Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

► [GIJINKA] Pokemon & The Gang ! ◄


+ Pangtor Girl +

Recommended Posts

ฝีมือต่อสู้ของจูไคน์ก็ไม่เลวนะเนี่ย

อยากรู้อดีตของจูไคน์จังแฮะ รอตามต่อเน่อ

ฮิฮิฮิ นางไม่ธรรมดาแน่นอนค่ะ ส่วนเรื่องอดีต รอไปอีกอาทิตย์นึงนะคะ #โดนตบ

สนุกมากเลยค่ะ แต่งฉากต่อสู้เก่งจัง อดีตของจูไคน์เป็นมายังไงนะ? รอติดตามตอนต่อไปค่ะ :pika01:

ขอบคุณค่ะพี่จี๊ด อีกไม่นานบทพิเศษจะมาแล้วค่ะ  :pika01:

หญิงแกร่งจริงๆ นับถือๆ แต่ประเด็นที่สู้กันต่างหากที่น่าติดตาม

ว่าแต่พวกWait Meนอกจากบาชาโม่แล้ว พวกแกไปทำอะไรมากเนี่ย = =lll

แสงเลยเหรอ  =A=lll สูงก็พอมั้ง

ไม่ใช่ด้ามดาบเหรอ?

ไปตะลุมบอนมาค่ะ เหอๆ ส่วนเรื่องคำผิดแก้แล้วนะคะ

ทำไมมันช่างรั่วอย่างนี้~

ตีกันได้หนุกมากครับ

ขอบคุณงับ แต่หนูว่ามันยังไม่ค่อยรั่วนะ เหอๆ

-----------------------------------------------------

แวะมาตอบคอมเม้นค่ะ ~ ไม่มีอะไรมาก ~~

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

มีก็ได้ # อะไรของเอ็งฟระ แวะมาแปะรูปค่ะ ! ย้ำนะคะ นี่เป็นแค่ภาพร่าง ฉะนั้นอาจจะมีอะไรเพิ่มเติมมาอีกค่ะ

Ps. พบกับภาพ CG (ถ้าไม่ขี้เกียจ(?)) ได้ในแกลลอรี่นะคะ  :pika01:

UXa0Yt.JPG

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 74
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • + Pangtor Girl +

    23

  • 天ノ花 月子

    14

  • Tym

    13

  • ♏☤ṧ⊥εґ ℉

    9

ยิ่งเห็นรูปก็ยิ่งอยากรู้ว่าเรื่องราวของจูไคน์เป็นไง 'A'

[me=Solanis]รออ่านต่อไป[/me]

Link to comment
Share on other sites

เป็นภาพที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ น่าจะอ่านก่อนถึงเข้าใจ

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...
Spoiler

 

เมื่อถึง "ช่วงนั้น" แนะนำให้อ่านช้าๆนะคะเผื่อจะได่ฟีลลิ่งมากกว่า 

:pika01:

อยากให้อ่านแบบซึมซับมากๆไม่ใช่อ่านผ่านๆอ่ะค่ะ รบกวนด้วยนะคะ !!

 

บทพิเศษ : The Hope ความหวังสีดำ

Spoiler

 

5 ปีก่อน

ณ โปเกม่อนกิลด์ เมาวิลเล่ย์ ซิตี้

“เฮ้ ! ลากุราจ บาชาโม่ ข้ามีมิชชั่นใหม่มาล่ะ !!”

เสียงหญิงสาวเจ้าของผมสีเขียวยาวสลวยตะโกนขึ้น นัยน์ตาสีอำพันของเธอประกาย หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก แก้มสีชมพูระเรื่อ

ในมือเรียวเล็กถือกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ เธอเดินปรี่เข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวม ทั้งสองหยุดการสนทนา

กันทันที ชายคนแรกเป็นชายรูปร่างผอม ผมซอยสั้นสีขาวเป็นเอกลักษณ์ ผมปรกใบหน้าสีแดงเพลิง สวมผ้าพันคอยาวสี

เดียวกับผม แต่งตัวโทนสีแดงเข้มสด นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลช่างขัดกันนัก ทว่าดูมีเสน่ห์ ชายคนที่สองนั่งอยู่เยื้องกับ

ชายคนแรกเขามีผมสั้นสีฟ้าเข้ม  ผมที่ชี้ออกด้านข้างเป็นไฮไลต์ส้ม สวมหมวกทรงคาวบอยสีน้ำเงิน แต่งตัวโทนสีฟ้า

นัยน์ตาคมสีแสดตวัดมองหญิงสาวก่อนที่จะยิ้ม

“ว่าไง จูไคน์”

หญิงสาวเจ้าของชื่อยิ้มหวานก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมที่อยู่ตรงกลางชายทั้งสอง

“ข้าได้มิชชั่นพิเศษมาจากโปเกโพลิส สเตชั่น ! ข้าว่ามันน่าสนุกดีนะ” จูไคน์พูดเสียงใสพร้อมกับวางกระดาษลงบนโต๊ะ

“หืม? จากโปเกโพลิส สเตชั่นรึ?” บาชาโม่ยันตัวขึ้นพร้อมกับหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างสนอกสนใจ

“ภารกิจระดับ AA เลยรึ...” บาชาโม่ขมวดคิ้ว

“ใช่แล้ว !” จูไคน์พูด “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ค่ารางวัลสูงมากเลยนะ ข้าไปเจอมิชชั่นนี้เข้าเลยขอหัวหน้าฟูดิน

มาทำมิชชั่นนี้น่ะ”

“แล้วหัวหน้าฟูดินอนุญาตรึ?” ลากุราจถาม

“อ่าฮะ ตอนแรกก็ไม่ให้หรอก แต่เหมือนว่าจะรำคาญที่ข้าเซ้าซี้เลยอนุญาตน่ะ แถมกำชับด้วยว่าให้ระวังตัวให้มากๆ”

“แต่ข้าว่ามิชชั่นนี้ก็อันตรายอยู่นะ...” บาชาโม่พูดพล่งขมวดคิ้ว ลากุราจฉวยใบมิชชั่นมาอย่างถือวิสาสะแต่บาชาโม่ไม่ได้

ว่าอะไร

“เห มิชชั่นถล่มฐานทัพเล็กของกลุ่มแม็กม่า !?” ลากุราจที่อ่านใบมิชชั่นเบิกตาทันที

“ใช่แล้ว!” จูไคน์พูดพร้อมทำท่ามั่นอกมั่นใจ “นี่คือฐานทัพเล็กของกลุ่มแม็กม่า คงจะมีแค่ลูกน้องกระจอกๆเฝ้าน่ะ

ที่ต้องถล่มก็เพราะต้องรีบกำจัดพวกมันก่อนที่จะกลายเป็นรากฐานใหม่ ! ตอนนี้พวกนายก็รู้นี่ว่ากลุ่มแม็กม่ามีอิทธิพล

มากขนาดไหน”

บาชาโม่และลากุราจมองหน้ากัน

“ข้าว่ามันก็ยังอันตรายอยู่ดี” บาชาโม่กล่าว

“เอ๋ ~~~~” จูไคน์ลากเสียงยาวพร้อมกระพริบตาปริบๆ

“พวกเราไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นแล้วนะบาชาโม่ ! พวกเราเป็นถึงกลุ่ม The Hope ผู้โด่งดังเชียวนะ !

เจ้าจำไม่ได้หรือไง ตอนนี้ทีมของเรานับว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่ง 1 ใน 3 แล้วไม่ใช่รึ”

The Hope คือทีมที่โด่งดังมากในตอนนี้ ในทีมมีสมาชิกแค่ 3 คนคือบาชาโม่ จูไคน์ และลากุราจ นับเป็นเรื่อง

มหัศจรรย์มากที่ตระกูลสตาร์ทเตอร์ของเขตโฮเอ็นจะได้บรรจบมาเจอกัน ทั้งสามคนเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก ฝีไม้ลายมือสุดยอดในระดับ

ที่ทุกคนต้องยอมรับ มีอิทธิพลและเส้นสายใหญ่โต นอกจากนี้ความสวยหล่อเปล่งประกายของทั้งสามคนยังไม่ธรรมดาอีกด้วย ...

นับได้ว่าเป็นทีมที่เพอร์เฟ็คไร้ที่ติ

“ก็ใช่ แต่เรามีแค่สามคนเองนะ จะไปถล่มฐานทัพได้จริงๆนะรึ” บาชาโม่ยังไม่วายขัด

“โธ่ ! บาชาโม่ล่ะก็” จูไคน์บุ้ยปาก ก่อนที่จะหันหน้าไปหาลากุราจ

“เจ้าล่ะ ว่ายังไงลากุราจ”

เพื่อนหนุ่มของเธอทำหน้าอึกอัก

“ข้าว่า ....” ลากุราจลากเสียงยาว จูไคน์จ้องหน้าของลากุราจอย่างคาดคั้น มิหนำซ้ำยังทำหน้าน่ารักมากๆอีกด้วย

“เอ่อ ... อืม ... ข้าว่าเราก็น่าจะทำได้น่าบาชาโม่” ลากุราจพูดพร้อมหน้าแดงระเรื่อ

เอาอีกแล้ว ... โดนลูกอ้อนเต็มๆอีกแล้วเพื่อนข้า  บาชาโม่คิดในใจ

“เห็นมั้ย ! ลากุราจก็ยังเห็นด้วยเลยบาชาโม่” จูไคน์พูด “นะๆๆๆ ขอร้องล่ะบาชาโม่ !”

บาชาโม่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เขาไม่ชอบลูกอ้อนของจูไคน์เอาซะเลย เพราะเขาต้องใจอ่อนทุกที …

“เอาล่ะๆ ไปก็ได้” บาชาโม่หมดแรงเถียง

“ดีเลย ! งั้นเราไปกันเถอะ !”

จูไคน์พูดอย่างเริงร่า เธอเกาะแขนเพื่อนชายทั้งสองก่อนที่จะเดินออกจากโปเกม่อนกิลด์ไป

...

โครม !!!!!!!!!! ผลั่ก ! ผลัวะ !

“ฮ้า ! สนุกดีจริงๆเลย” จูไคน์พูดพร้อมกับหวด [Leaf Blade] ไปยังเหล่าฝูงโพชิเอน่าที่พรั่งพรูออกมาจากหน้าฐานทัพ

“พอได้ช่องว่างเมื่อไหร่ก็บุกเข้าไปเลยนะ !!” ลากุราจตะโกน พร้อมกับปล่อยน้ำโคลนสีเข้มออกมาจากฝ่ามือด้วยท่า

[Muddy Water] พุ่งไปยังเหล่าหมาป่า  โพชิเอน่าล้มกองระเนระนาดลงกับพื้น

“เฮ้ ! ลากุราจ เจ้าอย่าเอาน้ำของเจ้ามาสาดใส่ข้าสิ -_-“ บาชาโม่พูดพร้อมกับสะบัดแขนที่โดนน้ำโคลนเมื่อกี้

“โทษที แหะๆ” ลากุราจหัวเราะฝืดๆ

“ตอนนี้แหล่ะ !” จูไคน์ตะโกน เธอพุ่งนำเพื่อนทั้งสองเข้าไปในฐานทัพด้วยความคล่องแคล่ว

โครม ! โครม ! โครม !!!

ทั้งสามคนต่อสู้กับฝูงโพชิเอน่าไม่ยั้ง เหล่าหมาป่าตัวน้อยเริ่มหวาดหวั่น บางคนล้มกองไปอยู่กับพื้น บางคนก็หลบหนี

การต่อสู้ เพียงไม่กี่นาทีทั้งสามก็มาถึงประตูด่านสุดท้าย คือห้อง ‘ควบคุม’ ถ้าสามารถระเบิดฐานทัพนี้ได้ก็ถือว่า

ภารกิจเสร็จสิ้น

“ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยนะเนี่ย” บาชาโม่พูดพร้อมปาดเหงื่อ

“ใช่มั้ยล่ะ ! บอกแล้วว่าพวกเราต้องทำได้” จูไคน์ยิ้ม ก่อนจะเดินย่างก้าวเข้าไปในห้องควบคุม

ห้องควบคุมจะเป็นห้องขนาดใหญ่ นับว่าเป็นศูนย์กลางของฐานทัพก็ว่าได้ เมื่อก้าวเข้ามาด้านหน้าจะเป็นจอขนาดใหญ่

ที่ถ่ายทอดภาพจากกล้องวงจร แผงควบคุมทอดยาว มีปุ่มหลากหลายน่าสับสน เก้าอี้หลายตัววางเรียงกัน มีโต๊ะไม้ขนาด

ใหญ่ตั้งอยู่ที่ด้านขวา ด้านซ้ายเป็นมุมอับมืดเพราะหลอดไฟแตกจากแรงกระแทกด้านนอก

กึก ...

เสียงบางอย่างดังขึ้น จูไคน์ชะงักทันที

“มีอะไรรึ?” ลากุราจถาม

“ชู่ว์ ....” จูไคน์จุ๊ปาก “พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ สักครู่”

จูไคน์กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างชั่งใจ เมื่อไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ขยับเขยื้อนอีก เธอจึงค่อยๆก้าวขาเข้าไปในห้อง ...

“กรร ....”

