Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[ฟิก RO ของนายก้อนหินริมทาง]The return of legend edit [18/09/2554] : ความในใจของอีวา


นายก้อนหินริมทาง

Recommended Posts

By BellKunG[นายก้อนหินริมทาง]

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                                        เหล่ามารร้ายคืนอำนาจ

                                                                      เหล่าผู้กล้าเริ่มเคลื่อนไหว

                                                                      เหล่าทวยเทพบรรดาลใจ

                                                                      ตำนานครั้งใหม่จะกลับมา

                                                                              ................

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

    ย้อนไปครั้งอดีตกาลนานนับทศวรรศ Yggdrasil หยั่งรากลงค้ำจุน 3 ภพภูมิอีกครา...

                    ผืนฟ้ากว้างหยั่งกิ่งใบแตกแขนงปกคลุมโลกอันเป็นที่ประทับเหล่าทวยเทพ..

                    ผืนแผ่นพสุธากว้างใหญ่อันจักอาศัยอยู่ของเหล่ามนุษย์..

                    ใต้ผืนพสุธาสุดหยั่งถึงแม้นรากผู้หยั่งโลกก็มิปาน ห้วงแห่งโลกันต์อันเป็นที่สิงสู่ของเหล่าอสรูแห่งนรกภูมิ..

แม้นอภิมหาสงครามใหญ่ RAGNAROK ได้ผ่านพ้น สร้างความสั่นคลอน 3 ภพให้มลายสิ้น แต่กาละเวลาได้กลับหล่อรวมทุกสิ่งให้กลับสู่สมดุลย์คงเดิม กงล้อแห่งโชคชตะเริ่มหมุนเวียนอีกครา ตำนานบทใหม่

ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว

ตอนที่ 1 : มหาวิหาร

      ตึก ๆ ..ตึก.. ตึกๆ "แฮ่ก แฮ่ก " เสียงแหบแห้งของเทวดาหนุ่มผู้หนึ่งกำลังวิ่งไปตามสะพานสีทองอร่าม ปลายสะพานสุดลูกหูลูกตานั้นปรากฏมหาวิหารตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมุ่เมฆขาว ตัววิหารส่องแสงดุจราวอาทิตย์อัสดงก็มิปาน รูปร่างของมหาวิหารนั้นประกอบไปด้วยเสาค้ำจุนทั้งหกต้นเกะสลักวิจิตรศิลป์สวยงาม ตัววิหารครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแมกไม้เลื้อยหากแต่รกตาไม่กลับกลมกลืนกันได้อยากน่าฮัศจรรย์ หลังคาลักษณะทรงกลมเว้าครอบเสาทั้ง6และหมู่แมกไม้ราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน บันไดหินทอดจากวิหารแต่ละขั้นล้วนสร้างจากหินอ่อนปราณีตทอดยาวไปบรรจบกับสะพานสีทอง มหาวิหารอันงดงามหาใดเทียบอันเป็นที่อาศัยของผู้ใดไม่ หากมิใช่ผู้ปกครองเหล่าหมู่มวลทวยเทพยาดาทั้งหลาย "มหาเทพ Odin"

    "ต้องรีบแจ้งข่าวให้ท่านมหาเทพทราบ.. แฮ่กๆ" เทวดาหนุ่มรำพันอย่างร้อนใจพลางวิ่งก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนอย่างไม่รีรอ

    "หยุด !! " เสียงหนึ่งดังขึ้นพลางสะกัดกั้นเทวดาหนุ่ม

ตรงหน้าเทวดาหนุ่มปรากฏเทพพิทักษ์ 2 องค์ ทั้งสองหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันราวกับฝาแฝด นัยตาสีเขียวเข้มดุจมรกตของทั้งคู่จ้องมาที่เขา ผมสีขาวทอดยาาวลงมาประบ่า องรักษ์สวมชุดเกราะเหล็กหนังสีทองอร่ามตา มือขวาและซ้ายของทังสองถือหอกศาตราวุธไขว้กันกักกั้นมิให้ผู้มาเยือนผ่านไป

    "ที่นี่คือที่ประทับของมหาเทพ Odin ผู้ที่ไม้รับอนุญาติห้ามเข้าไปเด็ดขาด" เทพองค์ซ้ายขวากล่าว

    "ตะ...แต่ข้ามีเรื่องต้องเรียนให้ท่านมหาเทพทราบ มิอาจชักช้าได้ โปรดให้ข้าผ่านเข้าไปเถิดท่านทั้งสอง"

    "มิได้ !!! "

    "หากไม่ได้รับอนุญาติ หรือไม่มีตราลักษณ์ของเทพปกครององค์ใด เราก็มิอาจให้เจ้าผ่านไปได้"

    "ตะ..แต่"

    "แคร๊งง!!!!!" เสียงศาตราทั้งสองกระทบกันเป็นสัญญาณให้เทวดาหนุ่มถอยกลับไปแต่โดยดี

    ((เราจะทำยังไงดี..)) เทวดาหนุ่มหน้าไม่สู้ดี พลางมองหาวิธีที่จะผ่านไปให้ได้

      "มีอะไรกันรึ!!.. เสียงเอะอะกันเชียว"

เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังเทพองค์รักษ์ทั้งสอง ปรากฏเทพสาวโฉมงานองค์หนึ่ง ใบหน้าของเธอกลมเกลี้ยงขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อของเธอแย้มบานดั่งดอกซากุระก็มิปาน ดวงตาสีฟ้าครามทอประกายแสงสะท้อนเจิดจรัสราวกับท้องทะเล อีกทั้งผมสลวยยาวสีทองรัดเกล้าด้วยที่คาดผมทองอร่ามประดับอัญมณีแห่งมหาธาตึทั้งมวล เธอสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ตัดกับสร้อยคอที่ส่องแสงสีรุ้งออกมาอยู่ตลอดเวลา

      "ท่าน Freya" เทวดาหนุ่มเอ่ยนานเทพธิดาผู้อยู่เบื้องหน้า

      "เจ้า..?"

      "อ้อ.. เจ้านั้นเอง เทวดาน้อยที่รับใช้ท่าน Thor ที่วิหาร อัสนี นั่นเอง"

      "ใช่ขอรับ"

      "แล้วมีเหตุอันใด เจ้าถึงมานี่นี่ ?"

      "ข้ามีข่าวด่วนที่ต้องแจ้งให้ท่านมหาเทพทราบขอรับ"

      "แล้วทำใมเจ้าไม่รีบไปล่ะ หากเป็นข้ารับใช้ของ Thor ละก็น่าจะได้ตราลักษณ์ส่งสาสน์มานี่"

      "ขออภัยขอรับ ข้ารีบจนลืมหยิบมาขอรับ"

      "เฮ้อ..เอาเถอะๆ งั้นเจ้าเข้าไปได้" เธอส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน และยกมือผายขึ้นให้องค์รักษ์ทั้งสองเปิดทางให้แก่เทวดาหนุ่มเข้าสู่มหาวิหารเทพ เพื่อแจ้งข่าวแก่ Odin

เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ประตูสีทองขนาดใหญ่สูงหลายฟุต ก็เข้าสู่ห้องโถงใหญ่อันประดับไปด้วยลวดลายฝาผนังวิจิตรตระกาลตา เบื้องหน้ามีเหล่าทวยเทพชั้นสูงมากมายรายล้อมทั้งซ้ายขวา ในตรงกลางสุดของห้องโถงปรากฏชายผู้ถูกเอ่ยนาม ว่ามหาเทพ Odin นั่งประทับอยู่ท่ามกลางเหล่ามวลเทพธิดา ชายแก่วัยกลางคนผู้มีรูปกายสูงใหญ่ หนวดเครา คิ้ว และผมสีขาวเงาขลับดูสง่างาม นัยตาสีเทาของเขาเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด ชุดแต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาวคาดด้วยผ้าย่ามประบ่า แม้นการแต่งกายจะดูเรียบๆแต่บรุษเบื้องหน้านั้นเป็นที่น่าเกรงขามยิ่งนัก

    "ท่านมหาเทพข้าพระองค์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบขอรับ!!" ทุกสายตาหันไปทางเสียงของผู้มาเยือน

                                                  .......................................

                                                          .................

ความเงียบเกิดขึ้นภายในท้องพระโรง    มหาเทพ Odin ตรัส

    "ข้า...ทราบแล้วบุตรแห่งเทวาเอ๋ย...." เทวดาหนุ่มผู้แจ้งข่าวทำสีหน้างงงวยกับคำพูดของ Odin เทพ

    "ข้าล่วงรู้มานานแล้ว.....นานแล้วจริงๆ"

    "แต่...ข้า....ก็มิอาจหยุดยั้งโชคชะตาได้ ถึงแม้นจะเป็นมหาเทพเช่นข้าก็ตาม..."

ดวงตาสีเทาอันเวิ้งว้างนั้นจ้องมองไปอย่างไร้จุดหมาย มือที่วางอยู่ที่พนักกุมขึ้นพักตรงปลายคาง คิ้วสีขาวขมวดเข้าหากันจนเห็นรอยย่นชัดเจน

    "เทพผู้ร่วงหล่น  เอ๋ย..เจ้าต้องการสิ่งอันใดกัน.."

Odin นิ่งไปพักหนึ่งทุกสิ่งสงบนิ่งมิไหวติง เขาหลบตาลงครู่หนึ่งและเอื้อนเอ่ย

    "Valkyrie"

ทันที่ Odin เอ่ยนามแสงสีขาววาบปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ปรากฏหญิงสาวในชุดเกราะสักศิษย์สีขาวอมฟ้าบริสุทธิ์ หัตถ์ข้างหนึ่งถือหอกยาวดั่งปีกพิสุทธิ์ หัตถ์ข้างหนึ่งประกบด้วยโล่กระบังสีขาวเว้าเข้ารูปตัวเธอ ที่หัวของเธอคาดด้วยหมวกเหล็กคาดศรีษะรูปตัว วี บริรเวณรอบข้างหมวกเหล็กมีขนนกสีขาวประดับทั้งสองข้าง

    "ข้า Valkyrie เคารพแด่เทพ Odin เพค่ะ"

นางคุกเข่าก้มลงตรงหน้ามหาเทพ

Odin พยักหน้าให้นาง เธอจึงลุกขึ้นนอบโค้งคำนับแต่พอดี

  "ข้าแด่เทพ Odin มีสิ่งอันใดให้ Valkyrie ผู้นี้รับใช้เพค่ะ"

  "เราอยากให้เจ้าลง ไปเฝ้าดูโลกมนุษย์เสียหน่อย"

  "จะมิเป็นการเสียกฏหรือเพค่ะ"

  "ถึงแม้นเราเหล่าเทพจะตัดขาดจาก 3 โลกแล้วก็ตาม"

  "แต่เหตุครั้งนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของเราเหล่าเทพด้วยเช่นกัน... เราถือว่าเป็นอันควรแล้ว"

  "จากสงคราม ครานั้น เขาถูกชักจูงโดยเหล่าปีสาจร้าย เป็นเทพยาดาตกสวรรค์ที่เข้าร่วมกับหมู่มวลแห่งความมืด เข้าเป็นปรปักกับเราเหล่าเทพ"

  "แต่หลังจากสงครามเราได้ไว้ชีวิต และ เปิดโอกาสให้แก้ตัวใหม่อีกครา..."

