Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Mystery of Ga'Hoole : REBORN (บทที่ 5 ออกเดินทาง)


ไมยาเตะ (เชมี่)

Recommended Posts

ต่อยอดจากกระทู้เก่าของผม

http://www.pkbasic.com/forum/index.php?topic=1512.0

ซึ่งตัวผมเองได้ดองจนท้ายที่สุดก็ไม่ได้แต่งต่อ

จนในที่สุดผมนำมันมากลับมาแต่งต่อจนได้ แต่ผมได้ทำการปรับเนื่อหาทั้งหมดรวมถึงบทบาทของตัวละครอีกด้วย ซึ่งหวังว่าท่านผู้อ่านที่เคยอ่านผลงานของผมจะชอบผลงานเก่าที่นำมาทำใหม่กันนะครับ


สำหรับท่านผู้อ่านหน้าใหม่ๆหรือสมาชิกใหม่ ฟิคเรื่องนี้เป็นการนำหนังเรื่องผมชอบดูมากๆนั้นคือเรื่อง The Legend of The Guardians มาผสมกับนวนิยายของผมเองคือเรื่อง The Four Mansion โดยแต่งออกมาให้เป็นแฟนฟิค หวังว่าจะถูกใจกันนะครับ


บทที่ 1

ความฝันอันแปลกประหลาด

ในดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาและป่าไม้นั้นช่างเหมาะแก่การบินเล่นยิ่งนัก นั้นคือความคิดของนกแสกชื่อ ‘เจล’ นกแสกตัวนี้เป็นนกแสกตัวเต็มวัยรูปร่างใหญ่ตามมาตาฐานของนกแสกทั่วๆไป ด้วยลำตัวสีน้ำตาลมีลายดำบางจุดทำให้ดูตัดกันกับภูเขาสีเขียวกับท้องฟ้าสีฟ้าครามยิ่งนัก อากาศก็เย็นบริสุทธิ์สมกับเป็นป่าเขาบางครั้งเจลก็บินด้วยท่ายากๆอย่างการบินหมุนราวกับสว่านด้วยความเร็ว มันเป็นท่าที่อันตรายมากแต่ก็ทำให้เจลมีความสุขอย่างมากในการบินเล่นครั้งนี้ เจลยังคงบินไปตามเส้นทางระหว่างเขามีแม่น้ำโค้งไปตามเส้นทางของมันเจลสามารถเห็นเงาของตนสะท้อนได้อย่างชัดเจนอย่างเป็นความสุขที่หาที่ใดเทียบได้

แต่ในขณะที่เจลกำลังบินอย่างมีความสุขอยู่นั้นเขาก็ได้สังเกตว่าตนได้บินออกมายังแม่น้ำ ไม่สิ น่าจะเรียกว่าทะเลจะถูกกว่าแถมยังเป็นทะเลที่กว้างไปจนสุดลูกตา เจลจำต้องบินอยู่กับที่เขาไม่เข้าใจว่าเขามาถึงที่นี้ตั้งแต่เมื่อไรและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเจลตั้งใจจะบินกลับทางเดิมกับพบว่าจากภูเขาสีเขียวได้กลายเป็นทะเลที่ไกลสุดลูกจะมองเห็นได้ จะว่าไปเจลก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขากำลังอยู่ในช่วงบรรยายกาศยามเย็นแล้ว... นี่เขาบินนานขนาดนี้โดยไม่เหนื่อยเลยเหรอที่สำคัญเขามาอยู่กลางทะเลได้ยังไงกันโดยไม่รู้สึกตัวจะบอกว่ามีความสุขจนลืมสิ่งรอบตังยังเหรอ...ไม่มีทาง! เจลคิดในใจ

เจลต้องตั้งสติถ้าเขาอยากกลับเส้นทางเก่าเขาต้องคิดในรอบครอบ เจลเริ่มนึกทีละอย่างที่เขาจำได้โดยเขาจำได้ว่าช่วงที่บินผ่านภูเขาดวงอาทิตย์อยู่เหนือตัวเขาพอดีแต่บัดนี้ดวงอาทิตย์ได้อยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว แต่ถึงดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนตำแหน่งมันก็ไม่ได้บอกว่าเขาบินมาจากทางไหนเป็นไปได้ว่าอาจต้องรอในมืดก่อนแล้วใช้กลุ่มดาวในการหาทางกลับ ...แต่เมื่อไรล่ะเขาต้องบินแบบนี้จนกว่าจะมืดยังงั้นเหรอไม่มีทางแน่นอนด้านล่างก็มีแต่น้ำทะเลมีไว้ได้จมน้ำตายแน่ๆ เจลไม่อาจรอให้ฟ้ามืดค่ำได้สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือบินหาเกาะหรืออะไรประมาณนั้นเพื่อที่เขาจะได้พักและคิดหาวิธีต่อไป

เจลตัดสินใจบินไปตามเส้นที่ดวงอาทิตย์อยู่ด้านหน้าเขาถ้าบินเป็นเส้นตรงแบบนี้ยังไงก็ต้องเจออะไรบ้างแหละเขาคิดเช่นนั้นจึงออกบินต่อทันที ระหว่างนั้นเขาได้แต่คิดว่าท้ายที่สุดแล้วจะต้องนอนนอกรังครั้งแรกในชีวิตหรือเปล่านะหากเป็นเช่นนั้นแล้วการหาอาหารอาจลำบากอย่างแน่นอน จริงอยู่ว่าเจลเป็นนกแสกเรื่องการล่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนักแต่ประเด็นคือมันจะมีเหยื่อให้ล่าไหมนี่สิ จะให้จับปลาในทะเลยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเจลได้แต่คิดอย่างกังวลว่าท้ายที่สุดจะเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

