Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

วันๆอันแสนวุ่นวายของผมและกิราติน่า(ชื่อชั่วคราวครับ)


กิราติน่า_จัง

Recommended Posts

พอดีเมื่อหลายวันก่อนนี้ว่างๆ เลยมีโอกาศได้ไปเจอฟิคที่ผมเคยแต่งสมัยอยู่ประถม เลยเกิดมีความคิดอยากจะลองแต่งโดยใช้ plot เรื่องคล้ายๆเดิมดูนะครับ แต่พอลองแต่งใหม่ไอเดียมันบังเจิดจน plot เรื่องเปลี่ยนไปจนแถบจะไม่เหลือเค้าเรื่องเดิม อ่านแล้วอย่ายลืมติชม วิพากวิจารณ์ แสดงความคิดเห็น ด้วยนะครับ งั้นก็เชิญรับชมได้เลยครับ


[move]Updated Episode V จ้า[/move]


สารบัญ

Episode I โลกของผม

Episode II มืองที่เปลี่ยนไป

Episode III ความจริงไป

Episode IV การแก้แค้นของนีโร

Episode V ออกเดินทาง

Episode VI ???

Episode VII ???

Episode VIII ???

Episode IX ???

Episode X ???

แนะนำตัวละคร

ComingSoon น่อ

Episode I โลกของผม

                  วันหนึ่ง ณ ใต้ต้นไม้ลิมแม่น้ำต้นหนึ่ง มีเด็กชายคนหนึ่งนอนอยู่ส่วนข้างๆก็มีโปเกมอนมังกรหน้าตาน่ารักนอนอยู่ ใช่.. นั้นก็คือตัวผม และโปเกมอนของผมกิราติน่า คงต้องแนะนำตัวก่อนสินะ ผมชิ่ราราชิ มามีเรียม ซึ่งแน่นอนนั้นไม่ใช้ชื่อจริงของผมหรอก อายุ ก็...อืม...เอาเป็นว่าไม่บอกละกัน ส่วยข้างๆคือกิราติน่าของผมชื่อ กิรัจจัง แต่กิราติน่าของผมนั้นจะไม่เข้าไปอยู่ในมอนสเตอร์บอลเหมือนโปเกมอนตัวอืน แต่เวลาที่ไม่ได้สู้จะอยู่ในสถาพตัวเล็ก ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือกันว่าเพราะอะไร ถ้าอยากรู้ว่าทำไมผมถึงมานอนอยู่ที่นี่นะก็เพราะผมไม่มีอะไรทำเท่านั้นแหละ... งั้นผมก็ขอจบการแนะนำตัวเลยละกัน 

                                                                                                               

                      ”นี่มาสเตอร์ คิดว่าในอนาคตโปเกมอนจะเป็นยังไงเหรอ” อยู่ๆ กิราติน่าก็ถามคำถามแปลกๆกับผม มันทำให้บรรยาเงียบสงบที่มีมาจนถึงเมื่อกี้กลายเป็นบรรยากาศที่ดูตึงเครียดแทน ผมตอนกลับไปด้วยน้เสียงที่ดูเศร้าๆและแผ่วเบา“ในอนาคตนะ..มีโปเกมอนซะที่ไหนละ” คำตอบของผมเหมือนจะทำให้กิราติน่ารู้สึกแปลกใจมากแต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่ออยู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหลังของผม

                      “เฮ้ รัจจังมาแบทเทิลกันเถอะ” ผมมองไปที่ต้นเสียงก็พยเด็กชายรูปร่างผอมสูงอยู๋ ใช่... เขาคือ เอมเพอเน อโทรนิว หนึ่งในเพือนของผมที่มีอยู่น้อยนิดใน ยุคนี้ ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเบื่อหน่าย “อา.. ได้สิแต่ขอแบบ1 ต่อ 1 นะ”ที่ผมมจะแบทเทิลแบบ 1 ต่อ 1 ก็เพราะว่าในตอนนี้โปเกมอนที่อยู่กับตัวผมมีแค่กิราติน่าเท่านั้น “ได้สิ” เอมเพอเนตอบกลับมา ผมเริ่มลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ที่นอนอยู่แล้วพาเอมเพอเน่ไปที่ทุ่งหญ้าใกล้ๆแถวนั้น

                        “เริ่มละนะ ไปเลย Mareep” เอมเพอเนส่งโปเกมอมที่มีขนปุกปุยสีขาวออกมา ด้วยท่าทางมั้นใจ “ออกไปลุยเลยกิรัจจัง” พอผมพูดจบกิราติน่าที่ตัวเล็กหน้ารักเมื่อกี้นี้ก็กลับกลายมาเป็นโปเกมอนมังกรตัวโตหน้าเกรงขามเหมือนปรกติ “Mareepลุยเลย magnet rise” พอเอมเพอเน่ออกคำสั่งร่างกายของMareepdก็ลอยขึ้นมาจากพื้น “กิรัจจัง dragom claw” หนามแหลมๆบนปีกของกิราติน่าเริ่มเรืองแสงสีม่วงออกมาแล้วกิราติน่าก็ฟาดมันลงไปบนร่างของMareep ดูเหมือนว่าMareepจะได้รับความเสียหายอยู่มาก แต่เอมเพอเน่ก็ยังพูดออกมาด้วยความมั้นใจว่า “ฮ่าๆ ติดกับแล้ว” ทันใดนั้นร่างกายของกิราติน่าก็ทรุดลงและดูเหมือนว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งวนอยู่ทั่วร่างกาย ผมรู้ทันทีว่านั้นคือสถานะ อัมพาต ผลของ ability static ของMareep แน่นอน “เก่งขึ้นนี้ แต่ว่าแค่นี้หยุดกิรัจจังไม่ได้หลอก กิรรัจจัง shadow force” ผมกร่าวชมเอมเพอเน่และเริ่มสวนกลับทันที ร่างกายของกิราติน่าเริ่มเปลี่ยนไปแต่เดิมปีกที่เคยมีหนามแลมติดอยู่ก็แยกออกจากกัน กลายเป็นเหมือนหนวดหรืออะไรสักอย่างที่มีหนามแหลมติดอยู่ที่ปลาย ขาที่เคยมีอยู่หกขาก็หายไปกลายเป็นลำตัวยาวจนไปถึงหางและมีหนามติดแทน หน้าตาก็เปลียนไปอยู่นิดหน่อย หลังจากนั้นก็มีหลุมสีดำโผล่ขึ้นมากลางอากาศ กิราติน่าหายเข้าไปในหลุมนั้น สร้างความตืนตกใจให้กับเอมเพอเนและMareepมาก

