนนี้เธอไม่ใช่คนนะ!!

ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ในโรงอาหารก็ขอย้อนกลับมาที่เจลสักเล็กน้อย (ถ้าลืมมีหวังถูกต่อว่าในภายหลังแน่ๆ) ซึ่งหลังจากเจลแยกตัวออกจากคณะภูมิพัฒน์แล้วเขาก็บินมายังโพรงของครอบครัวโซเรนดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่ามี น็อกตัสพ่อของโซเรนและคลัดด์ มาเรลลาผู้เป็นแม่ คุณนายพลิตทิเวอร์งูตาบอดพี่เลี้ยงประจำครอบครัวนี้และเอกแลนไทน์น้องสาวคนเล็ก

นึกว่าจะถูกลืมแล้วนะนั้น....ครอบครัวของโซเรนกับคลัดน์นี้ใหญ่ดีจังน้อ

“คลัดด์เขาเป็นยังบ้างตอนอยู่กับคุณ...ดูเขาจะชอบคุณมากๆ”

เจลเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่ห่วงลูกๆดี “เขาขอคำแนะนำจากผมหลายๆอย่าง ผมว่าสำหรับคลัดด์แล้วเขาอยากได้ใครสักคนที่ค่อยสนใจตัวเขาล่ะมั้งครับ” เดี๋ยวก่อน...เจลคิดในใจ ทางเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่าบางทีความฝันขอคลัดด์อาจไม่ใช่การขอโทษน้องชายหรือครอบครัวแต่อาจเป็นการอยากให้ใครสักคนหันมาสนใจเขาก็ได้ไม่งั้นต้นไม้แห่งความฝันคงไม่ส่องสว่างขนาดนั้นแน่นอนเพราะถ้ายิ่งมีแสงสว่างมากเท่าไรยิ่งหมายความว่าเป็นความฝันที่สำคัญมากและต้องเป็นไปได้ยากด้วย

ใช่....ครึๆๆ เขาชอบเจลมากๆละ....อุ๊ก!!

Me/ โดนจิก

ความฝันที่อยากให้ใครสักคนสนใจ.....มันเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่มาก ฉันรู้ดี....เพราะฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน

“พวกเราหวังว่าสักวันคลัดด์จะกล้าพูดกับเรา” น็อกตัสช่วยพูดเสริม ความหวังของพ่อแม่มักมีพลังอันยิ่งใหญ่เสมอไม่ว่าพวกลูกจะเข้าใจหรือไม่จะรู้หรือเปล่าตาม เพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหนต้องเข้าไปในเส้นทางที่ผิดอย่างแน่นอน...นี้คือสิ่งที่เจลคิดในตอนนี้

ความหวังที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ ถ้าโยนไปให้ลูกเสียทั้งหมดเขาจะแบกรับไม่ไหวนะ ค่อยๆให้ทีละน้อยดีกว่า ฉันรู้ดี....เพราะฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน

“ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่อยากอาหารเลยนะ” ปิยวรรณพูดขณะมองดูอาหารบนโต๊ะซึ่งมีเนื้อของสัตว์ชนิดต่างๆทั้งดิบและสุก แต่ส่วนมากมักเป็นเนื้อหนู

ในตอนนี้ทั้งคณะภูมิพัฒน์และโซเรนต่างมารวมตัวที่โรงอาหารที่ภัสสร์นภันต์กับกิลฟี่จองไว้ก่อนหน้านั้น เวลาในตอนนี้พึ่งจะผ่านตีหนึ่งไปเศษๆสำหรับมนษุย์แล้วเวลาอย่างนี้ไม่เหมาะที่จะทานอะไรทั้งสิ้นแต่เพราะอยู่ในร่างนกฮูกความหิวจึงต่างจากที่เคย งั้นก็เถอะ...จะให้กินหนูเนี่ยนะ!

หนูสินะ....เหอๆๆ.....กินอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป เห็นเป็นตัวๆเลย ผมคงต้องขอบายเหมือนกัน =w=

“ไม่ต้องกลัวหรอกพวกเธออยู่ในร่างนกฮูกดังนั้นการรับรสจึงเป็นของนกฮูกไปด้วยและลุงขอรับรองได้เลยว่าไม่มีผลต่อร่ายกายแน่นอน” เสียงลุงกันติดต่อเข้ามา อันที่จริงคณะภูมิพัฒน์เกือบลืมเรื่องที่ลุงกันไปแล้วเพราะลุงแกเงียบไม่ได้พูดอะไรมาตั้งนานแล้ว

ดอกเตอร์เก่งมากเลย! แต่ตีหนึ่งแล้วยังตื่นอยู่อีกเหรอ?

“พี่บอกพวกเขาเอง” คลัดด์ตอบ “พี่บอกเรื่องนายเรื่องต้นไม้หมื่นรวมไปถึงเหตุการณ์ที่พี่ทำกับนายทั้งหมด...ยอมรับตอนแรกพี่ก็ไม่อยากให้พวกเขาช่วยแต่เพราะ...” คลัดด์หันไปมองภูมิพัฒน์กับเจล “เพราะพวกเขาให้ความเชื่อใจกับความช่วยเหลือพี่มาโดยตลอดถึงพี่จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมก็ตาม แต่ตอนนี้พี่เข้าใจแล้ว"

“เพราะความเป็นเพื่อนไงล่ะ” น็อกตัสพูด “ไม่ว่าตอนนี้ลูกจะคิดอะไรอยู่แต่พ่อบอกได้เลยว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นไม่ใช่แค่เพื่อนๆของลูกเท่านั้นครอบครัวเองก็จะช่วยเหลือลูกอย่างเต็มที่คลัดด์”

“พ่อครับ...” คลัดด์ดีใจจนเหมือนตัวเองอยากร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้ “ผม....ผมทำเรื่องไม่ดีมาต้องมาก...ถึงอย่างงั้น....ถึงอย่างงั้นก็ยังจะช่วยเหลือผมงั้นเหรอ”

“ฉันถึงบอกไงว่านายไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว” ภูมิพัฒน์พูดพร้อมกับนำปีกมาวางบนหลังคลัดด์ “ตอนนี้พวกเราทุกคนก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว”

คำว่าเพื่อนนี้มีพลังอำนาจมหาศาลนะ คำว่าครอบครัวเองก็เช่นกัน ร้อยล้านความผิดที่ใครเขาไม่ใยดี มีเพียงครอบครัวและเพื่อนแท้เท่านั้นที่พร้อมให้อภัย ก่อนที่นายอยากจะให้ใครสักคนสนใจนาย จงอย่าลืมที่จะทำความสนใจคนอื่นด้วยละ!

“บรรยากาศแบบนี้ชวนให้อยากร้องเพลงจริงๆ” ทไวไลท์พูด

“แต่ฉันว่าบรรยากาศจะเสียหมดเมื่อนายร้องเพลงทไวไลท์” ดิกเกอร์รีบพูดห้าม

“แต่หนูชอบนะเพลงของทไวไลท์” เอกแลนไทน์พูด “คุณนายพีเองยังชอบเลย”

“อิฉันฟังเพลงได้ทุกเพลงล่ะค่ะคุณหนู” คุณนายพียิ้มแต่ปิยวรรณกลับยิ้มไม่ค่อยออก

ความชอบในบทเพลงมันต่างกันงั้นรึ...

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีนกฮูกที่กลัวงูด้วย” มาเรลลาพูดไปขำไป ปิยวรรณอดคิดไม่ได้ว่าการกลัวงูมันแปลกขนาดนั้นเลยหรือ

แปลกสิ!! งูออกจะน่ารักน่าฟัดน่ากดจะตาย กลัวทำไม แอ๊ฟ!!

Me/ โดนงูกัด

“ภายนอกเป็นอย่างนั้นแต่ภายในไม่รู้เสียหายไปเท่าไรแล้วน่ะสิ” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงของกลุ่มนกฮูกอื่นๆที่อยู่รอบข้างได้

ความเสียหายภายในมันยากนักที่จะรักษา น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ด้วยสิ แต่เป็นความเสียที่สร้างความเจ็บปวดได้ร้ายแรงกว่าแผลกายเลยละ...

“ได้เลยฉันเห็นด้วย” ภูมิพัฒน์พูด “คณะของฉันปกติให้มีเกมให้เล่นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าแต่...พวกนายจะเล่นด้วยไหม”

“แน่นอนอยู่แล้ว! ใช่ไหมทุกคน” โซเรนหันไปหาเพื่อนๆทุกคนพยักหน้าเป็นการตกลง

“ดีล่ะ! งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สนุกกันเต็มที่ไปเลย!” ทุกคนโห่ร้องอย่างสนุกสนานทำลายความเศร้าที่มีมาตั้งแต่ต้นไปจนหมด

“งั้นก็ดี” ไม่รู้ว่าอีซิลริบมาตั้งแต่เมื่อไร “เพราะหลังจากวันนั้นพวกเธอทุกคนต้องไปฝึกบินกลางพายุกับฉัน เตรียมตัวให้พร้อมล่ะเด็กๆ” ว่าแล้วอีซิลริบก็บินจากไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่เขามา

เห~ อยากเห็นการละเล่นของมนุษย์ที่นกฮูกเป็นผู้เล่นจัง

ความสุขในวันรุ่ง แต่เหนื่อยหนักในมะรืนรึ เป็นการปรากฏตัวและปิดจบได้ยอดมากเลยอีซิลริบ....

------------------------------------------------

ขยันอัพมากเลยขอรับ ผมขอคาราวะจากใจจริง ความคิดของท่านนี้มีไม่สิ้นสุดเสียจริง!!

เห็นคำผิดอยู่บ้างแม่เป็นไร ทางนี้ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว!!

........รอติดตามตอนต่อไป.............

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 60
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • ไมยาเตะ (เชมี่)

    33

  • Loveless Nova

    23

  • Madame Graya

    2

  • cocore

    2

อัพต่อก่อนนอนครับ

ทำไมผมถึงรู้สึกว่าบทนี้ออกจะไร้สาระจังนะ  :pika04:

- - - - - - - - - - - - - - -

ขยันอัพมากเลยขอรับ ผมขอคาราวะจากใจจริง ความคิดของท่านนี้มีไม่สิ้นสุดเสียจริง!!

เดี๋ยวบทต่อจากนี้จะเข้าสู้ปริศนาที่แท้จริงแล้วถึงตอนนั้นจะได้เห็นความสามารถของกระผมผู้นี้แหละ!

ป.ล. ผมแอดวาว่าคุงที่ fackbook แล้วนะครับ ^^ http://www.facebook.com/vavacung

- - - - - - - - - - - - - - -

ขอขอบคุณ แคธรีน ลาสกี ( Kathryn Lasky) ที่ได้สร้างผลงานดีๆจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ไมยาเตะ (นามปากกา) และนักเขียน Fan Fiction อีกหลายๆคนไว้ ณ ที่นี้

- - - - - - - - - - - - - - -

หนทางยังมีจุดหมาย ปลายทางยังมีความฝัน ตราบใดยังมีคืนวัน ความฝันนั้นอาจเป็นจริง!

จบการฝึกอันแสนโหดการพักผ่อนอันแสนสนุกก็ตามา วันหยุดของเหล่านกฮูกจะเป็นเช่นไรติดตามได้ใน Mystery of Ga'Hoole!

บทที่ 4 เกมหรรษา

~ ช่วงที่ 1 ~

เกมสามัคคี (ครึ่งแรก)

“ทำไมยังไม่มากันอีกนะ?” ภูมิพัฒน์รู้สึกหงุดหงิดอย่างมากแต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเขาต้องมาถึงก่อนใครเพื่อนในฐานะหัวหน้าทีม

“เอาหน่าๆเดี๋ยวก็มา” คู่สนทนาเจลค่อยพูดช่วยให้เจ้านายใจเย็นลง

เหตุที่ทั้งสองมาอยู่หน้าสภาไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องการจะพูดคุยกับโบรอนหรือบาร์ราน แต่มาจากเมื่อวานนี้คณะภูมิพัฒน์กับคณะโซเรนได้ไปขอโบรอนกับบาร์รานว่าในวันพรุ่งนี้จะขอใช้สถานที่ในการเล่นเกมเล็กๆน้อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าโบรอนกับบาร์รานได้อนุญาตให้ใช้ได้ หลังจากนั้นภูมิพัฒน์ก็ได้นัดทุกคนให้มารวมตัวกันที่หน้าสภาเวลาหกโมงเย็นของพรุ่งนี้เพื่อแจ้งรายละเอียดอีกที

“นั้นไงมากันแล้ว” เจลพูดเมื่อเห็นปิยวรรณกับธนิดบินมาถึง

“สายกันจังเลยนะ” ภูมิพัฒน์พูด

“ขอโทษทีพี่ ก็พี่ปิยวรรณนะสิปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่นสักที” ธนิดหันไปมองพี่สาวคนโต

“ก็พี่ไม่เคยตื่นเร็วขนาดนี้นี่หน่า” หกโมงเย็นสำหรับนกฮูกแล้วถือว่าเป็นเวลาที่เช้ามากๆ “สงสัยร่างกายปรับตัวไม่ทัน”

“นี่เราอยู่ที่นี้มาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ ยังปรับสภาพไม่ได้อีกเหรอ” ภูมิพัฒน์ยิ้มแหยๆ

“มาแล้วๆ!” เสียงของภัสสร์นภันต์ดังขึ้นเธอบินมาพร้อมเพื่อนๆที่เหลือในคณะ (รวมคลัดด์ด้วย) “ไม่ได้ตื่นเร็วแบบนี้มาตั้งนานเลยสายไปหน่อยโทษทีนะ”

“ช่างเถอะ” ภูมิพัฒน์หมดอารมณ์ที่จะโกรธแล้ว “ว่าแต่คลัดด์...นายเองก็สายกับเขาด้วยเหรอ”

“เรื่องนั้น...” คลัดด์ไม่ได้พูดไปมากกว่านี้แค่หัวเราะเสียงเบาแก้อายไปงั้นๆ

“ภูมิพัฒน์ พวกโซเรนมากันแล้ว” เจลพูด คณะของโซเรนทั้งสี่บินมาด้วยกัน

“สายเหมือนกันนะเรา” คลัดด์แอบแซวโซเรนน้องชายเล็กน้อย

“โทษทีๆ” โซเรนยิ้มให้คลัดด์ก่อนหันมาทางภูมิพัฒน์ “วันนี้นายบอกว่ามีเกมให้เล่นกันเล่นนั้นคืออะไรเหรอ”

“เรื่องนั้นเจลจะเป็นผู้อธิบายเอง” ภูมิพัฒน์หันไปหาเจล

ซึ่งเจลก็พยักหน้าตอบ “พวกเราทั้งสองคณะ...ต่างต้องทำงานร่วมกันดังนั้นจึงต้องมีความสามัคคี เกมแรกของเราคือเกมสามัคคี” เจลหยุดพักหายใจครู่นึง “ฉันอยากบอกทุกคนให้ทราบกันว่าการพวกเธอสามารถทำภารกิจในเกมสำเร็จจะมีรางวัลในทางกลับกันถ้าไม่สำเส็จก็จะโดนลงโทษ”

“ภารกิจเหรอ” ดิกเกอร์พูด

เจอยังคงอธิบายต่อไปโดยไม่สนใจคำถามของดิกเกอร์เลย “เกมสามัคคีมีด้วยกันสองช่วงครึ่งแรกจะเป็นภารกิจตามหาขนนกสีทองซึ่งฉันได้ซ่อนเอาไว้ตามที่ต่างๆในต้นไม้หมื่นปีพวกเธอต้องช่วยกันหาให้ครบสิบอันภารกิจก็จะสำเร็จ”

“แล้วรางวัลล่ะ” ทไวไลท์พูดด้วยความสนใจ

“รางวัลเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จคือพวกเธอจะได้รับประทานอาหารมื้อที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยทานมา แต่ถ้าไม่สำเร็จพวกเธอทุกตัวต้องอดอาหารมื้อนั้นไป”

“ใจร้ายจัง” กิลฟี่พูด “ใครตัวไหนคิดเนี่ย” กิลฟี่มองไปยังคณะภูมิพัฒน์แต่ก็ไม่มีใครหันมามองเธอสักคน

“มีเวลาให้หนึ่งชั่วโมงในการค้นหา จริงๆฉันก็อยากช่วยพวกเธอแต่นี้เป็นเกมของพวกเธอไม่ใช่ของฉัน ฉันทำได้ดีที่สุดแค่ให้กำลังใจพวกเธอเท่านั้น” เจลทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ขอให้โชคดีเพราะเกมเริ่มแล้ว!”

หา!? เริ่มแล้ว! คณะโซเรนยังไม่เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำมีเพียงแต่คณะภูมิพัฒน์ที่ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง “ปกติเป็นแบบนี้เหรอพี่คลัดด์” โซเรนหันไปมองคลัดด์

“ปกติก็เป็นแบบนี้ล่ะ” คลัดด์ยิ้มแหยๆ “เล่นเกมโดยที่ไม่รู้อะไรเลยนี้แหละสนุก! พี่ไปก่อนนะ” คลัดด์ไม่ฟังว่าโซเรนจะเรียกหรือไม่เขาบินออกไปทันที

“ฉันว่ายังไงๆพวกนั้นก็เป็นนกที่เรียกได้ว่า...แปลกๆ...หวังว่าพี่นายคงไม่ไปติดเชื้อพวกนั้นมาหรอกนะ” กิลฟี่พูดข้างหูโซเรน

รวมกันเราอยู่ แยกอยู่แกตาย! (เฮ้ย!) เราตาย หลังแยกกันได้สักพักคณะภูมิพัฒน์เห็นว่าทางจะไม่ค่อยดีเลยรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อประชุมแผนต่อไปโดยตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องเรียนกองพลการรบ รอบห้องมีแต่กรงเล็บอันน่ากลัวเต็มไปหมด “แยกกันหาไม่ได้เรื่องแน่ๆ” ภูมิพัฒน์พูด โดยเวลาในตอนนี้เหลือราวห้าสิบนาที “แต่ถ้าเกาะกลุ่มกันหากว่าจะเจอครบเวลาคงหมดไปแล้ว”

“ผมว่ายังไงก็ต้องแยกกันหาครับ” ธนิดพูด “แต่แบ่งเป็นสองสามกลุ่ม”

“ถ้าแบ่งสามกลุ่ม” ปิยวรรณพูด ถ้ารวมคลัดด์ด้วยคณะภูมิพัฒน์ก็มีด้วยกันแปดตัว “ตกกลุ่มละสาม”

“สามตัวสองกลุ่มและสองตัวหนึ่งกลุ่ม” ภัสสร์นภันต์พูดเสิรม “แล้วเราจะแบ่งกันยังไง”

“ไม่มีเวลาตัดสินนานสักด้วย” จีรายุพาพูด

ภูมิพัฒน์ใช้เวลาคิดแปบเดียวเขาก็พูดขึ้น “เอาเป็นว่า ฉัน ธนิดกับคลัดด์เป็นกลุ่มแรก พี่ใหญ่ปิยวรรณ ภัสสร์นภันต์กับวรฤทัยเป็นกลุ่มสอง สุดท้ายพจน์ชานนกับจีรายุพาเป็นกลุ่มสุดท้าย”

“ทำไมฉันต้องอยู่กับยัย...” พจน์ชานนพูดไม่ทันจบภูมิพัฒน์ก็พูดตัดบทสักก่อน

“ถือว่าตกลงนะ เราไม่มีเวลามาก”

“แต่เราไม่รู้เลยว่าขนนกสีทองซ่อนอยู่ที่ไหน” วรฤทัยพูด “เจลเขาซ่อนไว้ไหนนะ แถมครั้งนี้เล่นไม่บอกคำใบ้สักคำ”

“การที่ไม่บอกเพราะว่าถ้าบอกพวกเราก็ได้รู้ในทันที...คิดว่านะ” ภูมิพัฒน์ทำท่าคิด “เจลไม่น่าหาที่ซ่อนที่ซับซ้อนได้ง่ายๆ เขาน่าหาอะไรที่มันง่ายๆอย่าง...” ภูมิพัฒน์มองไปรอบๆห้องแล้วก็พบเข้ากับกองหน้ากากเหล็กที่เหล่านักรบใช้กันใบหน้า แต่ปกติของแบบนี้มักถูกเก็บอย่างดีไม่ใช่หรือ

“อย่างที่คิด” ภูมิพัฒน์พูดเมื่อเขาเจอขนนกสีทองซ่อนอยู่ในกองหน้ากากเหล็ก “ขนนกสีทองทั้งหมดต้องซ่อนอยู่ห้องเรียกต่างๆนี้แหละ” ภูมิพัฒน์หันมาบอกเพื่อนๆ

“ถ้างั้นก็ง่ายเลย” ปิยวรรณพูด “ห้องเรียนมีสิบกว่าห้องก็ต้องกลุ่มล่ะสามสี่ห้อง”

“ถ้างั้นกลุ่มแรกสำรวจห้องเรียนที่อยู่ช่วงล่างของต้นไม้ กลุ่มสองสำรวจห้องเรียนบริเวณกลางต้นไม้ กลุ่มสุดท้ายสำรวจห้องเรียนช่วงบนของต้นไม้หมื่นปีตกลงนะ”

“รับทราบ!” ทุกคนตอบรับ

“อ่อ...ถ้าเจอคณะโซเรนอย่าลืมบอกด้วยล่ะ งานนี้ช่วยกันเยอะๆยิ่งดี” ว่าแล้วคณะภูมิพัฒน์ก็แยกย้ายกันอีกครั้ง ขณะนี้เหลือเวลาสี่ห้านาทีสามสิบหกวินาที...

ทางด้านของคณะโซเรนต่างจากคณะภูมิพัฒน์เพราะทางนี้ไปกันเป็นกลุ่ม แน่นอนว่าพวกเขายังหาขนนกสีทองไม่เจอเลย

“นี้มันยากยิ่งกว่าฝึกกองพลสักอีก” ทไวไลท์บ่น “จะไปหาเจอได้ยังไงกัน สงสัยอดอาหารแน่ๆ”

“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ ฉันว่าอีกฝ่ายต้องเจอบางแล้วล่ะกึ๋นฉันบอกอย่างนั้น” โซเรนพูด กึ๋นที่โซเรนพูดก็เหมือนกับสัญชาตญาณของมนุษย์เรา “พวกเราก็ต้องพยายาม อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เราต้องบินกลางพายุ” โซเรนนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าต้องโดนลงโทษโดนการอดอาหารทั้งเขาและเพื่อนๆจะบินกันไหวหรือไม่โซเรนกังวนเรื่องนี้มากๆแต่ไม่รู้เหมือนว่าทำไมคณะของพี่คลัดด์ถึงไม่ได้ตกใจตอนได้ฟังบทลงโทษกันนะ?

“เราพักกันก่อนเถอะ” โซเรนพูดพร้อมกับร่อนลงพื้นที่อยู่ใกล้ๆ “แต่จะว่าไปก็สนุกดีนะ ปกติต้นไม่หมื่นปีไม่ค่อยมีกิจกรรมแบบนี้เท่าไรอยากให้คนอื่นๆมาเล่นบ้างจัง”

“นี่โซเรน” กิลฟี่พูด “พวกเราก็ได้นึกสงสัยบางไหม”

“อะไรเหรอกิลฟี่” ทไวไลท์พูด

“พวกเขามาจากไหนกันแน่...ฉันหมายถึงคณะของพี่ชายเธอ”

“กิลฟี่ก็ไหนเธอบอกว่าไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแล้ว...” ดิกเกอร์พูด

“แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆนี่หน่า พี่ชายโซเรนตกลงไปในกองเพลิงถึงจะไม่มีใครเห็นเขาหลังจากนั้นก็เถอะ แต่...คลัดด์ไปถึงที่ที่พวกนั้นพูดได้ยังไงในเมื่อปีกของเขาก็หัก” กิลฟี่พูดมีเหตุผล จริงๆโซเรนก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันแต่เขาคิดว่ามันไม่สำคัญเท่าไรเมื่อเรื่องที่ว่าพี่คลัดด์เขากลับมาและกลายเป็นคนเดิม...คนเดิมที่โซเรนรู้จักดี “ฉันก็ไม่อยากพูด...แต่พวกนั้นกำลังโกหกเรื่องสถานที่ที่แท้จริงที่พวกเขาเจอคลัดด์รวมถึงที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย”

ใช่แล้ว! จำได้ว่าเพื่อนสนิทของพี่คลัดด์ที่ชื่อภูมิพัฒน์เคยบอกว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากที่นี้มาก มาคิดดูตอนนี้ถ้าพวกเขาพูดความจริงพวกเขามาที่นี้ได้ยังไงถึงแม้จะรู้เรื่องต้นไม้หมื่นปีมาจากพี่คลัดด์ก็ตามพวกเขาคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งอาทิตย์แน่ๆในการมาที่นี้ระหว่างนั้นพวกเขากินที่ไหน นอนที่ไหนกันนะ? ถึงกระนั้นการที่พวกเขาสามารถทำให้คลัดด์กลับมาเป็นคนเดิมได้โซเรนอดนับถือไม่ได้จริงๆ

“พวกเขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งเธอ ฉันและพวกเราก็รู้ดีฉันเชื่อว่ากึ๋นของพวกเขาก็คงบอกเหมือนกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของเราเป็นเพื่อนที่ดีที่อยากช่วยเหลือพี่ชายฉันก็เท่านั้น ฉันยอมรับว่าสงสัยพวกเขาแต่ถ้าคิดเรื่องที่พวกเขาทำอยู่เห็นได้เลยว่าพวกเขาเป็นนกฮูกที่ดีตัวนึงก็เท่านั้น” คำพูดของโซเรนทำให้กิลฟี่พูดไม่ออกเธอยิ้มด้วยความเข้าใจในตัวของโซเรนเพราะเธอเองก็เชื่อใจในพวกนั้นด้วยเช่นกัน

“โซเรน! ทุกตัวเลย!” เสียงๆนึงดังขึ้นทำเอาคณะโซเรนตกใจจนเกือบกระโดดตัวลอย ภูมิพัฒน์นั้นเอง “ฉันพอรู้แล้วว่าพวกเราจะหาขนนกสีทองได้ที่ไหน...พวกนายเป็นอะไรกันเหรอ” ภูมิพัฒน์สังเกตเห็นว่าคณะโซเรนมองเขาอย่างแปลกๆ

“จริงสิ! พวกเราเล่นเกมกันอยู่นี่หน่า!” กิลฟี่อุทาน

“ดูท่าจะลืมไปแล้วสินะ” ภูมิพัฒน์ยิ้มแหยๆ “ไม่เป็นไรยังมีเวลาเหลืออยู่ ขนนกน่าจะซ่อนตามห้องเรียนกองพลพวกนายลองไปหาดูนะ อ่อ...โซเรน”

“อะไรเหรอ?”