เสียงกรรโชกของหมาป่าดังขึ้นเบาๆ ไม่ทันที่จูไคน์จะหันไปทางต้นเสียง เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น

“จูไคน์ !!” บาชาโม่และลากุราจพูดขึ้นพร้อมกับพร้อมกับปรี่เข้าไปหาจูไคน์ทันที

“S … [scary Face]” เธอพึมพำ

“อ๊ะ ... / เอ๊ะ ...” บาชาโม่และลากุราจอุทานขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้ในหัวของพวกเขากำลังหมุนเป็นวงกลม ทุกอย่างกลับ

ตาลปัตรไปหมดเสียทุกอย่าง

“ฮิ สวัสดีผู้มาเยือน” เสียงกวนประสาทดังขึ้นจากมุมมืด ทั้งสามหันไปทางต้นเสียงทันที

ชายรูปร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากมุมมืด เจ้าของหูหมาป่าและนัยน์ตาสีนิล เขายิ้มน้อยๆเผยเขี้ยวเล็กๆที่มุมปาก

ผมยาวสีดำขลับถูกมัดอย่างลวกๆ ผ้าผูกคอสีแดงสดเด่นยิ่งนัก โดยเฉพาะลวดลายเฉพาะตัวสีดำที่ปักอยู่บนผ้าพันคอ

“ผ้าผูกคอสีแดง ... สัญลักษณ์นั่น...” ลากุราจเหลือบมอง “ผ้าผูกคอสีแดง หัวหน้าฝ่าย 3 ของทีมแม็กม่า !!”

“เฮอะ? รู้ด้วยหรอเนี่ย ก็ดี” ชายคนนั้นยักคิ้วหลิ่วตาน่าโมโห “ข้าคือกราเอน่า หัวหน้าฝ่าย 3 ของทีมแม็กม่า เรียกง่ายๆ

ว่าสมุนฝ่ายขวาดีกว่านะ หึหึ” กราเอน่าหัวเราะในลำคอ ก่อนที่กรงเล็บของเขาจะยาวขึ้นและเหวี่ยงเข้าไปหาทั้งสามคน

ที่นั่งอยู่ทันที

ฟุ่บ !!

“โอ้ !! [Leftover] ซะด้วย ของดีหายากนะเนี่ย”

“[Thief] !?” บาชาโม่พูด

“เอาล่ะๆ เลิกเล่นสนุกกันดีกว่านะ” กราเอน่าพูดพร้อมยิ้ม “พวกเจ้ามาถล่มฐานทัพผิดเวลาจริงๆ ...”

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ !” จูไคน์กล่าวเสียงดัง กราเอน่าเลิกคิ้วขึ้น

“ก็นะ ... พอดีบอสใหญ่ให้มาคุมพวกโพชิเอน่าที่นี่น่ะสิ หึหึ พวกเจ้าฤกษ์ไม่ดีจริงๆเล้ย”

“เฮอะ” จูไคน์สบถ “ยังไงเราก็มีกันตั้งสามคน สู้เจ้าได้ง่ายๆ !!”

“งั้นเรอะ” กราเอน่าพูด “ถิ่นใคร ใครก็ใหญ่แหล่ะน้า..” พูดจบกราเอน่าก็กระโจนมายังแผงควบคุมอย่างรวดเร็ว

ปิ๊บ !

เขากดลงไปบนปุ่มๆหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงอย่างอื่นตามมาทันที

ชี่ !!!! ฟู่ววววววววววววววววววววววว

ควันสีขาวพุ่งออกมาจากมุมห้องทั้งสี่ ก่อนที่ห้องควบคุมจะเต็มไปด้วยหมอกควัน

“อะไรน่ะ ... อ๊ากกกกกกก !!”

“ลากุราจ !!” จูไคน์และบาชาโม่พูดขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่ร่างของเพื่อนชายถูกลากเข้าไปกลางหมอกควันอย่างรวดเร็ว

ชลัวะ ! ชลัวะ ! ชลัวะ !!

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!”

เสียงฟันกระทบกับชิ้นเนื้อไม่ยั้ง ตามด้วยเสียงร้องอันแสนเจ็บปวดทำให้ทั้งสองไม่สบายใจและหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก

“ลากุราจ ! ลากุราจ !” บาชาโม่ตะโกน “บ้าเอ๊ย !!”

จูไคน์ใช้ท่า [Leaf Blade] หมุนตัวหวดไปรอบๆควันอย่างรวดเร็ว หมอกควันบางส่วนหายไปบ้าง

“หึหึหึ” เสียงกราเอน่าหัวเราะทุ้มดังไปทั่ว

“นั่น !” บาชาโม่ชี้ไปยังเงาเลือนรางข้างหน้า

ตุ้บ !

ร่างของลากุราจร่วงลงมากับพื้น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว เจ้าตัวเอามือกุมหน้าท้องตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด

แขน ขา หน้าท้องของเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยถูกฟัน

“ละ ... ลากุราจ !?” จูไคน์ปากคอสั่น รีบปรี่ไปยังร่างของเพื่อนชายทันที

“เฮอะ กระจอก”

“แก !!!!!!” บาชาโม่ตะคอก เขากำมือแน่นก่อนที่มันจะเปล่งแสงสีฟ้าแสบตาออกมา

พลั่ก !!!

กำปั้นนั้นถูกอัดเขาไปที่ใบหน้าของชายหมาป่าเต็มๆ เจ้าตัวกระอั่กเลือดออกมาแต่ก็ไม่แยแส

“หึหึหึ ฮ่าๆๆๆ” กราเอน่าหัวเราะ “ข้าจะจบเกมนี้ล่ะนะ !!”

ร่างของกราเอน่าหายเข้าไปในกลุ่มควันสีขาวอีกครั้ง บาชาโม่และจูไคน์มองไปรอบๆอย่างชั่งใจ

วูบ ...

“จูไคน์ ... ระวัง !” ลากุราจที่นอนราบกับพื้นตะโกนขึ้น จูไคน์เบิกตาโพลงทันที

ลำแสงสีส้มเข้มตรงมายังจูไคน์

เปรี้ยง !!!!!!!!!

“อะ...” จูไคน์เบิกตากว้าง ลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออก ลากุราจก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองใบหน้าซีดเผือกทันที

“บะ ... บา .. บาชาโม่?” จูไคน์พูดเสียงแหบแห้ง

ด้านหน้าของจูไคน์และลากุราจคือบาชาโม่

ชายหนุ่มยืนกางแขนออกขว้างหน้าเพื่อนของเขาที่นั่งอยู่ ตัวสั่นระริก มีรอยไหม้และควันฟุ้งออกมาจากลำตัวด้านหน้า

หลังจากที่บาชาโม่เอาตัวของเขาบังลำแสง [Hyper Beam] ของกราเอน่าที่พุ่งมายังเพื่อนทั้งสองในระยะประชิด

เขาเอาตัวบังแทนอย่างรวดเร็วและรับลำแสงไว้ได้ทัน บาชาโม่ตัวสั่นและหอบอย่างแรง เลือดค่อยๆทะลั่กออกจากปาก

“พวกเจ้า ... ไม่เป็นไรนะ?” บาชาโม่ถามพร้อมยิ้มบางๆ

จูไคน์น้ำตาระเรื่อขอบตา นัยน์ตาสีอำพันหม่นลง เธอเอามือทั้งสองกุมริมฝีปากตัวเองไว้ ลากุราจเองก็พยายามยันตัวขึ้น

“ฮ่าๆๆ !!” เสียงหัวเราะของกราเอน่าดังขึ้นอีกรอบ “เจ๋งชะมัด ! รับ [Hyper Beam] ไว้เต็มๆในระยะประชิด แถมยังยืนอยู่

ได้ด้วย ! เจ้านี่มันเจ๋งจริงๆ !”

“จบเกม !”

กรงเล็บของมนุษย์หมาป่ายาวขึ้น

พุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว

ฉึก !!!!!

กรงเล็บแทงเข้าไปยังกลางอกของชายหนุ่มด้านหน้า

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นท่ามกลางหมอกควัน หยดเลือดไหลรินลงบนพื้น กรงเล็บถูกกระชากออก หมาป่าแสยะยิ้มอย่างพอใจ

ไม่ทันที่จูไคน์และลากุราจจะเอ่ยเสียง หรือรับความรู้สึกใดๆ ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไป ร่างของบาชาโม่ล้มลงทันที

“บาชาโม่ !!!!!!!!!!” ทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกัน จูไคน์ลุกพรวดขึ้น นัยน์ตาสีอำพันใสของเธอแปรผันกลายเป็นอำพันหม่น

แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวที่มิอาจยับยั้งไว้ได้

“แก !!!!!!!!!!!!!!”

ใบไม้ที่แขนของหญิงสาวเปล่งแสงยาวขึ้น เธอหวดมันใส่กราเอน่าทันที มนุษย์หมาป่าหลบอย่างรวดเร็ว ทว่า ...

ฉึ่บ !

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!” กราเอน่ากรีดร้องอย่างเจ็บปวด “ตาของข้า !”

[Leaf Blade] ของจูไคน์ฟันเข้าที่ตาซ้ายของกราเอน่าอย่างจัง รอยแผลลากเป็นทางยาว เลือดไหลสีแดงสดไหลออกมา

กราเอน่ากุมดวงตาด้วยความเจ็บปวด จูไคน์กระโจนเข้ากระแทกกราเอน่าจนเขากระเด็นไปกระแทกกับแผงควบคุมอีกที

พลั่ก ! ปิ๊บบบบบบบบ ! เปรี๊ยะ ...

ประกายไฟเกิดขึ้น ตามด้วยแรงระเบิดรุนแรงมาจากแผงควบคุม แรงระเบิดทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ห้องควบคุมไหว โต๊ะล้มเสียงดัง ข้าวของระเนระนาด

“ฐานทัพจะถล่มแล้ว ...” กราเอน่าพูด พลางกุมดวงตาของตน “หึ ฝากไว้ก่อนเถอะ ... แค้นนี้ต้องชำระแน่ !!”

พูดจบกราเอน่าก็กระโจนไปยังทางออกทันที จูไคน์หันกลับมาหาบาชาโม่และลากุราจอย่างรวดเร็ว

“บาชาโม่ ! เจ้าเป็นอะไรมากรึเปล่า” จูไคน์ถามพร้อมเอามือปิดปากแผลที่กลางหน้าอกของชายหนุ่ม โดยไม่สนว่าจะมี

เลือดเปรอะเปื้อนมากแค่ไหนก็ตาม

“ข้า ... คงไม่รอดแล้วล่ะ” บาชาโม่พูด พร้อมกระอั่กเลือดออกมา

“บ้าน่ะ ! เจ้าอย่าพูดอะไรบ้าๆสิ” ลากุราจพูดขึ้น พร้อมกับหอบหายใจ ตอนนี้บาดแผลของเขาก็ไม่ใช่น้อย และตอนนี้

เขาก็เริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหว

“เจ้าต้องรอด บาชาโม่ ลากุราจ เราต้องรอดไปด้วยกัน” จูไคน์พูดขึ้น พร้อมกับเอามือเล็กๆของเธอกุมมือเพื่อนทั้งสองไว้

ทั้งน้ำตาและสะอื้นเบาๆ

“ร้องไห้อีกแล้วนะเจ้าน่ะ...” บาชาโม่พูดขึ้นพร้อมยิ้ม “เจ้านี่มันขี้แยจริงๆ .. อึก ... ไหนบอกว่าจะไม่ให้ข้าเห็นน้ำตาของ

เจ้าไง ...” บาชาโม่พูดเสียงแหบแห้ง

“ฮึก ฮือ...” จูไคน์ร้องไห้ออกมา น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูเหมือนหัวใจจะแตกสลาย หยดน้ำตาหยดลงบนพื้นทีละเม็ด ...

“ที่นี่จะถล่มแล้ว ... พวกเจ้ารีบหนีไปซะ”

“ไม่ ! บาชาโม่ เราต้องออกไปด้วยกัน ...”

“ฟังข้า จูไคน์ ลากุราจ” จูไคน์เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา ลากุราจก็เช่นกัน

“คำขอสุดท้ายของข้า ...”

ครืน ... ครืน ... เสียงแผ่นดินสั่นไหว

“จงมีชีวิตอยู่ต่อไป.... เพื่อข้า”

“ฮึก ฮือ ...” จูไคน์สะอื้น

“เพื่อทีมของเรา ...”

“บาชาโม่ ...” ลากุราจพึมพำ น้ำตาระเรื่อ

“ยังมีอีกหลายอย่างที่ข้าอยากทำเหลือเกิน ... หนึ่งในนั้นคือ ... ร่วมผจญภัยกับพวกเจ้า ... ใช้ชีวิตร่วมกับพวกเจ้า ...

เพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ... ลากุราจ ... จูไคน์ .... ”

“ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ข้ามีความสุขมาก ... ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ... ทุกอย่าง ... ความทรงจำดีๆที่มีให้กัน ...”

“ข้ารักพวกเจ้านะ....”

“บาชาโม่ !!!!!!!!!!!”

รอยยิ้มสุดท้ายปรากฏบนใบหน้าคมคายที่เปรอะเลือด ลมหายใจเฮือกสุดท้ายดับลงท่ามกลางอ้อมกอดของเพื่อนทั้งสอง

เสียงร้องไห้และกรีดร้องอย่างเศร้าโศกดังแข่งกับเสียงแผ่นดินไหว มือเล็กๆผละออกจากมือของบาชาโม่ ก่อนที่จะวิ่งออกไป

ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ....