โอดินพูดพลางหลับตา

  "แต่ เขา ก็ปฏิบัติตัวดีมาโดยตลอดหลังจากนั้นมิใช่หรือเพค่ะ" Valkyrie เอ่ย

  "เพราะสิ่งชั่วร้ายนั้นดำรงอยู่กับความดีงามนะสิ ถึงเป็นเทพอย่างพวกเราก็มีซึ่งกิเลศเช่นกัน"

  " เขา เอง คงรู้ว่า อีกไม่นาน ความมืด จะกลับมาอีกครา จึงอยากสยบสิ่งนั้น สิ่งที่ตัวเองเคยพลาดพลั้งไปในอดีต"

  "ท่านจะให้ข้าไปเฝ้าดูหรือเพค่ะ"

Odin พยักหน้า มือที่เคยกุมอยุ่เริ่มคลายออกวางประทับบนที่พนัก

  "เจ้า...จงไปเฝ้าดูเถิด..หากสิ่งที่ เขาทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องก็จงสนับสนุน แต่หากสิ่งที่เขา ประสงค์คือกลับสู่ความมืด เจ้าก็จงนำเขากลับสู่แสงสว่าง"

  "หาก เขามิอาจต้านทานความมืดในจิตใจได้ ย้อนกลับสู่หุบเหวแห่งความชั่วร้ายแล้วละก็ ข้อคงหมดหนทางเยียวยา"

  "รับคำสั่งเพค่ะ"

สิ้นเสียงของนาง ร่างกายของนางก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า แสงสว่างนั้นรวมตัวกันเป็นบอลแสงทรงกลม ก่อนพุ่งทยานออกจากมหาวิหารและตรงสู่มวลเมฆ เบื้องล่างในพริบตา...

  "ขอให้ เจ้าจงมุ่งสู่หนทางที่ถูกต้องเถิด"

      "Thanatos"

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบบทแรกขอรับ นี่คือ ปฐมบทแรก นะขอรับ มีอะไรก็แนะนำติติงกันได้ อาจยังสื่อถึงผู้อ่านได้ไม่ดีเท่าไร แต่ก็ขอบคุณทุกท่านทีมาช่วยอ่านนะครับผม ^ ^

สารุนุกรม : เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นในเนื้อเรื่อง

Yggdrasil

ตามเทพนิยายกรีกโบราณของ Norse นะครับ เจ้าต้น Yggdrasil เนี่ยเป็นตั้นไม้ที่หยั่งโลกทั้ง 9 นะขอรับ แต่ ฟิกเรื่องนี้อยากให้มีหลักๆ แค่ 3 โลก เอาเป็นว่าหลังสงคราม Rganarok ไปแล้ว จาก 9 เหลือ 3 ก็แล้วกัน ฮาาา

ด้านล่างนี่เป็นข้อมูลจริงๆ ของ Yggdrasil ขอรับ

2010072133935yggdrasil.jpg

กลางแดน สวรรค์ มีไม้อยู่ต้นหนึ่ง เป็นไม้แอช (Ash) ชื่อ อิกดราซิล (Igdrasil หรือ Yggdrasil) โอบรับโลกทั้งเก้า ไม่ว่า สวรรค์ โลกมนุษย์ โลกยักษ์ โลกคนแคระ โลกเอลฟ์ ไว้กับกิ่งก้านสาขา และรากของมัน

โลกมนุษย์อยู่ภายใต้ร่มเงากิ่งก้านสาขา ยอดไม้ระเมฆบนท้องฟ้า ความแข็งแกร่งของไม้ทำให้โลกทั้งหมดตั้งอยู่อย่างมั่นคง

อิก ดราซิล มีรากใหญ่ 3 รากหยั่งลึกลงไป รากหนึ่งไปถึงโจตันเฮล์ม แผ่นดินของยักษ์ รากหนึ่งไปถึงนิล์ฟเฮมแผ่นดินน้ำแข็ง และรากอันหนึ่งไปถึงแอสการ์ดแผ่นดินของชาวสวรรค์ รากทั้งสามทำให้ อิกดราซิล สัมพันธ์กับโลกทั้งสาม คือยักษ์ เทพ และมนุษย์ และได้ดูดเอาน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งไว้หล่อเลี้ยงต้น

ราก ที่อยู่กับ แอสการ์ด ไปโผล่ขึ้นบริเวณน้ำพุเอิด น้ำพุแห่งเยาวภาพ (Fountain of Youth) เป็นน้ำพุที่ชาวสวรรค์ใช้ดื่มกินเพื่อให้มีความ เยาว์วัยอยู่เสมอ เทพีที่คอยรักษาแหล่งน้ำ และทรงมีหน้าที่ตักน้ำให้ชาวสวรรค์วันละครั้งคือ พวกนอร์น(the Norns) สามพี่น้อง นามว่า เอิด(Urd อดีต) เวอร์ดานดิ(Verdandi ปัจจุบัน) และ สกัลด์(Skuld อนาคต) จะเรียกรวมกันว่าเป็นเทพีแห่งชะตามนุษย์ก็ไม่ผิด เหตุนี้อิกดราซิลจึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ต้นไม้แห่งชะตาลิขิต (tree of destiny) ด้วย

รากต่อมาแผ่ไปถึง นิฟล์เฮม แผ่นดินแห่งน้ำแข็งได้น้ำจากน้ำพุ ฮเวอร์เกลเมอร์(Hvergelmir) ซึ่ง มีน้ำตกหลั่นเป็นชั้น แผ่สาขาออกไปเป็นแม่น้ำสายใหญ่ๆของโลก ส่วนรากที่สาม แผ่ไปถึงแผ่นดินของพวกยักษ์ ได้น้ำจากน้ำพุ ไมเมอร์(Mimir) เป็น น้ำวิเศษแห่งความรอบรู้ พวกยักษ์จึงต้องจัดเปลี่ยนเวรยามเฝ้าไม่ยอมให้ใครตักดื่มได้โดยง่าย

อิก ดราซิล เขียวสดตลอดทั้งปีและตลอดไป แม้ว่าใบของมันจะกลายเป็นอาหารของ!ต่างๆไปบ้าง บนต้นยังมี!อีกหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น บนยอดไม้สูงสุดมีไก่ตัวผู้สีทองตัวหนึ่งคอยตรวจตราขอบฟ้า มีหน้าที่ขันเตือนเทพหากศัตรูตลอดกาลเตรียมยาตราทัพมา นกอินทรีอีกตัวหนึ่งจะคอยเกาะกิ่งไม้มองสำรวจเช่นเดียวกับไก่ นกตัวนี้มีผู้ช่วยก็คือนกเหยี่ยวซึ่งเกาะอยู่ระหว่างตาของมัน

ตรง รากไม้มี พญางู นิดฮอก(Nidhoggr) ขดล้อมอยู่ กระรอกชื่อ ราตาโทสค์(Ratatosk) ไม่เคยหยุดวิ่งขึ้นวิ่งลง ระหว่างตรงที่อินทรีเกาะกับรากบน นิล์ฟเฮม คอยตรวจตราไม่ให้พญางูกัดกินรากต้นไม้มากเกินไปยามที่เบื่อจะแทะศพมนุษย์ แล้ว

รวมความแล้ว อิกดราซิล เป็นไม้สารพัดประโยชน์ แม้กระทั่งเทพโอดินเอง ก็เคยทรงแขวนคออยู่บนต้นไม้นานถึง 9 คืน เพื่อล่วงรู้ความลับแห่งความตาย และนำมาซึ่งการสร้างอักษรรูน เล่ากันว่าเทพโอดินก็ได้ทรงตายไปเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยได้ดื่มน้ำพุไมเมอร์แล้ว ทำให้ฟื้นได้ (การแขวนคอเช่นนี้ กลายเป็นประเพณีภายหลัง มีการพบศพอยู่ในปลักตมที่จัตแลนด์ เรียกว่า ศพมนุษย์โทลลัน ลักษณะถูกแขวนคอตาย ทำให้คิดถึงการบูชายัญพลีแก่โอดินเมื่อฝ่ายตรงข้ามชนะศึก

credit : http://learners.in.th/blog/stories/186945

Odin

เป็นมหาเทพเหนือปวงเทพทั้งมวลขอรับ บางคนอาจเคยได้ยินมาว่า Thor นั้นใหญ่สุด แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือเทพก็ยังมีมหาเทพ เอ๊ะยังไง = =

มหาเทพโอดินนั้นเป็นผู้ที่สามารถล่วงรู้อนาคตได้ด้วยนะขอรับ ใน สงคราม Ragnarok ท่านมหาเทพ Odin ก็ เคยเห็นตนถูกปลิดชีพในสถามรบ โดยหมาปีสาจนรก Gram เช่นกัน นะขอรับ

ถึงแม้ท่านจะคิดจองจำเจ้า Gram ตัวนี้แต่ถึงเป็นเทพก็มิอาจฝืนลิขิตชะตาได้ ในสงครามครั้งนั้นมันได้หลุดออกมา ด้วยความแค้นของมัน มหาเทพ Odin จึงโดน เจ้า Gram นั่น แง่มตายแหละ หุหุ = =

ส่วนองค์เทพทั้งหลายบางท่านอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่ ฟิคนี้อาจไม่กล่าวถึงมากนัก ออกมาแค่ตอนแรก = = แต่หากผู้ใดต้องการทราบเนื้อหาหรือข้อมูล ก็จะโพสให้ขอรับ ^ ^

Valkyrie

2010072134332art-valkyrie1.jpg

เทพรับใช้ของ Odin แต่บรรพกาลเป็นผู้นำวิญาณที่หลงทางกลับสู้ วาลฮาลาร์ (สวงสวรรค์) ครับผม

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านแล้วนะครับ จากลักษณะการบรรยาย ดูท่าว่าไม่ใช่มือใหม่ แต่แค่ลักษณะการแต่งผมยังไม่คุ้น ถ้ายังไงผมขอติดตามดูไปเรื่อยๆก่อนนะครับ

Link to comment
Share on other sites

อยากให้ใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยทั้งหมดอ่าครับ

อ่านแล้วสะดุดเจอ ภาษาอังกฤษ มันรุ้สึกแปลกๆ

Link to comment
Share on other sites

อยากให้ใช้คำอ่านเป็นภาษาไทยทั้งหมดอ่าครับ

อ่านแล้วสะดุดเจอ ภาษาอังกฤษ มันรุ้สึกแปลกๆ

อ่าขอบคุณครับแล้วจะแก้ไข ครับผม ^ ^

Link to comment
Share on other sites

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 2 : วันเริ่มต้น

                                                                       เหล่ามารร้ายคืนอำนาจ

                                                                      เหล่าผู้กล้าเริ่มเคลื่อนไหว

                                                                      เหล่าทวยเทพบรรดาลใจ

                                                                      ตำนานครั้งใหม่จะกลับมา

                                                                              ................