“ช่วยมากับเราได้ไหม คลัดด์เขาคิดถึง” คำพูดของภูมิพัฒน์ทำเอาคลัดด์เกือบล้มทั้งยืน

“ฉันพูดแบบนั้นตอนไหน!” คลัดด์รอยากจะจิกหัวเจ้านายคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!

“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” ภูมิพัฒน์ยิ้มแฝงความหมายบ้างอย่าง จริงอย่างที่เขาพูดคลัดด์หน้าแดงจริงๆ

พอเห็นใบหน้าของภูมิพัฒน์คลัดด์ก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก “ช่างฉันเถอะ! รบกวนเขาเปล่าๆ”

“แต่พี่น้องจะได้ทำงานร่วมกันทั้งทีจะได้เพิ่มสายสัมพันธ์กันเหมือนผมกับพี่ภูมิพัฒน์ไง” ธนิดพูด

“ได้สิครับ” โซเรน “พี่โอเคใช่ไหม” โซเรนหันไปถามคลัดด์

“ตามใจนายสิ...” คลัดด์ตอบโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย

“งั้นฉันขอไปอยู่กับพี่ส่วนพวกนายฉันขอฝากที่เหลือด้วยนะ”

“ได้เลยโซเรน” ทไวไลท์ตอบ ส่วนกิลฟี่กับดิกเกอร์เพียงหยักหน้าตอบ ก่อนทั้งหมดจะบินจากไป ขณะนี้เหลือเวลาสามสิบนาที...

ภารกิจของเกมนี้พอรู้ว่าต้องหาที่ไหนก็ง่ายกว่าที่คิดพวกเขาสามารถหาขนนกสีทองได้จนครบแล้วตอนนี้เหลือแค่กลับไปยังหน้าสภาเท่านั้นระหว่างที่บินกันอยู่โซเรนให้โอกาสนี้บินข้างๆคลัดด์โดยพวกเขาบินอยู่หลังสุดของกลุ่ม

“ว่าไงพี่คลัดด์” โซเรนพูด

“ว่าไงโซเรน” คลัดด์ตอบ แล้วหลังจากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ กำ...สงสัยไม่รู้จะพูดอะไรกันดีแน่ๆ

“คิดถึงน้องชายไม่ใช่เหรอถามอะไรสักสองสามข้อสิ” ภูมิพัฒน์จำใจต้องพูดเพื่อเปิดฉากการสนทนา

“เงียบหน่า!” คลัดด์ตะโกน “อ่อ...นายสบายดีใช่ไหม” คลัดด์องโซเรนได้ไม่กี่วินาทีก็หันหน้าหนีสักแล้ว จะไปรอดไหมเนี่ย!

“ครับ...ก็สบายดี” โซเรนยิ้มให้คลัดด์ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่มองก็ตาม

“ลองถามสิว่ากินอยู่เป็นยังไง มีปัญหาอะไรที่นายสามารถช่วยได้บ้าง”

“บอกให้เงียบไง!” คลัดด์เริ่มสงสัยว่าตกลงใครเป็นฝ่ายถามกันแน่

“เรื่องการกินอยู่ก็ดี ส่วนปัญหา...คือผมเป็นห่วงพี่”

“เป็นห่วงฉัน?” เป็นครั้งแรกที่คลัดด์สามารถมองโซเรนได้นานกว่าสิบวินาที น่าชื่นชมจัง

“ตอนผมเห็นพี่ครั้งแรกบอกตามตรงว่าผมตกใจมาก ผมเชื่อว่าพี่ต้องยังไม่ตายแต่พอคิดว่าพี่ยังไม่ตายมันก็เริ่มเป็นห่วงว่าพี่จะเป็นยังไงบ้างพี่อยู่ที่ไหนจะปลอดภัยดีไหม” โซเรนมองตาคลัดด์ “ผมดีใจมากๆที่เห็นพี่ไม่เป็นอะไร...ผมดีใจจริงๆ...”

คลัดด์ทำได้แต่มองตาโซเรนดวงตาคู่นั้นมีความอบอุ่นจากน้องชายซึ่งเขาเองก็รู้สึกได้ “พ...พี่...” คลัดด์ใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีในตอนนี้ เขาต้องพูดให้ได้! “พี่ก็ดีใจที่ได้เห็นน้องอีกครั้ง...โซเรน...” สำเร็จ! คลัดด์คิดในใจถึงจะยังไม่ใช่คำที่เขาอยากพูดจริงๆก็ตาม แต่แบบนี้คงอีกไม่นานเขาต้องพูดได้แน่ๆ

“ลืมบอกว่า ‘และถึงคิดนายมากๆด้วยหรือเปล่า’ คลัดด์...โอ๊ะ!” ภูมิพัฒน์ต้องหยุดพูดเพราะโดนคลัดด์จิกหัวเข้าไปเต็มๆ เกมสามัคคีครึ่งแรกจบเพียงเท่านี้

Link to comment
Share on other sites

ขอขอบคุณ แคธรีน ลาสกี ( Kathryn Lasky) ที่ได้สร้างผลงานดีๆจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ไมยาเตะ (นามปากกา) และนักเขียน Fan Fiction อีกหลายๆคนไว้ ณ ที่นี้

และผมก็ต้องขอขอบคุณ ที่ทำให้ผมได้อ่านเรื่องราว After Ending แบบของท่านไมยาเตะที่แสนสนุกสนานด้วย

“ขอโทษทีพี่ ก็พี่ปิยวรรณนะสิปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่นสักที” ธนิดหันไปมองพี่สาวคนโต

“ก็พี่ไม่เคยตื่นเร็วขนาดนี้นี่หน่า” หกโมงเย็นสำหรับนกฮูกแล้วถือว่าเป็นเวลาที่เช้ามากๆ “สงสัยร่างกายปรับตัวไม่ทัน”

หกโมงเย็นของมนุษย์ คือหกโมงเช้าของนกฮูกนี้นะ

เจอยังคงอธิบายต่อไปโดยไม่สนใจคำถามของดิกเกอร์เลย “เกมสามัคคีมีด้วยกันสองช่วงครึ่งแรกจะเป็นภารกิจตามหาขนนกสีทองซึ่งฉันได้ ซ่อนเอาไว้ตามที่ต่างๆในต้นไม้หมื่นปีพวกเธอต้องช่วยกันหาให้ครบสิบอัน ภารกิจก็จะสำเร็จ”

เล่นซ่อนหาของเหรอ...อา...ทำให้คิดถึงวันวานจริงๆ แต่ที่เคยเล่นนะ ซ่อนของแค่ชิ้นเดียว แต่กว่าจะหาเจอนี้สิ...

“รางวัลเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จคือพวกเธอจะได้รับประทานอาหารมื้อที่ดี ที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยทานมา แต่ถ้าไม่สำเร็จพวกเธอทุกตัวต้องอดอาหารมื้อนั้นไป”

รางวัลกับการลงโทษนี้สุดจะตรงกันข้ามจริงๆ ว่าแต่อาหารดีๆ นี้คงไม่ใช้ หนูทอดกระเทียม อะไรเทือกนั้นใช่ไหม..

“พวกเขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งเธอ ฉันและพวกเราก็รู้ดีฉันเชื่อว่ากึ๋นของทุกคนก็คงบอกเหมือนกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของเราเป็นเพื่อนที่ดีที่อยากช่วยเหลือพี่ชายฉันก็เท่านั้น ฉันยอมรับว่าสงสัยพวกเขาแต่ถ้าคิดเรื่องที่พวกเขาทำอยู่เห็นได้เลยว่าพวกเขา เป็นคนดีคนนึงก็เท่านั้น” คำพูดของโซเรนทำให้กิลฟี่พูดไม่ออกเธอยิ้มด้วยความเข้าใจในตัวของโซเรนเพราะ เธอเองก็เชื่อใจในพวกนั้นด้วยเช่นกัน

กด :like:

ใครๆก็ต้องการมีความลับที่ไม่อยากเปิดเผยกันบ้างนี้นะ เพราะงั้นบางเรื่องก็ปล่อยๆไปไม่รู้อาจจะสบายใจกว่าก็ได้ กิลฟี่

“ช่วยมากับเราได้ไหม คลัดด์เขาคิดถึง” คำพูดของภูมิพัฒน์ทำเอาคลัดด์เกือบล้มทั้งยืน

“ฉันพูดแบบนั้นตอนไหน!” คลัดด์รอยากจะจิกหัวเจ้านายคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!

ทำหน้าที่พ่อสื่อและเจ้านายได้เยี่ยมมากภูมิพัฒน์ ^^

“แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” ภูมิพัฒน์ยิ้มแฝงความหมายบ้างอย่าง จริงอย่างที่เขาพูดคลัดด์หน้าแดงจริงๆ

พอเห็นใบหน้าของภูมิพัฒน์คลัดด์ก็ยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก “ช่างฉันเถอะ! รบกวนเขาเปล่าๆ”

Y ซึนเดเระ โชตะคอน....เฮ้ย! ผมคิดอะไรอยู่เนี้ย!!

“ว่าไงพี่คลัดด์” โซเรนพูด

“ว่าไงโซเรน” คลัดด์ตอบ แล้วหลังจากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ กำ...สงสัยไม่รู้จะพูดอะไรกันดีแน่ๆ

“คิดถึงน้องชายไม่ใช่เหรอถามอะไรสักสองสามข้อสิ” ภูมิพัฒน์จำใจต้องพูดเพื่อเปิดฉากการสนทนา

“เงียบหน่า!” คลัดด์ตะโกน “อ่อ...นายสบายดีใช่ไหม” คลัดด์องโซเรนได้ไม่กี่วินาทีก็หันหน้าหนีสักแล้ว จะไปรอดไหมเนี่ย!

“ครับ...ก็สบายดี” โซเรนยิ้มให้คลัดด์ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่มองก็ตาม

“ลองถามสิว่ากินอยู่เป็นยังไง มีปัญหาอะไรที่นายสามารถช่วยได้บ้าง”

“บอกให้เงียบไง!” คลัดด์เริ่มสงสัยว่าตกลงใครเป็นฝ่ายถามกันแน่

“เรื่องการกินอยู่ก็ดี ส่วนปัญหา...คือผมเป็นห่วงพี่”

“เป็นห่วงฉัน?” เป็นครั้งแรกที่คลัดด์สามารถมองโซเรนได้นานกว่าสิบวินาที น่าชื่นชมจัง

“ตอน ผมเห็นพี่ครั้งแรกบอกตามตรงว่าผมตกใจมาก ผมเชื่อว่าพี่ต้องยังไม่ตายแต่พอคิดว่าพี่ยังไม่ตายมันก็เริ่มเป็นห่วงว่า พี่จะเป็นยังไงบ้างพี่อยู่ที่ไหนจะปลอดภัยดีไหม” โซเรนมองตาคลัดด์ “ผมดีใจมากๆที่เห็นพี่ไม่เป็นอะไร...ผมดีใจจริงๆ...”

คลัดด์ทำได้แต่ มองตาโซเรนดวงตาคู่นั้นมีความอบอุ่นจากน้องชายซึ่งเขาเองก็รู้สึกได้ “พ...พี่...” คลัดด์ใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีในตอนนี้ เขาต้องพูดให้ได้! “พี่ก็ดีใจที่ได้เห็นน้องอีกครั้ง...โซเรน...” สำเร็จ! คลัดด์คิดในใจถึงจะยังไม่ใช่คำที่เขาอยากพูดจริงๆก็ตาม แต่แบบนี้คงอีกไม่นานเขาต้องพูดได้แน่ๆ

“ลืมบอกว่า ‘และถึงคิดนายมากๆด้วยหรือเปล่า’ คลัดด์...โอ๊ะ!” ภูมิพัฒน์ต้องหยุดพูดเพราะโดนคลัดด์จิกหัวเข้าไปเต็มๆ เกมสามัคคีครึ่งแรกจบเพียงเท่านี้

ยุ่งมากเกินไปรึเปล่าเนี้ยภูมิพัฒน์ เล่นเขียนบทละครให้คลัดด์เสียทุกประโยคเลย เหอๆๆ

“ใจร้ายจัง” กิลฟี่พูด “ใครเป็นคนคิดเนี่ย” กิลฟี่มองไปยังคณะภูมิพัฒน์แต่ก็ไม่มีใครหันมามองเธอสักคน
“ฉันว่ายังไงๆพวกนั้นก็เป็นคนที่เรียกได้ว่า...แปลกๆ...หวังว่าพี่นายคงไม่ไปติดเชื้อพวกนั้นมาหรอกนะ” กิลฟี่พูดข้างหูโซเรน
“พวกเขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งเธอ ฉันและพวกเราก็รู้ดีฉันเชื่อว่ากึ๋นของทุกคนก็คงบอกเหมือนกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของเราเป็นเพื่อนที่ดีที่อยากช่วยเหลือพี่ชายฉันก็เท่านั้น ฉันยอมรับว่าสงสัยพวกเขาแต่ถ้าคิดเรื่องที่พวกเขาทำอยู่เห็นได้เลยว่าพวกเขา เป็นคนดีคนนึงก็เท่านั้น”

“โซเรน! ทุกคน!”

ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นจุดผิดได้หรือเปล่า สำหรับมนุษย์แล้วถ้ามีการหลุดคำว่า "คน" ออกมาในคำพูดก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้าเป็นพวกนกฮุกที่ไม่รู้จักสิ่งที่่เรียกว่า "คน" เลยนี้ จะสามารถพูดคำว่าคนได้เหรอ ตามธรรมชาตินะ?

คิดว่าควรใช้คำว่า

"ใครตัวไหนคิดเนี้ย"

"ฉันว่ายังไงๆพวกนั้นก็เป็นนกที่เรียกได้ว่า..."

"...ฉันและพวกเราก็รู้ดีฉันเชื่อว่ากึ๋นของพวกเขาก็คงบอกเหมือนกัน.."

"...เป็นนกฮุกที่ดีตัวนึงก็เท่านั้น"

"โซเรน! ทุกตัว!"

ก็ไม่รุ้หรอกนะว่าผิดหรือเปล่า เพียงแต่ในมุมมองของผมมันไม่เป็นธรรมชาติ หรือเป็นไปไม่ได้เลยอ่ะ...

ขอโทษที่ทำให้ลำบากครับ ขอโทษครับ...

Link to comment
Share on other sites

ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นจุดผิดได้หรือเปล่า สำหรับมนุษย์แล้วถ้ามีการหลุดคำว่า "คน" ออกมาในคำพูดก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้าเป็นพวกนกฮุกที่ไม่รู้จักสิ่งที่่เรียกว่า "คน" เลยนี้ จะสามารถพูดคำว่าคนได้เหรอ ตามธรรมชาตินะ?

คิดว่าควรใช้คำว่า

"ใครตัวไหนคิดเนี้ย"

"ฉันว่ายังไงๆพวกนั้นก็เป็นนกที่เรียกได้ว่า..."

"...ฉันและพวกเราก็รู้ดีฉันเชื่อว่ากึ๋นของพวกเขาก็คงบอกเหมือนกัน.."

"...เป็นนกฮุกที่ดีตัวนึงก็เท่านั้น"

"โซเรน! ทุกตัว!"

ก็ไม่รุ้หรอกนะว่าผิดหรือเปล่า เพียงแต่ในมุมมองของผมมันไม่เป็นธรรมชาติ หรือเป็นไปไม่ได้เลยอ่ะ...

ขอโทษที่ทำให้ลำบากครับ ขอโทษครับ...

ไม่เป็นไรครับ

ในฉบับนิยายของเรื่องนี้พวกของโซเรนรู้จักมนุษย์ครับถึงในนิยายจะบอกแค่ว่าเป็น 'เผ่าพันธุ์อื่น' ก็ตาม

ยังไงผมก็จะลองแก้ดูครับ เพื่ออ่านได้ดีขึ้น

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

อัพต่อแล้วครับ

รู้สึกว่าบทนี้มันไร้สาระจริงๆสักด้วยสินะ  :pika02:

แต่แค่บทช่วงแรกเท่านั้นแหละต่อจากนี้ไปผมจะแต่งอยา่งจริงๆจังๆแล้ว!

- - - - - - - - - - - - - - - -

Y ซึนเดเระ โชตะคอน....เฮ้ย! ผมคิดอะไรอยู่เนี้ย!!

จริงด้วย! วาว่าคุงคิดอะไรอยู่~ (โซเรนกับคลัดด์เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ  :pika04: )

ทำหน้าที่พ่อสื่อและเจ้านายได้เยี่ยมมากภูมิพัฒน์ ^^

เรื่องถนัดของเจ้าตัวเขาล่ะครับ

- - - - - - - - - - - - - - - -

~ ช่วงที่ 2 ~

เกมสามัคคี (ครึ่งหลัง)

“ทำได้ดีมากทุกตัว” เจลพูด

“ไม่ต้องมาพูดเลยเจอ” ภูมิพัฒน์แอบบ่น ชอบใช้อำนาจเกินตัวแบบนี้จบงานนี้ต้องลดค่าอาหารสักแล้วมั้ง “บอกภารกิจครึ่งหลังมาเถอะ”

“ภารกิจครึ่งหลังยากของแท้...ถ้าพวกเธอทำสำเร็จรางวัลที่ได้รับคือการรับประทานอาหารในปริมาณเต็มที่แต่ถ้าไม่ปริมาณอาหารจะน้อยลง...อิอิ” ไม่รู้เหมือนว่าเจลจะหัวเราะทำไม

“ขำอะไรของนาย” ปิยวรรณสังหรณ์ใจแปลกๆ

“ภารกิจนี้เรามีแขกพิเศษอยากรู้ไหมว่าใคร” ถึงไม่มีใครตอบว่า ‘อยาก’ เจลก็พูดอยู่ดี “แขกพิเศษเป็นผู้ที่สำคัญมากต่อต้นไม้หมื่นปีพวกเขาคือราชาโบรอนกับราชินีบาร์ราน!” พอทั้งสองคณะได้ยินชื่อแขกพิเศษก็ถึงกับหน้าถอดสี

“แล้วพวกท่านมาเกี่ยวอะไรกับเกมด้วยล่ะครับ” ธนิดถาม

“เกมสามัคคีในครึ่งหลังจะเป็นเกม ‘ปฏิบัติตามคำสั่ง’ พวกเธอแต่ละคนต้องจับสลากซึ่งจะมีภารกิจที่พวกเธอแต่ละคนต้องทำกับราชาโบรอนกับราชินีบาร์ราน”

“หมายความว่าไง” โซเรนถาม

“ก่อนอื่นโซเรนลองจับสลากดูสิ” เจลนำเศษกระดาษหลายแผ่นมากองตรงหน้า โซเรนมองดูกองเศษกระดาษนั้นก่อนจะเอาไปแผ่นนึง “แล้วอ่านสิว่ามันเขียนว่าอะไร”

“แตะปีก”

“ถ้างั้นโซเรนนายต้องแตะปีกของราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานก็ได้ถ้าทำได้ภารกิจก็จะสำเร็จ...แค่ส่วนของนายเท่านั้น”

“หา!?” โซเรนแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน นี้มันเป็นเกมจริงๆหรือเปล่า “เอาจริงเหรอ...”

“ฉันบอกราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานจะมีการสัมภาษณ์โดยจะเป็นคำถามประมาณยี่สิบคำถามโดยมีพวกเธอเป็นฝ่ายถามแน่นอนว่าพวกท่านตอบตกลง”

“แล้วคำสั่งที่เราต้องทำล่ะ” กิลฟี่พูด

“ต้องทำระหว่างการสัมภาษณ์เท่านั้นโดยมีเงื่อนไขว่า หนึ่ง พวกเธอต้องถามคำถามกับโบรอนและราชินีบาร์รานให้ครบยี่สิบคำถามพร้อมทำภารกิจของแต่ละคนไปด้วยถ้าทำสำเร็จทั้งสองอย่างเกมสามัคคีหลึ่งหลังก็เป็นอันสำเร็จ สอง ในกรณีที่โบรอนกับราชินีบาร์รานจับได้ว่ามีสิ่งผิดปกติระหว่างเล่นเกม เกมจะจบลงทันที สาม ในกรณีถามคำถามครบแต่ทำภารกืจไม่สำเร็จหรือทำภารกิจสำเร็จแต่ถูกจับได้ก่อนจะถามคำถามครบก็จะถือว่าเล่นเกมสำเร็จครึ่งเดียวต้องโดนลงโทษโดนการตัดอาหารออกครึ่งนึง”

“หมายความว่าจะให้พวกท่านรู้ไม่ได้ด้วยว่าเราทำให้เล่นเกมกับท่านอยู่ทั้งๆที่พวกท่านรู้แค่ว่าเป็นการสัมภาษณ์ธรรมดาเท่านั้น” ภูมิพัฒน์สรุป

“ตามนั้น” เจลตอบ “แต่ก่อนหน้านั้นพวกเธอต้องจับสลากกันก่อน”

ซึ่งผลการจับสลากคำสั่งที่ต้องทำเป็นดังนี้

ภูมิพัฒน์ (แตะเท้า)

ปิยวรรณ (แตะหน้า)

ธนิด (อยู่ใต้ปีก)

วรฤทัย (อยู่ใต้ปีก)

ภัสสร์นภันต์ (แตะปีก)

พจน์ชานน (แตะหน้า)

จีรายุพา (แตะเท้า)

คลัดด์ (กอด)

โซเรน (แตะปีก)

กิลฟี่ (กอด)

ดิกเกอร์ (อยู่ใต้ปีก)

ทไวไลท์ (แตะปีก)

“แต่ละอย่างมันช่าง...” ภูมิพัฒน์ยิ้มแหยๆ “แล้วพวกท่านจะไม่โกรธเหรอ”

“ไม่หรอก” เจลหัวเราะแฝงความหมายบ้างอย่าง ไม่มีทางที่ราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานจะโกรธได้แน่นอนเพราะก่อนหน้านั้นราวหนึ่งชั่วโมง

*ภาพย้อนหลัง*

“ราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานครับ” เจลมาขอพบราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานเป็นการส่วนตัว

“มีอะไรหรือคุณเจล” โบรานพูด

“ทางผม...หมายถึงคณะผมที่ได้ขอจัดกิจกรรมเล่นเกมกัน อย่างที่ท่านทราบว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องฝึกบินกลางพายุการจะโดนทำโทษโดยอดอาหารมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเรื่องปริมาณอาหารก็เช่นกัน”

“แล้วไงต่อคุณเจล”

“ในการเล่นเกมช่วงครึ่งหลังบทลงโทษจะเป็นเรื่องปริมาณอาหารแน่นอนว่าพวกเขาคงพยายามกันเต็มที่เพื่อให้เล่นเกมได้สำเร็จโดยเกมที่ว่าเป็นเกมปฏิบัติตามคำสั่งอย่างที่ผมเคยบอกท่านไปตอนขอจัดกิจกรรมแล้ว”

“ที่ให้พวกฉันเป็นแขกพิเศษใช้ไหม”

“ครับ ผมอยากให้ท่านทั้งสองแกล้งทำเป็นรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติแต่ไม่ต้องถึงขั้นจับได้ว่าเป็นเกมปลอมๆนะครับ ไม่งั้นอย่างเกมนี้คงไม่สนุก”

“ว่าไงล่ะค่ะที่รัก” บาร์รานพูดกับโบรอน

“นานๆพวกเราจะได้เล่นกับพวกเด็กสักทีคงไม่เป็นไร เป็นอันว่าตกลง”

*จบภาพย้อนหลัง*

เจลยังคงหัวเราะอยู่พวกเขาไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่นอน “เชื่อใจฉันเถอะ”

“น่าสงสัยจริง” ถึงปิยวรรณจะพูดอย่างนั้นแต่ในใจก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

พวกเขามายังหน้าสภาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน ในครั้งนี้มีเหล่านกฮูกนานาชนิดมาดูด้วยความสนใจก็ไม่น่าแปลกเพราะราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานจะมาร่วมเล่นด้วยซึ่งหาชมกันไม่ได้ง่ายๆ โดยราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานรออยู่ก่อนแล้ว (ขอพูดซ้ำอีกครั้งนะครับว่าราชาโบรอนกับราชินีบาร์รานรู้อยู่ก่อนแล้วว่านี้เป็นการสัมภาษณ์ปลอมๆ) “จะสัมภาษณ์พวกฉันใช่ไหม” บาร์รานพูด “เชิงคำได้เลยจ้ะ” และแล้วเกมสามัคคีครึ่งหลังก็ได้เริ่มต้นขึ้น

บรรยายกาศเป็นไปอย่างเครียดๆเนื่องจากเกมครั้งนี้พวกเขาต้องถามคำถามให้ครบยี่สิบข้อภายในหนึ่งชั่วโมงแถมยังต้องทำภารกิจไปด้วยโดยต้องไม่ให้โบรอนกับบาร์รานรู้เด็ดขาด (ซึ่งที่จริงพวกท่านก็รู้อยู่ก่อนแล้ว)

“ผมขอถามก่อนนะครับ” ภูมิพัฒน์พูดเปิดฉากเล่นเกม...จับเวลาแล้ว... “ข้อแรก งานของพวกท่านส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอะไรครับ” ภูมิพัฒน์พูดเสร็จก็พยายามเข้าไปใกล้โบรอนโดยภารกิจของภูมิพัฒน์คือแตะเท้า

“ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลความเรียบร้อนในต้นไม้หมื่นปีไม่ก็ค่อยแก้ปัญหาต่างที่เกิดขึ้น...” โบรอนเพิ่งรู้ตัวว่าภูมิพัฒน์เพิ่งจะแตะเท้าของเขา

ภูมิพัฒน์รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจึงรีบพูดแก้ทางเฉพาะหน้า “ท่านโบรอนต้องค่อยเคาะไม้ตอนตัดสินในสภาเท้าท่านคงเจ็บสินะครับ” ฟังดูไม่น่าจะไปรอด...