                          “เอ้ หายไปไหน”เอมเพอเนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูวิตกกังวล ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ใช้กิราติน่าในการแบทเทิลครั้งนี้ เพราะระดับฝีมือของ เอมเพอเนและMareepในตอนนี้คงจะสู้กิราติน่าไม่ได้แน่ แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะโปเกมอนที่ผมมีในตอนนี้มีแค่กิราติน่าเท่านั้นนี้นะ และแล้วกิราตืน่าก็โผล่มาพุ่งชนMareep จากครั้งหลังจนหมดสถาพไป “หนอย แกฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าชั้นชนะแน่” เอมเพอเนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหขณะเก็บMareepเข้าไปในมอนสเตอร์บอล สีหน้าของเขาดูแค้นมาก “ผมไม่รับฝากหลอก ถ้าจะฝากก็ไปธนาคารนู้นไป”ผมตอบกับไปแบบกวนๆ นั้นทำให้เอมเพอเน่โมโหมากขึ้น “กลับกันเถอะ ผมเริ่มหิวแล้ว” ผมช่วนเอมเพอเน กลับไปที่เมืองเพราะพอรู้ตัวอีกที่นี่ก็เที่ยงแล้ว “ได้ กลับก็ได้” เอมเพอเนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยังโมโหอยู่ กิราติน่าของผมกลับเป็นรูปร่างเดิมแล้วตัวก็หดเล็กลง แล้วพวกเราก็เดินกลับไปที่เมืองโดยไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเกิดขึ้น.....                                                               

                                                                                                                                       

To Be Continued...

Link to comment
Share on other sites

โอม~~ กระทู้นี้จงหลุดจากคำสาปเก่าด้วยเถิด...

กิรัจจัง ชื่อน่ารักชะมัด ขอให้เขียนต่อไปได้เรื่อยๆ สู้ๆน่อ Qowo

Link to comment
Share on other sites

อนาคตไม่มีโแเกม่อน....เอ้...มันจะใหเอารมณ์แบบ Pokemon Mystery Dungeon : The Explorer of time หรือเปล่านะ ที่หนึ่งโปเกม่อนกับหนึ่งเทรนเนอร์ต้องย้อนมาแก้ไขอดีตนะ....น่าลู้นความเป็นไปของเนื้อเรื่องจริงเชียว  :pika04:

Link to comment
Share on other sites

น่าติดตามมากค่ะ พยายามต่อไปนะคะ :pocha01:

Link to comment
Share on other sites

Episode II เมืองที่เปลี่ยนไป

                พอผมและเอมเพอเนกลับมาถึงเมืองก็พบว่าบรรยากาศของเมืองนั้นแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่พบผู้คนอยู่เลย บรรยากาศที่ดูมืดมน และที่ทำให้พวกผมรู้สึกกลัวก็คือกลิ่นคาวเลือดที่รอยฟุ้งในอากาศ และในขณะที่ผมและเอมเพอเนยังคงสับสนอยู่ ก็มีสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายมนุษย์ แต่ผมมันใจเลยว่านั้นไม่ใช่มยุษย์แน่ รูปร่างอันน่าสยดสยองนั้นไม่มีหัว ตามร่างกายเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ ใช้แล้วมันคือสิ่งเราคุ้นเคยกันดีในหนังสยองขวัญ “ซอมบี้” ผมและเอมเพอนากลัวจนทำอะไรไม่ถูกซอมบี้ก็เดิมเข้ามาใกล้พวกผม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกผม

                    ”เออ โทษทีนะพวกนายนะช่วยหาหัวให้ฉันหน่อยสิ ม่รู้ไปทำตกไว้ที่ไหน” ซอมบี้ตัวนั้นพูดทั้งๆทั่ไม่มีหัว พวกผมตกใจแทบช็อค ผมพยายามรวบรวมสติและถามกับไปด้วยน้ำเสียงที่เผ่วเบา “คุณเป็นใคร แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่ไม่มีหัวแต่ทำไมคุณถึงยังพูดได้ละ” ซอมบี้ตัวนั้นยืนค้างอยู่สักพักแล้วจึงตอบกับมาว่า “อืม... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ คงจะเป็นเพราะสมองหายไปพร้อมกับหัวละมั้งเลยจำอะไรไม่ได้เลย” ผมเลยหันไปปรึกษากับเอมเพอเนแต่เขาก็หายตัวไปซะแล้ว ผมสันนิษฐานว่าเขาคงกลัวเลยวิ่งหนีไปโดยทิ้งผมและกิราติน่าไว้กับซอมบี้ยังงั้นสินะ

