Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Presequence [Completed]


epOchs

Recommended Posts

เกริ่นนำ...

สวัสดีฮะ นี่เป็น'ฟิคเรื่องแรก'ของผม(ความจริงพยายามแต่งมานานหลายเรื่องมากแล้ว แต่ติดคำสาปดองตลอด หวังว่าอันนี้จะรอดไปได้...)

อันที่จริง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องPrequel(เรื่องที่เกิดก่อน)ของไอเดียตอนแรกของผม(แต่ไม่เคยเขียน/พิมพ์จริงๆ) ซึ่งผมตัดสินใจลงมือเขียนเรื่องนี้ก่อน เพราะด้วยที่มันสั้นกว่า ผมน่าจะมีประสบการณ์มากขึ้นก่อนจะเขียนเรื่องหลัก

...หวังว่าเรื่องนี้จะรอดนะ อยากจะทำอะไรจริงๆจังบ้าง...

สุดท้ายนี้ ขอให้ใครก็ตามที่อ่าน กรุณาไม่ติชมแรงเกินไป(มันเรื่องแรกของผมน้าา เดี๋ยวหมดกำลังใจกันพอดี T T ) ถ้ามีคนอ่านนะ...

ขอบคุณคร้าบ

ปล. กว่าผมจะอัพเดตตอนนึงอาจจะนานหน่อยนะครับ ไอเดียตันหนึ่ง อาจจะงานเยอะหนึ่ง

หมายเหตุ...

ผมมีไอเดียแปลกๆอยู่หน่อย โดยอาจจะเอาหลายๆเรื่องอื่นมาปนๆกัน(เรื่องนี้อาจจะไม่มีก็ได้) ถ้าคุณสังเกตว่ามีบางอย่างเหมือนขโมยไอเดียใครมา ผมไม่ได้ก็อปมาจริงๆ (ไอเดียบางอย่างอาจจะเหมือนกันได้) แต่ถ้าไม่พอใจอะไรก็ขอโทษด้วยครับ

Prologue

.....

เวลา...

เวลากำลังจะหมดลงแล้ว...

หรือจะพูดได้ว่ามันกำลังจะเริ่มล่ะ...

...ในกระแสธารเวลานี่ ไม่มีความหยุดนิ่งหรอก ทุกสิ่งเคลื่อนไป ทำให้อีกสิ่งเคลื่อนตาม

...นานเท่าไหร่แล้ว ที่เรื่องทั้งหมดนี่เริ่มต้นขึ้น?

การเริ่มต้นของปลายสารธารก็กำลังจะเริ่มแล้วนะ...

...หรืออาจจะไม่ สายธารนั้นสามารถแตกออกไปได้หลายสาขา

...แต่บางสิ่งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เวลา... ใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เราจะเข้าไปแทรกแซงได้ซะที...

...เรายังทำไม่ได้ ยังต้องรอก่อน

...แต่อีกไม่นานหรอก

อีกไม่นานเท่านั้นสินะ ...

==========================

"ท่านครับ เราจับสัญญาณได้อีกแล้วครับ"

"... หึ ช่วงนี้คงเป็นเวลาดีสินะ ในที่สุดเราก็มีความคืบหน้าซะที แกะรอยได้ถึงไหนแล้ว"

"ตอนนี้ระบุได้ถึงระดับประเทศแล้วครับ คาดว่าถ้าระดับพลังงานยังเพิ่มอยู่ เราจะแกะรอยถึงระดับเมืองได้ในสามวัน"

"72 ชั่วโมง... ดีมาก ยังทันกำหนดการ ตามรอยต่อไปซะ"

"ครับ!"

'หึ หึ ถ้าโครงการนี้สำเร็จล่ะก็ ใครหน้าไหนก็มาขวางทางฉันไม่ได้อีก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!'

==========================

"ติดต่อศูนย์บัญชาการ ทางนี้พร้อมแล้วครับ"

"รับทราบ แสตนด์บายไปก่อน ทางนี้กำลังตรวจหาอยู่"

"... ฝ่ายนั้นเป็นไงบ้างครับ?"

"เหมือนว่าจะเข้าใกล้ขึ้นทุกที ทางเราขัดขวางอะไรไม่ได้แล้ว"

"...เวลาใกล้จะหมดแล้วสินะครับ..."

"ใจเย็นๆเอเจนท์Q เรายังได้เปรียบอยู่นะ แม้เราจะขัดขวางไม่สำเร็จ แต่เรามีข้อมูลมากกว่าฝั่งนั้นอยู่ดี"

"ครับ... ขอให้ทำภารกิจนี้สำเร็จก่อน อีกฝ่ายจะรู้อะไรก็ไม่สำคัญสินะครับ"

"ถูกแล้ว เราไม่จำเป็นต้องปกปิดข้อมูลอะไรแล้ว และฉันรู้และนายก็รู้ว่านายทำได้"

"...ไม่รู้สิครับ ถ้า.. ถ้าสมมุติว่าฝ่ายอื่นรู้ล่ะ ผมหมายถึงผู้คนเหล่านั้น... "

"...ถ้าเราลงมือเร็วพอ มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เอาล่ะ เตรียมพร้อมขึ้นสุดท้ายได้เลย"

"รับทราบ ขอตัดการติดต่อแต่เพียงเท่านี้"

==========================

Chapter's End note

อาจจะงงๆเล็กน้อยสินะครับ = = ผมเขียนมุมมองแนวนี้ไม่เก่งแฮะ

ใครคือเจ้าของคำพูดสีแดงและสีฟ้ากันนะ

แล้วตอนต้นนั่นเป็นอะไรกันแน่

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...

Link to comment
Share on other sites

เขียนได้ดีมากแล้วครับแต่ยังไม่รู้ชื่อตัวละครสถานที่แล้วกำลังทำอะไรกันอยู่สินะ...(หรือต้องดูที่ตอนต่อไปหว่า... owo)

ก็ขอให้หลุดพ้นจากคำสาปของหมวดนี้ละกันนะครับ...

Link to comment
Share on other sites

มาเจิมครับ  ^ ^

เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเกริ่นนำใช้ไหมครับ =w=

Link to comment
Share on other sites

เรื่องมันชักยังไงๆแฮะ xD

ขอเข้ามาเจิมด้วย (เพราะอยากดูพวกฟิคที่แต่งใหม่ๆสดๆเนี่ยแหล่ะ จะติดตามง่ายดี xD)

กำลังติดตามอยู่น่อ!~

Link to comment
Share on other sites

น่าติดตามดีครับ เป็นกำลังให้นะครับ :hito01:

Link to comment
Share on other sites

อยากรู้เรื่องราวในตอนต่อไปเร็ว ๆ จังเลยค่ะ

Link to comment
Share on other sites

Replies

@Likesakiii ขอบคุณครับ! :3

@มาซากิคุง ขอบคุณเช่นกันครับ :3

@Mr.F ใช่แล้วครับ

@Mr.Aqua ขอบคุณครับ!

@Yong-Yong บางตอนอาจจะรอนานหน่อยนะครับ = =a

@Acner-kun ขอบคุณครับ :3

@Shaymie จะพยายามเขียนฮะ . .

อ่า ตอนนี้ก็อาจจะสั้นๆหน่อยครับ ไม่แน่ใจว่ายิ่งสั้นกว่าบทนำอีกรึเปล่า = =

ความจริงตอนแรกกะจะเขียนนี่เป็นบทนำด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะ

ตอนหน้าน่าจะยาวกว่านี้แล้วครับ :3

Chapter 1 : Waking Up

....

ผมลืมตา

...

..ความเงียบ

.

ผมยังอยู่ในห้องของผมเองอยู่

แต่ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกไป

ความเงียบนี่...

ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง นาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาตีสองสิบห้า

...ยังไม่เช้าเลย

ผมถอนหายใจ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแท้ๆ ทำไมผมถึงตื่นขึ้นมาเวลานี้นะ...

ความฝัน... ทั้งที่เพิ่งตื่นแท้ๆ กลับจำอะไรไม่ได้ เหมือนมันเป็นสิ่งไม่สำคัญอะไร

...

แล้วทำไมมันเงียบอย่างนี้นะ

...

ทำไมผมไม่กลับลงไปนอนต่อนะ?

มีอะไร... มีอะไรที่ผมต้องทำงั้นหรือ?

ผมเลื่อนตัวลงจากเตียง เท้าของผมพาผมออกจากห้องนอน ลงไปที่ชั้นล่าง

ผมไปหยุดที่หน้านาฬิกาลูกตุ้มแบบโบราณ

นาฬิกาเรือนนี้ เป็นของประจำบ้านผมที่ตกทอดมานาน ปู่เคยบอกไว้ว่า ไม่ว่าจะขัดสนเท่าใด จงอย่าเสียนาฬิกาเรือนนี้ไปเป็นอันขาด

ผมสังเกตว่ามันหยุดเดิน

ไม่ได้ไขลานตั้งนานแล้วสิ...

เข็มสั้นของมันชี้ที่เลขห้า เข็มยาวที่เลขสาม... ไม่สิ ก่อนเลขสามนาทีนึง

ห้าโมงสิบสี่? ตีห้าสิบสี่?

สงสัยจะหยุดตั้งแต่ตอนกลางวัน...

ผมเดินไปหยิบที่ไขลาน

แต่เมื่อผมสอดมันลงไป หมุนไปแค่รอบเดียว

หน้าปัดนาฬิกากลับเปิดออกเอง ...อย่างเงียบๆ

ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสังเกตว่าตัวเองจ้องอะไรอยู่

ภายในนาฬิกา ด้านหลังหน้าปัดนั่น ตรงที่น่าจะเป็นตรงกลางแกนของเข็มนาฬิกา มีพลอยเม็ดเล็กๆสีเขียวอยู่

ผมเคยรู้มาบ้าง ว่านาฬิกาบางเรือนใช้พลอยเป็นแกน

แต่ในนาฬิกาเจ้าคุณปู่เนี่ยนะ?