“ไหนๆ” จีรายุพารีบไปแตะเท้าโบรอนอีกคน “เท้าแข็งจังเลยนะค่ะท่านโบรอน” จีรายุพาพูดตีหน้าตายชัด!

“ง...งั้นเหรอ” ปล่อยให้โบรอนรู้มาก่อนแต่อยู่ๆก็โดนแบบนี้ก็ตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน

ภูมิพัฒน์ (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

ปิยวรรณ (แตะหน้า)

ธนิด (อยู่ใต้ปีก)

วรฤทัย (อยู่ใต้ปีก)

ภัสสร์นภันต์ (แตะปีก)

พจน์ชานน (แตะหน้า)

จีรายุพา (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

คลัดด์ (กอด)

โซเรน (แตะปีก)

กิลฟี่ (กอด)

ดิกเกอร์ (อยู่ใต้ปีก)

ทไวไลท์ (แตะปีก)

“ข้อที่สอง” ภูมิพัฒน์ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือเปล่าถึงรีบถามคำถามข้อต่อไปเร็วมากจนผู้เล่นเกมต้องหันมามอง “พวกท่านชอบกองพลไหนเป็นพิเศษและเพราะอะไรครับ”

“ของฉันชอบกองพลดูแลลูกนกเป็นพิเศษ” บาร์รานตอบ “ได้ทำงานเหล่านกฮูกตัวน้อยๆมันรู้สึกมีความสุขไปอีกแบบ” บาร์รานเผลอ...หรือเปล่า? ไปกอดวรฤทัยไว้ใต้ปีกพอดี ธนิดกับดิกเกอร์เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าอยู่ใต้อีกข้างของบาร์ราน...ชัดเจนไปหรือเปล่าเนี่ย...

“ฉันก็เช่นนั้นเพราะแบบนี้เด็กๆถึงได้มีความสุขกันไงล่ะ” โซเรนกับภัสสร์นภันต์อาศัยช่วงที่โบรอนพูดแอบแตะปีกของโบรอนนิดโดยไม่ให้รู้ตัว ที่เหลือที่ยังไม่ทำภารกิจนะหรือ...งานเข้าเต็มๆ!

ภูมิพัฒน์ (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

ปิยวรรณ (แตะหน้า)

ธนิด (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

วรฤทัย (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

ภัสสร์นภันต์ (แตะปีก) ภารกิจสำเร็จ

พจน์ชานน (แตะหน้า)

จีรายุพา (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

คลัดด์ (กอด)

โซเรน (แตะปีก) ภารกิจสำเร็จ

กิลฟี่ (กอด)

ดิกเกอร์ (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

ทไวไลท์ (แตะปีก)

ในช่วงระยะหลังๆนี้ เกมดำเนินไปอย่างยากลำบาก ปิยวรรณกับพจน์ชานนที่มีภารกิจยากกว่าเพื่อนไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำตอนไหนยังไงดี คลัดด์กับทไวไลท์ดูกล้าๆกลัวๆที่จะทำ ส่วนกิลฟี่กำลังรอดโอกาสอยู่

ภูมิพัฒน์ถามข้อต่ไป “คำถามข้อที่สิบห้านะครับ คือไม่ทราบว่าในกลุ่มของพวกผมทั้งหมดท่านทั้งสองชอบใครเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” อยู่ๆทั้งสองคณะก็นิ่งไปจนเหมือนลืมไปว่าต้องทำภารกิจไปด้วย

บาร์รานคิดอยู่ครู่นึง “วรฤทัย คงเพราะหน้าตาเรากลายๆกันละมั้ง” บาร์รานยิ้มให้กับวรฤทัย วรฤทัยถึงกับหน้าแดงหลบหน้าหันไปมองทางอื่น

“สำหรับฉันก็ชอบเด็กๆทุกตัวนั้นแหละ” โบรอนพูด “แต่ถ้าว่าชอบใครเป็นพิเศษ” โบรอนวางปีกบนหลังของภูมิพัฒน์ “ก็ต้องเขานี่แหละรู้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่นกแสกหนุ่มธรรมดาแน่ๆ”

‘ถูกต้องนะครับ...’ ภูมิพัฒน์ตอบในใจก่อนจะนึกอะไรออกเขารีบออกจากใต้ปีกของโบรอนแล้วผลัดคลัดด์เข้าไปแทนเล่นเอาคลัดด์ทำตัวไม่ถูก “แล้วเขาล่ะครับ” ภูมิพัฒน์รู้ดีว่าคลัดด์คงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ง่ายๆถ้ามีใครค่อยช่วยน่าจะง่ายขึ้น ภูมิพัฒน์พยักหน้าให้คลัดด์เป็นการส่งสัญญาณว่าให้ทำภารกิจได้แล้ว

โบรอนไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงมองคลัดด์...ยากที่จะบอกได้ว่าในใจของโบรอนกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนคลัดด์ก็กอดไม่เหมือนกอดแต่ช่างเถอะยังไงก็ถือว่ากอดนั้นแหละ! ภูมิพัฒน์เพิ่งสังเกตเห็นว่ากิลฟี่กอดบาร์รานไปเรียบร้อยแล้ว ทไวไลท์ก็แตะปีกของบาร์รานด้วยความรวดเร็วเหลือเชื่อ เท่านี้ก็เหลือ... ภูมิพัฒน์หันไปมองพี่สาวตัวโตปิยวรรณกับพจน์ชานนที่กำลังยืนตัวแข็งราวกับมีน้ำแข็งเกาะทั่วทั้งตัว

ภูมิพัฒน์ (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

ปิยวรรณ (แตะหน้า)

ธนิด (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

วรฤทัย (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

ภัสสร์นภันต์ (แตะปีก) ภารกิจสำเร็จ

พจน์ชานน (แตะหน้า)

จีรายุพา (แตะเท้า) ภารกิจสำเร็จ

คลัดด์ (กอด) ภารกิจสำเร็จ

โซเรน (แตะปีก) ภารกิจสำเร็จ

กิลฟี่ (กอด) ภารกิจสำเร็จ

ดิกเกอร์ (อยู่ใต้ปีก) ภารกิจสำเร็จ

ทไวไลท์ (แตะปีก) ภารกิจสำเร็จ

คำถามมาถึงข้อสุดท้ายอย่างรวดเร็วเนื่องจากภูมิพัฒน์กลัวว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เวลาต้องหมดก่อนอย่างแน่นอน ตอนนี้เหลืออยู่สิบนาที...น่าจะทัน “คำถามข้อสุดท้ายนะครับ อยากฝากอะไรหรือบอกเรื่องที่พวกผมควรรู้ไว้ไหมครับ”

“ก็ไม่กี่เรื่องเหรอนะ” โบรอนพูด “พวกเธอยังใหม่สำหรับที่นี้ฉันรู้ว่าพวกเธออาจจะยังไม่คุ้นฉันคงฝากอย่างเดียวคืออยากให้พวกเธอปรับให้เข้ากับที่นี้ในไม่ช้าก็เร็วๆนี้”

“ขอบคุณครับ” พจน์ชานนพูด “ว่าแต่หน้าท่านโบรอนมีอะไรติดอยู่ด้วย” ว่าแล้วพจน์ชานนก็นำปีกไปแตะหน้าของโบรอนไปทั้งๆอย่างงั้น...โจ่งแจ้งไปไหมพี่! โบรอนแกล้งทำเป็นสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไร

“ไหนๆฉันดูบ้าง!” ปิยวรรณมาจากไหนไม่ทราบรีบตรงเข้าหาโบรอนเพื่อแตะหน้าทันที *เพี๊ยง* แต่เพราะรีบร้อนเกิดเหตุเลยมีเสียงดังขึ้นมาเป็นตัวแถมด้วยเลยอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่า...นั้นแตะหรือตบ! ผลคือเหล่าเพื่อนๆหน้าซีดยืนไว้อาลัยอย่างเงียบๆ

“เจ็บนะหลานๆจ้า...” โบรอนพูดยิ้มแหยๆปีกของปิยวรรณยังคงค้างอยู่หน้าของโบรอน

“กรี๊ด~ ขอโทษค่ะ” ปิยวรรณล้มหัวขอโทษทันที นี่ถ้าโบรอนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนหน้านั้นคงโกรธจริงแน่ๆ

“ไม่เป็นไร” โบรอนตอบ อย่างไรก็ตามภารกิจของพวกเขาทั้งหมดก็เสร็จสิ้นไปด้วยดีทำให้เกมสามัคคีครึ่งหลังจบลงด้วยดี

หลังจากจบกิจกรรมหรรษาทั้งสองคณะก็มารับประทานอาหารตามที่ได้ตกลงกันไว้ เรื่องปริมาณคงไม่ต้องพูดถึง

“จริงสิพวกนาย” โซเรนพูดขึ้นระหว่างรับประทานอาหาร “เดี๋ยวก่อนเข้านอนในวันนี้ฉันต้องไปเล่าเรื่องตำนานให้พวกเด็กๆฟังพวกนายจะไปด้วยไหม”

“ตำนาน...?” ภูมิพัฒน์พูดซ้ำ

“ตำนานไลซ์ แห่งคีลและบางครั้งก็จะเล่าตำนานกลุ่มของพวกฉันด้วย”

“ได้สิ! ใช่ไหมพี่” ธนิดทำท่าอยากไปมากกว่าเพื่อน

“ก็ได้ถ้าน้องอยากฟัง”

“แล้วเจลล่ะ” วรฤทัยพูด “ไปด้วยไหม”

“ก็ดีเหมือนกัน” เจลยิ้มเล็กน้อย

“ฉันบอกได้เลยว่าเป็นที่สนุกและวิเศษมากๆ” ทไวไลท์พูด

“ยิ่งกว่าตอนนายร้องเพลงสักอีก” ดิกเกอร์ยังคงพูดกัดทไวไลท์ไม่เลิก

“ปิยวรรณ” กิลฟี่พูดหลังเงียบไปนาน

“จ้ะ” ปิยวรรณยิ้มตอบ เธอเองก็เหมือนๆกับน้องชายทั้งสองคือชอบนกฮูกมากๆการได้พูดคุยอย่างนี้ราวกับเป็นความฝันสักจริงๆ...ถึงปกติจะพูดคุยกับสัตว์สายพันธุ์มาก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม

“เธอชอบเพลงหรือเปล่า”

“ชอบสิ! ไม่ใช่แค่ฉันนะทุกคนก็ชอบร้องเพลงเหมือนกันหมดและก็ชอบเต้นด้วย”

“เต้น!?” โซเรนเผลออุทานขึ้นมา “พวกเธอเต้นกันด้วยเหรอ”

“น้องชายฉัน...ภูมิพัฒน์เต้นเก่งกว่าเพื่อน...ถึงจะดูมั่วๆก็เถอะ”

“จะชมหรือจะว่าเนี่ยพี่”

“ชมสิน้องรัก”

เห็นสองพี่น้องคู่นี้พูดคุยกันทีไรโซเรนอดหัวเราะไม่ได้ทุกที “สนิทกันดีจังนะครับ”

“พวกพี่ๆถึงจะกัดกันบางทะเลาะกันบางแต่ก็รักกันดีครับ” ธนิดพูด “พวกเราต่างเข้าใจกันดีว่าแค่พูดล้อกันเฉยๆ”

“ทั้งสามเป็นพวกรุกรับมุกกันรวดเร็วมากๆ” พจน์ชานนพูดเสริม “บางขุกฉันยังงงๆแต่พวกนี้ขำอย่างกับผีเข้า”

“ขนาดยังไม่ทันมีใครพูดยังหัวเราะได้” เจลพูด

“นั้นมันนกสติไม่ดีแล้วมั้ง!” ปิยวรรณแกล้งตะโกนใส่เจลไปงั้นๆ ซึ่งเจลก็รู้ดีเลยหัวเราะตอบ ในระหว่างฟังคณะภูมิพัฒน์โซเรนแอบคิดในใจเงียบๆว่า ทำไม...ทำไมช่างต่างกันขนาดนี้...ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสนิทกันโซเรนหมายถึงสามพี่น้องตั้งหาก ทั้งๆที่ดูเหมือนจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลาแต่ยิ้มหัวเราะดูรักกันดีในขณะที่ครอบครัวของเขาเองกลับ...มาถึงตรงนี้โซเรนหยุดคิดเขาหันไปมองคลัดด์พี่ชายที่กำลังหัวเราะกับสามพี่น้องที่ว่านั้นอยู่

โซเรนตั้งความหวังไว้ว่าสักวันเขากับพี่ชายต้องสนิทเหมือนให้เหมือนคู่สามพี่น้องนั้นให้ได้ เขาต้องทำให้ได้!

Link to comment
Share on other sites

ป...เป็นเกมส์ที่สุดยอดจริงๆ คิดได้ไงเนี้ย อ่านไปหัวเราะไปเลยทีเดียว ฮะๆๆ

คำสั่งคือแตะหน้า แต่ดันไปตบหน้า(บุคคลระดับสูง)แบบนั้น ผิดกติกาเอาหรือเปล่าเนี้ย

เป็นพี่น้องที่รักกันดีเหลือเกิน คึๆๆ

พยายามทำให้ได้ละโซเรน ข้าน้อยขอเอาใจช่วยและทางนี้เองก็จะพยายามเป็นพี่ที่ดีของน้องชายตัวแสบเหมือนกัน!

Link to comment
Share on other sites

มาอัพก่อนไปนอนครับ


ข้าน้อยขอเอาใจช่วยและทางนี้เองก็จะพยายามเป็นพี่ที่ดีของน้องชายตัวแสบเหมือนกัน!

วาว่างคุงมีน้องชายด้วยหรือเนี่ย  :pika08:


~ ช่วงที่ 3 ~

เรื่องเล่าจากอดีตถึงปัจจุบัน

สามชั่วโมงจากการทานอาหารกันคณะของภูมิพัฒน์กำลังประชุมอยู่ในโพรงของตนเองเป็นการส่วนตัว

“พวกเราคิดกันยังไง” ภูมิพัฒน์ประเดิมก่อนเป็นคนแรก คำถามแบบนี้๓มิพัฒน์ต่อเมื่อเขาคิดอะไรไม่ออกไม่ก็ต้องการความเห็นจากคนอื่น อย่างไรก็ตามอยู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงสงสัยว่าคิดเรื่องอะไรกัน

“นายพูดเรื่องอะไรเนี่ย” ปิยวรรณพูด

“อ่ะ!? ขอโทษที คือว่านับตั้งแต่มาที่นี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วทุกคนคิดว่าไงบ้าง”

“อืม...ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้ว” วรฤทัยพูด “ทุกอย่างก็ไปได้ด้วยดีไม่ใช่เหรอ”

“นั้นแหละฉันถึงเป็นห่วงไง” สีหน้าของภูมิพัฒน์บอกได้ถึงความกลัวจากสิ่งที่พูดออกมา

“อย่าบอกนะว่านายคิดว่าจะเหตุ ‘ปัญหา’ บางอย่างขึ้นที่นี้” พจน์ชานนพูด ปกติแล้วชีวิตของชาวเกาะคฤหาสน์มักต้องพบกับเรื่องราวชวนปวดหัวเป็นบางครั้งซึ่งพวกเขาเรียกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นว่า ‘ปัญหา’

“ก็แค่ความรู้สึก...มันบอกไม่ถูก...มันเหมือนกับว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ” ภูมิพัฒน์เป็นคนที่สัมผัสต่อ ‘ปัญหา’ ได้ไวที่สุดในบรรดาชาวเกาะคฤหาสน์ทั้งหมด ทุกคนรู้ดีว่าอะไรก็ตามที่ภูมิพัฒน์กลัวว่าจะเกิดสิ่งนั้นมักเกิดจริงในเวลาต่อมาเสมอ “ฉันรู้สึกว่า ‘ปัญหา’ ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับที่พวกเราเคยเจอกันมาก่อน”

“แล้วพวกเรายังแก้ทันไหมถ้าพวกเราช่วยกันก็น่าจะทันนะ” ภัสสร์นภันต์พูด

“แต่เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยสิ ภูมิพัฒน์แค่รู้สึกถึง ‘ปัญหา’ เท่านั้นไม่ได้รู้ไปถึงขั้นที่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น” จีรายุพา

“ขอโทษนะ...” ภูมิพัฒน์สีหน้าเศร้าๆ เขาชอบเป็นแบบนี้ทุกครั้งทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแต่กลับไม่รู้เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องอะไร บ่อยครั้งการที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทำไม ‘ปัญหา’ ที่ว่าจากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ภูมิพัฒน์มักรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เหตุการณ์เป็นแบบนั้น

“เอาเถอะๆ ยังไงตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้มากนักถึงให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เถอะ” เจลพูด ในฐานะที่เขาเป็นสัตว์ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำว่า ‘ปัญหา’ ที่ว่าหมายถึงอะไร “ถ้ามันเกิดพวกเราก็ต้องช่วยกันแก้ ทำได้เพียงเท่านี้แหละ”

“เหมือนกับโดนผู้ใหญ่สั่งสอนเลย” ปิยวรรณพูด ก็ไม่แปลกพวกเขาคือนกฮูกที่ยังเด็กส่วนเจลเป็นนกฮูกที่โตเต็มที่แล้ว...ถึงยังงั้นพวกเขาก็เป็นมนุษย์! โดนสัตว์สั่งสอนอย่างนี้ขออย่าให้มนุษย์หน้าไหนรู้ด้วยเถอะ!

คลัดด์ยืนฟังอย่างเงียบๆมาโดยตลอด ถึงเขาจะยังใหม่ต่อคนพวกนี้แต่เขาก็พอเข้าใจว่า ‘ปัญหา’ ที่ภูมิพัฒน์กังวนอยู่คืออะไร ถึงคลัดด์จะยังไม่เคยแบบหนักๆอย่างที่พวกภูมิพัฒน์เคยเจอมาก่อนก็ตาม คลัดด์อดชื่นชมมนุษย์ไม่ได้จริงๆว่า พวกเขาสามารถอะไรได้ในหลายๆอย่างที่นกหรือสัตว์สายพันธุ์อื่นทำไม่ได้ ตัวคลัดด์เองยังยอมรับว่าเขาเองก็ต้องการความช่วยจากพวกมนุษย์อยู่ไม่มากก็น้อย

“ลุงกันถึงเขาจะเป็นมนุษย์กลางคืนแต่เขาคงไม่อยู่ค่อยดูแลเราไปตลอดแน่” ภูมิพัฒน์

“ที่ว่า ‘มนุษย์กลางคืน’ หมายความว่าไง” เสียงลุงกันดังเข้ามา ทุกคนถึงกับตกใจมองหน้ากัน

“น...นี่อย่าบอกนะคุณลุงฟังพวกผมพูดมาด้วยตลอด!” ความตกใจทำให้ภูมิพัฒน์ลืมเรื่องที่เขากลัวไปจนหมด

“จะบ้าเหรอไง ลุงไม่ว่างขนาดนั้นหรอกแต่รู้สึกรู้สึกบางอย่างพอลองเปิดเสียงดูก็เจอ ‘มนุษย์กลางคืน’ เข้าให้เต็มหูเลย”

“ก็คุณลุงชอบหากินตอนกลางคืน”

“แล้วมีลุงอยู่คนเดียวหรือไง”

“มนุษย์หากินตอนกลางคืนด้วยหรือ” คลัดด์พูดหลังเงียบไปนาน

“พูดแบบนี้แปลว่ายังไม่ได้เข้าบ้านต้นไม้สินะ” ลุงกันหมายถึงบ้านต้นไม้ที่เกาะคฤหาสน์ มันถูกสร้างขึ้นมาบนตัวต้นไม้แห่งความฝันมีความสูงพอๆกับตัวต้นไม้ โดยบ้านต้นไม้ที่ว่าใช้เป็นผับสำหรับพวกผู้ใหญ่ที่อยากดื่มเหล้าหรือของเมาๆทั้งหลาย

“จะว่าไปนายแค่นอนในโพรงเดียวเจอแต่ยังไม่เคยเข้าบ้านต้นไม้เลยใช้ไหม” ภูมิพัฒน์ถามคลัดด์

“ครับ ผมเห็นว่ามีบ้านอยู่บนต้นไม้แต่ยังไม่โอกาสเข้าไปดู”

“ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันด้วยแหละ” เจลพูด “ลืมพาคลัดด์เที่ยวชมเกาะคฤหาสน์เอง”

“ช่างเถอะครับ ไม่เป็นไร”

“อ่อ ลุงขอไปพักก่อนนะเดี๋ยวกลับมาดูใหม่” เสียงลุงกันเหมือนอย่างนอนเต็มที

“ไปเถอะลุงถ้ามีอะไรที่ผมติดต่อไปเอง” ภูมิพัฒน์พูดเสร็จลุงกันก็ตัดสายทันที “เขาไปแล้ว...”

“ใช่ ต้องทำบุญสักแล้ว” ปิยวรรณพูด

“ปากเสียหน่าพี่! ผมหมายถึงว่าเขาไปพักไม่ใช่ไปตาย!”

คลัดด์แอบยิ้มเล็กน้อย ชีวิตมนุษย์ช่างตลกดีจัง

“ว่าแต่คลัดด์นายเองคิดยังไงบ้าง” ภูมิพัฒน์หันมาพูดกับคลัดด์ “นายคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิครับ”

“นายกับน้องชายนายก็ไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ” เจลพูด

“แต่ผมแทบจะไม่ได้พูดกับเขาเลย พอเอาเข้าจริงๆผมไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี ผมรู้ว่าพวกคุณและพวกเขาต่างเชื่อมั่นว่าผมไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกแต่ผมกลับยังรู้สึกกลัวๆบอกไม่ถูก”

“คลัดด์ สิ่งที่ทำไปแล้วมันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ได้นั้นคือความจริง แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วนายได้เลือกเส้นทางชีวิตใหม่แล้วก็ควรสร้างเส้นทางชีวิตใหม่นั้นให้ดีที่สุด”

“เจล...” คลัดด์มองเจลในช่วงนั้นเขารู้สึกเหมือนเห็นภาพใบหน้าของพ่อเข้าบนใบหน้าของเจล “ผม...ผมนับถือคุณเหมือนพ่อแท้ๆ...ขอบคุณนะครับสำหรับทุกอย่าง”

“ด้วยความยินดีคลัดด์” เจลกอดคลัดด์ด้วยบินของเขา “ด้วยความยินดี” เขาพูดซ้ำ ถึงเรื่องราวดูถ้าว่าจะจบด้วยดีแต่ภูมิพัฒน์กลับยังรู้สึกถึงภัยบางอย่างที่กำลังจะมาในไม่ช้า!

