Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[Fiction] X.O.M. (Xerosere of Myth)


-L-atioz

Recommended Posts

X.O.M

(Xerosere  of  Myth)

ตำนานแห่งความสูญเสีย

Introduction

เกริ่นนำ

              คริสต์ศักราช 27XX หลังจากโลกได้สงบมาเป็นเวลานาน แต่เหตุการณ์กลับเข้าสู่ยุคสงครามอีกครั้ง หลังจาก การจู่โจมของตัวประหลาด ลักษณะคล้ายแมลง พวกมันเรียกตัวเองว่า Xinocixsm (ไซโนซิกซึม) กลุ่มไซโนซิกซึมมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและพลังที่ประหลาด ทำให้โลกได้รับความเสียหายย่อยยับจากสงครามครั้งนี้ และมนุษย์ได้ถูกจับมาเพื่อเป็นทาสรับใช้ในการก่อตั้งดินแดนใหม่ ของกลุ่ม Xinocixsm

             

              3เดือนผ่านไป!

             

              โลกได้รับความเสียหายจากผู้มาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันได้เข้าจู่โจมและยึดประเทศสหรัฐได้สำเร็จ จึงมีผลทำให้ประเทศต่างๆในโลกยอมสวามิภัก ต่อกลุ่ม Xinocixsm โดยเพียงเพราะต้องการความสันติสุขและไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้น

              แต่มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ และ ผู้เหลือรอด ได้รวมตัวกันก่อตั้ง กลุ่มที่มีชื่อว่า Upretier (อูเปอเทีย) เพื่อหวัง ทวงประเทศกลับคืนมา พวกเขาได้ติดต่อกับประเทศในองค์กร NASA (The National Aeronautics and Space Administration) โดยส่งสัญญาณผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยระบบ Licen (ไรเซน) หรือ ระบบเทคโนโลยี ที่ใช้เพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ที่สหรัฐอเมริกาคิดค้นขึ้น ประเทศที่ได้รับสัญญาณได้ประชุมกันผ่านระบบ P.I. (หรือระบบ internet ที่ส่งภาพเข้าสู่คอมพิวเตอร์)  

              สหรัฐอเมริกา : พวกเราควรเรียนรู้เทคโนโลยีของพวกมันโดยการส่งคนที่เหลือรอดไปเป็นแรงงานพวกมันและหาวิธีกำจัดมันที่หลัง

              รัสเซีย : เราได้ข่าวมาว่าพวกมันสามารถใช้ภาษาเราได้ เราควรเจรจามันด้วยวิธี สันติสุข

              จีน : เรารู้มาว่าพวกมันใช้พลังที่เรียกว่า ไซโคนิก (Sicronix) หรือพลังจิตระดับสูงเราควรหาผู้ที่มีพลังนั้นส่งเข้าไปร่วมกำลังกับพวกมัน  

              สหรัฐอเมริกา : แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกมันจะไม่นำคนที่ส่งไปเป็นทาสรับใช้ วิธีสันติงั้นหรือ? เราพยายามเจรจากับมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ต้องทำสงครามกับมันทุกครั้งจะให้เราเชื่อใจมันได้อย่างไร?  

              รัสเซีย จีน : แต่... ไม่ทันจบเสียงพูดสหรัฐก็ตัดสัญญาณทิ้ง

               1 ปีผ่านไป

              สหรัฐได้ส่งคนไปคนแล้วคนเล่า และไม่ประสบผลอย่างที่เขาต้องการ แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกส่งไปเมื่อเดือนก่อน นามว่า Luxios (ลูซอส) เขากลับมาพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่งและบาดแผลจำนวนมาก แต่ไม่ทันพูดอะไรเขาก็เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว  เหลือเพียงสมุดที่เขาถือมา

              ณ ประเทศอื่นๆทั้ง 191 ประเทศ ได้ถูกบังคับให้เรียนภาษา Xinocixsm และพวก Xinocixsm ได้ทำการเข้ายึด ประเทศ จีน รัสเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆทั่วโลกที่ยอมสวามิภัก และแต่ตั้งผู้นำคนใหม่ ทั้งสิ้น 191 องค์ พวก xinocixsm ได้เปลี่ยนแปลงมนุษย์ด้วยสารเคมีที่พวกมันเรียกว่า Insektov (อินซึกโทวึ) และสอน spretnosti sicronix (ทักษะ ไซโคนิก) พร้อมทั้งสอนวิถีชีวิตของกลุ่ม xinocixsm  มนุษย์ที่ถูกสารนี้จะมีลักษณะคล้ายแมลง แต่ก็ไม่ได้ลืมความทรงจำเก่าตอนเป็นมนุษย์แต่อย่างใด

              สหรัฐจะต่อกรกับกลุ่ม Xinocixsm อย่างไร?