                      “ตกลงผมจะช่วยหาหัวให้คุณ” ผมไม่มีทางเลือกจึงตอบตกลงไป เพื่อจะได้รู้เกียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่คงมีแต่ทางนี้เท่านั้น ก่อนจะเริ่มค้นหาผมหันไปพูดกับกิราติน่าว่า ”กิรัจจัง นายไปซ่อนตัวที่อีกโลกนึงก่อนนะที่นี่มันอันตราย” ”แต่ว่ามาสเตอร์อยู่คนเดียวมันอันตรายนะ” กิราติน่าดึงดันจะอยู่กับผม แต่ผมคงให้อยู่ด้วยไม่ได้หรอกมันอันตรายเกินไป “นายนะพึ่งจะสู้ไปยังเหนื่อยอยู่ อยู่ด้วยก็ไร้ประโยชน์รีบไปซะ” ”แต่ว่า” “บอกให้ไปไงเหล่านี้เป็นคำสั่งนะ” กิราติน่าจึงจำเป็นต้องไปอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากสะสางเรื่องของกิราติน่าได้แล้วผมก็หันไปคุยกับซอมบี้ “เรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ” แต่ซอมบี้ตอบกับผมด้วยท่าทางงงว่า”ไปไหนเหรอ ว่าแต่นายเป็นใคร” ผมเลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีสมองเลยความจำสั้นก็ได้ ผมถอนหายใจแล้วลากตัวซอมบี้ไปโดยไม่บอกอะไร เพระบอกไปเดียวก็ลืมอีกอยู่ดี

                     

                      หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงผมค้นหาหัวของซอมบี้ในที่ต่างในเมืองแต่ก็ยังไม่เจอไม่เจอแม้แต่ชาวเมืองคนอื่นหรือแม้กระทั้งซอมบี้ตัวอื่น จนผมมาถึงอาคารใหญ่ที่อยู่กลางเมือง ซึ่งเป็นอาคารใหม่ของบริษัทอะไรสักอย่างที่ผมจำไม่ได้เพราะพึ่งมาเปิดสาขาที่เมืองนี้จะว่าไปแล้วที่นี่ละหน้าสงสัยที่สุด ผมรวบรวมสมาธิก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป แต่ก็ไม่พบอะไรอยู่ดี ผมจึงไปแวะนั่งพักที่สวนสาธารณะข้างๆ พอผมหายเหนื่อยก็เลยเดินออกไปจะสำรวจต่อ แต่ผมดันอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาแต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆห้องน้ำผมก็รู้สึกแปลกๆ เพราะรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเลือดลอยออกมาจากห้องน้ำ ผมจึงหยิบมีดคัตเตอร์ อาวุธเพียงอย่างเดียวที่ผมมี แต่ถ้าเป็นซอมบี้จริงๆมันคงไม่ค่อยจะมีประโยชน์

                        ผมเดินเข้าไป ถีบประตูเข้าไปก็พบฝูงซอมบี้ในนั้น (ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือกันว่ามันไปทำอะไรกันในนั้น) ผมรีบใช้มีดคัตเตอร์ของตัวเองฟันไปที่แขนของซอมบี้ตัวหนึ่ง ทั้งๆที่รู้ว่าไม่น่าจะได้ผล แต่ว่าแขนของซอมบี้ตัวนั้นกับขาด แล้วกะเด็นไปเลือดของมันสาดมาใส่ผมเต็มที่ ผมรีบตั้งสติวิ่งออกมาเพราะว่าจากที่เคยดูมาในหนังซอบี้มันทำได้แค่เดินช้าๆเท่านั้น แต่มันไม่ใช่กับซอมบี้ฝูงนี้ พวกมันวิ่งเร็วมาก มันวิ่งมาล้อมผมไว้อย่างรวดเร็ว ในขณะผมคิดว่าตายแน่ๆ “ปั้ง!”อยู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นซอมบี้ที่ล้อมผมไว้ล้มไปกว่าขึ้นในการยิงเพียงนัดเดียว

               

                        ผมมองไปที่คนที่มาช่วยผม ผมพบเด็ดผู้หญิงผมยาวสีฟ้า คนหนึ่ง “นั้นพี่รา นี่ โชคดีจังที่ปลอดภัย” เด็กผู้หญิงคนนั้นพูด ผมนึกออกแล้วเธอคือน้องสาวของเอมเพอเน      นีโร “นีโรจัง ปลอดภัยดีเหรอแล้วมันเกิดอะไรขึ้น” ผมถามเธอไปด้วยความสงสัย “ก็ไม่รู้เหมื่อนกันแต่อยู่ คนในเมืองก็กลายเป็นซอมบี้ ตอนที่วิ่งหนีอยู่ก็บังเอิญเก็บปืนได้ พอมาถึงที่นี่ก็เจอพี่ราไงละ” “งั้นเหรอ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำสียงผิดหวัง “แล้วพี่ละเป็นยังไงบ้าง” เธอถามด้วยความเป็นห่วง ผมตอบกับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าๆ “เราพัดหลงกันนะผมก็กำลังหาเขาอยู่เหมือนกันว่าแต่ผมขอยืมปืนนั้นหน่อยสิ” พอผมได้รับปืนจากเธอ ผมวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งโดยปราศจากความกลัว โดยเธอก็วิ่งตามผมมาด้วย พวกเราผ่านเข้าไปจนสุด ก็พบกับ Rhyhorn คาบหัวของซอมบี้อยู่ แต่ท่าทางของ Rhyhorn นั้นเหมือนกับซอมบี้มาก ทำให้ผมรู้ว่าไม่เพียงแค่มนุษย์แต่โปเกมอนก็กลายเป็นซอมบี้ไปด้วย อยู่ Rhyhorn นั้นก็วิ่งมาจะชนผมตอนที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว

                                                                                                                     

To be continued...

