Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[Fiction] Chaos SAGA "วังวนแห่งความยุ่งเหยิง ~ผลึกโอราเคิล ภาค 1~"


Retia Adolf

Recommended Posts

Chaos SAGA "วังวนแห่งความยุ่งเหยิง ~ผลึกโอราเคิล ภาค 1~"

....นับแต่ครั้งอดีตกาลมาแล้ว... โลกถูกแบ่งออกเป็น 3 ภพด้วยกัน คือ สวรรค์,โลก,โลกบาดาล ทั้ง 3 ภพได้ซ้อนทับกันอยู่ในรอยต่อของมิติ มีเพียงผู้มีพลังมากพอเท่านั้นจึงจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างทั้ง 3 ภพได้...  เมื่อ 2 พัน ปีก่อน.. ได้เกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์ขึ้น... เทพและมาร ต่างคัดเลือกเหล่ามนุษย์ที่มีความสามารถมาเป็นทหารเวทมนตร์ เพื่อใช้เข้าต่อสู้ในสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์.. ด้วยพลังแห่ง "ผลึกโอราเคิล" สีดำและขาว จะสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นสุดยอดจอมเวทย์ หรือ "มาเกีย" ได้...

สิ้นสุดสงคราม ผลึกทั้ง 2 ถูกทำลายลง... เศษซากของมันกระจัดกระจายไปทั่วรอยต่อระหว่างมิติต่างๆ... แต่ทว่า... ใครบางคน พยายามที่จะรวบรวมมัน.. และโปรยบางส่วนลงมาสู่โลก... ความวุ่นวาย.. จึงบังเกิดขึ้น...

---------------------------------

ถือซะว่าเป็นเพลงเปิดแล้วกันนะ.....

Link to comment
Share on other sites

Stage 1 - ปีศาจดำแห่งฟูจิวาระ

โรงเรียนมัธยม ฟูจิวาระ

ห้อง A เวลา 12.00 น.

“ทั้งหมด! ทำความเคารพ!”

เสียงของหัวหน้าชั้นเรียนดังขึ้นจากห้องเรียนห้องหนึ่ง พร้อมด้วยเสียงลุกพรวดพราดของเหล่านักเรียน ก่อนที่คุณครูจะเดินออกไปจากห้อง เป็นสัญญานของช่วง  ‘พักกลางวัน’ ที่หลายคนรอคอย

“นี่ๆ โคโตมิ ขอทานด้วยคนนะจ๊ะ” นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะลุกเดินมายังโต๊ะของหัวหน้าห้อง พร้อมกับข้าวกล่องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อื้อ ได้สิ” หัวหน้าห้องเองหลังจากอนุญาติก็ก้มตัวลงไปหยิบข้าวกล้องของตนที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าสีชมพูลายดอกซากุระขึ้นมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับบรรจงแกะผ้าที่ห่อออกอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูห้อง ทำหน้าทั้งสองหยุดและหันไปมองยังต้นเสียงอย่างสงสัย

“เอ่อ! คุณอาคิโมโตะครับ… ผมมีเรื่องจะขอคุยด้วยหน่อยนะครับ…” ชายหนุ่ม ผมเรียบในชุดนักเรียนสีดำมองมายังโคโตมิ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“เอ๋? ซาคาวะคุง จากห้อง B นี่นา มีอะไรงั้นเหรอ?” โคโตมิเอ่ยถามอย่างสงสัย

ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเข้ามาหยุดอยู่ไม่ห่างจากโคโตมิ ด้วยสีหน้ากล้าๆกลัวๆ

คุณอาคิโมโตะ… ช่วยรับสิ่งนี้ไว้ด้วยครับ!!!” ชายหนุ่มตะโกนขึ้นราวกับเค้นความกล้าทั้งหมดออกมา ก่อนที่จะยื่นซองจดหมายสีชมพูให้แก่โคโตมิ ด้วยมือที่สั่นเทาไปด้วยความตื่นเต้น

โคโตมิ กระพริบตาอย่างสงสัย ก่อนที่ทำท่าจะยื่นมือเข้าไปรับจดหมายมา แต่ทว่า… ฝันของชายหนุ่มก็ต้องสลายไปพริบตา เพราะมีเสียงหนึ่งมาขัดเข้า…

“งั้นฉันขอรับไว้เลยแล้วกันนะ!”

ทันใด มือหยาบก็เอื้อมมาจากด้านหลัง แล้วกระชากซองจดหมายออกจากมือของชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว เขาตกใจ ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง ก่อนที่จะพบว่า… ยมทูตมารอเด็ดวิญญาณเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว…

ตรงหน้าของเขา… ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำตาลชี้ฟู พร้อมด้วยนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูไม่สบอารมณ์นัก กำลังยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขาถึงกับอุทานออกมาทันที…

“ปะ..ปะ…. ปีศาจ.. สีดำแห่ง…ฟูจิวาระ….” ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก… จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ในเมื่อชายตรงหน้าเขานี้ คือเจ้าของฉายา ‘ปีศาจแห่งฟูจิวาระ’ หนำซ้ำยังเป็นพี่ชายแท้ๆของ เด็กสาวที่เขาแอบชอบเสียอีก…

“ไหนดูสิ…” เจ้าปีศาจ ทำท่าจะเปิดซองจดหมายออกอ่าน แต่ทันใดนั้นเอง…

ขอโทษคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!!

ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกรีดเสียงโหยหวนอย่างน่าเวทนาก่อนที่เสียงนั้นจะจางหายไปในอีกสักครู่หนึ่ง…

“โธ่! พี่ก็! บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่มีธุระ อย่ามาที่ห้องนี้น่ะ….” โคโตมิเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะมองไปรอบห้อง ที่เพื่อนร่วมชั้น ต่างพากัน ถอยหลังติดกำแพงพร้อมจ้องมองมาอย่างพ่อปีศาจสีดำเป็นสายตาเดียวกัน…

“หึ!” เจ้าปีศาจทำท่าไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะเก็บซองจดหมายนั่นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะหยิบใบอะไรบางอย่างออกมาให้กับเด็กสาวตรงหน้า

“ก็นี่แหละธุระ”

“เอ๋? ใบลางั้นเหรอ? จะไปไหนเหรอคะพี่?” โคโตมิเอ่ยถามอย่างสงสัย

“กะว่าจะโดดคาบบ่ายซะหน่อยนะ ยังไงก็ฝากให้อาจารย์ด้วยแล้วกันนะ” เจ้าปีศาจ วางใบลาลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป โดยไม่สนใจเสียงของน้องสาวสุดที่รักที่ตะโกนไล่หลังมาเลยแม้แต่น้อย

เดี๋ยวก่อนสิคะพี่!! ที่ว่าจะโดดนี่! พี่คะ!!

แม้จะตะโกนไล่หลังไป ก็ไม่มีท่าทีจะหันหลังกลับมาฟัง สาวเจ้าเลยได้แต่ถอนหายใจ และนั่งลงอย่างปลงๆ

…..

……..

ณ รั้วโรงเรียน

“นี่เธอ! จะทำอะไรน่ะ?”อาจารย์วัยกลางคนหัวล้านหน่อยๆ ตะโกนถามขึ้น ขณะที่เจ้าปีศาจ จ้องมองไปยังกำแพงโรงเรียน ที่สูงกว่า 3 เมตร ตรงหน้าอยู่พักหนึ่งแล้ว

“กะจะโดดซักหน่อยนะ.. วิชาเรียนวันนี้มันน่าเบื่อเกินไป…” เจ้าปีศาจเอ่ยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ว่าเรื่องที่เธอจะโดดหรอกนะ แต่นี่มันกำแพงสูง 3 เมตรนะ! เธอจะโดดไปได้ยังไงกัน?”

หุบปากเหอะน่า! มีปัญหารึไง!” เจ้าปีศาจตะโกนขึ้นพร้อมหันมามองด้วยใบหน้าดุดัน ราวกับราชสีห์แยกเขี้ยว นั่นทำให้อาจารย์คนนั้น ถึงกับถอยหลังไป 2 ก้าวด้วยความกลัวที่เกิดขึ้น

ทันใด! เจ้าปีศาจ ก็พุ่งตัวเข้าใส่กำแพง ฝ่าเท้ากำยำ ยกขึ้นสูง พร้อมกับเหยียบลงบนกำแพงเสียงดังลั่น ส่งแรงดันให้ร่างสูงใหญ่ ลอยตัวขึ้นไปกว่า 2 เมตร! ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งคว้าขอบกำแพงที่ไร้ซึ่งการป้องกันเอาไว้ พร้อมดันตัวยกขึ้นเหนือกำแพง ก่อนที่จะกระโดดลงสู่พื้นถนนตรงหน้า อย่างรวดเร็ว!

ท่ามกลางสายตาที่อึ้งกิมกี่ของผู้คนเดินถนน และครูบาอาจารย์ที่เห็นเหตุการณ์ ทุกคนต่างหยุดนิ่งทุกอย่าง จ้องมองมายังชายหนุ่มที่คุกเข่าลงบนพื้นราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้…

เจ้าปีศาจลุกขึ้นช้าๆ มือทั้ง 2 ข้างยกขึ้นมาล้วงกระเป๋า ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไม่สนใจใคร…

………

….

“นี่ๆ คน คนนั้นน่ะ  ใช้ อาคิโมโตะ อากิระ ที่อยู่ห้อง F หรือเปล่า?”เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ขณะที่ทั้งเธอและโคโตมิ กำลังรับประทานข้าวกล่องอย่างมีความสุข

“อื้อ พี่ชายฉันเองแหละ” โคโตมิเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบไส้กรอกปลาหมึกเข้าปากด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ไม่น่าเชื่อเลยนะ… ว่าผู้ชายที่คนทั้งโรงเรียนหวาดกลัว กลับมาเป็นพี่ชายของ โคโตมิจัง ที่เป็นนักเรียนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เนี่ย…”เด็กสาวคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง มันทำใหโคโตมิหัวเราะเล็กๆ

“แหมๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก…” หลังจากพูดตอบกลับไปอย่างเขินๆ เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าครุ่นคิดอะไรอยู่ “ถึงแม้ว่า.. เขาจะเป็นนักเลงที่ทุกคนหวาดกลัว… แต่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ..”

……..

….

ขณะที่เจ้าปีศาจหัวฟู เดินล้วงกระเป๋าไปตามริมขอบฟุตบาต อยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง… ดังขึ้นจากถนนตรงหน้า

ไม่ได้นะ จิซึรุ!! อันตราย!

เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเสียงบีบแตรลั่น ทำให้เขาผงะ เมื่อบนถนนนั้น รถตู้คันหนึ่ง กำลังพุ่งเข้าหา เด็กสาววัย 6 ขวบ ที่กำลังกอดลูกแมวอยู่กลางถนน!

……..

….

“ยังไงน่ะ ฉันว่าหมอนั่นน่ะแข็งกระด้าง แล้วก็น่ากลัวที่สุด… แค่มองหน้าก็ขนลุกแล้ว….”

“นั่นเพราะเธอยังไม่รู้จักเขายังไงล่ะ…” โคโตมิพูดพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดี

“เพราะว่าพี่น่ะ.. เป็นคนที่อ่อนโยนมากๆเลยล่ะ…  คอยเป็นห่วงฉันตลอดเวลา เวลาเห็นใครเดือดร้อนก็ต้องวิ่งเข้าไปช่วยก่อนสิ่งอื่นใดเลยล่ะ”

………

……

เพียงชั่วพริบตา… ชายหนุ่มกระทืบเท้าลงพื้นสุดแรง ส่งแรงดีดพุ่งเข้าไปหาเด็กสาวอย่างรวดเร็ว! มือข้างหนึ่งโอบเข้ากอดร่างเล็กไว้แน่น ก่อนที่ขาและแขนจะช่วยกันดันตัวให้พุ่งออกจากวิถีชนของรถตู้คันนั้นได้อย่างปฏิหาริย์!!

“เฮ้ย! อยากตายรึไงวะ!!” เสียงคนขับรถตู้ตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่จะรีบเร่งความเร็วหายไป…

เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ชายหนุ่ม ที่ล้มลงนอนถไลกับพื้นเมื่อครู่ ก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากร่างที่สั่นเทาของเด็กสาวอย่างช้าๆ โดยมีแม่ของเด็กสาว ที่วิ่งเข้ามาโอบกอดลูกของตนทั้งน้ำตา…

“จิซึรุ! แม่นึกว่าจะเสียลูกไปซะแล้ว… ขอบคุณพระเจ้า… ขอบคุณ..”

ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นปัดตัวเล็กน้อย

“ขอบคุณจริงๆนะคะ ที่ช่วยจิซึรุของฉันไว้ได้ ไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดีแล้ว ขอบคุณจริงๆนะคะ…” แม่ของเด็กสาวกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา มันทำให้ชายหนุ่มหนักใจเล็กน้อย แต่เขาได้แต่ก้มหน้าและตอบไปเบาๆ…

“เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ” ‘เจ้าปีศาจ’ เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากบริเวณนั้น ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังเขาอย่างไม่เชื่อสายตา…

“เมื่อกี้เห็นรึเปล่าน่ะ? เด็กคนนั้นพุ่งตัวมาจากฟุตบาตอีกฝั่งหนึ่ง ไปช่วยเด็ก มายังฟุตบาตฝั่งนี้ ใช้เวลากี่วินาทีน่ะ?”

“เร็วแบบนั้นน่ะ ไม่ใช่คนหรอก… ปีศาจชัดๆ…”

ชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงนินทาเบาๆจากคนแถบนั้น ก็หยุดกึก ก่อนที่จะก้มหน้าเดินต่อไปด้วยท่าทีดูเศร้าเล็กๆ….

…….

…..

ท่ามกลางอาทิตย์อัสดง ที่สาดแสงสีส้มลงมาบนพื้นดิน ‘เจ้าปีศาจ’ จ้องมองไปยังโกดังร้างแห่งหนึ่ง พร้อมกับกางแผนที่หยาบๆในกระเป๋ากางเกงออกดูด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ เดินเข้าไปถีบประตูเหล็กให้เปิดออกในทันที!

ภายในนั้น สิ่งที่รอเขาอยู่ คือกลุ่มวัยรุ่นราวๆ สิบกว่าคน ที่รอคอยทักทายตัวเขาอยู่…

โห! ไม่นึกเลยว่า ไอ้ลูกแหง่ติดน้องจะกล้ามาตามคำท้าด้วยว่ะ!” เสียงของตัวหัวหน้าดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของคนอื่นๆที่อยู่ในห้อง

“พวกแกเองสินะ ที่เอากระเป๋าของฉันไป ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นพวกปี 3 นะเนี่ย…”เจ้าปีศาจ เอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะเล็กๆ

“แกนั่นแหละ หุบปากไปเลย ได้ข่าวว่า 2 ปีที่แกย้ายมาเรียนที่นี่ ซ่านักใช่ไหมวะ? คิดจะลบชื่อแก๊งค์ของพวกเรารึไง? อย่านึกว่าแค่พวกเราถูกพักการเรียน จะมาหยามกันได้ง่ายๆนะเว้ยไอ้น้อง!!”หัวโจก พูด ก่อนที่จะโยนกระเป๋าเป้สีดำใบใหญ่ลงมากองบนพื้นตรงกลางห้อง… เจ้าปีศาจ ไม่สนใจรอบข้างว่าจะมีพวกมันค่อยๆล้อมกรอบเข้ามา กลับเดินเข้าไปตรงกลางห้องและหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

“เอาล่ะ! หมดธุระของฉันแล้ว ขอตัวกลับล่ะนะ!”เจ้าปีศาจค่อยๆพูดขึ้น พลางหลับตาและยกมือขึ้นลา ก่อนที่จะทำทีหันหลังกลับ

“เดี๋ยวก่อน! ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างหายไปนะ?”

เสียงนั้นหยุดเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันไปมอง ก็พบข้าวกล่องที่ถูกห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าสีฟ้า นั่นทำให้เขาจ้องมองไปยังข้าวกล่องนั่นตาเขม็ง!

โคตรแต๋วเลยว่ะ ดูข้าวกล่องมันสิ ฮ่าๆๆๆๆ” หลังจากพูดจบ พวกมัน ก็โยนข้าวกล่องนั้นลงพื้น… ผ้าที่ห่ออยู่หลุดออก ข้าวกล่องที่น้องสาวสุดที่รัก บรรจงจัดเรียงให้ในตอนเช้า หกเละเทะอยู่บนพื้น ราวกับมันเป็นสิ่งไร้ค่า….

ทันใด… เขาปลดกระเป๋าที่สะพายอยู่ลงพื้น พร้อมมองตาขวางไปยังหัวโจกที่นั่งอยู่บนท่อตรงมุมห้องด้านหน้าเขา…

“เป็นอะไรไปวะ? หรือว่ามีอารมณ์จะสู้ขึ้นมา? เสียใจว่ะ พวกกูไม่ชอบแบบยุติธรรมซะด้วยสิ”

ทันใด เหล่านักเลงที่ล้อมกรอบเขาเอาไว้ก็เริ่มหยิบอาวุธออกมา ทั้งท่อน้ำขึ้นสนิมขนาดเมตรกว่า.. ทั้งมีดพร้า ยาวเท่าแขน ไปจนถึง ดาบคาตานะ ทั้งหมดถูกจัดเตรียมเพื่อฉากการตายสุดสยองของเจ้าปีศาจโดยเฉพาะ

“หึ! น่าสนุกดีนี่….” เจ้าปีศาจพูดพรางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ทันใด! งานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น!!

………………….

…….

บ้าน อาคิโมโตะ

เวลา 19.00 น.

“กลับมาแล้ว” เสียงทักทายครั้งแรก หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ดังขึ้นจากประตู ใช่แล้ว ‘เจ้าปีศาจ’ เดินเข้าประตูบ้านมาด้วยท่าทีเนือยๆ

“โธ่! พี่หายไปไหนมา รู้ไหมว่าหนูเป็นห่วงขนาดไหน?” โคโตมิ ในชุดผ้ากันเปื้อน รีบวิ่งมาหาพี่ชายของตนที่หน้าประตู ด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้ในมือจะยังถือช้อนคนอยู่ก็ตาม

“จ้าๆ เดินเล่นเพลินไปหน่อยน่ะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จจะขอไปเดินเล่นต่ออีกสักหน่อยนะ” อากิระเอ่ยขึ้นพลางเดินผ่านน้องสาวของตน ตรงไปยังห้องอาบน้ำอย่างเนือยๆ

“เอ๋? จะออกไปอีกแล้วเหรอคะ? หนูอุตส่าห์ทำแกงกะหรี่สูตรเด็ดรอเลยนะ”โคโตมิ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีซึมเล็กๆ แต่เธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อฝ่ามือใหญ่ถูกวางลงบนหัวของเธออย่างอ่อนโยน…

“ไว้พี่จะรีบกลับมากินนะ โคโตมิ” อากิระเอ่ยขึ้น พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้แก่น้องสาวของตน พร้อมลูบหัวของโคโตมิอย่างแผ่วเบา แค่นั้นก็ทำให้ใบหน้าของโคโตมิถูกอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความอบอุ่น…

แต่ทันใด… ข่าวในทีวีก็ฉายอะไรบางอย่างออกมา

ข่าวด่วนค่ะ เกิดเหตุที่โกดังเก็บสินค้าที่ 3 ได้มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ ถูกฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยม.. เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของคู่อริต่างถิ่น แต่ทางการยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ค่ะ

“อ่า… เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ!”

เจ้าพี่ชายตัวร้าย รีบวิ่งแจ้นเข้าไปในห้องน้ำทันที โดยไม่ปล่อยโอกาสให้น้องสาวสุดรัก ได้ถามอะไร แม้เธอจะพอเดาได้ก็ตาม…

“เฮ้อ.. พี่ชายของฉันเนี่ย… บ้าที่สุดเลย”

โคโตมิ ถอนหายใจและพูดเบาๆด้วยรอยยิ้ม

โปรดติดตามตอนต่อไป…

Link to comment
Share on other sites

อ่านจนจบแล้ว สนุกดีนะ พอนึกภาพตามเป็นอนิเมะ  :pika01:  ส่วนการวิจารณ์ ผมไม่ขอวิจาณรือะไรทั้งสิ้นครับ เพราะจินตนาการออกจนหมด

Link to comment
Share on other sites

Stage 2 - ปีกสีขาวที่ร่วงหล่น

เวลา 20.00 น.

