Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION - RECONNECT


Hanabira

Recommended Posts

WARNING!!

        คุณกำลังรับชมเนื้อหาของนิยายดัดแปลงเรื่อง Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION ซึ่งมีเนื้อความอยู่ในขอบข่ายของอาชญากรรม และความรุนแรง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการรับชม โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โดยใช้การ์ดดูเอลมอนสเตอร์ อาจมีการดัดแปลงเพื่อความบันเทิงสำหรับการอ่านเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้องได้

DeaTX_SCvTHE

13 เมษายน 2012


Link to comment
Share on other sites

Excavation Site Alert!!  :pika07:

พบเหมืองแร่สำหรับพื้นที่ลงเนื้่อหาคำเปรย

กรุณาหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก


Link to comment
Share on other sites

Excavation Site Alert!!  :pika07:

พบเหมืองแร่สำหรับพื้นที่ลงเนื้่อหาสารบัญ

กรุณาหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก


Chapter Contents

        สารบัญของ Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION แต่ละตอน

Symphonic I    -  OVERTURN

Symphonic II    -  BE WITH YOU TONIGHT

*กำหนดเส้นทางไปยังสถานี DA-Kingdom ชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก


Link to comment
Share on other sites

Excavation Site Alert!!  :pika07:

พบเหมืองแร่สำหรับพื้นที่ลงเนื้่อหาบรรณานุกรม

กรุณาหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก


Link to comment
Share on other sites

Writer's Information

ชื่อจริง : วรรษวรรณ ประทุมธารารัตน์

ชื่อเล่น : เคียว (มาจาก 今日 ที่แปลว่า "วันนี้")

นามปากกา : เคียวยมทูต (DEATH SCYTHE)

เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 1990


        แรกเริ่มเดิมทีตัวฉันได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องราวมาจากสื่อบันเทิงทั้งสามรูปแบบ ตั้งแต่หนังสือการ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน จนไปถึงภาพยนตร์บนจอแก้ว ฉันได้ก้าวเข้าไปสู่โลกใหม่ที่เกิดขึ้นภายในความฝัน พานพบกับตัวละครหลากหลาย ซึ่งมาจากเรื่องราวที่ต่างกัน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมามีชีวิตอยู่ในโลกของฉันเอง

        Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION เป็นนิยายดัดแปลงที่คัดลอกมาจากการ์ตูนที่มีผู้แต่งมาก่อนแล้วในชื่อของ "เกมกลคนอัจฉริยะ" ซึ่งฉันประยุกต์เรื่องราวภาคต่อขึ้นมาใหม่ตามจินตนาการของตน ไม่ใช่การขโมยผลงานเพื่อนำมาแอบอ้างหรือหวังผลประโยชน์ส่วนบุคคล ทั้งนี้ ผลงานเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความหลงใหลในเนื้อเรื่องดั้งเดิม และใช้การนำเสนอในมุมมองใหม่ที่ต่างจากต้นฉบับ โดยจะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครซึ่งก่อกำเนิดเป็นวงโคจรของเรื่องราวทั้งปวง...


Link to comment
Share on other sites

WARNING!!

        คุณกำลังรับชมเนื้อหาของนิยายดัดแปลงเรื่อง Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION ซึ่งมีเนื้อความอยู่ในขอบข่ายของอาชญากรรม และความรุนแรง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการรับชม โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โดยใช้การ์ดดูเอลมอนสเตอร์ อาจมีการดัดแปลงเพื่อความบันเทิงสำหรับการอ่านเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้องได้

DeaTX_SCvTHE

13 เมษายน 2012


Link to comment
Share on other sites

Written by DeaTX_SCvTHE

        เสียงโทรศัพท์ทำลายความเงียบ

        ประธานหนุ่มของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำแห่งประเทศญี่ปุ่นสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย พอรวบรวมสติได้ก็เอื้อมมือข้ามโต๊ะทำงานไปกดแป้นอินเตอร์คอมรับสาย เสียงของเลขาฯแทรกผ่านระบบคัดกรองของเครื่องมือสื่อสารมายังประสาทสัมผัสที่กำลังตื่นตัว "เดี๋ยวช่วยปลดซิคิวริตี้ล็อคด้วยครับ ผมกำลังจะเข้าไป" ปลายสายกล่าวสั้นๆ

        ประธานหนุ่มวัยยี่สิบสามละมือจากเครื่องสื่อสารลงมากดรหัสปลดล็อคระบบนิรภัยผ่านหน้าต่างโฮโลแกรมสีฟ้าใสมองทะลุได้ สะบัดข้อมืออีกข้างเหวี่ยงเอาหน้าต่างข่าวสารออนไลน์ปลิวกระเด็นลงถังขยะ บิดข้อต่อยืดตัวเอนหลังพิงพนักของเก้าอี้บุนวมตัวโต สองตาว่างเปล่าจ้องไปทางประตูหลังจากรู้ว่ากำลังจะมีแขกมาหา