         "จิ๊บ...จิ๊บ.." เสียงของเหล่านกน้อยส่งเสียงยามเช้าราวกับท่วงทำนองของเพลงอันไพเราะ แสงแดดอ่อนๆสาดมากระทบกับหยดน้ำค้างบนยอดหญ้าและใบไม้เป็นประกายระยิบระยับ สายลมอ่อนจากทางเหนือพัดมาพาให้เหล่าพฤษาพริ้วไหวตามกระแสลม หมู่ดอกไม้แย้มบานต้อนรับเข้าสู่รุ่งอรุณแห่งวันใหม่

        เด็กน้อยคนหนึ่งนอนขดตัวใต้ผ้าห่มอันอบอุ่นบนเตียงนุ่มๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านช่องของบานหน้าต่างข้างเตียงลงมากระทบบนใบหน้าของเขา เด็กน้อยเบือนหน้าหลบพลางดึงผ้าห่มขึ้มมาคลุมโปงปิดหน้า

       

        "ตึก...ตึก.... แอ๊ดดดดดด" เสียงย่างเท้าเดินมาเปิดประตูห้องดังขึ้น ผู้เปิดประตูเดินเข้ามาชิดเตียงของเขาและใช้มือผลักบานหน้าต่างข้างเตียงที่ปิดอยู่ออก..

แสงแดดอ่อนๆยามเช้าและสายลมเย็นลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง ทำให้ห้องที่มืดสนิทเมื่อครู่สว่างไสวขึ้นทันตา เด็กน้อยบนเตียงทำหน้าอู้อี้พลางขดตัวกับผ้าห่มยิ่งกว่าเดิม

        "ขอนอนต่ออีกหน่อยซี่.."

        "ไม่ได้จ้ะ....นี่มันสายแล้วนะ ^ ^" ผู้มารบกวนการนอนอันแสนสุขของเด็กน้อยหันกลับมายิ้ม

แสงแดดสะท้อนให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้หนึ่ง ใบหน้าสีขาวของเธอดูอ่อนวัย และ แก้มสีชมพูเลือดฝาดอ่อนๆของเธอทำให้เธอดูน่ารักขึ้นถนัดตา เธอมีดวงตาสีน้ำตาลอันกลมโตและผมของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อนปล่อยสยายลงมาถึงกลางหลัง

         

          "งืม...งืม.. พี่คร๊าบ..ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยนะ" เสียงของเด็กน้อยที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงพูดอย่าง งัวเงีย

          "ก็ได้จ้ะ...งั้นพี่ปล่อยให้เรานอนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน .. พี่ทำกับข้าวไว้ให้บนโต๊ะน๊ะ (^ . <)"

         

          ((เห...ทำใมวันนี้มันง่ายจังหล่ะ.....?))

          ((ปกติพี่จะกระชากผ้าห่มแล้วลากเราไปกินข้าวนี่นา.......))

          ((.......ZzzZzz))

          ((....))

          ((เอ๊ะ...!?...วันนี้.... มัน !!))

         

          "เฮือก !!!!"

          "พี่ครับ!! ตอนนี้กี่โมงแล้ว !!!" เด็กหนุ้มสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน

          "หืม..?"

          "แปดโมงครึ่งได้แล้วมั้งจ้ะ"

          "ฮ๊าาาาาาาาา!!!!"

          "แปดโมงครึ่ง!! ทำใมพี่ไม่ปลุกผม !!"

          "เอ....พี่ว่า พี่ปลุกเราตั้งแต่ เจ็ดโมงแล้ว นะ แต่เราบอกขออีกหน่อยนะครับพี่ นี่นา"

          "แล้วทำใมไม่ลากผมลงมาจากเตียงอย่างทุกทีล่ะ !!"

          "อ้าว..ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานตอนเราเถียงกับพี่ เห็นบอกว่า "ผมโตแล้วนะครับพี่ เรื่องของผม ผมจัดการได้" อะไรประมาณนี้..ไม่ใช่หรอ จ๊ะ ^ ^a"

          "โธ่~~~ ผมไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่ต้องปลุกผมนี่"

          "แหม!!? งันหรอจ๊ะ ^o^" เธอทำหน้าล้อเลียนพลางเอานิ้วชี้แตะปากเป็นนัยๆ

         

          "ผมไม่คุยกับพี่แล้ว..!! ผมต้องรีบไปแล้วหล่ะ!!"

  เด็กหนุ่มกระโจนลงจากเตียง เขาล้างหน้าแปลงฟันแบบลวกๆ จับผมหวีให้เข้าที่ สวมสร้อยคอ ใส่เสื้อยึดสีดำ และ คว้าแจ๊กเก็ตสีขาวที่พาดบนเก้าอี้มาใส่ เด็กน้อยหน้าตาหล่อเหลา จมูกของเขาโด่งเข้ากับใบหน้า ดวงตาสีดำขลับตัดกับผมสีขาวของเขาอย่างเข้ากัน

  ทันทีที่แต่งตัวเสร็จ เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปทางหน้าประตูทันที

         

           "นี่..!! ข้าวเช้าล่ะ"

           "ไว้ทีหลังฮะ พี่ " เด็กหนุ่มพูดพลางผูกเชือกรองเท้าผ้าใบสีดำของเขา

           "เฮ้อ อะ นี่.. กระเป๋าเป้ ข้างในก็มี เอ่อ บัตรประจำตัว... ผ้าเช็ดหน้า.. เอ่อ... "

           "เอามาหมดนั่นแหละพี่ ผมรีบ !!" เด็กหนุ่มคว้ากระเป๋าเป้ที่มือของพี่สาวแล้วและวิ่งออกนอกบ้านทันที

         

            "หว๋าาาา ~~~!!"

            "หว๋าา"

            "ระวังหน่อยสิ !!" เสียงโมโหของ ป้า หน้าตาดุคนหนึ่งดังขึ้น

            "ขอโทษ ครับ ป้าโรส >..<"

            "แหม๋!! ระวังหน่อยสิ เด็กคนนี้ก็ !" ป้าโรสบ่นพลางเอามือเท้าสะเอว

            "แฮะ แฮะ งั้นผมไปละครับ"

            "บายครับพี่ฟีล ป้าโรส"

           

             "รีบไปไหนกันนะเจ้าเด็กคนนี้ !?"

             "หุหุ..ก็วันนี้เป็นวันสำคัญนี่ค๊ะ" ฟีลพูดพลางจัดชั้นวางรองเท้าให้เข้าที่ และ เดินออกมาหน้าประตู

             "นั่นสินะ..วันนี้ [วันทดสอบเข้าเป็นนักรบฝึกหัดแห่งนครหลวง] นี่นะ"

             "ค่ะ"

        ทั้งสองยิ้มและส่งสายตาไปทางเด็กน้อบที่วิ่ง ออกไปอยู่ไกลๆ

             "พยามเข้านะ ฟรีส "

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แหะๆ ลงแค่นี้ละกันนะครับ อาจสั้นไปหน่อย เปิดตัวละคร ไม่ได้ละเอียดเท่าไหร่ นะครับก็ ขออภัยด้วย > <

เอาเป็นว่าขอฝากตัว ฟรีส คุง พระเอกของเราคนนี้ ไว้ละกันครับ จะพยามขึ้นเรื่อยๆ ให้ผลงานออกมาดีครับผม

การ ผจญภัยครั้งใหม่ ตำนานบทใหม่กำลังดำเนินไป ครับผม ^ ^

ตอนหน้า บทที่ 3 : การสอบ

ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านและให้คำแนะนำขอรับ              

       

       

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 3 : การสอบ 1

          อิสซุส เมือง ท่าเล็กๆเมืองหนึ่ง หมู่บ้านอันสงบสุขที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของ ราชจักร prontera ประวัติอันเก่าแก่และยาวนานที่สืบทอดกันมาของเมืองเล็กๆนี้ ขึ้นชื่อว่า เป็นสถานที่บ่มสร้าง นักสู้ที่มีความสามารถ มามากมายนับไม่ถ้วน ผู้คนขนานนามเมืองนี้ว่า "เมืองนักดาบ" ภายในตัวเมือง มีบ้านเรือนปลูกไสตล์เรียบๆ อยู่ทั่วเมือง มีต้นไม้เป็นหย่อมๆ  ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองมีท่าเรือเล็กๆ ไว้หรับขนส่งสินค้า และ รับส่งนักผจญภัยที่ต้องการไปเยือนเกาะลึกลับ "เกาะหัวกะโหลก" และ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนั้น กำลังอยู่ในการสร้าง มหาจักรขนาดยักษ์ เรือเหาะแห่งราชอาณาจักร

         มีถนนตัดผ่านตัวเมืองขึ้นไปถึงกลางเมืองถนนจะแยกออกเป็นสามสาย แยกกลางเมืองนั้นเป็นตลาดเล็กๆอันคับคั่งของเมืองอิสซุส หากผ่านตลาดกลางเมืองไปแยกทางขวาจะผ่านสะพานไปถึง บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่หรูหร่าโอ่อ่าผิดกับหลังอืนๆ นั่นคือบ้านผู้ว่ากลางเมืองอิสซุส แยกซ้าย จะเป็นสมาคมนักดาบแห่งอิสซุส และตัดผ่านตลาดขึ้นตรงไปทางด้านบนเมือง จะเป็น สนามทดสอบการเป็นผู้กล้า หรือ นักดาบ นั่นเอง

          " แฮ่กๆ แฮกๆ " เสียงหอบเหนื่อยของหนุ่มน้อยฟรีส ดังเป็นระยะขณะกำลังวิ่งตาลีตาเหลือกไปยังสนามสอบ

          " ขออย่าให้ไปสายเล้ย..ให้ตายสิ!! "

          " ผ่านตลาดไปก็จะถึงสนามสอบแล้วสินะ "

           ฟรีสเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น จนผ่านตลาดกลางเมืองไป แต่....