ท่ามกลางรั้วบ้านแบบญี่ปุ่นที่เรียงรายอยู่ 2 ข้างถนน  ชายหนุ่มในชุดไปรเวทสีดำ เดินล้วงกระเป๋าอย่างช้าๆ ไปตามขอบถนนเล็กๆแคบๆ อันเงียบสงัดนี้

ชายหนุ่มไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว.. ที่เขารู้สึกหลงไลความเงียบสงบในยามค่ำคืนของเขตนี้… แม้ยังพอมีแสงไฟสลัว สาดลงมาจากเสาไฟประปรายก็ตาม แต่พื้นถนนบางจุดก็มืดสนิทอย่างน่าฉงน

“เฮ้อ.. คอแห้งจังแฮะ” ชายหนุ่มผมฟูเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าใสจ้องมองไปยังตู้กดน้ำสีขาวรายแดง ที่ตั้งเด่นตระหง่าน อยู่ใต้เสาไฟกล้ๆกับร้านขายของชำที่ปิดมาได้สักพักแล้ว…

ระหว่างที่กำลังล้วงกระเป๋าหาเศษตังค์อยู่นั้น… เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง… ทำให้เขาถึงกับหยุดชะงัก และมองไปรอบๆตัวด้วยท่าทีตื่นๆ…

ทันใด! วงแหวนเวทตร์สีฟ้าก็ขยายผ่านพื้นใต้เท้าของเขาไปแทบจะในพริบตา! ชายหนุ่มสังเกตุเห็นลายรูปอักขระโบราณที่ถูกเขียนเอาไว้บนวงแหวนนั้น เพียงชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไปเฉยๆ…

“เมื่อกี้มัน.. อะไรน่ะ?” เขาได้แต่พูดกับตัวเอง ด้วยความสงสัยที่พรั่งพรูเข้ามาในหัว แต่แล้วทันใด… บางสิ่งก็เกิดขึ้น…

เสียงบางอย่าง ดึงดูดความสนใจของเขาจากด้านหลัง.. ซึ่งที่ปรากฏออกมา คือสิ่งที่ทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตา.. เพราะสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือ ร่างของเด็กสาว เรือนผมสีฟ้าอ่อนเป็นประกายยาวถึงต้นขา ผิวขาวสะอาดราวไข่มุก  ถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าสีขาวโปร่ง ประดับขอบสีทองราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย นั่งขดตัวอยู่ในขนนกสีขาวที่ห่อหุ้มร่างกายอันบอบบางเอาไว้ภายใน..

ขนนกสีขาว ค่อยๆหลุดร่วงออกมาอย่างช้าๆ ร่างบริสุทธิ์ค่อยๆยื่นขาเรียวเล็ก ลงมาเหยียบพื้นดินอย่างแผ่วเบา… โดยมีวงแหวนเวทย์สีขาวขนาดเล็ก ขยายออกมารองรับเท้าเล็กๆทั้ง 2 ข้าง ทันใดที่ร่างบางเปิดตาขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าบริสุทธิ์ จ้องมองไปยังร่างสูงตรงหน้า ด้วยสายตาลอยๆ เหมือนกับเด็กสาวที่เพิ่งตื่นนอนในยามเช้า…

ทั้ง 2 จ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่มีใครพูดอะไร แต่ทันทีที่แสงสว่างที่ปรากฏขึ้นรอบๆตัวของเธอวูบดับไป.. ร่างบางก็ทำท่าจะล้มลง ส่งผลให้ร่างสูง ต้องรีบพุ่งเข้าไปพยุงร่างของเธอเอาไว้!

“นี่! เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ? นี่!” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียก แต่ร่างบางดูไร้เรี่ยวแรงเกินกว่า จะตอบกลับ ทำให้เขาพยายามเขย่าร่างเธออย่างระมัดระวัง

ขณะ ที่ชายหนุ่มกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรดี จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นที่มุมถนนอีกด้านหนึ่ง… ทันที ที่เขาหันไปมอง ร่างที่ปรากฏออกมา ก็คือร่างของ ชายสองคน ทั้งคู่สวมชุดผ้าสีขาวขอบสีทอง ผสมด้วยเกราะบางสีขาว พวกเขาสวมหมวกผ้าทรงสูงปิดบังใบหน้า ในมือถือหอกสีขาว ด้ามจับยาวเมตรครึ่ง ในสภาพนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ขณะที่ขนนกรอบๆตัวค่อยๆสลายไป…

แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่าง ที่แผ่ออกมาจากชายสองคนนั้น และมันทำให้เขาไม่ไว้ใจเอาเสียเลย…

“ดูท่า Ares Field จะไม่ได้ผลซะแล้ว.. พวกไกอายังเคลื่อนไหวได้อยู่เลย…”

“Ares Field? ไกอา?” ชายหนุ่มพูดอย่างสงสัย และไม่เข้าใจ แต่ทว่า เขาก็อุ้มร่างบางนั้น ลุกขึ้น ด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ ชายสองคน ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ…

“พวกไกอาสกปรก.. ปล่อยมือออกจากองค์หญิงของพวกเราซะ.. แล้วพวกเราจะไว้ชีวิต” คำพูดของชายคนหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มถึงกับผงะ และได้แต่ก้มลงมองร่างบางในอ้อมแขนอย่างสับสน

ร่างเล็กบอบบางของเด็กสาววัยสิบสี่.. ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ กำลังขยับอย่างแผ่วเบา ราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง…

“ยะ… อย่า.. อย่าส่งตัวเรากลับไป.. นะ…” เด็กสาวเอ่ยอย่างแผ่วเบา นิ้วมือเล็ก ขยำเสื้อของชายหนุ่มแน่น ราวกับต้องการให้ชายหนุ่มปกป้องตน…

“ไม่รู้อะไรล่ะ! แต่ดูเหมือนเด็กคนนี้จะไม่อยากกลับไปนะ!” ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยขึ้น แต่ดูท่าว่าเขาจะทำให้ ชายทั้งสองคนดูไม่พอใจอย่างยิ่ง

แก! บังอาจเรียกองค์หญิงว่า ‘เด็กคนนี้’ งั้นเหรอ?? อภัยให้ไม่ได้ ไอ้เจ้าพวกไกอาสปกรก!!” ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามา ในมือของเขาง้างหอกขึ้นด้านบน ทำท่าจะฟาดเข้าใส่ชายหนุ่มสุดแรง!

ในสภาพที่อุ้มร่างของเด็กสาวเอาไว้นั้น ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจจะยกมือขึ้นปัดป้องใดๆ ได้ เขาก้มตัวลงเพื่อใช้แผ่นหลังรองรับแรงกระแทกแทน! แต่ทว่า! เสียงฟาดดังลั่น กลับไม่กระทบตัวเขาเสียอย่างนั้น!

ชายหนุ่มที่สงสัย เงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือ กำแพงใสทรงมน สลักลายอักระโบราณเอาไว้ กั้นระหว่างตัวเขา กับหอกสีขาวที่ฟาดลงมานั้น ชายคนนั้นทำท่าตกใจ ก่อนที่จะกระโดดถอยหลังออกไป พลางกัดฟันเล็กๆ

“ไม่น่าเชื่อ.. องค์หญิงช่วยมันงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับช็อค เขาก้มลงมองเด็กสาวในอ้อมกอดพร้อมด้วยคำถามที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวอีกครั้ง เด็กคนนี้น่ะเหรอที่ช่วยเขาเอาไว้?

“หึ! ไม่นึกเลยว่าองค์หญิงจะยื่นมือไปช่วยชีวิตเจ้าไกอาสกปรกพรรนั้น!” แม้ว่าจะยังสับสนอยู่ หลังจากได้แต่ฟังมานาน ในที่สุดชายหนุ่มก็แสดงใบหน้าดุดัออกมาอีกครั้ง พร้อมกับตะโกนเข้าใส่ทั้งสองราวกับราชสิงห์คำราม!

หนอย! คำก็สกปรก! สองคำก็สกปรก!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!

ทันทีที่ชายหนุ่มตะโกนออกมา ออร่าสีดำอมม่วงก็ค่อยๆแผ่ออกมาจากตัวของเขา ด้วยท่าทีโกรธจัด.. แต่ทว่า ออร่านั้นกลับทำให้ทั้งสองถึงกับตกใจ

“อะไรกัน! ออร่าแบบนั้น!”

“เจ้านั่น… ไม่ใช่ไกอาแล้ว!”

จะใช่หรือไม่ใช่อะไร มันเป็นทางเลือกของฉัน!! พวกแกนั่นแหละหุบปากไปซะ!!!” ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้น พลางใช้มืออีกข้างโอบร่างบางเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ทันใด! มือข้างที่ยกขึ้นก็ปรากฏลูกบอลพลังงานสีดำอมม่วงที่ดูดพลังงานรอบตัวเข้ามารวมอยู่ที่กลางฝ่ามือของเขา!

“เสร็จกัน!”ชายคนหนึ่งเอ่ยปากอย่างตกใจ ในขณะที่อีกคน สบถเบาๆ ก่อนที่จะกางปีกออกมาห่อหุ้มร่างของตน ในชั่วพริบตาต่อมา ร่างของชายคนั้นก็หายไป ทิ้งอีกหนึ่งร่างเอาไว้ตรงนั้น! ในวินาที้ดียวกันกับที่ ‘ปีศาจดำ’ กระแทกมือข้างนั้นออกมากข้างหน้า!

Dead-End! Buster!!!!

พริบตาที่เสียงตะโกนหยุดลง… ลำแสงสีม่วงอมดำก็พุ่งพรวดออกมาจากกลางฝ่ามือของชายหนุ่ม! ลำแสงนั้นพุ่งเข้ากระแทกกับร่างของชายในชุดขาวที่ยืนขวางทางลำแสงอยู่อย่างแรง! พริบตา ร่างของเขาก็ถูกกลืนหายไปในลำแสงนั้น โดยไม่ทันได้ปริปากร้อง!!

ครู่หนึ่ง.. ลำแสงสีม่วงเข้ม ค่อยๆสลายไปในอากาศ.. ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือพื้นถนนที่ถูกทำลายเละไม่มีชิ้นดี บ้านทั้งหลังที่ขวางทางลำแสงอยู่ถูกทำลายราบคาบกลายเป็นเพียงซากปรักหักพังสีดำ… และไม่มีวี่แววของชายคนเมื่อครู่แม้แต่น้อย…

“นะ… นี่มัน….”

ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา..  แต่ขณะนั้นเอง วงแหวนเวทตร์สีฟ้าตอนต้นปรากฏขึ้นบนพื้นอีกครั้ง มันหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนเหลือขนาดเท้าพรมเช็ดเท้า ก่อนที่จะสลายไป.. น่าแปลกใจ ถนนและบ้านที่พักเละเทะ กลับกลายสภาพเป็นเหมือนปกติ ก่อนที่มันจะถูกทำลายในพริบตาที่วงแหวนเวทตร์หดผ่านมัน…

“อะไรกันเนี่ย??”

ขณะที่กำลังตกอยู่ในความสับสน.. ก็มีมือเล็กๆอื้อมขึ้นมาสัมผัสที่ปลายคางของชายหนุ่ม ทันทีที่เขาก้มลงมองยังร่างบางในอ้อมแขน สาวเจ้าก็ยกตัวขึ้นมาประกบริมฝีปากกับชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ราวกับสัมผัสของขนนก

ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!

………………

……….

หมายความว่ายังไง! ที่ว่า เอาตัวองค์หญิงฟราวเดียร์กลับมาไม่ได้?

เสียงเรียบๆ ดังขึ้นภายในสิ่งก่อสร้างบางอย่าง ที่ดูคล้ายคลึงกับปราสาท และเสาสไตล์กรีกโรมัน ล้อมรอบด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ ผนวกกับความเย็นชาของชายหนุ่มร่างบางที่ยืนทำท่าไม่พอใจนัก ยิ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกหนาวไปถึงชั้วหัวใจ…

“ต้องขออภัยเป็นอย่างมากครับ องค์ชายแอสทรานากัน แต่ว่า องค์หญิงใช้ A-Field ปกป้องตัวมัน เอาไว้ ทำให้เราโจมตีมันไม่ได้ แถมมันยังไม่ใช่แค่ไกอาธรรมดา.. ”ชายคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่บนลานที่ต่ำกว่าเอ่ยขึ้น เขาเป็นคนเดียวที่รอดออกมาได้ในตอนนั้น…

“แล้วมันเป็นอะไร?”

เสียงเอ่ยถามอย่างเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ชายหนุ่ม ผมสีม่วงเข้มปล่อยยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีน้ำเงินอ่อน สวมชุดเกราะผ้าสีขาวประดับลายทอง จะเดินเข้ามาหาชายคนนั้น ก่อนที่จะชักดาบสีเงินเล่มหนึ่งออกมาและวางมันลงบนด้านข้างคอของชายที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่าง….

“ออร่าของมัน… เป็นโซล ไม่ผิดแน่ครับ…”

โซล!?” องค์ชายกระแทกเสียงใส่เล็กน้อย นั่นทำให้ชายที่คุกเข่า ถึงกับเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว…

“คะ…คะ…ครับ…”

ขณะที่กำลังกลัวสุดขีดอยู่นั้น… คมดาบที่ถูกวางบนลำคอ จู่ๆก็ถูกดึงออกไป นั่นทำให้ชายคนนั้น กล้าเปิดตาและเงยหน้าขึ้นมองยังองค์ชายสูงศักดิ์ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง…

“สรุปก็คือ… เจ้าไม่สามารถนำตัวคู่หมั้นของเรากลับมาได้… เสียเพื่อนไปหนึ่งคน.. แถมยังบอกว่าคนที่ช่วยองค์หญิงไว้คือพวกโลกบาดาลงั้นเหรอ?” ซากะเอ่ยถามน้ำเสียงนิ่งๆ

“ครับ… รับรองว่าคราวนี้ ข้าจะพาทหารของข้าลงไปจัดการมันให้ได้!”

“ก็น่าเสียดายนะ… แต่ฉันไม่อยากให้หน่วยของฉันมีพวกไม่ได้เรื่องเหลืออยู่ซะด้วยสิ…”

น้ำเสียงที่เรียบนิ่งดังขึ้น นั่นทำให้ชายคนนั้นถึงกับช็อค… พริบตา! องค์ชายก็ง้างดาบในมือขึ้น พร้อมกับตวัดมันเข้าหาลำคอของชายตรงหน้า!

ฉั้วะ!!

โลหิตสีแดงกระจายไปทั่วพื้นอิฐ… พร้อมด้วยวัตถุทรงกลมที่กลิ้งไปบนพื้น ก่อนที่ทั้งร่างและเลือดของชายคนนั้นจะสลายไปในอากาศช้าๆราวกับแสงหิ่งห้อย…

ใบหน้าเย็นชาจ้องมองไปยังร่างที่ค่อยๆสลายไปตรงหน้า.. ผมสีม่วงปลิวสยายตามแรงลม โดยมีดวงจันทร์เต็มดวงเป็นฉากหลัง

ตรงหน้าชายหนุ่ม จู่ๆก็ปรากฏวงแหวนเวทตร์ขนาดเท่าตัวคนจำนวนมากปรากฏขึ้นติดๆกัน ก่อนที่ร่างในชุดผ้าสีขาว สวมหมวกปิดใบหน้านับสิบร่าง จะปรากตัวมาคุกเข่าต่อหน้าองค์ชายผู้สูงศักดิ์

ขอคำสั่งครับ! องค์ชายแอสทรานากัน!!

“พวกไทป์อัลฟ่า นี่ดีแฮะ.. ไม่ต้องให้เรียกก็รู้งาน” องค์ชายเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีพอใจ สังเกตได้จากการหัวเราะในลำคอเล็กๆ

เขายกดาบในมือขึ้น ชี้ขึ้นฟ้า พร้อมกับกล่าวอะไรบางอย่างออกมา

“เมื่อครู่… ไทป์เบต้า แจ้งกับเรามาว่า.. คนที่ลักพาตัวองค์หญิงฟราวเดียร์ไป คือพวกใต้บาดาลชั้นต่ำ… เราจะยอมให้องค์หญิงผู้เป็นที่รักของเราต้องตกอยู่ในมือของพวกโซลสกปรกงั้นหรือ!!

ไม่ครับ!!!

“ดี… ไปทวงองค์หญิงของพวกเราคืนกันเถอะ…”

ครับ!!!!

……………..

……….

ณ ซอยมืดแห่งหนึ่ง

หลังจากทานอุด้งไปชามใหญ่ ชายหนุ่มร่างอ้วนใหญ่ เดินตีท้องด้วยความอิ่มหนำ โดยมีร้านอุด้งแบบรถเข็นนั่งทานอยู่ด้านหลัง

“ยังอร่อยเหมือนเดิมจริงๆ.. รีบกลับบ้านดีกว... หือ?”

ขณะที่กำลังพูดกับตัวเองอยู่นั้น เขาก็สังเหตุเห็นแสงอะไรบางอย่างสะท้อนออกมาจากตรอกตันมืดๆ ราวกับถูกต้องมนต์สะกด เขาเดินเข้าไปหาประกายแสงนั้นเหมือนกับคนไม่ได้สติ…

ต้นแสงนั้นคือ เศษคริสตัลสีดำอมม่วงที่ลอยตัวอยู่เหนือถังขยะ แม้จะไม่รู้ตัว แต่มือของเขาก็คว้าเศษคริสตัลนั้นเข้า.. ทันใด! ชายหนุ่มรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากเศษคริสตัลนั้น ไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้อง… ห้วงความนึกคิดของเขาก็ค่อยๆจางหายไป…

“หิว…หิวจัง… อาหาร… ขออาหารให้ฉันหน่อย…..” เขาพูดขึ้นอย่างไร้สติ… นัยน์ตาของเขาไร้ซึ่งแววตาอีกต่อไป.. กลับถูกปกครุมด้วยหมอกสีม่วงแทน.. ชายร่างอ้วนหันกลับไปมองยังร้านอุด้งที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนัก ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาช้าๆ ราวกับคนหิวโซ

“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีครับ?”เจ้าของร้านเอ่ยถามขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าของลูกค้าใหม่ที่กำลังเดินโซซัดโซเซเข้ามาหาก็ถึงกับช็อค

“อาหาร… ขอ… อาหาร!!!!

ชายร่างอ้วนถูกห่อหุ้มด้วยออร่าสีดำเข้ม.. ทันใด เข้ายกแขนขึ้นฟาดลูกค้าอีกสองคนที่นั่งทานอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าร้านกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง!

“เดี๋ยวสิ คุณลูกค้า! อึก!!”ทันใด เจ้าของร้าน ก็ต้องตกใจสุดขีด… เมื่อชายร่างอ้วน อ้าปากอันใหญ่โตราวกับชามข้าวออกมา และดูดกลืนวัตถุดิบรวมถังอุด้งในหม้อทั้งหมดเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว! ลูกค้าที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นเมื่อครู่ต่างวิ่งหนีออกไปด้วยความตกใจสุดขีด เหลือเพียงแต่เจ้าของร้านที่ยืนพิงกำแพงอยู่เท่านั้นที่หนีไปไหนไม่ได้

“ยัง… ยังไม่พอ… ขอกินอีก… ขออาหารให้ฉันอีก…….”

ชายร่างอ้วนบ่นพึมพำ ร่างกายขยับเข้าหาเจ้าของร้าน พร้อมกับเปิดปากออกกว้างอีกครั้งราวกับจะดูดเจ้าของร้านเข้าไปทั้งตัว!

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

โปรดติดตามตอนต่อไป

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่2จบละ แอบรู้สึกว่าสั้นไปหน่อย แต่บรรยายออกมาดีครับ  :pika01:

ปล.สถาณภาพของบอร์ดตอนนี้ค่อนข้างจะเรียกว่าร้าง คนอ่านอาจจะน้อยถึงน้อยที่สุดนะครับ  :pika11:

Link to comment
Share on other sites

ตอน1-2 อ่านจบแล้วถึงแม้จะแค่เริ่มเรื่องก็รู้สึกสนุก

และน่าติดตามครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

สนุกดีครับดูแอคชั่นเห็นภาพดีแต่บางส่วนผมอ่านแล้ว งง งง หรือเพราะผมนอนดึก :pika09:

Link to comment
Share on other sites

อ่านจบทั้งสองตอนแล้วนะครับ สนุกและน่าติดตามดี แต่อาจจะมีบางฉากที่งงอยู่นิดหน่อย(โดยเฉพาะฉากต่อสู้) แต่โดยรวมก็โอเคครับ

Link to comment
Share on other sites

Stage 3 - กิน! กินเข้าไป!!

บ้านอาคิโมโตะ

เวลา 06.00 น.

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังเอื่อยๆบ่งบอกได้ถึงยามเช้าวันใหม่ได้เป็นอย่างดี แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาทางหน้าต่างห้องนอน แต่ดูท่าว่าบ้านนี้จะไม่สงบอย่างที่คิด….