ระหว่างที่เจลกำลังคิดมากอยู่นั้นดวงตาเขาก็ได้มองดวงอาทิตย์อีกครั้ง... นี้เขาตาฝาดหรือเปล่า... สิ่งที่เจลเห็นคือดวงอาทิตย์กำลังค่อยๆหายไปจากส่วนกลางๆดวงมันไม่น่าเป็นแบบนี้นี่หน่า เจลพยายามสังเกตว่ามันคืออะไรกันแน่และในที่สุดเขาก็ได้เห็นว่าดวงอาทิตย์ไม่ได้หายไปแต่กำลังถูกอะไรบางอย่างบดบังอยู่ตั้งหาก เมื่อมองจากไกลๆเจลเห็นว่ามันคล้ายแท่งเสาขนาดใหญ่มากๆเขาจึงบินเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้เห็นชัดขึ้น เมื่อเข้าใกล้มากขึ้นเจลก็พบว่าสิ่งที่คล้ายเสาขนาดใหญ่นั้นแท้จริงมันคือต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากๆมันใหญ่พอที่จะทำให้เจลกลายเป็นลูกนกตัวน้อยไปได้เลย

ต้นไม้ต้นนั้นมีลักษณะคล้ายต้นบอนไซขนาดใหญ่แต่ไม่ว่าจะสังเกตยังไงเจลก็เห็นเพียงแค่เงาเท่านั้น เจลพยายามที่จะบินเข้าไปใกล้ให้มากขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ราวกับว่าเขากำลังบินอยู่กับที่ทั้งๆที่เจลแน่ใจเต็มที่ว่าเขากำลังบินเข้าไปหาอย่างแน่นอน ตกลงนี้คือต้นไม้อะไรกันแน่ทำไมเขาถึงได้แค่เห็นเป็นลักษณะเงาดำๆเท่านั้นแถมยังเข้าใกล้ไม่ได้อีกแต่อะไรอบ่างอย่างจากเงาต้นไม้ใหญ่นั้นเหมือนกำลังเรียกร้องหาเขาอยู่ เจลพยายามที่จะจับความรู้สึกนี้อย่างตั้งใจเขารู้สึกเหมือนกำลังจะได้ยินอะไรซะอย่าง

“ต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูล”

ในที่สุดเจลก็ได้ยินมันเป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวถึงแม้จะเป็นเสียงที่ดังขึ้นในช่วงไม่กี่วินาทีแต่เจลก็รู้สึกไปถึงกึ๋นว่าคำๆนี้มีความหายต่อเขามากๆ ในที่สุดเงาดำของต้นไม้บอนไซขนาดใหญ่ก็หายไปพร้อมๆกับสิ่งรอบๆตัว เจลอยู่ในความมืดชั่วคราวก่อนที่เขาจะหมดสติไปในที่สุด เป็นการจบความฝันอันแปลกประหลาดของเจลซึ่งเขาจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน

Link to comment
Share on other sites

อู่วววว หยงสัมผัสได้...เอาซะนึกภาพตามได้เลย :3 จะรออ่านนะครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

เนื้อเรื่องน่าติดตามดีครับ จะรอติดตามตอนต่อไปนะครับ :hito01:

Link to comment
Share on other sites

อัพต่อกับบทที่สอง


อู่วววว หยงสัมผัสได้...เอาซะนึกภาพตามได้เลย :3 จะรออ่านนะครับ ^^

เนื้อเรื่องน่าติดตามดีครับ จะรอติดตามตอนต่อไปนะครับ :hito01:

ขอบคุณมากๆเลยนะครับที่ติดตามอ่าน จะพยายามนำมาลงเรื่อยๆเท่าที่ทำได้นะครับผม ^^


บทที่ 2

ต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูล

หลังตื่นจากความฝันซึ่งแน่นอนว่าเจลได้กลับมาอยู่ในโพรงต้นไม้อันเป็นรังที่แสนอบอุ่นของเขา เจลตื่นขึ้นมาโดยรู้สึกไม่ดีเลยซะนิดไม่ใช่เพราะความฝันที่เขาเพิ่งได้ฝันไปหรอกแต่เป็นเพราะเขาได้ฝันแบบนี้มาติดต่อกันมาเกือบครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ถึงแม้ตอนต้นที่ฝันนั้นจะแตกต่างกันไปแต่ในช่วงท้ายๆนั้นก็จะเป็นแบบนี้เช่นทุกครั้งนั้นคือเป็นเงาดำของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายต้นบอนไซ แต่ไม่ว่าจะฝันกี่ครั้งเจลก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้ชัดเจนซะครั้งและหมู่นี้เองเจลก็ฝันแบบนี้บ่อยขึ้นด้วย