...ผมค่อยๆเอามือไปแตะ

พลอยเม็ดนั้นหลุดออกมาจากแกน

ผมนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วค่อยๆหยิบมันขึ้นมา

... พลอยให้ความรู้สึกอุ่นแปลกๆ แล้วผมก็เหมือนจะเห็นว่ามันส่องแสงวาวออกมา...

...นี่มันอะไรกันเนี่ย...

บางอย่างสัมผัสเท้าผมอย่างแผ่วเบา ผมสะดุ้งออกจากภวังค์

มันเป็นเศษกระดาษชิ้นหนึ่ง น่าจะตกมาจากด้านในของนาฬิกา ผมหยิบมันขึ้นมาดู

'4'

==========================

"คืบหน้าถึงไหนแล้ว"

"เราเจอเมืองแล้วครับ!"

"ดีมาก พรุ่งนี้ส่งคนสำรวจไปได้ ถ้าเจอแล้วให้รายงานมาเลย"

"ครับ!"

==========================

"ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเจอแล้วล่ะ... เอเจนท์Q..."

"อะไรนะครับ?! แต่ทางเราล่ะ??"

"เรายังไม่เจอสิ่งที่ตรงคุณสมบัติเลย"

"มันไม่ทันการแล้วนะครับ! ผมจะลงไปเลยแล้วกัน"

"...ไม่อนุมัติ"

"ทำไมล่ะครับ?! ตอนนี้ความลับอะไรก็ไม่น่าสำคัญเท่าภารกิจนะครับ!"

"... แล้วความลับที่ว่าพวกเราเป็นใครล่ะQ "

"..."

"เข้าใจแล้วสินะ เราจะให้ใครรู้ตัวตนของเราไม่ได้เด็ดขาด จนกว่าเราจะใช้วิธีการนั้นได้ เราต้องรอต่อไป"

"...เข้าใจแล้วครับ ขอตัดการติดต่อแต่เพียงเท่านี้"

==========================

Chapter End's Note

แฮ่ม ตอนนี้ก็ยังบอกอะไรไม่ค่อยได้สินะครับ แถมยังมีปรึศนามาเพิ่มอีกด้วย

ใครเป็นคนค้นพบพลอยนั่น

พลอยนั่นสำคัญยังไงกันนะ

ขณะที่ ผู้ตามหา เข้าใกล้ เป้าหมาย เรื่อยๆ ทำไม ผู้ซ่อนตัวอยู่ ถึงไม่เคลื่อนไหวกัน

ติดตาม(?)ต่อได้ในตอนหน้าครับ!

Link to comment
Share on other sites

น่าสนุกๆ อืม... จะเป็นเรื่องยังไงน้าา

ว่าแต่...สั้นจัง....

Link to comment
Share on other sites

สนุกค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :pocha01:

Link to comment
Share on other sites

ลึกลับน่าค้นหา น่าติดตาม ชอบแนวแบบนี้จังเลย จะรออ่านนะครับ :D

Link to comment
Share on other sites

พลอยนั่นมันอะไรน้อ~

รออ่านตอนต่อไปฮะ

Link to comment
Share on other sites

น่าลุ้นๆ เรื่องก็ยังคงแปลกๆแฮะ

สงสัยเรื่องคงจะเริ่มเปิดจริงๆตอนต่อไปมั๊ง

ยังไงก็ติดตามชมอยู่น่อ!~

Link to comment
Share on other sites

Replies

ขอโทษทีครับที่มาอัพช้า(?) T_T พอดีไปเข้าค่ายมาห้าวัน ไม่มีเวลาทั้งเขียนทั้งพิมพ์ (ผมว่าหลายคนคงอาจจะมีความคิดเล็กๆว่่าผมโดนคำสาปดองกระทู้ไปแล้วสินะ  :psyduck02:)

ปล. กลัวหมดมุขอยู่เหมือนกันแฮะ... ในด้านทำให้มันดูเป็นปริศนาอ่ะนะ

ตอนนี้ก็อาจจะไม่ยาวนะครับ แต่คงจะยาวกว่าตอนที่แล้ว

Chapter 2 : Calm Before Storm

"... How long before I get in? Before it starts, before I begin?.."

ผมค่อยๆลุก เอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกวิทยุ

... เพลง 'Speed of Sound' ?...

ผมถอนหายใจ ช่างเหมาะกับเช้าที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งความสับสนซะจริง

ผมหยิบพลอยสีเขียวเม็ดนั้นจากบนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงต่อ พลางพิจารณามัน

แกไปทำอะไรอยู่ในนาฬิกานะ...

==========================

สำหรับเมืองขนาดกลางแล้ว ที่นี่ เมืองอาบาโด เป็นเมืองที่ไม่ค่อยสงบนัก

ทั้งหมดเริ่มจากการคอร์รัปชั่น อำนาจที่ได้มาจากรัฐบาลกลางถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ด้วยอำนาจที่มีเลยไม่เกรงกลัวกฏหมาย ในที่สุดผู้พิทักษ์กฏหมายก็ถูกความละโมบครอบงำไปด้วย

ไม่มีอะไรปกป้องผู้คนจากความอยุติธรรม

ถึงแม้เมื่อมีผู้ที่ทนไม่ได้ ลุกฮือขึ้นมา จำนวนที่มีก็ไม่สามารถรวมกันยิ่งใหญ่พอจะล้มล้างอำนาจมืดได้ แม้จะมีการต่อสู้บ่อยครั้ง แต่ถ้าพลังในแต่ละครั้งยังน้อยนิด ต่อให้สู้ไปพันครั้งก็ยังไม่พอ

ทั้งหมดแย่ลงไปอีกเมื่อเหล่าผู้มีอำนาจเห็นว่า การศึกษาอาจจะทำให้มีผู้มีความรู้ลุกขึ้นมาต่อต้านเพิ่มขึ้น

ตอนนี้การศึกษาก็ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด เนื้อหาใดๆที่อาจจะทำให้ก่อความรู้สึกรุนแรงจะถูกนำออกไป

สำหรับอาจารย์ที่'ไม่เป็นที่น่าพอใจ' นอกจากจะถูกพิจารณาให้ออกแล้ว ยังอาจจะถูกลงโทษโดย'กฏหมาย'ได้

แม้จะเคยมีผู้ร้องเรียนไปยังรัฐบาลกลาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะรัฐบาลท้องถิ่นอ้างว่านโยบายเหล่านี้มีเพื่อ'ระเบียบของสังคม'

ในสภาพสังคมที่ไร้ความถูกต้องเช่นนี้ ย่อมทำให้ผู้คนเกิดความอึดอัดหงุดหงิดใจ

นำไปสู่อาชญากรรมที่เกิดสูงไม่แพ้เมืองใหญ่เลย

...ดังนั้น การที่ชายคนหนึ่งเดินเตร็ดแตร่ยามเช้าตรู่ที่แสงยังไม่พอแม้จะอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยท่าทางที่ดูสบายใจนั้น ช่างดูขัดกับอันตรายที่แฝงรอบๆเขาเลย

แม้รอยยิ้มของเขาอาจจะหลอกหลายๆคนได้ แต่หากดูตาของเขาแล้ว สิ่งที่มันแสดงออกมาคือความแน่วแน่ที่ไม่ว่าใครก็คงชะงักที่ได้เห็น

===========================

ก่อนผมจะออกจากบ้าน ผมชะงักเล็กน้อย รู้สึกราวกับลืมอะไรไปเล็กน้อย

...ฉันควรจะเอามันไปด้วยมั้ยนะ

แต่ผมก็ยักไหล่ให้ตัวเอง พร้อมกับก้าวออกมานอกบ้าน อะไรกันนักกันหนา... มันไม่หายไปไหนหรอก.. ผมล็อกประตูและพร้อมจะไปโรงเรียน

ผมขี่จักรยานไปทุกวัน เพราะผมไม่คิดว่าการใช้จักรยานยนต์จะช่วยเรื่องความเร็วอะไรนัก การจราจรแย่เกินไป

...และขนส่งสาธารณะก็แย่เกินไปอีกเช่นกัน

ผมขี่จักรยานผ่านชายคนหนึ่ง เขาดูสดชื่นกับอากาศยามเช้า ท่าทางและการแต่งกายของเขาดูไม่น่าสงสัย เสื้อโค้ทสีเหลืองอ่อนผ้าเนื้อฝ้ายนั่นก็ดูมีราคา เสื้อยืดสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์ที่สีซีดนั่นก็ดูไม่เหมือนจะซ่อนอะไรอันตรายไว้ได้ ผมจึงโบกมือทักทายเขา

เขาสังเกตเห็นผม และทักทายกลับอย่างร่าเริง

... อะไรๆก็ไม่ได้แย่ไปหมดสินะ

การที่ได้ทักทายเพื่อนบ้านเล็กๆน้อยๆทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

ผมดูนาฬิกาข้อมือ

หกโมงครึ่งแล้ว ต้องรีบละ

===========================

ชายในเสื้อโค้ทหยุดเดิน เขาสังเกตเห็นกลุ่มแก๊งอันธพาลกำลังข่มขู่เด็กนักเรียนอยู่

"โฮ่ ดูเหมือนน้องจะมีตังเยอะนี่ ขอหน่อยได้มั้ยล่ะ"

"พอดีพวกพี่ๆไม่มีตังกลับบ้านน่ะ สงสารพวกพี่ๆเถอะ นะ นะ?"