        มีเสียงเคาะประตู ก่อนที่ผู้มาเยือนจะยุ่งอยู่กับการทำธุรกรรมกับลูกบิดร่วมหนึ่งนาที

        "ยังไม่ชินอีกเหรอ ผมคิดว่าถ้าลองเอาวัฒนธรรมการเปิดประตูเลื่อนแบบตะวันออกมาใช้กับประตูมีลูกบิดแบบตะวันตกจะดูเข้าท่าเสียอีก" เจ้าของห้องพูดในท่าประสานนิ้ว

        "ก็คงจะดูน่าสนใจดีอยู่หรอกครับ ถ้าเผอิญว่าลูกบิดมันไม่ได้ติดอยู่ในตำแหน่งชวนเข้าใจผิดแบบนี้" ชายหนุ่มผมยาวออกความเห็นหลังจากเบียดตัวแทรกผ่านบานประตูไม้เข้ามาในห้องอย่างทุลักทุเล ฟุรุเดะ ชิเงกิ เป็นเลขาฯหนุ่มผู้ดีวัยยี่สิบห้า ผมสีดอกเลาไม่ได้ทำให้เขาดูแก่เกินวัย กลับกันมันช่วยเสริมให้เขาดูมีสง่าราศีอย่างน่าประหลาด เขากระชากลูกบิดเลื่อนประตูปิดตามแบบตะวันออก ซึ่งผู้ที่ออกแบบและสั่งทำของแปลกพิศดารแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากเจ้านายของเขาซึ่งกำลังนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์คนนี้เอง

        "นี่เพิ่งจะบ่ายสามเองนะ ยังไม่ถึงเวลาเข้าประชุมเลยด้วยซ้ำ ลมพายุที่ไหนหอบคุณมาหาผมเอาป่านนี้ล่ะ"

        "ผมมีเอกสารกับตารางงานมาให้คุณเซ็น" ประธานทำหน้าเหยเก ส่วนเลขาฯก้าวฉับเข้ามาหาแล้วทิ้งเอากองเอกสารน้อยใหญ่ซ้อนกับแฟ้มปึกหนากระแทกลงบนโต๊ะจนสั่นสะเทือน "ในนี้มีสรุปกราฟจากที่ประชุมเรื่องการจัดสรรงบประมาณในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ส่วนข้างใต้นั่นเป็นแฟ้มคดีทำร้ายร่างกายที่ผมเอามาจากกองสืบสวน" จากเรื่องบัญชีตัวเลขก้าวกระโดดเข้าไปสู่เนื้อหาอาชญากรรม เพราะบังเอิญว่าประธานบริษัทคนนี้ยังมีอาชีพเสริมอย่างหัวหน้าฝ่ายสืบสวนพ่วงท้ายแถมมาด้วย

        ประธานไล่นิ้วตามขอบกระดาษ แต่ไม่คิดจะเปิดดูมันเลยแม้แต่หน้าเดียว "ที่คุณวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพบผมก็เพื่อบีบคอขอลายเซ็นให้กับเอกสารพวกนี้เนี่ยเหรอ"

        "แล้วมันมีอะไรผิดปกติตรงไหนล่ะครับ"

        "คุณโกหกได้ไม่เนียนเลยคุณเลขา... เอาล่ะ โชว์จบแล้ว ทีนี้บอกผมมาตามตรง" ประธานขยับตัวอยู่ในเบาะเก้าอี้ "เรื่องที่ผมใช้ให้คุณไปสืบคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว"

        เงียบ...

        "เราได้ตัวเขามาแล้วครับ... ตอนนี้คุมตัวอยู่ในกองสืบสวน" เสียงของฟุรุเดะแหบพร่า สำหรับประธานเรื่องนี้เป็นทั้งสิ่งที่เขาเคยคิดเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังทำใจรับการเกิดขึ้นของมันไม่ได้สักที

        "งั้นเหรอ... แล้ววันนี้ผมยังมีนัดต้องเข้าประชุมที่ไหนกับใครอีกบ้าง" การเปลี่ยนหัวข้ออย่างกระทันหันทำให้เลขาฯตั้งตัวไม่ติด ฟุรุเดะขยับกรอบแว่นพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ ล้วงเอาสมุดโน๊ตหุ้มหนังออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วเริ่มต้นไล่อ่านตารางนัดหมายที่จดเอาไว้พลางเทียบกับนาฬิกาข้อมือ