ทำไมเขาถึงฝันอะไรแบบนี้บ่อยเหลือเกินและยังรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้ฝันกำลังเรียกร้องหาเขาอยู่ เจลจำได้แม่นว่าเขาได้ยินเสียงว่า “ต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูล” นี้เป็นครั้งแรกที่เจลรู้สึกได้มากกว่าความฝันทุกครั้งที่ผ่านมาและตัวเขาเองก็เหมือนเคยได้ยินคำๆนี้จากที่ไหนมาก่อน เจลนึกอยู่ไม่นานนักเขาก็จำได้ว่าเคยได้ยินมาจากไหน

พ่อแม่ของเขายังไงล่ะ! เจลจำได้ดีว่าตอนยังเด็กพ่อแม่ของเขาเคยเล่าเรื่องต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูลซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่านกฮูกเปรียบได้ว่ามันเป็นสวนสวรรค์ของเหล่านกฮูกโดยแท้ เจลเองก็เคยคิดว่ามันมีอยู่จริงจนกระทั้งโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่เจลก็เริ่มรับรู้ว่ามันเป็นแค่ตำนานไม่ก็นิทานก่อนนอนของเหล่าลูกนกฮูก แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นทำไมเขาถึงมาฝันเรื่องนี้เอาตอนนี้ได้...จิดใจของนกแสกผู้โตเต็มวัยเต้นแรงขึ้นเขาต้องการรู้ให้ได้ว่าทำไมเขาถึงฝันถึงตำนานเรื่องนี้ เขาจะต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบเหล่านี้ให้ได้!

“แล้วจะทำไงล่ะ” เจลพูดอย่างเหนื่อยใจนั้นก็เพราะว่าสถานะของเขามันไม่สะดวกที่จะเดินทางไปไหนได้เลยนะสิ เจลบินออกมาเกาะกิ่งไม้ที่อยู่ด้านหน้าของโพรงโดยรังของเจลนั้นอยู่ในตำแหน่งสูงจึงสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั่วทั้งหมด จากด้านหน้าของเขามองเห็นเมืองที่มีตึกสูงกับสภาพอากาศที่ดูไม่น่าเข้าไปใกล้เลยซะนิดมองเข้ามาหน่อยก็จะพบหมู่บ้านแถบชนบทถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ก็เป็นชนบทที่แน่นไปด้วยบ้านหลังเล็กใหญ่กระจายไปทั่วบริเวณ

อธิบายมาถึงขั้นนี้คงจะทราบกันแล้วว่าเจลนั้นไม่ได้อาศัยในป่าหากแต่อาศัยอยู่ในถิ่นของมนุษย์ และที่สำคัญเจลไม่ใช่สัตว์ป่าเหมือนเมื่อก่อนเพราะเขาได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์แล้วมาอาศัยในเกาะที่มีชื่อว่า “เกาะคฤหาสน์” กับเจ้านายของเขา เจลอยู่ที่นี้มาได้ราวหลายปีแล้วที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ฝันอะไรถึงตำนานที่เขาได้ฝันเลยซะครั้งเดียว

เจลจำเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานนั้นได้ไม่มากนัก เท่าที่จำได้มันเป็นเรื่องราวที่เล่าถึง ‘สงครามกรงเล็บน้ำแข็ง’ ซึ่งเป็นสงครามระหว่างกลุ่มเพียววันส์กับผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล เจลจำได้ไม่แน่ชัดว่าสาเหตุที่เป็นต้นเหตุของสงครามเป็นอะไรแต่เจลจำได้ว่าผลสุดท้ายคือผู้พิทักษ์เป็นฝ่ายชนะแล้วเดินทางกลับสู้ต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูล อย่างน้อยนี้เป็นตำนานเท่าที่เจลจะจำได้จากพ่อแม่ของเขาถ้ารู้ว่าจะฝันอะไรแบบนี้เขาคงพยายามที่จะจำมันให้ได้ดีกว่านี้แน่นอน แต่ไม่ว่าจะจำได้มากน้อยแค่ไหนเขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมถึงต้องฝันในสิ่งที่เกือบจะลืมไปแล้ว ทางเดียวคือการลองเดินทางไปต้นไม้หมื่นปีนั้นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขาเป็นสัตว์เลี้ยงดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

เจลออกมาบินรอบๆเกาะคฤหาสน์ระหว่างนี้เองเจลก็ลองนึกถึงต้นไม้หมื่นปีอีกครั้งเหมือนจะยังมีตำนานเกี่ยวกับต้นไม้หมื่นปีอีกมากแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก จะว่าไปแล้วเจลพอจำได้ว่าต้นไม้หมื่นปีตั้งอยู่ใจกลางทะเลที่มีชื่อเรียกอยู่แต่นั้นก็ไม่ใช่ที่ที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้จะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือมันเป็นสถานที่สำหรับพวกสัตว์เท่านั้นและเจลเองก็ยังไม่รู้ด้วยว่าตัวเขาจะไปเจอกับอะไรเมื่อเดินทางไปถึง ถ้ามีเพื่อนที่พอจะพาไปได้ก็คงดีแต่เพราะเป็นสัตว์ปีกเพียงตัวเดียวในเกาะนี้จึงไม่สามารถจะไปขอเพื่อนสัตว์ตัวอื่นๆได้

ดังนั้นวิธีเดียวที่จะสามารถออกเดินทางเพื่อไปค้นหาคำตอบที่ต้นไม้หมื่นปีได้จึงมีเพียงทางเดียว นั้นคือการเอาเรื่องนี้ได้ปรึกษากับพวกมนุษย์ที่เจลเชื่อใจนั้นเอง ส่วนวิธีการที่จะสื่อสารนะเหรอเจลแทบไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นแต่อย่างใด ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วเจลจึงบินหาเจ้านายของเขาเพื่อที่จะได้บอกความจริงเกี่ยวกับความฝันของเขาซะที

Link to comment
Share on other sites

เจลตัดสินใจจะออกเดินทางแล้วสินะเนี่ย

ตำนานต้นไม้แห่งกาฮูลจะเป็นยังไงน้อ...