ฟู่ว ....

ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว ฐานทัพถล่มลงแล้ว ภารกิจเสร็จสิ้น มันจบแล้ว ... จบ ... หมดทุกอย่าง ...

“ฮือ ฮือ ...” จูไคน์ร้องไห้แทบจะขาดใจ ร้องสุดเสียง ร้องจนไม่มีน้ำตา ลากุราจสะอื้นเบาๆในลำคอ พยายามเก็บความ

เศร้านั้นไว้ในใจลึกๆ  ทว่ามันมิอาจยับยั้งได้เลย ... น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง

“ข้า ... ข้า ... ” จูไคน์พูดแกมสะอื้น “ข้าผิดเอง ... ผิดทุกอย่าง”

“จูไคน์ ...”

“ลากุราจ ... ขอโทษนะ แต่นี่เป็นความประสงค์ของข้า...”

“...”

“ณ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป กลุ่ม The Hope จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข้าจะขอแยกทางกับเจ้า ตรงนี้ ตอนนี้ !”

“อะไรนะ ...”

“เจ้าจงไปตามทางของเจ้า ข้าจะไปตามทางของข้า ข้าเจ็บปวดมากเหลือเกิน มากเกินจนไม่มีหน้าไปพบใครอีก แม้แต่เจ้า

ข้า ... ข้า ... ข้าขอโทษ ... สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ... ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆทั้งหมดนะ”

จูไคน์พูดรวดเดียวพร้อมก้มปิดหน้าตนเองแล้วร้องไห้เงียบๆ เธอทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง และร้องต่อไปเรื่อยๆ

ในเมื่อหัวใจดวงน้อยๆของเธอแตกสลายไปแล้ว

กลุ่ม The Hope สลายไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็ว่าทะเลาะกัน ฟาดฟันกันจนตายบ้าง

บ้างก็ว่าตายหมดสามคนเลยบ้าง เพราะทั้งลากุราจและจูไคน์ต่างหายเงียบไปเหมือนไร้ตัวตน  กลุ่มที่โด่งดังที่สุดตอนนี้

กลายเป็นโศกนาฏกรรมลึกลับ ปัจจุบันจึงได้ตั้งกฎอย่างเข้มงวด คือ 1 ทีมต้องมีสมาชิก 6 คนเท่านั้น ห้ามต่ำกว่านี้เป็นต้น

ลากุราจเข้ารักษาบำบัดในที่แห่งหนึ่งอย่างลับๆ จูไคน์ได้แต่ร้องไห้และจมปลักอยู่กับเหตุการณ์นั้น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

เหมือนลูปที่วนเวียนไปมาไม่รู้จบ เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งเธอเดินกลับมายังบ้านเกิดของเธอ ....

... "โอเดล เทาน์" เธอไม่มีหน้าไปพบใครอีก จึงได้แต่อยู่วนเวียนในป่าแถวนั้นเงียบๆ จนกระทั่งได้ไปเจอกับคิโมริชายคนหนึ่ง

ที่มีความซื่อสัตย์ แน่วแน่และกล้าหาญ ทั้งสองเริ่มสนิทกัน จนกระทั่งเขากลายเป็นจุปทอล เขาเป็นเหมือนเสาอีกต้นที่คอย

ประคองเธอไม่ให้ล้ม ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนไปแล้ว จูไคน์ในอดีตได้ตายจากไปแล้ว ไม่มีเธอคนนั้นอีกต่อไป เหลือเพียงแต่

หญิงที่มีผมสีเขียวยาวสลวย นัยน์ตาสีอำพันใสประกายสวยงามอย่างสูงศักดิ์และสง่างาม ขอบตาสีแดงเป็นเอกลักษณ์ ...

จูไคน์ นายหญิงแห่งเหล่าคิโมริทั้งปวง

-     จบบทพิเศษ ติดตามใหม่ในตอนหน้า    -

Spoiler

 

“มีแต่มิชชั่นระดับ D กับ C เต็มไปหมดเลยแหะ ...”

“เอ้า .. พวกเจ้าอยากทำมิชชั่นอะไรมากที่สุดกันล่ะ?”

“โห ป้า มิชชั่นพวกนี้ .... ข้าไม่รู้จะพูดยังไงเลย”

เอ๋?? มิชชั่นอะไรกันล่ะเนี่ย?? แล้วทำไมมัสคุงถึงพูดแบบนั้นกันน้า พบกันในตอนหน้า "ภารกิจแรก?" ค่ะ  :pika01:

 

Spoiler

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับตอนพิเศษ 

:pika01: สนุกมั้ยเอ่ย? แล้วซึ้งกัันมั้ยคะ หนูแต่งแรกๆน้ำตารื้นเลย ฮึกๆๆๆ

# เว่อร์  มันช่างเจ็บจี๊ดจริงๆฉากนั้น T^T เพิ่งลองแต่งบทซึ้งๆเป็นครั้งแรกเลยค่ะ อยากให้พี่ๆลองอ่านกันดูแล้วคอมเม้นกันจริงจังนิสสสสนึง

เห็นแก่ความอ่อนด้อยประสบการณ์ของข้าน้อยด้วยเถิด ;A; อยากเอาข้อติ-ชมไปปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ รบกวนด้วยนะคะ !!

 

 

Edited by + Pangtor Girl +
Link to comment
Share on other sites

บาชาโมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่!!!!!!!!!!!!!!! O[]o!!!!!

[me=Solanis]โหวกเหวกโวยวาย กระโจนบีบคอกราเอน่า[/me] #ผิด


เพ้อพอละ กลับมาเข้าเรื่อง

แต่งตอนนี้ออกมาได้สนุก+ซึ้งมากเลยงิ

จูไคน์ในสมัยก่อนช่างแตกต่างจากสมัยปัจจุบันซะจริง นึกถึงเธอตอนสู้ไปยิ้มไปหัวเราะไปแล้วแอบสยองพิลึก

สำนวนการแต่งโอเคเลยนะ

มีบางคำที่ยังพิมพ์ผิดไปบ้าง อาจจะเพราะรีบพิมพ์ไป ก็ค่อย ๆ แก้ไขปรับปรุงไปงิ

ก็ประมาณนี้ล่ะงิ ไม่มีอะไรจะวิจารณ์เท่าไหร่ แต่งได้ดีเลยล่ะ 'w'b

ปล. อยากเห็นลากูลาร์จกลับมามีบทในเนื้อเรื่องหลักจังแฮะ

Link to comment
Share on other sites

[me=Souta_Akari]นั่งร้องไห้[/me]

ซึ้งมากค่ะ เพื่อนที่เสียไปของจูไคน์คือบาชาโม่นี่เอง แง้ :pika06: แล้วลากูราจเป็นยังไงบ้างนะ :pika04: จูไคน์ในสมัยก่อนก็น่ารักเริงร่า ผิดกับตอนนี้มากเลยค่ะ รอติดตามอยู่นะ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

R.I.P บาซ่าโม........ นายทำดีที่สุดแล้วแหละ......

...คาดว่าอีกไม่นานจะได้เจอหัวหน้าฝ่าย 3 กลับมาแก้แค้นแน่ๆ....

Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

eNLgkT.png

ยอดอ่านทะลุพันแล้ว เลข 1234 เป็นเลขที่สวยมากค่ะ ขอขอบคุณทุกคน ทั้งผู้อ่านและผู้มาเยี่ยมเยียน มากๆเลยนะคะ  :pika01:

จะกลับมาอัพใหม่แล้ว อาทิตย์หน้าเจอกันค่ะ :)

# GAMZA

Link to comment
Share on other sites

สวัสดีค่ะ แวะมาปัดฝุ่นค่ะ

พอดีวันนี้ได้ลองโหลดโปรแกรม Manga Studio มาลองใช้ดู ฟังชั่นเยอะสมคำร่ำลือจริงๆ เกิดมาเพื่อคนวาดมังงะเลยทีเดียว

# หากพึ่งพามากเกินไปอาจเป็นง่อยได้

เลยลองวาดมังงะเล่นๆค่ะ ไปชมกันเลย

เป็นส่วนหนึ่งของฟิคในเร็วๆนี้ค่ะ รออ่านกันได้นะคะ  :pika01:# ถ้ามีโอกาสน่ะนะ

Edited by + Pangtor Girl +
Link to comment
Share on other sites

ดีใจด้วย น ได้โปรแกรมมาใหม่ ระวังอย่าใช้ของเสริมเยอะเกินไปแหละ~ ถถถถถ

Link to comment
Share on other sites

  • 1 year later...

[REMAKE]

Spoiler

 

                   New ! หน้ากระทู้ที่ปรับเปลี่ยนให้ดูดีขึ้น ลงปก cover อันใหม่ที่วาดเอง

                             จัดหมวดหมู่ตัวอักษร ฯลฯ ให้เข้าที่เข้าทาง

                   New ! บทนำอันใหม่ที่รีเมคเรียบร้อยแล้ว อยู่ด้านหน้าสุดคู่กับบทนำอันเก่า

                   New ! เปลี่ยนเพลงเปิดตัว Opening ใช้เพลงใหม่ 

                   New ! บทที่ 1 ฉบับรีเมค อ่านได้ข้างล่างนี่

                   Change ! บททั้งหมดที่เคยแต่งไว้จะถูกเก็บไว้ในสปอยล์ เพื่อไม่ให้เกะกะ

                                 ใครอยากย้อนไปอ่านก็ได้นะ ... แต่อย่าเลย ... เหอะๆ

                   Change ! การบรรยายและการจัดหน้ากระดาษ ถ้าแปลกๆก็ขออภัยด้วย

.......

ที่กล่าวมาทั้งหมด ... แค่อยากจะบอกว่า

"กลับมาแล้ว"

ไม่ได้กลับมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ถือว่ากลับมาหลังจากห่างหายไปเป็นปีแล้วกัน

รีเมคไปได้ไม่กี่บทหรอก ไม่ได้คิดจะกลับมาอัพเหมือนเดิมด้วย แค่กลับมาเปลี่ยนรูปกระทู้

แล้วก็ลงบทที่ 1 ใหม่ ถึงจะเคยลงไปแล้วก็เถอะ

จะทยอยเปลี่ยนไปทีละนิดๆ ตามโอกาส ... แล้วกันนะ !

 

§ Chapter 1 §

Another World

ในโลกที่เราไม่รู้จัก

แสงอาทิตย์ยามบ่ายตกกระทบกับแม่น้ำสายหนึ่งจนส่องแสงประกายระยิบระยับ แสงนั้น

กระทบเข้าที่เปลือกตาของชายหนุ่มซึ่งนอนราบกับพื้นหญ้าสีเขียว ผมยาวสลวยสีเหลืองนวลทอดยาวไป

ตามพื้นหญ้า ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาคมคาย เขานอนนิ่งสลบไสลอยู่ตรงนั้นมานานแล้ว ทุกองค์ประกอบ

ช่างเหมือนรูปภาพที่ถูกวาดไว้เสียจริง ทั้งต้นไม้รอบด้าน มีลำธารสายเล็กๆที่ทอประกาย พื้นหญ้าสีเขียวดู

อ่อนนุ่มและชายหนุ่มรูปงามที่ทอดกายอยู่บนพื้น ทว่าชุดที่เขาใส่นั้นดูทันสมัยไปหน่อย ทั้งแจ็กเก็ตหนัง

สีแดงสดและขนสัตว์ กางเกงขายาวลวดลายเปลวเพลิงสีเหลืองและรองเท้าสีน้ำตาลเข้ม ถ้าเป็นชุดคลุม

ยาวๆแบบโบราณล่ะก็ อาจจะเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์แบบก็ได้นะ

            ชายหนุ่มปริศนาโดนแสงกระทบเข้าตานานจนเขาต้องลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาคมดุดันสีแดง

เพลิง ทว่ากลับให้ความรู้สึกเยือกเย็นแบบบอกไม่ถูก เขาค่อยๆใช้สองมือยันตัวขึ้นมานั่งอย่างช้าๆพร้อมกับ

กวาดตามองไปรอบด้านอย่างมึนงง เขายกมือตนเองขึ้นมาดูด้วยแววตาประหลาดใจ ชายหนุ่มลุกขึ้น

อย่างช้าๆแต่กลับโซเซเหมือนคนอ่อนแรง เมื่อยืนได้สักพักเขาก็ลูบใบหน้าของตนพร้อมสำรวจตัวเอง

จากนั้นสายตาของเขาก็เลื่อนไปเห็นแม่น้ำสายหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มตรงไปหามันทันที

            เมื่อถึงแม่น้ำแล้ว เขาก็ก้มลงมองเงาของตนอย่างตะลึง เมื่อภาพสะท้อนในน้ำเป็นชายหนุ่ม

หน้าตาคมเข้มกับผมยาวสลวยสวมชุดแปลกประหลาด ดวงตาของเขาก็ฉายแววสับสนและแปลกใจ

ออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาวักน้ำล้างหน้าพร้อมกับถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ชายหนุ่มกำหมัดทั้งสองแน่นก่อน

จะจ้องไปยังข้อมือของตนเอง ไม่นานนักเปลวเพลิงก็ลุกโชติช่วงที่รอบข้อมือ เขาทำหน้าพอใจเล็กน้อย

เขาหันหลัง เงยหน้าขึ้นฟ้าและหลับตาลง สายลมอ่อนๆพัดให้ผมยาวสีเหลืองนวลของเขาปลิวเบาๆ ...

