Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

~†Rest in Hell†~


Mocoron

Recommended Posts

===========†Rest in hell†===========

--สารบัญ--

-บทนำ-(หน้าปัจจุบัน)

-ตอนที่ 1 อีกาแห่งความผิดบาป-(หน้าปัจจุบัน)

--ข้อมูลตัวละคร(อัพเดทเรื่อยๆ)--

-คุโรงาว่า  มาซากิ-

เพศ :  หญิง        อายุ : 17      เกิด :  20 มกราคม  ตาย : 9 กันยายน 

รหัสวิญญาณเลขที่ : 26138  สูง:168 ซม.  หนัก: 52 กก.

สถานะ : ยมทูต สายโซล-ฮันเตอร์    สังกัด : ???  หน่วย : ???

อุปนิสัย : เป็นพวกขวางโลกและขี้เซ็งขี้เบื่อหน่ายเเบบสุดๆ เลือดร้อน ใจกล้าบ้าบิ่น แสดงอารมณ์เปิดเผยแต่จริงๆเเล้ว...

งานอดิเรก : นั่งเหม่อ / นั่งฟังเสียงนาฬิกา / ฆ่า(?) / ดองงาน

เอกลักษณ์เฉพาะตัว/ตำหนิ  :  แผลเป็นรูปกางเขนหัวกลับใต้ตาข้างขวา

สิ่งที่ชอบ :  ชา / สถานที่เงียบๆและแสงน้อย / เลือด(?)

สิ่งที่เกลียด :  สีชมพู ดอกไม้ น้ำหอม ของน่ารักๆ(ของทุกอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปเขาชอบกัน)  แสงอาทิตย์ สถานที่ที่มีแสงจ้าหรือมีเสียงดังๆวุ่นวาย

อาวุธ  :  มีดสั้น

-เมลลาริต้า แอลตัน-

เพศ:หญิง    อายุ:20    เกิด: 7 มิถุนายน  ตาย: 30 พฤษภาคม

รหัสวิญญาณเลขที่ : 46230  สูง:170 ซม.  หนัก: 47 กก.

สถานะ : ยมทูต สาย???    สังกัด : ???  หน่วย : ???

อุปนิสัย : เธอเป็นคนที่ร่าเริงเเละยิ้มง่ายคนหนึ่ง ด้วยนิสัยสบายๆทำให้เธอเหมือนคนที่ไม่ค่อยจริงจังซักเท่าไหร่....

งานอดิเรก : อ่านนิยาย

เอกลักษณ์เฉพาะตัว/ตำหนิ  :  -

สิ่งที่ชอบ :  ตุ๊กตานุ่มนิ่ม / เรื่องเล่าตำนาน / หนังสือนิยายหรือนิทาน / สัตว์ในเทพนิยาย

สิ่งที่เกลียด :  ???

อาวุธ : ???

Coming soon....

=================================================================================

[บทนำ]

....ไม่เข้าใจ.....

...ทำไม....ถึงได้อยากมีชีวิตอยู่....ทั้งๆที่มันก็แค่การใช้เวลาเปล่าประโยชน์ไปวันๆ....

...ทำไม....ถึงได้หวาดกลัวต่อความตาย....ทั้งๆที่ยังไงก็หนีความตายไม่พ้น....

...ทำไม....ถึงได้อาลัยอาวรณ์ให้กับสิ่งที่เรียกว่า"ชีวิต"กันอยู่ได้....

...ไร้สาระ....โง่เขลาสิ้นดี....

...การมีชีวิตอยู่น่ะ....มันมีความหมายอะไรนอกจากการรอความตายงั้นรึไง?....

.....ไม่เข้าใจ.....

....ฉัน....ไม่เห็นจะเข้าใจ....เลยซักนิด...

    เจ้าของดวงตาสีดำรัตติกาลครุ่นคิดพลางจ้องมองจากหลังคาโบสถ์ลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง  ภาพที่เธอเห็นคือเหล่าผู้คนกลุ่มหนึ่งที่พากันร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าอาลัยอาวรณ์ต่อ'สิ่งสำคัญที่สูญเสียไป' ดวงตาอับแสงฉายแววเบื่อหน่ายอย่างไม่ปิดบังราวกับเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำซากจำเจ ....ไม่สิ...ต้องพูดว่าผ่านตามาบ่อยมากจนเบื่อสุดจะทนถึงจะถูก

"เสร็จไปอีกหนึ่งงานแล้วนะ 26138 "เสียงหวานดังขึ้นปลุกให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ดวงตาสีนิลภายใต้แว่นกรอบสีน้ำตาลตวัดมาสบตากับดวงตาสีมิทไนท์บูลของหญิงสาวผมเปียร่างเล็กอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเรียกฉันด้วยรหัสวิญญาณบ้าบอนั่นเหมือนพวกรับของยื่นตังค์พวกนั้นซะทีจะได้มั๊ย 'เมล' ฉันเอียนมันจะแย่"