"อย่ามาอ้ำอึ้งน่า ขอแค่ตังนิดหน่อยแล้วเดี๋ยวพี่จะไปกันแล้ว"

ชายหนุ่มเดินเข้าไปจับไหล่คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า

"เฮ้ น้องเค้าก็คงไม่มีตังเหมือนกันแหละ ปล่อยเค้าไปเถอะ"

หัวหน้าหันมา ในขณะที่อีกสองคนชำเลืองแบบไม่ใส่ใจ "เฮ้อ พี่ชาย ไม่เกี่ยวก็ถอยไปซะ อย่ามาแส่"

นักเรียนคนนั้นพยายามจะพึ่งตัวหนี แต่ลูกน้องคนหนึ่งจับเขาไว้ได้ทัน

"เฮ้ยๆ ขอดีๆไม่ชอบใช่ปะ"เขากระชากขอเสื้อเด็กไว้ ขณะที่เงื้อหมัด

ชายหนุ่มขยับตัวอย่างว่องไวเข้าไปจับแขนนั่นที่กำลังเงื้อหมัดไว้ได้ "เฮ้ย บอกแล้วไงว่าอย่าแส่!" หัวหน่ากลุ่มพุ่งเข้ามา

ชายหนุ่มมองอย่างเย็นชา พร้อมกับตั้งท่า ใช้มือข้างที่ว่างเบี่ยงแรงที่พุ่งเข้ามาให้เข้าไปกระแทกคนที่กำลังจะทำร้ายเด็กแทนจนทั้งคู่คมำล้มลงไป "รีบไปซะ"ชายหนุ่มบอกเด็กที่กำลังตกใจ เขารีบคว้ากระเป๋าและวิ่งหนีไป

"บ้าเอ้ย!!" อันธพาลอีกคนที่เหลือพุ่งเข้ามาพลางรัวหมัดวิชามวยที่ตนรู้

ชายหนุ่มไม่หลบ แต่ใช้แขนรับการโจมตีทุกครั้งโดยไม่แสดงความเจ็บปวด

"...เบาจังนะ"

"ห่ะ--" ชายหนุ่มสวนกลับด้วยการเตะเข้าที่ลำตัว จนคำพูดอันธพาลคนสุดท้ายขาดห้วง ร่างของเขาลอยไปทับเพื่อนในกลุ่ม "อั่ก"

"เฮ้ เกิดอะไรกันขึ้น?!" ตำรวจคนหนึ่งที่เดินลาดตะเวนอยู่สังเกตเห็นจึงวิ่งเข้ามาดู

"ชิ" ชายหนุ่มรีบวิ่งไปในทางตรงข้าม "เสียเวลาชะมัด"

===========================

"เอเจนท์Qรายงาน ขณะนี้แฝงตัวลงมาได้แล้ว กำลังตามหาเป้าหมายครับ"

"ดีมาก ความเคลื่อนไหวอีกฝ่ายล่ะ"

"ไม่ทราบครับ ไม่พบเห็นเลย"

"ไม่เป็นไร แปลว่าเป้าหมายยังปลอดภัยสินะ"

"เหมือนจะเป็นเช่นนั้นครับ"

"โอเค ทำได้ดีมาก งานนี้เราต้องสำเร็จ"

"รับทราบ ตัดการติดต่อแต่เพียงเท่านี้"

============================

"หน่วยค้นหาของเราคนนึงพบสัญญาณแรงมาก คาดว่าใกล้จะเจอแล้วล่ะครับ"

"หืมม... ตอนนี้ยังไม่เจออีกหรอ"

"ย่ะ.. ยังครับ แต่เราเข้าใกล้มากแล้วนะครับ!"

"...หวังว่าพวกแกคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีกนะ รีบๆหาเข้าซะ!"

"คะ...ครับ!"

==========================

ณ ตำแหน่งห่างจากโลกไม่เกินสี่แสนกิโลเมตร...

หินก้อนหนึ่ง ขนาดประมาณกระท่อมหลังเล็กๆ กำลังลอยผ่านดวงจันทร์ มุ่งไปยังโลก...

มันคงจะเป็นอุกกาบาตธรรมดาๆ หากมันไม่ได้มีสีดำที่เข้มราวกับจะดูดแสงเข้าไปได้...

และมันอาจจะคล้ายเป็นแบบนั้น เพราะระบบตรวจจับบนโลกไม่สามารถตรวจเจอภัยอันตรายนี้ และมันก็จะตกสู่โลกในที่สุด...

===========================

Chapter End's Note

ในที่สุดก็มีตัวละครใหม่โผล่มาแล้ว แต่เขาอยู่ฝ่ายไหนกันล่ะ

ฝ่ายที่เขาอยู่ด้วยคงจะมีโอกาสสำเร็จสูงทีเดียว ดูจากฝีมือแล้ว

แล้วตัวละครหลักของเรา... ตกลงชื่ออะไรเนี่ย?! แต่ดูเหมือนจะเป็นนักเรียนแฮะ

เจอกันใหม่ในตอนหน้าครับ!

ปล. เท่าที่อ่านมา คิดยังไงกับบุคลิกของตัวละครครับ?

ปลล. เพลง Speed of Sound เป็นของวงColdplayจ้า ผมว่าเป็นเพลงที่เมโลดี้ประหลาดดีนิดๆ ฟังครั้งไหนก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่

ปลลล. ตอนหน้าช้าแน่นอนครับ

Link to comment
Share on other sites

แต่งเก่งจังเลยค่ะ หนูเองยังแต่งไม่ได้เลย TwT อยากรู้ชื่อเร็ว ๆ จัง

Link to comment
Share on other sites

อธิบายได้จินตนาการออกง่ายมากเลยฮะ

ก็ขอให้แต่งได้ดีๆไปเรื่อยๆล่ะน่อ สู้ๆครับ

Link to comment
Share on other sites

ตัวละครหลัก ชายปริศนา อุกกาบาตดำ...(เรื่องราวจะเป็นยังไงหนอ...)

Link to comment
Share on other sites

Replies

ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านนะครับ ToT

ตอนนี้ยาวกว่าตอนที่แล้ว50%! จริงๆนะนับจากขนาดไฟล์.txtเอา :P

Chapter 3 : Turning the table ...Upside down.

ผมไปถึงโรงเรียนเวลาหกนาฬิกาสี่สิบสองนาที

ผมจอดจักรยานไว้ที่หลังตึกที่ผมอยู่ จากนั้นผมก็เดินขึ้นไปชั้นสาม แต่ก่อนผมจะได้เข้าห้อง

"สวัสดีครับ อาจารย์!" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

ผมหันกลับไปข้างหลัง "สวัสดี เอ่อ เซย์จิ?"

เซย์จิยิ้มแล้วพยักหน้า เขาเป็นนักเรียนชั้นม.สี่ของหนึ่งในห้องที่ผมสอนอยู่ และเขาเป็นนักเรียนที่ดีคนหนึ่งเชียวล่ะ น่าเสียดายที่เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศอื่น ไม่ใช่พลเมืองของประเทศเรซาน่าแห่งนี้      สิ้นเทอมนี้เขาก็ต้องกลับไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ...

"วันนี้อาจารย์ว่างมั้ยครับ? พอดีวันนี้ไม่มีคาบของอาจารย์ แต่ผม ผมเจอรายงานอะไรใหม่ แล้วมีอะไรอยากถามอาจารย์น่ะครับ"

"ไม่เป็นไร เธออยู่ชมรมครูไม่ใช่เหรอ ไว้ค่อยถามในชมรมก็ได้"

"งั้นโอเคครับ ผมลาล่ะครับ"

เซย์จิโค้งให้ผมตามมารยาทของเขา แล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบน

===========================

"แย่ล่ะ นี่มันเกินความคาดหมายแล้วนะ เอ! นายจัดการมันได้มั้ย?"

"ไม่ทันแล้วครับ! มันอยู่ใกล้เกินไป"

"แย่ล่ะสิ ทำไมเราไม่เจอมันก่อนหน้านี้นะ คำนวณความเสียหายหน่อย ซี!"

"... มันจะตกลงในระยะเป้าหมายพอดีค่ะ"

"ว่าไงนะ!? บ้าน่ะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ โอกาสที่เรื่องพวกนี้จะ-- หรือว่า?! มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญงั้นหรือ? ซี รวบรวมข้อมูลของมันมาให้ได้มากที่สุด แล้วพยายามติดต่อQด้วย"

"รับทราบค่ะ"

==========================

ชายหนุ่มในเสื้อโค้ทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

"ว่าไงครับ?"

"... ทราบแล้วครับ จะรออยู่ที่นั่นเอง"

=========================

คาบสอนของผมในวันนี้ ผมว่างตั้งแต่คาบที่สองจนถึงคาบที่สี่ สอนต่อคาบห้าถึงหก จากนั้นผมก็มีแค่สอนชมรมเท่านั้น

ห้องแรกที่ผมสอนในคาบที่สองนั้น เป็นห้องที่รับมือยากที่สุดในระดับชั้นเลยก็่ว่าได้ ความเคารพแทบจะไม่มี (ซึ่งอาจจะผิดที่ผมว่าดุไม่เป็น)

แต่ห้องที่สองของวันนี้นั้น น่าผิดหวังกว่าห้องแรกอีก

แม้จะตั้งใจเรียน แต่ผมไม่รู้สึกถึงความผูกพันกับวิชาเลย ราวกับว่าเรียนๆไปเพื่อสอบเท่านั้น...

วิชาวิทยาศาตร์ ที่จุดประสงค์คือให้คิดอย่างมีระบบ ก็เป็นแค่วิชาท่องจำสำหรับพวกเขาสินะ...

แบบนี้จะให้ครูสอนทำไมกันนะ อ่านหนังสือเองไปเลยจะดีกว่ามั้ง

ผมจบการสอน แล้วเดินออกมา ผมสังเกตว่าผมหงุดหงิดเล็กน้อย

เฮ้อ...