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกขึ้นพร้อมกับเพลิงสีแสดที่โอบล้อมตัวเขา !

ชายหนุ่มกระโดดถีบตนเองขึ้นจากพื้นหญ้า น่าแปลกที่เขากระโดดได้สูงมากจนเลยต้นไม้ใหญ่ คล้ายกับ

ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ จากนั้นเปลวเพลิงที่แสดก็พลันระเบิดออกพร้อมเสียงคำรามลั่นของเขา !

เปลวเพลิงสลายหายไป พร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ลงสู่พื้นอย่างสง่างาม

            เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วป่า หญิงสาวผมบ๊อบสั้นสีเขียวที่กำลังใช้คลื่นพลังบางอย่างจาก

ฝ่ามือหันหลังกลับมาทางต้นเสียงทันที เดรสสีขาวสะอาดปลิวตามแรงเคลื่อนไหว เธอใช้นัยน์ตาสีมรกต

มองไปยังอีกฟากหนึ่งของป่า

เสียงนี้ ... ?

เสียงคำรามนั้นทำให้เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่อยู่อีกฟากของป่าสะดุ้งสุดตัวเหมือนกัน เด็กหนุ่ม

หน้าตาหมดจด เจ้าของดวงตากลมมนสีครามขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดพึมพำขณะที่ค้างอยู่ในท่ากำลังปีน

ต้นไม้

“เสียงนี้มัน ...”

“มัตสึ ! หยุดงึมงำแล้วรีบๆปีนขึ้นมาได้แล้ว ! จะตกอยู่แล้ว !! แง้ววว !!

เสียงใสแหลมเล็กกล่าวขัดคำพูดของเด็กหนุ่มโดยสิ้น เจ้าของเสียงนั้นเป็นแมว ... ไม่สิ

เด็กสาวหูแมวผมยาวประบ่าสีชมพู ดวงตาโตสีชมพูใสดูน่ารัก แต่ตอนนี้กลับมีน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าของ

เธอซีดเซียวเพราะตอนนี้ตัวของเธอกำลัง พาดกิ่งไม้ที่จะหักแหล่มิหักแหล่อยู่ มัตสึถอนหายใจก่อนจะบ่น

ไปพลาง

“รู้แล้วน่าๆ ! เจ้าคิดว่าการที่ข้ากลายเป็นคนแล้วมาปีนต้นไม้เนี่ยมันง่ายนักหรือไง

แล้วทำไมถึงไปอยู่บนนั้นได้ล่ะฮะ เอเนะ!?” เขาตวาดเสียงแหว

เอเนะสะอื้นตอบ “กะ ... ก็ไม่รู้นี่ ! รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่บนนี้แล้ว !

เด็กหนุ่มแทบจะลื่นตกต้นไม้กับคำตอบนั้น แต่เขาก็ได้แต่บ่นงึมงำแล้วปีนต้นไม้ขึ้นไปช่วยเด็กสาวลงมา

“อ๊ะ เสียงนั้น ...”

หญิงสาวผมยาวสีครามที่ถูกมัดปลายไว้หลวมๆเงยหน้าขึ้นมองไปยังอีกฟากหนึ่งของป่า นัยน์ตาสี

อำพันใสฉายแววสงสัยระคนแปลกใจ ไหล่เล็กๆของเธอถูกพาดด้วยแขนของใครอีกคน เป็นชายร่างสูงผม

สีเขียวเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลสวยถูกพยุงด้วยร่างบอบบางของหญิงสาวข้างๆ รู้สึกว่าตอนนี้เท้าข้างขวาของ

เขาจะแพลง ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

“ท่านฟีอาโร่ ไหวรึเปล่าคะ?” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง

ฟีอาโร่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพูด ... ไม่ใช่สิ มันคือการส่งสายตาสื่อความหมายต่างหากล่ะ

ข้าไม่เป็นอะไรมาก ว่าแต่เจ้าเดินได้ถนัดรึเปล่า ลูมิเน่?

“อ่า ไม่ค่อยชินเท่าไหร่นะคะ ต้องขออภัยด้วย ...” ลูมิเน่ตอบอย่างสุภาพ พร้อมพูดเบาๆว่า

“ก็ตอนแรกข้ามีแต่ หางไม่มี ขานี่นะ ...”

...

“เบรเซียส !

เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งปลุกให้ชายผมยาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าตื่นจากภวังค์ เขาตวัดสายตา

เฉียบคมมองไปยังด้านตรงข้ามของแม่น้ำ ร่างหญิงสาวผมบ๊อบก็ปรากฏอย่างที่เขาคิดจริงๆ

“โซเฟีย?” เบรเซียสกล่าวพร้อมลุกขึ้นและเดินไปที่แม่น้ำ

“เป็นยังไงบ้าง?” โซเฟียที่ไม่รู้จะถามอะไรก่อนดีพูดขึ้นเปรยๆ สถานการณ์ตอนนี้น่าจะเกินเยียวยาแล้วล่ะ

“อืม ก็อย่างที่เห็น เราหลุดมาอีกที่โลกนึง แถมยังอยู่ในร่างมนุษย์อีกด้วย” เบรเซียสตอบกลับ

ด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่นี่เป็นน้ำเสียงปกติของเขาอยู่

แล้วล่ะนะ

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสูญเสียพลังทั้งหมดไป”

เขาพูดเสริมต่อ พร้อมกับไฟที่ลุกขึ้นมารอบข้อมือ

“พลังและความสามารถทั้งหมดยังคงเดิม เพียงแค่เราอยู่ในร่าง มนุษย์เท่านั้นเอง”

“นั่นสินะ” โซเฟียหยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็ลองใช้หลายๆท่าดูแล้ว เหมือนว่าไม่มีปัญหาอะไร”

“ถึงรึยังเนี่ย เอเนะ เธอแน่ใจนะว่าเสียงมาจากที่นี่ ?”

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของมัตสึดังขึ้น ทำให้เบรเซียสและโซเฟียหันไปดูพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ข้างกาย

ของเด็กหนุ่มมีเด็กสาวหูแมวเกาะแขนไม่ยอมปล่อย แถมขายังสั่นระริกเหมือนคนไม่เคยเดินอีกด้วย

“ที่นี่แหล่ะถูกแล้ว ! เอเนะมั่นใจ !

“แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะปล่อยแขนข้าล่ะ !?”

“แง้ว ! ก็เอเนะไม่เคยเดินสองขามาก่อนนี่นา ... อ๊ะ นั่นไงบอสกับพี่สาว !

เอเนะพูดพร้อมชี้ไปอีกทางมัตสึมองตามมือของเอเนะไปก็พบเบรเซียสกับโซเฟีย เขาเบิกตากว้าง

ก่อนจะโพล่งออกมา

“นั่นมัน ... ป้า !

ป้าเรอะ !

เส้นเลือดที่ศีรษะของโซเฟียปูดขึ้นทันที เธอกระตุกยิ้มก่อนจะหัวเราะหึๆพร้อมกับพลังที่ออกมาจาก

ฝ่ามือ เอเนะผละแขนของมัตสึออกช้าๆพร้อมถอยหลังออกห่าง

“บังอาจเรียกข้าว่าป้างั้นเรอะ ! เจ้าเด็กบ้า ปากเสียที่สุด!!

“อะจ๊ากกก !!!

คลื่นพลังรุนแรงถูกเหวี่ยงจากฝ่ามือของโซเฟีย มันพุ่งแรงจนผ่าพื้นแผ่นดินออก มัตสึม้วนตัวหลบ

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ตนเองสะสมมาอย่างสูง

“อื้อหือ เฉียดฉิวเลยแฮะเมื่อกี้” มัตสึพูดก่อนจะเดินตรงไปหาโซเฟียพร้อมกับเอเนะ

เด็กสาวทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า พร้อมกับดึงชายกระโปรงโซเฟียยิกๆ

“พี่สาว เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

โซเฟียเปลี่ยนท่าทีทันทีเมื่อพูดกับเธอ “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนเราจะหลุดมาอยู่อีกโลกนึงนะ”

เธอพูดพร้อมลูบหัวของเอเนะไปด้วย เด็กสาวพยักหน้ารับรู้

“ว่าแล้วว่าต้องมีเรื่อง โชคชะตาคงไม่ยอมให้เราได้อยู่เฉยๆหรอกมั้ง” มัตสึพูดออกมาด้วยน้ำเสียง

เฉยเมยเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เขาเอามือทั้งสองกุมท้ายทอยและหาววอดๆ

“โชคชะตานี่น้า ชอบเล่นตลกอยู่เรื่อยเลย ...”

เบรเซียสนิ่งไป ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม

โชคชะตางั้นหรือ ...

 

“อ๊ะ ว้าย ...”

ลูมิเน่ที่โผล่มาจากป่าฝั่งเดียวกันกับโซเฟียร้องขึ้นเพราะเธอสะดุดและถลาไปด้านหน้า ด้วยเหตุนี้

ทำให้ฟีอาโร่ที่ถูกพยุงอยู่ล้มไปด้วย ทั้งสองคนล้มลงทับกันบนพื้นหญ้า ส่วนคนอื่นๆก็วิ่งตามมาดูเหตุการณ์

“โอ๊ย ... ทะ ท่านฟีอาโร่เป็นอะไรรึเปล่าคะ !?” ลูมิเน่ที่ถูกฟีอาโร่ทับอยู่ผงกหัวขึ้น ก่อนจะเห็นว่าเขา

ทำหน้าเจ็บปวดอย่างมาก เธอเลื่อนสายตามองไปยังเท้าข้างขวาที่ตอนนี้บวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ลูมิเน่ร้อนรนขึ้นมา “ท่านฟีอาโร่ ลุกไหวมั้ยคะ ขอฉันลุกขึ้นก่อน...”

เหงื่อเย็นๆตามไรผมของฟีอาโร่เปื้อนใบหน้าของลูมิเน่เล็กน้อยเพราะหน้าของเขาอยู่ตรงคอของ

ลูมิเน่ เขาส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ลูมิเน่ที่รู้สึกจั๊กจี้หน้าแดงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆถอยตัวออก

ห่างจากสถานการณ์ ชวนคิดตอนนี้

“ฟีอาโร่กับลูมิเน่? เป็นอะไรกันรึเปล่า?”

โซเฟียถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับวิ่งเหยาะๆเข้ามาและนั่งลงดู

“ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรนะ? ... แล้วพี่ฟีอาโร่เป็นอะไร?”

เอเนะเสริมต่อ เพราะเห็นใบหน้าที่ย่ำแย่ของเขา

“ดูเหมือนข้อเท้าจะแพลงค่ะ” ลูมิเน่ตอบด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

“คงเป็นเพราะตกจากที่สูงตอนหลุดเข้ามาในโลกนี้ แถมเมื่อกี้ยังหกล้มอีก เพราะฉันแท้ๆ”

“ไม่เอาน่าลันจัง ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก” มัตสึพูดปลอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตามไปด้วย

ทันใดนั้นก็มีเสียง ตุ้บดังขึ้นข้างๆฟีอาโร่ที่นั่งอยู่ เบรเซียสกระโดดจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำตรง

มาหาพรรคพวกอย่างรวดเร็ว เขาถอดรองเท้าบูทของฟีอาโร่อย่างเบามือก่อนจะสำรวจข้อเท้าที่เขียวช้ำ

นัยน์ตาสีเพลิงสั่นไหววูบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “เส้นเอ็นฉีกขาดบางส่วน อาการหนักเหมือนกัน”

ทุกคนได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เครียดตามไปด้วย โซเฟียถอนหายใจ “คงต้องปฐมพยาบาลแล้วล่ะ ลูมิเน่”

“ค่ะ” หญิงสาวผมครามพยักหน้า เธอสูดลมหายใจและพ่นไอน้ำแข็งลงไปที่ข้อเท้าข้างขวาของฟีอาโร่

เจ้าตัวที่โดนไอเย็นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว แม้ว่าจะโดนแช่เข็งแค่ที่ข้อเท้าก็ตาม... ลูมิเน่ยิ้มแหยๆ

“ก็ต้องประคบเย็นไปก่อนนะคะ ตอนนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้”

“เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเถอะ” เสียงเย็นๆของเบรเซียสดึงดูดความสนใจจากทุกคน

“สถานการณ์ตอนนี้ก็อาจจะดูประหลาดไปบ้าง แต่ข้าคิดว่าพวกเจ้าก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่เหมือน

ข้า” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เบรเซียสจึงพูดต่อ

“ในเมื่อ โลกที่แล้วมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายขนาดนั้น เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่น่าประหลาด

เท่าไหร่ ยังไงก็ตาม เราก็ต้องหาทางกลับไปที่โลกเดิมให้เร็วที่สุด”

“โชคชะตาปล่อยเรามาที่นี่ ยังไงซะก็ต้องปล่อยเรากลับไปนั่นแหล่ะ อยู่ที่ว่าจะกลับไปยังไง”

มัตสึพูดก่อนจะบ่นงึมงำว่า

“ข้าคิดว่าเราคงไม่ได้กลับไปในเร็วๆนี้แน่ อย่างน้อยๆก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นล่ะ”

“ข้าเห็นด้วยกับมัตสึนะ มาที่นี่ได้ ก็ต้องกลับไปได้ ถึงมันจะยากเท่าไหร่ก็ตาม..”