น้ำเสียงไม่สบอารมณ์นั่นไม่ได้ทำอะไร เมลลาริต้า เเอลตัล ไปมากกว่าการยิ้มแห้งๆและส่ายหน้าขำในความหัวรั้นของอีกฝ่ายหากเธอไม่รู้จักและสนิทสนมกับเธอคนนี้จริงๆป่านนี้เธอคงเดินหนีไปทีอื่นโดยไม่หันหลังมองกลับมาไปแล้ว "จ้าๆแหมแกล้งเรียกนิดๆหน่อยๆไม่ได้จริงนะ ว่าแต่เตรียมรายงานข้อมูลวิญญาณรายนี้รึยังล่ะ...มาซากิ... "

คุโรงาว่า มาซากิ บุ้ยปากถอนหายใจแบบเซ็งๆพลางขยับเเว่นตาให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกสีแดงเล่มเล็กในกระเป๋าเสื้อออกมาอ่านข้อมูลที่เธอบันทึกไว้ให้เพื่อนร่วมงานฟังด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ

" เอริค ชารล์ รหัสวิญญาณเลขที่ 76402 เกิดวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม ปี ค.ศ.1980 ตายเมื่อคืนวันจันทร์ที่10มิถุนายน ปี ค.ศ.2013 รวมอายุขัยบนโลกมนุษย์33ปี สาเหตุการตายคืออุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำขณะขับหักตัวหลบรถโดยสารที่ขับปาดหน้า... ข้อมูลเท่านี้พอแล้วรึยัง?" มาซากิหลับตาถามพลางปิดสมุดบันทึกโดยไม่รอคำตอบจากปากของอีกฝ่าย

เมลลาริต้าปรบมือมุมปากของเธอยกสูงขึ้น "Mission Complete! โชคดีหน่อยที่รายนี้ไม่หนีรึขัดขืนเลยได้ตัวมาง่ายๆ เอาล่ะหมดธุระกับที่นี่แล้ว กลับกันเถอะ" เธอกล่าวก่อนจะหยิบนกหวีดสีเทาที่ห้อยอยู่ที่คอขึ้นมาเป่าเต็มเเรง วี้ดดดดดดดดดดดดดดด~~!!!!!!!! เสียงเล็กแหลมของนกหวีดดังก้องไปทั่วทำเอามาซากิเอามืออุดหูตัวเองแทบไม่ทัน ไม่นานนักสายลมหอบใหญ่ก็พัดมาพร้อมกับร่างยักษ์ของกริฟฟอนสีขาวที่บินร่อนลงมายังหลังคาโบสถ์อย่างสง่างาม

"ขอโทษที่ทำให้รอนานนะจ๊ะ กีกี้จางง~"สาวน้อยผมเปียวิ่งโผเข้าไปกอดคอกริฟฟอนตัวนั้นราวกับว่าเห็นมันเป็นตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวอ้วนกลมแสนน่ารักน่าชังก็ไม่ปาน มาซากิมองการกระทำของเพื่อนร่วมงานอย่างหน่ายๆพลางหยิบกรงนกสีดำที่ข้างในขังลูกไฟสีน้ำเงินลอยวนไปมาอยู่ให้เมลลาริต้าซึ่งตอนนี้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลัง 'กีกี้' หรือเจ้ากริฟฟอนสีขาวสุดรักของเธอ

ดวงตาสีนิลเหลือบมองกลุ่มคนเหล่านั้นทางหางตาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของกีกี้ตามเมลลาริต้า เพียงชั่วพริบตาที่ปีกสีขาวกว้าง1เมตรของเจ้ากริฟฟอนกระพือร่างยักษ์นั่นก็หายวับไปจากหลังคาโบสถ์ราวกับไม่เคยมีอะไรอยู่ ณ ที่นั้นมาก่อน...

.

.

.

.

.

.

........

...มนุษย์ทุกคน...ล้วนแต่มีความอาลัยที่ไม่จักจบจักสิ้น...

.....แม้ว่าร่างเนื้อของพวกเขาเหล่านั้นจะผุพังเน่าสลายไปตามกาลเวลา....

...แต่อย่างไรก็ตาม....

....'พวกเขา'เหล่านั้นก็ยังคงยึดติดกับมัน...สิ่งที่เรียกว่าความอาลัย...

...ใช่...

...นั่นคือหน้าที่ของพวกเรา...

...นำพาวิญญาณผู้โง่เขลายึดติดกับความอาลัยไปสู่การพิพากษา ณ โลกหลังความตาย...

....มันคือหน้าที่ของพวกเรา....

.

.

.

.

.

.

.

"ยมทูต"

=================================================================================

แฮ่กๆๆเขียนบทนำเสร็จซะที//me สลบเหมือด

พึ่งเขียนครั้งแรกเลยไม่รู้จะรอดรึเปล่าแฮ่ะๆๆ กลัวๆอยู่ว่าเขียนไม่ดีอ่านไม่ลื่นไหล หรือคนอ่านพากันงงๆllorz

(ก็มือใหม่นี่นะถ้าไม่ได้เรื่องก็ขออภัยด้วยฮะ= =")

แต่จะพยายามต่อไปนะฮะ ฝากทุกๆท่านติชมด้วยฮะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ(ล่วงหน้า)ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+เม้นด้วยนะฮะ^^

Link to comment
Share on other sites

ขอเม้นแรกเถอะนะ !