เพราะร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าของโคโตมินั้น… คือร่างของอากิระ พี่ชายของตน นอนอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ที่ถูกปูอยู่บนพื้น โดยร่างของเด็กสาวผมสีฟ้านอนกอดก่ายหลับสนิทอยู่….

นี่มันอะไรกันคะ!!!!!!!!!

………..

…..

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ว่ามานั่นแหละ….”อากิระเอ่นขึ้นด้วยท่าทีเนือยๆ ขณะหันไปมองเด็กสาวผมสีฟ้าที่กำลังจ้องมองไปยังเบเกอรี่บนโต๊ะด้วยท่าทีลังเลใจพอควร

“สรุปก็คือ… พี่ไปเจอเด็กคนนี้เข้า.. พี่ช่วยเขาเอาไว้แล้วแอบพากลับมาโดยไม่บอกหนู สินะคะ….” โคโตมิเอ่ยสรุปหลังจากฟังเรื่องที่พี่ชายของตนเล่าด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“อืม… ก็… ทำนองนั้นแหละ…” อากิระเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ

โลลิค่อน…

ไม่ใช่เฟ้ย!!!!

ทางด้านเด็กสาวนั้น จู่ๆก็สะดุดตาเข้ากับเค้กสีดำที่วางอยู่ทางด้านซ้าย เธอค่อยๆหยิบจานใส่เค้กขึ้นมางวางตรงหน้า ก่อนที่จะทำท่าสงสัย และก่อนที่เจ้าร่อนจะใช้มือจับเค้กเข้าปาก อากระก็รีบเข้าไปอธิบายอย่างทันท่วงที

“นี่เขาเรียกว่าเค้กน่ะ”

“เค้ก?”

“อื้อๆ อร่อยมากเลยนะ” อากิระพูดขึ้น เขาหยิบช้อนสีเงินคันหนึ่งที่วางเอาไว้บนโต๊ะขึ้น ก่อนที่จะตักเค้กออกมาชิ้นหนึ่ง และยื่นเข้าไปใกล้ปากของเด็กสาวอย่างช้าๆ “ลองกินสิ”

เด็กสาวทำท่าลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะอ้าปากและกลืนเค้กชิ้นนั้นลงไป

อ.. อร่อยจัง” เด็กสาวพูดด้วยท่าทีประหลาดใจในรสชาติ ขมเล็กๆ แต่เข้มข้นของเค้กช็อกโกแล็ต ที่เอพึ่งเคยทานเป็นครั้งแรก

“ใช่ไหมล่ะ ฮ่ะๆๆ” อากระเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี ในขณะเดียวกัน โคโตมิก็เดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเป็นกังวลเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงตัวเขาออกไปคุยที่นอกห้อง

“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะพี่คะ?”

“อืม.. ก็คงต้องเลี้ยงเด็กคนนี้เอาไว้อีกสักพักน่ะ” อากิระพูดตอบพลางถอนหายใจ และหันกลับไปมองเด็กสาวที่กำลังทานเค้กชิ้นนั้นอย่างอเร็ดอร่อย “เด็กคนนั้นช่วยพี่ไว้.. แถมดูท่าเขาจะยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกในบี้เลย… ถ้าปล่อยเขาไปคนเดียวล่ะก็ คงอยู่ลำบากแน่ๆ…”

“นั่นสินะคะ… งั้น เรื่องทั้งหมด พี่ต้องรับผิดชอบนะคะ!”

“จ้าๆ รู้แล้วล่ะ” อากิระเอ่ยตอบ ขณะนั้นเองที่โคโตมิหันไปเห็นนาฬิกาที่ติดเอาไว้บนพนังบอกเวลา 06.47 น. เข้าไปแล้ว…

“ตายแล้ว.. ถ้าไม่รีบไปล่ะก็ สายแน่เลยค่ะ”

“งั้น.. แป็ปนึงนะ” ถึงจะพูดอย่างงั้น แต่ทั้งคู่ก็อยู่ในชุดนักเรียกเรียบร้อยแล้ว เห็นจะเหลือแต่ข้าวเช้าเท่านั้นเอง ที่ทานไม่ทันในเวลานี้…

อากิระเดินกลับไปหาเด็กสาว ก่อนที่จะนั่งยองๆตรงหน้าของเธอ

“จะว่าไป ฉันยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลยนะ” อากิระเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เรียกว่า เรย์กะ ก็ได้ค่ะ” เธอตอบด้วยท่าทียิ้มแย้มเต็มที่

“อื้อ เรย์กะสินะ.. ยังไงก็อยู่บ้านดีๆล่ะ เบเกอรี่พวกนี้ อย่าทานมากเกินไปนะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะซื้อมาให้อีก” อากิระเอ่ย และดูท่าเรย์กะจะเข้าใจด้วยการพยักหน้าเล็กๆขณะตักเค้กชิ้นนึงเข้าปาก

“เอาล่ะ! งั้น ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมา”

เรย์กะโบกมือลา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากบ้านไปพร้อมๆกัน แม้จะคิดว่าตอนเช้านี้ จะดูราบรื่นดี… แต่ที่โรงเรียนนั้น… มันกลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิดเสียแล้ว….

……………………

ระเบียงชั้น 3

เวลา 10.00 น.

แม้จะยังไม่ถึงคาบพัก แต่เจ้าหนุ่มผู้ทำอะรตามใจตนเองเป็นหลักก็ทนหวิไม่ได้ ถึงกับหาเรื่องโดดออกจากห้องเรียนเสียดื้อๆ เพราะทนความหิวไม่ไหว

“เฮ้อ! อุตส่าห์ว่าจะทนจนเที่ยงแล้วแท้ๆน้า….”

เขาถอนหายใจเบาๆ มือสองข้างล้วงกระเป๋าเดินตรงไปยังร้านเบเกอรี่ร้านโปรด ในใจนึกไปถึงเมนูที่ตนอยากจะเอามาทานลองท้องไปพลางๆ.. แต่เมื่อเขาไปถึงก็ถึงกับช็อค เมื่อร้านโปรดของเขากลับพังพินาศ ไม่เหลือเบเกอรี่ใหม่ๆที่ควรจะมีทุกวันอยู่เลย

ป้า! เกิดอะไรขึ้น?” อากิระรีบกระโดดข้ามเคาท์เตอร์เข้าไปหาป้าคนขายที่รู้จักกันมาพักหนึ่งอย่างใจเสีย ร่างของป้านอนเจ็บออดๆแอดๆอยู่บนพื้นร้านอย่างน่าเวทนา

“มะ… มีเด็กผู้ชายคนนึง… เขาบ่นแต่ว่า ‘อาหาร.. ขออาหารอีก..’ แล้วก็กินขนมปังของป้าจนหมดร้าน.. แล้วก็หนีไปทางนั้น…”ป้าคนขายเล่าเหตุการณ์ให้ฟังด้วยท่าทีทรมานเล็กน้อย ขณะที่มีป้าก็ชี้ไปทางข้างหลังของอากิระ.. ซึ่งนั่นคือ บันไดลงไปยังชั้นที่ 2 จุดที่เด็กห้อง A กำลังจะเปลี่ยนคาบเรียน…

“ถ้ามันไปทางนั้น…. โคโตมิก็….” ทันใด เขารีบกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหันกลับมาพูดก่อนที่จะก้าวเท้าวิ่งไปทางบันไดอย่างรวดเร็วด้วยขาคู่ยาวของเขา “เดี๋ยวผมจะเรียกครูพยาบาลมาช่วยนะป้า!!

………………….

………..

อีกด้านหนึ่ง

เด็กนักเรียนห้อง A กำลังจะเดินไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง เพื่อเปลี่ยนชุดเป็นชุดพละ ก่อนลงไปเรียนคาบต่อไป กลุ่มเด็กเรียนดีทั้งหลายก็เดินเกาะกลุ่มกันไป บ้างก็ส่งเสียงพูดคุยกันตามประสา

“นี่ๆ โคโตมิ เย็นนี้ไปร้านน้ำชาเปิดใหม่ที่อยู่ในเมืองกันดีไหม ฉันอยากไปลองทานน้ำชาที่นั่นดูสักครั้งจัง”

“อื้อ เป็นความคิดที่ดีนะ”

ขณะที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ตรงหน้าของพวกเขา ก็ปรากฏร่างของชายอ้วนในชุดนักเรียนคนหนึ่ง.. ซึ่งร่างกายของเขาบวมเปร่ง ไม่ต่างไปจากบอลลูนอัดลมที่ใกล้แตกเต็มที… นั่นทำให้พวกเขาถึงกับชะงัก สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันแปลกเกินไป…

“อาหาร… ขอ… อาหารให้ฉันอีก…..”ชายอ้วนยังคงพึมพำ นัยน์ตาปูดโปดเหมือนกับลูกโป่งน้ำใกล้แตกที่ไร้ซึ่งแววตา แต่กลับแฝงไว้ด้วยหมอกสีดำที่ชวนขนหัวลุก..

พวกเขาพูดไม่ออก… ได้แต่ตกใจกลัว และพยายามถอยหลังดูเชิง แต่ชายอ้วนก็เดินอย่างลำบากเข้ามาหาพวกเขามากขึ้นๆ…

เอาอาหารมาให้ฉัน!!!!” ชายอ้วน อ้าปากออกกว้าง เขาพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายที่อยู่ข้างหน้าสุดอย่างไม่ลังเล… ใช่แล้ว คุณหัวหน้าห้อง.. อาคิโมโตะ โคโตมิ…

กรี้ดดดดดดดดดดดดดด!!!

ด้วยความตกใจสุดขีด เจ้าหล่อนกรีดร้องออกมาสุดเสียง ทันใดนั้นเอง ที่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป! เมื่อมีอีกเสียงหนึ่งที่แผดตะโกนออกมาจากด้านหลังเสียงดังพอที่จะหยุดทุกการเคลื่อนไหว ไม่เว้นแม่แต่ชายอ้วนก็ตาม!

ถ้าหิวมากขนาดนั้น เอาตีนไปแดกหน่อยเป็นไง!!!!!!

ทันใดที่เสียงนั้นแผดคำรามขึ้น ร่างสูงของอากิระในชุดนักเรียนสีดำก็กระโจนข้ามหัวชายอ้วนมาจากด้านหลัง เพื่อขั้นกลางระหว่างร่างของมัน และน้องสาวสุดรักของตน มันมองตามอย่างเอื่อยเฉื่อย ทันทีที่เขาสามารถทรงตัวได้เมื่อลงพื้น อากิระยกตัวขึ้น พร้อมฟาดขาข้างหนึ่งไปด้านหลังด้วยความเร็วสูง!!!