ต้องติดตามต่อไป

Link to comment
Share on other sites

ฟิคน่าสนใจมากค่ะ มีตัวเอกที่เป็นนก บรรยายเห็นภาพมากเลยค่ะ ตรงนี้ชอบ  :pika01:

แต่บางส่วนก็อ่านยากนะคะ เพราะเนื้อเรื่องจะติดๆกัน ควรเว้นวรรคอีกหน่อยค่ะ

ติดตามค่ะ

Link to comment
Share on other sites

ห่ะ! นกแสกพูดได้? จะสื่อสารแบบนี้เหรอ

*ศจ.เม้นฟิค หายากๆ

Link to comment
Share on other sites

จะใช้อุ้งเท้าจับปากกาเขียน หรือโทรจิตเอากันน้า...  :pika04:

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

อัพบทที่ 3 มาแล้วครับผม ~

และก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและเป็นกำลังใจให้นะครับผม ^^


บทที่ 3

เกาะมหัศจรรย์

สำหรับเจลแล้วถึงเขามีความกล้าที่จะพูดแต่ยังไงก็ตามเขากลับไม่มีดวงเลยซะนิด เจลไม่พบเจ้านายของเขาที่ห้องนอนอาจเป็นไปได้ว่าเจ้านายของเจลกำลังทานมื้อเช้าอยู่ที่ห้องรับประทานอาหารที่ชั้นใต้ดิน ดังที่ได้บอกไปแล้วว่าเจลได้อาศัยอยู่กับเจ้านายบนเกาะที่มีชื่อว่า “เกาะคฤหาสน์” เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับจังหวัด P ความกว้างใหญ่ของเกาะเทียบเท่าหนึ่งในสิบของเกาะภูเก็ต อาจฟังดูเหมือนเป็นเกาะเล็กๆแต่เกาะเล็กๆแห่งนี้ได้รับฉายาจากคนในพื้นที่นั้นๆว่า “เกาะมหัศจรรย์” เกาะแห่งนี้มีคฤหาสน์ตั้งอยู่สี่หลังโดยมีชื่อเรียกเป็นทิศทางตามตำแหน่งการสร้างซึ่งก็คือ ทิศเหนือ ตะวันออก ตะวันตกและทิศใต้

ส่วนที่มาของฉายาเกาะมหัศจรรย์มาจากต้นไม้ต้นใหญ่เพียงต้นเดียวบนเกาะซึ่งมันตั้งอยู่ในจุดสูงสุดของเกาะ ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นเดียวของเกาะที่สูงใหญ่กว่าต้นอื่นๆลักษณะของมันไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไปแต่ความสูงใหญ่ก็เทียบเท่าตึกสิบชั้นได้เลยทีเดียว แต่เหนือสิ่งใดคือมันไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดาแต่เป็นต้นไม้เรืองแสงที่ค่อยส่องแสงสีเหลืองทองสวยงามยามค่ำคืนแน่นอนว่าช่วงกลางวันก็เรืองแสงเช่นกันแต่สว่างน้อยกว่า อย่างไรก็ตามความมหัศจรรย์ที่ว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้

“เจลๆ” เจลถูกเรียกโดยเสียงของมนุษย์ที่เขารู้จักถึงแม้จะไม่ใช่เสียงของเจ้านายของเขาก็ตาม เสียงนั้นเป็นของเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปีเขายังคงตะโกนเรียกเจลต่อ “ถ้ากำลังหา ‘ร่ม’ อยู่มากับฉันก็ได้นะ” ร่มเป็นชื่อเล่นเจ้านายของเจล มนุษย์พวกนี้บางทีก็สามารถรู้ได้ว่าสัตว์อย่างเขากำลังทำอะไรอยู่ได้โดยไม่ต้องบอกซะนิด อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้เจอกับเจ้านายเขาเจลจึงจำเป็นต้องไปกับเด็กหนุ่มคนนี้

“ร่มน่ะไปทานข้าวเสร็จตั้งแต่แปดโมงแล้วล่ะตอนนี้เขากับกลุ่มของเรากำลังคุยกันในห้องประชุมอยู่” เด็กหนุ่มพูดอย่างสบายอารมณ์ เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อพัดหรือชื่อจริงคือ ภูมิพัฒน์ โกมลวัจนะ เป็นผู้ดูแลเกาะมหัศจรรย์นี้ต่อมาจากรุ่นปู่ “ว่าแต่เจลเหมือนนายอยากคุยอะไรซะอย่างสินะ สีหน้าดูกังวลจัง” พัดสังเกตได้ว่าเจลนั้นสีหน้าเหมือนกำลังคิดหนักในบางเรื่อง