ยังงงๆกับคำบรรยายตัวละครร <<< ยัยนี่สมองช้า

แต่ก็น่าติดตามที่สุดอ่ะพี่สาวที่ร้าก เนื่อหาสุดยอดเบย d>w<b

ปล.พี่สาวเค้าตัวเอก ! พี่สาวเค้าตัวเอกกกกกกก !!! #บ้า

Link to comment
Share on other sites

เป็นเนื้อเรื่องที่น่าติดตามมากทีเดียวเลยครับ

เรื่องราวของยมทูตผู้อยู่เบื้องหลังความตายจะเป็นยังไงกันนะ รอติดตามต่ออยู่นะครับท่านยมทูต :hito01:

Link to comment
Share on other sites

อย่างเหมาะ ^_^

สู้ๆน้ออ~~ ฟิคใหม่ตามอ่านง่าย (ไม่รู้จะอ่านไปได้ถึงไหน เพราะบางครั้งอ่านไปอ่านมา เลิก เพราะติดตามไม่ทัน ^_^")

Link to comment
Share on other sites

เป็นกำลังใจให้นะ อย่าท้อ  :pika03: จงแต่งต่อไป!

Link to comment
Share on other sites

  • 3 months later...

[ ตอนที่1 อีกาแห่งความผิดบาป ]

      ท้องฟ้าสีส้มอมม่วงยามสนธยาที่ปกคลุมไปด้วยปุยเมฆสีชมพูอ่อนช่างสวยงามราวกับภาพวาดที่ชวนหลงไหล แสงอาทิตย์ยามเย็นลอดผ่านช่องราวระเบียงลงบนทางเดินหินอ่อนสีขาวจนกลืนสีกันเป็นสีส้มอ่อน ต้นหญ้าริมทางพริ้วไหวไปตามลมคล้ายกำลังหยอกล้อกับสายลมที่พัดผ่านนั้นอยู่ ทล่ามกลางความเงียบสงบในยามเย็นเสียงฝีเท้าของใครบางคนได้ทำลายความเงียบสงบนั้นลง

ตึก...ตึก...ตึก...ตึก....

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมยาวสีดำสนิทเดินออกมาจากมุมมืดของตัวอาคาร ผิวที่ขาวซีดอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีกเมื่อจับต้องกับแสงแดด ชายหนุ่มปัดปอยผมข้างหน้าที่บดบังทัศนวิศัยออกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลหม่นที่ฉายแววครุ่นคิดอย่างหนักใจ สองขาเร่งเดินไปยังจุดหมายปลายทาง ทั้งที่เป็นเช่นนั้น ขณะที่ชายหนุ่มก้าวขาเดินฉับๆไปอย่างรีบเร่ง เสียงๆหนึ่งได้หยุดเขาไว้ให้ยืนอยู่กับที่  "อ้าวๆๆ เหงื่อโชกเชียวจะรีบไปไหนกันครับ?"

น้ำเสียงยียวนกวนประสาทนั่นเรียกให้ชายหนุ่มหันหลังกลับมาอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้ายิ้มระรื่นของชายผมเงินตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุดว่า "...มีธุระอะไร...เอซาเชล"

นิ้วเรียวยาวที่เกลี่ยกลีบกุหลาบสีแดงสดในมือหยุดชะงัก เอซาเชลรึชายผมสีเงินเจ้าของชื่อยิ้มกริ่มพลางส่ายหัวแสร้งทำเป็นเสียงเศร้า

"กับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทักทายแบบนี้ใจร้ายจังเลยน้า...."

"นายไม่ใช่เพื่อนฉัน แล้วฉันก็ไม่ต้องการเพื่อนอย่างนาย" 

น้ำเสียงเฉียบขาดของชายหนุ่มชุดดำเร่งตัดบทสนทนาอันไร้สาระนี่ ก่อนจะเดินหลีกหนีไปทางอื่นโดยพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจอีกฝ่าย

รอยยิ้มเศร้าของเอซาเชลหดหายไปก่อนแทนที่ด้วยการแสยะยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ"หึๆๆๆๆ....นายนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ...ไม่เอาน่าๆฉันมาเรื่องงานนะไม่ได้มาหาเรื่อง"

"...ถ้างั้นก็รีบๆว่ามา ฉันจะได้ไปเสียที"

ดูเหมือนคำว่า'งาน'จะสะกิตให้คนที่เดินหนีหันกลับมา เอซาเชลยักไหล่ก่อนเดินเข้ามาหาพลางหยิบของบางสิ่งออกมากระเป๋าเสื้อยื่นให้ชายชุดดำ

จดหมาย?