“อดีตเป็นยังไงอนาคตย่อมเป็นอย่างนั้น” โซเรนเริ่มเล่าตำนานกลุ่มผู้กล้าของเขาให้เหล่าลูกนกฮูกนานาสายพันธุ์ได้ฟังโดยมีคณะของภูมิพัฒน์ยืนฟังอยู่ด้านหลังสุดของโพรง โซเรนเล่าเรื่องราวของเขาได้อย่างน่าตื่นเต้นเรียกได้ว่าไม่มีนกตัวไหนส่งเสียงถามหรือพูดระหว่างการเล่าเลย “ท้ายที่สุดอย่างที่พวกเรารู้...ไนร่าหนีไปได้...และคลัดด์...” มาถึงตรงนี้โซเรนก็หยุดเล่าเขามองไปที่คลัดด์ที่ยืนอยู่ข้างๆภูมิพัฒน์

“เขาก็ได้ค้นพบเส้นทางชีวิตใหม่และกำลังทางมันให้เป็นจริง!” ภูมิพัฒน์จัดการเล่าต่อเองจนจบ เหล่าลูกนกฮูกอย่างมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ “จบล่ะ” แต่ดันมาเสียตรง ‘จบล่ะ’ เนี่ยล่ะ อย่างไรก็ตามไม่มีนกตัวไหนสนใจในส่วนนั้น

“เล่าเรื่องของพวกคุณบางสิ” หนึ่งในเหล่าลูกนกพูดขึ้น ทำให้ลูกนกตัวอื่นทำท่าอย่างรู้อย่างเห็นไปด้วย

“ได้สิ” ภูมิพัฒน์พูดแบบสบายๆทั้งๆที่คนอื่นๆในคณะกลับมองภูมิพัฒน์เหมือนไม่ค่อยใว้ใจ...หมอนี้มันจะเล่าอะไรกันล่ะเนี่ย! “เอาเป็นเหตุการณ์นึงแล้วกัน ตอนพวกฉันไปเที่ยวเล่นกันในเกาะๆหนึ่ง” เกาะที่ว่าก็คงไม่ใช่เกาะคฤหาสน์นะ แต่ภูมิพัฒน์เองก็แต่งเรื่องได้เก่งคงไม่น่ามีปัญหา

“ตอนนั้นพวกฉันตั้งใจจะสำรวจเกาะกันเล่นๆเลยบินลงบนเกาะเพื่อเดินดูรอบๆ”

“แบบนั้นอันตรายมากๆนะ” กิลฟี่พูด

“เรื่องนั้นเจอจนชินแล้วล่ะ” ภูมิพัฒน์ไม่พูดเกินความจริงเลย ลองมาที่เกาะคฤหาสน์เดี๋ยวก็รู้สึก “ตอนเดินสำรวจพวกฉันเดินเป็นแถวเดียวพี่สาวพี่อยู่หลังตามด้วยนี้นั้นโน่นนูน”

“นายว่าพวกเขาจะรู้ไหมว่า ‘นี้นั้นโน่นนูน’ เป็นใคร” ปิยวรรณพูด

“เมื่อกี้ผมก็ชี้แล้วไงพี่” ภูมิพัฒน์ตอบแบบไม่สบายอารมณ์ “เอาล่ะหลังจากนี้ล่ะเด็ดมากๆ พวกฉันเดินสำรวจเกาะโดยไม่รู้เลยว่ามีเสือเดินตามมาติดๆ”

“แล้วเกิดอะไรขึ้น!” โซเรนดูอยากรู้มากกว่าใครเพื่อน “พวกนายรอดมาได้ไง”

“ก็ไม่มีไรมาก ปิยวรรณพี่สาวฉันอยู่ๆก็บินออกไปโดยไม่พูดสักคำ”

“แล้ว?”

“จริงๆแล้วเสือตัวนั้นเป็นเพื่อนของพวกฉันเองล่ะ ชื่อไทเมื่อก่อนเคยไปช่วยชีวิตไว้นะก็เลยสนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ปิยวรรณดันจำไม่ได้เลยบินหนีไปสักไกลกว่าจะตามกลับมาได้ก็ปาไปสามชั่วโมงกว่า”

ความจริงแล้วเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาะคฤหาสน์ ปิยวรรณดันตกใจที่ถูกเจ้าไทกระโดดใส่เลยวิ่งหนีจนแทบไม่เห็นฝุ่น ภูมิพัฒน์ยังมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการเป็นสัตว์ได้ถือว่าเก่งมาก

“นกฮูกกับเสือเนี่ยนะ” ทไวไลท์พูดเหมือนไม่อยากเชื่อ

“โลกเรามันก็แปลกแบบนี้ล่ะ” ภูมิพัฒน์ยิ้มแหยๆ “ขอโทษแล้วกันถ้ามันไร้สาระไปหน่อย” แต่มันก็ไม่มีจริงๆนั้นแหละ!

“แต่ก็ดูสนุกดีออก” เสียงหนึ่งดังขึ้น

“เอ้า!? ควัน!” ภูมิพัฒน์พูด ตอนแรกเขาไม่ทันได้สังเกต แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้เห็นชัดๆว่าควันเป็นนกแสกสีเขม่า “มาฟังตั้งแต่เมื่อไร”

“ตั้งนานแล้วครับ ผมเองก็ชอบเรื่องราวของโซเรนเช่นกัน วางเมื่อไรต้องมาฟัง”

“ขอบใจนะควัน” โซเรนยิ้มอย่างดีใจ

“ว่าแต่ไนร่าเขาทำแบบนั้นจริงๆเหรอครับ” ควันถามคงเพราะอยากรู้ แต่โซเรนกลับทำสีหน้ายากจะบรรยาย ขนาดภูมิพัฒน์ยังมองควันด้วยความแปลกใจ ทำไมอยู่ๆควันถึงได้ถามแบบนี้กันนะ

“ก...ก็ทุกตัวที่นั้นยังตั้งฉายาเป็นไนร่าว่าราชินีปีศาจเลย”

“แต่ไนร่าอาจไม่อยากทำแบบนั้นก็ได้นะครับ” คำพูดของควันทำให้ทุกตัวมองมาเป็นสายตาเดียวกัน ควันรู้สึกตัวว่าคงพูดอะไรไม่ดีออกไป “ผ...ผมขอตัว” ควันรีบบินออกไปทันที

คณะโซเรนทำได้แต่มองหน้ากัน ส่วนภูมิพัฒน์มองควันในใจกำลังคิดอะไรบ้างอย่างถึงจะมีความเป็นไปได้น้อยก็ตามแต่ไม่แน่ควันอาจจะ...แต่สุดท้ายภูมิพัฒน์ก็เลิกคิดไปในที่สุด

Link to comment
Share on other sites

ภูมิพัฒน์มีสัมผัสที่หก รับรู้ภัยพิบัติล่วงหน้าได้รึเนี้ย สุดยอดผู้นำจริงๆเลย!! แต่โดนนกฮูกที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือนสั่งสอนนี้ก็น่าคิดน้อยใจเหมือนกันนา...

มนุษย์กลางคืนเหรอ แล้วกลางวันคุณลุงเขาทำอะไรกันนะ....(นกฮูก(ในหนัง)เองก็เถอะ เห็นใช้เวลาช่วงกลางวันมากกว่ากลางวันเสียอีก เอาเวลาตอนไหนนอนนะ(กลางคืนนอนไม่ได้เพราะจะถูกจันทร์สะกดใช่ไหม?))

ปรับแต่งเริ่องได้เก่งนี้ภูมิพัฒน์ ทำเอาเหมือยปิยวรรณเหมือนนกตัวเมียขี้กลัวไปเลย....นกฮูกกับเสือเหรอ....คิกๆๆ เข้ากันได้ดีนี้

ไนร่ากับควัน.....มีบางอย่างที่น่าสงสัยจริงๆ....คงไม่ใช่ว่าจะ.....(แต่สุดท้ายก็เลิกคิดไปอีกคน...)

ปล.เรียกพ่อเลยเหรอคลัดน์ เจลเขาแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ? (เดี๋ยวพ่อตัวจริงจะน้อยใจเอานา...)

Link to comment
Share on other sites

อัพต่อก่อนนอนอีกแล้ว (สินะ)

จบบทที่ 4 แล้วครับ บทต่อไปจะเกิดโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในต้นไม้หมื่นปี! จะเป็นอะไรนั้นต่อติดตาม!


ปล.เรียกพ่อเลยเหรอคลัดน์ เจลเขาแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ? (เดี๋ยวพ่อตัวจริงจะน้อยใจเอานา...)

เขาแค่นับถือเหมือนพ่อเฉยๆครับ ^^


~ ช่วงที่ 4 ~

ปริศนาของนกแสกที่ชื่อ ควัน

ก่อนจะเข้านอนคณะภูมิพัฒน์ยังมีเวลาอีกนิดหน่อยพวกเขาเลยประชุมเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

“นกแสกตัวนั้นชื่อควันใช่ไหม” ปิยวรรณถามภูมิพัฒน์

“ใช่ เขาอยู่สังกัดดูแลลูกนกมาก่อนฉัน วรฤทัยและคลัดด์สักอีก”

“ที่ควันพูดตอนนั้นพี่คิดยังไง” ธนิดพูด “เหมือนเขาจะไม่ชอบที่ใครๆมองไนร่าว่าเป็นคนไม่ดี”

“ก็เป็นคนไม่ดีจริงๆนี่หน่า” ถึงปากจะพูดยังงั้นแต่ภูมิพัฒน์ก็ไม่แน่ใจว่าไนร่าจะเลวได้ขนาดนั้นจริงหรือไม่ “คลัดด์นายเคยอยู่กับไนร่าใช่ไหม แล้วเป็นอย่างที่โซเรนเคยเล่าให้ฟังหรือเปล่า”

“ช...ใช่” คลัดด์ดูลังเลที่จะพูด “ผมจะพูดตรงๆนะครับ ตอนนี้เองผมก็ยังรู้สึกบางอย่างกับไนร่าอยู่ถึงตอนนี้ผมจะรู้ว่าสิ่งที่ไนร่าทำมันผิดก็ตาม”

“ไม่มีใครว่านายหรอกคลัดด์” เจลพูด

“ที่สำคัญคือทำไมควันถึงได้พูดแบบนั้นตั้งหาก” จีรายุพาพูด “หรือว่าเขาทำงานให้กับไนร่า ที่อยู่สังกัดดูแลลูกนกก็เพื่อที่จะได้ขโมยลูกนกได้ง่ายๆ”

“ฉันว่าเราอาจเพิ่งตัดสินใจอะไรจากสิ่งที่เห็นจะดีกว่า” ภูมิพัฒน์รีบพูดทันที “แต่ที่เธอพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

“แต่เขาต้องทำงานกับบาร์รานไม่ใช่เหรอ” พจน์ชานนพูดบ้าง “ทั้งสังกัดมีอยู่ห้าตัว ยิ่งถ้าไม่นับพวกนายก่อนจะเข้าไปอยู่ในสังกัดก็มีแค่ควันกับบาร์รานสองตัว การที่จะขโมยลูกนกโดยที่บาร์รานไม่สงสัยมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ” ถูกของเขา เป็นไปได้ยากมากที่จะขโมยลูกนกโดยที่ไม่ถูกสงสัยยิ่งจำนวนตัวในสังกัดน้อยก็ยิ่งยาก

“แต่ฉันว่าเขาต้องมีความเกี่ยวกับไนร่าบางอย่างแน่นอน” วรฤทัยพูด

“แล้วมันคืออะไรล่ะ” ภัสสร์นภันต์พูด “การที่เขากล้าพูดอย่างนั้นได้แปลว่าเขาต้องรู้จักไนร่าเป็นอย่างดี”

“แล้วเป็นตอนไหน” ภูมิพัฒน์เสริม “ยังไงก็ตามเรื่องนี้เราต้องลองถามพวกโซเรนดู”

“ถามอะไรผมหรือครับ” พูดถึงเสียงเจ้าตัวก็ดังทันทีเล่นเอาคณะภูมิพัฒน์ตกใจกันทั่วหน้า

“น...นายมาตั้งแต่เมื่อไร” ภูมิพัฒน์จำเป็นต้องถาม เขากลัวว่าโซเรนจะได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกัน

“เมื่อกี้ครับ” โซเรนตอบพร้อมยิ้มให้กับภูมิพัฒน์ แบบนี้ภูมิพัฒน์ค่อยโล่งใจหน่อย “ที่จริงผมอยากมาหาพี่คลัดด์สักหน่อย”

ทุกคนหันไปหาคลัดด์ทันที คลัดด์ที่เพิ่งเหมือนจะรู้สึกตัวยืนนิ่งสายตามองโซเรนน้องชายของเขา  “มีธุระกับพี่เหรอ” เขาพูด

“พี่ก็อยู่ว่าพรุ่งนี้พวกเราต้องบินกลางพายุกัน...ผมไม่แน่ใจว่าพี่...” โซเรนดูจะอึดอัดใจ ภูมิพัฒน์เข้าใจดีว่าโซเรนคงไม่อยากพูดให้ดูเหมือนกับว่าคลัดด์อ่อนแอเกินไปที่จะบินกลางพายุ

“พี่ไม่เป็นไรหรอก” คลัดด์ตอบแทบจะในทันที สงสัยคงคิดเหมือนกับภูมิพัฒน์ “นายมาก็ดีแล้ว เพื่อนๆของพี่เขาอยากถามอะไรนายหน่อย”

“ถามผม?”

“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก” ภูมิพัฒน์รีบพูดออกตัว “คือเราอยากรู้ว่าเกี่ยวกับควันหน่อยน่ะ”

“นายคงยังติดใจเรื่องที่เขาพูดตอนั้นอยู่สินะครับ” โซเรนพูดถูกแล้วล่ะ “ผมเองก็เช่นกันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าพูดแบบนั้น”

“แล้วนายพอรู้อะไรเกี่ยวกับควันบ้าง”

“พวกผมเจอเขาตอนบุกไปที่ ‘เซนต์เอกโกเลียส’ ท่านบาร์รานเจอเขาอยู่ในกลุ่มเดียวเหล่ากับลูกนกที่โดนจันทร์สะกด”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากคลายจากจันทร์สะกดได้...ตอนนั้นเขายังจำอะไรไม่ได้แม้กระทั้งชื่อของตัวเอง เราพาเขามาที่นี้เพื่อรักษาอาการนั้น”

“แล้วเขาจำอะไรได้บาง” ปิยวรรณเป็นฝ่ายถาม

“เขาเริ่มจำชื่อตัวเองได้ แต่นอกจากนั้นพวกเราฟังเขาแทบจะไม่รู้เรื่องเลย”

“เขาพูดว่าอะไรพอจะจำได้ไหม” ไม่รู้ว่าอะไรทำไมภูมิพัฒน์ถามออกไปแบบนั้น ขนาดเจ้าตัวยังไม่รู้เหตุผลเลย

“ประมาณ ‘ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ทำไมกัน’ ถ้าจำไม่ผิดน่ะ” โซเรนเองก็พยายามนึกให้ออกสุดความสามารถโดยดูได้จากทางสีหน้าของเขา

“มันมีอะไรเหรอพี่” ธนิดถามภูมิพัฒน์ โดยปกติภูมิพัฒน์แถมจะไม่เคยถามอะไรออกไปมากนัก แต่ทุกครั้งที่เขาถามไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมักจะเกี่ยวข้องกับ ‘ปัญหา’ ที่พวกเขาต้องเจอทุกครั้งไป

“พี่ก็ไม่แน่ใจ พี่คิดว่าควันต้องได้ความทรงจำกับมาได้ส่วนหนึ่งอาจจะสี่สิบถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ เขาต้องจำได้ว่ามีสายสัมพันธ์บางอย่างกับไนร่าและต้องเป็นสายพันธ์ที่แนบแน่นมากถึงขนาดเชื่อว่าไนร่าไม่มีวันทำอย่างนั้น”

“เหมือนที่โซเรนเชื่อใจคลัดด์และคลัดด์เองก็เชื่อใจโซเรนเหมือนกันใช่ไหม” วรฤทัยพูดพร้อมหันไปมองสองพี่น้องคู่นั้น โซเรนกับคลัดด์มองหน้ากันความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นายในใจของทั้งสอง พวกเขาต่างยิ้มให้กันและกันเจลเห็นดังนั้นจึงแอบถอนหายใจเล็กน้อย สงสัยหลังจากนี้ต้องอยู่ตัวเดียวอีกแล้วล่ะมั้ง...เจลคิดในใจ

“เรื่องของฮันเตอร์เองก็น่าสงสัย” คำพูดของภูมิพัฒน์ ทำเอาโซเรนมองตาโต

“หมายความว่าไงครับ” โซเรนถามอย่างรีบร้อน

“ใจเย็นก่อนโซเรน” คลัดด์พูดเตือนสติ โซเรนดูสงบลงมาบาง

“มันเป็นแค่การสันนิษฐานไม่ใช่หลักฐานนะโซเรนเข้าใจด้วย”

“ครับ ผมเข้าใจ” ไม่ใช่แค่โซเรนเท่านั้น ดูเหมือนทุกตัวต่างอยากรู้สึกเหมือนกันว่าภูมิพัฒน์จะมีข้อสันนิษฐานอย่างไร

“โซเรน นายเคยเล่าให้ฟังใช่ไหมว่าฮันเตอร์หายตัวไปกลางพายุจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพบศพ”

“ทั้งพวกฉันและเหล่าผู้พิทักษ์ต่างตามหาอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่พบ”

“เรื่องนั้นเก็บไว้ก่อน เรื่องที่ฉันบอกว่าสงสัยคือเรื่องที่ฮันเตอร์กับเพื่อนของเขาออกไปบินกลางพายุต่างหาก”

“หา!?” โซเรนมองภูมิพัฒน์รางกับต้องการคำตอบอย่างยิ่ง “หมายความว่าไงครับ”

“นายไม่สงสัยเลยเหรอว่าทำไมพวกฮันเตอร์ถึงได้ออกไปบินกลางพายุแบบนั้น”

“ก็โซเรนบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า พวกเขาแอบออกไปบิน” ปิยวรรณพูด

“ก็จริง แต่การทำนั้นเป็นเรื่องที่แปลกมาก เรื่องบินกลางพายุเป็นเรื่องที่อันตรายมากนกฮูกที่มีประสบการณืแล้วเท่านั้นถึงทำได้ขนาดพวกเราเองยังเคยถูกอีซิลริบเตือนอยู่บ่อยๆเลย พวกฮันเตอร์เองก็น่าจะรู้ดีแต่ถึงกระนั้นก็ยังแอบออกไปบินโดยที่ไม่บอกใครงั้นเหรอ...เป็นไปไม่ได้หรอก”

ทุกคนมองหน้ากัน คำพูดของภูมิพัฒน์เองก็พอฟังมีเหตุผลที่ดี “แล้วถ้างั้นเพราะอะไรพวกเขาถึงได้แอบออกไปบินกันล่ะ?” จีรายุพาพูด

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก” ภูมิพัฒน์หันไปที่โซเรน “ตอนนั้น...เรย์ใช่ไหมที่มาบอกนายว่าฮันเตอร์ตกทะเลไป”

“ครับ ตอนนั้นมีเรย์ ไอแซ็ค โจชัวร์และเอลล์รวมสี่ตัว”

“ตอนที่พวกนั้นสติดีขึ้นแล้วนายได้ถามไหมว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น”

“ที่จริงพวกนั้นโดนท่านโบรอน บาร์รานและอีซิลริบถามเป็นชุดเลยครับ แต่ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องจับเนื้อความไม่ได้เลย พูดให้ถูกคือแต่ละตัวพูดแทบไม่เหมือนกันเลย...” โซเรนมองภูมิพัฒน์โดยมีความคิดนึงเข้ามาในหัว “นายสงสัยพวกนั้นว่าเป็นสาเหตุทำไมฮันเตอร์ตกทะเลเหรอ”

“ยังเร็วเกินไปที่จะพูด” ภูมิพัฒน์ทำสีหน้าเศร้า “ฉันบอกไปแล้วว่านี้เป็นแค่การสันนิษฐานยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าที่ฉันพูดเป็นความจริงได้เลย”

“ถึงยังงั้น...นายก็ควรบอกข้อสันนิษฐานนั้นให้เหล่าผู้พิทักษ์ฟัง” โซเรนพูดอย่างจริงจัง

“แต่ถ้ามันทำให้ความจริงเกิดการเปลี่ยนแปลงล่ะโซเรน เป็นไปได้ฉันยังไม่อยากพูดอะไรมากถ้าไม่จำเป็นและจะพูดต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าเรื่องนั้นเป็นความจริง” นี้คือนิสัยของภูมิพัฒน์ทุกตัวในคณะต่างทราบเรื่องนี้ดี

โซเรนก็ยอมรับว่าที่ภูมิพัฒน์พูดมาก็ถูก “ฉันเข้าใจ แต่อย่างน้อยข้อสันนิษฐานของนายอาจเป็นประโยชน์ก็ได้กึ๋นฉันบอกอย่างนั้น”

“ขอบใจนะโซเรน ไว้ฉันมั่นใจในข้อสันนิษฐานนั้นเมื่อไรฉันจะไปบอกกับเหล่าผู้พิทักษ์เอง”

“ครับ” โซเรนยิ้มแต่ทันใดนั้นเองโซเรนก็ตกใจเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ! พรุ่งนี้ต้องบินกลางพายุ!”

“ตายแล้ว! ลืมไปเลย!” ภูมิพัฒน์ตกใจไปด้วย พอรู้สึกตัวพวกเขารีบเข้านอนกันทันทีและเนื่องจากโซเรนคิดว่าบินกลับโพรงตัวเองตอนนี้คงไม่ทันจึงขอนอนโพรงเดียวกับภูมิพัฒน์ และคงไม่ต้องบอกนะว่าโซเรนเข้าไปนอนกับใคร...คลัดด์นั้นเอง งานนี้คลัดด์จะนอนหลับไหมเนี่ยภูมิพัฒน์คิดในใจก่อนหลับไปพร้อมกับเพื่อนๆทุดตัว

Link to comment
Share on other sites

สายสัมพันธ์ที่เชื่อใจกันมากมายถึงขั้นนั้น คงไม่ใช่ว่าไนร่าจะเป็น อุ๊บ!...(หยุดไว้กันหน้าแตก)

ภูมิพัฒน์นี้ แม้แต่การเป็นนักสืบก็ยังรุ่งแฮะ สมแล้วที่เป็นพระเอก...(ใครเป็นพระเอกนะเรื่องนี้...)

ปริศนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปมของเรื่องก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น่าติดตามจริงๆว่าคนแต่งจะแก้ปมได้เช่นไร!!!

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...
สายสัมพันธ์ที่เชื่อใจกันมากมายถึงขั้นนั้น คงไม่ใช่ว่าไนร่าจะเป็น อุ๊บ!...(หยุดไว้กันหน้าแตก)

อาจจะเป็นอย่างที่คิดก็ได้นะ

ภูมิพัฒน์นี้ แม้แต่การเป็นนักสืบก็ยังรุ่งแฮะ สมแล้วที่เป็นพระเอก...(ใครเป็นพระเอกนะเรื่องนี้...)

ไม่มีใครเป็นคนเอกหรือนางเอกในเรื่องนี้ครับ (ตั้งใจว่าจะให้มีบทพอๆกัน)

ปริศนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปมของเรื่องก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น่าติดตามจริงๆว่าคนแต่งจะแก้ปมได้เช่นไร!!!

แก้ได้อยู้แล้ว! แต่แก้ทีไรต้องมีปมใหม่เกิดขึ้นทุกทีสินะ!

- - - - - - - - - - - - - - - - - -

อยากมาบอกว่าตอนนี้คอมต้องเอาไปซ่อมครับ คงอีกสักพักถึงจะแต่งต่อได้+ใกล้สอบปลายภาคเลยต้องรีบเก็บงานให้ครบด้วย T^T

Link to comment
Share on other sites

อยากมาบอกว่าตอนนี้คอมต้องเอาไปซ่อมครับ คงอีกสักพักถึงจะแต่งต่อได้+ใกล้สอบปลายภาคเลยต้องรีบเก็บงานให้ครบด้วย T^T

ไม่เป็นไรขอรับ ผมรอได้เสมอ หึๆๆ

ตอนนี้บอร์ด Fiction เป็นของพวกเราแล้ว เพราะร้างไ้ใจ นอกจากผมกับท่านก็หาคนอัพได้น้อยเต็มที่เลยละ ^^

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ในที่สุดคอมก็ได้คืนแล้ว เย้~~~!!!