              สมุดที่ Luxios ถือมาจะเขียนว่าอะไร?

              และจุดประสงค์ที่พวก Xinocixsm เข้ายึดโลกคือ?

              โปรดติดตามตอนต่อไป...

Link to comment
Share on other sites

:masterball: :masterball:ก่อนอื่นต้องขออภัยกับการลงโพสผิดในช่วงแรก(ที่เอาพลอตมาลง)

(ส่วน ที่ 2 หากมีข้อผิดพลาดต้องแก้ใขส่วนใดบอกได้เลยคับ) :masterball: :masterball:

Misije I Treason

ภารกิจที่ 1 การก่อกบฏ

           

            เช้าวันที่ 7 คริสตศักราช 27xx  แสงบางอย่างส่องลงมาบนใบหน้าข้าทำให้ข้าลุกขึ้นและบิดร่างกายเพื่อให้รู้สึกตัว เหมือนเช่นทุกวัน

            ตื่นแล้วหรือไอ้หนู เสียงหนึ่งพูดขึ้น  ข้าจึงพยายามหันมองตามเสียงนั้นไปสิ่งที่พบกับไม่ใช่มนุษย์มันคือแมลงที่มีลักษณะเหมือนกับตั๊กแตนตำข้าวนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ

            ลุงเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหนมันเกิดอะไรขึ้น ข้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก

            อันดับแรกเจ้าลองมองตัวเองก่อนว่าตัวเจ้าในตอนนี้เป็นอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นลุงว่าอีกสักครู่ก็คงจะได้รู้เอง แมลงตัวนั้นมองพร้อมกับเอามือที่มีลักษณะเหมือนใบมีดชี้มาที่ตัวข้า

            ซาซ่าพยายามก้มลงสำรวจร่างกายตัวเองร่างกายเขาทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นแมลงไม่ต่างอะไรกับลุงที่เขาคุยด้วยเลย เฮ้ย!!! ซาซ่าตะโกนขึ้น ทำเอาพวกที่นอนอยู่รอบๆสะดุ้งตื่นกันหมด

            บัดนี้เสียงการพูดคุยและทะเลาะกันดังขึ้นต่างคนต่างแปลกใจในที่สิ่งที่เกิดขึ้น บางคนถึงขั้นรับไม่ได้เอามือปาดคอตัวเองตาย บ้างก็เอามือจี้ไปที่คอคนข้างๆเพื่อหาเรื่อง

            ทุกคนเงียบ!! เสียงหนึ่งที่น่าเกรงขามดังขึ้น มันมาจากสุดกำแพงฝั่งซ้าย

            ก่อนอื่นเราขอโทษพวกท่านที่ใช้วิธีที่รุนแรง  และเปลี่ยนพวกท่านให้มีลักษณะแบบกลุ่มเรา ตั๊กแตนตัวสีน้ำตาลที่มีหนวดยาวชี้ฟ้าพูดขึ้น  เสียงของมันทำให้ทุกคนเงียบกริบราวกับมีอะไรมาขวางคอให้ไม่สามารถพูดออกมาได้

            หากใครผู้ใดอยากกลับไปเป็นมนุษย์เหมือนเดิมจงตามเรามาแต่มีข้อแม้ คือไปพร้อมเรากลุ่มล่ะ 10 คนเท่านั้น หลังจากมันพูดจบ ช่องว่างที่มีลักษณะวงกลมก็ปรากฏออกมาข้างหลังมัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประตู

            พวกที่รออยู่ที่นี่โปรดอยู่ในความสงบ หากยังอยากมีชีวิตรอด มันตะโกนพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ พร้อมเสียงขู่ ฟ่อ เหมือนเสียงงูตามมา

            ena dva drevo štiri pet šest sedem osem devet deset. นี่คือการนับเลข1-10ของพวกเราหากใครฟังทันก็จงจำไว้อนาคตพวกแกจะได้ใช้  พวกแก10คนตรงนั้นน่ะตามข้ามา