Link to comment
Share on other sites

ตั้งแต่ย่อหน้าที่ 4 ลงไป ซอมบี้ไร้หัวหายไปไหนหว่า ไม่ได้ตามพระเอกไปหรอกเหรอ? และถ้าตามพระเอกไปจริงๆ แล้วทำไมนีโรไม่ตกใจละเนี้ย โอ้...ลึกซึ้ง

และอยากบอกว่า...ชื่อตอนของท่าน ช่างเหมือนชื่อตอนในนิยายผมมากเลยละ แถมสาเหตุที่เปลี่ยนก็เพราะซอมบี้อีกด้วย! เมี้ยว! เหมือนกันจริงๆเลยน้อ ความบังเอิญมีจริงบนโลกแท้ๆ

http://www.pkbasic.com/forum/index.php?topic=2511.msg66784#msg66784

Link to comment
Share on other sites

สนุกมากค่ะ แล้วจะรออ่านนะคะ :pocha01:

Link to comment
Share on other sites

ตั้งแต่ย่อหน้าที่ 4 ลงไป ซอมบี้ไร้หัวหายไปไหนหว่า ไม่ได้ตามพระเอกไปหรอกเหรอ? และถ้าตามพระเอกไปจริงๆ แล้วทำไมนีโรไม่ตกใจละเนี้ย โอ้...ลึกซึ้ง

และอยากบอกว่า...ชื่อตอนของท่าน ช่างเหมือนชื่อตอนในนิยายผมมากเลยละ แถมสาเหตุที่เปลี่ยนก็เพราะซอมบี้อีกด้วย! เมี้ยว! เหมือนกันจริงๆเลยน้อ ความบังเอิญมีจริงบนโลกแท้ๆ

http://www.pkbasic.com/forum/index.php?topic=2511.msg66784#msg66784

ถึงว่า....ทำไมคุ้นๆ...

คล้ายกันจัังแฮะ เหอๆๆๆ

.

.

รออ่าต่อนะฮะ^^

Link to comment
Share on other sites

แว้กกก Pokemon+Zombie Apocalypse งั้นหรือ ไม่ธรรมดานะเนี่ย

ต้องใส่ในลิสต์ติดตามซะแล้ว

สู้ๆนะครับ  :like:

ความเห็นส่วนตัว : แนวนี้มันแต่งยากใช่เล่นนะครับ

Link to comment
Share on other sites

ซอมบี้~

สนุกมากครับรอติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆน่อ

Link to comment
Share on other sites

ขอคอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติชมมากครับ เชิญรับชมกันได้เลยครับ

Episode III ความจริง

                      ”คัท” มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ผมหันไปหาต้นเสียงก็พบกับเขา ซอมบี้หัวขาดนั้นเอง แต่ตอนนี้เขากลับมามีหัวแล้ว พอผมเห็นหน้าของเขาทำให้ผมรู้ว่าเขาคือ ซอล พ่อของฟัวโกเพื่อนอีกคนของผมที่พึ่งย้ายมาในเมือง สร้างความแปลกใจกับผมมาก “แสดงได้ดีมาก นีโรแล้วก็รัจจังด้วย” เขากล่าวชม “ขอบคุณคะ” นีโรตอบกลับ “เดี่ยว นี่มันอะไรกัน” ผมถามออกไป “อ้อ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะนี่นะเป็นการถ่ายละคร” คำตอบนั้นทำให้ผมตกใจมาก แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่มันไม่ใช่เรื่องจริง

                     

                      “มาล้อเล่นแบบนี้มันไม่สนุกนะครับนี่คิดอะไรอยู่” ผมพูดออกไปด้วยความโกรธ “ก็ ระหว่างที่กำหลังถ่ายทำอยู่พวกพี่ก็โผล่เข้ามานี่น่า” นีโรตอบกลับมา “เออ มันก็จริง” ผมตอบ “แล้วทำ ไมไม่บอกพวกเราละ” ผมถามกลับ “ก็ ผู้กำกับเขาชอบนี่นาเล่นนอกบทนะ เลยแต่งเป็นซอมบี้หัวขาดไปหลอกพากพี่” นีโรพูดพร้อมชี้ไปที่ซอล “งั้นเหรอ เอ แล้วนี่คุณซอล คุณเป็นผู้กำกับเหรอครับ แล้วตึกกลางเมืองนั้นมันอะไรกันแน่ครับ?” ผมถามไปด้วยความสงสัย “อ้าวนี่ไม่รู้หลอกเหรอ ก็ฉันนะป็นผู้กำกับของบริษัท Pokéwood Movie Studio นะ ส่วนตึกนั้นก็เป็นของบริษัท Pokéwood Movie Studio เหมือนกันนะ” เขาตอบกลับมา แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกับแค่ตึกของบริษัทถ่ายภาพยนตร์ทำไมถึงต้องสร้างซะใหญ่โตขนาดนั้น แต่ผมยังไม่ทันจะได้ถามต่อก็ถูกคุณผู้กำกับลากไปถ่ายละครต่อซะแล้ว

                        สามชั่วโมงผ่านไป พวกผมที่ถ่ายละครเสร็จแล้ว ก็ได้ไปหาอาหาร?กินที่โปเกมอนเซ็นเตอร์ “จะว่าไปนี่ก็ 4 โมงเย็นแล้วแฮะ ผมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงนี่น่า” ผมผึ่งรู้ว่าผมลืมความหิวไปเลย “อ่า โทษทีนะลืมไปว่าเธอยังไม่ได้กินข้าว” ผู้กำกับกล่าวขอโทษผม “มะ.. ไม่เป็นไรครับจะว่าไป” ผมตอบกลับไป หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มหาอะไรกินกัน “หืม จะว่าไปแล้วทำไมเธอถึงไปเป็นนักแสดงให้กับผู้กำกับละ” ผมเริ่มรู้สึกสงสัย “อะ ก็เพราะว่าหนูทั้งน่ารักทั้งเก่งไงละผู้กำกับเขาถึงเลือกหนู” นีโรตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ “อ้อ ที่จริงแล้วคนที่จ้างให้มาแสดง” ผู้กำกับพูดตัด