เลยแต่งยาวจนเสร็จจนได้ เลยขออัพก่อนไปนอนนะครับ

เนื่องจากหลังจากนี้เนื้อเรื่องมันเริ่มมีความเครียดมากขึ้นในช่วงแรกๆจึงขอแต่งสนุกๆเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ


ขอขอบคุณ แคธรีน ลาสกี ( Kathryn Lasky) ที่ได้สร้างผลงานดีๆจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ไมยาเตะ (นามปากกา) และนักเขียน Fan Fiction อีกหลายๆคนไว้ ณ ที่นี้

- - - - - - - - - - - - - - -

หนทางยังมีจุดหมาย ปลายทางยังมีความฝัน ตราบใดยังมีคืนวัน ความฝันนั้นอาจเป็นจริง!

ในที่สุดคดีโศกนาฏกรรมที่ไม่อยากให้เกิดก็ได้เกิดขึ้นจนได้ การบินกลางพายุที่มาพร้อมกับคดีฆาตกรรมสุดโหด! เรื่องราวจะเป็นเช่นไรติดตามได้ใน Mystery of Ga'Hoole!

บทที่ 5 คดีโศกนาฏกรรมต้นไม้หมื่นปี (ภาค จุดเริ่มต้น)

~ ช่วงที่ 1 ~

ก่อนการบิน

3 ชั่วโมงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินเจลผู้อาวุโส (?) เดินเข้ามาปลุกเหล่าคณะภูมิพัฒน์ให้ตื่น

“อะไรเจล...ปลุกเร็วไปหรือเปล่า...” ภูมิพัฒน์ทำท่าจะนอนต่อ

“เดี๋ยวจะมีภารกิจให้ทำครับ ช่วยไปที่สภาก่อนได้เลยผมเตรียมกระดาษที่เขียนรายละเอียดของภารกิจไว้เรียบร้อยรีบไปยิ่งได้เปรียบนะครับ และก็...ภารกิจต้องทำเป็นคู่นะครับ” เจลพูดเสร็จก็เดินไปปลุดตัวอื่นๆต่อไป

“งั้นต้องปลุกคลัดด์...” ภูมิพัฒน์กำลังจะไปปลุกคลัดด์แต่ด้วยภาวะที่เพิ่งตื่นทำให้ก่อนจะทันได้ปลุกภูมิพัฒน์กลับล้มใส่คลัดด์สักงั้น

“!!!!” อดชื่มชมคลัดด์ไม่ได้จริงๆที่ไม่ได้ร้องอะไรออกมาไม่งั้นคงตื่นกันหมดแน่ๆ “... ... ...” คลัดด์ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงมองภูมิพัฒน์ที่ล้มไปนอนอยู่ข้างๆ นี่เราเจ็บตัวทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเหรอเนี่ย!

“ไปเถอะคลัดด์” ภูมิพัฒน์ค่อยๆลุกขึ้นยืน

“เวลาแบบนี้จะไปไหนอีกล่ะครับ”

“ไปที่สภาไปทำภารกิจกัน” ภูมิพัฒน์ดึงคลัดด์ให้ปลุกขึ้นด้วยปีกของเขา ก่อนทั้งสองจะเดินออกจากโพรง และอาจเป็นการเดินที่นานที่สุดเท่าที่ทั้งสองเคยเดินเลยก็ว่าได้

แต่ไม่ว่าจะอยากนอนต่อขนาดไหนทั้งสองก็มาถึงด้านหน้าของสภาจนได้ บรรยากาศโดยรอบเงียบเหงามากๆ สายตาของภูมิพัฒน์ไปสะดุดเข้ากับกระดาษภารกิจสามแผ่นที่วางอยู่ข้างทางเข้าสภา ภูมิพัฒน์เลือกกระดาษขาวสุด  “เจ้าเจลขยันเหลือเกิน กลับโลกจริงเมื่อไรจะ...” ภูมิพัฒน์พูดไม่ทันจบก็เงียบไปสีหน้าที่เหมือนเพิ่งตื่นนอนกลายเป็นตาสว่างทันที

“มีอะไรหรือครับ” คลัดด์ที่เห็นอาการของเพื่อนรักเลยเข้าไปอ่านบ้าง หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกอะไรมากแค่ว่าตกอยู่ในอาการแบบเดียวกับภูมิพัฒน์

ข้อมูลภารกิจ

< อาจารย์ที่กำลังหลับอยู่ >

เข้าไปในโพรงของอีซิลริบและทำตามภารกิจที่แนบให้ไว้

ถ้าอีซิลริบตื่นระหว่างทำภารกิจจะต้องถูกทำโทษหลังจากการฝึกบิน

ถ้าทำภารกิจสำเร็จจะได้รับสิทธิ์พิเศษหลังจากการฝึกบิน

ภูมิพัฒน์กับคลัดด์ต่างยืนนิ่ง กระดาษอีกแผ่นแนบอยู่หลังกระดาษที่พวกเขากำลังอ่าน...มันคือข้อมูลภารกิจที่ต้องทำในโพรงของอีซิลริบ

< ขณะอาจารย์กำลังหลับอยู่ >

เข้าไปยืนข้างๆอีซิลริบ แล้วนับ 1 ถึง 10

“เจลนายคงไม่ได้แค้นอะไรพวกฉันหรอกนะ” ภูมิพัฒน์พูดราวกับเจลอยู่กับเขาด้วย

ภารกิจนี้ถือว่ายากและเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีซิลริบตื่นขึ้นมา เกมที่แล้วเพราะเจลไปบอกโบรอนกับบาร์รานมาก่อนแล้วจึงไม่มีปัญหามากนัก แต่สำหรับอีซิลริบแล้วรายนี้ไร้การบอกล่วงหน้าแต่อย่างใด

“พวกเราต้องไปจริงๆเหรอ” ตอนนี้คลัดด์ตื่นเต็มที่แล้ว

“มาขนาดนี้ต้องทำอย่างเดียวแล้วล่ะ” และแล้วทั้งสองก็บินมาถึงด้านหน้าโพรงของอีซิลริบบรรยากาศตอนนี้เงียบยิ่งกว่าตอนอยู่หน้าสภาเสียอีก อันที่จริงต้องพูดว่าสยองด้วย

ทั้งสองพยายามเดินให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เดินเข้าไปได้สามสี่ก้าวทั้งสองต้องหยุดเดินเมื่อเห็นอีซิลริบที่กำลังหลับสบายอยู่ห่างจากทั้งสองไม่ถึงสามสิบเซนติเมตร

“(หลับอยู่หรือเปล่า)” ภูมิพัฒน์เหมือนจะสื่อสารกับคลัดด์ผ่านทางจิต

“(ลองไปดูใกล้ๆไหมครับ)” คลัดด์ตอบผ่านทางจิตเช่นกัน ทั้งสองค่อยเดินเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจ

“เป็นไงบ้าง”

“!!!!” ปล่อยให้ตกใจขนาดไหนทั้งสองก็ยังคงความเงียบไว้ได้ด้วยการช่วยกันปิดปากซึ่งกันและกันด้วยปีกของตน พอหันไปมองต้นเสียงทั้งสองก็พบเจล...ไม่รู้เหมือนกันว่ามาตั้งแต่เมื่อไร

เจลพอเห็นทั้งสองทำตาเขียวใส่เลยรีบก้มหัวขอโทษทันที “(โทษทีๆ มาดูความเรียบร้อยนะ)” เจลเดินเข้ามาในโพรงอีกตัว ถึงโพรงของอีซิลริบจะใหญ่โตแต่มันกลับดูเล็กขึ้นมาทันทีที่ทั้งสามเข้ามา

“(นี้มันนรกชัดๆ นายคิดเกมแบบนี้ได้ยังไง)” ภูมิพัฒน์ทำสีหน้าดุ

“(เอาหน่ามันก็แค่เกม ถ้าเขาตื่นเมื่อไรเดี๋ยวผมจะอธิบายเอง)” เจลรู้สึกตนเองเหงื่อตกยังไงชอบกล

“(นั้นไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย!)”

อยู่ๆอีซิลริบก็ขยับตัวเล็กน้อยทั้งสามนึกว่ากึ๋นของตนเองจะตกไปอยู่ปลายเท้าสักแล้ว “(ผมว่ารีบทำภารกิจเถอะครับ)” คลัดด์เสนอ

ภูมิพัฒน์และคลัดด์เข้าไปยืนข้างๆอีซิลริบก่อนจะค่อยๆนับเลขในใจ “(1...2...3...)” มันคงน่ากลัวมากๆถ้าอีซิลริบตื่นขึ้นมาตอนนี้ทั้งสองต่างนับไปพร้อมกับดูอีซิลริบไปด้วย “(8...9...10!)” ทั้งสองมองเจลที่ยืนอยู่ด้านนอกของโพรง

“(โอเค ภารกิจสำเร็จ)”

สิ้นสุดการให้สัญญาณของเจลทั้งภูมิพัฒน์และคลัดด์ต่างรีบเดินออกมาพวกเขาพยายามแม้กระทั้งไม่ให้มีเสียงหายใจด้วยซ้ำ!

ทั้งสามบินกลับมาที่หน้าสภาอีกครั้งแล้วพบว่า ปิยวรรณกับธนิดกำลังเลือกกระดาษภารกิจอยู่พอดี

“พวกพี่ไปไหนมา” ธนิดพูดในขณะที่ปิยวรรณตัดสินใจเลือกกระดาษภารกิจซ้ายสุด

“อ่านดูเดี๋ยวก็รู้...” ภูมิพัฒน์พูดแค่นั้น ส่วนคลัดด์ยังตัวสั่นไม่หาย

พอปิยวรรณกับธนิดลองอ่านตามที่ภูมิพัฒน์อาการเดจาวูเหมือนตอนที่ภูมิพัฒน์กับคลัดด์เป็นก็มาตกที่สองตัวนี้แทน เนื่องจากข้อมูลภารกิจอาจารย์ที่กำลังหลับอยู่เหมือนกันจึงขอไม่นำมาเขียนซ้ำ ที่ต่างกันคือภารกิจที่ต้องในโพรงของอีซิลริบ

< ขณะอาจารย์กำลังหลับอยู่ >

เข้าไปยืนข้างๆอีซิลริบ แล้วเดินรอบตัวอีซิลริบ 5 รอบ

ธนิดทำท่าเหมือนจะร้องไห้ส่วนปิยวรรณมองเจลแปลกๆ “ผมต้องไปด้วยอยู่แล้วเพื่อดูว่าพวกคุณทำสำเร็จหรือเปล่า” เจลรีบพูดออกตัวทันที

ทั้งสามบินมาถึงโพรงอีซิลริบ ปิยวรรณกับธนิดมองเห็นอีซิลริบตั้งแต่ยังอยู่ข้างนอก แน่นอนว่าอีซิลริบยังหลับสบายอยู่ ในขณะที่งทั้งสองกำลังจะเข้าไปในโพรงปิยวรรณรู้สึกอะไรบางอย่าง “(ทำอะไรของนาย)” ปิยวรรณเห็นเจลไม่เดินตามมาเลยถามเจลผ่านทางจิต (นี่ก็เดจาวูเหมือนกันสินะ)

“(ผมคอยดูห่างๆครับ)”

“(ได้ไงกัน! นายต้องเข้ามาด้วย!)”

“(แต่...)”

“(อย่าคิดว่าเพิ่มฐานะให้แล้วจะรอดตัวนะ!)”

“(... ... ...)” สุดท้ายเจลก็แพ้ต่อสาวใหญ่นามว่าปิยวรรณ

ทั้งสามเข้ามาในโพรงอีซิลริบอีกครั้ง “(เจลนายอยู่นี่แหละ ถ้าเห็นออกไปแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็...)” ปิยวรรณจงใจไม่พูดคำสุดท้ายออกไป

ปิยวรรณกับธนิดกำลังเดินเข้าไปข้างๆอีซิลริบ อยู่ๆไม่รู้ว่าธนิดคิดอะไรอยู่เขายกปีกเข้าไปหาอีซิลริบ “!!!!” โชคดีที่ปิยวรรณสังเกตเห็นเลยรีบตีปีกธนิดทันที “(จะทำอะไรของนาย! แตะตัวอีซิลริบหรือไง!)” ปิยวรรณตีสีหน้าบูด

“(ข...ขอโทษ...)” ธนิดเหมือนอยากจะร้องไห้จริงๆ แต่น้ำตาต้องหายไปแน่ๆถ้าอีซิลริบตื่นขึ้นมาในตอนนี้! “(รีบๆเดินเถอะพี่)”

ทั้งสองพี่สองค่อยๆเดินรอบอีซิลริบตัวอย่างช้าๆ ทุกครั้งที่ทั้งสองอยู่ข้างหลังอีซิลริบใจมักเต้นไม่เป็นจังหวะ รอบที่ 3...4...และ 5 ก็ได้ผ่านไป

“(ภารกิจสำเร็จครับ)” เจลรีบเดินออกจากโพรงก่อนใครเพื่อน ปิยวรรณกับธนิดแทบจะออกจากโพรงพร้อมกันเลยทีเดียว

ทางด้านของภูมิพัฒน์กับคลัดด์ในตอนนี้อารมณ์ของพวกเขาได้กลับมาเป็นปกติแล้ว “นั้นไงมากันแล้ว” ภูมิพัฒน์พูดเมื่อเห็นเจลและพี่สาวน้องชายบินมาแต่ไกล

“สำเร็จไหมครับ” คลัดด์ถาม

“สำเร็จสิ แต่ตอนอยู่ในนั้นมันเหมือนไม่มีอากาศให้หายใจได้เลย” ปิยวรรณดูท่าจะเหนื่อยจริงๆ

“วรฤทัยกับภัสสร์นภันต์มานู้นแล้ว” ภูมิพัฒน์เผลอตะโกนเลยโดนปิยวรรณตบหัวด้วยปีกเข้าให้ “โทษครับ...” ภูมิพัฒน์คอตกในทันที

“พวกคุณโชคดีมากเพราะเหลืออีกภารกิจเดียวพอดี” เจลพูด

“งั้นพจน์ชานนกับจีรายุพาล่ะ” วรฤทัยถาม

“ก็ไม่ต้องทำภารกิจ”

“ดีจัง” วรฤทัยรู้สึกเสียดายที่มาทำภารกิจ เธอมองภัสสร์นภันต์ที่กำลังเอากระดาษภารกิจใบสุดท้ายที่เหลือมา

“แต่จะไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษนะ”

“สิทธิ์พิเศษอะไรเหรอ” เสียงนั้นไม่ใช่ของวรฤทัยหรือใครก็ตามในกลุ่ม

“โอทูลิซซ่า!” ภูมิพัฒน์อุทานแต่ยังพยายามใช้เสียงเบา “มาทำอะไรที่นี้ครับ”

“เปล่า ที่จริงฉันชอบตื่นก่อนใครเพื่อนเสมออยู่แล้ว ว่าแต่กำลังทำอะไรกันอยู่” โอทูลิซซ่าสังเกตเห็นว่าวรฤทัยกับภัสสร์นภันต์มีอาการนิ่งเงียบ ทั้งสองไม่ได้ตอบอะไรแค่นำกระดาษแผ่นได้โอทูลิซซ่าได้อ่าน แน่นอนว่าเนื้อหาเหมือนกับสองแผ่นแรก

โอทูลิซซ่าถึงกับตะลึงทำตาโตก่อนมองคณะภูมิพัฒน์ “พวกเธอกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ”

“อย่าส่งเสียงดังสิครับ” ภูมิพัฒน์พูด “อีกแค่คู่เดียวก็จบแล้วครับ” ภูมิพัฒน์มองไปข้างหลังโอทูลิซซ่าก็พบว่าพจน์ชานนกับจีรายุพาบินมาถึงแล้ว

“พวกนายมาช้ากันจัง อดทำภารกิจแล้วรู้ไหม” ภัสสร์นภันต์พูด

“ช่วยไม่ได้จีรายุพาไม่ยอมตื่นเอง” พจน์ชานนพูด

จีรายุพาที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาเขียว “อย่าโทษแต่ฉันสิ นายเองตอนแรกก็ไม่อยากจะลุก”

“พอเถอะทั้งสองตัว” เจลรีบห้ามก่อนที่เสียงจะดังไปกว่านี้ “ภารกิจนี้ต้องใช้ความเงียบนะ”

“ความเงียบงั้นหรือ” โอทูลิซซ่าทำท่าสนใจ “ให้ฉันเล่นด้วยคนได้ไหม”

“หา!?” ทั้งคณะอุทานพร้อมกัน

“ฉันเคยเห็นพวกเธอเล่นเกมกับพวกโซเรนเมื่อวันก่อน ฉันเองยังคิดอยู่เลยว่าอยากจะเล่นบ้าง”

“เอาไงล่ะเจล” ภูมิพัฒน์มองเจล เจลเลยมองตอบ

เขาใช่เวลาคิดแปบเดียวเท่านั้น “ก็ได้ แต่ภารกิจสุดท้ายอาจยากหน่อย”

“ไม่เป็นไร ไหนล่ะภารกิจ”

“นี่ค่ะ” จีรายุพาเหมือนจะอ่านจบไปนานแล้วเลยส่งให้โอทูลิซซ่าอ่านต่อ

< ขณะอาจารย์กำลังหลับอยู่ >

เข้าไปยืนข้างๆอีซิลริบ แล้วร้องเพลงสั้นๆอะไรก็ได้อย่างน้อย 1 เพลง

โอทูลิซซ่าอึ้งไปสักนึง “ถอนตัวไม่ทันแล้วใช่ไหม” ก็ใช่นะสิถามได้! ทั้งคณะทำได้แต่ถอนหายใจ

ด้วยเหตุนี้ทั้งสี่ตัวประกอบไปด้วย เจล วรฤทัย ภัสสร์นภันต์และโอทูลิซซ่าได้มาที่โพรงอีซิลริบถือได้ว่าเป็นการมาครั้งสุดท้าย

“(รีบทำรีบไปเข้าใจนะ)” เจลทำท่าทางไปด้วยเพื่อที่โอทูลิซซ่าจะได้เข้าใจ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามตกลงกันได้แล้วว่าจะร้องเพลงอะไรกัน

ทั้งสามตัวค่อยๆเข้าใกล้อีซิลริบแล้วเริ่มร้องเพลง น่าแปลกที่อีซิลริบยังคงหลับอยู่ทั้งๆที่ความจริงน่าจะตื้นแล้ว สงสัยคงเหนื่อยมากแน่ๆ และทันทีที่ร้องเพลงเสร็จทั้งสี่ก็รีบออกมาจนเรียกได้ว่าบินหนีออกมาก็ว่าได้

แต่...จะมีใครรู้บ้างว่าในตอนนั้นอีซิลริบกำลังจะตื้นนอนพอดี! ทั้งหมดกลับมารวมตัวกันที่หน้าสภาซึ่งตอนนี้เริ่มมีนกฮูกตื้นกันมาบ้างแล้ว

“ทำได้ดีมากทุกตัวเลย” เจลยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“นายไม่ได้ทำบ้างก็ให้มันรู้กันไป” ภูมิพัฒน์แอบบ่นเล็กน้อย

“ส่วนเรื่องสิทธิ์พิเศษไว้หลังจากฝึกบินเสร็จแล้วฉันจะแจ้งให้ทราบอีกที”

“คงไม่ใช่การกินอีกใช่ไหม” น้ำเสียงชวนสยองดังขึ้น...อีซิลริบนั้นเอง! พี่ใหญ่ตื้นแล้ว!! “มาทำอะไนที่นี้ยังไม่ถึงเวลาการบินกลางพายุเลย”

“อ่อ...ครับ...คือแค่มาพูดคุยกันนิดหน่อย...และพวกเรากำลังจะไปพอดีขอตัวก่อนนะครับ” ทั้งคณะภูมิพัฒน์ยกเว้นโอทูลิซซ่ารีบบินหนีไปในทันที

อีซิลริบมองดูอย่างงงๆ “พวกเขาเป็นอะไรกันหรือโอทูลิซซ่า”

“ดิฉันว่าอย่าทราบเลยจะดีกว่าค่ะ” โอทูลิซซ่าเองก็รีบเดินหนีอย่างรวดเร็วทิ้งให้อีซิลริบยิ่งงงไปกันใหญ่ เชื่อสิมันเป็นเรื่องที่ดีมากหากท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนท่านกำลังหลับอยู่!

Link to comment
Share on other sites

แกล้งนกสูงอายุมันไม่ดีนะหนู แต่ละเกมสืก็ช่างคิดจริงๆเลยนะเจล....กลับบ้านไปนายโดนหนักแน่  :pika02:

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

หลังจากหายไปนานก็หลับมาอัพต่อจนได้

แต่ทำไมรู้สึกว่ามันสั่นกว่าที่ผ่านมา -*-


แกล้งนกสูงอายุมันไม่ดีนะหนู แต่ละเกมสืก็ช่างคิดจริงๆเลยนะเจล....กลับบ้านไปนายโดนหนักแน่

อาจถึงขั้นรากเลือดเลยมั้ง ^^


~ ช่วงที่ 2 ~

ระหว่างการบิน

เวลาสองทุ่มตรงโซเรนออกจากโพรงของตนวันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มันก็แน่ล่ะก็เขากำลังจะได้ฝึกบินพิเศษกลางพายุพร้อมพี่ชายของเขา...คลัดด์นั้นเอง แต่ถึงจะยิ้มได้แต่จริงๆแล้วในใจของโซเรนกลับกังวนเล็กน้อยอันเนื่องมาจากเขาไม่แน่ใจว่าพี่คลัดด์จะบินกลางพายุได้หรือเปล่าที่สำคัญก็คือเพื่อนของพี่คลัดด์...ดูถ้าพวกนั้นจะไม่เคยทำอะไรอย่างการบินอันตรายแบบนั้นเป็นแน่แท้ จะไหวไหมนะ?

ระหว่างที่คิดเรื่องต่างๆโซเรนก็เดินไปตามเส้นทางในต้นไม้หมื่นปีเพื่อไปหาคณะภูมิพัฒน์โดยโพรงของพวกนั้นถ้าจำไม่ผิดอยู่ด้านล่างนับจากโพรงขอเขาราวสามชั้น ที่ต้นไม่หมื่นปีแห่งนี้ที่จริงไม่จำเป็นต้องบินก็สามารถเดินไปที่ไหนก็ได้ทุกที่ด้วยเส้นทางที่เชื่อมต่อกันหลายจุดแต่เพราะสถานที่กว้างใหญ่อย่างนี้ถ้าไม่ได้มีความรีบร้อนจริงๆส่วนมากก็มักจะเดินกันทั้งนั้น นี้ก็เช่นเดียวกันโซเรนเดินสวนทางกับนกฮูกหลายชนิดและทุกตัวก็ต่างยิ้มอย่างเป็นกันเองเป็นการทักทาย

พอมารู้ตัวอีกทีโซเรนก็มาหยุดอยู่หน้าโพรงของคณะภูมิพัฒน์แล้ว ถึงโวเรนจะมาที่นี้หลายครั้งแต่ก็ยังอดทึ่งไม่ได้ โพรงของคณะภูมิพัฒน์มีขนาดใหญ่กว่าโพรงของเขาสองเท่าก็จริงแต่ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูเล็กเกินไปสำหรับนกฮูกเก้าตัว! แต่นั้นก็เป็นคำขอร้องของหัวหน้าภูมิพัฒน์เอง

“ตื่นกันหรือยังนะ” โซเรนเหมือนพูดกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในโพรง “ทุกตัวตื่น...” โซเรนพูดไม่ทันจบก็ต้องเงียบเมื่อเขาเห็นทั้งคณะภูมิพัฒน์ตื่นกันหมดแล้ว...มันก็ไม่แปลกหรอกแต่ที่แปลกเพราะสีหน้าของพวกเขาแต่ล่ะตัวดูเหมือนไปเจออะไรที่น่ากลัวสุดๆมายังไงยังงั้น

“ไงน้องชาย” คลัดด์ทักทายเล็กน้อยท่าทางเหมือนเหนื่อยเต็มทน

“พี่ไปทำอะไรมาครับ!” โซเรนรีบเดินเข้าไปดูคลัดด์ด้วยความเป็นห่วง

“เชื่อเถอะโซเรน นายไม่อยากรู้หรอก” ผู้ตอบกลายเป็นภูมิพัฒน์แทน ของมันแน่นอนโซเรนไม่มีทางรู้หรอกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเขาต้องเจอภารกิจโหดขนาดไหน!