โซเฟียพูดพร้อมถอนหายใจ

“การที่เรามาโผล่ที่นี่ โชคชะตาอาจจะส่งเรามาให้ทำอะไรบางอย่างก็ได้นะคะ” ลูมิเน่ออกความเห็น

ซึ่งความเห็นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงจนคนอื่นๆต้องพยักหน้าไปตามๆกัน

“เอเนะว่าโชคชะตาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก !” เสียงใสของเด็กสาวทำให้หลายคนปล่อยยิ้มบาง

ออกมา อืม ถ้าไม่นับหนุ่มผมยาวหน้าน้ำแข็งกับหนุ่มที่ปิดใบหน้าส่วนล่างไว้ล่ะนะ

“...?” (แล้วเราจะทำอะไรต่อไปล่ะ?)

ฟีอาโร่ใช้ภาษาใบ้ของตนสื่อออกมา (ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนในทีมเข้าใจกันได้ยังไง ช่างเถอะ !)

ทุกคนนิ่งงันรอคอยคำตอบจากหัวหน้า นัยน์ตาสีแดงเพลิงของชายหนุ่มประกายวูบหนึ่ง

“สิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือ ...”

เบรเซียสกล่าวขึ้นเบาๆพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้น สายตาของเขาจับจองไปยังท้องฟ้าสีครามอย่างเลื่อนลอย

“เชื่อมั่นในโชคชะตา”

End Chapter 1 : To Be Continue…

 

Edited by + Pangtor Girl +
  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

ว้าวๆ รีเมค :pika01: อ่านแล้วนะคะ ชอบค่ะ ที่ชอบสุดคงไม่พ้นฉากฟีอาโร่ล้มทับลูมิเน่ :psyduck02: รอติดตามต่ออยู่นะคะ~~~

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

เท่าที่อ่านดูแล้วฝีมือพัฒนาขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะจนผมเองยังรู้สึกอิจฉาเลย:pika12: ที่ชอบที่สุดก็เป็นอารมณ์การเขียนที่เปลี่ยนไปตามแต่ละคนนี่แหละ ช่วงของเบรเซียสเขียนได้อารมณ์แบบดุดันเข้มข้น ส่วนของป้า เอเนะ มัตสึ ก็ดูมีความเฮฮาวุ่นวายดี 

เบรเซียสเปิดตัวได้เท่สมกับเป็นพระเอกมาก ทุกๆคนเองก็ดูมีฉากเปิดตัวที่มีเอกลักษณ์เด่นชัดมากขึ้น(รวมทั้งฟีอาโร่ล้มขั้นเทพด้วย:bidoof09: ) อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังดู OP อนิเมเท่ๆซักเรื่องเลย

 

รอติดตามอยู่นะ~

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

§ Chapter 2 §

Beginning

จุดเริ่มต้น

 

“จะเอายังไงต่อล่ะ?” โซเฟียโน้มตัวลงถามเบรเซียสที่นั่งใช้ความคิดอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งเขาก็นิ่งไม่ยอม

ตอบ หญิงสาวยืดตัวขึ้นและถอนหายใจอีกรอบ เธอรู้อยู่แล้วว่าเบรเซียสต้องไม่ตอบ เพราะเวลาเขาใช้

ความคิดทีไร เขาจะเป็นอย่างนี้ทุกที แถมยังปลุกเขาออกจากภวังค์ไม่ได้ง่ายๆด้วยสิ

“หิวจังเลยยย !” เอเนะบ่นพร้อมกับทิ้งตัวกลิ้งบนพื้นหญ้า

“ข้าก็หิววว !  มัตสึพูดเสริมต่อและทิ้งตัวลงกลิ้งตามเอเนะ

พวกเจ้าจะกลิ้งกันทำไม ...

 

แน่นอนว่าฟีอาโร่ที่นั่งอยู่แถวนั้นไม่ได้พูดออกมา แค่แสดงความเห็นในใจเฉยๆ ...

เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกับกุมท้องตัวเองไปด้วย ลูมิเน่ที่นั่งอยู่ข้างๆจึงถามขึ้นว่า

“หิวหรือคะ?”

ฟีอาโร่พยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย ทำให้หญิงสาวยิ้มบางๆ

“ข้าก็หิวเช่นกันค่ะ เริ่มหมดแรงแล้วด้วย”

ฟีอาโร่เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเอามือลูบหัวของเธอเบาๆพร้อมกับยิ้ม เพียงแต่ไม่เห็นรอยยิ้มเท่านั้น

เขาส่งท่าทางที่ไม่อาจตีเป็นเป็นคำพูดได้

“ทะ ... ท่านฟีอาโร่ล่ะก็ ...” ลูมิเน่ก้มหน้างุด เอานิ้วจิ้มกันแล้วพูดเบาๆ “... อย่าแซวฉันสิคะ”

            สักพัก เบรเซียสก็ลุกขึ้นและเดินตรงมายังพวกพ้องที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาค่อยๆนั่งลงร่วมวงด้วย

“คิดอะไรออกแล้วหรือ?” โซเฟียหันหน้ามาถาม เบรเซียสก็ตอบสั้นๆว่า อืมและพูดต่อ

“ข่าวร้ายคือ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าแค่เรารึเปล่าที่ร่างเป็นมนุษย์

 หรือทุกคนในโลกนี้ต่างเป็นร่างมนุษย์กันหมด” หัวหน้ากล่าวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“แต่ดูจากสภาพแวดล้อมรอบๆแล้ว ข้าคิดว่าเรายังคงอยู่ในทวีปโฮเอ็น เพราะงั้นเราอาจะรู้เส้นทาง

ได้บ้าง”

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะคะ?” ลูมิเน่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าคิดว่าตอนนี้เราควรจะหาเมืองซักเมืองเพื่อให้ฟีอาโร่รักษาตัวก่อน จากนั้นค่อยไปหาอะไรกิน”

“แล้วเราจะรู้วิธีเข้าเมืองยังไงล่ะบอส?” มัตสึที่นอนหงายกับพื้นหญ้าถาม

“ข้าไม่แน่ใจ” เบรเซียสตอบตามตรง “ข้าไม่รู้ว่าควรจะเสี่ยงเดินตัดผ่านป่าไป หรือจะเดินตามทาง

ของแม่น้ำดี”

ทุกคนนิ่งเงียบ ในเมื่อหัวหน้าทีมยังไม่แน่ใจ สมาชิกคนอื่นๆก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกัน

ท่ามกลางความเงียบนั้นเบรเซียสก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า

“ฟีอาโร่ เจ้าบินได้ไหม?”

คำถามสั้นๆที่เหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายถูกพูดออกมาจากปากชายหนุ่มผมยาว ฟีอาโร่อึ้ง ก่อนจะส่ง

สายตาบอกว่าไม่รู้สิ ไม่มีปีกแล้วจะบินได้ยังไง? คราวนี้เป็นเบรเซียสที่เป็นฝ่ายนิ่งไป เขาพยักหน้าเบาๆ

เป็นเชิงรับรู้ แต่ก็ยังพูดออกมาว่า “ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้”

เมื่อฟีอาโร่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ เขาค่อยๆลุกขึ้นจากความช่วยเหลือของลูมิเน่ จากนั้นก็

หลับตาลงและยืนนิ่ง สักพัก แสงสีขาวเล็กๆก็ปรากฏขึ้นและรวมตัวจับกันเป็นรูปร่างที่แผ่นหลังของฟีอาโร่

ก่อนจะกระจายตัวออกมาเผยให้เห็นปีกสีเขียวขอบแดงที่แสนคุ้นตา !

ทุกคนนิ่งอึ้งไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัว ฟีอาโร่สูดหายใจเข้าก่อนจะกระพือปีกขึ้นฟ้า แรงโฉบนั้นทำให้พื้น

หญ้าปลิวไสว เขาบินทะยานไปรอบๆด้วยความคล่องแคล่ว

“ลองดูว่ามีเมืองอยู่ไหม!” เบรเซียสตะโกนขึ้นไป

ฟีอาโร่โผบินขึ้นไปให้สูงกว่าเดิมและวนไปวนมาสักพัก เขาก็บินกลับลงมา

“...” (มีเมืองเล็กๆอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ต้องเดินตัดผ่านป่าไป)

“อืม ขอบใจมาก นำทางไปเลย” เบรเซียสกล่าวพร้อมเข้าไปพยุงฟีอาโร่

...

         โครกกก ...

 

เสียงท้องร้องของใครบางคนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันขณะเดินทาง ไม่ใช่ใครที่ไหน สองคนที่

บ่นหิวเมื่อก่อนหน้านี้นี่เอง

“หิวข้าว เมื่อไหร่จะถึงเมือง...” มัตสึบ่นอุบ พร้อมกับเสียงท้องร้องเป็นเอฟเฟคประกอบ

“ข้าก็หิวเหมือนกัน หิวมากกก” เอเนะก็พูดต่อ หูแมวสีม่วงของเธอลู่ลงดูน่าสงสาร

เข้าขากันได้ดีจริงๆ ... จู่ๆความคิดนี้ก็โผล่ขึ้นในหัวของทุกคนโดนไม่ได้ตั้งใจ

“อดทนกันหน่อยนะคะทั้งสองคน คงใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ”  ลูมิเน่พูดอย่างสุภาพแต่ก็อ่อนแรง

“ลันจังเก่งจัง ไม่หิวบ้างเลยหรอ ...” เอเนะถามแกมโอดครวญเล็กน้อย

“ก็หิวนะคะ ...” ลูมิเน่ยิ้มแหยๆ

“หิว ! หิว ! หิววว !” มัตสึยังคงบ่นไม่หยุดปาก เขาลูบท้องตัวเองเหมือนกับว่าไม่ได้กินอะไรมา

หลายวัน เบรเซียสที่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปเอ็ดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เลิกบ่นสักที บ่นไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก”

“แต่ว่า...” มัตสึที่กำลงจะเถียงกลับตามสัญชาตญาณกลืนคำพูดลงไปทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตา

เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งของหัวหน้า เขากลืนน้ำลายเอื๊อก

“ไม่มีแต่คร้าบบบ !

เบรเซียสได้ยินดังนั้นจึงหันหน้ากลับไป โดยหารู้ไม่ว่าสายตาน้ำแข็งของเบรเซียสก็เกือบทำให้

สมาชิกคนอื่นแข็งไปทั้งตัวได้เช่นกัน (?)

สมาชิกทั้ง 6 คนเดินลัดเลาะตามป่าทึบไปเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดพักอยู่ที่ลานกว้างเล็กๆแห่งหนึ่ง

เบรเซียสนั่งบนก้อนหินพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างทั้งที่สีหน้าเรียบนิ่ง ส่วนคนอื่นๆก็นั่งพักกันอย่าง

เงียบๆ ทว่าจู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ดึงความสนใจของทุกคนทันที

เบรเซียสเป็นคนที่ตั้งสติได้ก่อน “เอเนะ !

เด็กสาวหูแมวที่ถูกเรียกจึงได้สติ เธอเงี่ยหูฟังและตะโกนว่า “ทางนี้ !

เอเนะวิ่งนำไปด้านหน้าตามด้วยเบรเซียส มัตสึ ลูมิเน่และโซเฟีย ส่วนฟีอาโร่ก็ทะยานขึ้นฟ้าตามไปด้วย

           เอเนะหยุดที่ด้านหน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ถ้ามองผ่านไปด้านหน้าจะพบกับฝูงเด็กหนุ่มมนุษย์หมาป่า

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โพชิเอน่า’ [Poochyena] ซึ่งตอนนี้อยู่ในร่างคน พวกเขากำลังห้อมล้อมเด็กสาว

ตัวเล็กที่ไว้ผมหน้าม้าสีเขียวยาวแทบปิดตาอยู่คนหนึ่ง อายุน่าจะไม่เกิน 10 ปี ชุดเดรสสีขาวสะอาดของเธอ

เปื้อนไปด้วยเศษดิน ดูแล้วน่าจะเปรียบได้กับโปเกม่อนตนหนึ่งที่ชื่อว่า รัลโทส’ [Raltus]

ได้ข้อสรุปแล้วสิ ว่าไม่ใช่แค่เราที่อยู่ในร่างมนุษย์ เบรเซียสคิดในใจ มันคือสิ่งปกติใน โลกนี้สินะ

ร่างบอบบางกำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัว เด็กหนุ่มหมาป่าผมสีดำขลับคนหนึ่งเหยียดยิ้มก่อนจะพูดว่า

“ลืมเรื่องที่เราสัญญาไว้แล้วหรือ? หือ?”