....อย่างน้อย ชมรมก็เป็นอะไรที่ผมรู้สึกพอใจกับมัน

คนที่สมัครเข้ามา มีแต่คนที่สนใจจริงๆ ไม่มีใครที่ขี้เกียจเข้าชมรมแล้วคิดจะมาลงที่นี่ เพราะผมมีระบบการสอนในชมรมที่พิเศษกว่าเรียนปกติ

ผมจะนำหัวข้อที่น่าสนใจไปให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย หรือให้เตรียมเรื่องมาพูดคุยกัน ผมเช็คชื่อจากการดูว่ามีใครอยู่ในวงล้อมบ้าง

ทุกๆอาทิตย์ ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้เจอคนที่มีแววเหล่านี้ คนที่เข้าถึงเนื้อแท้ และหลงใหลกับมันอย่างแท้จริง

ผมดูนาฬิกา ยังเหลือเวลาเกือบๆห้าสิบนาทีก่อนเริ่มคาบชมรม

เฮ้อ ไปนั่งพักที่ห้องดีกว่า

อย่างน้อย เพื่อนผมคนอื่นๆก็น่าจะเจอไม่ดีไปกว่าผมนัก

============================

อุกกาบาตสีดำที่เคยอยู่ใกล้ดวงจันทร์มากกว่าโลก ตอนนี้มันอยู่ห่างจากชั้นบรรยากาศโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ชิ สุดท้ายก็หยุดไม่ได้หรอเนี่ย"

"จากการรวบรวมข้อมูล มันไม่ได้มีองค์ประกอบเหมือนอุกกาบาตปกติ แต่องค์ประกอบที่แท้จริงตรวจสอบไม่ได้ค่ะ ทุกอุปกรณ์ตรวจจับไม่สามารถรับข้อมูลอะไรได้เลย ราวกับว่ามันดูดกลืนคลื่อนตรวจจับเข้าไป"

"ว่าไงนะ! มันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย ...แต่ทำไมกันล่ะ!? ใครกันที่ควบคุม'สิ่งนั้น'ได้"

"...มันคืออะไรคะ?"

"ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ...Dark Matter(สสารมืด)... แต่หวังว่าฉันจะผิดนะ..."

============================

โทรศัพท์ผมสั่นขึ้น

"ขอตัวนะ สงสัยโจทก์เก่าโทรมา" ผมบอกเพื่อนผมที่เป็นครูสอนเลข

"เออ จะว่าไปนายก็ติดเงินฉันอยู่สี่ห้าร้อย" แมทหมุนเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

"ไม่เคยยืมเฟ้ย" ผมย้อน ก่อนจะเดินออกไปรับโทรศัพท์

ปรากฏว่าคนที่โทรมาเป็นเพื่อนเก่าผมซะงั้น ใกล้เคียง

"ริชาร์ด" ปลายสายทัก

"ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ แซม"

"ฉันมีเรื่องต้องคุยด้วย เรื่องด่วน นายช่วยออกมาตอนนี้เลยได้มั้ย ฉันจะรอที่บ้านนายนะ"

"เดี๋ยวสิ--" วางสายซะแล้ว

สงสัยผมต้องฝากคาบชมรมให้คนอื่นซะแล้ว น่าเสียดายแฮะ

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อจะบอกให้แมทช่วยไปคุมแทนเฉยๆสักครั้ง แต่เขาไม่อยู่ ผมเลยฝากบอกผ่านเพื่อนของเขา แล้วผมก็เก็บของออกมา

อันที่จริงมันก็แปลก ผมไม่ได้สนิทอะไรกับแซมมากนัก แมทเป็นเพื่อนสนิทเขาต่างหาก ทำไมเขาถึงมาหาผมนะ

... ว่าแต่เซย์จิมีอะไรจะบอกผมนะ

============================

"เป้าหมายกำลังมาครับ"

============================

เมื่อผมไปถึงบ้าน ผมก็เห็นแซมยืนอยู่หน้าประตูแล้ว

"หวัดดี! เป็นไงบ้าง--"

ผมชะงักเมื่อเห็นเขาหันมา ทำให้ผมเห็นหน้าเขาชัดๆ

เขาเปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อน ผมจำไม่ได้ว่าเขาดูซีดขนาดนั้น ทั้งๆที่ผมเขาไม่ได้หงอก ผมของเขาก็ดูซีดด้วย

แต่ตาของเขา ผมจำได้ว่าตาของเขาไม่ได้ดูสีฟ้าสดเท่าตอนนี้ และเบ้าตาเขาก็ไม่ได้ดูลึกขนาดนี้ด้วย

รวมๆแล้วเขาดูเหมือนคนเสียสติพอสมควร ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงซะแล้ว

"ริชาร์ด" เขาเอ่ย เสียงจริงของเขาดูไร้พลังมาก ตอนที่คุยผ่านโทรศัพท์ผมคิดว่าเสียงเขาดีกว่านี้ "นาย.. นายมีสิ่งนั้นอยู่"

"นายพูดถึงอะไรน่ะ" ตอนนี้ผมเริ่มคิดจริงๆแล้วว่าเขาคงไม่ได้มีสติร้อยเปอร์เซ็น

"ถ้านายพาฉันเข้าไปในบ้าน.. ฉันจะอธิบายให้ฟัง" เขาตอบ

"โอเค" ผมเดินเข้าไปพยุงเขาไว้ ดูเหมือนเขาไม่มีแรงจริงๆด้วย ผมกะจะพาเขาเข้าไปในบ้านอยู่แล้ว ให้เขาได้สงบๆลงสักหน่อย

===========================

'ครูไม่ว่างหรอ... กะจะถามว่าครูคิดยังไงกับข่าวนี้ซะหน่อย'

เซย์จิเดินไปนั่งที่นั่งประจำของเขาหน้าห้อง แล้ววางเอกสารที่พิมพ์มา เรื่องการตรวจพบจำนวนสสาีีรมืดมากขึ้นกว่าปกติ และการถกเถียงเรื่องความเป็นไปได้ของทฤษฎีฟิสิกส์ต่างๆในปัจจุบันที่ไม่ได้ทำนายเรื่องนี้

===========================

"ลงมือได้"

===========================

ผมพาแซมไปนั่งตรงโซฟาเล็ก แล้วหยิบน้ำรินใส่แก้วส่งให้เขา ก่อนจะนั่งที่โซฟาเล็กฝั่งตรงข้าม

"...ริชาร์ด เร็วๆนี้ นายเจอสิ่งอะไรที่แปลกๆบ้างมั้ย" แซมถามขณะที่จิบน้ำจากแก้วที่ผมส่งให้

ผมฉุกคิดถึงพลอยสีเขียวที่ผมเพิ่งเจอเร็วๆนี้ทันที แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก่อน "ก็... ไม่นี่"

"... แน่ใจนะ "

"แน่นอน ชีวิตฉันปกติดี ว่าแต่นายมาหาฉันที่นี่ทำไมหรอ" ผมเปลี่ยนเรื่อง

"นายโกหก"

ในตอนนั้นเอง ความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไปทันที จากที่คิดว่าแซมไม่สบายหรือเป็นอะไรสักอย่าง ผมเริ่มคิดว่าเขาแกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ผมตายใจรึเปล่า

"ฉะ ฉันโกหกอะไรหรอ"

"พลอย ขนาดเล็กๆ สีเขียว"

ผมรู้สึกหนาววูบขึ้นมา ราวกับว่ามีน้ำแข็งไปโผล่ในท้องของผม ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจผมเต้นแรงเป็นพิเศษไปจังหวะนึง

ตอนนี้แซมไม่มีท่าทางอ่อนแออีกแล้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาจ้องหน้าผมเขม็ง ตาสีฟ้าของเขานั้นดูสว่างโร่

".... นายรู้ได้ยังไง"

ผมพยายามควบคุมตัวเองไว้ ยังไงเสียถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ก็เป็นบ้านของผม ผมได้เปรียบเรื่องสถานที่

ถ้าแซมจะพุ่งเข้ามา ผมจะหลบไปทางซ้าย วิ่งเข้าไปหยิบไม้กวาดมาป้องกันตัว... ไม่ดีมั้ง ผมควรจะพุ่งสวนหลบไปทางห้องครัวเพื่อหยิบอะไรที่คมกว่านั้นดีกว่า...

บ้าเอ้ย! ผมรู้สึกว่าตัวผมเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แซมยิ้มเล็กๆ

"เอาเป็นว่าฉันรู้ และฉันไม่ได้มาเพื่อสู้กับนาย" ทันใดนั้นความรู้สึกถูกคุกคามของผมก็หายไป

"ฉันก็อยากจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟังนะ แต่ตอนนี้นายควรจะส่งมันมาให้ฉันซะ" เขาโน้มตัวมาแล้วแบมือ

ผมรู้สึกตัวขยับไปเองโดยขัดขืนไม่ได้ ผมออกจากห้อง เดินไปหยิบกล่องที่โต๊ะข้างเตียง แล้วเดินกลับมา มือของผมเปิดกล่องนั่น เผยให้เห็นพลอยสีเขียวเม็ดนั้น

"..."สายตาของแซมมองไปที่พลอยนั่น "ของจริง" เขาเอ่ย "ขอบคุณนายมาก นายไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้น่ะสำคัญ--"

มีแสงสีขาวสว่างจ้าแวบมาจากประตูหน้า จนผมต้องเบือนหน้าหลบไปอีกละทาง

ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น

เมื่อผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ผมไปกองอยู่ที่พื้นที่มีเศษไม้เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ผมรู้สึกว่ามีเศษบางชิ้นทิ่มเข้าไปในขาของผมด้วย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าบาดเจ็บอะไรมากนัก

...โอย... บ้าเอ้ย!

ผมพยายามเงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือห้องนั่งเล่นที่จัดอย่างดีของผมเหลือแต่เศษซาก แล้วก็...

"สวัสดี  เรามารับของล่ะ"

คนสามคนยืนบังประตูหน้าอยู่ สองคนใส่ชุดทหารสีดำถือปืนอยู่ข้างหลัง  คนที่สามใส่เสื้อโค้ทสีเหลืองทับเสื้อสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีซีดๆ ในมือถือปืนพกเล็กๆ

... คนเมื่อเช้านี่นา!?

"เอาล่ะ ส่งอะไรก็ตามที่นายถือนั่นมาซะ"

... แต่มันไม่ได้อยู่ในมือผมซะแล้วน่ะสิ

"พวกแกเป็นใคร!" แซมโผล่พรวดออกมาจากหลังโซฟาที่ล้มคว่ำลงไป ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ... มือตวัดฟาดลงไปทางพวกนั้น ผมเหมือนเห็นตาเขาส่องแสงสีฟ้าจ้า

ชายในชุดโค้ทกระโจนหลบไปข้างๆ ในขณะที่คนในชุดดำทั้งสองล้มคะมำลงราวกับถูกฟาดด้วยอะไรที่มองไม่เห็น

เสียงปืนดังขึ้น ผมพยายามกลิ้งหลบจากจุดที่ผมนอนอยู่

ผมเจอพลอยเม็ดนั้นแล้ว มันกระเด็นไปตกที่มุมห้อง ผมดีดตัวพุ่งไปเอามันไว้

ผมคว้ามันเอาไว้ในมือได้พอดีกับที่มีระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้น ผมรู้สึกว่ามันมาจากตรงที่ผมนอนอยู่ตะกี้พอดี คราวนี้มันรุนแรงกว่าเดิม

ผมรู้สึกหัวหมุน สายตาพร่ามัว เมื่อผมหันกลับไปได้ ผมเห็นว่าที่ระเบิดนั่น ความจริงคือมีอะไรบางอย่างตกลงมา ทะลุหลังคาลงมากลางบ้านพอดี

ผมพอจะเห็นลางๆว่าชายในชุดโค้ทโดนกระแทกสลบไปแล้ว แซมยืนโซเซอยู่อีกฝากนึงของห้องโดยมีสิ่งที่ตกลงมาคั่นกลาง

แล้วราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดวันนี้จะยังไม่ประหลาดพอ สิ่งที่ตกลงมาเหมือนจะขยับ แล้วค่อยๆงอกลอยสูงขึ้นมา...

ไม่สิ... มันลุกขึ้นมา

มันเป็นอะไรบางอย่างที่สีดำล้วน ตัวของมันเหมือนเป็นน้ำมันเยิ้มๆ แต่พอจะดูออกว่ามันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์...

เหมือนว่ามันจะหันมาทางผม... เพราะที่บริเวณหัวของมันมีสิ่งที่คล้ายตาสีแดงส่องแสงจ้าซึ่งหันมาทางผม...

มีแสงสีขาวสว่างจ้าแวบขึ้น แล้วผมก็หมดสติไป...

============================

"The sign that I couldn't read,

or a light that I couldn't see,

some things you have to believe,

but others are puzzles, puzzling me."

============================

Chapter End's Note

แล้วก็จบไปอีกตอน ใช้เวลาเขียนตอนนี้เยอะนิดหน่อย ต้องยอมรับว่าไอเดียเริ่มฝืดละครับ... หวังว่าจะต่อจนจบได้...

เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว! ชื่อตัวละครเริ่มโผล่มา ตัวละครใหม่ก็เช่นกัน!

แล้วก็ปรากฏว่าตัวละครหลักของเรา ริชาร์ด(ชื่อนี้ผมเอามาจากคนจริงๆคนหนึ่งที่เป็นไอดอลของผมครับ ^^) เป็นครูแฮะ

อีกตัวละครจากตอนที่แล้วก็เหมือนจะเป็นคนร้ายแฮะ... คนดีที่ไหนจะระเบิดประตูบ้านคนอื่น 555

แต่ปริศนาส่วนใหญ่ก็ยังรอเวลาที่จะเปิดเผยอยู่ บางคนอาจจะได้ไอเดียอะไรกันเเล้ว ใครมีอะไรก็เขียนเดาได้นะครับ อยากเห็นว่าจะมีใครเดาอะไรได้บ้าง :P

เจอกันคราวหน้าครับ!

ปล. ตอนท้ายนั่นเป็นท่อนนึงจากเพลง Speed of Sound(ที่โผล่มานิดนึงตอนที่แล้วครับ) ของ Coldplay ครับ

Link to comment
Share on other sites

เป็นฟิคที่ให้อารมณ์เหมือนหนังจริงๆครับสุดยอดๆ

แล้วจะติดตามอ่านเรื่อยๆครับ

Link to comment
Share on other sites

จะติดตามอ่านเรื่อย ๆ ค่ะ หนูน่ะชอบอ่านฟิคที่สุด >w<

Link to comment
Share on other sites

สนุกดีครับ จะรออ่านนะครับ :) (สาระภาพว่าใช้เวลาอ่าน 2 วัน =w=a)

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

สวัสดีครับ กลับมาแล้วครับ หลังจากดองไว้พอสมควร ToT

ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่ได้มาอัพเดทเลย ไม่ว่างจริงๆครับ ไม่ได้อยู่ติดบ้านเลย

เลยขออ้าง(?)ไว้ก่อนเลยว่าถ้าบทนี้ดูเขียนแปลกๆไป ก็เพราะค่อนข้างเขียนไม่ต่อเนื่องกัน และเร่ง (และมันก็แปลกๆจริงๆนั่นแหละ = =a )

ก็หวังว่าจะมีคนรออยู่นะครับ อ่า เข้าเรื่องเลยดีกว่า!

Chapter 4 : Revelation.

....

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น

...

ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว ผมอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่บ้านของผม

และผมกำลังนอนบนพื้นหญ้าอยู่ ข้างหน้าผมมีกองไฟเล็กๆอยู่

... คลาสสิคจริง

ผมค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ผมรู้สึกฟกช้ำอยู่บ้าง

"โอ้ นายฟื้นแล้ว"

แซมทักขึ้น เขานั่งหันหลังให้ผมอยู่อีกฝั่งนึงของไฟ กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่

"..." ผมไม่พูดอะไร ผมสำรวจตัวเอง แผลส่วนใหญ่เป็นแค่รอยช้ำจากแรงกระแทกเท่านั้น

ส่วนพลอยสีเขียวเจ้าปัญหาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผม...

"เราอยู่นอกเมือง ถ้านายสงสัยว่าเราอยู่ที่ไหนอ่ะนะ" แซมบอกผมโดยยังไม่หันมา ดูเหมือนเขาจะใช้สมาธิกับอะไรสักอย่าง

"... นายเป็นใครกันแน่" ผมเอ่ยหลังจากนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง

เขาไม่ได้ตอบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พ่นลมพรืดออกมา ผมไม่แน่ใจว่าเขาขำหรือแค่ถอนหายใจ

"แล้วนายคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ?" เขาถามโดยยังไม่ได้หันมา "...ดอปเปอร์แกงเกอร์ของเพื่อนนายรึไง"

"... นายไม่ได้มาจากโลกใบนี้ นายใช้ร่างของเพื่อนฉันแฝงตัวลงมา เพื่อตามหาเจ้านี่" ผมชูพลอยสีเขียวเม็ดนั้นขึ้น .... 'บ้ารึเปล่า นี่ฟังแล้วไม่มีเหตุผลสิ้นดี' พูดแบบนั้นออกมาสิ... ผมหวังไว้แบบนั้น... เพราะผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่...

"...!!" เขาลุกขึ้นแล้วหันมาทางผม สีหน้าของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่เป็นที่สุด เพราะ...

"นาย... นายสรุปออกมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง นายจะรู้ได้ยังไงกัน!!"

อา... ไม่มีทางน่า... "...ฉัน... ก่อนอื่น... ฉันขอยืมสเปคโตรสโคปของนายหน่อย" ผมบอก แล้วหลับตาลง ทั้งหมดนี่มันบ้าชัดๆ

เขาดูสับสน "อะไรนะ? สเปคโตรสโคป?"

"ที่อยู่ในกระเป๋านาย ที่ไว้ใช้ดูคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน่ะ" ผมบอก

เขาหยิบสิ่งที่เหมือนกล้องส่องทางไกลตาเดียวอันเล็กๆออกมา "นายหมายถึงนี่น่ะหรอ ฉันไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรในภาษาของนาย..."

ผมรับมา แล้วกดปุ่มเล็กๆสองสามปุ่มบนนั้นเพื่อยิงแสงสีเขียวไปยังพลอยในมือของผม

เขาตกใจ "นายทำอะไรน่ะ! แล้วนายใช้มันเป็นด้วย?!"

ผมไม่ตอบ ผมค่อยๆเอียงให้แสงยิงทำมุมกับพลอย...

เมื่อถึงมุมหนึ่ง พลอยส่องแสงวาบออกมา เป็นรูปสัญลักษณ์หนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ มันรูปร่างคล้ายๆตัวแอลฟาในภาษากรีก แต่มีขีดและเส้นแปลกๆรอบๆ ผมหันไปหาแซม หรือใครสักคนที่ดูเหมือนเขา สีหน้าของเขาค้างอยู่ในท่าตกใจ

"...สัญลักษณ์นี่ นายเข้าใจมันใช่มั้ยว่ามันหมายถึงอะไร..."