“อ่า~ ยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งอยากรู้สิครับ” โซเรนสีหน้าออกเซ็งๆเล็กน้อยแต่ก็เปลี่ยนไปเป็นยิ้มภายในไม่กี่วินาที “แต่ก็ช่างเถอะ ว่าแต่พร้อมกันแล้วหรือยังครับ”

“จะว่าพร้อมมันก็ยังไงอยู่นะ”

“ปกติแล้วพวกเราไม่เคยบินกลางมาก่อนก็เลยรู้สึกกลัวๆกันนิดหน่อย” ปิยวรรณพูดเสริม

“แต่เรื่องอย่างการบินฝ่าพายุมันฟังดูเหลือเชื่อไปสำหรับนกฮูกหรือเปล่า” พจน์ชานนพูด

“ก็จริงสำหรับนกฮูกแล้วการบินฝ่าพายุไม่ว่าจะเป็นพายุฝน พายุหิมะหรือแม้แต่เฮอริเคนรูปแบบไหนก็ถือเป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก”

“เดี๋ยวนะ” ภูมิพัฒน์พูดแทรก “เฮอริเคนด้วยเหรอ”

“ใช่ มีแต่นกฮูกในสังกัดพยากรณ์อากาศเท่านั้นแหละที่ทำได้และแน่นอนว่าฉันกับเพื่อนๆทุกตัวเคยเจอมาหมดแล้ว”

ภูมิพัฒน์คิดว่าสุดท้ายแล้วมนุษย์อย่างพวกเขาก็ยังสู้สัตว์อย่างโซเรนไม่ได้ ปกติแล้วถ้ามนุษย์ต้องเจอพายุอย่างที่โซเรนว่ามาพวกเขาต้องหลบหนีแทนที่จะฝ่าออกไปแถมในตอนนี้พวกเขากำลังทำอย่างหลังคือบินฝ่าพายุอีกด้วย อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันหากมีใครสังเกตสักหน่อยก็จะพบว่าเจลไม่ได้อยู่ในโพรงแล้ว นกเสกรุ่นใหญ่แอบเดินออกมาอย่างเงียบๆมุ่งตรงไปยังโพรงของโซเรนเขาพูดอะไรบางอย่างกับพ่อแม่ของโซเรนซึ่งทั้งสองก็อนุญาต เจลนำสร้อยคอของเอกแลนไทน์ พิณของทไวไลท์และของสำคัญของแต่ละตัวทั้งสองคณะก่อนนำไปไว้ในสภาโดยฝากไว้กับราชาโบรอนและราชินีบาร์ราน ...เกมเดิมพันที่แสนจะตื่นเต้นกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า...

“ดีแล้วดี” อีซิลริบตะโกนเขาบินนำเหล่าคณะทั้งสองตามมาด้วยคณะภูมิพัฒน์ส่วนคณะโซเรนบินตามมาหลังสุดเพื่อมีเหตุฉุกเฉินพวกเขาจะได้ช่วยทัน “บินเรียกเป็นแถวอย่างนั้นแหละดีแล้ว”

คณะภูมิพัฒน์ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อนกานบินฝ่าพายุเป็นเรื่องหนักหนาทีเดียวแต่ถึงจะเหนื่อยพวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามีความสนุกในการฝึกบินครั้งนี้ด้วย

“นี้มันสุดยอด! รู้สึกดีจริงๆ!” ภูมิพัฒน์ตะโกน แต่ฟังไม่ออกว่าเจ้าตัวพูดเพราะรู้สึกดีอย่างที่ว่าหรืออยากพูดประชดเฉยๆ

“พี่คลัดด์พี่อย่าบินต่ำมากนะครับ” โซเรนพูดเมื่อเห็นตำแหน่งของคลัดด์เริ่มค่อยๆตกลงไปเรื่อยๆ

“เข้าใจแล้ว” คลัดด์แทบไม่มีเสียงออกปากเขากำลังออกแรงด้วยเกินความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด

อีซิลริบเองก็คงสังเกตเห็นจึงบินเข้าหาคลัดด์ “ใจเย็นพ่อหนุ่ม” เขาพูดขณะบินวนรอบตัวคลัดด์ “ต้องบินด้วยใจให้ความรู้สึกจากกึ๋นตั้งสมาธิให้ดีแล้วจะได้ยินเองว่ากึ๋นกำลังบอกอะไร”

คลัดด์ไม่เข้าใจสักเท่าไรแต่ก็ทำตามเขาตั้งสมาธิเขารู้สึกว่าเหมือนกึ๋นกำลังบอกเขาให้บินช้าให้ลมช่วยในการบินได้ คลัดด์ขยับปีกน้อยลงและก็ได้ผลเขากลับมาตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

“สุดยอดเลยพี่คลัดด์! พี่ทำได้แล้ว!” โซเรนตะโกนด้วยความดีใจ

“ใช่...ใช่! ฉันทำได้!” คลัดด์โห่ร้องด้วยดีใจพอๆกัน อีซิลริบยิ้มเล็กน้อย...สมแล้วที่เป็นพี่น้อยกัน

“แล้วเธอพ่อหนุ่ม” อีซิลริบหันไปทางภูมิพัฒน์

ภูมิพัฒน์ตกใจเผลอมองอีซิลริบ “ผ...ผมเหรอครับ”

“ใช่ ฉันว่าเธอก็ทำได้เช่นกันไม่สิน่าจะดีกว่านกฮูกตัวไหนที่เคยฝึกกับฉัน ไหนลองบินเข้าท่อพายุนั้นหน่อยสิฉันอยากรู้ว่ากึ๋นของเธอจะเป็นยังไง”

ภูมิพัฒน์มองตามสายตาของอีซิลริบก็พบท่อพายุที่อยู่ห่างจากเขาไปอีกไม่กี่เมตร ภูมิพัฒน์รู้สึกกลัวนิดๆแต่เพราะเป็นคนใจสู้เขาจึงใช้เวลาคิดไม่นานเลย “ผมพร้อมลุยแล้วครับ!” ภูมิพัฒน์บินเข้าท่อพายุด้วยวามเร็ซที่น่าตกใจ

โซเรนมองดูอย่างเป็นห่วงเพราะเขาเองก็เคยถูกอีซิลริบสั่งแบบนี้ซึ่งเขาก็บินได้ดีแต่จบไม่สวยสักเท่าไร

เมื่ออยู่ในท่อพายุภูมิพัฒน์หลับตาตั้งจิตปล่อยวางตอนนี้กึ๋นของเขากำลังตื่นตัวอย่างแรง...ได้เวลาสนุกกันแล้ว! ภูมิพัฒน์ลืมตาเขาบินด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมจนคณะโซเรน (คลัดด์ด้วย) อ้าปากค้างกับความเร็วนั้นแม้แต่อีซิลริบเองก็มองภาพนั้นแบบตาไม่กระพริบ ทั้งใดนั้นโดยที่ใครก็คาดไม่ถึงภูมิพัฒน์ตะโกนร้องเพลงเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องรอบๆตัวเขา

มีคนมากมาย ต้องการจะหยุดฉัน

เพราะสิ่งที่เขาฝัน มันดันไม่ได้ดั่งใจหวัง

แต่ถึงมือไม่พาย แถมให้เท้าเธอราน้ำ

แต่คิดดูให้ดี หากคิดว่าจะหยุดฉัน จะหยุดฉัน

ไม่ว่าจะสูง แค่ไหนก็ไปถึง

ไม่มีคำว่าสูง วัดได้ถ้าใจถึง

จะหนาวเหน็บ หนาวเพียงไหน จะฝ่าไป

ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ จะฝ่าไป

เป็นเรื่องที่น่าอาย ที่มันกลายเป็นเกลียดฉัน

ความอิจฉาคือสิ่งใด ขึ้นอยู่ที่ใครจะใช้มัน

คงอยากให้ฉันฟูมฟาย ร้องไห้ให้เธอมั๊ง

แต่คิดดูให้ดี หากคิดว่าจะหยุดฉัน จะหยุดฉัน

ล้มลงแล้ว ก็ไม่แคล้ว สิ่งหนึ่งคือฉันไม่ยอมแพ้

จะฝ่าฟัน แม้เธอนั้น จะกีดกันฉันไม่เหมือนกัน ไม่มีวันยอมแพ้

ภูมิพัฒน์ตะโกนร้องเพลงด้วยความเร็วบินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อยและทันทีที่เขาร้องเพลงจบพายุก็แทบจะหยุดไปพร้อมๆกับราวกับจะขอยอมแพ้ต่อนกแสกหนุ่มตัวนี้ คณะโซเรนอึ้งทำได้แต่มองขณะที่คณะภูมิพัฒน์เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่งั้นภูมิพัฒน์ไม่มีทางเป็นหัวหน้าพวกเขาหรอก!

“ทำได้สุดยอดมากพ่อหนุ่ม” อีซิลริบพูดน้ำเสียงปกติ “กึ๋นของเธอก็สุดยอดเช่นกัน”

“ข...ขอบคุณครับ” ภูมิพัฒน์หายใจหอบ บินมาตั้งนานเพิ่งมาเหนื่อยตอนนี้เนี่ยนะ! เชื่อเขาเลย

“พายุก็เริ่มอ่อนตัวลงแล้วไว้พายุมาคราวหลังมาบินกันใหม่นะพ่อหนุ่มไม่สิภูมิพัฒน์” อีซิลริบหัวเราะเล็กน้อย “เด็กๆทุกตัวกลับโพรงได้” ในที่สุดก็จบการฝึกบินฝ่าพายุสักที

แต่ความเหนื่อยมันยังไม่จบทั้งสองคณะไม่รู้เลยว่าทันทีที่พวกเขากลับไปพวกเขาอาจต้องกำจัดพวกเดียวกันเองเพื่อของรักของพวกเขา!

Link to comment
Share on other sites

บทเพลงและความหาญกล้าที่แม้แต่พายุก็ยังต้องยอมสยบ นายเป็นหัวหน้าที่สุดยอดมากภูมิพัฒน์  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

บทเพลงและความหาญกล้าที่แม้แต่พายุก็ยังต้องยอมสยบ นายเป็นหัวหน้าที่สุดยอดมากภูมิพัฒน์  :pika01:

วาว่าตอบเร็วจริงๆเลยนะ ^^ เพิ่งลงไม่กี่นาทีเอง

ภูมิพัฒน์มักจะเก่งในเรื่องที่คาดไม่ถึงเสมอๆ

ปล. กำลังแต่งช่วงที่ 3 ต่อ

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

มาอัพก่อนนอนครับ

หลังจากครั้งที่แล้วลงน้อยไปหน่อย ครั้งนี้เลยลงแบบยาว~มาก~เป็นการแก้มือ

ขอให้สนุกกับเกมสุดท้ายนะครับ  :pika01:


~ ช่วงที่ 3 ~

หลังการบิน

“เหนื่อยจังเลย” ภูมิพัฒน์ขอบ่นสักที

“แต่ก็ทำได้สุดยอดอย่างที่อีซิลริบว่าจริงๆนั้นแหละ” ปิยวรรณพูด

“นั้นสิครับผมเองยังอึ้งไม่หายเลย” โซเรนเสริม “นายเป็นนกแสกจริงๆหรือเปล่าเนี่ย” โซเรนคงหมายความว่าภูมิพัฒน์ไม่ใช่นกแสกธรรมดา แต่เพราะภูมิพัฒน์ของเราไม่ใช่นกแสกจริงๆนะสิถึงได้ตกใจมองอีกฝ่ายจนหายเหนื่อยไปเลย “ทำไมหรือครับ” โซเรนมองภูมิพัฒน์อย่างงงๆ

“ป...เปล่า” ภูมิพัฒน์ยังตั้งสติได้ นกฮูกพวกนี้ไม่น่ารู้หรอกว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ “หลังจากนี้พวกเราจะทำอะไรต่อ”

“หลังนี้จะเป็นวันหยุดยาวนะสิ” กิลฟี่พูด

“สี่ห้าวันน่าจะได้” ทไวไลท์เสริม

“หยุดเนื่อจจากอะไรเหรอ” วรฤทัยถาม

“ก็ไม่ได้เป็นวันอะไรพิเศษหรอกแค่เป็นวันหยุดจากการฝึกตามสังกัดเท่านั้นเอง” ดิกเกอร์อธิบาย

“แปลว่าตอนนี้พวกเราทุกตัวก็เที่ยวเล่นได้ตามใจชอบแล้วนะสิ” จีรายุพาพูดเธอกระโดดไปมาด้วยความดีใจ

“ฉันว่าเธออย่าดีใจจนออกนอกหน้าจะดีกว่า” พจน์ชานนยิ้มแหยๆ

“พี่พัดคิดจะทำอะไรช่วงวันหยุดนี้ล่ะครับ” ธนิดถามพี่ชาย

‘นั้นสินะ’ ภูมิพัฒน์คิดปกติวันหยุดยาวสำหรับมนุษย์สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคือ...นอน! ใช่แล้วนอนยาวทั้งวันนี้แหละที่ต้องการแต่ภูมิพัฒน์รู้ดีว่าไม่สามารถทำในที่แบบนี้ได้อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว (ถึงจะเป็นแต่ภายนอกก็ตาม)

“ไปห้องสมุดดีไหม” คลัดด์เสนอ ทุกตัวเลยมองมาที่เขา “ทำไมเหรอ”

“ก็ไม่รู้ว่านายจะอยากอ่านหนังสือด้วย” ภูมิพัฒน์พูด

“อะไรกันเล่าก็อยากไปดูที่สมุดสักหน่อยเอง” คลัดด์กระทืบเท้าไปมาอย่างไม่พอใจดูแล้วมัน...อะไรของนายคลัดด์!

“ท...ทำอะไรของนาย” ภูมิพัฒน์ถึงกับอึ้ง “ท่าทางแบบนั้น”

“แบบนี้นะเหรอ” คลัดด์ทำแบบเดิมอีกครั้ง “ก็อาการไม่พอใจของฉันไง”

“ฉันรู้! แต่ทำไมต้องทำให้มันดูน่ารักด้วยล่ะ!”

“แล้วมันผิดตรงไหนก็ฉันอยากน่ารักเหมือนน้องๆฉันบ้างไม่ได้หรือไง!” คลัดด์ทำท่าเดิมอีกครั้ง คณะภูมิพัฒน์เห็นท่าทางนั้นแล้วเหมือนจะล้มทั้งยืน...หมอนี้กล้าทำอะไรแบบนี้ด้วยหรือ!

“นายช่วยดูน้องชายนายด้วยเถอะ! ตอนนี้เขายิ่งกว่าอึ้งสักอีก!” ภูมิพัฒน์อาจพูดเกินความเป็นจริงไปหน่อยเพราะโซเรนแค่มองคลัดด์นิ่งๆเท่านั้นถึงสายตาจะมีความตกใจอยู่บางก็ตาม

“โซเรน...ขอโทษนะ” อยู่ๆคลัดด์ก็กลับมามีอาการปกติเหมือนเดิมความน่ารักเมื่อกี้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

ภูมิพัฒน์อดที่จะขำไม่ได้ “ทำไมพอนายมองโซเรนถึงกับมาเหมือนเดิมล่ะ”

“เรื่องของฉัน!” คลัดด์พยายามทำเสียงดุๆ แต่เพราะท่าทางที่เขาทำไปก่อนหน้านั้นมันเลยดูตลกไปในทันที ทั้งสองคณะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะที่คลัดด์ยิ้มอย่างอายๆ

“อยู่นี้เอง!” เสียงของเจลดังขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่แล้วรีบไปที่สภาโดยด่วนตอนนี้เลย!” เจลไม่อธิบายไปมากกว่านี้เขาบินออกไปในทันที แน่นอนว่าทั้งสองคณะก็บินตามไปเช่นกัน

“หา!? ของถูกขโมย!!” ทั้งสองคณะตะโกนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ใช่” ราชาโรบอนพูด “ของที่ถูกขโมยคือสร้อยคอของน้องสาวเธอโซเรน”

“เอกแลนไทน์...” โซเรนตกใจจนบอกไม่ถูกสร้อยคอที่ว่าทำจากลูกเบอร์รี โดยนำลูกเบอร์รีสามสีได้แก่ สีขาวจากฤดูหนาว สีน้ำเงินจากฤดูใบไม้ผลิและสีทองจากฤดูร้อนแล้วนำทั้งหมดนั้นมาทำเป็นสร้อยคอ โซเรนทำขึ้นให้เอกแลนไทน์และตั้งใจจะทำให้คลัดด์ด้วยแต่ตอนนี้สร้อยที่ว่าได้หายไปแล้ว “มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

“พ่อแม่เธอแจ้งมานะสิ” ราชินิบาร์รานพูด “โชคดีที่น้องสาวเธอยังมีสติแต่เรื่องกลับร้ายแรงกว่านั้นมาก”

“ทำไมหรือครับ” ภูมิพัฒน์ถาม

“ทันทีที่ได้รับแจ้งของถูกขโมยบอกได้ว่าฉันรู้สึกใจคอไม่ดี” ราชาโบรอยเงียบไปครู่นึง “ฉันเลยสั่งให้บูโบช่างตีเหล็กของเราไปตรวจดูโพรงของพวกเธอที่เหลือซึ่งผลก็คือ”

“ของหายไป” บูโบ (นกเค้าใหญ่) พูดและนับเป็นครั้งแรกด้วยที่เขาพูดออกมา “หมายถึงหายไปทั้งหมด”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสีหน้าแต่ละตัวซีดอย่างหน้าใจหาย...นี้คือเรื่องจริงหรือ...มีใครก็ไม่รู้มาขโมยของพวกเขาไปแต่ทำไปเพราะอะไร

“เจล...” ภูมิพัฒน์หันไปมองนกแสกรุ่นใหญ่ “นี้เป็นของจริงสินะ”

“ก็ไม่เชิง” เจลตอบดื้อๆ

“!!!!” กระผมขอไม่บรรยายว่าอาการของแต่ละตัวเป็นยังไงแต่บอกได้ว่าเลยว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก!

“ทำบ้าอะไรของนายเจล!” ภูมิพัฒน์โกรธมากแต่ก็ยังโลงใจด้วยเช่นกัน

“เล่นแรงเกินไปนะครับ” ธนิดก็เห็นด้วย

“ตกลงนี้เป็นเกม...” โซเรนพูดน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“พวกนายจำไม่เลยเหรอ ที่จริงโดยเฉพาะพวกภูมิพัฒน์น่าจะรู้ดีว่าภารกิจที่แล้วจะได้บอกไว้”

ถ้าทำภารกิจสำเร็จจะได้รับสิทธิ์พิเศษหลังจากการฝึกบิน

“สิทธิ์พิเศษที่ว่าก็อยู่ในเกมนี้แหละ” เจลหันไปมองราชาโบรอนกับราชินิราน์รานเหมือนเป็นการส่งข้อความบางอย่าง

“อ...อย่าบอกว่าพวกท่านก็รู้” กิลฟี่อ้าปากค้าง

“ใช่...ขอโทษด้วยนะ และก็โซเรนพ่อแม่เธอเองก็ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้วเช่นกัน” ราชินิบาร์รานอธิบาย โซเรนเริ่มยิ้มออกในที่สุด

เมื่ออาการของแต่ละตัวดีขึ้นเจลจึงพูดต่อ “เอาล่ะภารกิจต่อไปนี้จะให้ราชาโบรอนและราชินิบาร์รานเป็นผู้มอบให้ เชิญครับท่าน”

ราชาโบรอยนำกระดาษม้วนอันใหญ่โดย่ทานถือด้านนึงส่วนราชินิบาร์รานช่วยถืออีกด้าน “พร้อมกันแล้วนะ” ราชาโบรอนพูดเสร็จก็เปิดกระดาษภารกิจแผ่นให้ดู

< ใครคือหัวขโมย >

ตามหาหัวขโมยให้เจอ

ถ้าทำภารกิจสำเร็จก็จะได้ของที่ถูกขโมยไปคืนมา

ถ้าไม่สำเร็จจะถูกยึดไว้ในสภาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์

“ฉันจะมอบรายละเอียดของภารกิจนี้อีกที แต่ให้หลังจากออกนอกสภาแล้วขอให้ออกมาทีละตัวด้วย” เจลเดินออกไปเป็นแรกเพื่อรอมอบภารกิจ

ทั้งสองคณะต้องตกลงกันมาใครจะออกตามลำดับซึ่งผลออกมาดังนี้ ภูมิพัฒน์ / คลัดด์ / โซเรน / ธนิด / ปิยวรรณ / กิลฟี่ / ทไวไลท์ / จีรายุพา / ดิกเกอร์ / ภัสสร์นภันต์ / วรฤทัย / พจน์ชานน โดยที่ไม่รู้เลยการเรียกลำดับนี้แหละคือจุดสำคัญของภารกิจ พวกเขาออกมารับภารกิจที่เจอทีละตัวพร้อมกระดาษแปลกๆที่พันที่ขาของพวกเขา โดยภารกิจที่ไดรับคือ

< ค้นหาหัวขโมย >

หนึ่งในพวกคุณคือหัวขโมยให้ตามหาแล้วกำจัด

โดยการกำจัดคือการดึงกระดาษที่พันตรงขาของอีกฝ่ายออก

ภารกิจจะสำเร็จเมื่อเจอกระดาษที่มีคำว่า ‘หัวขโมย’

ถ้าทำภารกิจสำเร็จจะได้ของที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาทั้งหมด

ถ้าทำไม่สำเร็จของที่ถูกขโมยทั้งหมดจะถูกยึดเป็นเวลาอาทิตย์

ความเครียดเริ่มเข้ามาพวกเขาต้องกำจัดพวกเดียวกันกัน...พวกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นศัตรูในขณะที่ทุกตัวออกตามล่าหนึ่งในนั้นต้องระวังตัวทุกก้าวที่เดินไปเพราะภารกิจของเขาหรือเธอต่างออกไปมาก

< คุณคือหัวขโมย >

ค้นหาทีมไล่ล่าแล้วกำจัดให้หมด

โดยการกำจัดคือการดึงกระดาษที่พันตรงขาของอีกฝ่ายออก

ถ้าทำภารกิจสำเร็จคุณจะได้ของที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาแต่เพียงผู้เดียว

ถ้าไม่สำเร็จคุณจะเป็นผู้เดียวที่ถูกยึดของเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์

“ฉันเป็นหัวขโมยเหรอ” นกฮูกตัวนั้นพูด

“ก็แค่เกมล่ะหน่า” เจลพยายามปลอบใจ เขานำกระดาษที่มีคำว่า ‘หัวขโมย’ มาโชว์ให้นกฮูกตัวนั้นดูก่อนนำมาพันที่ขาข้างขวาโดยเอาด้านที่มีคำเข้าไว้ด้านใน “ขอให้โชคดีนะ” เจลพูดทิ้งท้าย

นกฮูกตัวนั้น...เขาหรือเธอไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าเขาหรือเธอจะใช้วิธีไหนเพื่อของรักแล้วคงยอมทำได้ทุกอย่างเป็นแน่แท้!

ภูมิพัฒน์

ปิยวรรณ

ธนิด

วรฤทัย

ภัสสร์นภันต์

พจน์ชานน

จีรายุพา

คลัดด์

โซเรน

กิลฟี่

ดิกเกอร์

ทไวไลท์

บัดนี้หัวขโมยได้ถูกเลือกแล้ว จากใครก็ตามในกลุ่มของพวกเขา...

ภูมิพัฒน์อยู่บริเวณในห้องสมุดเขาอดตกใจไม่ได้กับจำนวนหนังสือพวกนี้มันแทบไม่ต่างจากห้องในใลกของมนุษย์เลยสักนิดแล้วนกฮูกพวกนี้ก็อ่านมันด้วยหรือ...ภูมิพัฒน์คิดไปขณะกำลังเดินไปรอบห้องสมุด ที่นี้มีนกฮูกค่อยข้างน้อยเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ลืมบอกไปอย่างว่าระหว่างที่พวกเขาเล่นเกมกันอยู่เหล่านกฮูกตัวอื่นๆก็ใช่ชีวิตตามปกติเหมือนเดิมแต่นกฮูกเหล่านั้นก็ทราบเรื่องที่คณะภูมิพัฒน์กับโซเรนกำลังเล่นเกมอยู่

“คลัดด์จะมาที่นี้หรือเปล่านะ” ภูมิพัฒน์นึกขึ้นได้ว่าคลัดด์เคยพูดไว้ว่าเขาจะมาที่นี้ เขาออกมาก่อนคลัดด์ดังนั้นถ้าคลัดด์จะมาที่นี้เขาก็ต้องเห็นแล้ว อยู่ภูมิพัฒน์ก็หัวเราะออกมาเพราะสิ่งที่เขาเพิ่งคิดได้เป็นจริง “คลัดด์!” ภูมิพัฒน์พยายามตะโกนเรียกคลัดด์ด้วยเสียงที่เบาเท่าที่ทำได้เนื่องจากพวกเขาอยู่ในห้องสมุด

“นายอยู่ที่นี้เหรอ” คลัดด์ถาม

“ก็เองบอกเองว่าจะมาที่นี้” ภูมิพัฒน์ตอบ ...แต่ทั้งสองไม่ได้เข้าใกล้กันไปมากกว่านี้...เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหัวขโมยหรือเปล่า! “ทั้งนายและฉันต่างมีกระดาษพันอยู่ทั้งสองข้าง” ภูมิพัฒน์พูดถูกซึ่งมันคือสิทธิ์พิเศษที่เคยทำภารกิจสำเร็จก่อนหน้านั้น ภูมิพัฒน์ คลัดด์ ปิยวรรณ ธนิด วรฤทัยและภัสสร์นภันต์พวกเขาต่างมีกระดาษพันที่ขาทั้งสองข้าง

“แล้ว...?” คลัดด์ทำหน้างงๆ เพื่อนรักของเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน

“ถ้าเกิดหัวขโมยเป็นหนึ่งในพวกที่ได้รับสิทธิ์พิเศษการจะกำจัดเขาหรือเธอได้ก็ยากมากขึ้น”

“ก็จริงครับ”

“ว่าแต่นั้นมันอะไร” ภูมิพัฒน์อดขำไม่ได้เพราะชื่อของคลัดด์ที่เขียนบนกระดาษที่พักขาคลัดด์อยู่ไม่ได้เขียนว่า ‘คลัดด์’ แต่เป็น ‘คลัดด์กี้’

“ก็อยากให้มันดูน่ารักขึ้นมาหน่อย” คลัดด์ตอบอย่างอายๆ

“เรื่องนั้นฉันพอเข้าใจแต่ไม่เห็นต้องวาดรูปหัวใจเข้าไปด้วยเลย” ภูมิพัฒน์ใช้ขาในการชี้

“ก็มันน่ารักดี” ตกลงนายอยากน่ารักขนาดกันเลยหรือคลัดด์กี้...