           " ตึง!!! "

           " โอ้ย!!!~ "   "ว๊ายยย"

           "จะ...เจ็บ อูย" ฟรีส บ่นโอย พลางลูบหัวอันปูดโนของเขา

           ((วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย!!))

           " เป็นอะไรมากรึปล่าวครับ ? "

           " เจ็บจัง....T ^ T " ผู้ถูกถามนั่งเอามือจับหัวนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น

           "มะ.. ไม่เป็นอะไรค่ะ.. "

            ((ซะที่ไหนล่ะ > w <))

           " คุณเป็นอะไรรึปล่าวค๊ะ ? "

           

           "อูย.."

           " ..... "

           " ผู้หญิง ?"

       คู่กรณีสาวน้อยที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้น ตรงหน้าฟรีส เธอมีใบหน้าสระสวย มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆ ผมสีขาวทรงค๊อกเทลผูกด้วยริบบิ้นสีแดงสดตัดกัน  เธอสวมชุดทูพีชสีขาวยาวถึงหัวเข่า สวมถุงมือลูกไม้สีขาว สวมตุ้มหูเงินกลม และจี้รูปไม้กางเขน

           

          ((อึก ..!! น่ารัก !!!))

           ฟรีสนิ่งไปครู่หนึ่ง

          "เอ่อ ..."

          " ไม่เป็นอะไรครับ "

          " ขอโทษนะครับผมกำลังรีบเลยไม่ได้ระวัง "

        ฟรีสขอโทษ และส่งมือไปใ้ห้สาวน้อยตรงหน้าพยุงตัวขึ้น  เธอทำท่าเขิลอายและส่งมือไปให้ฟรีส หน้าเธอแดงกล่ำและหลบสายตาเด็กหนุ่ม เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้น ปัดฝุ่นตามตัวและกระโปรงของเธอ

          " ขอบคุณค่ะ ^ ^"

         

        เธอกล่าวขอบคุณและส่งยิ้มเล็กๆ ให้

         " ขอบคุณผมทำใมล่ะ ? ผมเป็นฝ่ายผิดนะ  =..="

         " อะ..ข..ขอโทษค่ะ.. "

         " แล้วขอโทษผมทำใมละ เนี่ย ? "

         " ขอโทษค่ะ..... "

        เด็กสาวก้มหน้าลงสำนึกผิด เหมือนเธอไปเอาไม้ฟาดกบาลหัวผมสะอย่างงั้น

         (( ทำไงดีล่ะเนี่ย))

         (( เปลี่ยนเรื่องๆ ))

         " เธอ ชื่ออะไรหรอ "

         " แคลร์... " สาวน้อยตอบพลางกล้มหน้า

         (( โอ๊ะ.. บอกง่ายจัง ชื่อก็น่ารักแฮะ ))

         (( หืมแคลร์ หรอ ? เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ ? ))

         " ส่วนผม ฟะ.. "

         " แก๊งงงงงงงงงงงงงงง งงงงง งงง "

       เสียงเคาะระฆังรวมพลรายงานตัวดังขึ้นทั่วทั้งเมือง เป็นการประกาศพิธีรายงานตัว เพื่อเข้าทดสอบการเป็นนักดาบ เหล่าผู้ประสงค์เข้ารับทดสอบ จะต่างพากันเข้าแถวและไปรวมตัวกันที่ลาน ทดสอบ

        " เฮ่ยยยย!! "

        " ไม่ทันแล้ว!!!!!! "

     

        " ผมไปก่อนนะครับ "

        " แล้วเจอกัน "

           

       ฟรีสพูดจบก็วิ่ง ออกไปทันที ปล่อยให้สาวน้อย ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงนั้น

        เธอมองฟรีสที่วิ่งไป หน้าของเธอแดง และ ยิ้มเล็กน้อย

        " .... "

        " จำเราไม่ได้สินะเนี่ย... "

        " เอ๊ะ.. เราก็ต้องรีบไป พรอนเทล่านี่ "

        " นัดซีสเตอร์ไว้นี่นา ไปสายโดนดุแน่เลย T ^ T "

       

        " โชคดีนะฟรีส "      

                   

       สาวน้อยมองไปยังแผ่นหลั่งของเด็กหนุ่มก่อนเดินจากไป

ณ สนามสอบ

      สนามสอบของอิสซุสนั้นประกอบไปด้วย ลานอิฐกว้างสำหรับรวมพล หน้าลานอิฐ มีตึกสร้างด้วยอิฐสีดำและน้ำตาลหลังใหญ่ ผนังตึกทั้งสองด้านหน้าทางเข้าสลักรูปหน้าคน ด้านหน้า มีรูปปั้นนักดาบถือดาบและโล่ตั้งตระหง่าน ด้านบนของตึก มีตราวงกลมรูปดาบแฉกสามแฉก ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์แห่งนักดาบของราชอาณาจักร

       เมื่อเสียงตีระฆังหมดลง ลานทดสอบต่างมีเหล่าเด็กๆ ที่ต้องการทดสอบต่างพากันมามากมายเต็มสนามสอบ แต่ละคนมีสีหน้ามั่นใจ

เต็มเปี่ยม ต่างพากันพูดคุยกัน โอ้อวดสรรพคุณต่างๆ พูดคุยถึงการสอบ และ อื่นๆ จนหนาหู

        ทันใดนั้น ชายผู้หนึ่งได้ก้าวเท้าออกมาจากตึก

       

        " เงียบ !!!!!"

         สิ้นเสียงของชายผู้นั้น  เสียงเจี้ยวจ้าวเมื่อครู่ กลับเงียบลงในฉับพลัน เสียงอันทรงพลังของเขาทำให้ เหล่าเด็กเมื่อครู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว  ชายวัยกลางคนตรงหน้า มีนัยน์ตาเข็มสีน้ำเงินดุจราวพญาเหยี่ยว ตาข้างซ้ายทาบด้วยรอยบากรูปกากบาทขนาดใหญ่จากแก้มยาวไปถึงศรีษะ เขาสวมชุดเกราะเหล็กหนักสีเงินวาวแวบวับ ที่สะเอวคาดดาบสีเงินยาว ทั้งสองข้าง เขายืนกอดอกจ้องลงมายังเหล่า เด็กเบื้องหน้า อย่างน่าเกรงขาม

       " ข้า!! มีนามว่า เกลเดอร์"

       " เป็นผู้ควบคุมการสอบนี้ "

       " ที่นี่คือสนามสอบอันศักษิทธิ์ !! หากลั่นระฆังแล้ว ควรสงบใจเพื่อเตรียมรับเข้าการสอบ "

       " หาใช่สถานที่มาคุยกันเรื่องไร้สาระ !"

        นัยตาของเขาจ้องแทบจะกินเลือดกินเนื้อเหล่าเด็กที่อยู่ตรงหน้า เด็กๆต่าง เงียบยืนก้มหน้าก้มตา

       " ถึงแล้ว!!! "

       " โหคนเยอะจังแฮะ โชคดีที่มาทัน"

      เสียงที่ขัดจังหวะความเงียบตรงหน้าหาใช่ใครไม่ หนุ่มน้อยฟรีส พระเอกของเรานั่นเอง ทุกสายต่างหันขวับไปทางต้นเสียง

        "อะ..เอ่อ มีอะไรกันหรอ"

        สายตาดั่งดาบเสียดแทงของ นายพลเกลเดอร์ จ้องมาที่ ฟรีส เขารับรู้ถึงสัมผัสเย็นยะเยือกได้ทันที

        " การสอบอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปีนึงมีหน.. แต่แล้วก็ยังมีค้นไร้ความสามารถบางคนที่มาสาย แล้วเจ้ายังกล้ามีหน้ามาบอกว่า โชคดีอีกรึ!! "

        " เอ่อ ขอโทษ ครับ พอดี.. "

        " หุบปาก!!! "

        "เฮือก!!" เด็กหนุ่มสะดุ้ง เฮือก

        " เจ้าน่ะ มานี่ "

        ฟรีส เดิน ตัวหดเข้ามา ด้วยตัวสั่นเทา

        "เจ้าหนุ่ม"

        " สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเป็น นักดาบ นั้นคือการตรงต่อเวลา !!"

        " ไม่ว่าจะมีเหตุผลอันใดแต่ ผลลัพธ์คือเจ้ามาสาย นั่นก็คือ เจ้าพลาดแล้ว"

        " แคร๊ง!!! " เสียงปลอกดาบที่เอวดัง ขึ้น นายพลเกลเดอร์ ชักดาบข้างหนึ่งออกมาจากปลอกข้างเอว และตวับชั่วพริบตาไปที่คอฟรีส

        " หวะ หวาาาา !!! " ฟรีสร้องลั่น ตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ปลายดาบที่กำลังจะสะบั้นคอให้หลุนกระเด็นกลิ้งโกโร่ไปได้ทันที

        "  รู้รึปล่าว "

        " ว่าในสนามรบน่ะ แค่เพียงเสี้ยววิก็สำคัญสำหรับการมีชีวิตรอด "

       

        " ขะ เข้าใจแล้วครับ " ฟรีสตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

        "แล้วที่นี้เจ้ายัง จะพูดว่าโชคดีอีกรึไม่ ?"