"อา... นี่มันอะไรกันเนี่ย..." เขาครางออกมา ผมก็อยากรู้เหมือนกัน... แต่คิดอีกที ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดนี่เป็นแค่ความฝัน... เรื่องทั้งหมดนี่... มันเกินจริงเกินไป...

ผมปิดกล้องส่องคลื่น แสงวูวาบนั่นหายไป แล้วยื่นคืนให้กับแซม ตอนนี้เขาหันมาทางผมแล้ว

"ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าฉันรู้อะไรมาได้ยังไง" ผมบอก แล้วผมก็เล่าย้อนกลับไป เมื่อผมรู้สึกตัวครั้งแรกหลังจากตอนนั้น...

============================

ทุกอย่างดูสับสน...

สิ่งที่ผมเห็นเหมือนมีแสงสีหม่นๆวิ่งกระเจิงไปมาบนฉากหลังสีเทาที่ว่างเปล่า...  ภาพที่ผมเห็นก็สั่นกระตุกราวกับมองทีวีที่เสียขณะเกิดแผ่นดินไหว...

หูของผมได้ยินเสียงอื้ออึงราวกับอยู่ท่ามกลางฝูงชน... ราวกับเสียงกระซิบพูดพร่ำเป็นเสียงหึ่งๆที่ฟังไม่รู้เรื่อง

...แล้วจู่ๆ ทุกอย่างกับสงบลง เสียงทั้งหมดหายไป แสงต่างๆก็หายไป ผมรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมอกควัน ข้างหน้าผมมีร่างในชุดคลุมสีดำ ผมมองไม่เห็นว่าอะไรอยู่ใต้ผ้าคลุมนั่น

ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำหนัก ผมตกลงมาเหยียบ... ผมมองไม่เห็นพื้นด้วยซ้ำ...

ร่างในผ้าคลุมหันหลัง แล้วเดินนำไป ผมรู้สึกว่าผมควรเดินตามไป...

=============================

"มันหมายความว่ายังไง กลับมามือเปล่า!! แถมยังเป็นเรื่องใหญ่อีก รู้มั้ยฉันต้องเสียอะไรไปบ้างเพื่อจะปิดข่าวนี่น่ะ!"

"มันไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย ใครจะรู้จะมีอุกกาบาตตกลงมาตรงนั้น เวลานั้นพอดี"

"อุกกาบาตตก?! อย่ามาแก้ตัว! ทำไมเราไม่เจอซากของมันล่ะ!"

"ผมจะไปรู้ได้ยังไง มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องเก็บกวาดซะหน่อย "

"หึ หน้าที่ของแกคือไปเอาแหล่งพลังงานนั่นมาให้ได้ แล้วมันอยู่ไหนซะล่ะ"

"..."

"...แกมีโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวนะ แจ็ค ถ้าคราวหน้ายังพลาดล่ะก็... แกคงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

"ชิ... "

==========================

ไม่รู้ผมเดินตามร่างในผ้าคลุมนี่มานานแค่ไหน...

รอบกายของผมตอนนี้ไม่มีหมอกแล้ว...

ไม่มีอะไรเลย...

ผมมองออกไปไกลแค่ไหน ผมก็ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เห็นแค่ความว่างเปล่าสีเทาหม่น

แล้วทันใดนั้นร่างตรงหน้าผมก็หยุดเดิน

มีอีกร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวกเรา ซึ่งผมแน่ใจว่าเมื่อกี้ผมยังไม่เห็น

เขารูปร่างคล้ายมนุษย์ทั่วไป สูงพอสมควร อาจจะราวๆ ร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร สวมชุดสีน้ำตาลเข้มที่ดูธรรมดาๆ

...บนใบหน้าของเขาสวมหน้ากากสีเทาฟ้าอันหนึ่งอยู่

หน้ากากนั่นเป็นรูปหน้าคนที่มีปากสีแดงยิ้มกว้างอยู่ รูปตากลมเล็ก ระหว่างคิ้วกับตามีขีดเส้นสีเขียวหลายเส้นเชื่อมกันเป็นรูปพัดหรือเปลือกหอย หูสีชมพูขนาดใหญ่ จมูกใหญ่ยื่นยาว ใต้ตามีแถบสีเหลืองฟ้าที่ขีดคล้ายกับพู่กันแต้มไว้

ขณะที่ผมมองหน้ากากที่ดูเหมือนจะประหลาดที่สุดที่เคยเห็นด้วยความสนเท่ห์ใจ เจ้าของหน้ากากก็พูดกับร่างในผ้าคลุม

"ขอบคุณมากนะ ตอนนี้ฉันขอคุยกับเขาโดยลำพัง"

ร่างในผ้าคลุมพยักหน้า ผมกระพริบตา นี่มันอะไรกันอีกแล้วล่ะเนี่ย แต่ในระหว่างที่ผมกระพริบตา ร่างในผ้าคลุมนั่นก็หายไปแล้ว

"คุณเป็นใคร" ผมถามชายสวมหน้ากาก

"สวัสดี ริชาร์ด" เขาตอบ "ฉันเป็นใครและชื่อของฉันนั้น... มันไม่สำคัญหรอก... ยังไงซะนายก็จะไม่เจอฉันอีกแล้ว นายจะเรียกฉันว่า... เอ ชื่ออะไรดีนะ อ๋อ เจอรามี่ ละกัน ก็ได้นะ "

"ผมอยู่ที่ไหน" ผมถาม ผมสงสัยนิดหน่อยว่าที่ว่าผมจะไม่เจอเขาแล้วนั้นหมายความว่ายังไง

"มันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือสิ่งที่ฉันจะบอกนายต่อจากนี้ไปต่างหาก... สิ่งที่นายคงจะอยากรู้... นายคงอยากรู้สินะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของนาย..."

==========================

มัน เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในตอนนี้ แม้มันจะมีความสามารถพอที่จะทำลายทั้งเมืองเพื่อตามล่าสิ่งนั้นก็ตาม

เพราะมันรู้ว่าหากมีการต่อสู้ขัดขวาง ถึงแม้มันจะไม่ถูกทำลายโดยอาวุธใดๆของโลกนี้ มันก็มีความเสี่ยงที่จะถูกสยบลงได้

และความไม่รู้ก็ก่อให้เกิดความประมาทด้วยเช่นกัน...  ดังเช่นตอนนี้ที่มันสามารถแทรกซึมเข้ามาหาข้อมูลได้

มันรู้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่ามันมีตัวตน และพวกนั้นก็พยายามตามหาสิ่งเดียวกับมันอยู่เช่นกัน

มันจึงตัดสินใจจะเกาะติดกับพวกนี้ไปอีกสักพัก...

==========================

ผมพูดอะไรไม่ออกไปหนึ่ง

บ้าชัดๆ เพื่อนของผมไม่ใช่เพื่อนของผมจริงๆ? พวกเขามาที่นี่เพราะเชื่อว่าพลอยในนาฬิกาของครอบครัวผมเป็นแหล่งพลังงานที่หายสาบสูญไปหลายพันปี?

และแหล่งพลังงานที่ว่านั่นดึงดูดสสารมืดมาที่โลก? และสสารมืดมีความคิดเหมือนสิ่งมีชีวิต? บ้าไปแล้ว นี่มันนิยายชัดๆ!

"ฉันรู้ว่านายไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ฉันบอกสินะ" เจอรามี่บอก เสียงของเขาดูร่าเริงอารมณ์เดียวกับกับหน้ากากที่ยิ้มกว้าง "แต่นายจำเป็นจะต้องฟัง และนายต้องทำตามที่ฉันบอก แต่ก็นะ นี่ยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมดซะทีเดียว.."

"เดี๋ยวก่อนสิ!" ผมขัด "..นายเป็นใครกันแน่!"

"ฉันเป็นใครก็ไม่สำคัญกับนายหรอก บอกแล้วไงเราจะไม่ได้เจอกันอีกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ฉันจะบอกนายน่ะ ชีวิตของคนทั้งโลกขึ้นอยู่กับนายนะ หรือบางทีอาจจะเยอะกว่านั้น... ฮ่าฮ่าฮ่า"

ผมขยับจะพูดแย้ง แต่เขาก็พูดตัดผม

"เอาล่ะ สิ่งที่นายต้องทำคือ" เขาขยับเข้ามาพูดใกล้ๆผม ราวกับว่าเขาคิดว่ากำลังพูดประชุมลับอยู่

"ไปที่ เอ่อ อะไรนะ~ อ๋อ เครื่องเร่งอนุภาคที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองที่นายอยู่ นายน่าจะรู้จักนะ แล้วจากนั้นก็ใช้มันยิงอนุภาคพลังงานเท่าที่เครื่องจะยิงได้ใส่แหล่งพลังงาน หรือพลอยของนาย "

"อะไรนะ!" ผมร้อง "ถ้ายิงพลังงานสูงขนาดนั้น--"

"อ๋อ 'โทดที เข้าใจผิดน่ะ" เขาขัดผม "เอาเท่าไหร่ก็ได้น่าจะพออยู่แล้ว"

ผมมองเขาด้วยสายตาหวั่นๆ ผมจะเชื่อเขาในเรื่องนี้ได้หรือเนี่ย ต่อให้ผมเชื่อเรื่องก่อนหน้านี้ก็เถอะนะ

"แล้วก็นะ ให้เจ้าสสารมืดอยู่ในห้องเร่งพลังงานตอนยิงด้วยล่ะ พลังงานหลงเหลือน่าจะทำลายมันได้"

...มันจะเป็นไปได้ยังไง! ผมแทบจะร้องออกมาจริงๆ แค่ตอนที่ผมเห็นสิ่งนั้นครั้งแรกตอนมันตกใส่บ้านผม ผมก็รู้สึกกลัวมันเต็มที่แล้ว

"เอาล่ะ ถ้าทำตามนี้ได้ พวกนายก็จบ หมดปัญหา มีความสุขกันทุกฝ่าย" เจอรามี่ปรบมือเข้าด้วยกันครั้งนึง "มีคำถามมั้ย?"