                       

                        “อะ อ้าวไหนบอกว่าที่มาชวนเพราะหนูเก่งไง” นีโรพูดออกมาด้วยความสับสน “ก็ ท่าพูดแบบนั้นไปเธอจะยอมแสดงเหรอ” คำตอบของผู้กำกับทำให้นีโรโกรธมาก “คอยดูนะ ท่าหนูดังเมื่อไรอย่ามาขอร้องให้ไปแสดงให้ละกัน” เนโรพูดไปด้วยความโกรธ“น่าๆ พอเถอะน่านีโรจัง” ผมห้ามเพราะเริ่มรู้สึกรำคาญ “ถ้าไม่ใช้เพราะพี่ราขอร้องนะ เรื่องไม่จบง่ายๆแน่” นีโรยังรู้สึกโกรธผู้กำกับอยู่ “ไปได้แล้วน่า นีโรจัง ผมยังต้องกลับไปให้อาหารกิรัจจังอีก” ผมรีบพาตัวนีโรออกไปก่อนที่เรื่องจะบานปลาย “หืม เหมือลืมอะไรไปนะ” ผมหยุดชะงักไปเพราะเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก “มีอะไรเหรอพี่รา” นีโรถามด้วยความสงสัย “อา... อืม... คิดยังไงก็คิดไม่ออก ช่างมันเถอะ” ผมพูดตัดไปเพราะขี้เกียจคิดต่อ

                       

                        “ที่นี่ที่ไหนเนี้ย” ฉันร้องตะโกนออกมาโดยที่ในหัวมีแต่ความสับสน ฉันยกนาฬิกาข้อมือที่แขนขึ้นมาดูก็พบว่าหลังจากที่เราวิ่งหนีพวกซอมบี้ในเมืองมาโดยทิ้งหมอนั้นไว้ก็ผ่านมา 5 ชั่โมงแล้ว อย่างที่รู้ๆกันฉันคือเอมเพอเน ผู้ถูกลืม ที่กำลังหรงทางอยู่ “อา หวังว่าหมอนั้นคงไม่โกรธนะ ก็อยากไปช่วยอยู่หรอกแต่ซอมบี้มันน่ากลัวนี่น่า เนอะMareep” ฉันบ่นกับMareep แล้วก็เดินต่อไป ต่อไปเรื่อยๆ “นะ... นี่มันอะไรกันหนะ” จู่ก็มีหมอกก็ตัวขึ้นจนหนาทึบ ฉันดินไปจนหลุดออกมาจากหมอกก็พบโบราณสถานที่ไม่น่าจะมีอยู่แถวนี้ได้ “เอ้ นี่มันอะไรกันเนี้ย มันไม่น่ามีสถานที่แบบนี้อยู้ได้นี่น่า”                                                                                                     

To be continued...

Link to comment
Share on other sites

ที่แท้ก็เป็นการถ่ายหนังนี่เอง นึกว่าเป็นซอมบี้จริง ๆ ซะอีก สนุกค่ะ พยายามต่อไปนะคะ  :pocha01:

Link to comment
Share on other sites

ผิดคาด!! จะรอติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ สู้ๆ

Link to comment
Share on other sites

  • 2 months later...

ความจริงตอนนี้แต่งเสร็จตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เพราะการบ้านปริมาณมหาศ่ล(+กับความขี้เกียจ)เลยพึ่งมีเวลาว่าง(เพราะใกล้สอบเลยไม่มีงาน)มาลงครับ

Episode IV การแก้แค้นของนีโร

                        วันนี้เป็นธรรมดาวันหนึ่งเฉกเช่นทุกๆวัน แต่ผมรู้สึกว่าสภาพอากาศในวันนี้นั้นไม่แจ่มใสเอาซะเลย เหมือนกับว่ามพายุละลอกใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้นอย่างงั้นแหละ ตอนนี้ผมกำลังนั้งจิบชาอยู่กับกิราติน่าที่บ้านของผม “เฮ้!” มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง เอมเพอเนนั้นเอง “เมื่อวานทิ้งกันได้นะ” ผมพูดประชดใส่เอมเพอเน “อะ.. เอ่อ ทะ.. โทษทีนะ ว่าแต่นายนะลืมกันได้นะ” “ เอ้! ” คำพูดของเอมเพอเนทำให้ผมนึกกออกว่าเรื่องที่ลืมไปเมื่อวานคืออะไร “ขะ.. ขอโทษทีละกัน  ว่าแต่นายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ยังไง” ผมถามไปด้วยความสงสัย

                        “อ้อ ก็นีโรโทรไปบอกไงละ มีน้องสาวดีก็ดียังงี้แหละ” เอมเพอเนตอบกลับด้วยท่าทางภูมิใจ “อะ พูดถึงนีโร นายรู้รึยังละว่านีโรนะกำลังจะแบทเทิลกับคุณซอลนะ บอกว่าจะเดิมพันกันด้วยละแต่เดิมพันด้วยอะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” “หา” คำพูดของนีโรทำให้ผมตกใจมากนี่คงเป็นเพราะเรื่องในตอนนั้นแน่ๆ ผมอุส่าพูดห้ามนีโรไปแล้วแท้ๆ“ฉันถามว่าทำไมก็ไม่ได้บอก นี่นายพอจะรู้ไหม” ดูเหมือนว่าเอมเพอเนจะยังไม่รู้เรื่องในตอนนั้น “เรื่องมันยาวนะ เอาไว้ที่หลังตอนนี้ต้องไปหยุดนีโรก่อน” “เฮ้ แล้วตกลงนายรู้ไหม”ผมรีบพูดตัดบทเพราะถ้าเอมเพอเนรู้เรืองคงจะวุ่นวายมากกว่าเดิม