“...” แต่เจลก็ไม่ได้ตอบอะไร ไม่ใช่เพราะเขาไม่ไว้ใจหรือไม่มีอารมณ์หรอกนะแต่เขาอยากที่จะเล่าทีเดียวให้จบๆไปมากกว่า

“ดีนะที่มีต้นไม้แห่งแสงนั้นไม่งั้นคงคุยกับสัตว์อย่างนายไม่รู้เรื่องแน่ๆ” พัดพูดพร้อมกับยิ้มมาทางเจลที่เกาะบนไหล่ของเขา และนี้คือเรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่องที่ว่า ต้นไม้แห่งแสงนั้นมีพลังบางอย่างที่เหมือนจะทำให้บางสิ่งเป็นจริงขึ้นได้ราวกับเทพนิยาย อย่างการคุยกับสัตว์นี้ก็เช่นกันทุกคนบนเกาะไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ต่างสามารถพูดคุยสื่อสารกันได้อย่างปกติ

ระหว่างนี้พัดก็ได้เดินไปตามระเบียงของคฤหาสน์ทิศใต้ คฤหาสน์หลังนี้สูงสี่ชั้นแต่ล่ะชั้นมีห้องสิบสองห้องแบ่งเท่าๆกันโดยมีบันได้เชื่อมต่ระหว่างชั้นริมซ้ายขวาของตัวคฤหาสน์ โดยคฤหาสน์หลังนี้ทำมาจากไม้ทั้งหลังสีน้ำตาลดำของมันทำให้เหมือนหลงเข้ามาในยุคสมัยโบราณก็ว่าได้

“อย่างน้อยก็ทำให้สะดวกขึ้นเยอะล่ะครับ” เจลตอบ “เรื่องที่ผมจะคุยไว้ถึงที่นั้นค่อยเล่าจะดีกว่านะครับ”

“นั้นสินะ”

“...” เจลยังคงนึกถึงเรื่องความฝันนั้นมาตลอด มนุษย์พวกนี้จะเชื่อเขามากน้อยแค่ไหนกันนะ

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจล” พัดยังอดคิดไม่ได้ว่าเจลนั้นกำลังคิดมาเรื่องอะไรอยู่ แต่เขาก็เป็นห่วงอาการของเจลมากกว่า “หลายวันมานี้นายดูไม่สดใสเลย”

“ก็นิดหน่อยครับ” เจลตอบเสียงเบา

“ไม่เป็นไร ถ้าไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตฉันว่าเราจะน่าจะแก้ไขกันได้ล่ะนะ” พัดหัวเราะเล็กน้อย แต่เจลไม่อาจหัวเราะตามได้เพราะเขารู้ดีว่าปัญหาที่พัดพูดถึงอาจใหญ่กว่าที่คิดก็ได้

Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

ขอโทษที่ให้รอนาน กลับมาอัพแล้วครับผม ยังไงก็ขอโทษที่หานไปนานด้วยนะครับ T w T


บทที่ 4

วางแผน

ถึงแม้จะบอกว่าเป็นห้องประชุมแต่ในความจริงแล้วภายในห้องนั้นไม่ได้หรูหราขนาดเรียกได้ว่าเป็นห้องประชุม มันเป็นห้องที่มีขนาดเท่ากับห้องสองห้องมีทีวีจอหน้าอยู่ด้านหน้าของห้อง ถัดมาก็จะเป็นเก้าอี้โซฟาเรียงกันเป็นแถวๆละยี่สิบตัวแยกเป็นซ้ายขวาล่ะสิบตัวนอกนั้นก็มีเพียงรูปภาพติดตามผนังกับของใช้ต่างๆที่ดูทันสมัย เหล่ามนุษยั้งแปดคนกำลังฟังเรื่องที่เจลเล่าอย่างตั้งใจ

“สรุปแล้วนายฝันเห็นต้นไม้ใหญ่ที่มีลักษณะคล้านต้นบอนไซที่มีชื่อว่า ‘ต้นไม้หมื่นปีแห่งกาฮูล’ สินะเจล” พัดพูดกับเจลซึ่งยืนอยู่กลางโต๊ะที่ไม่ใหญ่มากนักโดยมีเหล่ามนุษย์ทั้งแปดคนยืนรอบโต๊ะ

“ครับ” เจลตอบ “หลังๆมานี้ฝันบ่อยขึ้นด้วยครับ”

“แล้วเธอรู้จักสถานที่นั้นไหมเจอ” เสียงหญิงสาวอายุราวเดียวกับพัดถามเจอ เธอคนนี้มีชื่อเล่นว่า แฮม หรือชื่อจริงคือ วรฤทัย นรากร

“ก็แค่เจอได้ยินมาจากพ่อแม่น่ะครับ ท่านเล่าให้ผมฟังสมัยยังเป็นลูกนก แต่ผมเองก็ยังไม่เคยไปที่นั้นเลย” เจลพยายามใช้คำพูดสุภาพนั้นเพราะเจลเคราพพวกมนุษย์ จึงไม่ค่อยพูดแบบเป็นกันเองกับมนุษย์มากนัก

“แบบนี้เราก็ไม่รู้ที่ตั้งของต้นไม้หมื่นปีสินะครับพี่” เสียงอันแสนน่ารักผู้เป็นน้องชายของพัดคือเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบห้าสิบหกปีชื่อ ม็อบ ชื่อจริงคือ ธนิด โกลวัจนะ “แล้วเราจะช่วยเจลยังไงล่ะครับ”