ดวงตาสีน้ำตาลจ้องสำรวจซองจดหมายสีซีดที่อยู่ในมือตัวเองอย่างพิจารณา ขณะที่ชายผมเงินยิ้มเย็นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า"จดหมายรักจาก'คนที่ใครๆก็รู้กันอยู่'"

"ถ้านายกล้าเรียกสิ่งนี้ว่าจดหมายรักแล้วล่ะก็ นายคงเป็นคนที่โง่เง่าเป็นที่สุด"

"ก็คงงั้น แต่...คงไม่โง่เท่าคนที่ยอมทนเลี้ยงอสุรกายไว้ในบ้านตัวเองหรอกกระมัง?จริงไหม??"

กร๊อบ...

เสียงของกระดาษที่ถูกกำจนยับดังขึ้นพร้อมๆกับดวงตาสีน้ำตาลที่ตวัดขึ้นมาสบตามองหน้าอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง เอซาเชลแกล้งทำเป็นรีบปิดปากทั้งที่มีเสียงหัวเราะขลุกขลักในลำคอ ดวงตาสีเหลืองอำพันของเขาฉายแววสะใจเล็กๆที่แกล้งกระตุกหนวดเสือเล่นได้สำเร็จ

"ได้ข่าวลือมาว่านายต้องวิ่งเข้าวิ่งออกสำนักงาน คอยรายงานเรื่องของ'เจ้านั่น'ทำแทบทุกวันเลยนี่? ข่าวลือนั่นคงจะจริงสินะ"

"...ถ้าไม่ใช่เพราะนายเสนอแนะต่อเบื้องบนไปแบบนั้น ฉันคงไม่ต้องมาทำเรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่รึไง"

"ก็นะ หึๆๆ...งานเลี้ยงสัตว์ป่าน่ะมันไม่ใช่เรื่องง่าย...ต้องคอยเก็บกวาดซากที่มันกินเหลืออยู่ตลอด มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง...??"

เอซาเฃลพูดทำน้ำเสียงยียวนกวนโทสะของอีกฝ่ายก่อนจะเดินมาตบบ่าชายหนุ่มชุดดำ มุมปากของเขายกสูงขึ้นก่อนจะพูดด้วยเสียงเผ่วเบาว่า

"จนกว่าจะถึงวันที่ใช้งานได้... ก็ระวังมันบินหลุดออกจากกรงไปเสียก่อนเเล้วกันนะครับ...คุณกรินฟรอส..."

พรึบบบบบ

ทันทีที่เอซาเชลเดินสวนไปอีกทางสายลมหอบใหญ่ก็พัดกลีบกุหลาบสีแดงปลิวว่อนไปทั่ว  เมื่อชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหันไปมองข้างหลังร่างของชายผมเงินก็หายไปเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า เขาหันหลังกลับมาพลางจ้องมองซองจดหมายในมือ ในหัวยังคงมีภาพการสนทนาสุดท้ายวนเวียนอยู่

'จนกว่าจะถึงวันที่ใช้งานได้... ก็ระวังมันบินหลุดออกจากกรงไปเสียก่อนเเล้วกันนะครับ...คุณกรินฟรอส...'

"...ฉันเกรงว่า...วันนั้น....มันอาจจะไม่มีก็ได้..."

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=

-  - [18:32 น. : ดาดฟ้าอาคารร้างแห่งหนึ่ง] - - - - - - - -

"อ้ากกกก! ตาทึ่ม~ช้านจะฆ่านายยยย!!!!!" มาซากิร้องพลางขยี้หัวทึ้งผมอย่างหัวเสีย เมลลาริต้าที่ยืนดูเมลที่ได้รับในโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างๆได้แต่หัวเราะแห้งๆ "....เอาน่าๆ งานเพิ่มเงินก็เพิ่มนะ" เธอพูดปลอบ

"เหนี่อยเพิ่มด้วยสิไม่ว่า! ไล่เก็บวิญญาณทั้งวันกลับมาเหนื่อยๆนึกว่าจะได้พักซะอีก ตานั่นเห็นชั้นเป็นเบ้ชัดๆ ตาทึ่มหน้าปะ....อุ๊ฟ!!"

"ชู่ว์....! ไม่เอาน่าเดี๋ยวหัวหน้าได้ยินเข้าก็โดนทำโทษอีกหรอก" สาวผมเปียกระซิบมองซ้ายมองขวา เอามือเปิดปากเพื่อนร่วมงานที่พูดไม่ทันจบประโยค  ดวงตาสีดำนิลฉายแววไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังมาซากิดึงมือที่อุดปากออกก่อนพูดอย่างเคืองๆว่า " ...ได้ยินก็ดีสิ! โกรธมากๆจะได้ฆ่าชั้นให้ตายเร็วๆ เพราะช้าน-อยาก-ตาย!!"

เมลลาริต้าถอนหายใจกับความหัวรั้นของอีกฝ่าย ดูเหมือนเพื่อนของเธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งใครง่ายๆเลยจริงๆเธอคิดขณะมองสาวแว่นที่เปิดขวดชาขึ้นมาซดหลายอึก ก่อนที่เธอจะพูดยื่นคำขาดว่า "ยังไงชั้นก็ไม่ไป!"