        "อีกสองชั่วโมงคุณมีนัดเข้าประชุมเรื่องแผนงานที่จะถูกเสนอให้ทำในปีหน้า ตอนสองทุ่มมีนัดให้สัมภาษณ์กับสื่อฯเรื่องงานแข่งขัน แล้วหลังจากนั้นก็มีนัดสังสรรค์กับนายกรัฐมนตรีที่โรงแรมเทย์โทจนถึงสี่ทุ่ม" แต่สายตาของผู้ถามกลับดูเลื่อนลอยเหมือนไม่ได้ฟัง เขาหมุนเก้าอี้หันหน้าออกไปรับแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านเข้ามาทางกำแพงกระจกวาวใส แต่แสงตะวันที่ควรจะร้อนแรงกลับดูหมองหม่นเมื่อเทียบกับดวงไฟในห้อง หมู่เมฆดำทะมึนกำลังก่อตัวอย่างเงียบเชียบ สังเกตได้จากสายลมที่กำลังทวีความแรงจนเขย่ากิ่งไม้ด้านนอกให้สั่นไหวจนคนที่อยู่ข้างในรู้สึกได้ ดุจดั่งพยากรณ์อากาศเตือนการเกิดของพายุ

        "ในเมื่อเรารู้ว่าพายุกำลังจะเกิด ก็ต้องรีบหาทางรับมือ"

        "ประธาน! ที่คุณพูดแบบนั้นหรือว่าคุณ..." ฟุรุเดะแทบจะสำลัก "หมายความว่าคุณเชื่อเรื่องคำพยากรณ์เหรอครับ!" เขากระแทกสองมือลงบนโต๊ะขณะกล่าวออกมาด้วยแรงโทสะ "นาคาอิ โกดะ ก็แค่ฆาตกรจิตไม่สมประกอบที่ลงมือฆ่าเพื่อนร่วมงานเพราะหลงเชื่อทฤษฎีเพ้อฝัน ผมไม่คิดว่าคำให้การของเขาจะมีความหมายอะไรในเมื่อ..." แต่เขาถูกตัดบท

        "ที่คุณพูดแบบนั้นก็เพราะคุณมีอคติ ใจเย็นหน่อยสิ ไม่ว่าเรื่องที่นาคาอิฆาตกรรมอดีตผู้อำนวยการศูนย์ฯจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่คำให้การของเขาก็ยังมีประโยชน์ในแง่ของการสืบสวนและเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามอยู่ดี" หัวหน้าฝ่ายสืบสวนในคราบของประธานกล่าว "ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง ก็ผู้ตายเป็นคนที่้เคยออกทุนอุปถัมภ์คุณนี่ใช่มั้ย" ฟุรุเดะรู้สึกว่าเบ้าตาของเขากำลังเอ่อน้ำ เลขาฯหนุ่มจึงเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อปกปิดความโศกศัลย์ แต่ประธานก็ยังไม่ได้หันกลับมา "พวกมันก็เหมือนกับกระแสลมข้างนอก ถึงตอนนี้จะยังเป็นแค่ลมกรรโชกที่ดูไม่มีพิษภัย แต่พอนานไปมันจะกลายเป็นพายุใหญ่ที่หวนกลับมาบดขยี้พวกเราจนแหลกเป็นผุยผง... คุณจะต้องจัดการกับความรู้สึกส่วนตัวให้ได้ เพราะถ้ายอมปล่อยให้อดีตครอบงำก็หมดหนทางที่จะต่อกรกับพวกมัน คุณเข้าใจใช่มั้ย" ฟุรุเดะพยักหน้าเงียบๆ

        "ยกเลิกนัดทั้งหมด" ประธานสั่งเสียงเฉียบขาด "ผมจะเดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาเดี๋ยวนี้"

        แล้ว มันโจเมะ จุน ก็หมุนเก้าอี้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเลขาฯของตัวเองอีกครั้ง...


Link to comment
Share on other sites

...

        ระเบียงทางเดินของกองสืบสวนเงียบสงัด

        ยามรักษาความปลอดภัยร่างกายกำยำสองคนยืนขนาบข้างบานประตูเหล็กที่มีลูกบิดแบบพวงมาลัยสองชั้น เป็นระบบนิรภัยสลักกลอนที่จะต้องใช้คนสองคนในการเปิดประตู ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาเดี่ยวหลบหนีออกจากห้องขังได้ด้วยลำพังคนเดียว แต่มันโจเมะกลับคิดว่ามันคงจะใช้ไม่ได้ผลเสมอไป เพราะการแหกคุกนั้นมักจะมีคนในคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้อยู่เสมอ ยามตวัดมือขึ้นจรดหางคิ้วเมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามา

        "เปิดประตูหน่อย ฉันจะเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหา" แต่ยามเพิกเฉยต่อคำสั่งของหัวหน้า ชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล

        "เข้าไปไม่ได้ครับ จนกว่าจะได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษจากเบื้องบน" คนหนึ่งพูดเสียงเหมือนหุ่นยนต์