        " มะ ไม่ครับ "

        "หึ!!" "ขวับ!!" นายพลชักดาบกลับมาคาดที่เอวของตน

         " กลับไปเข้าแถวได้ "

       

         "ครับ!!" ทันทีที่สิ้นเสียง ฟรีสวิ่งไปที่ลานทันที อย่างรวดเร็ว

         (( อะไรวะเนี่ย ฉี่เกือบราด วันนี้ซวยจริงๆ แค่มาสอบให้ทันก็แย่แล้ว นี่ยังเกือบโดนฆ่าอีก))

         (( พระเจ้าช่วยกล้วยทอด T ^T  ))  

       

แล้วการสอบจะเป็นอย่างไร

ฟรีสจะผ่านไปด้วยดีไหม... โปรดติดตามตอนต่อไปในตอน : การสอบ 2

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบไปอีก 1 ตอนและขอรับ ดองไว้นานไม่ค่อยมาลง หุหุ เอาเป็นว่า มาลงสักตอนละกันมะค่อยมีคนอ่าน ฮาๆๆๆ ตอนนี้อาจลวกๆ หน่อย นะครับ มีอะไรก็ แนะนำได้ ขอรับ ^ ^

ขอบคุณที่มาอ่านจ้า

Link to comment
Share on other sites

Izulude เมือง ท่าเล็กๆเมืองหนึ่ง หมู่บ้านอันสงบสุขที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของ ราชจักร prontera ประวัติอันเก่าแก่และยาวนานที่สืบทอดกันมาของเมืองเล็กๆนี้ ขึ้นชื่อว่า เป็นสถานที่บ่มสร้าง นักสู้ที่มีความสามารถ มามากมายนับไม่ถ้วน ผู้คนขนานนามเมืองนี้ว่า "เมืองนักดาบ" ภายในตัวเมือง มีบ้านเรือนปลูกไสตน์เรียบๆ อยู่ทั่วเมือง มีต้นไม้เป็นหย่อมๆ  ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองมีท่า

เรือเล็กๆ ไว้หรับขนส่งสินค้า และ รับส่งนักผจญภัยที่ต้องการไปเยือนเกาะลึกลับ "เกาะหัวกะโหลก" และ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนั้น กำลังอยู่ในการสร้าง มหาจักรขนาดยักษ์ เรือเหาะแห่งราชอณาจักร

มีถนนตัดผ่านตัวเมืองขึ้นไปถึงกลางเมืองถนนจะแยกออกเป็นสามสาย แยกกลางเมืองนั้นเป็นตลาดเล็กๆอันคับคั่งของเมืองอิสซุส หากผ่านตลาดกลางเมืองไปแยกทางขวาจะผ่านสะพานไปถึง บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่หรูหร่าโอ่อ่าผิดกับหลังอืนๆ นั่นคือบ้านผู้ว่ากลางเมืองอิสซุส แยกซ้าย จะเป็นสมาคมนักดาบแห่งอิสซุส และตัดผ่านตลาดขึ้นตรงไปทางด้านบนเมือง จะเป็น สนามทดสอบการเป็นผู้กล้า หรือ นักดาบ นั่นเอง

ตกลงจะเอาไทยหรืออังกฤษครับ?

สไตล์?

ราชอาณาจักร?

         

  " แฮ่กๆ แฮกๆ " เสียงหอบเหนื่อยของหนุ่มน้อยฟรีส ดังเป็นระยขณะกำลังวิ่งตาลีตาเหลือกไปยังสนามสอบ

ระยะขณะ?

ฟรีสขอโทษ และส่งมือไปใ้หสาวน้อยตรงหน้าพยุงตัวขึ้น

.... ไม้โท

ชายวัยกลางคนตรงหน้า มีนัยตาเข็มสีน้ำเงินดุจราวพญาเหยี่ยว

นัยน์ตา?

" ที่นี่คือสนามสอบอันศักษิทธิ์ !! หากลั่นระฆังแล้ว ควรสงบใจเพื่อเตรียมรับเข้าการสอบ "

ศักดิ์สิทธิ์?

     นัยตาของเขาจ้องแทบจะกินเลือดกินเนื้อเหล่าเด็กที่อยู่ตรงหน้า เด็กๆต่าง เงียบยืนก้มหน้าก้มตา

ตกลงมันเขียนว่า นัยตา สินะ ...

" การสอบอันศักสิทธิ์ที่ปีนึงมีหน.. แต่แล้วก็ยังมีค้นไร้คววามสามารถบางคนที่มาสาย แล้วเจ้ายังกล้ามีหน้ามาบอกว่า โชคดีอีกรึ!! "

ตกลงผมสินะที่เขียนผิด?? / เบิ้ล ว แหวน ?

บ้างทีผมว่าบทพูดมันยังกระตุ้กๆ นิดๆ หน่อยๆ สลับกันนะครับ

เช่น

" ผ่านตลาดไปก็จะถึงแล้วสินะสนามสอบ "

ผมว่า "ผ่านตลาดไปก็จะถึงสนามสอบแล้วสินะ" ดีกว่า นะ?

__________________________________________________________________________

ถึงจะลวกๆรีบๆยังไงก็ควรอ่านทวนหาจุดที่ควรแก้ไขสักรอบก่อนนะครับ

__________________________________________________________________________

ผมติผิดตรงส่วนไหนก็ขอโทษด้วยละกันครับ - -

__________________________________________________________________________

ฟรีสจะเป็นอย่างไรต่อละเน้อ.....

__________________________________________________________________________

Link to comment
Share on other sites

แว๊กกก ผิดเยอะ ฮก ขอบคุณสำคำแนะนำขอรับ T^T

ผมรีบลงไปจริงๆ หน่ะแหละ สะเพร่าจริงๆ ต้องขอโทษจริงๆ ขอรับ

ไว้จะมาลงตอน ต่อไป อาจเป็นพรุ้งนี้ละมั้ง ฮาาาา

ฟรีส คุง เก่งกว่าที่เห็นในตอนนี้ นะครับ > <

Link to comment
Share on other sites

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 4 : การสอบ 2

         " เอาล่ะ "

         " เสียเวลามามากแล้ว ข้อจะขออธิบายรายละเอียดการสอบในครั้งนี้เลยก็แล้วกัน "

         " หนทางสู่การเป็น "นักดาบ" ที่พรั่งพร้อมนั้นมิใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านทั้งประสบการณ์ พบปะกับภัยอันตรายต่างๆ ผู้ที่สามารถคงอยู่และยึดหยัดกับสิ่งชั่วร้ายโดยยึดหลักของความถูกต้อง และ ความดีงาม ไว้ได้ คือ "นักดาบ" ที่แท้จริง "

         " และนี่..!! คือเงื่อนไขของการทดสอบครั้งนี้ "

         " พวกเจ้าจะต้องมี "

          "หนึ่ง คือ ความกล้า "

         " สอง คือ สติ หรือ สมาธิ "

         " และ สาม คือ ความสามัคคี และ พวกพ้อง "

         " การทดสอบจะทดสอบทั้ง สามสิ่งนี้ หากผู้ใดมิอาจผ่านแม้สักการทดสอบเดียว ยศ "นักดาบแห่งราชอาณาจักร" คงไม่เหมาะสมกับพวกเจ้า "

         " เอาล่ะ มีใครจะถามอะไรไหม ? "

         " ............. "

         " ถ้าไม่มีข้าจะขอเริ่มการทดสอบ ณ บัดนี้ "

         " พวกเจ้าทุกคนเดิินเรียงแถวเข้ามาในตึก ได้ "

         สิ้นเสียงของนายพลเกลเดอร์ เหล่าเด็กๆก็เดินเรียงแถวจากลานอิฐเข้าสู่ตึกแห่งการ ทดสอบ

         " เฮ้ นายน่ะ "

         " หะ.. ? มีอะไรหรอ ? " ฟรีสหันไปทางต้นเสียงที่ ทักเขา เด็กหนุ่มที่เดินนำหน้าเขานั่นเอง

         " เมื่อกี้นี้ เสียวสุดๆไปเลยล่ะ เมื่อกี้ข้านึกว่าเจ้าจะโดนตาลุงนั่นเจื๋อน สะแล้ว " เด็กหนุ่มทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเอง

         " แหะๆ ข้าก็คิดว่าไม่รอดแล้วเหมือนกัน "

         " เป็นข้านะ ข้าคงวิ่งหนีกลับบ้านไปแล้วหละ "

         " ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกขามันแข็ง ขยับไม่ออกน่ะ "

         " ว่าแต่ เจ้าชื่ออะไร ล่ะ "

         " ข้า ชื่อ อีวาน.... อีวาน เจนเซ่น น่ะ"

         " ข้า ฟรีส  มอร์ริก"

         

         " มอร์ริก ?? "

         " อ้อ บ้านของยายแก่โรส สุดโหด ที่ท้ายหมู่บ้าน นะเอง"

         " แหะๆ "

         " บ้านข้า อยู่แถวๆ ตลาดกลางเมืองนั่นหล่ะ "

         " ไว้ มาเที่ยวบ้านข้าสิ "

         " อื้ม ได้สิ "

         

         " อะแฮ่ม !!!"

         " เฮือก " เสียงไอของนายพลเกลเดอร์ทำให้ทั้งสองที่เดินคุยกันอยู่ สะดุ้งทันที

         

         " เดินกันไปเงียบๆไม่ได้รึไง "

         " ข...ขอโทษคร๊าบ " เด็กทั้งสองกล่าวขอโทษเสียงอ่อน พร้อมกัน ตาของนายพลเกลเดอร์ ยังคงจ้องมองฟรีสตาเขม็ง สายตาของเขาหรี่ลงพลางครุ่นคิด

        (( เมื่อครู่ นี้.. ))

        (( ตอนข้าชักดาบเพื่อข่มขู่เจ้าเด็กนี่ ))

        (( ข้าคิดจะจ่อไปที่ตรงหน้าเพียงเท่านั้น ))

        (( แต่สายตานั่น... กลับจ้องมองดาบของข้าทันงั้นรึ ))

        (( หากข้อไม่พลิกแพลงดาบตวัดกลับไปที่คอ..ไม่แน่เจ้าเด็กนี่อาจหลบได้....... ..))

        (( ฝึกมาดี.. หรือเป็นไปตามสัญชาตญาณ กันนะ ))

         " เจ้า.. ชื่อว่า อะไร ? "

         " หา ? ผม รึครับ "

         " เจ้านั่นหล่ะ คิดว่าถามใครล่ะ !"