"...ทั้งหมดนี่ ผมจะทำได้ยังไงกัน" ผมประท้วง "ผมไม่ได้มีสิทธิ์ในการใช้เครื่องนั่นด้วยซ้ำ มันสำหรับนักวิจัยระดับสูง ผมเป็นแค่ครู แล้วอีกอย่าง เหมือนว่าจะมีคนตามล่าพลอยนี่อยู่อีก ไม่นับไอ้สสารมืดอะไรของคุณ" ผมหยุด "แล้วผมยังไม่รู้เลยจะเชื่อคุณได้ยังไง คุณเป็นใครกันแน่"

"เอาล่ะถ้างั้น" เจอรามี่พูดขึ้นมาทันที ไม่ได้มีท่าทีคิดมากกับสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย "เรื่องนายจะทำยังไง พวกนายก็ต้องคิดกันเอาเอง ถ้าฉันช่วยได้มากกว่านี้ หรือฉันทำเองได้ ฉันก็จะไม่รบกวนนายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องฉันเป็นใครน่ะ... ให้'เพื่อน'ของนายบอกกับนายเอง ฉันคิดว่าเขาน่าจะมี... เอ่อ... สเปคโตรสโคป อยู่ น่าจะในกระเป๋าของเขา พอนายรู้สึกตัวให้นายยืมมันมา มันจะเป็นกระบอกเล็กๆ ให้นายเล็งแล้วกดปุ่ม มันจะยิงแสงออกมา ให้ยิงใส่พลอยของนายแล้วให้เขาดูซะ เขาจะเข้าใจ"

ผมยิ่งฟังยิ่งสับสน เมื่อผมฟื้นงั้นหรอ งั้นผมอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้?!

...แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าอะไรอยู่ที่ไหน หรือทำไมถึงรู้เรื่องทั้งหมดนี่นะ...

"เอาล่ะ ลาก่อนนะ" เขาบอกผม "ขอให้สำเร็จละกัน "

"เดี๋ยวก่อน" ผมรีบถาม "ทำไมคุณจะต้องช่วยผมด้วย คุณจะได้อะไรจากการที่แหล่งพลังงานนี่จะถูกยิงด้วยพลังงานอื่นนั่น"

"... ฮิ ความจริงน่ะ บางอย่างไม่รู้เลยจะดีกว่านะ" เสียงของเจอรามี่ฟังดูแปลกๆ แม้จะมีความร่าเริงแบบเดิมอยู่ แต่ก็เหมือนจะมีอะไรแฝงอยู่ด้วย บางสิ่งที่เหมือน...

...เหมือนความเจ็บปวด

แล้วผมก็จำอะไรจากนั้นไม่ได้อีก

===========================

 

ผมพูดเรื่องทั้งหมดให้'แซม' หรือใครสักคนที่ดูเหมือนเขาจบ เขาอึ้งไปนานสมควร

ในที่สุด เขาก็ขยับตัว

"...มาเถอะ" เขาเรียก "เรามีเรื่องต้องทำ" เขายืนขึ้น "...ฉันจะบอกเรื่องที่นายยังอยากรู้ระหว่างทางไป"

"..." ผมยังไม่ขยับ "...นายไม่ใช่แซมจริงๆ ...นายเชื่อสิ่งที่ฉันบอก ...นายคิดว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันหรือภาพหลอน ...นายเชื่อว่าใครก็ตามนั่นบอกให้เราทำสิ่งที่ถูกต้องหรอ?"

เขาแค่ถอนใจแล้วส่ายหน้า "...ฉันจะอธิบายทั้งหมดเอง"

ดูเหมือนว่าผมจะไม่มีทางเลือก ผมถอนหายใจบ้าง แล้วลุกขึ้น

===========================

Chapter End's Note

แล้วก็จบไปอีกตอนสินะ คราวหน้าตั้งใจว่าจะไม่ดองนานขนาดนี้ครับ T_T (หรืออาจจะนานกว่านี้ Orz)

ตอนนี้เรื่องเผยอะไรออกมาหลายอย่าง บางอย่างอาจจะจริง บางอย่างอาจจะไม่จริง บางอย่างไม่ได้ถูกอธิบายเลย

เรื่องโดยรวมก็ออกแฟนตาซีมากขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าจะไม่ไม่ชอบกันนะครับ = =

อ้อ แล้วก็ เรื่องนี้อย่างที่ผมเคยบอกไว้ มันเป็นเรื่องราวก่อนเรื่องหลักของผม(ที่ยังไม่ได้เขียน) ดังนั้นมันก็อาจจะมีหลายๆเรื่องที่เป็นปริศนาอยู่

แล้วก็เรื่องนี้คงจะไม่ยาวมาก ผมคิดว่าอีกไม่กี่ตอนก็อาจจะปิดเรื่องละครับ

ช่วยอยู่กับผมไปจนจบด้วยนะครับบบบ ><

Link to comment
Share on other sites

สนุกค่ะ หนูจะ(พยายาม)ติดตามอ่านให้จบค่ะ!

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

...

ดองไว้เกินสองอาทิตย์... นี่มันเกินโควตาดองที่ขีดให้ตัวเองด้วย... ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจาก... งานเยอะมั่กครับ T-T

ไม่ว่างเขียนเลยจริงๆ ไอเดียบางทีก็ไหลไปกับน้ำตอนอาบน้ำซะด้วย...

เอาเถอะ เอาตอนนี้ไปกันบูดอีกสักอาทิตย์(++?) แล้วกันครับ  :psyduck03:

....

Chapter 5 : Revelation I.

เราอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้าไปยังศูนย์วิจัยพลังงาน...

ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ารถคนนี้เป็นของบ้านข้างๆ...

...ผมว่ามันคงไม่สำคัญในตอนนี้แล้วมั้ง...

"...อารยธรรมโบราณของโลกใบนี้ มีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าสินะ"  จู่ๆQก็เอ่ยขึ้น ('แซม' บอกว่าที่จริงแล้วเขาชื่อนี้)

"..." ผมไม่ตอบอะไร น้ำเสียงที่Qใช้บอกว่านั่นไม่ใช่คำถาม

"ตอนนี้ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง นายก็ไม่รู้จะเถียงยังไงสินะ งั้นฉันจะพูดตรงๆเลย" Qพูดต่อ ซึ่งมันก็จริง... ผมคิดด้วยซ้ำว่าเขาอ่านใจได้เพราะที่เขาพูดมานั้นตรงกับสิ่งที่อยู่ในหัวผมเป๊ะๆ

"เทพ ในแบบของโลกนี้ มีอยู่จริง อย่างน้อยก็ในระดับนึง ฉันไม่คิดว่าพวกตำนานทุกๆเรื่องจะเป็นจริงหรอก"เขาหยุดเพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าทางเล็กๆลับตาคน "ฉัน พวกเรา อยู่ในตำแหน่ง หรือระดับเดียวกับ'เทพ'เหล่านั้น"

ผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมเลยตัดสินใจนั่งเงียบต่อ

....ว่าแต่ถ้างั้นเทพขับรถเป็นด้วยหรอเนี่ย...

Qพ่นลมพรืดขำออกมา "ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นเทพซะหน่อย เทพน่ะคือผู้ที่ได้รับพลังมาเพื่อดูแลรักษาสิ่งๆหนึ่งโดยเฉพาะ พวกเราคือผู้เฝ้าดู... เอ่อ ดูเฉยๆน่ะ...  อันที่จริงต้นกำเนิดพวกเรากับเทพน่ะไม่เหมือนกัน"

"ต้นกำเนิด? เทพได้รับพลัง? มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพอีกสินะ" ผมพูดออกมาบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน ...แล้วก็ดูเหมือนQจะอ่านใจได้จริงๆ  บางทีเขาน่าจะทำได้มากกว่านี้ด้วย ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่บ้านผมขึ้นมาทันที

"นี่แหละประเด็นสำคัญล่ะ ใช่แล้ว มีบางอย่างที่ให้พลังแก่ 'เทพ' อันที่จริงพวกเราเคยเรียกพวกเขาว่าเทพ แต่พวกเขาไม่ชอบ พวกเขาคือตัวตนที่เป็นรูปธรรมและมีจิตใจของสิ่งต่างๆในจักรวาลนี้ พวกเขากำเนิดขึ้นมาเกือบจะพร้อมๆกับสิ่งที่พวกเขาเป็นนั้น มีขึ้นมาในจักรวาล ส่วนพวกเรา พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเองตามวิถีของจักรวาล พวกเขามาเจอเราแล้วสนใจ พวกเขาให้พลังกับเรา แล้วสร้าง'เทพ'ขึ้นมาเพื่อเฝ้าสังเกตและดูแลจักรวาลโดยรวม รวมถึงพวกนาย มนุษย์แห่งโลกใบนี้...  พวกเราไม่ใช่'เทพ'  และไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ใต้อำนาจของพวกตัวตนแห่งจักรวาล ตอนแรกๆพวกเราจึงไม่ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้น่ะ สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว..."

ถึงตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเหลือเชื่อและปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว อะไรกัน ตัวตนของสิ่งต่างๆ? จะบอกว่าที่เราศึกษาวิทยาศาสตร์มามากมายมันไม่มีประโยชน์เพราะที่จริงกฏต่างๆมันขึ้นอยู่กับ'เทพ' หรือบ้าอะไรก็ตามงั้นรึ? บ้าไปแล้ว

"มันก็ไม่เชิง"Qบอกผมอย่างใจเย็น "พวกเขาไม่ได้เป็นเทพแบบนั้น กฏของจักรวาลก็ไม่มีใครเขียน ไม่มีอะไรฝ่าฝืนได้ พวกเขาก็ไม่ได้รู้ไปหมด ไม่งั้นจะมีพวกเราและเทพคอยสังเกตจักรวาลทำไมล่ะ?"