                            “เริ่มละนะ ไปเลยโฮซี่” พูดจบนีโรก็ส่ง Horsea โปเกมอนรูปร่างม้าน้ำตัวเล็กน่ารัก ประเภทน้ำออกมา “ฮึ อย่างเธอไม่มีทางชนะฉันหลอกไปเลย Graveler” คุณซอลส่ง Graveler โปเกมอนท่าทางหมือนหินก้อยใหญ่ที่มีสี่แขน สองขา ประเภทหิน/พื้นดิน ออกมาดูจากประเภทของโปเกมอนแล้วคงต้องบอกว่าซอลเสียปรียบอยู่ แต่มันคงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป

                            “เดียวก่อน” ผมตะโกนไปก่อนที่จะวิ่งมาถึง “พอเถอะน่าอย่ามาทะเลอะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะ” เอมเพอเนที่พึ่งมาถึงช่วยผมพูดกับทั้งสองคน “ไม่เป็นไรน่า เราแค่แบทเทิลกันเฉยๆเอง” นีโรพูดกลบเกลือน “แล้วเรื่องเดิมพันละ” ผมตอบกลับไป “อะ เอ้เรื่องนั้น” นีโรพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง “พอเถอะน่า แต่ถ้าไม่มีเรื่องเดิมพันแต่แบทเทิลกันเฉยๆ ก็ไม่ว่าอะไรหลอกนะ” ผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมนีโร “ก็ได้แค่ชนะก็คงพอมั้ง” นีโรพูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจนัก “เอาละถ้าตกลงกันได้แล้ว จะแข่งแบบ 3 ต่อ 3 สินะเดี่ยวฉันเป็นกรรมการให้เอง” ฟัวโกที่อยู่ก็โพล่มา เสนอตัวจะเป็นกรรมการให้ “เอาละไหนๆเรื่องก็จบแล้ว มาต่อกันเถอะ” ซอลพูด แล้วก็เริ่มโจมตีใส่นีโร “Graveler  Rock Throw” Graveler  เริ่มการโจมตีโดนการขว้างหินใส่ Horsea แต่ว่า Horsea หลบได้ “หนอย เล่นงานทีเผลอนี่น่า” นีโรต่อว่าซอล “ขอแบบนี้ใครดีใครได้” ซอลพูดกับนีโรด้วยน้ำเสียงกวนๆ ดูเหมือนว่าจะทำให้นีโรโกรธมาก “หนูเอาจริง แล้วนะอย่าหาว่าไม่เตือน Horsea Twister” Horsea สร้างพายุหมุนพัดใส่ Graveler แต่ดูเหมือน Graveler จะไม่ค่อยได้รับความเสียหายซักเท่าไหล่ “Graveler Thunderpunch” Graveler พุ่งเข้าใส่ Horsea แล้วต่อยด้วยหมัดที่เปี่นมไปด้วยสายฟ้า พลังทำลายนั้นรุนแรงมากจนทำให้ Horsea หมดสถาพไป

                            “หนอย บังอาจทำร้ายโฮซี่ ไปแก้แค้นให้โฮซี่เลยลาฟ Rain Dance” เนโรส่ง lapras ออกมาแล้วอยู่ๆท้องฟ้าที่ไม่แจ่มใสอยู่แล้วก่อยิ่งดำมืดขึ้นทุกทีๆ”เปรี้ยง”เสียงฟ้าแล่ปดังขึ้นมา หลังจากนั้นซักพักห่าฝนก็โปรยลงมาหยั่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยมันทำให้ทั้งนีโร ซอล lapras Graveler พวกผมเปียกชุ่มกันไปหมด “ไม่เท่าไหร หรอก Thunderpunch” Graveler ต่อย lapras ด้วยหมัดไฟฟ้า ทำให้ lapras บาดเจ็บ “หนอยลาฟ Ice Beam” lapras พ่นลำแสงน้ำแข็งอันเย็นจัดใส่ Graveler ดูเหมือนว่า Ice Beam จะสร้างความเสียหายให้ Graveler ได้เยอะพอตัว แต่ความเสียหายนั้นก็ยังไม่มากพอที่จะจัดการ Graveler ในทีเดียว “Graveler ปิดฉากซะ Thunderpunch ” lapras โดนหมัดอาบไฟฟ้าของ Graveler เข้าไปเต็มๆ และหมดสถาพไป “ละ ลาฟ หนอยแหนะ ไปแก้แค้นให้หน่อยนะ ฟริป” นีโรส่ง Frillish โปเกมอนรูปร่างแมงกระพุนสีชมพูออกมา “ฟริบ Ominous Wind” Frillish สร้างลมที่มีบรรยากาศแปลกๆพัดเข้าใส่ Graveler“หึ ได้แค่นี้เองเหรอThunderpunch” Frillish โดนการโจมตีเข้าไปเต็มๆทำให้ได้รับบาดเจ็บ แต่แล้วอยู่ร่างกายของ Graveler ก็ถูกล้อมด้วยแสงประหลาด “หึหึ ติดกับแล้วแค่นี้Thunderpunch ก็ถูกผนึกด้วย ability Cursed Body แล้ว ฟริบ Recover ” ร่างกายของFrillishส่องแสงขึ้นแล้วอาการบาเจ็บก็หายไป “หนอย Graveler Stone Edge” Graveler ขว้างหินอันแหลมคมใส่ Frillishc และเกิดcritical-hit ขึ้น ทำให้ Frillish ได้รับความเสียหายมาก “มันจบแล้วละ จงเสียใจกับสิ่งที่ทำกับหนูไว้เถอะ ฟริบ Brine” Frillishc สร้างกะแสน้ำเค็มเข้าโจมตีGraveler ”มันจบแล้วละ”นีโรพูดด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ว่า กับมีกำแพงแสงมาป้องกัน Graveler “หึ Protect ยังไงละ ปิดฉากซะ Stone Edge” Frillishc โดน Stone Edge ไปเต็มๆ จึงหมดสภาพ