        "มีอะไร" แต่เขาได้รับคำตอบแทบจะในทันที มีเสียงตึงตังดังออกมาจากเบื้องหลังของบานประตูเหล็ก "อ้อ... ไม่เป็นไรหรอก เปิดประตู ถ้ามีอะไรฉันจะรับผิดชอบให้เอง" หัวหน้าฝ่ายสืบสวนหนุ่มใช้สายตาที่ปฏิเสธคำว่าแต่ แต่เลขาฯ ที่เป็นผู้ช่วยนักสืบของเขารีบคว้าแขนรั้งเอาไว้ทันที

        "เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในรายงานนี่" เขาโพล่งขึ้นมาอย่างกระวนกระวาย "ผมไม่รู้ว่าเขาเป็น... ประธานจะเข้าไปไม่ได้นะครับ!"

        "บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร... เปิดประตูเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง!" เขาสั่งเสียงเฉียบขาด ยามสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนนและหันหน้าเข้าหากันพร้อมกับบิดพวงมาลัยปลดกลอนประตูห้องขัง เสียงตึงตังที่ดังอยู่ข้างในสะท้อนออกมาเหมือนกับคลื่นความร้อน มันโจเมะก้าวผ่านเข้าไปก่อนจะทิ้งท้ายเอาไว้เพียงประโยคสั้นๆ "คุณรออยู่ตรงนี้แหละ ผมขอเข้าไปคุยกับเขาสักประเดี๋ยว"


Link to comment
Share on other sites

...

        บานประตูเหล็กเลื่อนปิดตามหลัง ฟันเฟืองหมุนขยับรับส่งลงล็อคปิดสนิท

        ข้างในเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัดแบ่งด้วยกำแพงกระจกหนึ่งชั้น ผู้ชายคนนั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของกระจก หัวหน้าฝ่ายสืบสวนเปิดประตูเข้าไปข้างใน กลิ่นเหม็นของน้ำเน่าประสมกับเศษขยะลอยเข้ามาเตะจมูก แมลงสาบนับร้อยวิ่งพล่านอยู่ตามห้องและเพดานที่มีโคมไฟส่องแสงริบหรี่ห้อยต่องแต่งดูน่าสมเพช

        "เป็นห้องที่โสโครกเหมาะกับคนโสโครกอย่างแกดี" เขาลองพูดหยั่งเชิง อีกฝ่ายแค่นเสียงหัวเราะ

        "เดี๋ยวนี้เปลี่ยนสรรพนามจาก คุณ เป็น แก เสียแล้วเหรอ พ่อหนุ่มคนเก่งของฉัน" นาคาอิ โกดะ กล่าวอย่างรื่นรมย์แม้จะตกอยู่ในสภาพถูกมัดตราสัง แขนขาถูกพันธนาการด้วยผ้าพันแบบมัมมี่ แม้แต่ที่ตาก็ยังถูกคาดผ้าปิดตาเอาไว้ด้วย มันโจเมะใช้เท้าเขี่ยแมลงสาบออกจากที่นั่ง ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่โดยมีโต๊ะขนาดกลางคั่นขวางระหว่างเขากับฝ่ายตรงข้าม

        "ผมเรียกพวกที่เข้ากับฝ่ายกูลส์ว่า มัน หรือไม่ก็ แก ทุกคน" ชายหนุ่มบอก กำลังนึกอยู่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแทรกถามหาข้อยกเว้น แต่มันไม่จำเป็นเลย เพราะเขาจะยกเว้นให้กับผู้ชายคนนี้ "เรียกคุณแบบนั้นมันไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเรามาคุยกันตามปกติดีมั้ย"

        "คุยกันตามปกติ" นาคาอิทวนซ้ำ น้ำเสียงโลดเหมือนกำลังฝัน "เหมือนกับสมัยที่ฉันยังสอนหนังสือเธอน่ะเหรอ"

        "ได้แบบนั้นก็ดีครับศาสตราจารย์" เขาวางศอกลงบนโต๊ะ นั่งอยู่ในท่าประสานนิ้วมือตามถนัด สะบัดขาไล่แมลงสาบออกจากรองเท้าหนึ่งตัว

        "เมื่อกี๊เธอบอกว่าห้องสกปรกไปหน่อยใช่มั้ย แต่ขอโทษทีนะฉันคงจะจัดการทำความสะอาดให้เธอไม่ได้" มันโจเมะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดเพื่อหยอกเย้าให้เขาเกิดความรำคาญใจ ก็แมลงสาบพวกนี้มันมีตัวตนจริงๆ เสียที่ไหน ภาพลวงตาแบบนี้ ระดับสอง ไม่สิ... น่าจะระดับสามหรือสี่ อันตรายสุดขีด