"...แต่มันคำสั่งหัวหน้านะ...ยังไงเธอก็ต้องไปนะมาซากิ"

"ไม่... ได้ยินมั๊ยยัยเมล? ไม่ๆๆๆๆๆๆๆและไม่!" 

มาซากิส่ายหน้าปฏิเสธก่อนนั่งลงไปบนพื้นเท้าคางอย่างเซ็งๆ  ต่อให้เป็นคำสั่งก็เหอะเธอเหนื่อยมาทั้งวันนะเรื่องอะไรต้องมารับงานเพิ่มให้เมื่อยด้วยล่ะ

"ไปเถอะน้าๆๆๆ....ก็เขาเป็นหัวหน้านี่ เขาสั่งเราก็ต้องทำ เฮ้อ...งั้นเอางี้!ถ้าเธอยอมทำงานนี้นะ....ฉันจะเลี้ยงชาให้เลยหนึ่งขวด!"

"ม่ายล่ะขอบใจ..." มาซากิส่ายหน้าดูเหมือนข้อเสนอของสาวผมเปียจะน้อยไปหน่อย

"สองขวดเป็นไง!"

"...ไม่เอา...."

"สาม!"

"ชิ...พอเหอะ ยังไงชั้นก็ไม่..."

"สาม---สิบขวด!!!"

ผึง! เสียงเส้นประสาทความอดทนของเด็กสาวขาดสะบั้นดังขึ้นพร้อมๆกับตัวที่ลุกกระโดดโหยงตาลุกวาวหันมาถาม "ตะกี้ว่าไงนะ!?"

"ก็....ชาสามสิบขวด ว่าไงสนรึยัง?" เมลลาริต้าทวนข้อเสนอแล้วยื่นแผ่นกระดาษเล็กให้ ขณะที่มาซากิทำตาโตยิ้มกว้างแก้มเเทบปริก่อนรีบคว้ากระดาษนั่นไว้ในมือ

"O.K.!ตกลง! ไปเดี๋ยวนี้หล่ะ!! อย่าคืนคำนะยัยเมล!!!" สาวสวมแว่นเอ่ยพลางหันหลังหักข้อนิ้วตัวเอง ก่อนจะวิ่งกระโจนลงมาจากดาดฟ้า ทิ้งเมลลาริต้าที่ถอนหายใจส่ายหน้าขำเธอเสียไม่ได้ไว้ข้างหลัง  "เป็นงี้ทุกทีสิน้า..." เธอพึมพำก่อนพลิกเปิดนิยายมาอ่านต่อ "...เอ๋?....อ่านถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย..."

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

มาซากิไม่เคยหวาดกลัวต่อความมืด กลับกันเธอออกจะชอบมันเสียด้วยซ้ำ ทักษะการเคลื่อนไหวคล่องเเคล่วว่องไวอันไร้ร่องรอยที่ไม่เป็นสองรองใครนั่นคือสิ่งที่เธอภาคภูมิใจ จึงไม่น่าแปลกที่เหล่าฝูงชนที่เดินขวั่กไขว่เต็มท้องถนนคนเดินแทบไม่ทันสังเกตเห็นเธอที่วิ่งกระโดดข้ามไปตามป้ายโฆษณาของร้านค้าต่างๆ เพราะยมทูตอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในบางครั้งเธอเองก็เคยคิดเล่นๆเหมือนกันว่าถ้าหากผู้คนเหล่านี้รับรู้ถึง'ตัวตนที่มีอยู่'ของพวกเธอจะเกิดเรื่องวุ่นวายซักเเค่ไหน

เด็กสาวเลือกที่จะใช้ทางลัดด้วยการกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเพราะข้างบนเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วกว่าการกระโดดข้ามป้ายและการวิ่งบนพื้นถนนข้างล่างที่พลุกพล่านไปด้วยฝูงชน เพียงไม่กี่นาทีเธอกต่อมาเธอก็ออกจากเขตเมือง  ดวงตาสีนิลสะท้อนแสงจากโคมไฟดวงสุดท้ายของตรอก แสงไฟสีขาวนั่นส่องกระทบกับร่างที่กระโดดลงมาจากหลังคาราวกับกำลังชี้ตัวผู้บุกรุกยังไงยังงั้น

"แถวๆนี้....สินะ?" มาซากิขยับเเว่นให้เข้าที่แล้วเดินมองสำรวจไปรอบๆสลับกับดูกระดาษที่เขียนแผนที่ได้รับมาก่อนหน้า ไม่นานซักเท่าไหร่ดวงตาสีดำก็สะดุดที่ซากบ้านเก่าๆหลังหนึ่งที่อยู่มุมมืดสุดของตรอก...ตรงกับที่อยู่ในแผนที่ในมือเป๊ะ..." เอาล่ะ...ได้เวลางานแล้ว "

ปึง! ปึง!! โครมมม!!!

รองเท้าบูตหนังสีดำถีบกระแทกพังประตูไม้ผุๆล้มไปกองกับพื้นจนฝุ่นตลบ ก่อนที่เด็กสาวจะป้องปากตะโกนเข้าไปในบ้าน "โย้โฮ~มีใครอยู่ม้ายยย~~?"