ตูม!!!!!

เสียงฟาดดังสนั่น ผลักร่างของชายอ้วนกระเด็นไปฝังเข้ากับกำแพงตึกอย่างรุนแรง!! พอๆกับเสียงฟาดที่ดังลั่นไปทั่วตึกชั้นเรียนอย่างชัดเจน!

“โคโตมิ!! หนีไป! เอ๊ะ!??” ทันทีที่อากิระหันมาหาน้องสาวของตนได้ เขาตัดสินใจตะโกนให้น้องสาวของเขาหนีไป.. แต่ทันใด ร่างของน้องสาวและเหล่าเด็กปีหนึ่งที่กำลังยืนอึ้งกันอยู่ก็ค่อยๆหายไปเฉยๆ…

ในขณะที่กำลังตกอยู่ในความสับสน เขาก้มลงมองและสังเกตุเห็นอักขระสีขาวบนพื้น ที่ทำให้เขานึกไปถึงการต่อสู้กันเมื่อคืนขึ้นมาทันที

ไม่ช้า ร่างของเด็กสาวนามเรย์กะก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของเขาอีกครั้ง คราวนี้ เธอปรากฏตัวพร้อมกับปีกขนนกสีขาวบริสุทธิ์คู่โต

“อากิคุง… พังข้าวของ.. ไม่ดีนะ” เด็กสาวพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ แต่ก็โดนอากิระสวนกลับทันควัน

“ก็ไม่ได้อยากทำลายข้าวของสักหน่อย ฉันแค่สู้กับไอ้เจ้าอ้วนโรคิตนี่ต่างหากเล่า!” อากิระเถียงกลับ แต่เมื่อมองไปยังจุดที่ชายอ้วนล้มลงฝังกับกำแพงนั้น เขาก็สังเกตุว่า ชายอ้วนได้ลุกขึ้นจากกำแพงแล้ว…

“Ares Field… สิ่งของที่ถูกทำลายในเขตนี้… หลังจากการต่อสู้จบลง มันจะกลับเป็นปกติ” เรย์กะพูดขึ้นอย่างลอยๆ สายตาลอยๆอย่างไม่มีจุดหมาย..

“เฮ้! งั้นก็หมายความว่า… ฉันไม่ต้องเกรงใจแล้วสินะ!!”อากิระเอ่ยขึ้น พลางกำหมัดสองครั้งยกขึ้นเตรียมต่อสู้.. แม้ว่ารอยบนกำแพงเมื่อครู่จะเป็นการเกรงใจแล้วก็ตาม….

ชายอ้วน เงยหน้าขึ้น ก่อนที่จะสะบัดหัวลงมา พร้อมอ้าปากออกกว้าง เพื่อปล่อยของเหลวสีเขียวพุ่งเข้าใส่อากิระ!!

“อะไรวะน่ะ!” เขากระโดดหลบได้ทัน.. ของเหลวนั้นตกลงกระทบพื้น แทบจะในทันทีที่มันกัดพื้นจนทะลุเป็นรูโผว่ขนาดใหญ่ได้ในพริบตา

“โอ่ย!... อย่างงี้ก็สู้ลำบากน่ะสิ!” อากิระสบถเล็กๆ

“ฉันเกลียด… การต่อสู้….” เรย์กะเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ แต่ทันใด! วงแหวนเวท สีฟ้าก็พุ่งออกจากตรงหน้าของเธอ เข้ากระแทกใส่ชายอ้วนอย่างจัง! มันทำให้ชายอ้วน ชะงักทำท่าจะหงายหลังในทันที! ในเสี้ยววินั้น! อากิระไม่รอช้า! เขาพุ่งตัวเข้าไปหมายจะเผด็จศึก!

อยากกินน้องสาวฉัน มันก็ต้องเจอแบบนี้!!” อากิระตะโกนเสียงดัง เข้าง้างหมัดขวาออกกว้าง ก่อนที่จะชกมันเข้าใส่กลางท้องของชายอ้วนสุดแรง! ก่อนที่หมัดซ้ายจะตามเข้าไปอัดที่ใบหน้าจนชายอ้วนเซถลาไปหากำแพง!

เสร็จฉันล่ะ!!!” อากิระตะโกนอีกครั้งก่อนที่จะงอขาข้างซ้ายลงต่ำ แล้วสปริงตัวเข้าต่อยร่างของชายอ้วนอย่างรุนแรง!! จนมันถูกแรงกระแทก ผลักเข้าชนกับกำแพงอีกครั้ง! แต่คราวนี้ ทั้งมันและเขา ได้ทะลุออกมาจากตัวอาคารเรียนแล้ว!!

“อึก! ยังไม่จบหรอกน่า ไอ้อ้วน!” อากิระไม่รอช้า เขาไต่ขึ้นไปบนร่างของชายอ้วน แล้วกระแทกฝ่าเท้าเข้าใส่กลางท้องอย่างสุดแรง! แทบจะพร้อมกับที่ร่างของทั้งคู่จะตกลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง! จนควันปูนลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ

อากิระที่สำลักควัน กระโดดออกมาจากกลุ่มควันพร้อมด้วยอาการไอเล็กๆ เมื่อควันค่อยๆจางลง.. ร่างขายชายอ้วน ก็ฝังแน่นอยู่ในพื้นปูนของสนามกีฬาเสียแล้ว…

แต่ในขณะที่กำลังได้ใจนั้น… ชายอ้วนกลับลุกขึ้นมาจากพื้นปูนได้อย่างสบายๆ โดยไม่มีทีท่าบาดเจ็บใดๆเลย!

“โอ่ย! ทำไมไม่เป็นอะไรเลยล่ะ!!” ขณะที่อากิระบ่นอย่างตกใจอยู่นั้น เขาก็ต้องกระโดดหลบอีกรอบ เพราะคราวนี้ มันพ่นของเหลวสีเขียวออกมาเป็นจำนวนมาก จนเขาทำได้แต่วิ่งหลบเท่านั้น!

ในขณะนั้นเอง! โซ่สีขาวหลายสิบเส้นก็พุ่งลงมามัดตัวชายร่างอ้วนเอาไว้ เปิดช่องว่างให้อากิระได้หยุด หลังจากวิ่งหนีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างของเรย์กะจะปรากฏตัว ขึ้นในมือข้างหนึ่งของเธอชูออกไปข้างหน้า และมีโซ่สีขาวตึงๆ ปรากฏขึ้นจากวงแหวนเวทย์ข้างหน้าเธอ…

“อากิคุง โจมตีไปที่หน้าอก…”เรย์กะพูดขึ้น เธอรัดโซ่แน่นขึ้นจนชายอ้วนแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยท่าทีทรมาน อากิระที่สับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปตามที่บอก

“ที่อกสินะ!!” อากิระพุ่งหมัดเข้าไปกลางหน้าอกตามที่บอก! แต่แทนที่หมัดของเขาจะต่อยเข้ากระทบกับหน้าอกของชายอ้วน,, มันกลับทะลุเข้าไปในช่องสีม่วงบางอย่าง! เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ถึงเศาอะไรบางอย่าง ที่มีรูปร่างแหลมเล็ก!

“ดึงออกมา!” เรย์กะตะโกน เขาหยิบเศษนั้น พลางกระชากหมัดออกมา… ทันใด ชายร่างอ้วนค่อยๆตัวหดเล็กลงเป็นสภาพปกติ ก่อนที่จะล้มตึงลงกับพื้น

“นี่มัน…” อากิระพูดพลางหยิบผลึกสีดำขึ้นดู ทันใด ผลึกนั้นก็ฝังลงในร่างเขาอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้เขาตกใจสุดขีด แต่เมื่อได้ยินเรย์กะพูดขึ้นก็ทำให้ขาอุ่นใจขึ้นได้บ้าง..

“ไม่เป็นไรหรอก.. ผลึกนี้มีผลกับไกอาเท่านั้น” เรย์กะเอ่ยขึ้น พลางเดินเข้ามากอดร่างของอากิระจากด้านหลัง

“งั้นเหรอ…” อากิระเอ่ยอย่างสับสน เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี…

“ชดใช้เค้าด้วยล่ะ.. ทั้งที่เขาเกลียดการต่อสู้ก็ยังมาช่วยนะ…” เรย์กะพูดด้วยน้ำเสียงงอนเล็กๆ นั่นทำให้อากิระยิ้มออก และหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“จ้าๆ รู้แล้วล่ะ เดี๋ยวจะซื้อเค้กให้เป็นการไถ่โทษแล้วกันนะ” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปรูปหัวเรย์กะอย่างอ่อนโยน นั่นทำให้เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก.. จนบางที เขาเองก็คิดว่าเรย์กะก็ยังเป็นเด็กขี้อ้อนคนนึงเท่านั้นเอง…

แต่ทว่า.. สายตาคาหนึ่ง กลับจับจ้องมาทางเขาอย่างน่าสงสัย จากมุมตึกเรียนนั้น.. แสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับแว่นตา บอกได้ดีว่ามีคนอยู่ตรงนั้น

“พบเป้าหมายต้องสงสัย.. เริ่มทำการเฝ้าระวังขั้นที่ 1 ค่ะ!”

โปรดติดตามตอนต่อไป

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านตอนที่สามแล้วนะ ว่าแต่บ้านของอาคิโตโมะ  :pika08:

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านตอนที่สามแล้วนะ ว่าแต่บ้านของอาคิโตโมะ  :pika08:

ขอบคุณที่เตือนครับ  :pika02:

Link to comment
Share on other sites

แวะมารายงานว่าอ่าน  :pika01:  แต่ยังไม่จบเน้อ ขอไปนอนก่อน พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้ามืด  :pika10:

Link to comment
Share on other sites

ถ้าหิวมากขนาดนั้น เอาตีนไปแดกหน่อยเป็นไง!!!!!!”  good good

Link to comment
Share on other sites

ิอยากอ่านต่อๆๆๆๆกำลังมันส์เลยยิ่งตอนนี้ไม่มีนิยายใหม่ที่จะอ่านออกมา

Link to comment
Share on other sites

มาตามอ่านแล้วนะฮะ สนุกมากเลยอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง :shinx01:

Link to comment
Share on other sites

อ่านแล้ว 3 ตอน

อยากให้แก้คำผิดนิดหน่อย นอกนั้นดีแล้วล่ะ

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...
  • 1 month later...