        "ผมไม่ยักรู้ว่าคุณก็เป็นไซคิกเกอร์... ตั้งแต่เมื่อไหร่" เขาถามเหมือนกับเป็นเรื่องปกติเช่นโรคประจำตัว

        "ตั้งแต่เกิด" มันโจเมะเลิกคิ้ว "แต่เพิ่งจะมาพัฒนาเอาช่วงหลังมานี่ จริงๆ แล้วคนเราก็มีความสามารถแบบนี้อยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ เพียงแค่จะดึงมันออกมาใช้ได้คล่องเหมือนกับขยับแขนขารึเปล่าก็เท่านั้น ของแบบนี้ต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝน" ผู้ต้องหาในคราบของศาสตราจารย์กำลังสอนหนังสือ

        "แล้วที่พวกกูลส์ออกล่าเหยื่อตอนกลางคืนนี่มันช่วยทำให้จิตใจของคนเราพัฒนาขึ้นได้ด้วยเรอะ"

        "เธอไม่เข้าใจ" เขาส่ายหน้า "อุดมการณ์ของกูลส์ยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว่าที่เธอคิด ผิดกับพวกรัฐบาลโง่เง่าที่วันๆ ก็เอาแต่จะคิดหาทางถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศ เหมือนกับพวกบ้าในสหรัฐฯ ที่ภูมิใจกับขีปนาวุธของตัวเองนักหนา เธอไม่รู้หรอกว่าโลกกำลังเสื่อมโทรมลงทุกวันก็เพราะได้รับผลกระทบจากเรื่องพวกนี้" เขาทิ้งช่วงไปครู่หนึ่ง "ยูนิคการ์ดก็คือจิ๊กซอว์ที่จะนำมวลมนุษยชาติไปสู่วิวัฒนาการครั้งใหม่ เราจะละทิ้งโลกเดิมและก้าวเข้าสู่ยุคที่มนุษย์ใช้จิตวิทยาเป็นเหตุผลมากกว่าการใช้กำลัง เธอเชื่อเหรอว่ากฎหมายปลอดอาวุธที่ใช้กันมาตลอดสามปีจะช่วยป้องกันอาชญากรรมได้จริงๆ ความรุนแรง... ยังงอกเงยเหมือนกับวัชพืชที่ฆ่าไม่ตาย กูลส์ต่างหากที่เป็นพระผู้ช่วยให้รอดสำหรับโลกที่กำลังเน่าเฟะแบบนี้"

        "อาชญากรก่ออาชญากรรมเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยโลก ผมควรจะเชื่อคำพูดของคุณได้แค่ไหน"

        "พูดแบบนี้เลือกที่รักมักที่ชังนี่ ไหนฉันขอลองถามเธอหน่อย ระหว่างฉันกับพ่อเลขาฯ คนนั้นเธอคิดว่าใครน่าไว้ใจมากกว่ากัน" ถามอะไรของเขา

        "ผมก็ต้องเลือกคนของผม" เขาตอบโดยไม่ต้องคิด นาคาอิทำเสียงจิ๊จ๊ะเป็นเชิงตำหนิลูกศิษย์

        "ตอบแบบนี้ได้ 0 คะแนน" ศาสตราจารย์อ้าปากยิ้มเห็นฟันเหลือง "เธอควรจะชั่งใจระหว่างสถานภาพของทั้งสองฝ่ายก่อนแล้วค่อยวิเคราะห์อย่างใจเย็น เธอรู้จักฉันดี แต่พ่อเลขาฯ คนนั้นล่ะเธอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง"

        "รู้ว่าเขาเป็นคนดี ซื่อตรง ไม่เหมือนกับคุณ" มันโจเมะตอบสั้นๆ

        "นั่นแหละ! ตรงนั้นแหละที่สำคัญ" ถ้าไม่ได้ถูกมัด นาคาอิคงจะตบมือสนับสนุนให้กับประโยคเมื่อครู่ "เพราะเขาเป็นคนซื่อ เธอจะไม่มีวันนึกถึงเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรนอกลู่นอกทาง มันอยู่นอกเหนือการคำนวณ ผิดกับฉันที่ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็รู้และคิดตามถามเหตุผล" ทฤษฎีของเขาฟังดูน่าสนใจ ถ้ามันไม่ได้ส่อไปในทางยุแยงตะแคงรั่ว ปล่อยเอาไว้แบบนี้คงจะไม่คืบหน้าไปถึงไหน ถึงเวลาเข้าเนื้อหากันจริงๆ เสียที