“พี่คิดว่าตอนนี้ยังเร็วไปที่จะด่วนสรุปแบบนั้นนะแต่...” พัดลูบหัวม็อบน้องชาย “เราจะช่วยเขาโอเคๆไหม”

“ครับผม ...แต่พี่ไม่เห็นต้องลูบหัวเลยนี่หน่า” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ม็อบก็ปล่อยให้พี่ชายพัดลูบหัวต่อ

“ความจริงแล้วผมพอทราบที่ตั้งนะครับ” เจลพูด อย่างไรก็ตามเขายังไม่แน่ใจมากนักสีหน้าเลยมีความไม่มั่นใจอยู่เล็กน้อย “เห็นว่าตั้งอยู่บริเวณแถวทะเลฮูลิเมียร์น่ะครับ”

“ไม่เคยได้ยินเลย” หญิงสาวอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น เธอชื่อ อิน หรือชื่อจริง ปิยวรรณ โกลวัจนะ เธอเป็นพี่สาวของพัดกับม็อบ

“คงเป็นสถานที่ที่พวกสัตว์เรียกกันสินะ” เด็กหนุ่มอีกคนพูด ดูๆแล้วอายุน่าจะราวๆยี่สิบสามยี่สิบสี่ คนนี้แหละที่เป็นคนเลี้ยงเจลชื่อ ร่ม หรือชื่อจริง พงศ์ภัค ชุติพนธ์ “พวกนายก็น่าจะรู้นะ”

“รู้ก็รู้อยู่หรอก” หญิงสาวอายุราวยี่สิบยี่เอ็ดชื่อ ไอ หรือชื่อจริง ภัสสร์นภันต์ กานต์นิพัทธ์ พูดขึ้น “แต่ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดโลกทางนั้นกับทางนี้มันก็คนละโลกกันใช่ไหม” ไอมองไปมารอบๆ

“โลกคู่ขนานเหรอครับ?” ธนิดพูดเหมือนถามไปในตัว

“อาจไม่เชิงนะ เพราะโลกคู่ขนานเองไม่น่าสามารถเชื่อมต่อกับคนหรือในโลกคู่ขนานอื่นๆได้” ร่มตอบ “แต่ก็มีความคิดที่ว่าถ้ามีเการกระทำที่เปลี่ยนไปจากที่ควรมากๆเข้าจะเกิดเหตุการณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกคู่ขนานได้”

พัดพยักหน้า “ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเกี่ยวกับโลกคู่ขนานนะ เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเคยไปมา นายเองก็บอกว่าคงเป็นชื่อเรียกของพวกสัตว์นี่หน่า”

“ ก็ใช่” ร่มเห็นด้วยจึงไม่นึกถึงเรื่องโลกคู่ขนานอีก

“ถ้าเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไม่เคยไปมาก่อน การไปของพวกเราจะไม่ทำให้พวกสัตว์แตกตื่นกันเหรอ” อินถาม

“ก็คงต้องปลอมตัวล่ะนะฉันว่า” เด็กหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้น เขามีชื่อว่า ชู หรือชื่อจริง พจน์ชานน นันทวิทย์ อายุราวๆยี่สิบสองยี่สิบสาม “ยังไงซะ ‘เครื่องต่างมิติ’ นั้นก็คงค้นหาร่างที่เหมาะสมกับเราได้นี่หน่า”

“ตามหลักแล้วได้” พัดตอบ “แต่จากคนมาเป็นสัตว์แบบนี้เราต้องเรียนรู้ให้ไวที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่งั้นคงถูกสงสัยแน่ๆ”

หญิงสาวอีกคนที่เงียบมานานทำท่าจะพูดถึงแต่ก็เงียบไปซะก่อน เธอคนนั้นชื่อ เก๋ หรือชื่อจริง จีรายุพา นันท์พนิตา อายุประมาณสิบเก้ายี่สิบปีน่าจะได้ บางทีเธออาจนึกอะไรออกแต่เพราะพวกเพื่อนๆได้พูดไปก่อนแล้วเลยนึกไม่พูดแทน

“เราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ในทันที” ชูพูด “เราไม่มีเวลามากนัก ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเราต้องรีบไปให้เร็วที่สุดเลย”

“ใช่ ฉันเห็นด้วย” ในที่สุดเก๋ก็ได้พูดออกมาซะที

ในระหว่างที่ฟังเหล่ามนุษย์พูดคุยกันเจลกำลังคิดในใจว่า การเดินทางครั้งนี้คงไม่ใช่การเดินทางธรรมดาจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้นแน่ จะว่าคิดในแง่ร้ายก็คงได้แต่เจลไม่สามารถที่จะลบความคิดนี้ออกไปได้จริงๆ

“สำหรับเรื่องตำแหน่งล่ะครับ” ม็อบพูด “เรารู้แค่ชื่อสถานที่จากที่เจลบอกก็จริง แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอยู่ที่ไหนส่วนใดของโลก”