“นายคงไม่ใช่หัวขโมยนะคลัดด์” อยู่ๆภูมิพัฒน์ก็เปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนายล่ะ” คลัดด์ย้อนถามทำให้ภูมิพัฒน์จ้องมองคลัดด์เล็กน้อย

ภูมิพัฒน์คิดอยู่พักนึง “รู้ไหมฉันเชื่อว่านายไม่ใช่หัวขโมยแน่นอนและถ้าสงสัยฉันจริงๆฉันก็ยอมให้นายดึงกระดาษฉันทิ้งได้เลย” ภูมิพัฒน์ก้าวขาข้างนึงออกมาเป็นบอกว่าเอาจริง

การจะกำจัดพวกที่ได้รับสิทธิ์พิเศษได้นั้นจำเป็นต้องดึงกระดาษออกทั้งสองข้างและถ้าหัวขโมยคือพวกที่ได้รับสิทธิ์พิเศษกระดาษทั้งสองข้างก็จะมีคำว่า ‘หัวขโมย’ ซึ้งเจลได้อธิบายมาก่อนหน้านั้นแล้ว

“ฉันทำไม่ได้หรอก” คลัดด์สายหัว “ทำไมฉันต้องทำด้วยในเมื่อนายบอกว่าตนเองไม่ใช่...ฉันเองก็เชื่อใจนายเช่นกัน”

“ขอบใจนะคลัดด์ แต่เชื่อเถอะทำไปเพื่อความสบายใจเป็นดีที่สุด”

“งั้นภูมิพัฒน์ต้องดึงของฉันด้วย ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดแน่ๆ”

“ก็ได้ เราจะดึงพร้อมกันนะ” ทั้งสองเข้าใกล้เพื่อที่จะได้ดึงกระดาษออกพร้อมกันได้ “... ... ...” แต่ภูมิพัฒน์กลับนิ่งไปสักงั้น

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ก็หน้าเราสองตัวใกล้กันขนาดนี้...” ใบหน้าของภูมิพัฒน์กับคลัดด์อยู่ใกล้กันมากจงอยปากของทั้งสองก็ใกล้กันจนดูเหมือนกับ...กำลังจูบกันชัดๆ! “ใครมาเห็นตอนนี้คงดูไม่จืดแน่ๆ”

“ง...งั้น...ก็รีบดึงเถอะ” คลัดด์หน้าแดงสุดๆถึงในใจจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นกแสกจริงๆก็เถอะแต่ก็เป็นนกแสกอยู่ดี! แต่ตอนนี้ไมใช่เวลามาคิดแบบนี้พวกเขาต้องรีบดึงกระดาษออกแล้ว

*หมับ* ทั้งดึงกระดาษของอีกฝ่ายออกแทบจะพร้อมกันแล้วรีบออกห่างจากนั้นทันที แน่นอนว่ากระดาษทั้งสองแผ่นต่างไม่มีคำว่า ‘หัวขโมย’

“เท่านี้ก็โล่งใจแล้วนะ” ภูมิพัฒน์เหมือนจะถามคลัดด์

“แล้วถ้ามันเขียนไว้แค่ข้างเดียวล่ะครับ”

“!!!!” ภูมิพัฒน์เกือบล้มทั้งยืน “ทำไมนายพูดแบบนี้เล่า!”

“ข...ขอโทษครับแค่สงสัยเฉยๆ”

“มันไม่ควรสงสัยแล้ว!” ภูมิพัฒน์โกธรเล็กน้อยแต่พอเห็นคลัดด์หัวเราะเขาก็หายโกธร “พวกเรารีบไปตามหาขโมยเถอะ” ภูมิพัฒน์เดินนำคลัดด์ออกห้องสมุด

ทางด้านของปิยวรรณสาวใหญ่กำลังเดินอย่างไรจุดหมาย...ที่จริงเหมือนกำลังเดินเล่นมากกว่าตามหาหัวขโมยด้วยซ้ำ! เธอหันไปมองข้างหลังบางครั้งเพื่อระวังตัว “ไม่ง่ายเลยภารกิจแบบนี้” ถูกต้อง! มันไม่ง่ายอยู่แล้วแต่...ภารกิจที่เธอพูดถึงนั้นคือภารกิจอะไรกันแน่!

“แย่แน่ๆเลย” ปิยวรรณบ่นกลับตัวเอง ทำไมเธอถึงต้องพูดแบบนั้นด้วยนะ... ปิยวรรณยังคงเดินต่อไปเรื่อยตามเส้นทางโดยไม่รู้เลยว่ามีใครตัวนึงเดินตามมาอย่างเงียบๆ ...ทันใดนั้น

*หมับ* กระดาษข้างนึงของปิยวรรณถูกดึงออกแต่นั้นเป็นการดึงที่ไร้ประโยชน์เพราะปิยวรรณเองก็ได้รับสิทธิ์พิเศษทำให้ต้องดึงอีกข้างเพื่อกำจัด “ท...ทำไมอะไร!” เวลาคนเราตกใจจริงๆนั้นมักทำอะไรไม่ถูกเสมอบางครั้งแทบไม่ทำอะไรด้วยซ้ำ

“ขอโทษนะพี่สาว” ธนิดพูด! เขารีบดึงกระดาษอีกข้างออกทันที อีกฝ่ายไม่ทันจะตั้งตัวเลยโดยดึงไปดื้อๆ ธนิดรีบดูกระดาษที่ดึกออกมาแล้วต้องหนาวไปทั้งตัว...ไม่มีคำว่า ‘หัวขโมย’!

“เจ้าธนิด!” น้ำเสียงปิยวรรณเต็มไปด้วยความโกธร

“อ่า~! ขอโทษครับๆ!” ธนิดกล่าวขอโทษพร้อมก้มหัวราวเก้าสิบองศาอยู่หลายรอบ

“ไม่คิดถามกันบางหรือไงห๊ะ!” ปิยวรรณยังไม่หายโกธร

“แล้วถ้าเกิดพี่ใช่ขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไง...พี่อาจกำจัดผมแทนก็ได้...ขอโทษครับ~!” ธนิดคงทำได้แค่ขอโทษ

“ให้ตายสิพี่ยังไม่ได้ทำอะไรก็ออกแล้ว!” ปิยวรรณเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย สำหรับผู้ที่ออกจากเกมต้องกลับไปยังสภา ระหว่างนั้นจะสามารถไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้แต่อย่าดึงกระดาษของผู้อื่นเป็นอันขาด

“ขอโทษจริงๆพี่” ธนิดเศร้าลงไปถนัดตาแน่นอนว่าเขารู้สึกผิด ...แต่ว่าการชนะของหัวโมยนั้นคือการกำจัดเหล่าผู้ค้นหาตนเอง ถ้าหากคิดว่าธนิดเป็นหัวขโมยการขอโทษเมื่อกี้...เป็นไปได้มากที่จะเป็นการแสดง!

ทันใดนั้นต้นไม้หมื่นปีก็ดังไปด้วยเสียงระฆังหนึ่งครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนของนกฮูกตัวนึง “ปิยวรรณ OUT ปิยวรรณ OUT”

“หา!?” ภูมิพัฒน์และคลัดด์กี้ (?) หันมามองหน้ากันพี่สาวใหญ่ออกจากเกมแล้ว! นอกจากนี้ยังไม่ใช่หัวขโมยด้วย! ทั้งสองรู้เลยว่าขณะที่กำลังมองหน้ากันอยู่นกฮูกตัวนึงกำลังหัวเราะชอบใจอยู่!

“แบบนี้ฉันว่าแยกกันไปท่าจะดีกว่า” ภูมิพัฒน์พูด

“ผมก็เห็นด้วย”

“ฉันไปสำรวจบริเวณด้านบนของต้นไม้ นายไปด้านล่างนะคลัดด์...กี้”

“รับทราบครับ” คลัดด์แอบหัวเราะเล็กน้อยก่อนทั้งสองบินแยกออกไปทันที

“ปิยวรรณออกแล้ว...” พจน์ชานนตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ไปไหนเพราะเขากำลังมองดูกรงเล็บประจัญบานหลายชิ้นที่สังกัดสู้รบนั้นเอง กรงเล็บแต่ละอันดูเหมือนจะทำมาจากทองคำไม่สิต้องใช้แน่ๆ พจน์ชานนมองกรงเล็บเหล่านั้นอย่างตื่นตาตื่นใจต้องมีสักวันที่ผมได้สวมใส่แน่นอน

*หมับ* เสียงแบบนี้...พจน์ชานนรู้สึกเหมือนกึ๋นจากออกมานอกตัวเมื่อเขาหันไปมองข้างหลัง “จีรายุพา...” พจน์ชานนอึ้งเกินกว่าจะตกใจส่วนจีรายุพาพอพบว่ากระดาษไม่ได้มีคำว่า ‘หัวขโมย’ ก็ทำสีหน้าไม่พอใจ

“ไม่ใช่เหรอเนี่ย” เธอพูดพร้อมกับมองเพื่อนชายของเธอ

“ก็ใช่นะสิยัยบ้า!” พจน์ชานนอาจพูดแรงไปหน่อยแต่อารมณ์ในตอนนั้นมันสับสนจริงๆ “ทำไมเธอถึมาที่นี้”

“ฉันมาแอบดูเธอพักหนึ่งแล้ว ก็ท่าทางเธอมันน่าสงสัย”

“ตรงไหนไม่ทราบ” พจน์ชานนแทบไม่เชื่อหูตัวเองยัยนี้เพิ่งกำจัดเขาออกเพราะแค่ท่าทางน่าสงสัยงั้นหรือ...อยากให้ยัยนี้โดนบางจัง

ไม่ทันขาดคำ... *หมับ* “กรี๊ด!!” จีรายุพากระโดดตัวลอยแต่ก็ช้าไปเพราะกระดาษถูกดึงเรียบร้อยแล้ว “ธนิด!” น้องเล็กธนิดอีกแล้ว

“พี่ไม่ใช่หัวขโมยสักหน่อย” ธนิดโชว์กระดาษของจีรายุพาให้ดู...ไม่มีคำว่า ‘หัวขโมย’ จริงๆ “แล้วพี่ไปดึงของเขาทำไม”

“แล้วนายดึงของฉันทำไมเล่า!”

“ก็ควรโดนแล้ว” พจน์ชานนแอบดีใจเล็กน้อย “ไปที่สภากันเถอะ” พจน์ชานนดันจีรายุพาออกไปทิ้งให้ธนิดมองทั้งสองอย่างงงๆ...กันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! แต่ว่านี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ธนิดกำจัดผิดตัว...นั้นก็ความไม่รู้หรือความตั้งใจกันแน่... เสียงระฆังดังอีกหนึ่งดังก่อนตามมาด้วยเสียงที่ไม่ว่าใคก็ไม่อยากได้ยินเว้นแต่ผู้นั้นคือหัวขโมย! “พจน์ชานน จีรายุพา OUT พจน์ชานน จีรายุพา OUT”

สุดท้ายแล้วใครคือหัวขโมยกันแน่...

“ไม่ใช่มาสองแล้วนะ” ธนิดโกธรตนเองเป็นอย่างมาก “คราวนี้ต้องหาเจอให้ได้!” เขาพูดกับตัวเอง แต่นั้นใครกัน...จำได้ว่า “ทไวไลท์!” ธนิดตะโกนเรียก

“ธ...ธนิด!” ทไวไลท์ดูตกใจมาก “อยู่ตรงนั้นเลย”

“ทำไมล่ะพี่ผมไม่ใช่หัวขโมยหรอก” ปากพูดแบบนั้นแต่ในใจคิดตามนั้นด้วยเปล่าดูจากสีหน้าไม่ออก “แล้วพี่ล่ะ”

“จะไปใช้ได้ไงกัน!” ทไวไลท์ตอบเสียงดุ “ฉันว่าพี่ชายนายน่าสงสัย”

“พี่ภูมิพัฒน์เหรอครับ ฮ่าฮ่า ไม่ใช่หรอกพี่”

“แต่เขาอาจเป็นหัวขโมยจริงๆก็ได้” ความเห็นของทไวไลท์ไม่เป็นจริงสักนิด เนื่องภูมิพัฒน์กับคลัดด์ได้ทำการพิสูจน์กันสองต่อสองไปแล้วว่าไม่ใช่ ทไวไลท์ยังไม่ทราบเรื่องนี้อาจเพราะยังไม่มีการประกาศชื่อว่าภูมิพัฒน์ออกไม่ก็...ทไวไลท์ผู้เป็นหัวขโมยกำลังทำให้ธนิดเกิดความสับสน “นายไม่คิดว่าพี่ชายนายแปลกๆหรือ”

“ไม่นะครับ” ธนิดตอบโดยไม่ลังเล “ผมว่าไม่น่าจะใช่...จริงๆนะ” แต่สีหน้าเริ่มมีความสงสัยขึ้นมาแล้ว!

“เห็นไหมนายก็สงสัย” ทไวไลท์ยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกถึงผิดก็ไม่เสียหาย” ทไวไลท์พูดถูกและผิด มันจะเสียหายมากถ้ากำจัดผู้ค้นหาจนหมดเพราะหัวขโมยจะชนะทันที แต่ผู้ที่รู้กติกานี้มีแต่หัวขโมยเท่านั้น

“งั้นผมไปดูก็ได้” ธนิดจำใจทำตาม

“แต่ก่อนหน้านั้นฉันขอดึงกระดาษนายสักข้างได้ไหม” ทไวไลท์ถามเสียงเบาคงกลัวอีกฝ่ายจะโกธร “นายมีสองข้างดึงข้างเดียวยังไม่ออกใช่ไหม”

“ใช่ครับ ผมไม่ใช้หัวขโมยแน่นอนพี่ดึงได้เลย”

ทไวไลท์ไม่อยากมากนักแต่ความสบายใจแล้วจำเป็นต้องทำ *หมับ* เป็นดึงที่ช้ามากทไวไลท์ดูกระดาษที่ดึงออกมาพบไม่มีคำว่า ‘หัวขโมย’ ทไวไลท์ก็ยิ้มทันที “นายไม่ใช่จริงๆขอโทษด้วยนะแล้วก็พยายามเข้าล่ะ” ทไวไลท์พูดเสร็จก็เดินจากไป

“พี่ก็เช่นกันนะครับ” ธนิดบินจากไปโดยไม่คิดอะไร แต่ถ้าคิดสักนิดว่าทไวไลท์เป็นหัวขโมยการกระทำเมื่อกี้อาจเป็นการฆ่าตัดตอนก็ได้!

ทางด้านของวรฤทัยกับภัสสร์นภันต์สองตัวนี้ต่างเดินด้วยตลอด “หยุดพักหน่อยดีกว่า” วรฤทัยพูด

“ก็ดี” ภัสสร์นภันต์เห็นด้วยทันที “แต่นี้มันออกไปสามแล้วนะ”

“นั้นสิไม่ดีแน่”

“ใครเป็นหัวขโมยกันนะ” วรฤทัยถามแบบไม่ต้องการคำถามแต่อย่างใด ว่าแต่เธอทั้งสองไม่มีใครเป็นหัวขโมยจริงๆเหรอ

“นั้นคลัดด์ใช่ไหม” วรฤทัยเห็นคลัดด์กี้อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

คลัดด์กี้เองก็สังเกตเห็นทั้งสองเช่นกัน “ฉันเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วนะเป็น คลัดด์กี้”

“คลัดด์กี้...” สองสาวพูดพร้อมกัน “อะไรของนาย” ภัสสร์นภันต์ถาม

คลัดด์กี้หนักใจ...นี่เขาต้องอธิบายทุกตัวที่เจอเลยหรือเปล่านะ “เอาเป็นว่าอยากใช้ชื่อนี้ก็แล้วกัน”

“คลัดด์กี้...” วรฤทัยรู้สึกไม่คุ้นกับชื่อนี้อย่างแรง! “ทำไมนายมีกระดาษอยู่ข้างเดียวล่ะ”

“อ่อ ก่อนหน้านั้นผมกับภูมิพัฒน์ยอมเสียสละเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่หัวขโมยครับ”

“งั้นเราทำบางดีไหม” ภัสสร์นภันต์ออกความเห็น

“เอาจริงเหรอ” วรฤทัยดูไม่มั่นใจ

“ถ้าไม่ทำก็จะสงสัยซึ่งกันและกันแบบนั้นน่ะไม่ดีแน่”

“ก็ได้...” วรฤทัยยอมแต่โดยดี และเป็นไปตามนั้น...ทั้งสองไม่ใช่หัวขโมยจริงๆ

คลัดด์กี้ทำทางคิดอยู่พักนึงก่อนพูดออกมา “แค่นี้ก็รู้แล้วว่า ภูมิพัฒน์ วรฤทัย ภัสสร์นภันต์ไม่ใช้หัวขโมยแน่นอนแล้ว”

ภัสสร์นภันต์เหมือนนึกขึ้นได้ “จริงสิคลัดด์กี้นายเจอธนิดแล้วยัง”

“น้องชายภูมิพัฒน์เหรอครับ...ยังไม่เจอเลย”

“งั้นก็น่าสงสัย” ภัสสร์นภันต์เหมือนยังพูดไม่จบก็เกิดเหตุคาดไม่ฝันขึ้น!

*หมับ* ธนิดมาแล้ว! แถมยังดึงกระดาษของภัสสร์นภันต์กับวรฤทัยออกอย่างรวดเร็วก่อนบินหนีไป “เฮ้ย!!” วรฤทัยตะโกนเสียงดัง

คลัดด์กี้ที่ยังมีสติรีบบินตามอย่างรวดเร็ว

“สุดยอดเลยสปาร์ต้าคลัดด์!” ภัสสร์นภันต์ตะโกนโดยไม่สนว่าคลัดด์กี้จะได้ยินหรือไม่

“สปาร์ต้าคลัดด์?” วรฤทัยทำหน้างงๆ

“ก็ตอนคลัดด์กี้บินออกไปมันเหมือนได้ยินเสียง ‘สปาร์ต้า~!’ ประมาณนี้”

ตกลงตอนนี้คลัดด์ได้มีสองฉายาใหม่คือ คลัดด์กี้กับสปาร์ต้าคลัดด์

“ทำไมพี่ถึงไม่ไปที่สภา” ภูมิพัฒน์ถามปิยวรรณ สองพี่น้องกำลังเดินไปที่สภา

“ก็กำลังไปอยู่นี่ไง” ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าปิยวรรณไม่อยากไปที่สภาสักนิด

*หมับ* เสียงนี้ที่ทำให้ภูมิพัฒน์อึ้งจนยืนนิ่งปิยวรรณพอเห็นฝ่ายที่มาดึงก็ต้องอ้าปากค้าง “ธนิด!” ธนิดไม่แม้แต่จะหันมามองเขามาแล้วจากไปภายในไม่กี่วิเท่านั้น

“คลัดด์!” ภูมิพัฒน์ตะโกนเมื่อเห็นคลัดด์กี้บินตามธนิดอย่างรวดเร็ว คลัดด์กี้สามารถตามธนิดทันแล้วดึงกระดาษออกสำเร็จ! ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ตรงหน้าสองพี่น้องเพียงไม่กี่เมตร

คลัดด์กี้บินกลับมาหาภูมิพัฒน์กับปิยวรรณ “ดูนี้สิ” คลัดด์กี้ทิ้งกระดาษลงอย่างเสียอารมณ์...ไม่คำว่า ‘หัวขโมย’! ธนิดไม่ใช่หัวขโมย!! ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ...นี้มันหมายความว่าไงกัน!

“วรฤทัย ภัสสร์นภันต์ ภูมิพัฒน์ ธนิด OUT วรฤทัย ภัสสร์นภันต์ ภูมิพัฒน์ ธนิด OUT” เสียงตะโกนของนกฮูกตัวนึงเป็นการย้ำถึงความผิดพลาดขั้นร้ายแรง

ภูมิพัฒน์ OUT

ปิยวรรณ OUT

ธนิด OUT

วรฤทัย OUT

ภัสสร์นภันต์ OUT

พจน์ชานน OUT

จีรายุพา OUT

คลัดด์

โซเรน

กิลฟี่

ดิกเกอร์

ทไวไลท์

ความหวังที่จะชนะขึ้นอยู่กับคณะโซเรนแล้ว

“ฉันว่าต้องเป็นทไวไลท์”

“ทำไมล่ะดิกเกอร์” กิลฟี่ถาม ทั้งสองเหนื่อยจากการตามหาหัวขโมยเลยหยุดพักสักครู่

“ของรักของทไวไลท์คือพิณและเขาก็รักพิณนั้นมากฉันรู้ดี”

กิลฟี่คิดว่าการสงสัยเป็นเรื่องง่ายแต่การพิสูจน์เป็นเรื่องยาก แต่ที่ดิกเกอร์พูดมาก็ถูก “งั้นตามหาเขากัน”

“หาใครหรือ” ไม่รู้ว่าทไวไลท์มาตั้งแต่เมื่อไร ทำเอาทั้งสองหันไปมองด้วยความตกใจ “พวกนายโอเคนะ”

“นายน่าสงสัยทไวไลท์” ดิกเกอร์พูดสีหน้าไม่กลัวสักนิด

“หา!?” ทไวไลท์ตกใจเล็กน้อย “พูดอะไรของนาย ทำไมนายถึง...”

“พิณไง” ดิกเกอร์พูดตัดบท “นายยอมทำทุกเพื่อพิณของนายอยู่แล้ว แต่ที่ฉันแน่ใจว่านายเป็นหัวขโมยก็คือการที่ฉัน กิลฟี่และโซเรนไม่เจอนายอีกเลยนับตั้งแต่พวกเราแยกทางกัน”

“แล้วฉันจะแน่ใจได้ไงว่าเธอสองตัวไม่ใชหัวขโมย กิลฟี่เธอมั่นใจนะว่าดิกเกอร์ไม่ใช่จริงๆ”

“ฉันว่าหัวขโมยต้องเป็นนายทไวไลท์” กิลฟี่ตอบไม่ลังเล “เพราะนายพยายามให้ฉันสงสัยพวกเดียวกันเอง ฉันกล้าพูดได้เลยว่าฉันไม่ใช่หัวขโมยแน่นอน นายจะดึกของฉันออกให้รู้กันไปเลยก็ได้แต่หลังจากนั้นต้องให้ดิกเกอร์ดึกของนายออก”

“ได้สิ” ทไวไลท์ดึงกระดาษของกิลฟี่ออกแน่นอนว่ากิลฟี่ไม่ใช่หัวขโมยจริงๆ

“ที่นี้ฉันก็...” ดิกเกอร์พูดไม่จบก็ต้องตกใจสุดชีวิตเมื่ออยู่ทไวไลท์ก็พุ่งมาที่เขา

*ภาพย้อนหลัง*

“ฉันเป็นหัวขโมยเหรอ” นกฮูกตัวนั้นพูด

“ก็แค่เกมล่ะหน่า” เจลพยายามปลอบใจ

“แต่กำจัดเพื่อนเลยนะ”

“เอาหน่าทไวไลท์” เจลยิ้มแหยๆ “พวกเขารู้ดีว่านี้เป็นแค่เกมอีกอย่างนายคงไม่อยากเสียพิณไปตั้งหนึ่งอาทิตย์ใช่ไหม”

ทไวไลท์เงียบไป พิณคือของรักของเขาถึงต้องกำจัดเพื่อนรักก็ต้องทำ!

*จบภาพย้อนหลัง*

“ใช่นายจริงๆ...” ดิกเกอร์ปีกตก

“ฉันขอโทษ” ทไวไลท์ทำได้แค่นั้นเขาวางกระดาษที่เพิ่งดึกออกจากขาของดิกเกอร์ลง “ฉันขอโทษจริงๆ” ทไวไลท์เดินจากไป...ตอนนี้เหลืออีกสองตัวเท่านั้น!