        "แล้วไอ้อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของพวกคุณ..." มันโจเมะบดปลายเท้าขยี้แมลงสาบสองตัวแหลกเละ "มันมีเหตุผลอะไรสลักสำคัญถึงขนาดต้องลงมือฆ่าอดีตผอ.ของศูนย์วิจัยพัฒนามนุษย์ด้วยล่ะครับ" เขารู้สึกว่าจำนวนของแมลงสาบเพิ่มมากขี้น อำนาจจิตของนาคาอิกำลังเข้าครอบงำสติสัมปชัญญะ "บอกผมหน่อยสิศาสตราจารย์ ในคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นที่สถานี ที่ว่าสารเคมีรั่วไหลนั่นมันไม่ได้เป็นอุบัติเหตุใช่มั้ย"

        "เธอคิดว่าฉันฆ่าเขางั้นเหรอ"

        "พยานหลักฐานมัดตัวคุณแน่นหนา เพราะนอกจากผู้ตายคุณก็เป็นคนเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ"

        "พูดไปก็เหมือนลมปาก เธอช่วยถอดผ้าปิดตาน่ารำคาญนี่ออกให้ทีสิ" เป็นที่รู้กันว่าดวงตาใช้สื่อสารได้ดีกว่า แต่เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องคาดผ้าปิดตาให้กับผู้ต้องหาที่เป็นไซคิกเกอร์ ก็เพราะว่าการสบตาอาจจะนำไปสู่การสะกดจิตหรือถูกควบคุมถ้าจิตใจของเหยื่อไม่แข็งแรงพอ แต่ของแบบนั้นมันใช้ไม่ได้ผลกับเขา มันโจเมะกระชากผ้าปิดตาออก ใบหน้ายับยู่ยี่ที่มีริ้วรอยแก่เกินวัยของคนอายุสี่สิบเผยอเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาเป็นสีซีดจางจนแทบจะกลมกลืนไปกับตาขาว เขาตาบอด

        "คุณตาบอด"

        "ดวงตาก็แค่สิ่งที่เอาไว้มองภาพลักษณ์ภายนอก แต่ฉันแลกมันกับตาของจิตที่มองเห็นอะไรได้ดียิ่งกว่า เช่นในตอนนี้ฉันมองเห็นความกลัวที่ซ่อนอยู่ลึกสุดขั้วหัวใจของเธอ มันโจเมะ จุน!!" สติของชายหนุ่มถูกบีบรัดจนแน่น ดวงตาสีขาวบาดลึกเข้ามาข้างในจนรู้สึกเจ็บเหมือนถูกขยี้หัวใจ แมลงสาบนับล้านวิ่งพล่านอยู่ในหัวสมอง กรูกันกัดกินเนื้อเยื่อที่บอบบางและไร้การป้องกัน

        โครมมม!!

        หัวหน้าฝ่ายสืบสวนชักกำปั้นซัดเข้าที่กรามของผู้ต้องหาจนกระเด็นล้มลงจากเก้าอี้ มืออีกข้างกุมขมับที่กำลังปวดตุบ หน้าอกสะท้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนหายใจแทบไม่ทัน รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งสรรพางค์กายดุจฝูงแมลงร้ายกำลังรุมทึ้ง มันโจเมะเดินเซไปที่ข้างโต๊ะ สำรอกออกมาเป็นของเหลวสีขาวไหลทะลักเหมือนกับท่อน้ำรั่ว นาคาอิกลั้วหัวเราะ

        "ถ้าเป็นคนธรรมดาล่ะก็" เลือดไหลออกทางจมูกและปากบริเวณที่ถูกชก "โดนฉันควบคุมไปนานแล้วไอ้หนู"

        "พวกแกมีแผนอะไร กูลส์มีเป้าหมายอะไร!!" เขาตะคอก พยุงตัวขึ้นมาโดยใช้โต๊ะเป็นที่เท้าแขน ภาพลวงตาในห้องหายไปแล้ว

        "เราต้องการจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย... ชิ้นส่วนที่จะปะติดปะต่อภาพร่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นให้เป็นปึกแผ่น ตัวตนของวิวัฒนาการที่มีพลังอำนาจเหนือยิ่งกว่าเหล่าไซคิกเกอร์ทั้งปวง" มันโจเมะกดกริ่งที่อยู่บนกำแพงเพื่อเรียกให้เจ้าหน้าที่เข้ามาในห้อง "หนึ่งเดียวที่สามารถพลิกผันสิ่งที่อยู่เหนือสามัญสำนึกให้กลายเป็นความจริง เด็กที่มีพลังแฝงของพระผู้เป็นเจ้า เราเรียกเขาว่า... Child of Eden" เจ้าหน้าที่หกคนในชุดป้องกันเข้ามาพร้อมกับเข็มฉีดยา มันโจเมะสั่งให้คาดผ้าปิดตาแล้วให้ยาระงับประสาท ก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ของกองสืบสวนทั้งหมดทันที...