“ผมจะใช้สัญชาตญาณของผมเองครับ” เจลพูดขึ้นมาทำให้เหล่ามนูษย์มองเจลเป็นสายตาเดียวกัน “ผมรู้ว่าฟังดูแปลกแต่ผมก็อยากให้เชื่อใจผมเหมือนที่ผมเชื่อใจพวกคุณ” สำหรับสัตว์แล้วนี่คงเป็นคำพูดที่ฟังดูกล้าหาญน่ายกย่องเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเหล่ามนุษย์เองก็รู้สึกได้ในความตั้งใจนี้

“พวกเราเชื่อใจนายเจล” ร่มพูด “ไม่ว่านายจะพาพวกเราไปไหนยังไงพวกเราก็จะตามดูแลนายไม่ห่างเลยฉันสัญญา”

“ครับเจ้านาย!” เจลตอบเสียงดัง

“นายเองก็เลิกเรียกเจ้านายได้แล้วมั้งเจล”

“แต่ว่า...” เจลทำหน้าเหมือนไม่อยากมากนัก

“เอาหน่ายังไงพวกเราทุกคนหรือทุกตัวก็เป็นเพื่อนกัน” ร่มยิ้ม “ทำให้ชินดีกว่านะ”

“ครับ ผมจะพยายาม”

หลังรอให้ทั้งสองหยุดพูดซะพักพัดจึงพูดขึ้น “งั้นไปเตรียมตัวกันเลย ไปร่วมตัวกันที่ห้องเครื่องต่างมิติ ฉันจะไปบอกทางนั้นให้เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมด้วย”

“ครับ / ค่ะ” หลังจากนั้นเหล่ามนุษย์และสัตว์หนึ่งตัวก็จากแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางครั้งใหญ่ที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน

Link to comment
Share on other sites

และคนอ่านก็จะลืมไม่ลงด้วย

[me=Madame Graya]ถือวิสาสะกระโดดเข้าไปในเครื่องต่างมิติ ตัดหน้าคนอื่น[/me]

[me=Madame Graya]โดนถีบออกมา-*-[/me]

Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

กลับมาอัพตอนใหม่แล้วครับผม > w <

ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ


บทที่ 5

ออกเดินทาง

การเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไม่ได้ยากเย็นเท่าไรนัก ที่จริงแล้วแทบไม่ต้องมีการเตรียมของอะไรไปเลยด้วยซ้ำควรเรียกว่าเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมน่าจะถูกกว่า อย่างไรก็ตามเหล่านักเดินทางกลุ่มนี้ยังคงมีเรื่องที่ต้องตกลงกันให้ดีเสียก่อน

“รู้สึกว่าครั้งนี้พวกเราจะไม่ได้เอามือถือไปสินะ” แฮมถาม

“ใช่” ผู้ตอบคือไอ “การติดต่อสือสารครั้งนี้คงลำบากขึ้นเยอะ นายมีความคิดยังไงเหรอพัด”

พัดผู้ซึ่งกำลังดูเหล่าพวกผู้ใหญ่ในชุดนักวิทยาศาสตร์สีขาวราวสามสี่คนกำลังเตรียมเครื่องต่างมิติอยู่ได้หันมาตอบคำถามของไอ “ถึงจะยากแต่เป็นทางเดียวล่ะนะที่จะทำให้ไม่เป็นที่สงสัย”

“ทำไมไม่เอาเครื่องสื่อสารขนาดเล็กติดตัวไว้ล่ะ มีของแบบนั้นอยู่นี่หน่า” ชูเสนอความคิด

“แน่นอนว่าฉันเองก็คิดว่าควรมีเครื่องสื่อสารขนาดเล็กนั้น แต่การเดินทางที่ดูอันตรายอย่างครั้งนี้หากมีการแยกกลุ่มกันการติดต่อสื่อสารกันอาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้”

“ทำไมล่ะ”

“อย่าลืมสิว่าพวกเราไม่อยากให้ทางนั้นรู้ว่าเราเป็นใคร” ผู้ตอบคือร่ม “หากเราเจอสถานการณ์ถูกจับตาดูอยู่ถึงจะแสดงเนียนขนาดไหนคงได้ถูกสงสัยแน่นอน ดังนั้นการไม่เอาเครื่องสือสารไปจึงน่าเป็นเรื่องที่ดี”

“โอเค เข้าใจแล้ว” ชูพยักหน้า

เกิดความเงียบขึ้นชั่วคราวมีเพียงเสียงเครื่องมืออุปกรณ์ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ทำงานกันที่เครื่องต่างมิติ แน่นอนว่าเหล่าคณะภูมิพันฒ์มารวมตัวกันที่ห้องต่างมิติ ห้องนี้มีลักษณะทรงกลมสีขาวทั้งห้องไร้การตกแต่งใดๆทั้งสิ้นมีความกว้างเทียบเท่าบ้านหนึ่งหลังมีเครื่องต่างมิติรูปร่างเป็นกระจกทรงกระบอกสูงประมาณสองเมตรกว้างพอที่ผู้ใหญ่ยี่สิบคนเข้าไปอยู่ในนั้นได้สบายๆ ส่วนรอบๆของเครื่องต่างมิตินั้นก็รายล้อมไปด้วยคอมพิวเตอร์สมัยใหม่นับสิบเครื่องแน่นอนว่ามีคนคอยคุมคอมพิวเตอร์อย่างละคนต่อเครื่องและคนที่คอยดูแลเครื่องต่างมิติอีกสี่คน แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องซะส่วนใหญ่ข้าพเจ้าจึงขอไม่เอ๋ยถึงรวมถึงชื่อของพวกเขาเหล่านั้น