            เวลาผ่านไป30-35นาทีผู้คนถูกพาออกไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ข้าอยากรู้จริงๆว่าพวกมันจะพาไปที่ไหนซาซ่าพูดขึ้นและหันไปมองชายที่อยู่เตียงข้างขวาของเขาซึ่งติดกำแพง

            . ไม่มีเสียงตอบจากผู้นั้น

            นี่ข้าพูดกับเจ้านะ เจ้าอยากตายหรือไง!! ซาซ่าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือจี้ที่คอของชายผู้นั้น

            คนที่ตายน่ะมันควรจะเป็นเจ้านะ เจ้าไม่ได้ยินที่ผู้คุมพูดหรือไง? ชายนั้นพูดกลับด้วยน้ำเสียงสุขุมและเย็นชา

            ซาซ่าเอามือออกจากคอผู้นั้นและจึงกลับมานั่งที่เตียงพร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่

            เอาล่ะ กลุ่มสุดท้าย มาพร้อมกัน 27คนเลย ข้าว่ามันเสียเวลามากแล้วล่ะ มันเดินนำพร้อมทั้งหันมามองอยู่ตลอดเวลา

            ข้าก้าวผ่านวงกลมที่ดูเหมือนจะเป็นประตู ใช่มันเป็นประตูจริงด้วยๆ ทุกคนสามารถเดินผ่านได้ มันพาเลี้ยวซ้าย เลี้ยว ขวา อย่างชำนาญ ทั้งๆที่พวกเราแทบจะมองไม่เห็นทางเพราะตลอดทางเดินที่เดินที่ผ่านมา

              เอาล่ะพวกแกทั้งหมด เข้าไปข้างใน มันพูดพร้อมกับชี้มือเข้าไปในประตูวงกลมบางอย่าง

            เมื่อทุกคนผ่านเข้ามาในที่นี้ สิ่งที่เห็นคือห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง ว่างเปล่า ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยสีดำ  ขนาดห้องมันกว้างมากจนดูเหมือนว่าสามารถบรรจุคนได้ถึง  3000-4000  คน ผู้คนในที่นี้ต่างยืนกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด ไม่มีใครคุยกันเลยคงเป็นเพราะหน้าตามันเหมือนๆกันหมด  เลยไม่มีใครจำใครได้ แต่ที่น่าสงสัยคือ พวกมันจำกันได้ยังไง

            @#@!$!@$! เสียงคุยกันดังมาจากมุมกำแพงมุมไหนไหนซักมุมที่เบามาก แต่ฟังดูแล้วคงไม่ใช่เสียงมนุษย์คุยกันแน่นอน

            ทันใดนั้น!! หลังจากเสียงพูดคุยเงียบไปเพียงไม่กี่วินาทีไฟดวงใหญ่กลางห้องก็ดับลง ทุกอย่างมืดสนิทแม้กระทั่งตัวเองยังมองไม่เห็น และ  ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างพุ่งมาจากทางซ้าย ข้าจึงตัดสินใจกระโดดหลบ! ครั้งที่สอง ทางขวา ฟวับ! เสียงอะไรบางอย่างถูกตัด คราวนี้เป็นข้างบน ข้าจึงตัดสินใจ ก้มลงแล้วหมุนตัวไปข้างๆ เพื่อหลบการโจมตีนั้น เวลาผ่านไปราว 10นาทีดูเหมือนว่าการโจมตีจะสงบลง กลิ่นเลือดสดลอย ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง แค่หายใจเข้าก็น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

            Sveti!!  เสียงหนึ่งดังขึ้น แสงสีขาวสว่างทั่วห้องทำให้ต้องเอามือมาบังหน้าไว้เพราะมันแสบตามากอาจทำให้ตาบอดได้ถ้าไม่ทำเช่นนั้น