ผมไม่พูดอะไร ผมยังรู้สึกไม่ชอบอยู่ดีว่ามีใคร หรืออะไรบางอย่างที่มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ข้างนอกนั่น... เฝ้าดูผมและคนอื่นๆอยู่ อาจจะหัวเราะขบขันความพยายามอันโง่เง่าของมนุษย์ที่จะเข้าใจธรรมชาติ...

"แล้วก็" น้ำเสียงQขมขื่นขึ้นมา จนผมหยุดหงิดหงิดแล้วรู้สึกกังวลใจไปด้วย"พวกเขาไม่ได้อยู่ไปตลอด ไม่ได้เป็นอมตะ เมื่อนานมาแล้ว เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น พวกเราจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากตอนนั้น พวกเขาก็หายไปจำนวนมาก... และค่อยๆหายไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราไม่เจอใครแล้ว พวก'เทพ' ก็เริ่มละทิ้งหน้าที่ไปตั้งแต่ตอนที่พวกเขาหายไป ตอนนี้เหลือแต่พวกเราแล้ว..." Qส่ายหน้าอย่างผิดหวัง

ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้น... มนุษย์ก็รู้สึกอ้างว้างเดียวดายที่ไม่มีเผ่าพันธุ์อื่นที่มีความฉลาดเท่าเทียมกันบนโลกนี้ และ ก็ไม่รู้ว่าข้างนอกนั่นจะมีใครรึเปล่า พวกQคงจะหนักยิ่งกว่า ไม่มีใครที่จะช่วยแบกรับหน้าที่อันหนักหนาอีกแล้ว

"แต่นี่ก็เป็นความหวังใหม่" Qพูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง "พลอยนั่น.. พวกเราตามมันมาเจอและพยายามเก็บไปก่อนหน้านี้เพราะว่ามันเป็นแหล่งพลังงานที่... ที่จำเป็นต่อพวกเรา และพวกนายไม่ควรจะเจอมัน... อย่างน้อยก็ในตอนนี้...  พวกเราก็ไม่รู้มันไปอยู่บนโลกได้ยังไง... แต่อย่างไรก็ตาม เหมือนว่านอกจากมีคนรู้เกี่ยวกับพลอยนี่และพยายามมาเอามันไป.... แล้วก็ยังมี Dark matter ยังมาพยายามตามล่ามันอีก อ้อ ฉันลืมบอก ที่ว่า Dark matter คืออะไรนั้นเรายังไม่ทราบแน่ชัด มันปรากฏขึ้นมาหลังจากพวกตัวตนแห่งจักรวาลเริ่มหายไป มันกินพลังงานเป็นอาหารน่ะ... หลังจากตอนนั้นที่ฉันจัดการหลบหนีและช่วยนายออกมาด้วย ฉันก็พยายามติดต่อกับพวกของฉัน แต่ก็ไม่ได้ คิดว่าคงเพราะ Dark matter มันรบกวนสัญญาณแน่ๆ หลังจากนั้น พอนายฟื้น นายก็เปิดเผยสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังของเราออกมา"

Qหันรถเข้าข้างถนน หยุดรถ หันมามองผม "สัญลักษณ์ที่ออกมาจากพลอยนั่น เป็นสัญลักษณ์ของตัวตนที่เป็นเสาหลักของจักรวาล ฉันคิดว่าถ้าเราทำตามที่ เอ่อ 'เจอรามี่'บอกนาย พวกฉันอาจจะติดต่อกับพวกเขาได้ก็ได้"

ผมพยายามฟังตามให้ทัน Qพูดแทบไม่หยุดพักหายใจเลย

"แล้ว นายพอรู้มั้ยว่า เจอรามี่ นี่เป็นใครกัน?" ผมถาม

Qยักไหล่"ฉันไม่รู้ เขาดูไม่เหมือนตัวตนแห่งจักรวาลคนไหนเลยที่ฉันรู้จัก" Q หยิบ'สเปคโตรสโคป'ออกมา  "ยังไงก็ตาม... เราจะทำตามแผนของเขาอยู่ดี เพราะเหมือนว่าการทำแบบนี้จะจัดการDark matterที่ตามล่าเราอยู่ได้ด้วย"

ผมนั่งนิ่ง ปล่อยให้สิ่งที่ผมได้ฟังมาทั้งหมดซึมซับเข้าไป แล้วผมก็คิดไครครวญ....

Q ใช้สเปคโตรสโคปยิงแสงออกไปที่กระจกหน้า แผนที่ของบริเวณนี้ปรากฏขึ้นมา Qจ้องมองที่มันอยู่ครู่หนึ่ง

ในที่สุด ผมก็ถอนหายใจออกมา

"ทั้งหมดนี่ มันเยอะเกินไปสำหรับคนธรรมดาๆคนนึงจริงๆนะ" ผมบ่น  Qหัวเราะ

"ไม่ต้องกังวลหรอก ริชาร์ด"Qบอก "ฉันอาจจะมีภาระหน้าที่ที่ดูยิ่งใหญ่ แต่กายภาพแล้วฉันไม่ได้แข็งแรงไปกว่าคนธรรมดาบนโลกนี้หรอก แต่ก็แน่ล่ะ ฉันอาจจะรู้อะไรๆมากกว่า" เขาขยิบตาให้ผม

'เขาไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ว่าเขามีพลังที่คล้ายๆพลังจิต'ผมคิดในใจ  Qหัวเราะอีกครั้ง

"ว่าแต่"ผมถามคำถามที่ค้างคาใจผมมานานแล้ว"ทำไมนายถึงใช้ร่างที่ดูเหมือนแซมเพื่อนของฉัน และตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน"

"ก็เขาเคยเป็นเพื่อนนาย และฉันต้องการเข้าถึงนาย แล้วเขาเป็นเพื่อนนายคนที่เผอิญไปเที่ยวอเมซอนช่วงนี้ซะด้วย เหมาะกับการปลอมตัวเป็นตัวแทนมาก"Qหัวเราะอีกรอบ "ไม่ต้องห่วง เขาปลอดภัย เขาจะกลับมาใช้ชีวิตปกติหลังจากเราเสร็จงานนี้..."

"... ชีวิตปกติงั้นหรอ..." ผมรำพึง "ฉันก็อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม... ไม่อยากจะรู้เรื่องพวกนี้... ป่านนี้ฉันคงเป็นผู้ต้องสงสัยทำวัตถุระเบิดแล้วมั้ง ตำรวจไปเจอบ้านฉันที่เละแบบนั้นจะคิดยังไงอีกได้..."

Qเงียบไปครู่หนึ่ง "... หลังจากจบเรื่อง พวกเราจะดูให้ว่าจะช่วยอะไรนายได้บ้าง... ขอโทษละกันที่ทำให้ลำบาก..." เขาเก็บกล้องนั่น (ผมว่ามันคงไม่ใช่สเปคโตรสโคปแล้วล่ะ) แล้วก็ขับรถต่อ

ผมไม่ได้พูดอะไรอีก เหลือระยะทางอีกไม่มากจะถึงศูนย์วิจัย...

==========================

แจ็คฝันร้ายอีกแล้ว

เขาฝันว่า'ภารกิจ'ของเขาล้มเหลว และสูญเสียทุกๆอย่างที่เขาอยากจะรักษาไว้ ด้วยฝีมือของคนๆนั้น

เขารู้สึกกราดเกรี้ยว โกรธ และหัวเสียมาก

แต่ทั้งหมดนั่นเขารู้ดีว่ามันผิดที่เขาเอง

ถ้าเขาเพียงแต่จะไม่...

ไม่สิ เขาจะมาผิดหวังกับตัวเองตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำตามคำสั่งไปก่อนเพื่อความปลอดภัย... ทำงานสกปรกของมันที่เขาแสนจะรังเกียจ...

หลังจากนั้น... เมื่อทุกคนปลอดภัย...  เขาจะทำลายทุกๆสิ่งที่เป็นของมันซะ

==========================

Chapter End's Note

แล้วก็จบไปอีกตอน... สั้นกว่าตอนที่แล้วนิดหน่อยแฮะ

ปริศนาของเรื่องนี้ก็คลายปมไปอีก เอ่อ เยอะมากกกก

แต่ก็ยังมีที่ยังไม่เปิดเผยอยู่ :P แถมในตอนนี้ มันเปิดเส้นทางและความเป็นไปได้ของไอเดียในการเขียนต่ออยู่ด้วย รวมถึงเรื่องราวของฟิกหน้า ถ้าผมจะเขียนจริงๆอ่ะนะ

ผมว่าไหนๆในตอนนี้ผมผ่านส่วนที่เขียนออกมายากที่สุดไปแล้ว... (ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งออกมาเร็วขึ้นนะครับ T T) ผมจะลองมองย้อนกลับไปถึงตอนที่ผ่านๆมาหน่อย

ผมรู้สึกว่าจนตอนนี้ผมก็ยังเขียนสำนวนออกมา "ภาษาไทย" ไม่ค่อยดีนัก T^T

ความไหลลื่น ผมก็ว่ายังไม่ดี ToT

ความออริจินัลของชื่อ... ห่วยแตก! "orz

ที่เหมือนจะดีขึ้น... ไม่ค่อยมีเลยแฮะ มีแค่การจินตนาการในหัว พอเขียนออกมาก็ไม่ดีอยู่ดี T_T

ยังไงก็ตาม จะพยายามเขียนต่อให้จบครับ

เจอกันคราวหน้าฮะ :D

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.