....เงียบ...

"อะไรกันไม่เห็นจะมีอะไรเลย งี้ก็เซ็งแย่น่ะสิ" มาซากิท้าวใส่เอวทำหน้าเซ็ง เธอถอนหายแรงๆก่อนจะลองเดินเข้ามาในบ้านผุๆหลังนั้น แล้วต้องถึงกับสะดุ้งเฮือกหันไปมองข้างหลังเมื่อประตูที่อยู่บนพื้นยกตัวขึ้นมาปิดเองดังปึง!

ฟุบ!!!!! เพียงเสี้ยววินาทีมาซากิรีบคว้ามีดสั้นออกมาฟันวัตถุที่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วตัดขาดเป็นสองท่อนลงไปกองที่พื้น ดวงตาที่เดิมเคยเป็นสีดำนิลเรืองแสงสีแดงเรือๆเพ่งมองสิ่งที่กองอยู่บนพื้นอยู่ตรงหน้า

..แค่โต๊ะหรอกเหรอ...

มาซากิถอนหายใจก่อนกระพริบตาพร้อมกับแสงสีแดงนั่นที่เลือนหายไปด้วย เธอมองกวาดสายตามองไปรอบๆบ้านค้นหาตัวการที่ทำให้โต๊ะนี่มันลอยพุ่งมาหาเธอ "ต้อนรับดีจังนะคุณเจ้าของบ้าน!" เธอตะโกน "แน่จริงก็โผล่หัวออกมาเจอกันตัวต่อตัวเซ่!!"

"...."

ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอได้กลับมาคือความเงียบเช่นเดิม เด็กสาวได้แต่ร้อง'ชิ'อย่างไม่สบอารมณ์ แต่เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆมาถึงนี่แล้วนี่นะ

มาซากิมองสำรวจไปรอบๆบ้านที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นกับหยากไย่ใยแมลงมุม ถึงแม้ตัวบ้านจะดูทรุดโทรมไปมากแต่ดูเหมือนข้าวของเครื่องใช้ที่นี่ยังใช้ได้อยู่ ทั้งโซฟา โต๊ะ ฟอร์นิเจอร์ต่างๆถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบถึงแม้ว่าจะมีฝุ่นเกาะหนาเตอะก็ตาม เสียงหยดน้ำดังต๋อมๆดังออกมาจากอ่างล้างชามขึ้นสนิมที่รองน้ำจากก๊อกน้ำที่ปิดไม่สนิท ดวงตาเดียวกันกับความมืดของเธอกวาดมองไปรอบๆขณะที่เดินขึ้นบันไดไม้ผุๆขึ้นไปบนชั้นสอง สองเท้าก้าวเดินอย่างระมัดระวังเพราะพื้นบันไดที่ดูเหมือนจะพังแหล่มิพังเหล่นี่ชวนหวาดเสียวซะเหลือเกิน

"ให้ตายสินี่บ้านรึตะแกรงดักฝุ่นกันแน่เนี่ย...ฮัดเจ้ย!!!" เธอบ่นอุบพร้อมกับปิดจมูกจามออกมา พลางมองสำรวจไปรอบๆ เพราะแสงจันทร์สามารถลอดทะลุผ่านจากรูรั่วบนหลังคาได้ทำให้ชั้นนี้สว่างไม่เหมือนข้างล่างที่มืดทึบ แต่แปลกตรงที่ว่าชั้นบนนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยนอกจากประตูเข้าสู่ห้องๆหนึ่ง ซึ่งอะไรบางอย่างในห้องนั่นทำให้มาซากิตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน แต่สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เธอเห็นในห้องนั่นคือกระจกบานใหญ่บานหนึ่งเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆ

"นึกว่าจะมีอะไรในนี้ซะอีก"เด็กสาวพูดอย่างผิดหวังนิดๆพลางเอื้อมมือไปปัดฝุ่นที่เกาะกระจกแต่ทันทีที่นิ้วเรียวสัมผัส กระจกก็ร้าวแตกออกจนเธอถึงกับผงะ เพียงแว๊บเดียวมาซากิสังเกตุเห็นเงาดำที่เคลื่อนผ่านอย่างรวดสะท้อนในกระจกทำให้เธอรีบหันกลับไปมองข้างหลัง เพียงแต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่เงาสีดำนั่นแต่เป็นพื้นห้องที่ปรากฎตัวหนังสือที่ถูกปาดไปด้วยเลือดสีแดงสดที่อ่านได้ใจความว่า...

'ตาย'

มาซากิอ่านข้อความในใจพลางขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะเอนตัวหลบไปด้านข้างแทบไม่ทันเมื่อมีดทำครัวพุ่งเข้ามาเฉียดคอเธอปักเข้าที่กลางกระจกจนแตกกระจายเพล้งงง!!!!

ปึง!!ครืน!!!โครมมม!!!ปัง!!!ตึง!!!!!