“เปล่านะ.. แต่ว่า ...” เด็กสาวตอบเสียงสั่น ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เธอก็ปลิวตามแรงเตะไป

กระแทกกับต้นไม้แล้ว เธอเอามือเล็กๆกุมท้องและไอค่อกแค่กออกมาด้วยความเจ็บปวด

เด็กหนุ่มหมาป่าคนนั้นยังไม่หยุด ท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮาของเพื่อนพ้องของเขาทำให้เด็กหนุ่ม

ยิ่งสะใจ เขาปรี่เข้าไปหาร่างเล็กก่อนจะจิกผมสีเขียวของเธอขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีทับทิมที่เจ็บปวดที่

เปื้อนน้ำตา

“อย่างงี้มันต้องชดใช้ซะแล้วโว้ย ! ฮ่าๆๆ” หนุ่มหมาป่าหัวเราะร่า

สมาชิกทั้งหกที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่แสดงความโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโซเฟียที่กำมือ

แน่นจนเห็นเส้นเลือด ดวงตาสีมรกตเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เบรเซียสเห็นดังนั้นจึงจับแขนของเธอเบาๆ

“เบรเซียส?” โซเฟียกำลังจะหันหน้ามาถามด้วยความสงสัย แต่เธอเห็นเพียงแค่ดวงตาสีแดงเพลิงที่

ลุกโชนเคลื่อนไหวอย่างเร็วไปวูบหนึ่ง รู้สึกตัวอีกที เบรเซียสก็เข้าไปอยู่กลางวงมนุษย์หมาป่าซะแล้ว

“เฮ้ย... อั่ก !!!” ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งจะพูดจบ เขาก็ปลิวไปอยู่อีกทางด้วยแรงเตะเปลวไฟ

ของเบรเซียส

“นั่นมันลูกเตะอัคคีนี่หว่า !” เด็กชายหัวโจกที่จิกหัวเด็กสาวผมเขียวหวาดผวาก่อนจะปล่อยมือแต่

โดยดีพร้อมกับตั้งท่าหนี ทว่า

       

         พลั่ก !!!

 

เขาก็หนีไม่พ้นขายาวๆทรงพลังของชายผมยาวอยู่ดี ฝ่าเท้าเรืองแสงสีขาวตวัดฟาดเด็กหนุ่มอย่าง

ไม่ปรานี แต่เบรเซียสไม่หยุดแค่นั้น เขาหมุนตัวยกเท้าอีกข้างฟาดซ้ำจนเด็กหนุ่มกระเด็นไปชนต้นไม้ดัง

โครมก่อนจะกระอักเลือดออกมา

            เปลวเพลิงลุกโชติช่วงออกมารอบข้อมือของเบรเซียส ดวงตาสีแดงเพลิงขัดกับสายตาเย็นยะเยือก

ที่ไล่มองมนุษย์หมาป่าที่หวาดกลัวทีละคน หมาป่าต่างรู้สึกได้ถึงไอเย็นดุจน้ำแข็งที่ออกมาจากสายตาของ

เขา

ขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่ง เสียงทุ้มเยือกแข็งก็กังวานขึ้นอย่างน่าเกรงขาม

“ใครสั่งสอนให้พวกเจ้า ... รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ...” เปลวไฟลุกโชนที่กำปั้นใหญ่ของ

ชายหนุ่ม ตอนนี้หมาป่าแต่ละคนแทบจะวิ่งหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอด

พวกเจ้าต่างหาก ... ที่ต้องโดนสั่งสอน!

หมัดเพลิงทุบลงไปที่พื้นดินอย่างแรงจนร้าวออกพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกพริบขึ้นมา ฝูงมนุษย์หมาป่า

วิ่งกันจ้าละหวั่น ไม่เว้นแม้แต่เด็กหนุ่มหัวโจกตอนแรกด้วย เพียงพริบตาเดียวก็ไม่มีใครหลงเหลือ

อยู่นอกจากฝุ่นตลบที่คละคลุ้งไปทั่ว

เด็กสาวตัวเล็กนั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“จัดการเร็วกว่าที่คิดแฮะ” โซเฟียพูดขึ้นพร้อมเอามือจับคางพิเคราะห์

“บอสโหดสุดๆ ... สงสัยต้องระวังตัวให้มากขึ้นซะแล้ว” มัตสึเอ่ยพร้อมกลืนน้ำลายดังเอื๊อกและ

ลูบหน้าตัวเองเบาๆ เนื่องจากรู้สึกชาแทนคนที่โดนเตะไป

“บอสเท่จัง !” เอเนะกล่าวชมด้วยความปลาบปลื้มสุดๆ

เบรเซียสหันหลังกลับมามองร่างบางข้างหลังช้าๆ แววตาแข็งกร้าวในตอนแรกอ่อนโยนลง

จนเด็กสาวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาในตอนแรกเหือดหายไปสิ้น

“เจ้า ... ไม่เป็นอะไรนะ?” เขาถามก่อนจะย่อตัวลงยื่นมือมาหา

“ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ !” เด็กสาวคลี่ยิ้มบางพร้อมยื่นมือเล็กๆไปจับมือตอบก่อนจะลุกขึ้น

หลังจากนั้น เบรเซียสและสมาชิกคนอื่นๆก็ได้ยินคำขอบคุณจากเด็กสาวนับสิบรอบ ...

...

“อร่อยสุดๆไปเลย !!!” มัตสึตะโกนขึ้นขณะที่ข้าวเต็มปาก เด็กหนุ่มทำการยัดขนมปังเข้าปากไปอีก

ทั้งๆที่ข้าวในปากยังไม่หมด นั่นทำให้เด็กสาวหูแมวที่นั่งข้างๆเริ่มมีน้ำโห

“นี่มัสคุง ! เจ้ากินขนมปังไปสามชิ้นแล้วนะ เหลือไว้ให้คนอื่นบ้างสิ !

มัตสึเลิกคิ้วแล้วตอบกลับอย่างยียวน “ข้าว่าเจ้ากลัวที่จะอดกินมากกว่านะเอเนะ”

“อะไรน้า !!!

“อะ ... เอิ่ม...ท่านมัตสึ ท่านเอเนะ ...” ลูมิเน่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามเรียกความสนใจจาก

สงครามขนาดย่อมระหว่างมัตสึกับเอเนะ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่

“ทั้งสองคน เงียบหน่อย” โซเฟียที่นั่งข้างเอเนะเริ่มเอ็ดบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถระงับสงครามแย่ง

ขนมปังได้

         

         ปึง !

 

เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นเหมือนระเบิดลง ทุกอย่างเงียบกริบแทบทันที

“ขอโทษที ข้าอยากเติมน้ำหน่อย” เบรเซียสผู้ใช้แก้วน้ำพลาสติกทุบโต๊ะกล่าวเปรยขึ้นอย่างไม่ยี่หระ

มัตสึลุกพรวดขึ้นพร้อมกับหยิบเหยือกมาเติมน้ำให้หัวหน้าเหมือนกับว่าถ้าไม่ทำแล้วตนเองจะโดนตัดหัว

ยังไงอย่างงั้น เมื่อเติมน้ำเสร็จเจ้าตัวก็เดินกลับที่นั่งทานข้าวต่ออย่างสงบเสงี่ยม พร้อมกับยื่นขนมปังให้

เอเนะอีกด้วย

เบรเซียสยกน้ำขึ้นจิบก่อนจะหันหน้าไปหาเด็กสาวผมแกละหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ขอโทษด้วยที่เกิดเรื่องวุ่นวาย แล้วก็ ... ขอบคุณสำหรับอาหาร”

เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหวาน

“ด้วยความยินดีค่ะท่าน ข้าก็ต้องขอบคุณพวกท่านด้วยที่ช่วยน้องสาวข้าไว้”

“ไม่เป็นไร” เบรเซียสยกน้ำขึ้นจิบอีกรอบ

ขณะนี้สมาชิกทั้งหกได้มาพักทานอาหารอยู่ที่กระท่อมไม้เล็กๆกลางป่าของเด็กสาวรัลโทสที่พวก

เขาได้ช่วยเอาไว้ พี่สาวคิลเรียจึงทำอาหารกลางวันเลี้ยงเพื่อเป็นการตอบแทน ในตอนแรกเบรเซียสคิดจะ

ปฏิเสธการตอบแทนครั้งนี้ ทว่าดูจากเสียงเรียกร้องจากท้องของสมาชิกในทีมแล้วเขาก็ยอมตอบตกลงแต่

โดยดี

เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเบรเซียสและพวกพ้องตัดสินใจเดินทางต่อ โดยชายหนุ่มผมยาวได้

สอบถามข้อมูลจากเด็กสาวผมแกละเล็กน้อย และก็ได้ทราบมาว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในป่าของถนน 101

ถ้าเดินขึ้นไปทางเหนือจะสามารถไปที่โอเดล ทาวน์ได้ แต่ทางนั้นจะไกลกว่า ดูจากอาการของฟีอาโร่แล้ว

เบรเซียสตัดสินใจว่าพวกควรลงไปทางใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของลิตเติ้ลรูท ทาวน์ที่ใกล้กว่านั่นเอง

“ลาก่อนค่ะ โชคดีนะคะทุกคน” คิลเรียสาวและเด็กหญิงรัลโทสยิ้มหวานโบกมือให้

เมื่อสมาชิกทั้งหกลับตาไปแล้ว จู่ๆเด็กหญิงรัลโทสก็สะกิดแขนเสื้อพี่สาวตนเองพร้อมถามอย่างซื่อๆว่า

“พี่คะ พวกพี่ๆพวกนั้นมาทำอะไรในป่าเล็กๆนี่ล่ะ พวกเขาควรไปเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน

โปเกม่อน ลีคกันไม่ใช่หรอคะ?”

คิลเรียสาวเห็นน้องสาวตนถามอย่างใสซื่อก็ยิ้มฝืด เอาเข้าจริงๆเธอก็สงสัยเหมือนกัน

“นั่นสินะ พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน ...” เธอเว้นช่วงไว้นิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ

“คงมีบางอย่างที่ทำให้พวกเขามาอยู่ที่นี่แหล่ะนะ”

End Chapter 2 : To Be Continue…

 

Spoiler

 

ตอนที่สองมาแล้วค่ะ ... ขออภัยที่สั้น แต่งเสร็จไว้นานแล้ว ปิดเทอมก็เอาลงทีเดียวเลยแล้วกัน

ถ้าเปิดเทอมก็คงไม่ว่างแต่งต่อ แต่ก็ขอลงไว้ก่อนอะนะ ติชมได้นะคะ

 

 

Edited by + Pangtor Girl +
Link to comment
Share on other sites

ว้าว *o* อยากรู้จังเลยค่ะว่าฟีอาโร่พูด(?)อะไรกับลูมิเน่ :psyduck02: //เอาอีโมออกปายยย แล้วก็ดูเหมือนว่ารัลโทสกับคิลเลียจะรู้เรื่องของทีม wait me นะ เกิดอะไรขึ้นกันนะ :pika04: รอติดตามต่อค่ะ~ :pika01:

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

อ้าวเฮ้ย หรือว่านี่จะเป็นเหตุการณ์ก่อนแข่งโปเกมอนลีกแปปเดียว พอพวกเบรเซียสตื่นขึ้นมาไม่รู้เรื่องก็ไปทำอย่างอื่นเลย...

มีฉากต่อสู้นิดนึงด้วย แต่ก็แสดงความเก่งของเบรเซียสได้เป็นอย่างดี //ฮา รอติดตามเช่นเคยครับผม:pika01:

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

เบรเซียสสมกับเป็นหัวหน้าจริง ๆ ทั้งเก่งแล้วก็คุมลูกทีมได้อยู่หมัดเลย
รอตามตอนต่อไปเน่อ 'w'b

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

§ Chapter 3 §

Wait Me

รอคอยตัวตนของเรา

 

ลิตเติ้ลรูท ทาวน์ เวลา 15.45 น.

 

สายลมพัดโบกมาเบาๆลูบไล้ใบหน้าของสมาชิกทั้งหกราวกับเป็นการกล่าวต้อนรับ

เมืองเล็กๆที่ไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่กลับมีความรู้สึกที่น่าอยู่อย่างประหลาด บ้านไม้เล็กๆปลูกไม่ติดกัน

มากนักต่างก็มีสวนสวยๆประดับหน้าบ้าน กลิ่นหอมของดอกไม้โชยพัดมาในอากาศพร้อมกับเสียงหัวเราะ

กังวานใสของเหล่าเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน รอบตัวเมืองเป็นป่าดูสงบเงียบและเป็นธรรมชาติ

กลิ่นอายแห่งความอบอุ่นตลบไปทั่วจนหลายคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆออกมา ... เบรเซียสก็เช่นกัน

เขาก้าวเดินเข้าเมืองแล้วกวาดตาไปทั่วพลางนึกคิดความหลัง

 

ที่นี่ .. เป็นครั้งแรกที่เราเจอเธอสินะ ... ยังอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย ...

 

พลั่ก !