หลังจากเงียบกันไปได้ซะพัก เจลก็พูดทำลายความเงียบนั้น “ถ้างั้นถ้าพวกเราต้องแยกทางกันจะติดต่อกันยังไงล่ะครับ”

“ขอให้จำไว้ว่าจงจำทุกรายละเอียดที่จำได้ ฉันเชื่อว่าถึงแยกทางกันแต่ก็สามารถกลับมาเจอกันอีกครั้งได้ พวกเราเอาตัวรอดกันได้อยู่แล้ว” ร่มตอบ

“นี่” อินเอ่ยขึ้นเหมือนขออนุญาติ “ฉันหมายถึง มนุษย์อย่างเราก็มีทั้งคนดีและไม่ดีใช่ไหม แน่นอนว่าเหล่าพวกสัตว์เองก็เช่นกัน แต่เรามีโอกาสเจอพวกไม่ดีที่ว่าด้วยเหรอ”

“ตอนนี้คงพูดยากล่ะนะ” ไอพูด

“ถึงจะไม่แน่นอนก็ตาม แต่ก็อยากให้ระวังตัวกันไว้ด้วย ภัยอันตรายมันมีอยู่ทุกที” ชูพูดเสริม

“แล้วก็” แฮมพูดเสริมอีกคน “เท่าที่เรายังไม่รู้ว่าพวกไม่ดีที่ว่าทำอะไรได้ เราก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้หรอกนะ”

“จริงสิครับ!” ม็อบพูดเหมือนนึกบางอย่างได้ “เรื่องการสู้ต่อล่ะ พวกเราพอมีทักษะการต่อสู้นี่ครับ ก็ต่อสู้กับพวกไม่ดีไปเลยก็ได้”

“อย่าดีกว่าครับ” เจลส่ายหน้า “ผมรู้ดีกว่าพวกคุณสู้ต่อไปดีถึงแม้จะอยู่ในร่างที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้การต่อสู้เป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าพวกคุณจะกรุณา” บางทีเจลอาจไม่อยากเห็นพวกสายพันธุ์เดียวกันต้องเจ็บตัวก็ได้ถึงแม้จะเป็นพวกไม่ดีก็ตาม

“เห็นด้วยเจล” ร่มผู้เป็นเจ้าของเห็นด้วยอย่างยิ่ง เขาลูบหัวเจลไปมาเล็กน้อย

“สรุปคือพวกเราต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ รวมความคิดหาวิธีทางอื่นแล้วกันตกลงไหม”

“ครับ / ค่ะ” ทุกคนเห็นด้วย

พัดพยักหน้าก่อนหันไปทางเหล่านักวิทยาศาสตร์ “จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วยังครับ”

“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” หนึ่งในนั้นตอบกลับมาพร้อมกับยกนิ้วโป้งเป็นการยืนยัน

“พวกเราไปกันเถอะ” พัดเดินนำทุกคนเข้าไปภายในตัวเครื่องต่ายมิติ เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากๆถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม

“เจลนายพร้อมนะ” ร่มหันมาถามเจลที่เกาะอยู่บนไหล่ “พวกเราจะไปโผล่ที่ไหนก็ขึ้นอยู่กับนายนะ” ก่อนหน้านี้นั้นพัดได้บอกให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ตั้งค่าพิกัดให้เป็นเผื่อให้เจลเป็นฝ่ายนึกถึงพิกัดเอง

“ผมพร้อมครับ” เจลหันหน้ามาตอบ “ต้องเสี่ยงกันบ้างครับ”

“สมกับเป็นคู่หูฉันจริงๆ” ร่มยิ้ม

เหล่านักวิทยาศาสตร์รวมตัวกันที่คอมพิวเตอร์ที่ตังอยู่หน้าเครื่องต่างมิติ คนที่เป็นเหมือนผู้คุมระบบได้สับคันโยกลงทำให้เครื่องต่างมิติเริ่มทำงานและมีการนับถอยหลังสิบวิเพื่อวาร์ปไปยังพิกัดที่เจลตั้งไว้ในหัว

“พี่ครับ” ม็อบถามพี่ชายของตน “พวกเราจะเป็นนกฮูกสายพันธุ์ไหนเหรอครับ”

พัดยิ้มให้น้องชายก่อนตอบ “สายพันธุ์เดียวกับเจลกันทุกคนนั้นแหละ” สิ้นสุดการตอบเครื่องต่างมิติก็นับถึงศูนย์พอดี เครื่องได้ทำการวาร์ปพวกภูมิพันฒ์ไปยังพิกัดที่เจลนึกในหัวเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม


Next Episode

"บทที่ 6 - ถูกจับ"

Coming Soon

Link to comment
Share on other sites

อืม ไปแล้วๆ จะไปเจออะไรบ้างนะ แล้วที่จะไปอยู่หน้าตาเป็นไงเนี่ย ตื่นเต้นดี.....

[me=Professor Perth]โดนเครื่องต่างมิตืไปด้วย[/me]

กวี๊ก

Link to comment
Share on other sites

ได้เวลาออกเดินทางแล้วสินะเนี่ย

รอติดตามต่อไปนะครับ :hito01:

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.