"ไร'ฟะเนี่ย!" มาซากิกัดฟันกรอดก่อนพยายามหลบบรรดาของใช้น้อยใหญ่ภายในบ้านทั้ง เก้าอี้ ตู้เส้อผ้า ชั้นวางหนังสือ กรรไกร ยันช้อนซ้อม สารพัดสิ่งที่พุ่งเข้ามาในห้อง ทำให้เธอต้องหลบทางซ้ายทีขวาทีอย่างอุตลุตแต่เพราะห้องแคบๆทำให้การเคลื่อนไหวของเธอถูกจำกัด

"หนอยแน่! เอามาใช้แบบนี้มันเสียดายของนะเฟ้ย~!!" เด็กสาวใช้มีดฟันเก้าอี้ที่พุ่งเข้าใส่เเล้วกระโดดหลบกรรไกรที่ลอยเฉียดมาทางด้านข้าง ก่อนผ่าซีกชั้นหนังสือที่พุ่งลอยตามขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้นเธอรีบจัดแว่นให้เข้าที่ก่อนจะกระโดดตัวลอยตีลังกากลับหลังหลบตู้เสื้อผ้าที่ที่พุ่งมาจากข้างหลังจนมันเลยไปชนผนังห้องทะลุกรวงเป็นรูโบ๋ว ทำฝุ่นคลุ้งคลุมไปทั้งห้อง

"อุ๊บ...แค่กๆ..." มาซากิสำลักฝุ่นที่หายใจเข้าไปพลางพยายามหลบข้าวของที่พุ่งแหวกม่านฝุ่นละอองเข้ามาเรื่อยๆ แต่เพราะฝุ่นคลุ้งไปทั่วแบบนี้ทำให้เธอมองอะไรไม่เห็นเลยเนี่ยสิ "ชิ" มาซากิหันซ้ายหันขวามองรอบตัวเผื่ออาจมีอะไรพุ่งเข้าใส่เธออีกก็ได้ ก่อนจะต้องผงะอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงหัวเราะแหลมเล็กดังก้องไปทั่วห้อง"ฮิๆๆๆๆ"

'เสียงนี่...ข้างบน!?"

ฉัวะ!! 

โลหิตสีแดงสดพุ่งทะลักกระจายฟุ้งกลางอากาศ  ขณะที่ดวงตาสีดำเบิกกว้างอย่างตกใจ เด็กสาวแหงนหน้ามองตามเสียงขึ้นข้างบน เธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงลูกไม้สีชมพูที่ยิ้มกริ่มนั่งไกวขาอยู่บนคานไม้ หากแต่สิ่งที่เธอตกใจไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้นแต่เป็นตัวเธอเองที่พลาดท่าโดนขวานเสียบทะลุตัวไปตะหาก!

โครมมมม!!

ร่างบางที่ถูกขวานเสียบล้มตึงลงไปกับพื้นไม้ผุๆจนทะลุร่วงลงมาที่ชั้นหนึ่งพร้อมๆกับเศษไม้เเละข้าวของกระจายตกลงมาตามเสียงดังโครมคราม ม่านฝุ่นคลุ้งบังไปทั่วทุกทิศทาง ไม่นานนักฝุ่นก็ค่อยๆจางลงพร้อมกับร่างวิญญาณของเด็กผู้หญิงตัวจ้อยที่เดินลากหูตุ๊กตากระต่ายมาดูผลงาน

"อ้าว ตายซะแล้วเหรอ?" เธอพูดทั้งเอียงคอไร้เดียงสากระพริบตาปริบๆมองกองไม้และผงฝุ่นที่ทับถมกันเป็นกองภูเขาอยู่พักหนึ่ง

"ไรกันอ่ะ ไม่เห็นหนุกเลย น่าเบื่อจัง" เด็กหญิงพูดก่อนหันหลังเดินจะเดินจากไปแต่....

"เออ...น่าเบื่อสุดๆเลย!!" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กสาวที่โผล่ออกมาจากกองไม้ มาซากิดึงขวานที่เสียบตัวออกมาทิ้งลงพื้นราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร ดวงตาสีดำเรืองแสงสีแดงระเรืออีกครั้ง เธอจ้องมองมาทางเด็กน้อยที่กอดตุ๊กตาก่อนแสยะเขี้ยวยิ้ม "หึ...โผล่มาซะทีนะยัยตัวแสบ"

"ยะ ยังไม่ตายเหรอ?" เด็กหญิงตกใจนิดๆก่อนก้าวถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามา

"เฮอะ...จะฆ่าชั้นมันไม่ได้ง่ายนักหรอก..."

มาซากิหลับตาพูดขณะปัดฝุ่นออกจากตัวก่อนคว้ามีดสั้นออกมาชี้หน้าวิญญาณร้ายตรงหน้า "ถ้าโผล่มาแล้วก็..หมดเวลา....เล่นแล้วล่ะนะ....."