                          “อะ อะไรกันฉันแพ้เหรอเนี่ย” นีโรพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าหดหู่ แล้วร้องไห้ เอมเพอเนเลยเข้าไปปรอบ “เอาแล้วไง คุณซอลทำนีโรร้องไห้เลนเห็นไหม” ผมพูดกับคุณซอล “อะ เออ ฉันคงทำเกินไปหน่อยมั้ง แล้วฝนนี่เมื่อไหล่จะหยุดตกละเนี่ย” “คงอีกนานเลยละมั้ง วันนี้ฟ้ายิ่งไม่สดใสอยู่” ฟัวโกพูดขึ้ “อ้อ จะว่าไปมาด้วยกันหน่อยสิ รัจจัง เอมเฟอเนฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ”

                                                                                                                                           

To be continued...

Link to comment
Share on other sites

อธิบายได้เห็นภาพขิงๆ ยังสนุกอยู่เหมือนเดิมน่อ :3

Link to comment
Share on other sites

ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ จะติดตามเรื่อย ๆ นะคะ ^^

Link to comment
Share on other sites

Episode V ออกเดินทาง

          เสียงเรือแล่นที่ดังมาซักระยะแล้ว กับสภาพอากาศร้อนระอุ

ใช่ในตอนนี้ผม เอมเพอเน ฟัวโก กำลังนั่งอยู่บนเรือโดยที่มีจุดหมายคือทวีปอิชชู

ถ้าถามว่าทำไมถึงได้ไปกันนะเหรอ เรื่องมันเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้

————”หา! เมื่อกี้นายว่าไงนะ”

เอมเพอเนร้องโวยวายออกมา ในระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่

“ก็อย่างที่บอกไปนั้นละ พอดีว่าพ่อนะ จะต้องไปทำธุระที่ Pokéwood Movie Studio สาขาหลักที่อิชชูนะ แล้วเขาก็คิดว่าอยากจะขอโทษที่ทำให้พวกนายต้องลำบาก ——— เลยจะให้ฉันพาพวกนายไปเที่ยวที่อิชชูด้วยเลยนะ”

“แล้วไปเมื่อไหล่ละ”

เอมเพอเนกล่าวถามด้วยท่าทีตื้นเต้น

“อ้อ พรุ่งนี้นะ”

“หา! พรุ่งนี้เลยมันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”

เอมเพอเนร้องโวยวาย ด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า พ่อมีธุระด่วนนะเลยต้องรีบไป”

ฟัวโกตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น

“เอาน่า ไหนๆก็ได้ไปแล้วฟรีก็ดีแล้วนี่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะ ”

ผมพูดเสอม

“อืม ก็ได้ๆ พรุ่งนี้ก็ได้”

เอมเพอเนยอมตกลงด้วยท่าทีที่ยังไม่ค่อยพอใจนัก

“เอละ งั้นพรุ่งนี้มาเจอกันที่บ้านฉันตอน 6 โมงนะ” ————

เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานี่ละ และในตอนนี้เวลาก็ไหลผ่านมากว่า 3 ชั่วโมงแล้ว

“เฮ้ นายไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ”

เสียงอันคุ้นเคยของเอมเพอเนที่มาชวนผมให้ไปเล่นที่เกมเซนเตอร์ ซึ่งเป็น หนึ่งใน เซอร์วิสโซนสำหรับผู้โดยสารของเรือนี้

ถ้าจะให้พูดจริงๆแล้วเรือลำนี้มีเซอร์วิสโซนแบบนั้นอยู่มากมาย ถึงขนาดว่าอยู่บนเรือทั้งวันยังไม่รู้สึกเบื่อ

แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือการที่เรือลำนี้แล่นได้ช้ามาก เพราะปริมาตรพลังงานที่นำไปใช้สำหรับเซอร์วิสโซน

ทำให้ถ้าใช้ความเร็วระดับเดี่ยวกับเรือปกติละก็ น้ำมันคงหมดภายในครึ่งชั่วโมงเป็นแน่

“ขอผมนอนต่ออีกสักพักละกัน”

“อา ตามสบาย ว่าแต่นายเห็นฟัวโกบ้างไหมกะจะ ชวนมาเล่นด้วยหน่อย”

เอมเพอเนถามผมด้วยท่าทางสงสัย

“ถ้าหมอนั้นละก็ อยู่ที่ห้องพยาบาลนะ เห็นบอกว่าเมาเรือ”

“หา เมาเรือแต่คนที่ชวนให้นั่งเรือมามันหมอนั้นเองไม่ใช่เหรอ”

“เห็นบอกว่าคุณซอลให้เงินมาไม่มากพอ ขนาดจะไปทางเครื่องบินได้นะ”