Link to comment
Share on other sites

Writer's Commentary

        สวัสดีค่ะ, ก็จบกันไปสำหรับตอนแรกของนิยายดัดแปลงซีรีส์ Yu-Gi-Oh! FINAL EVOLUTION นะึคะ >_< จริงๆเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องเก่าซึ่งแต่งเอาไว้ตั้งแต่สมัย 2-3 ปีก่อนนู้น โครงเรื่องจึงยังเป็นแบบโบราณ การ์ดที่พบจะค่อนข้างเก่าพอสมควรค่ะ ที่นำมาเผยแพร่ในบอร์ด PK-Basic ก็เพราะได้รับคำแนะนำสถานที่จากคนรู้จักคนหนึ่งจึงได้มาปรากฏ ณ บอร์ดแห่งนี้... ยังไงก็ขอฝากตัวและผลงานด้วยนะคะ ทุกท่านมีสิทธิ์ติชมได้ตามอัธยาศัย เพราะยังไงคนแต่งก็มีแนวเรื่องเป็นของตัวเอง ไม่ตามกระแสคอมเมนท์แฟนๆอยู่แล้วค่ะ(อ้่าว @_,<)

        สำหรับเนื้อเรื่องของ FINAL EVOLUTION ในตอนที่ 1 หรือชื่อตอนว่า OVERTURN นั้น เคยถูกเผยแพร่ในฉบับเก่ากว่านี้มาแล้วถึง 2 ครั้งในบอร์ดอื่นด้วยกัน ซึ่งฉบับที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่นี้เป็นฉบับสมบูรณ์ที่ผ่านการแก้ไขและปรับปรุงเนื้อเรื่องมาอย่างยาวนาน(ฮา) ทางผู้แต่งเองก็ได้แต่หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะมีอารมณ์คล้อยตามและสนุกไปกับการอ่านตอนแรกของนิยายดัดแปลงชุดนี้นะคะ ชื่อตอน OVERTURN นั้นสื่อถึงการพลิกกลับมาชนะอย่างท่วมท้น การกลับมาอยู่เหนือกว่าอย่างไำม่น่าเชื่อ ดังเช่นที่ชินอิจิสามารถโต้คืนใส่ทาเคชิได้อย่างเหนือความคาดหมาย


UNIQUE CARD Column

        กล่าวถึงยูนิคการ์ดสำหรับผู้ที่เพิ่งเคยอ่านหรือได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรกอาจจะงงนิดนึง ยูนิคการ์ดก็คือ Fictional Card หรือการ์ดเมคเกอร์ที่แต่งขึ้นมาเองจากจินตนาการของผู้แต่งเสริมเข้ามาในนิยายดัดแปลงเรื่องนี้ ซึ่งจะไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั่นเองค่ะ โดยใน FINAL EVOLUTION จะทิ้งปริศนาเกี่ยวกับยูนิคการ์ดเอาำไว้มากมายซึ่งบทเฉลยเกี่ยวกับยูนิคการ์ดนั้นจะทยอยคลายปมให้ผู้อ่านได้ติดตามกันในภายหลัง

        สำหรับยูนิคการ์ดที่ปรากฏอยู่ในตอนแรกนั้นมีอยู่ทั้งหมดด้วยกัน 3 ใบ จะเป็นการ์ดอะไรบ้างนั้นเราลงไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

uniquecard0012.jpg

[กลาดิอัล แท็กฟอร์ซ]

กับดักปกติ

สามารถใช้งานได้เมื่อมีมอนสเตอร์ที่มีชื่อ [กลาดิอัลบีสท์] ถูกอัญเชิญแบบพิเศษจากในเด็คสำเร็จ. อัญเชิญแบบพิเศษมอนสเตอร์ 1 ตัวที่มีชื่อ [กลาดิอัลบีสท์] ที่มีเลเวลตั้งแต่ 5 ขึ้นไปจากในเด็คของเราโดยไม่สนใจเงื่อนไขในการอัญเชิญ. เอฟเฟ็คท์ของมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญแบบพิเศษโดยเอฟเฟ็คท์นี้จะถูกทำให้ไร้ผล.


UNIQUE CARD ALERT!!

TUSN-066 [THE UNHOLY SANCTUARY's INDEX]

...