            ภาพที่ปรากฏตอนนี้มันแตกต่างจากครั้งแรกเป็นอย่างมาก ภาพตั๊กแตนยืนอยู่มุมนั้น ภาพตั๊กแตนยืนอยู่มุมนี้ มันกลับไม่มีอีกแล้วเหลือเพียงซากศพที่ไร้วิญญาณเกือบทั่วทุกสารทิศ! แต่นั่นทำไมมีมนุษย์ยืนอยู่ตรงนั้น ตรงนั้นก็มีด้วย หรือว่า!  ซาซ่าพูดขึ้นพร้อมทั้งก้มลงมองตัวเอง

            ร่างกายซาซ่าและผู้คนในที่นี้ถูกเปลี่ยนกลับให้กลายเป็นมนุษย์เช่นเดิมทุกประการ แต่ผู้เหลือรอดมีเพียงแค่ 12 คนเท่านั้น! โครม!! เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ไหนซักแห่ง!

            ข้ามาปรากฏที่ห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง แต่ห้องนี้มีขนาดแคบมาก หากเปรียบเทียบกับห้องเมื่อสักครู่แล้วมันแคบกว่าหลายเท่า รอบๆข้ามีมนุษย์หลายวัยด้วยกัน ทั้ง ชรา วัยกลางคน ร่วมทั้งอายุเท่าข้าเช่นเดียวกัน

            วิ้ง! ติ๊ดๆๆๆๆๆ! เสียงอะไรมางอย่างดังขึ้น

            ทันใดนั้นภาพผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแต่ดูเหมือนจะเป็นภาพฉายที่เรียกว่า P.I. เท่านั้น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีลักษณะ ผมสีขาวยาว ผิวสีทองใบหน้าสละสลวย แววตาสีแดง ทั่วทุกเรือนร่างดูแล้วเหมือนเทพธิดาในนิยายก็ไม่ผิด

            สวัสดี! ผู้รอดชีวิตทั้ง 12คน เราคือตัวแทนของกลุ่ม ไซโนซิกซึม ที่มาพูดในครั้งนี้ เสียงหญิงสาวในภาพ P.I พูดขึ้น

            เอาล่ะ หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้วิธีรุนแรงนี้เพื่อหาผู้รอดชีวิต เธอพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง

            ข้าไม่ชอบวิธีต้อนรับ แบบนี้เท่าไหร่เลย เสียงชายฉกรรจ์ ในชุดสีดำยืนพิงกำแพงอยู่หลังห้องพูดขึ้น

            เราต้องขอโทษจริงๆนะค่ะ ที่เราทำแบบนี้ก็เพื่อหาคน ที่สามารถจะทนการฝึกที่  และจะเริ่มฝึกในอีกไม่นานนี้ค่ะ

            การฝึก? แล้วทำไมข้าต้องฝึกตามพวกแมลงอย่างเจ้าด้วยล่ะ! ชายหนุ่มในชุดคลุมนินจาสีน้ำเงิน ที่ยืนห้อยหัวอยู่หลังห้องพูดขึ้น พร้อมทั้งมองด้วยแววตาที่ไม่พอใจ

            เหตุผลที่เราบุกยึดโลกในครั้งนี้ เพราะดาวโลกมีทรัพยากรที่คล้ายคลึงกับดาวของพวกเราอยู่มาก และกำลังจะทลายลงด้วยน้ำมือของมนุษย์ในอีกไม่ช้า เราจึงทำการบุกเข้ายึดโลกเพื่อเป็นแหล่งทรัพยากร ที่อยู่อาศัย และฟื้นฟูให้โลกคงอยู่ได้อีกหลายล้านปี

            เหตุผลฟังดูมีหลักการดีนิ แต่พวกเจ้าเอาเกณฑ์อะไรมาวัดความเป็นอยู่ของโลก? เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารรัสเซียระดับนายพลพูดขึ้น

            ดาวของเรามีเทคโนโลยีมีที่ทันสมัยและพวกเราได้พยายามติดต่อกับโลกมนุษย์หลายครั้ง โดยระบบ Psycho หรือ พลังจิต  มนุษย์หลายคนสามารถติดต่อกับพวกเราได้ แต่พวกนั้นก็ไม่สมารถจะเข้าใจเรื่องที่พวกเราขอร้องได้ เธออธิบาย