พรึบบบ

เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกไหม้ไปทั่วทั้งบ้าน ทำเด็กหญิงตาเบิกกว้างมองซ้ายมองขวาตัวสั่นระริกอย่างตื่นกลัว เธอพยายามใช้มือควบคุมของภายในบ้านแต่เพราะไฟนั่นเหมือนมีมนต์สะกดของทุกอย่างไว้ พลังควบคุมสิ่งของของเธอเลยไร้ผล วิญญาณร้ายที่หมดหนทางสู้จึงได้แค่เดินถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ ขณะที่เด็กสาวยิ้มกริ่มมองเธออย่างสมเพชเวทนา "ลูกแกะผู้น่าสงสารเอ๋ย" มาซากิเรียกไฟเข้ามารวมตัวกันในมือก่อนตวัดออกมากลายเป็นเคียวใบมีดคมกริบสีดำรัตติกาลที่สะท้อนเเสงไปเป็นประกายวาววับแล้วหัวเราะในลำคอ

"ไม่...ไม่...หนู ไม่ไป....หนูไม่ไป!!!!!!" เด็กหญิงกรีดร้องเมื่อรู้ว่ะชะตากรรมของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป  วงเวทเรืองแสงสีแดงแว๊บขึ้นใต้เท้าของเธอพร้อมกับโซ่สีดำที่พุ่งออกมาตรึงเป้านิ่งเอาไว้ "กรี๊ดดดดดด!!!ร้อนน!!ปล่อยหนูน้าาาา!!!!!" เสียงกรีดร้องของวิญญาณร้ายไม่ได้ทำให้ยมทูตปล่อยตัว  หากแต่เธอหลับตาสงบจิตเทิดเคียวแล้วภาวนาเปล่งวาจาอัญเชิญดวงวิญญาณ

" ในนามแห่งข้า....อีกาแห่งความผิดบาป...ข้าขอช่วยเหลือเจ้า...ฉุดรั้งเจ้า..ขึ้นจากปากเหวแห่งความอาลัยที่ไร้จุดสิ้นสุด...."

"ไม่!!!ม่ายยยยย~~~~!!!!"

"จงขึ้นมาลูกเเกะน้อยผู้น่าเวทนา....จงหลุดจากบ่วงอาลัยของเจ้า จงหลงลืมความอาลัยของเจ้า ขอเจ้าจงมา....กับข้า!"

"กรี๊ดดดดดดดดด!!!!!!!!"

เคร้งงงง!!!

โซ่สีดำพันรัดร่างวิญญาณร้ายเป็นกลุ่มก้อนแปรสภาพกลายเป็นกรงนกที่ขังดวงไฟสีน้ำเงินหล่นลงมากองที่พื้น พร้อมกันกับที่เปลวเพลิงที่ลุกไหม้และเคียวใบมีดดำในมือมาซากิที่หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

"ให้ตายสิเสร็จธุระซะทีนะ เหนื่อยเป็นบ้าเล้ย~ "เธอพูดปาดเหงื่อพลางหยิบกรงนกนั่นขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากบ้าน ในที่สุดก็สบายซะทีมาซากิคิดในใจถึงของรางวัลเมื่อเธอกลับไปก่อนจะพึมพำพูดออกมาเป็นเพลง "ภารกิจเสร็จสิ้น~~ชาสามสิบขวดนั้น~~อยู่ไกล้เเค่เอื้อม~~~~"

"...ทำงานช้าเหมือนเคยนะ...."เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำเด็กสาวถึงกับเหวอ เมื่อเห็นชายผมแดงเจ้าของดวงตาสีน้ำตายืนพิงผนังรอเธออยู่ "26138?"

"...อย่ามาเรียกชั้นด้วยเลขบ้าบอนั้นนะ ตาทึ่มหน้าปลากะโห้...!"

ไปตายซะไปตาทึ่ม!

เจ้าบ้า อาธิส กรินฟรอส!!

==================================================================================

Link to comment
Share on other sites

พี่สาวเมพจังเลย oAo

บรรยายเรื่องดีมากๆเบย //จดสกิลเอาไปใช้มั่ง #ผิด

พี่สาวในเรื่องเท่มากกกกกกก >w<b

ติดตามๆ (เรื่องนี้ผช.เยอะดีอ่ะ >_< #ผิดประเด็น)

Link to comment
Share on other sites

ชา 30 ขวดเป็นอะไรที่แบบว่า....

จุดอ่อนของมาซากิสินะ?

Link to comment
Share on other sites

นี้ซินะที่เขาเรียกว่า เป็นทาสของ ชา

26138 นี้มันคือหมายเลขอะไรหว่า แทนตัวยมทูตในนรกหรือ???

Link to comment
Share on other sites

นี้ซินะที่เขาเรียกว่า เป็นทาสของ ชา

26138 นี้มันคือหมายเลขอะไรหว่า แทนตัวยมทูตในนรกหรือ???

26138 เป็นรหัสวิญญาณฮะ (คล้าหมายเลขประจำตัวประชาชนบ้านเรานั่นแหล่ะ เเห่ะๆ=w="a)

**อัพเดทข้อมูลตัวละครบางส่วนเเล้วน้อ

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.