มารายงานว่า จะกลับมาแต่งครับ ขออภัยที่ช้าไปนิด บ้านมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ

Link to comment
Share on other sites

ย่านการค้า ในอีก 2 วันต่อมา

เวลา 09.00 .

ย่านการค้าในเมืองฟูจิวาระที่พรุกพร่านไปด้วยผู้คน และร้านค้ามากมายเรียงรายกันอยู่สองข้างทาง และดูเหมือนว่าวันนี้ หน้าร้านเบเกอรี่ชื่อดัง จะเสียงดังเป็นพิเศษ

ว้าววววววววว!! น่ากินจังเลย อากิคุง!!” เด็กสาวผมสีฟ้าร้องอย่างร่าเริง พลางหันไปส่งยิ้มให้กับร่างสูงข้างตน พร้อมกับชี้ไปยังเค้กสรอว์เบอร์รี่ครีมสดก้อนหนึ่งหลังกระจกร้าน

“อื้อๆ น่ากินมากเลยเนอะ” อากิระยิ้มตอบ พลางใช้มือลูบหัวร่างบางอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะใช้มือผลักประตูร้านเข้าไปด้านใน

ด้านในร้านตกแต่งโทนสีส้มตัดเหลืองดูสบายตา มีชั้นวางอยู่รอบร้าน พร้อมกับเบเกอรี่แบบต่างๆ เรียงรายอยู่มากมาย ที่เคาท์เตอร์ ด้านในสุดของร้าน มีเค้กแบบต่างๆจัดวางอย่างสวยงามอยู่ในตู้กระจกสะอาดตา

ร่างบางได้แต่มองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนนี้เธอกำลังถูกล้อมรอบด้วยสวนเบเกอรี่รสหอมหวาน ชูครีมนมสดชิ้นใหญ่วางเรียงกันอยู่บนชั้นวางตรงกลางร้าน รอบๆมี ครัวซองค์และครีมโรลจัดวางเอาไว้อย่างปราณีต

“อยากได้อันไหนก็เลือกเอาเลยนะ” อากิระพูดขึ้นพลางส่งยิ้มให้ จนเด็กสาวต้องหันมายิ้มกว้างอย่างร่าเริง “จริงเหรอ! เย้!

อากิระหัวเราะในลำคอ พลางจ้องมองไปยังเด็กสาวที่ตั้งใจสำรวจป่าเบเกอรี่อย่างร่าเริง ทาร์ตคัสตาร์ดถูกหยิบมาจากชั้นชิ้นหนึ่ง ตามด้วยกล่องช็อกบอลขนาดบรรจุสี่ชิ้นที่ชั้นวางข้างๆ อย่างรวดเร็ว ตามมาติดๆด้วยชูครีมนมสดสองชิ้น และกล่องคุ้กกี้หลากรสที่ทางร้านกำลังจัดรายการอยู่ในช่วงนี้

“นี่ๆ อากิคุง”

“มีอะไรเหรอ เรย์กะ” ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าตู้กระจกใต้เคาท์เตอร์ “นี่เรียกว่าอะไรเหรอ” เธอพูดขึ้นพลางชิ้ลงไปยังชิ้นเค้กสีขาวอมชมพู ตกแต่งหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รี่ผ่าครึ่งและเยลลี่รูปหัวใจชิ้นใหญ่

“อ้อ สตรอว์เบอร์รี่ครีมสดน่ะ อยากกินอันนี้เหรอ?” ร่างสูงก้มหัวลงมาตอบ โดยไม่ต้องพูดคำตอบออกมาเธอเพียงพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก็สามารถทำให้ร่างสูงเข้าใจได้

“ขอสตรอว์เบอร์รี่ครีมสดชิ้นนึงด้วยครับ”

“ชิ้นนึงนะคะ” พนักงานสาวรีบเดินตรงเข้ามาบริการพวกเขาทันที

…………………………………………….

………………..

5 นาทีต่อมา

ทั้งคู่เดินออกมาจากร้าน โดยมีร่างบางนำหน้าถือถุงเบเกอรี่และดูจะร่าเริงเป็นพิเศษ ส่วนร่างสูงที่ตามหลังมากำลังเช็คเงินในกระเป๋าที่ดูค่อนข้างจะแฟบ

“นี่ๆอากิคุง”

“มะ.. มีอะไรเหรอ เรย์กะ?” อากิระสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะถามออกไป

ร่างบางไม่พูดอะไร เธอใช้แขนเรียวบางของเธอโอบกอดรอบแขนของเขา ก่อนที่จะใช้หน้ากลมๆทาบลงไป ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขา “ขอบคุณนะ”

ถึงแม้จะเป็นคำพูดธรรมดาๆ แต่ก็ทำให้ร่างสูงถึงกับอึ้งและหน้าแดงไปตามๆกัน

“มาทำอะไรกลางถนนแบบนี้เล่า!” เขาพูดพลางหันหน้าหนี เพื่อซ่อนในหน้าที่แดงจนเกือบเป็นลูกเชอร์รี่ของเขา โดยมีเสียงหัวเราะเบาๆของเด็กสาวเป็นฉากหลัง

ทั้งคู่เดินกลับบ้าน ด้วยอารมณ์เบิกบาน ถึงแม้ว่าสายตาของคนรอบข้างจะจ้องมองมาที่พวกเขาแปลกๆ มีบางคนพยายามจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจด้วยซ้ำ

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านสนามเด็กเล่นระหว่างทาง จู่ๆ ท้องฟ้าสีคราม ที่เต็มไปด้วยเมฆขาวดูสดใส กลับกลายเป็นเมฆสีดำอึมครึม กลบท้องฟ้าจนมืดมิด ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านตัว ในจังหวะนั้นเอง ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก และรีบจ้องไปรอบตัวในทันที

วงค์แหวนเวทมนตร์สีฟ้าแผ่กว้างออกมาจากตรงกลางของสนามเด็กเล่นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา เขตอาคม Ares ก็ถูกวางครอบพื้นที่โดยรอบนี้เอาไว้หมดแล้ว

“อะไรกัน! ความรู้สึแบบนี้มัน” อากิระเอ่ยขึ้น พลางมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง เขารู้สึกได้ถึงแรงกดอากาศที่เปลี่ยนไปรอบบริเวณ ที่ทำให้เขารู้สึกแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด.. เรย์กะกระโจนเข้ากอดร่างของเขาเอาไว้แน่น ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตัวของเจ้าหล่อนสั่นอย่างรุนแรง นิ้วมือกำเสื้อสีดำของเขาและบีบแน่นจนชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความสั่นระริกที่แผ่ออกมาจากมือเล็กๆนั้น

“เกิดอะไรขึ้น เรย์กะ? มีอะไรงั้นเหรอ??”

“ไม่จริง…. พวกเขา มาแล้ว!”เธอซุกหน้าลงบนหน้าอกของเขา ทันใด เขาก็สังเหตุเห็นความบิดเบือนของคลื่นอากาศที่ตรงกลางสนามเด็กเล่นอย่างชัดเจน

ห้วงอากาศ ณที่ว่างจุดกึ่งกลางของสนามเด็กเล่นบิวเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะตามมาด้วยแสงสว่างจ้าจนเขาต้องยกมือขึ้นป้องใบหน้า ขณะนั้น เขารู้สึกได้ชัดว่าร่างบางบีบเสื้อของเขาแน่นขึ้นไปอีก

ทันใด! ตรงหน้าของเขาปรากฏร่างของทหารสวรรค์ในชุดสีขาว ตกแต่งขอบสีทองบริสุทธิ์ นับสิบคนนั่งคุกเข่าก้มหน้า ในมือมีดาบสีขาวสองเล่ม ใบหน้าถูกปิดด้วยหน้ากากสีทอง เผยเพียงช่องตา ที่ด้านหลังสุดของพวกเขา ปรากฏร่างของชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่ ผมสีม่วงเข้มปลิวสยายตามแรงลม ชุดเกราะบางถูกประดับด้วยผ้าและเกราะทองตามส่วนต่างๆมากมายจนเด่นเป็นพิเศษกว่าทหารคนอื่นๆ

อากิระอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะดึงร่างบางไปข้างหลัง และตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แม้จะเคยสู้กับทหารสวรรค์มาแล้ว แต่กับการต้องสู้ทีเดียวหลายสิบคนแบบนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

“เจ้ามดปลวกตรงนั้น คืนตัวองค์หญิงมาให้เราเถอะ”ชายผมสีม่วงเอ่ยขึ้น พลางยื่นมือออกไปข้างหน้า ชี้ไปยังอากิระ

“แกเป็นใคร!” อากิระสบถถามพลางใช้มือข้างหนึ่งกันตัวเรย์กะให้ถอยหลังไปอีก

แก! บังอาจใช้คำแบบนั้นเรียกท่านแอสทรากันงั้นเรอะ!!” ทหารสวรรค์คนหนึ่งตะโกนขึ้น ก่อนที่ทั้งแถวจะรุกฮือขึ้นตั้งท่าเตรียมกระโจนเข้าจู่โจมทันที

ไม่ต้อง!!” เสียงตะโกนสั่งห้ามขึ้น ทหารทั้งหมดเบดาบลงนั่งคุกเข่าทันที “ถ้าฉันยังไม่สั่ง อย่าริอาจทำนอกเหนือคำสั่งของฉันเด็ดขาด”

ครับ!!

“เอาล่ะ ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่ง! ส่งตัวองค์หญิงมาให้เรา แล้วเราจะปล่อยเจ้ากลับไป” ซากะยื่นข้อเสนอไปยังอากิระ แต่อากิระยังคงตั้งท่าต่อสู้และถอยร่นกลับไปอีก “เดิมที องค์หญิงเรย์กะ เดอ เตรกีร่า ก็เป็นคู่หมั้นของเราอยู่แล้ว เจ้าเองก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวองค์หญิง คงไม่มีเหตุจำเป็นต้องปกป้องการถเลถไลขององค์หญิง ไม่สิ คู่หมั้นของเราหรอกนะ”

อากิระยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังกลับไปจ้องเรย์กะด้วยสายตาครุ่นคิด เขาสังเกตุเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเด็กสาว ร่างกายสั่นเทาอย่างสังเกตุได้ชัด และในทันใดนั้นเอง ที่อากิระตัดสินใจว่าเขาจะต้อง ปกป้องเธอ!!