        ยูนิคการ์ดใบแรกเป็นกับดักซัพพอร์ทการอัญเชิญกลาดิอัลบีสท์เลเวลสูง ตั้งใจออกแบบมาเพื่อใช้เรียกสปาร์ติคัสหรืออเล็กซานเดลโดยเฉพาะ ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าจะวาดออกมาเป็นแอคชั่นของสปาร์ฺติคัสกำลังจะพุ่งทะยานหรือทำอะไรก็ว่าไป แต่สปาร์ติคัสจะมีอาร์ทเวิร์คอยู่ในยูนิคการ์ดอีกใบที่ใช้เล่นกับมันโดยเฉพาะ เลยแชร์อาร์ทเวิร์คของแท็กฟอร์ซไปให้ออคตาเวียสที่ไม่มีอยู่ในการ์ดซัพพอร์ทใบไหนเลยแทน

uniquecard0021.jpg

[มาเซนารี่คอล]

เวทมนตร์ปกติ

ส่งการ์ดเวทมนตร์สวมใส่ 1 ใบที่มีชื่อ [ศาสตราวุธ] จากบนมือลงสุสาน, สามารถใช้งานได้ในกรณีที่มี [กลาดิอัลบีสท์ สปาร์ติคัส] หงายหน้าอยู่บนฟิลด์ของเราเท่านั้น. นำการ์ดเวทมนตร์สวมใส่ 3 ใบที่มีชื่อ [ศาสตราวุธ] จากในเด็คขึ้นมือ.


UNIQUE CARD ALERT!!

TUSN-060 [THE UNHOLY SANCTUARY's INDEX]

...

        การ์ดเสิร์ชจำนวนมากที่อาจจะดูเหมือนโกงแต่ไม่โกง? เพราะดันต้องมาเล่นกับสปาร์ฺติคัสที่ไม่มีคนใช้ สำหรับในนิยายชุดนี้จะเน้นทำการ์ดซัพพอร์ทให้มอนสเตอร์ตัวเก่าๆที่ไม่ค่อยมีคนเล่นเสียเยอะ โดยเฉพาะการ์ดใบนี้ที่ทางผู้แต่งก็ไม่รู้ว่าทาเคชิจะได้หยิบสปาร์ติคัสออกมาเล่นอีกเมื่อไหร่

uniquecard0031.jpg

[ศาสตราวุธของกลาดิอัลบีสท์ ทวินแลนซ์]

เวทมนตร์สวมใส่

สวมให้ได้กับมอนสเตอร์ที่มีชื่อ [กลาดิอัลบีสท์] เท่านั้น. สามารถใช้งานได้ในระหว่างช่วงแบทเทิลเฟสที่มอนสเตอร์ที่สวมได้โจมตีไปแล้ว. โดยส่งการ์ดใบนี้กับการ์ดเวทมนตร์สวมใส่ 1 ใบที่มีชื่อ [ศาสตราวุธ] ที่หงายหน้าอยู่บนฟิลด์ของเราลงสุสาน, ในเทิร์นนี้มอนสเตอร์ที่สวมจะสามารถโจมตีได้อีก 1 ครั้ง. ต่อจากนั้น, ในกรณีที่การโจมตีนั้นเป็นการโจมตีใส่มอนสเตอร์, พลังโจมตีของมอนสเตอร์ที่กำลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นตามครึ่งหนึ่งจากพลังป้องกันของมอนสเตอร์ที่เป็นเป้าโจมตีในช่วงคำนวณดาเมจ. เมื่อการ์ดใบนี้ถูกส่งลงสุสานจากการที่มอนสเตอร์ที่สวมถูกนำกลัีบเข้าเด็คจากบนฟิลด์ของเรา, นำการ์ดใบนี้กลับขึ้นมือ.


UNIQUE CARD ALERT!!

TUSN-061 [THE UNHOLY SANCTUARY's INDEX]

...

        สำหรับทวินแลนซ์ตอนแรกออกแบบให้เป็นหอกคู่ แต่พอนึกภาพเกโอดิอัซแบกหามอาวุธเยอะๆแล้วมันดูติงต๊องชอบกลก็เลยตัดทอนให้เป็นหอกสองปลายแทน ส่วนเรื่องเอฟเฟ็คท์ของการ์ดใบนี้เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง คือออกแบบมาเพื่อให้เกโอดิอัซได้ปาซ้ำได้ก็แค่นั้น ไม่ได้วางแผนจะใช้ต่อในอนาคต(มั้งนะ)


        ก็จบกันไปสำหรับคอมเมนทารี่ในตอนแรกนี้นะคะ ลองอ่านดูแล้วรู้สึกยังไงก็ขอคอมเมนท์กันหน่อยก็แล้วกันค่ะ จะเป็นการติชมหรือแนะนำยังไงก็ได้ แค่ได้รับคอมเมนท์แม้จะเพียงสั้นๆแต่ก็ทำให้ผู้แต่งรู้สึกปลื่มปิติที่ผลงานของตัวเองมีผู้ให้ความสนใจ ยังไงก็ขอฝากตัวอีกครั้งนะึคะ แล้วเอาไว้พบกันใหม่้ฉบับหน้าค่ะ บับบายยย~ Q(>__,@Q )

DeaTX_SCvTHE

Writer of the FINAL EVOLUTION


Link to comment
Share on other sites

ชอบอ้ะ ฉากดูเอลสนุกดีนะ  :pika01:

รอติดตามอ่านอยุ่จ้าาาาาา ;)

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.