 

“อุก... / โอ๊ย”

เด็กหนุ่มตัวน้อยคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่ไม่ทันระวังทำให้หน้าผากชนเข้าที่ท้องของเบรเซียสอย่างจัง

จนล้มลงไป น่าแปลกที่ชายหนุ่มผมยาวไม่เป็นไร กลับกลายเป็นเด็กน้อยที่เจ็บแทน เขาล้มลงก้นจ้ำเบ้าจาก

แรงกระแทกแล้วลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

“บอสทำอะไรลงไปเนี่ย จิคูสะคูมะน้อยจะร้องไห้แล้ว !” มัตสึพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดแบบ

โอเวอร์พร้อมก้มตัวมองเด็กหนุ่มราวกับน้องชายแท้ๆเพราะเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับตัวเอง

เบรเซียสเอียงคอทบทวนสิ่งที่ตัวเองได้ทำไป รู้สึกว่าเขาจะไม่ผิดแฮะ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเบะปาก

ของหนุ่มน้อยตรงหน้าแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เบรเซียสจึงก้มตัวนั่งยองๆที่ด้านหน้าของเด็กชาย

เมื่อเห็นดังนั้นจิคูสะคูมะน้อยก็หลับตาปี๋เพราะกลัวว่าจะถูกตีหรือถูกต่อว่า แต่สิ่งที่ชายหนุ่มผมยาว

ทำนั้นไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่เป็นการลูบหัวเขาอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

 

เด็กน้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้กำลังยิ้มให้เขา

รอยยิ้มนั้นทำให้เด็กชายรู้สึกอบอุ่นจนหายเจ็บ ไม่เหลือน้ำตาในดวงตากลมโตนั้นอีก

“เป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นนะ” เบรเซียสกล่าวอย่างอ่อนโยน

“ครับ !” จิคูสะคูมะน้อยยิ้มยิงฟันขาวน่ารัก ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นกล่าวขอโทษหลายครั้งและโบกมือ

วิ่งจากไป เมื่อเด็กหนุ่มวิ่งลับตาไปแล้ว เบรเซียสก็หมุนตัวกลับมาหาลูกน้องทั้งห้าของเขาด้วยใบหน้าเรียบ

นิ่งตามเคยและเมื่อชายหนุ่มผมยาวเห็นสีหน้าอมยิ้มของเหล่าสมาชิกที่เหลือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า

“ยิ้มอะไรกัน?”

“ไม่มีอะไรหรอกคร้าบ เดินต่อเถอะบอส” มัตสึพูดพร้อมยิ้มยิงฟัน

เบรเซียสไม่ได้ติดสงสัยอะไรอีก เขาพยักหน้าแล้วก้าวเดินเข้าเมืองต่อไป

“บอสยิ้มแล้วดูดีจัง ทำไมถึงไม่ยิ้มบ่อยๆนะ” เอเนะกล่าวอย่างเคลิบเคลิ้ม

“ถึงบอสไม่ยิ้มก็ดูดีจะตายอยู่แล้วน่า !  มัตสึขัดขึ้นด้วยท่าทีเอกเขนกแล้วเอ่ยต่อ

“ก็รู้อยู่ว่าบอสเป็นพวกยิ้มยาก แล้วเจ้าจะไปหวังอะไรมากกันล่ะฮะ”

“นั่นสินะ” เอเนะขมวดคิ้วพร้อมบุ้ยปาก แต่ก็ยอมรับความจริงแต่โดยดี

ก็นะ รอยยิ้มของเบรเซียสเป็นอะไรที่คาดเดายากจริงๆนั่นแหล่ะ โซเฟียคิดแล้วระบายยิ้ม ก่อนจะเดินตาม

ไป

 

...

 

“วิธีการรักษาของโลกนี้ดูสะดวกดีนะคะ” ลูมิเน่กล่าวพร้อมทอดสายตามองฟีอาโร่ที่กำลังเดินอย่าง

คล่องแคล่วหลังจากที่ได้รับการรักษาจากโปเกม่อนเซ็นเตอร์

“ข้าว่าก็คล้ายกับโลกเดิมนะ” โซเฟียออกความเห็น “ทั้งแมชชีนแล้วก็ตัวยา แต่เหมือนว่าโลกนี้

จะไม่มีเครื่องรักษาสำเร็จรูปแบบโลกเดิม มีแค่แมชชีนรักษาตามส่วนต่างๆของร่างกายเท่านั้น”

“มันออกจะยุ่งยากไปหน่อยแฮะ ที่โลกเดิมเราก็แค่นอนในโปเกบอลเฉยๆแล้วปล่อยให้คุณจอย

สุดสวยเอาพวกเราใส่เครื่องรักษาสำเร็จรูปก็จบ” มัตสึผู้รักความสบายเป็นนิสัยอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

พร้อมเอามือทั้งสองจับท้ายทอยเป็นท่าประจำ “เอาเถอะ ว่าแต่พวกเราจะไปไหนต่อ”

“นั่นสินะ จะไปไหนต่อ ...” เบรเซียสพึมพำ ก่อนจะโดนดึงความสนใจจากเสียงโหวกเหวกที่อยู่ไม่

ไกลมาก มัตสึพุ่งเข้าไปมุงดูเป็นคนแรก ตามด้วยเอเนะที่ทำท่าอยากรู้อยากเห็นวิ่งตามไป ทำให้สมาชิกคน

อื่นๆอดไม่ได้ที่จะเดินตามไปดูด้วย

“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ” มัตสึยื่นหน้าเข้าไปในกลุ่มฝูงชน ถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกพ่อหนุ่ม แค่ป้ายมันหลุดลงมา สงสัยมันเก่ามากแล้ว” โอสึบาเมะเฒ่าที่มุงดูอยู่หัน

มาตอบ “โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่ว่าใครจะซ่อมมันนี่น่ะสิ ...”

 

มัตสึแทรกตัวเข้าไปในที่เกิดเหตุ ตามมาด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ภาพตรงหน้าคือร้านขายของเล็กๆที่

สร้างด้วยไม้เคลือบ ประตูเป็นกระจกให้ผลักเข้า-ออกได้ เหนือขึ้นไปเป็นพื้นที่โล่งๆ คาดว่าเป็นส่วนของป้าย

ที่หลุดลงมา ส่วนตัวป้ายตอนนี้ลงไปนอนนิ่งกับพื้น เป็นป้ายไม้เก่าๆ เขียนว่า ‘Shop‘

ไม่ถึงนาทีก็มีอาเงฮั้นท์ [Beuatifly] สาวเดินออกมา หน้าตาดูตื่นๆ เมื่อหันมาเจอผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่ก็ยิ้มแหย

“ข้าว่าแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง ...” เธอพูดติดตลก

“เฮ้อ นี่ข้าต้องไปเรียกคนในเมืองมาช่วยซ่อมอีกแล้วสินะ !

“อะแฮ่มมม” มัตสึกระแอม ขยับตัวเข้าไปใกล้อาเงฮั้นท์พร้อมเก๊กหน้าหล่อที่สมาชิกคนอื่นเห็นว่า

มันเป็นหน้า ยียวนชวนตบกะโหลกมากกว่า

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับพี่สาว”

อาเงฮั้นท์สาวเห็นความกะล่อนของมัตสึก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่เธอก็ตอบกลับอย่าง

เป็นมิตร “ถ้าเจ้าช่วยข้าได้ ก็จะขอบคุณมากๆเลยล่ะจ้ะ”

“แล้วจะให้ผมทำอะไรหรือคร้าบบบ” มัตสึยิ้มหวานเยิ้ม พลางถือโอกาสจับมืออาเงฮั้นท์ขึ้น

สงสัยจะหลงกับรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าเข้าซะแล้ว เอเนะเห็นดังนั้นจึงทำปากบู่ เข้าไปถีบมัตสึ

กระเด็น ไม่รู้ด้วยเพราะแรงหมั่นไส้หรืออะไรกันแน่

 

“เจ้าหมากะล่อน ! แอบจับมือพี่สาวได้ยังไง !” เอเนะพูดเสียงสูง ก่อนจะหันมาจับมืออาเมโมสแทน

“แล้วเอเนะจะช่วยอะไรท่านได้บ้างล่ะคะ !” เธอพูด ดวงตาเป็นประกาย

“เจ้าช่วยซ่อมป้ายหน้าร้านให้ข้าหน่อยได้ไหม อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก แค่เอาป้ายขึ้นไป

ติดที่เดิมเฉยๆน่ะจ้ะ แต่ป้ายมันหนัก ที่นี่ก็มีแต่คนแก่กับเด็ก ถ้าทำได้ก็จะช่วยได้มากเลยล่ะ”

“ได้แน่นอนค่ะ !” เอเนะยิ้มหวาน “เอเนะมีบอสที่แข็งแรงมากๆ ! ต้องช่วยท่านได้แน่ อีกอย่าง

ไม่ต้องสนใจมัตสึหรอกนะคะ หมอนั่นมันชอบแต๊ะอั๋งพี่สาว !” เธอพูดต่อ และเบาเสียงลงในประโยคสุดท้าย

“ยัยแมวบ๊อง ! ได้ยินนะเฟ้ยยย !!” มัตสึตะโกนกลับมา พร้อมลูบหลังป้อยๆเพราะแรงถีบ

เอเนะทำหูทวนลมแล้วหันไปคุยกับเบรเซียสแทน

“พวกเราช่วยท่านอาเงฮั้นท์ได้ใช่ไหมคะบอส ใช่ไหมๆ”

เบรเซียสหยักหน้านิ่งๆเป็นคำตอบ

“อุปกรณ์การซ่อมอยู่ที่โปเกม่อนกิลด์นะจ้ะ ไปยืมได้เลย ขออภัยที่ข้าไปด้วยไม่ได้ พอดีว่าต้องอยู่

จัดการของในร้านก่อนน่ะจ้ะ แล้วก็ขอบคุณมากจริงๆที่ช่วย”

“ไม่เป็นไร” เบรเซียสตอบ ก่อนจะนึกคิดทบทวนกับคำว่า โปเกม่อน กิลด์

 

โปเกม่อนกิลด์ ? ที่โลกเดิมไม่เห็นมี ...

 

“ข้าจะไปหยิบอุปกรณ์ มัตสึ ตามข้ามา” หัวหน้าเอ่ยปากเรียก

“ฮะ ทำไมต้องเป็นข้าล่ะเนี่ย ทั้งๆที่ก็รู้ว่าป้าแรงเยอะกว่าข้าแท้ๆ ทำไมไม่ใช้ป้ากัน ...”

มัตสึบ่นอุบอิบเบาๆ

แต่น่าเสียดายที่เบาไม่พอ โซเฟียที่ยืนอยู่ตรงนั้นจึงยกมือขึ้นตั้งท่า มัตสึถึงได้วิ่งหน้าตั้งยอมไปแต่โดยดี

 

...

 

สองหนุ่มเดินออกมาห่างจากร้านค้าเล็กน้อยก็เห็นบ้านไม้หลังไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านไม้เรียบๆแต่

ดูหรู ไม่มีบานประตู ทางเข้าออกจึงเป็นช่องโล่งๆ เปิดให้เห็นด้านในที่โปร่งสบาย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์

ง่ายๆ มีเคาน์เตอร์ตั้งโดดเด่นอยู่เท่านั้น  ป้ายขนาดใหญ่สลักตัวอักษรประณีตสีทองว่า

‘POKEMON GUILD’

เบรเซียสกับมัตสึเดินเข้าไป มองโดยรอบแล้วไม่มีวี่แววของผู้คน จึงตัดสินใจหยิบของออกมาเอง

มัตสึหยิบกล่องอุปกรณ์เดินออกมาก่อน ส่วนเบรเซียสยังคงหาของอยู่ ทว่าก่อนจะเดินออกจากร้านนั้น

จู่ๆก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมายืนขวางไว้ เป็นอาเมทามะ [Surskit] ท่าทางจะเด็กกว่ามัตสึสักปีสองปี

“พวกท่านกำลังจะทำอะไรกันมิทราบ?” เธอกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับแฝงด้วยความ

กดดันชอบกล

ชิบ ---- มัตสึเผลอสบถในใจ

มัตสึยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบกลับอย่างสุภาพแต่เหงื่อตก

“คือว่า พวกข้ามาหยิบของไปช่วยท่านอาเงฮั้นท์ซ่อมป้ายหน้าร้านน่ะ”

เด็กสาวหรี่ตาลงอย่างจับผิด “แล้วทำไมเจ้าต้องทำอะไรลับๆล่อๆแบบนี้ด้วยล่ะ กริ่งกดเรียกก็มีไม่ใช่รึไง”

กริ่งกด ... ไม่รู้โว้ย ข้าไม่เคยมา !!!  มัตสึตะโกนอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่อย่างนั้น

“เหอๆ ข้ามองไม่เห็นน่ะ ...” เด็กหนุ่มแก้ตัวเก้อ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นแต่อย่างใด

ก่อนที่เด็กสาวจะตอบกลับ เบรเซียสที่แบกบันไดเหล็กก็เดินออกมาพอดี ท่าทางแปลกใจ

            “มัตสึ มีอะไร ...” เขาเดินเข้าไปใกล้ จึงพบว่ามีเด็กสาวตัวเล็กยืนขวางอยู่นั่นเอง

เบรเซียสเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง มองเด็กสาว ก่อนจะทำความเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ

            “พวกข้าไม่มีเจตนาหยิบของโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่ไม่เห็นมีคนอยู่ ก็เลยถือวิสาสะหยิบ

ออกมาเอง” เขาพูด พยายามใช้น้ำเสียงที่จริงใจที่สุด แม้ว่าการพูดคือสิ่งที่เขาไม่ถนัดก็ตาม

“หากทำให้เจ้าต้องเข้าใจผิด ก็ขออภัยด้วย”

อาเมทามะได้ยินดังนั้นก็เลิกกอดอก ใช้ดวงตากลมโตมองเบรเซียสหัวจรดเท้า ก่อนจะพยักหน้าออกมา

            “อืมมม อย่างนี้ค่อยเชื่อถือได้หน่อย”

 

...หมายความว่าไง...  มัตสึคิด รู้สึกตะหงิดๆ

 

            เด็กสาวเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะจัดแจงเอกสารบนโต๊ะ และพูดขึ้นโดยไม่หันหน้ามามอง

            “ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็นำไอดีการ์ดของพวกท่านมาสิ ข้าจะทำเรื่องยืมของให้”

ไอดีการ์ด ... ? เบรเซียสและมัตสึคิดพร้อมกับเหลือบตามองกันโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อทั้งสองเงียบไป เด็กสาวก็ละสายตาจากเอกสารมามองด้วยสายตางงปนสงสัยนิดๆ “รออะไรกันเล่า?”