            พวกเราได้พยายามเตือน  มนุษย์หลายครั้งแล้ว  แต่ไม่มีใครฟังเราเลย  จนกระทั่งดาวของพวกเราได้เกิดสงครามกับดาวอีกเผ่า  ดาวของพวกเราถูกทำลาย พวกเราได้อพยพมาที่โลกหวังเพียงที่อยู่อาศัย พวกเราบางตัวพูดภาษามนุษย์ได้  ก็ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด บางคนไม่สมารถคุยกับมนุษย์ได้ก็ถูกรังแกและทำร้าย พวกเราจึงต้องบุกเข้ายึดโลกมนุษย์เพื่อที่จะเป็นฐาน บรรณชาการ  ของพวกเรา เธออธิบายอย่างมีเหตุผล และดูเหมือนจะได้ผลคนพวกนั้นเงียบไปเลย

            ฮะแฮ่ม เสียงเธอไออย่างเบาๆเพื่อเรียกสติ

            ต่อจากนี้เราจะมีเวลาให้พวกท่าน พักผ่อน 72HR. หรือ 3วัน ภายในเวลานี้พวกท่านสามารถเดินสำรวจในที่ต่างๆได้ตามสะดวก แต่ใครในที่นี้หากคิดหนี พวกเราจะเป็นคนดับสิ้นรมหายใจมันผู้นั้น และสุดท้าย ห้องพักของพวกท่านจะอยู่ท้ายสุดของทางเดิน โปรดจำให้ดี สิ้นสุดเสียงเธอก็โยนแผนผังเมืองและ แผนผังห้องต่างๆ ให้คนล่ะอัน

             

              ณ ศูนย์บรรณชาการอเมริกา

              นายท่านครับ เราควรจะทำยังไงกับไอ้พวกแมลงพวกนั้นดีนายทหารคนหนึ่งถามขึ้นในที่ประชุม

              ตอนนี้ หนังสือที่นายพล ลูซอสได้นำมา ก็มีเพียงการร่างแผนผังอะไรซักอย่างของพวกมันอย่างคร่าวๆ ข้าว่าเราควรที่จะรอดูความคืบหน้าไปก่อนซักพัก ประธานาธิบดี พูดขึ้น

            นายท่านครับ ผมขอเสนอว่า เราควรให้นักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ และเทคโนโลยีลับที่เราเก็บซ่อนไว้ มาใช้นะครับ เพื่อที่จะประเมินการเคลื่อนไหวของแต่ล่ะฝ่าย นายพล X พูดขึ้น

            แต่ล่ะฝ่าย? ท่านหมายความว่ายังไงท่านนายพล X นายพล  เมอร์แลนด์ถาม

            หน่วยของท่านคงไม่ได้ข่าวการฉีดพ่นสาร cytoskeletonantiz  (ไซโทสเกลเลตันนาทีส) สินะ สารนี้หากใครถูกแล้วมันจะทำให้ระบบประสาททำงานผิดปรกติ หรือ การทำลายความทรงจำทั้งหมดยังไงล่ะ มันทำให้ กลุ่มต่างๆในแต่ล่ะประเทศเกิดการก่อกบฏ พยายามตั้งองค์กรลับต่างๆ เพื่อที่จะต่อกร กับเหล่าแมลงพวกนี้ ผู้นำครั้งนี้คาดว่าจะเป็น ประเทศรัสเซีย นายพล X พูดขึ้น

            ข่าวโคมลอย? มันเป็นข่าวโคมลอยรึเปล่า? นายพลเบอร์แลนด์ พูดยั่วโมโห

            ตอนนี้ทางหน่วยเราไม่ทราบแน่ชัดว่า องค์กรต่างๆ ที่เข้าร่วมประกอบด้วยประเทศอะไรบ้าง แต่หน่วยเราไม่มีทางทำงานผิดพลาด ไม่เหมือนหน่วยของท่านหรอก นายพล X พูดขึ้นและยิ้มให้นายพลเบอร์แลนด์

            หยุด!! ทั้งคู่เลิกเถียงกันได้แล้ว เรื่องการดูแลเทคโนโลยี  และ  วิทยาศาสตร์  เรายกให้เป็นหน้าที่ของหน่วยท่าน นายพล X ส่วนนายพลเบอร์แลนด์ท่านดูแลเรื่องเสบียงได้ใช่ไหม? ประธานาธิบดี พูดขึ้น