หุบปากของแกไปซะไอ้หน้าหวาน!! เด็กคนนี้ไม่อยากกลับไปหาพวกแกหรอก! ไม่เห็นรึไง!!!” เขาหันไปร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เสียงดังกังวานทรงพลังที่ทำให้ซากะถึงกับผงะไปเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เหล่าทหารสวรรค์ต่างลุกฮือขึ้นมาเตรียมต่อสู้ทันที!

“ขอคำสั่งครับ!!

“หึๆๆ ไอ้หน้าหวานงั้นเหรอ ถือว่าเราเตือนเจ้าแล้วนะ เจ้ามดปลวก ฆ่ามัน!!” ซากะหัวเราะพลางยิ้มเก็บอาการ ก่อนที่จะตะโกนสั่งด้วยอารมณ์โทสะที่พลั่งพรูออกมา ทันใด! ร่างของทหารแถวหน้าราวห้าคนสบัดดาบออกข้างตัว พร้อมพุ่งทะยานราวกับเกาทัณฑ์มรณะที่ถาโถมเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว!

อากิระเห็นดังนั้น ก็ไม่รอช้า เขาบิดข้อเท้าพุ่งตัวออกไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อให้พ้นจากระยะที่จะเป็นอันตรายต่อร่างบาง พริบตา! ทหารคนแรกพุ่งตัวเข้าหาอากิระตรงๆ คมดาบสีขาวพุ่งตรงมายังใบหน้าของเขาหมายจะพุ่งเข้าแทงทะลุอย่างไร้ความปราณี แต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนการปะทะ อากิระเหวี่ยงตัวหลบออกจากระยะดาบได้อย่างรวดเร็ว พลางใช้แขนข้างซ้ายตั้งชันขึ้นปัดดาบออกให้พ้นวิถี! พร้อมตะบันหน้าศัตรูด้วยหมัดขวาเสียงดังสนั่น!!

ร่างที่บินกลับไปจากแรงกระแทกของหมัดนั้น ล้มลงฟาดกับพื้นสนามเด็กเล่นอย่างแรง หน้ากากทองคำแตกละเอียด ทิ่มแทงลงไปบนใบหน้าจนเป็นแผลเหวอะหวะและมีเลือดอาบท่วม

โจมตีมันพร้อมกัน! มันเอาไม่อยู่แน่!!” เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่จะทันได้มองหาว่าดังมาจากทิศไหน ร่างของทหารสองคนปรากฏขึ้นจากด้านข้างของเขาอย่างรวดเร็ว ดาบสีขาวชี้ตรงมาด้านหน้า หวังจะเสียบร่างจากสองด้านพร้อมๆกัน!

ราวกับจับทางออก อากิระกระแทกเท้ากระโดดลอยตัวกลับหลัง ทำให้คมดาบทั้งสองกระแทกกันห่างจากใบหน้าของเขาไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร เขายกหมัดทั้งสองข้างขึ้น กระแทกไปด้านหน้า ยังจุดกึ่งกลางของคมดาบ จนดาบทั้งสองเล่มแตกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดทั้งสองเข้ากระแทกยังใบหน้าของทหารทั้งสอง จนลอยเข้ากระแทกกับกำแพงด้านหลัง และไหลลงมากองอยู่กับพื้นอย่างไม่เป็นท่า

ทหารอีกสองคนที่เหลือ ยืนตั้งท่าอยู่จากสองฝั่ง ด้วยท่าทีดูเชิง หลังจากการจู่โจมอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงไม่กี่วินาทีศัตรูของพวกเขาจะล้มได้ถึงสามคนอย่างไม่ยากเย็น

ทั้งคู่สบตากันแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจพุ่งตัวเข้าใสเต็มกำลัง มือข้างหนึ่งชี้ตรงมาด้านหน้า ส่วนอีกมือหนึ่งง้างไปด้านหลัง อากิระรีบเอี้ยวตัวหลบออกจากดาบแรกที่แทงเข้าใส่ได้ทัน! แต่คมดาบที่เหลือพุ่งประสานลงมาฟาดฟันเขาเต็มแรง!!

ฉั้ว!!

คมดาบทั้งสองฟังลงไปบนเนื้อแขนของอากิระอย่างแรง แต่ผิดคาด มันไม่อาจผ่าทะลุไปได้ แถมยังผ่าลงไปได้เพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น!

ใบหน้าที่กัดฟันออกแรงเต็มที่ของเขา แสดงให้เห็นถึงความทรมานแสนสาหัส ของเหลวสีแดงเข้มไหลทะลักออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำล้นแก้ว แต่ทันใดนั้นขาข้างซ้ายของเขาก็ยกขึ้นง้างและถีบไปยังกลางท้องของทหารฝั่งซ้ายกระเด็นออกไปฝังกับกำแพงฝั่งตรงกันข้าม ก่อนที่จะ ฟาดขาข้างนั้นเข้ากระแทกกับแขนขวาของทหารอีกคน จนดาบสีขาวเล่มแรกที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นตกออกไป

ในจังหวะที่ตกอยู่ในอาการผงะนั้น เข้าฉกแขนเข้ารัดที่ข้อมืออีกข้างของทหารคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะออกแรง ดึงคมดาบออกจากบาดแผลที่แขนอีกข้าง ก่อนที่จะหักแขนของนั้นเสียงดังสนั่น!

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

แม้จะปิดบังใบหน้า แต่เขายังสังเกตุเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะปิดแววตาอันน่าสงสารนั้นด้วยกำปั้นแห่งความเวทนาที่เขามอบให้ร่างนั้นในอีกเสี้ยววินาทีต่อมา

ทั้งลานตกอยู่ในความเงียบกริบ จะมีก็แต่เสียงหายใจหอบของอากิระที่ดังอย่างเหนื่อยอ่อน แขนสองข้างที่โชกไปด้วยเลือดของเขา ห้อยต่องแต่งอย่างหมดแรง ใบหน้ายังคงจ้องเขม็งไปยัง ซากะที่ยืนอยู่หลังสุด.. และยังมีทหารสวรรค์อีกราวห้าคนยืนเป็นกำแพงอยู่ด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ เขาหันกลับไปมองร่างของเด็กสาวที่ยืนอ่อนระทวยราวกับจะไหลลงไปกองอยู่กับพื้น มือสองข้างยกขึ้นกุมริมฝีปาก และมีน้ำตาไหลรินออกมาเมื่อจ้องไปยังบาดแผลที่แขนของเขา

“ให้ตายเถอะ น่าสมเพชชะมัด แขนที่ภาคภูมิใจของฉันใช้การไม่ได้แล้วงั้นเหรอเนี่ย” อากิระสบถอย่างหมดหวัง เขาก้มหน้าลงหอบอย่างหมดแรง โดยที่องค์ชายซากะเดินแหวกแนวป้องกันออกมาประจันหน้ากับเขาด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัย

เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างเว้นระยะ อากิระเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าคนที่ปรบมือ คือตัวซากะเอง ที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ

“ต้องขอชื่นชมในความเก่งกาจของเจ้า สามารถล้มทหารสวรรค์ได้ถึง ห้าคนติดต่อกัน นับว่าเก่งมากสำหรับมดปลวก” ซากะเอ่ยพลางยิ้มอย่างมีชัย จ้องมองไปยังร่างอ่อนแรงราวกับตอนนี้ เขาได้กุมชัยชนะเอาไว้แล้ว

หึๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!

อากิระเปร่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ถึงกับทำให้ซากะผงะถอยหลังไปเล็กน้อย

“ขำอะไรงั้นเหรอ เจ้ามดปลวก” ซากะเอ่ยถาม ขณะที่อากิระก้มหน้าลงอีกครั้ง

“เวลาแบบนี้ยังจะมาชมกันได้อีกนะ คอยดูเถอะ ฉันจะล้มแกให้ได้ด้วยหมัดเดียวนี่ล่ะ!” อากิระพูดขึ้น เขายกแขนข้างหนึ่งขึ้นด้วยความพยายามอย่างสูง เขขาค่อยๆกำหมัดแน่น และชูเข้าหาร่างของซากะตรงหน้าอย่างช้าๆ

“สงสัยว่าแกจะไม่ได้สังเกตุ…. ข้าน่ะ ไม่เหมือนพวกเห็บหมัดพวกนั้นหรอก!!” ซากะตะโกนขึ้นเสียงดัง มือสองข้างกระชากคมดาบสีเขียวใสราวกับมรกต ตกแต่งขอบสีทอง สองเล่มชูผงาดขึ้น พร้อมกับที่ซากะพุ่งตัวเข้าใส่อากิระในทันที!

อากิระสบัดแขนข้างหนึ่งขึ้นง้าง แต่ทันทีที่เขาปล่อยหมัดออกไป ร่างของซากะก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว!

อะไรกัน!!!

ในขณะที่กำลังผงะอยู่นั้น เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ราวกับว่าลำคอซีกซ้ายของเขาฉีกขาดออกจากกัน!!

ฉูดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!

โลหิตสีแดงพุ่งทะลักออกมาจากรอยฉีดที่คอราวกับสายยางแตก จนเขาต้องรีบยกมือขึ้นปิดบาดแผลเอาไว้ด้วยท่าทีที่อ่อนแอลงกว่าเดิม

ต่อให้แข็งแกร่งดั่งภูผา สุดท้าย แกก็ยังเป็นมนุษย์!!

ซากะปรากฏตัวขึ้นอีกรั้งตรงหน้าของเขา วงค์แหวนเวทมนตร์สีน้ำเงินเข้มแผ่ออกมาจากใต้ฝ่าเท้า ก่อนที่เขาจะกระแทกคมดาบทั้งสองลงปักบนวงค์แหวนเวทมนตร์สุดแรง  ก่อให้เกิดกริชสีเขียวมรกตขึ้นกลางอากาศนับสิบเล่ม ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่ร่างของอากิระอย่างเกรี้ยวกราด!!!

“ให้ตายสิ…. จบแล้วงั้นเหรอเนี่ย…………

กริชนับสิบพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาราวกับคมเขี้ยวของราชสีย์กระหายเลือด ที่ขย้ำเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไร้ความปราณี!!

…………………..

โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------

เอาตอนที่แต่งเอาไว้ช่วงไปอยู่บ้านญาติมาลงก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวว่างๆจะแต่งต่อ

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

จะตัดจบแล้วเหรอ- -

เรย์กะ ทำอะไรบ้างสิจ๊ะ เดี๋ยวอากิระตายก่อนนะ :pika11:

Link to comment
Share on other sites

  • 3 months later...

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.