“กิลฟี่ ดิกเกอร์ OUT กิลฟี่ ดิกเกอร์ OUT” เสียงที่ดังขึ้นทำให้คลัดด์กี้กับโซเรนมองหน้ากัน คลัดด์กี้เพิ่งได้เจอกับน้องชายเมื่อไม่นานมานี้ตอนแรกคลัดด์กี้สงสัยน้องชายของเขาแต่ได้ยินเสียงประกาศชื่อผู้ออกจากเกมความคิดก็เปลี่ยนไป

“ทไวไลท์!” โซเรนอุทานออกมา “เป็นทไวไลท์งั้นเหรอ” โซเรนยังคงไม่เชื่อกับความจริงนี้

“อีกฝ่ายตัวใหญ่สักด้วย ถ้าจะกำจัดเขาพี่ต้องขอความช่วยเหลือจากนายแล้วน้อง...” คลัดด์กี้ยังพูดไม่จบก็ต้องเงียบ...ทไวไลท์!นั้นเอง

เขาได้ปรากฏตรงหน้าของทั้งสอง “สวัสดี” ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงเขาฟังดูน่ากลัวชอบกล

“ทไวไลท์ทำไมนายถึง...” โซเรนยังคงไม่ชเอว่าเพื่อนรักของเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้

“มันไม่เกี่ยวกับพิณ...อาจฟังดูฉันพูดโกหกแต่ฉันพูดจริง...มันเป็นเรื่องของการชนะมากกว่า”

“เพื่อการนั้นถึงแม้ต้องกำจัดเพื่อนก็ยอมเหรอ”

“... ... ...” ทไวไลท์ไม่ตอบแล้วอยู่ๆก็บินหนีไป

“อ่ะ!” คลัดด์กี้อุทานจากคลัดด์ผู้น่ารักกลายร่างเป็นสปาร์ต้าคลัดด์รีบบินตามไปทันที

“พี่คลัดด์รอด้วย!” โซเรนที่สติช้าเพิ่งรู้ตัวและบินตามคลัดด์ไป

“ทำไมน้องทำกับพวกพี่ๆแบบนี้” ภูมิพัฒน์พูดธนิดที่กำลังนั่งคอตก คณะภูมิพัฒน์มานั่งรอที่สภากันครบ

“ผมแค่คิดว่าถ้ากำจัดเร็วก็น่าจะเจอหัวขโมยเร็วขึ้น”

“พี่เข้าใจนะแต่น่าจะถามอะไรสักคำไม่ใช่มาดึงออกเลย” ปิยวรรณพูด

“เอาน่าเด็กก็คือเด็ก” จีรายุพาพูดดูท่าเธอผู้นี้จะไม่เดือดร้อนที่ออกจากเกมเลย

“พูดเป็นผู้ดีไปได้” ปิยวรรณแซว

“แล้วพี่เป็นผู้ดีหรือไง” ภูมิพัฒน์แซวกลับ ปิยวรรณจ้องตาเขียวก่อนจะดึงขนปีกของภูมิพัฒน์ออกมา “โอ๊ะ!” ภูมิพัฒน์ร้องเสียงหลง

“เจ็บเหรอ”

“ก็ใช่...” ภูมิพัฒน์ดูเศร้าลงไปถนัดตา

“กิลฟี่กับดิกเกอร์มาแล้ว” ภัสสร์นภันต์ดูจะดีใจที่ได้เห็นทั้งสอง “เสียดายจังเลยนะ”

“ตั้งใจไปกำจัดกลับถูกำจัดเสียเอง” ดิกเกอร์สีหน้าไม่สู้ดีนัก

“เอาเถอะหน่าก็แค่แค่เกม” ปิยวรรณพูดพร้อมกับดูขนของภูมิพัฒน์ไปด้วย “ขนสวยดีจัง”

“ไม่มีอะไรจะพูดหรือไงพี่” ภูมิพัฒน์ยิ้มแหยๆ “เหลือคลัดด์กับโซเรนถ้าหนึ่งในนั้นถูกกำจัดออกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

ทันใดนั้นปิยวรรณสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเธอรีบวิ่งไปหาทันที “นั้นลูก้าไม่ใช่เหรอ” พจน์ชานนกับจีรายุพาพูดเกือบจะพร้อมกัน

“หือ!?” ลูก้าดูงงๆเมื่ออยู่ๆก็โดนสาวใหญ่ปิยวรรณขว้างทาง “มีอะไรครับ”

“ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ” ปิยวรรณกระซิบข้างหู เหล่าเพื่อนๆที่กำลังมองดูไม่สามารถได้ยินว่าทั้งสองกำลังพูดหรือทำอะไรกันอยู่ “ช่วยเก็บขนนกนี้ไว้หน่อยได้ไหม”

“หา!?” ลูก้าตกใจจนอุทานออกมา

“ช่วยหน่อยเถอะเดี๋ยวจะให้รางวัลทีหลัง” ปิยวรรณรีบส่งขนนกให้ลูก้าแล้วจากมาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะยอมรับหรือไม่ ลูก้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเขามองดูขนนกที่ได้มาเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินต่อไป

ทันใดนั้น... “ทไวไลท์ OUT ทไวไลท์ OUT RACE OVER” เสียงประกาศชัยชนะของทีมไล่ล่าก็ดังขึ้น แน่นอนว่าทุกตัวต่างดีใจที่พวกเขาเป็นฝ่ายชนะแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดทไวไลท์ถึงแพ้

เพื่อการนั้นเราก็ย้อนกลับไปดูสักเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น

คลัดด์ตามทไวไลท์ติดๆ ความโชคร้ายของทไวไลท์เกิดขึ้นเมื่อคลัดด์สามารถจับเขาไว้ได้แต่ทไวไลท์ที่ตัวใหญ่กว่าก็พยายามที่จะกำจัดคลัดด์เช่นกัน โซเรนที่ตามมาทีหลังได้ช่วยคลัดด์อีกแรงจนสามารถดึงกระดาษออกจากขาของทไวไลท์สำเร็จ และด้วยเหตุนี้เองทำให้ทไวไลท์ก็ถูกยึดพิณของรักของเขาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เป็นการปิดเกม

ทีมไล่ล่า (WIN) - ภูมิพัฒน์,ปิยวรรณ,ธนิด,วรฤทัย,ภัสสร์นภันต์,พจน์ชานน,จีรายุพา,คลัดด์,โซเรน,กิลฟี่,ดิกเกอร์

VS

ทีมภารกิจ (LOSE) - ทไวไลท์

Link to comment
Share on other sites

เป็นเกมส์ที่สนุก คนที่เป็นขโมยก็ดูน่าเศร้าจริงๆ เหมือนโดนรุมยังไงก็ไม่รู้... :pika01:

แต่... :pika05:

ช่วยบอกฉันทีว่าคลัดเป็นตัวผู้จริงๆ ไม่งั้นฉันจับ Y แน่ๆนะเฟ้ยเฮ้ย!!  :pika09:

ขนาดแค่เขียนข้อความบรรยายยังทำเขาน่ารักขนาดนี้ ทำเอาเขาจินตนาการไปไกลเลยนะ  :pika02:

ภูมิพัฒน์ X คลัด....

Me/ นอนตาย

Link to comment
Share on other sites

มาอัพต่อแล้วครับ!!!

และแล้วฝันร้ายก็เกิดขึ้น แต่จะเป็นรูปแบบไหนต้องติดตาม!


ช่วยบอกฉันทีว่าคลัดเป็นตัวผู้จริงๆ ไม่งั้นฉันจับ Y แน่ๆนะเฟ้ยเฮ้ย!!

ตัวผู้ 100% ครับวาว่า แต่ถ้าวาว่าจะจับ Y ก็ไม่เป็นไรนะ  :pika01:


~ ช่วงที่ 4 ~

ฝันร้ายที่คาดไม่ถึง!

กลางดึกในคืนนั้นมาทราบภายหลังว่าเป็นเวลาประมาณสามทุ่มตรง คณะภูมิพัฒน์มาที่โพรงของโซเรนเพื่อพูดคุยเรื่องเกมที่ผ่านมา

แต่ยังไม่ทันจะเข้าโพรงพวกเขาก็ได้ยินร้องของทไวไลท์  “พิณฉัน~” เสียงนั้นฟังคล้ายราวกับร้องเพลง “เอาพิณฉันคืนมา~” ทไวไลท์กำลังร้องเพลงจริงๆสักด้วย...

“เลิกบ้าสักทีทไวไลท์อาทิตย์เดียวเองทนเอาหน่อยไม่ได้หรือไง” กิลฟี่พูดด้วยความรำคาญ

“ฉันทนได้แต่ไม่มีพิณเวลาร้องเพลงมันไม่รู้สึกถึงอารมณ์นะสิ”

“ปกติเวลาร้องนายก็แทบไม่ใช้พิณอยู่แล้ว” ดิกเกอร์พูดกลายเหมือนจะบ่น

“จะเข้าไปดีไหมเนี่ย” ปิยวรรณพูดข้างหูภูมิพัฒน์ ถึงเจลจะเป็นฝ่ายกำหนดกติกาทั้งหมดแต่เขาเองก็ไม่ได้จริงจังกับมันมากนักถ้าทไวไลท์อยากได้คืนเจลก็ยินดีคืนให้แต่เพราะราชาโบรอนกับราชินิราน์รานทรงเห็นว่ากฎก็ต้องเป็นกฎจึงไม่อนุญาตให้คืนจนว่าจะครบตามที่กำหนด

“พวกนายมาพอดี” โซเรนทักทายคณะภูมิพัฒน์พวกเขาจึงต้องจำใจเดินเข้ามา “ทไวไลท์เสียใจใหญ่เลย...คิดว่านะ...” ทไวไลท์ที่โซเรนบอกว่าเสียใจกำลังร้องเพลงที่ไม่เข้าใจความหมายสักนิด...เจ้าตัวเสียใจจริงหรือเปล่านะ

“เลิกร้องเพลงสักทีเถอะ!” ดิกเกอร์เริ่มหมดความอดทนทไวไลท์จึงยอมหยุดแต่โดยดี

“แต่หนูว่าพี่ทไวไลท์ร้องเพลงได้เพราะดี” เอกแลนไทน์พูด

“น้องสาวนายรู้จักเพลงดีจริงๆ” ทไวไลท์ดูภูมิใจไม่น้อยส่วนดิกเกอร์สายหน้าเล็กน้อย

“แต่น่าเสียดายนะที่วันหยุดใกล้จะหมดแล้ว” โซเรนพูด จริงของเขาคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของวันหยุดในคืนต่อไปพวกเขาทั้งหมดต้องทำงานก็แต่ละสังกัดต่อไป

ในระหว่างที่ทั้งสองคณะพูดคุยกันอยู่หากมีใครสังเกตสักหน่อยก็คงเห็นว่าภูมิพัฒน์ไม่ได้อยู่แล้ว ต้องขอบคุณคลัดด์ที่เขาสังเกตเห็นเลยแอบเดินออกมาอย่างเงียบๆคลัดด์ไม่เสียเวลามากเลยในการตามหาภูมิพัฒน์เนื่องจากเขายืนอยู่หน้าโพรงนั้นเอง “ทำไมถึงออกมายืนตรงนี้ล่ะ” คลัดด์ทัก

แต่ภูมิพัฒน์ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำเขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “คลัดด์”

“ครับ...” ถึงจะยังไม่เห็นใบหน้าแต่คลัดด์แน่ใจว่าภูมิพัฒน์คงกำลังเศร้าใจมากแน่นอน “เกิดอะไนขึ้น”

“คือว่า...” ในที่สุดภูมิพัฒน์ก็หันมามองคลัดด์ “นายคงไม่ลืมนะว่าพวกเรามาที่นี้เพราะอะไร”

“ค...คือ...” คลัดด์อึ้งไปเล็กน้อยเขาเองก็แทบลืมไปแล้วว่ามาที่นี้เพราะเหตุผลอะไร “ถ้าจำไม่ผิดพวกคุณพาผมมาที่นี้เพราะอยากจะช่วยผม”

“อืม...ใช่” ภูมิพัฒน์เงียบไปพักนึงแล้วพูดต่อ “นายในตอนนี้ก็ดูมีความสุขดี”

“... ... ...” คลัดด์ไม่เข้าใจว่าภูมิพัฒน์ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่เลยฟังต่อไปอย่างเงียบๆ

“ฉันดีใจนะที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของนายจากนกแสกที่ไม่เคยเชื่อฟังใครตอนนี้กลายเป็นนกแสกที่มีความฝันแล้ว”

คลัดด์ไม่แน่ใจว่าเขามีความฝันอย่างที่ภูมิพัฒน์พูดหรือไม่ ทำไมภูมิพัฒน์ถึงพูดเรี่องนี้นะ...

“ในเมื่อทุกอย่างไปด้วยดีก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องช่วยเหลือนายอีก...” ภูมิพัฒน์สบสายตาของคลัดด์ “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้ตลอดไป...”

คลัดด์รู้สึกหนาวไปทั่วทั้งกึ๋นเขาเข้าใจแล้วว่าภูมิพัฒน์ต้องการอะไร มันคือความจริง...ความจริงที่ว่าตอนนี้เขาได้ชีวิตใหม่ที่เขาต้องการแล้วและนั้นได้ทำให้เหล่าพวกภูมิพัฒน์หมดหน้าที่ไปด้วย...ใช่แล้ว...ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป...

“นับตั้งแต่เจอนายที่เกาะคฤหาสน์จนถึงวันนี้ก็เกือบสองเดือนแล้วทางเกาะคฤหาสน์เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ฉันจึงอยู่ที่นี้นานมากไม่ได้ถ้าถูกเรียกตัวกลับเมื่อไรตอนนั้นพวกเราต้องลาจากกันคลัดด์”

“ผมเข้าใจนะ แต่จะทำไงได้ล่ะก็คุณเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอ” คลัดด์ยิ้มเศร้าๆ “ถึงตอนนั้นที่ต้องลาจากกันสัญญานะครับว่าจะกลับมาเยี่ยมกันบ้าง”

“ได้สิเพื่อน” พวกเขาทั้งสองโอบกอดกันเป็นคำมั่นสัญญา แต่พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าวันแห่งการลาจากยังอีกห่างไกล!

อยู่ๆเสียงระฆังดังขึ้นและไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ถึงสี่ห้าครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น” โซเรนเดินออกมาดู

“ทุกตัวรีบไปที่ถ้ำหลบภัยเร็วเข้า!” เสียงอีซิลริบตะโกนมาแต่ไกล

“เกิดอะไรขึ้นค่ะ” มาเรลลาพูดโดยมีน็อกตัสใช้ปีกข้างนึกกอดเธออยู่

“พายุทอร์นาโด! กำลังเข้าใกล้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”

“อะไรนะ!!!” ทุกตัวอุทานหลายแบบตามแบบของแต่ละตัว

“จ...จริงหรือครับ...ล...แล้วต้นไม้...” โซเรนกลัวจนพูดติดอ่าง

“โซเรนใจเย็นก่อนพายุทอร์นาโดลูกนี้ไม่ได้ผ่านตัวต้นไม้ไปแต่ก็ใกล้มากจนน่าอันตรายท่านโบรอนกับบาร์รานกำลังจะประกาศให้รีบหนีแล้ว”

“เอาล่ะเด็กๆรีบไปกันได้แล้ว” น็อกตัสรีบพาคณะโซเรนไปในทันที “พวกเธอก็ด้วยนะ” เขาหันมาบอกคณะภูมิพัฒน์

“ครับ” ภูมิพัฒน์ตอบ ในช่วงนั้นเองที่ลางสังหรณ์หรือเรียกว่าสัญชาตญาณจะถูกกว่าบอกให้เขาทำการบางอย่างซึ่งต่อมาพบว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการสืบสวนคดี “ลุงกันครับ” ภูมิพัฒน์แอบติดต่อด้วยไม่ให้คณะโซเรนเห็นหรือได้ยิน

“ว่าไง” เสียงลุงกันเข้ามาเป็นเสียงที่ตื่นตกใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้น”

“พายุทอร์นาโดครับแต่ไม่เป็นห่วงนะครับ ว่าแต่ลุงกันครับช่วยดูเวลาหน่อยว่ากี่โมงแล้ว”

ลุงกันเงียบไปพักนึก “เวลาตอนนี้ของที่นี้คือเที่ยงตรง...ลุงคิดว่าเวลาทางนั้นคงประมาณเที่ยงคืนตรง”

“ขอบคุณครับเดี๋ยวผมติดต่อไปอีกที”

“ได้ ระวังตัวด้วยล่ะ” หลังจบการติดต่อกับลุงกันภูมิพัฒน์ก็ตามเพื่อนๆและคณะโซเรนไป ถ้ำของที่นี้ดังที่ได้บอกไปแล้วว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งตั้งอยู่บนเกาะที่มีภูเขาล้อมรอบอยู่บริเวณด้านนอกของเกาะ ถ้ำที่ว่าตั้งอยู่ทางทศิเหนือของเกาะทางเข้ามีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ภายในกับกว้างใหญ่มากเล่นเอาคณะภูมิพัฒน์ตกใจเป็นอย่างมาก

“เยอะอย่างนี้เลยเหรอ” ปิยวรรณอุทานเมื่อเห็นเหล่านกฮูกทุกสายพันธุ์มารวมกันที่นี้ ถึงจะเยอะเป็นร้อยๆตัวแต่ก็ยังมีที่วางอีกมาก

“เราใช้ที่นี้เป็นที่หลบภัย” โซเรนอธิบาย “ปกติไม่เคยใช้แต่ตอนนี้คงจำเป็นแล้ว”

“โซเรน!” เสียงนกฮูกตัวนึงเรียก “โซเรนมาทางนี้!” ลูก้านั้นเอง

“พี่ลูก้า!” โซเรนดีใจอย่างมากที่เห็นลูก้า “ปลอดภัยดีนะครับและตัวอื่นๆล่ะ”

“นั้นไง” ลูก้าชี้ไปที่เพื่อนๆในกลุ่มของเขาทั้งไอแซ็ค เคลียร์ โจชัวร์และเอลล์ (นกเค้าใหญ่สีคล้ำ) รวมกลุ่มกันและกำลังตัวสั่นด้วยความกลัว “แต่ฉันยังไม่เห็นเรย์เลย ไม่รู้ไปอยู่ส่วนไหนของถ้ำ” ลูก้าถอนหายใจ

“ควัน!” ภูมิพัฒน์สังเกตเห็นควันอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย “ดีจริงๆที่นายอยู่นี้”

“ครับเกือบไม่ทันเหมือนกัน” ควันยิ้มแต่ก็ยังปิดสีหน้าของความกลัวได้ไม่หมด

“เอาล่ะทุกตัวอยู่กันครบนะ” เสียงราชาโบรอนดังขึ้น เนื่องจากไม่มีใครตอบกลับเขาจึงพูดต่อ “โอเคงั้นพวกนายเฝ้าทางเข้านี้ไว้” ราชาโบรอนให้ทหารสามถึงสี่ตัวเฝ้าทางเข้าออกไว้...บัดนี้ถ้ำนี้ถูกปิดตายแล้ว...

“หนูกลัว...” เอกแลนไทน์พูดขณะอยู่ในกอดของโซเรน

“ไม่ต้องกลัวพี่อยู่นี้แล้วพ่อแม่คุณนายพีก็อยู่ด้วย”

“ใช่แล้วไม่ต้องกลัวนะเอ๊ก” คลัดด์พูดก่อนเข้าช่วยกอดเอกแลนไทน์อีกตัว ภูมิพัฒน์มองภาพนั้นแล้วยิ้มเล็กน้อย

ไม่มีใครอยู่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนกว่าพายุจะสงบมารู้ตัวอีกทีเสียงทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบแล้ว

“พายุผ่านไปแล้ว” อีซิลริบที่เดินออกไปดูเดินกลับเข้ามาบอกข่าวดีที่ทุกตัวอยากได้ยิน

“อาจมีความเสียหายตามโพรงต่างๆของให้ทุกตัวดูแลให้เรียบร้อยด้วยพวกเราจะช่วยอีกแรง” ราชินีบาร์รานพูด เหล่านกฉุกแต่ละตัวเริ่มบินออกจากถ้ำ

“ทุกตัวไม่เป็นไรนะ” โซเรนพูด

“คิดว่าโอเคอยู่” กิลฟี่พูด

“พี่ลูก้าไม่เป็นไรนะครับ” โซเรนหันไปมองลูก้าดูเหมือนเขากำลังจะบินออกไปแต่กลับถูกเรียกสักก่อนเลยหันกลับมา

“ไม่เป็นไร” ลูก้าตอบ “ดูเหมือนเพื่อนๆของฉันก็เช่นกัน”

ทางด้านของภูมิพัฒน์เขากำลังติดต่อลุงกันอีกครั้ง “คุณลุงครับ” เขาพยายามพูดเสียงเบาเพื่อไม่ให้ใครสงสัย “ตอนนี้กี่โมงครับ”

“ตอนนี้ประมาณบ่ายโมงตรง” เสียงลุงกันตอบกลับมา

ถ้าเป็นอย่างนั้นเวลาของที่นี้ก็คือตีหนึ่งพายุนั้นใช้เวลารวมหนึ่งชั่วโมงในการมาแล้วจากไป “ขอบคุณครับลุง” ภูมิพัฒน์ตัดการติดต่อ เขามองเพื่อนๆของเขารวมถึงคณะโซเรนดีจริงๆที่ทุกอย่างเป็นปกติดี

แต่...ทั้งที่คิดแบบนั้นแล้วแท้ๆ ทันใดโดยไม่มีใครคาดฝัน...

“กรี๊ด~!!!!” เสียงร้องอันน่าตกใจดังขึ้นจากบริเวณนึงของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก่อนตามมาด้วยเสียงเอะอะบางอย่าง

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ธนิดพูดสีหน้าบอกได้ถึงความกลัว

“รีบไปดูกัน” ภูมิพัฒน์บินนำทั้งสองคณะพวกเขาทั้งหมดบินตามเสียงที่ได้ยินจนพบว่าสถานที่คือห้องเรียนของสังกัดสู้รบ

“เกิดอะไรขึ้น” ภูมิพัฒน์เห็นนกฮูกหลายตัวยืนนิ่งราวกับหินสีหน้าซีดจนดูเหมือนไม่มีเลือด “เกิดอะไร...” ภูมิพัฒน์ยังพูดไม่จบเขาพบคำตอบอยู่ตรงหน้า

“เกิดอะไรครับพี่” ธนิดกำลังจะเข้าดู

ทว่าภูมิพัฒน์รีบขว้างสักก่อน “ไม่ได้! อย่ามอง! โซเรนกันอย่าให้เอกแลนไทน์เข้ามา!”

ปิยวรรณพอได้ยินก็รีบกอดธนิดไว้ทันที ส่วนโซเรนก็กันน้องสาวไว้ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภูมิพัฒน์ทำใจมองไปดูอีกรอบ...

บัดนี้คดีโศกนาฏกรรมนองเลือดได้เริ่มต้นด้วยตัวของมันเอง... ร่างนกแสกตัวนึงนอนหงายบริเวณด้านหน้าห้องเรียนสังกัดสู้รบตรงอกมีแผลเหมือนถูกของมีคมแทงหลายจุดไม่ต้องบอกก็คงรู้...นกแสกตัวนั้นตายแล้ว!

“ไม่จริง!” เสียงร้องของเคลียร์ดังขึ้น “เรย์! เรย์ตายแล้ว!” เคลียร์ร้องไห้โฮ ภูมิพัฒน์มองเคลียร์ด้วยความตกใจนกแสกตัวนั้นหรือคือเรย์!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ภูมิพัฒน์รู้สึกได้ว่าฝันร้ายที่สุดของชีวิตได้ก่อตัวขึ้นแล้ว!

Link to comment
Share on other sites

Climax Jump!!!

เหตุการณ์น่าตื่นเต่นเข้ามาอีกแล้ว! หลักจากที่อยู่สุขสบาย จิน Y กันเสียนาน อา...

เริ่่มมาด้วยศพนี้น่าขนพองสยองกล้าแฮะ ใครกันนะที่เป็นหนอนบ่อนไส้กัน...

Link to comment
Share on other sites

คดีฆาตกรรม!!! ว๊ากกก!!! จากนิยายแฟนตาซี ไปสู่นิยาย Y แสนสุข แล้วก็มาเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนต่อ!!

นิยายเรื่องนี้มีครบเครื่องทุกรสชาติจริงๆ! ท่านไมยาเตะแต่งบทสืบสวนและคดีฆาตกรรมได้ยอมเยี่ยม มีเหตุและผลสมเหตุมากเลยครับ!!

อดรอติดตามชมตอนต่อไปแทบไม่ไหวแล้วนะเนี้ย!!

ปล.นายแน่มากคุณพระเอก!!

Link to comment
Share on other sites

  • 5 weeks later...

คดีฆาตรกรรม ศพที่เคลื่อนย้ายอย่างไร้ร่องรอย...หรือว่าศพจะเคลื่อนย้ายตัวเองก่อนที่ตนจะตายกันนะ...  :pika04:

คดียังไม่ทันคลาย ผู้ต้องสงสัยหายสาปสูญ และสงครามก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว...  :pika05:

จะสนุกและน่าติดตามขึ้นไปถึงไหนกันนะเรื่องนี้!!!  :pika03:

Link to comment
Share on other sites

Guest
This topic is now closed to further replies.
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.