            ครับ! นายพล X และนายพลเบอร์แลนด์ ตะโกนพร้อมกัน

ตอนต่อไป

Misije II Escape

ภารกิจที่ 2 การหลบหนี

Link to comment
Share on other sites

จริงๆเนื้อเรื่องนี้น่าติดตามมากนะครับ แต่ที่เอามาลง มันคือพลอตอะครับ ไม่ใช่นิยายเลย (ถ้าแรงไปขออภัยครับ) น่าจะมีส่วนขยายให้มีความเร้าใจ หรือน่าตื่นเต้นกว่านี้หน่อยน่ะครับ ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องจะช้า ถ้าเราคิดมาจนจบแล้ว ไม่มีคำว่าออะทะเลแน่นอนครับ

Link to comment
Share on other sites

ถ้าเราติแรงไปจะว่าอะไรไปไหมเจ้าคะ ขอเริ่มเลยนะเจ้าค่ะ

1. สิ่งที่เราอ่านมา มันเหมือนแค่ประวัติศาสตร์ที่เอามาเล่าให้เป็นไปในรูปแบบของปัจจุบันเท่านั้นเจ้าค่ะ เนื่องจาก ในเรื่องนี้ ขาดตัวละครหลัก และเหตุการณ์ สิ่งที่ เจ้าของฟิคแต่งนั้น เราคิดว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์แต่เป้นเพียง "บันทึกเหตุการณ์" เท่านั้นเจ้าค่ะ ในส่วนของเรื่องพวกนี้ เราว่า บทนำทำได้ดีเจ้าค่ะ เพราะบทนำก็เป้นเพียงบทนำ ไม่ใช่ตัว "เนื้อเรื่อง" ดังนั้น จะมีรูปแบบใดก็ได้ แต่ส่วนของเนื้อเรื่อง อยากจะให้เป้น "เนื้อเรื่อง" จริงๆ ไม่ใช่บันทึกเหตุการณ์เช่นนี้เจ้าค่ะ

2. เนื้อเรื่องค่อนข้างอ่านยาก เพราะมีศัพท์แปลกๆ และสิ่งที่ไม่ค่อยรู้จักได้โดยง่ายอยู่มาก ทำให้การอ่านค่อนข้างสะดุดออกไป เนื่องจาก ไม่ได้มีการกล่าวถึงสิ่งต่างๆ เหล่านั้นในแบบที่ละเอียดนักเจ้าค่ะ เพราะงั้น สิ่งนี้มันจึงทำให้เหมือนเป็นการ "ยัดเยียด" เนื้อหาในส่วนสำคัญเข้าไป โดยละเอียด ไม่มีการปูพื้นความรู้ผู้อ่านมาก่อน ทำให้กลายเป็นผู้อ่านต้องติดขัดในการอ่าน หรือ ไม่สามารถจำรายละเอียดส่วนสำคัญได้เจ้าค่ะ

3. ในเมื่อเป็นการยัดเยียดในเฉพาะส่วนที่สำคัญเช่นนี้ ทำให้ฟิคดูสั้น และกระทัดรัด มีแต่เนื้อหา แต่ไม่เข้าถึงอารมณ์ของผู้อ่านมากมายนัก มุมมองของการเขียนยังเป็นแบบ "คนนอกมอง" นั่นคือ เพียงแค่เห้นว่าใครทำอะไร แต่ไม่รู้ถึงจุดกระสงค์และความคิด รวมถึงเหตุผลของการกระทำด้วยเจ้าค่ะ ถ้ามีการปูพื้นความรู้ผู้อ่านมากกว่านี้ (หมายถึง มีเนื้อเรื่องเพื่อโยงให้ผู้อ่านเข้าใจจุดสำคัญของฟิค) มีการบรรยายที่ไม่ใช่การสรุปความ ฟิคจะดูน่าสนใจค่อนข้างมากเจ้าค่ะ

4. เรื่องการเว้นบรรทัด อยากให้ใช้ Enter 2 ทีเจ้าค่ะ เพื่อความง่ายต่อการกวาดสายตา และแบ่งแยกย่อหน้าเจ้าค่ะ

Link to comment
Share on other sites

การบรรยายเท่าที่เห็นมาจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ

การบรรยายแบบเป็นเนื้อเรื่องกับการบรรยายแบบเล่าคนเดียว

ในการบรรยายทั้งสองอย่างจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.