“แต่เรือระดับนี้ ราคามันคงไม่ได้ต่างกับเครื่องบินเท่าไหรละมั้ง”

“ผมก็ว่ายังงั้นเหมือกัน แต่แค่จนถึงเมื่อกี้เท่านั้นหละนะ”

“เอ๋”

“ก็พอลองอ่านในหนังสือนำเที่ยว เห็นบอกว่าเรือลำนี้ราคาถูกเพราะมีปัญหาหลายจุด และจำนวนเซอร์วิสโซนที่มากเกินไปจนทำให้เรือลำนี้แล่นช้ามากนะ”

“งั้นเหรอ”

โครม! อยู่ก็รู้สึกได้ถึงเสียงดังกังวานมา หลังจากเสียงนั้นค่อยๆเบาลงจนหายไป ก็รู้สึกถึงความผิดเพี้ยนของพื้นผิวที่ยืนอยู่ เพราะว่าสติที่เลือนรางเพราะความดังค่อยๆกลับมา

พอลืมตาขึ้นก็พบกับร่างอันใหญ่โตทีมีเกล็ดสีฟ้าปกคลุมทั่วร่างกาย

มันคือโปเกมอนสุดดุร้ายแห่งท้องทะเล Gyarados

แล้วอยู่ๆ Gyarados ก็พุ่งโจมตีเรือ

“นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่น่าจะมี Gyarados อยู่ในทะเลแถบนี้นี่”

“ฉันจะไปรู้เหรอ ——แต่ตอนนี้คงต้องทำให้เจ้านี่สงบลงก่อนละ ช่วยทีนะ Mareep”

เอมเพอเนส่งMareepออกไปหยุด Gyarados ที่กำลังโจมตีเรืออย่างบ้าคลั่ง

“Mareep แค่เบาะๆก็พอ Thunder Wave”

Mareep ปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆใส Gyarados แต่ว่าอยู่ๆร่างของ Gyarados ก็หายไป

“ร่างแยกของ Double Team เหรอ แย่ละ เอมเพอเน Mareep ระวัง”

ผมรีบตะโกนเตือนเอมเพอเนและ Mareep แต่ว่ามันไม่ทันการซะแล้ว ร่างของเอมเพอเนและMareep ถูกหางที่ชุ่มด้วยน้ำของ Gyarados ฟาดจนกระเด็นตกทะเลไปซะแล้ว

“Aqua Tail เหรอ ซวยละซิ กิรัจจังไม่อยู่ซะด้วย”

“ไม่เป็นไรน่า ช่วยหน่อยละกัน Chinchou”

เอมเพอเนเก็บ Mareep กลับมาแล้วเรียก Chinchou โปเกมรูปร่างคล้ายปลาแองเกลอตัวเล็ก ตัวสีฟ้า มีโคมไฟห้อยอยู่บนหัวสองอัน ประเภทน้ำ/ไฟฟ้า ออกมา

“เอาช่วยหน่อยนะ Chinchou Confuse Ray”

เอมเพอเนจับตัว Chinchou ไว้แล้ว โคมไฟบนหัวของ Chinchou ก็ส่องแสงที่มองดูแล้วรู้สึกสบสน

ทำให้ Gyarados ติดสับสน

“ตอนนี้ละ Spark”

เอมเพอเนพูดจบก็ปล่อยมือจาก Chinchou แล้ว Chinchou ก็ปล่อยไฟฟ้าห่อหุ้มร่างกายแล้วพุ่งเข้าใส่ Gyarados

ก๊าซซ Gyarados ที่โดนการโจมตีของ Chinchou ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

“จัดการต่อให้จบเลย Spark  หวา อะไรนะ”

จู่ๆ ก็มีเงาคนกระโดดจากเรือขึ้นไปขี่ Gyarados

แล้วฟัวโกก็วิ่งตามออกมา

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ฟัวโก”

ผมตะโกนถามฟัวโกด้วยความสงสัย

“ก็อยู่ๆ เรือมันก็เอียงจนฉันที่นอนอยู่กลิ่งตกลงมาจากเตียง พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าหมอนั้นมันมาขโมยกระเป๋าฉันนะซิ แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ของฉันด้วยซิ รู้สึกจะผู้โดยสารทุกคนเลย”

“หยะ... หยั่ง งี้นี่เองให้ Gyarados มาก่อความวุ่นวาย เพื่อเรียกร้องความสนใจ แล้วตัวเองก็แอบขึ้นไปขโมยของบนเรือสินะ”

ผมพูดข้อสันนิฐานของตัวเองออกมา

“แหม่ ฉลาดดีเหมือนกันนี่ แล้วก็ใช้ได้ด้วยที่สามารถเล่นงาน Gyarados ได้ขนาดนี้ แต่คงหมดเวลาสนุกแล้วละ Gyarados เป่าเจ้าพวกนั้นกับเรือให้กระจุยไปเลย Hyper Beam”

หลังจากที่โจรออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ ในปากของ Gyarados ก็มีแสงแห่งการทำลายล้างปรากฏขึ้นแล้วแสงนั้นก็ค่อยๆพุ่งออกมาจากปากพุ่งเข้าใส่เรือด้วยความเร็วมหาศาล

“หลบเร็ว”

เอมเพอเนที่ขี่Chinchouหลบไปก่อน ตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก —— แต่ว่ามันไม่ทันการซะแล้ว

Hyper Beam เข้าปะทะกับเรือ เกิดเสียงดังกังวาน พร้อมกับแสงและเสียงของการระเบิดครั้งใหญ่

พอเอมเพอเนลืมตาขึ้นมาก็ไม่พบทั้งร่องรอยของเรือและโจรอีกแล้ว

                                                                                                                                           

To be continued...

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.