         

         " ขะ ข้า ฟรีส มอร์ริก ครับ "

         " ฟรีส... มอร์ริก สินะ "

         " หึหึ ข้าจะจับตาดูเจ้าในการสอบละกัน " นายพลเกลเดอร์ หัวเราะในลำคอ และเดินจากไป

         (( ตายแน่ตู > <  โดนจับตามองตั้งแต่ยังไม่เริ่มสอบเลย ตาย ตาย แน่ๆ))

         ฟรีสเดินหลับตาปี๋เดินเข้าตึกไป เพื่อนผู้อยู่ตรงหน้า หัวเราะคิกคัก พลาง ปลอบ ฟรีส เป็นระยะ

  ภายในตัวตึก เป็นทางเดินแคบทอดยาวไปสู่ข้างหน้า มีคบเพลิงบนฝาผนังส่องแสงสว่างเป็นระยะๆ เหล่าเด็กๆต่าง เดินไปสู่เบื้องหน้าด้วยสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการทดสอบ จะมีการทดสอบแบบใดรออยู่กันแน่นะ

 ผ่านไปไม่กี่นาที ก็ถึงสถานสอบแรก สิ้นสุดทางเดินแคบๆ ก็ เป็น ห้องโถงกว้างๆ บนผนังมีลวดลายอักขระแปลกๆเต็มฝาผนัง สุดในห้องโถง มีแท่นบูชาที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชนอยู่ รูปปั้นของปีสาจร้ายตั้งประกบเสาเพลิงสองข้าง กลางห้องโถง มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางความมืด

          " ขอต้อนรับเข้าสู่สนามสอบแรก "

         สิ้นเสียงชายผู้นั้น คบเพลิง รอบๆ ผนังห้องก็ติด พรึบขึ้นในทันที เผยให้เห็น ชายหนุ่มตรงหน้า

          " ข้า คือผู้คุมสอบแรก มีนามว่า "เช็ค"

          " สนามทดสอบนี้คือ สนามทดสอบ "  ความกล้า " "

          " เอาล่ะ พวกเจ้ายืนเข้าแถว เรียงหน้ากระดาน ให้เรียบร้อย "

           เด็กๆต่างเดินเข้าแถวหน้ากระดานเรียงกันอย่างพร้อมเพรียงและรอฟังการทดสอบจากผุ้คุมสอบ เช็ค

           " การทดสอบความกล้า ชื่อก็บอกเจ้าอยู่แล้ว ว่าความกล้า "

           " แต่มิใช่ความกล้าบ้าบิ่น หากแต่เป็นความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวในจิตใจของพวกเจ้า "

           " ตรงนั้น คือแท่นบูชา แห่งความหวาดกลัว "

           " มนุษย์ทุกคนต่างมีความกลัวฝังลึกสถิตอยู่ในจิตใจของตน สิ่งที่เจ้าพบพานมา เป็นตัวบอกถึงสภาพจิตใจของพวกเจ้า หากพวกเจ้ากล้าที่จะเผชิญมัน ก็จงหยิบดาบจากเพลิงสีฟ้านั่นออกมา"

           " จะถือว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบ "

           " ....... "

           " มีใครจะถามอะไรรึไม่ ? "

           " ทำใมข้าไม่เห็นดาบในไฟนั่นเลยล่ะครับ แล้วไฟนั่นจะไม่ลวกมือเอาหรอครับ ? " เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น

           

           " หึหึ ถามได้ดี "

           " จงใช้ความกล้าของพวกเจ้าสยบความร้อนในไฟสิ "

           " เจ้าจะเห็นดาบในเพลิงนั่นก็ต่อเมื่อ เจ้าชนะความกลัวในใจเจ้าแล้ว "

           " ดาบ ก็เปรียบเสมือความกล้าของเจ้านั่น หล่ะ "

           เด็กผู้ถาม ทำหน้า งงๆ กับคำตอบของผู้ คุม เด็กคนอื่นก็เช่นกัน

           " ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะไม่เข้าใจ เดี๋ยวพวกเจ้าลองเองก็รู้เองนั่นล่ะ "

           " งั้น ข้า จะขอเริ่มการทดสอบแรกเลยละกัน "

           " แถวแรก เดินหน้าออกมา !!"

           " ครับ!! "

           

           " พวกเจ้า จงเดิน ไปที่แท่นพีธี แล้ว จ้องมองเปลวไฟนั่น "

           " เอาล่ะ เดินไปได้ "

         สิ้นเสียงของ ผู้คุมการสอบเช็ค เด็กๆ แถวแรกก็พากันเดินไปหน้าแท่นพิธี พวกเขายืนล้อมวงหน้าเพลิงนั่น สร้างความสนใจให้กับเด็กคนอื่นๆ ต่างชะเง้อ ดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น

           " หว๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาา " " ม่ายยยยยยยยยยยย "  

          เสียงร้องหวาดกลัวดังขึ้น ทำเอาเด็กๆ ที่ มองอยู่ สะดุ้งกันเป็นแถว พวกเด็กๆ แถวหน้า ต่างพากันร้องลั่น  พวกเขาจ้องมองเปลวไฟนั่น ดวงตาของพวกเขาต่างเบิกกว้างและหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก เด็ก สอง คนวิ่ง หนี ออกมา บางคนคลานตาลีตาเหลือกออก มา สร้างความ งุน งง ให้กับเด็กๆ คนอื่นๆเป็นอย่างยิ่ง แท่นพิธีตรงหน้านั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วพวกเขาเจออะไรกัน นะ

          " หึหึ ตกหมดสินะ "

          " เป๊าะ !! " เสียงดีดนิ้วของ เช็ค ดังขึ้น พวกเด็กๆ ที่อยู่ ตรงหน้า ที่ร้องหวาดกลัวอยู่เริ่มสงบลง บางคน นั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ตรงนั้น

          " พวกเจ้านะกลับไปต่อแถวหลังสุด ถ้าหากใครไม่ไหวก็กลับไปก็ได้นะ หึหึ"

          " เอาล่ะแถว ต่อไป "

        เด็กๆ ที่ นำไปแถวแรก เดินกอดตัวสั่นกลับเข้ามาที่แถว

         

          " ฟรีส .. "

          " หืม? "

          " เจ้าว่าพวกนั้นเจออะไร !? " อีวานถามฟรีสเสียงสั่นๆ

          " ข้าก็ไม่รู้หรอก เดี๋ยวพวกนั้นมาถึง ก็ลองถามสิ "

         

          " เอ่อ นายน่ะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรอ ? " อีวานถามเด็กคนที่พึ่งเดินมาถึง

         

          " มะ..เมื่อกี้ ข้าเห็น ผะ...ผี นะสิ "

          " ห๋าา...?? ผี ?? "  

          " ใครว่าล่ะ ปีสาจ ปีสาจมีเขาตัวใหญ่ตะหาก "

      เด็กอีกคนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ทำให้อีวาน งง ไปหมด ตกลงเกิดอะไร ขึ้นกัน แน่

          " หว๋าาาาา " เสียง ของเด็กกลุ่มถัดไปดังขึ้น ไม่ต่างจากกลุ่มแรกๆ พวกเค้า หวาดกลัว กับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่ง ไม่รู้ว่าคืออะไร

          " ข้าว่า.. มันชักแหม่งๆ แล้วล่ะ ฟรีส "

          " นั่นสิ แต่ ข้าก็อยากรู้ ว่ามันมีอะไรกันแน่ "

        สายตาของเด็กหนุ่ม จ้องเขม็งไปที่เปลวไฟสีฟ้านั่น ท่ามกลางเด็กๆ ที่แตกตื่นตรงหน้า

       

     ผ่านไปแถวแล้วแถวเล่า ยังไม่มีผู้ใดสามารถหยิบดาบในเปลวเพลิงออกมาได้ สักคน แต่ละคนต่าง พากันหวาดกลัวกันไปหมด และแล้วก็มาถึง แถวสุดท้าย แถวของฟรีส พระเอกของเรานั่นเิอง

          " เอาล่ะ ตาพวกเจ้าแล้ว "

          " ครับ!! "

       ฟรีสและเด็กคนอื่นๆ เดินกันไปที่หน้ากองไฟสีฟ้า

         (( แถวสุดท้ายและสินะ ))

         (( เฮ้อ ปีนี้ไม่ค่อยมีเด็กเจ๋งๆ เลยแฮะ ))

         (( โอ้เจ้า เด็กนั่นสินะ เด็กที่ท่านเกลเดอร์จับตามอง ))

         (( อยากเห็นหน้ามันหวาดกลัว แล้วสินะ หึหึ ))

เด็กๆ แถว สุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกับแถวอื่น ต่าง วิ่งแตกกระเจิง หนี กันถ้วนหน้า แต่มีเพียงเด็กคนเดียวที่ยังยืนนิ่ง ไม่ขยับ นัยน์ตาของเค้าล่องลอย

       (( โฮ่ เจ้าเด็กนี่ใช้ได้ ว่าแต่เจ้านั่นกำลังเห็นอะไรอยู่นะ ))

     เปลวเพลิงนั่น .......

  สักครู่..ในเปลวเพลิง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าฟรีส...... เปลวเพลิงเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง เพลิงสีฟ้าตรงหน้าขยายใหญ่ออกขึ้นสูงเสียดเพดาน ทัศนวิสัยรอบตัวฟรีสเริ่มมืดดับลง เห็นแต่เปลวเพลิงสีฟ้ามหึมาตรงหน้า เปลวเพลิงเริมเปลี่ยนสีจาก ฟ้า เป็น แดง แดง เป็น เขียว เขียว เป็น น้ำตาล น้ำตาล และจากน้ำตาล เป้นสีดำ !!! เปลวเพลิงสีดำลุกโชนมอดไหม้เข้าแผดเผาร่างกายของฟรีส เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความทรมาน แววตาของฟรีสดับวูบลง รอบๆตัวที่เดิมมืดสนิทพลันเกิดภาพขึ้น ท้องฟ้าสีเลือด สนามรบที่เพลิงสีดำลุกไหม้ เหล่า มนุษย์ เทพ และ ปีสาจ ล้มตายกลาดเกลื่อน ผืนดินเต็มไปด้วยเลือด เลือดนั้นเริ่มไหลนองสูงขึ้นท่วมตัวฟรีส... จนฟรีสจมดิ่งลงลึกไปยังห้วงแห่งความมืด ความมืดเริ่มกัดกินร่างกายเขา แขนและขาของเขาเริ่มสลายหล่อรวมไปกับความมืด....

 บรรยากาศภายในห้องโถงเริ่มเปลี่ยนแปลง เปลวไฟสีฟ้า ที่ลุกไหม้ เกรี้ยวกราด ขึ้น ร่าง ของฟรีส สั่นไหวไม่หยุดนิ่ง รูปปั้นปีศาจทั้งสองต่างสั่นไหวเช่นกัน

  " กะ..เกิดอะไรขึ้น !!!!! " ผู้คลุมเช็คตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

  " นี่มัน!!! อะไรกัน!! "

  เด็กๆ ต่างเริ่ม กลัว พวกเขาเริ่มส่งเสียงเอะอะ ดังกันขึ้นเรื่อยๆ

  " เงียบ!!! " ผู้คุมเช็ค ตวาดขึ้นมา ใบหน้าของเขาหวาดวิตก กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าอะไร แต่จากประสบการณ์ต่างๆของเขา สิ่งที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้น หากเขาปล่อยไปเช่นนี้ไม่ดีแน่

  " ชิ!! " ผู้คุมเช็ค วิ่งไป หา ฟรีส เพื่อจะ ดึงตัวออกมา

  " ฟูมมมมมม " เปลวเพลิง ตรงหน้าลุกโชนกว่าเดิม เช็คไม่สามารถเข้าไปได้ ความร้อนของเพลิงนั่นทำให้เขาถึงกับผงะถอยออกมาทันที

  "แย่แล้ว !! เรื่องบ้าอะไรกัน " เช็คสบถ ออกมา เขากัดฟันกรอด เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

  ฟรีสที่กำลังจมดิ่งสู่ความมืด ร่างกายของเขาเริ่มสลายไปถึง กลางตัวแล้ว

   (((ที่นี่.... ที่ไหน)))

   (((มืด..ไปหมด..เลย..)))