            “เอ่อ ไอดีอะไรนะ ... ?” มัตสึทำใจกล้าถามไปแบบเซ่อๆ

            “... พวกท่านล้อเล่นกันหรือ ไอดีการ์ดไง อย่าบอกนะว่าพวกท่านยังไม่ได้ทำ” อาเมทามะตอบ

ด้วยน้ำเสียงประหลาดใจมาก “ไอดีการ์ดคือหลักประกันเป็นทีม พวกท่านพัฒนาร่างถึงเพียงนี้แล้ว

ยังไม่มีสังกัดทีมอยู่อีกงั้นรึ?”

            “เอ้อ งั้นหรอกหรอ” มัตสึเออออไปตามน้ำ “พวกข้ามีทีมแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำไอดีการ์ดเลย ใช่ไหมบอส”

            “อืม” เบรเซียสพยักหน้ารับนิ่งๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเด็กสาว “ขออภัยหากรบกวน แต่เจ้าสามารถ

ทำไอดีการ์ดให้เราได้ไหม?”

            “ได้สิ นี่เป็นหน้าที่ของโปเกม่อนกิลด์อยู่แล้ว” เธอรับ แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ถาม

อะไรให้มากความ เพียงแค่ยื่นแบบฟอร์มใบหนึ่งให้ เบรเซียสเห็นดังนั้นก็ยกอุปกรณ์ทั้งหมดเดินออกไปเอง

ทิ้งท้ายไว้ว่าจะไปเรียกโซเฟียมาช่วยดูเรื่องเอกสารให้ และปล่อยมัตสึอยู่ที่โปเกม่อนกิลด์ผู้เดียว

มัตสึรู้สึกชาๆที่ใบหน้าเมื่อได้รับสายตาที่จ้องเขม็งจากอาเมทามะ แต่ด้วยนิสัย จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

            “เจ้ามีอะไรอยากพูดหรือเปล่า?”

            “ข้าก็แค่สงสัยว่าทำไมร่างพัฒนาแล้วอย่างพวกเจ้ามาที่นี่” เด็กสาวตอบนิ่งๆ ทำทีไม่ใส่ใจ

            “... อืม ... อันที่จริง ข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ...” มัตสึตอบ เหม่อลอย

 

 

            เบรเซียสเดินกลับไปยังร้านค้าของอาเงฮั้นท์สาว กล่าวอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่โปเกม่อนกิลด์

ให้โซเฟียฟัง หญิงสาวจึงพยักหน้ารับรู้และเดินจากไป สมาชิกคนอื่นๆก็อยู่ซ่อมป้ายหน้าร้านให้อย่างดี

เพียงชั่วครู่ ป้ายไม้ก็กลับไปอยู่ด้านบนดังเดิม ด้วยความซาบซึ้ง หญิงสาวเจ้าของร้านจึงได้ให้เงินตอบแทน

มาถุงหนึ่ง ครั้นเบรเซียสปฏิเสธไม่รับ เธอก็ยังยืนยันที่จะให้ให้จงได้ เขาจึงหาทางออกโดยการอุดหนุนสิ้นค้า

ในร้านแทน ของที่ซื้อมาก็ไม่มีอะไรมากนัก มีเพียงกระเป๋าหนังกับไอเท็มที่ถูกบรรจุเป็นแคปซูลอีกไม่กี่ชนิด

จากการซื้อของครั้งนี้ทำให้พวกเขาพอจะทราบมาบ้าง ว่าไอเท็มต่างๆที่ใช้นั้นไม่ได้ต่างจากโลกเดิมเลย

 

            เมื่อเสร็จเรื่องจากทางร้านแล้ว เบรเซียสพร้อมกับพวกพ้องก็ขอตัวออกมา เดินไปหาโซเฟียกับมัตสึ

ที่อยู่ในโปเกม่อน กิลด์ทันที จากการพูดคุยและสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่มัตสึได้(แอบลอบ)ถามอาเมทามะมา

ก็ทราบอีกว่า โปเกม่อน กิลด์คือสถานที่อำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง เป็นศูนย์กลางข่าวสารและ

ยังเป็นที่จัดการข้อมูลเกี่ยวกับพวก สังกัดทีมทั้งหลายด้วย เช่น การลงทะเบียนสังกัดทีมเพื่อรับไอดีการ์ด

หรือการหาภารกิจต่างๆที่อยู่ตามกระดาน เป็นต้น

            “ไอดีการ์ดน่ะสำคัญมากๆ เพราะเป็นตัวเก็บข้อมูลทีม และก็ต้องใช้ยืนยันอะไรอีกหลายอย่าง

นี่แหล่ะ ข้าจำไม่ได้ แต่ที่จำได้แม่นเลยคือ ถ้าไม่มีไอดีการ์ด เราจะสู้ยิม กับเข้าการแข่งขันลีคไม่ได้น่ะ”

มัตสึพูดจบ โซเฟียก็อธิบายต่อ “ข้าว่าที่นี่มันเหมือนกับโลกคู่ขนาน ทุกๆอย่างเหมือนกับโลกเดิมปกติ

มีทั้งยิม ทั้งการแข่งขันลีคด้วย แต่เหมือนว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ”

            ซึ่งคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของโซเฟีย

            หลังจากนั้นสักพัก ทุกคนก็ช่วยกันทำแบบฟอร์มหลักประกันสังกัดทีม กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี จนกระทั่งมาติดปัญหาเรื่องสุดท้าย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ ... น่าจะใหญ่พอสมควร

            “ชื่อทีม ... ?” ลูมิเน่อ่านหัวข้อที่ไร้คำตอบอยู่เพียงอันเดียว

            “เอ่อ จะเอาชื่ออะไรดีล่ะเนี่ย...” เอเนะพูดพร้อมเอียงคอ

ทุกคนเงียบ ต่างทำท่าครุ่นคิดอย่างหนักจนใบหน้าแทบจะมีคำว่า คิดไม่ออกผุดขึ้นมาอยู่แล้ว ...

เบรเซียสเหม่อลอยไปพักหนึ่ง ก่อนที่นัยน์ตาสีแดงเพลิงจะประกายวาบขึ้น

Wait … Me …” เขาพึมพำเสียงเบา

“หืม อะไรนะบอส?” มัตสึถามย้ำเพราะเสียงที่หัวหน้าพูดเบาเกินไป

Wait Me” เบรเซียสพูดอีกครั้ง “Wait แปลว่ารอ Me ก็มาจากชื่อของท่านมีนาระ ...”

เขาเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง

“ ... หรือว่า Me ที่แปลว่า ตัวตนของเรา”

ทุกคนนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมกัน

            “นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา” เบรเซียสพูดอีก “ข้าจะรอ ... วันที่ตัวตนของพวกเรากลับมา”

            “และข้าก็เชื่อ ว่าท่านมีนาระก็รอเช่นกัน”

 เบรเซียสพูดอย่างหนักแน่น พร้อมกับนัยน์ตาสีแดงเพลิงที่เข้มขึ้นราวกับยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูด

ว่าเป็นความจริง...

End Chapter 3 : To Be Continue...

 

 

Spoiler

 

หลังจากจบตอนนี้ก็คงหายไปยาวๆแล้วล่ะค่ะ เปิดเทอม เหอๆๆ

ตอนนี้เป็นตอนรีเมคซึ่งใหม่มาก แทบไม่มีเค้าโครงของตอนเก่าอยู่เลย

ยังไงก็ตาม ก็ขอฝากตอนนี้ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ !

 

 

Edited by + Pangtor Girl +
  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

เบรเซียส...ใจดีจุง :pika14: มัตสึนี่ก็ช่างม่อจริง โลกนี้มีกิลด์แต่โลกเดิมไม่มีสินะ คล้ายๆดันเจี้ยนเหมือนกันนะนี่ wait me...ความหมายล้ำลึกดีค่ะ ชอบๆ >~<

ป.ล.

Spoiler

ตัวที่ออกมาหน้าร้านคืออาเงฮั้นท์หรืออาเมมอสกันแน่คะ อ่านแล้วรู้สึกงงๆ :pika04:

 

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

Wait me ก่อตั้งอย่างเป็นทางการแล้วสินะ เนื่อเรื่องหลังจากนี้น่าจะเข้มข้นขึ้นพอสมควร น่าติดตาม

ปล. อยากเห็นหน้าเบรเซียสตอนยิ้มง่ะ *-*
ปล.2 ตรงที่บอกว่าเอเนะจับมืออาเมโมสนั่นพิมพ์ผิดรึเปล่าอะ เพราะที่ออกมาเป็นอาเงฮันท์นี่

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

และแล้วทีม wait me ก็กำเนิดขึ้นด้วยประการฉะนี้~

เบรเซียสตอนยิ้มจะเป็นยังไงนะ คงเป็นรอยยิ้มของชายหนุ่มที่ทำให้สาวๆทุกคนสลบกันเป็นแถวแน่ๆ :pika14: น่าเสียดายจังที่ดูเหมือนแก้มจะไม่ได้มาแต่งต่อยาวๆแล้ว

ว่าแต่ที่พิมพ์ว่าอาเมมอสนี่คงพิมพ์ผิดสินะ น

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

  • 2 months later...

§ Chapter 4 §

Prove Yourself

จงพิสูจน์ตนเอง

**************************************************************

Spoiler

แต่งบทนี้จบก็หมดสต็อกแล้ว น เป็นตอนที่รีไรท์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วดองมานาน

หยิบมาแต่งให้เสร็จซะเลย จากนี้ไปก็แว้บยาวๆล่ะ ... //กลับลงหลุม (?)

ปล. บทนี้ก็เป็นอีกบทที่รีไรท์ใหม่ จนต่างจากแบบเก่าโดยสิ้นเชิง ปรับให้ดู

สมเหตุสมผลมากขึ้น ตอนเก่ามันดูกลวงๆไปหน่อย แต่งใหม่แล้วก็คิดว่า

น่าจะดูมีน้ำหนักมากขึ้นนะ ...

ปล. 2 ระบบบอร์ดชักจะแก้ยากขึ้นทุกทีล่ะ เลยเปลี่ยนเป็นลงแบบ

google doc ดูมั่งดีกว่า ...

 

Edited by + Pangtor Girl +
  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

โอ้ แตกต่างจริงๆ ด้วยแฮะ แต่ที่เหมือนเดิมคือความเสียสละของเบรเซียส :pika15:

ฟีอาโร่ด้วย เป็นคนที่ดีจังเลยนะทั้งสองคน 'w'b สู้ๆ นะ Wait me ฉันคอยเชียร์พวกนายอยู่!! :pika10:

ยังคงรอติดตามอยู่เรื่อยๆ นะคะ~~~ :pika01:

Spoiler

มัตสึไม่ได้พูดอะไรเลยอ่ะ...!! //ผิดประเด็น รู้สึกว่าอันเก่ามันเป็นจิราชิใช่มั้ยนะ :pika04:

 

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

พอเอามาลงในดอคแล้วสีสว่างตาดีแฮะ อ่านง่ายดี แต่จำของเก่าไม่ได้แล้วอ่าาาา ขอโทษนะ :pika12:

ช่วงของตอนนี้เน้นรำลึกความหลังกับปริศนาแฮะ เบรเซียสดูเป็นคนเสียสละ ใจกว้างจัง...ถึงจะดูแข็งกระด้างไปหน่อยก็เถอะ lol ส่วนมีนาระนี่คงเป็นเทรนเนอร์ของทีม wait me สินะเนี่ย...

สำนวนการแต่งเยี่ยมเหมือนเคยเลย มีเลือกจังหวะบรรยายแบบละเอียดๆด้วย น่าเสียดายนะที่แว้บยาวเสียแล้ว ; - ;

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

[ประกาศ]

เนื่องจากระบบบอร์ดที่ค่อนข้างจะปรับเปลี่ยนยากในการลงฟิค

หนูก็เลยคิดว่าจะอัพผ่านทาง google doc แทนค่ะ และนับจากนี้ต่อไป

ก็จะลงทางgoogle doc เพียงอย่างเดียวแล้วล่ะ

ส่วนอันเก่าขออนุญาติค้างไว้อย่างนั้นละกัน ไม่อยากแก้ล่ะ เหอๆ

ในตอนเก่าๆ หนูได้ทำการลงใน google doc ไว้แล้ว พร้อมปรับเปลี่ยนบรรทัด

ให้อ่านง่ายขึ้น ใครอยากนำไปอ่าน ก็เชิญได้เลยค่ะ =w=

 


 

§ Prologue §

 

 


§ Chapter 1 §

 

Edited by + Pangtor Girl +
  • Like 2
Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.