   (((พี่....ป้าโรส...)))

   (((ช่วยที....ช่วยด้วย....)))

   (((ผมกลัว......)))

   

   (((.....)))

   (((ความกลัว...)))

   (((นี่คือความหวดกลัว... งั้นหรอ...)))

   (((ร่างกาย...ของเรา...กำลังจะหายไป...)))

   (((เรา...ทำได้แค่นี้หรอ...)))

   

 ตาของฟรีสเริ่มหรี่ลงกำลังจะปิด ....

   "วาบบบบบบ"

 แสงสว่างอันเจิดจ้า ส่องแสงขึ้นท่ามกลางความมืด แสงสว่างนั้นออกมาจาก จี้ที่ห้อยคอของเขา

 หญิงสาวในชุดเกราะสีขาวปรากฏขึ้น..

  " ทานาทอส.. "  

  " ท่านอย่ายอมแพ้ให้กับความมืด.. "

  " ท่านลืมปณิธาน ของท่านแล้ว ฤา "

  " ความมืดกำลังกลืนกินท่าน... ทานาทอส "    

  " แสงสว่างในใจท่านเท่านั้นที่จะสยบความมืดของใจท่านเองได้ "

 

  " ข้า..ไม่อาจช่วยท่านได้นอกจากตัวของท่านเอง.. "

  " ข้าเชื่อมันในตัวท่าน  "

  " ทานาทอส "

 สิ้นเสียงของหญิงสาวตรงหน้า แสงสว่างตรงหน้า ก็สลายหายไป

  (((เชื่อมั่น...)))

  (((ปณิธาน...)))

  (((แสงสว่าง...)))

  (((ความกล้าา!!!!)))

 แสงสว่างปรากฏขึ้นอีกครา แต่หาใช่แสงจากจี้สร้อยคอไม่ แต่หากเป็นแสงอันเจิดจ้าจากภายในตัวของ ฟรีส แสงสว่างนั้น นำร่างที่สลายไปของฟรีสกลับคืนมา รอบตัวๆ ของฟรีสเริ่มสว่างไสว ขึ้น.. ตัวเขาล่องลอยขึ้น รอบๆ ปรากฏทิวทัศน์ของ ผืนแผ่นดินอันงดงาม ต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า ต่างผุดขึ้นมากจากรอบตัวเขา เหล่า เทพ และ ปีสาจ ต่าง น้อมโค้งคำนับแก่เขา เหล่าผู้คนต่างพากันสรรเสริญยินดี รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของเด็กหนุ่ม แสงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดแสงทาบตัวเขา มือของเขาเปล่งแสงขึ้น แสงตรงหน้าก่อร่างเป็นรูป

 (((ดาบ..))

 (((นี่สินะ คือ ดาบในใจของเรา)))

 (((แสงสว่างในใจของเรา)))

 (((ความกล้าของเรา..)))

 กลับมาที่ห้องโถง บรรยากาศยังคง สั่นไหวและเปลวเพลิงยังลูกไหม้

 " ข้า... ข้าจะช่วยฟรีส " อีวานตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันสั่นเทา

 " แต่ จะดีหรอ อะไรก็ไม่รู้ "

 " ใช่ๆ แล้วไฟนั่น อีก "

 " เจ้าไม่กลัวหรอ "

 เด็กรอบๆต่างพูด

 " กะ..กลัวสิ "

 " ถึงข้าจะกลัว แต่ถ้าหากผ่านมันไปไม่ได้ "

 " แล้วการทดสอบนี้ล่ะ การทดสอบของพวกเราล่ะ พวกนายจะทิ้งมันไปงั้นเรอะ !!!" อีวานตะโกนเสียงลั่น

ทุกคนพอได้ฟังดังนั้นในตาที่หวาดกลัวเริ่ม หายไป เหล่าเด็กๆ มุ่งจ้องไปที่เปลวไฟนั่น

 " นั่นสิ ดูๆไปมันก็แค่ไฟ สีฟ้าบ้าๆ เอง "

 " ใช่ๆ เราไปช่วยหมอนั่นกันเหอะ "

 " ข้าก็ไม่อยากกลับไปทั้งงี้หรอก อีกตั้งปีนึงกว่าจะได้สอบใหม่ "

 " ข้าด้วย " "  ข้าก็ด้วย "

 เด็กๆ ต่าง ร้องตะโกน ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าที่หวาดกลัวหายไป หากแต่ที่ปรากฏบนใบหน้าพวกเขานั้น คือรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความกล้า

 เช็ค เห็นภาพตรงหน้า เขาอดชื่นชมในเด็กพวกนี้ไม่ได้ สิ่งที่เค้า อีวาน พูด ทำให้พวกเค้าเหล่านั้นหลุดพ้นจากความกลัวได้ ไม่ใช่แค่นั้น เจ้าหนุ่มฟรีสนั่น ทำใมไม่รู้สิถึงจะไม่รู้จักเจ้านั่นมาก่อน แต่กลับทำให้คนที่อยู่ใกล้ "เชื่อมั่น"

  " พวกเราไปกันเถอะ "

เด็กๆวิ่งตามเสียงของอีวาน พวก เค้า วิ่งไปที่พรีส ที่กำลังโดนเปลวงเพลิงโอบล้อมอยู่

 " ไฟแค่นี้ ไม่คณามือข้าหรอก ข้าเป็นถึงลูกช่างตีเหล็กนะ "

 " โธ่ทำคุย ไฟแค่นี้จิ๊บๆ น่า "

 " ฮ่า ฮ่า กลัวไรกะแค่ไฟ ลวกเดี๋ยวทายาก็หายแล้ว "

 พวกเขาวิ่งเข้าไป โอบล้อมฟรีส และพยายามดึงเขาออกมา น่าแปลก ที่ไฟอันร้อนแรงเมื่อครู่ กลับหาทำอันตรายพวกเด็กๆไม่ รอบๆ ตัวเขา กลับมีแสงสว่างเจิดจ้า โอบอุ้มอยู่

 นัยน์ตาของฟรีสเริ่มมีประกายอีกครา เขายื่นมือออกไปตรงหน้า ปรากฏให้เห็นดาบ สีทองประกายวาววับตรง แสงของดาบเจิดจ้าขึ้น ทำให้เปลวเพลิงสีฟ้า สงบ ลง เหล่าเด็กๆ ต่างตกตลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แสงจากดาบ ของฟรีส ส่งต่อไปยังมือของเด็กทุกคน แสงก่อตัวเป็นรูปดาบเฉกเช่นเดียวกับฟรีส แสงสว่างค่อยๆ จางหายไป ปรากฏให้เห็นร้อยยิ้มของ เด็กๆ ทุกคนต่างร้องลั่น ให้กับชัยชนะ ชัยชนะจากการเอาชนะความกลัว ได้...

 ภาพตรงหน้าตระกาลตายิ่งนึก  ทำเอา เช็ค ตกตะลึงไปชั่วครู่

 ((เยี่ยม...))

 ((เยี่ยมจริงๆ))

"พวกเจ้าทุกคน !!!! สอบผ่าน!!!!"

 สิ้นเสียงของเช็ค เด็กๆต่างโห่ร้องลั่นด้วย ความดีใจ

 ฟรีสหนุ่มน้อยของเรา ทำหน้า งงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคืออะไร แต่นั่น คือหนทางที่เขาจะก้าวไป...      

"การทอดสอบแรกผ่านแล้วสินะ"

ผู้พันเกลเดอร์ยืนกอดอกอยู่หน้าปากทางเข้าห้องโถง เขาจ้องมองฟรีสและเด็กๆ ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม..

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เฮ้อจบ สะที กับ บท :การสอบ 2

พิมพ์ กว่าจะเสร็จ  เพิ่งจบการทดสอบแรกไปเองนะครับทุกท่าน การสอบด่านต่อไปคงจะสนุกยิ่งขึ้น หวังว่าผู้อ่าน คงติดตามกันนะครับ

มีข้อติติงอะไรก็แนะนำได้นะครับ

และ พบกับ ตอนต่อไปในครั้งหน้า บทที่ 5 : การสอบ 3

ขอบคุณคร๊าบบบ

     

         

Link to comment
Share on other sites

 

  ถายในตัวตึก เป็นทางเดินแคบทอดยาวไปสู่ข้างหน้า มีคบเพลิงบนฝาผนังส่องแสงสว่างเป็นระยะๆ เหล่าเด็กๆต่าง เดินไปสู่เบื้องหน้าด้วยสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการทดสอบ จะมีการทดสอบแบบใดรอยู่กันแน่นะ

            " มนุษย์ทุกคนต่างมีความกลัวฝังลึกสถิตอยู่ในจิตใจของตน สิ่งที่เจ้าพบพาน พบเห็นมา เป็นตัวบอกถึงสภาพจิตใจของพวกเจ้า หากพวกเจ้ากล้าที่จะเผชิญมัน ก็จงหยิบดาบจากเพลิงสีฟ้านั่นออกมา"

ทุกคนพอได้ฟันดังนั้นในตาที่หวาดกลัวเริ่ม หายไป เหล่าเด็กๆ มุ่งจ้องไปที่เปลวไฟนั่น

เด็กๆวิ่งตามเสียงของอีวาน พวก เค้า วิ่งไปที่พรีส ที่กำลังโดนเปลวงเพลิงโอบล้อมอยู่

" ฮ่า ฮ่า กลัวไรกะแค่ไฟ ลวกเดี๋ยวยาทาก็หายแล้ว "

ห่ะ !? โดนไฟลวกแล้วยาทาหาย?

พวกเขาวิ่งเข้าไป โอบล้อมฟรีส และพยามดึงเขาออกมา น่าแปลก ที่ไฟอันร้อนแรงเมื่อครู่ กลับหาทำอันตรายพวกเด็กๆไม่ รอบๆ ตัวเขา กลับมีแสงสว่างเจิดจ้า โอบอุ้มอยู่

พยาม = พยายาม หรือ เปล่านะ เห็นเป็นแบบนี้ตั้งแต่บทที่สองแล้น...

  นัยน์ตาของฟรีสเริ่มมีประกายอีกครา เขายื่นมืออกไปตรงหน้า ปรากฏให้เห็นดาบ สีทองประกายวาววับตรง แสงของดาบเจิดจ้าขึ้น ทำให้เปลวเพลิงสีฟ้า สงบ ลง เหล่าเด็กๆ ต่างตกตลึกกับสิ่งที่เกิดขึ้น

____________________________________________________________________________________________________

เน้นบทพูดสินะครับ

โอ้...ใกล้ผ่านการสอบกันแล้ว

เหอะๆๆ

Link to comment
Share on other sites

ผืดระนาวอีกแล้วสิเนี่ย ขอบคุณในการตรวจสอบคำผิดของท่านจริงๆ ขอรับ  :pika12:

และจะพยามลดความสะเพร่าของตัวเองยิ่งขึ้นครับบ  :pika03:

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ คับผม > <  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ความสะเพร่าในการเขียนมืออาชีพก็เป็นครับ

แต่ที่เห็นงานเขาเนี๊ยนเพราะเขาไม่ได้สักกะพิมพ์เสร็จส่ง แต่ต้องนั่งอ่านใหม่ อ่านแล้วอ่านอีก ตรวจจนแน่ใจแล้วไม่มีคำผิดจึงลง

คิดว่าวิธีนี้น่าจะแก้ไขได้ดีกว่าการคอยนั่งระวังตัวนะครับ

Link to comment
Share on other sites

เรื่องราวของฟรีสเริ่มจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ ครึๆๆ

ดูเหมือนชะตาของเจ้าหนุ่มนี้จะต้องกลายเป็นผู้นำของคนหมู่มากในอนาคตแน่ๆ ที่ทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นจะสู้กับความกลัวได้นะ...

ข้าจะติดตามดูเจ้าต่อไปนะพรีส!!!  :pika03:

Link to comment
Share on other sites

ลงชื่อไว้ก่อน หลังจากเคลียงานทั้งหมดเส็ดจะตามาอ่านแน่ครับ  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

เอ่อ รุ้สึกพระเอกของเรื่องจะเป็นทานาทอสมาเกิดใหม่สินะ จริงๆแล้วไม่น่าเอ่ยชื่อคีย์เวิร์ดสำคัญออกมาเร็วแบบนี้เลยนะ

Link to comment
Share on other sites

เอ่อ รุ้สึกพระเอกของเรื่องจะเป็นทานาทอสมาเกิดใหม่สินะ จริงๆแล้วไม่น่าเอ่ยชื่อคีย์เวิร์ดสำคัญออกมาเร็วแบบนี้เลยนะ

เร็วไปหรือขอรับ = =

ก็จริงนะเพราะมันอาจจะเป็นจุดไคลแมกซ์ ของเรื่องก็ได้นี่นะ หุหุ

แต่ อีกนานกว่าพระเอกเราจะรู้ตัวจริงของตัวเอง ผู้ทรารู้ตอนนี้ก็มีแค่เทพ ชั้นสูง เท่านั้นเอง

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับผม ^ ^

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

ในที่สุดก็ตามอ่านหมดแล้วว~

อลังการมากครับ

ไม่เคยเล่นROมาก่อน เลยไม่รู้จักชื่อเฉพาะอะไร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่(ถึงรายละเอียดปลีย่อยจะเยอะก็เถอะ เหอเหอ)

ตามอ่านต่อไปครับ

เปิดมา ตัวละครที่สมัคร ๆ กันยังไม่ออก?(หรืออกไปแล้วเอ่ย ลืม)

รออ่านต่อครับ.

ปล.ทานาทอส ไม่รู้จักตัวจริง รู้จักแต่ตัวละครโค้ดเนมทานาทอสในร.ร.นักสืบQ(เย่ว)

คิงฮาเดสเอย เคลเบรอสเอย ล่องลอยตามมาแต่ไกล

[me=バルブバベンス]หัวทิ่ม[/me]

Link to comment
Share on other sites

ในที่สุดก็ตามอ่านหมดแล้วว~

อลังการมากครับ

ไม่เคยเล่นROมาก่อน เลยไม่รู้จักชื่อเฉพาะอะไร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่(ถึงรายละเอียดปลีย่อยจะเยอะก็เถอะ เหอเหอ)

ตามอ่านต่อไปครับ

เปิดมา ตัวละครที่สมัคร ๆ กันยังไม่ออก?(หรืออกไปแล้วเอ่ย ลืม)

รออ่านต่อครับ.

ปล.ทานาทอส ไม่รู้จักตัวจริง รู้จักแต่ตัวละครโค้ดเนมทานาทอสในร.ร.นักสืบQ(เย่ว)

คิงฮาเดสเอย เคลเบรอสเอย ล่องลอยตามมาแต่ไกล

[me=バルブバベンス]หัวทิ่ม[/me]

ชอบคุณที่มาอ่านครับ ผม  :pika12:

จะพยามเขียนให้เข้าใจที่สุดครับ

หลังจากจบการสอบไป และออกพจญภัย ตัวละคร ที่สมัครไว้ จะออกมาเรื่อยๆ แน่ ครับ ^ ^

ส่วน Thanatos งั้น ขออธิบายคร่าวๆละกันนะครับ

ตามตำนานแล้ว ทานาทอส เป็น เป็นเทพองค์หนึ่งในตำนานเทพของกรีก เป็นเทพแห่งความความตาย เป็นผู้ที่สามารถควบคุมความตายของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก ได้ครับ

    เนื่องจากเป็นเทพแห่งความตาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนหวาดกลัว และแม้แต่เหล่าเทพก็ยังรังเกียจทานาทอส จึงนับว่า ทานาทอสเป็นปีศาจตนหนึ่งก็ว่าได้ โดยทานาทอสเองก็เกลียดชังมนุษย์และเทพเจ้าอื่น ๆ

แต่ใน นิยาย บท นี้ ผสมโรงให้เขา มีบทที่ไม่เหมือนในเทพนิยายครับ เมื่อดีต ของสงครามระหว่าง 3 โลก หรือสงครามใหญ่ที่มีชื่อว่า "RAGNAROK" นั้นเค้าร่วมมือกับปีสาจ เพื่อล้มล้างเหล่าเทพครับ ภายหลัง จากจบสงคราม Odin ให้อภัย จึงกลับมาอยู่กับเหล่าเทพ แทน ครับ และเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนนี้แหละครับ ^ ^

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปล.ติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

credit : http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=32626

แต่ส่วนใหญ่ นิยายผมจะ อิงจาก ตำนานกรีกโบราณของ Norse ที่เป็นเนื้อเรื่องพื้นฐานของเกมส์ Ragnarok นะครับ เนื้อเรื่องอาจไม่เหมือนนิยายของกรีก อื่นๆ จ้า ^ ^

Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 5 : การสอบ 3 part 1

ตึก....

...ตึก....ตัก....ตึก.....ตัก...

เสียงเต้น หัวใจ ระรินช้า

ดุจกายา หลับใหล ไปสิ้น

ท่ามกลาง ความมืด กลืนกิน

ฉาบโชลม ร่างทมิฬ มายา

ดวงตา พญามาร แห่งนรก

ดับสงบ สงัดเงียบ เรียบเฉย

รายล้อม ปีสาจทาส มารเชลย

จักเผยผงาด มหานรก ราชันย์

เสียงกัมปะนาท สั่นสะเทือน ไปทั่ว

เสียงหัวใจ สั่นระรัว ขึ้นถี่

มหานรก เบิกโพลง ทันที

เผยเนตรสี โลหิตชาด แดงเพลิง

"ท่าน เจ้านรก... ตื่นจากนิทราแล้ว ฤา..." เสียงสัตปีสาจด้านซ้ายเอ่ย

"การตื่นของท่านครานี้ข้าว่าคงมีเรื่องสนุกทีเดียว คิกๆ" ปีสาจน้อยเบื้องหน้าเอ่ย

"ท่านมหานรกตื่นครานี้ หลังจากที่นิทราไปหลายพันปี คงไม่ใช่เรื่องสนุกไร้สาระอย่างที่เจ้าคิดหรอกย่ะ" ปีสาจสาวด้านขวาเอ่ย

"เชอะ ! ข้าน่ะชอบเรื่องสนุกๆที่สุด"

"ต๊าย!! สนุกของเจ้าก็แค่ใช้สมองกลวงๆ ก่อเรื่องให้พวกเราปวดหัวประจำน่ะสิ"

"ว่าไงนะ !!! แก~!!!"

"หื.....ม ? แน่จรืงก็เข้ามาสิ"

"...........................เ....งี....ย...บ....บ..........!.........!........!."

เพียงเสียงเอื้อนเอ่ยผู้อยู่เบื้องหน้าปีสาจทั้งสามพลันโค้งหมอบทันที

"ข้อแต่ข้ารับใช้ทั้งสาม มหานรกแห่งความมืด "Satan Morroc" ขอต้อนรับการตื่นจากนิทรา ขอรับ/เพค่ะ"

สามปีสาจเอ่ยต้อนรับการตื่นของ มหาปีสาจ satan morroc เบื้องหน้า

"  ข้า....สัมผัส..... "

" สัมผัสถึง...ความมืดหนึ่ง..ที่คุ้นเคย.... "

" อา..า..า..เจ้ากลับมาแล้ว ฤา ทานาทอสเอ๋ย "

" กลับมารับใช้ข้าเฉกเช่นเคย.."

" แต่..!!!! ทำใม !!!! "

" แสงสว่างที่น่ารังเกียจจจ นั่นนน!!! "

" บังอาจจ!!!! "

พลันเสียงโกรธา บริเวณรอบๆต่างสั่นไหวสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทุกสารทิศ ปานนรกแตก เหล่าหมู่มวลปีสาจรอบๆ ต่างพากันหวาดกลัวหมอบโค้งราบกับพื้น

" ท่าน satan morroc โปรดใจเย็นก่อนขอรับ "

" ใช่ค่ะท่าน แค่เจ้าครึ่งเทพครึ่งปีสาจต่ำๆนั่น อย่าสนใจเลยค่ะ "

" ชะ...ใช่ๆ~ สู้หาเรื่องสนุกป่วนโลกมนุษย์อย่างเคยดีกว่าขอรับ "

มหานรก เริ่มสงบลง.....

รอบๆที่สั่นสะเทือนเริ่มหยุดนิ่ง....

" เจ้า...เป็นกุญแจ... "

" กุญแจที่จะทำให้ความมืดกลับมายิ่งใหญ่อีกครา "

" กุญแจที่จะสิบสายวัจจนะแห่งความมืดของข้า"

" ลูซิเฟอร์   ลาจ   เดวิช "

" ขอรับ!!/เพค่ะ !!! "

" พวกเจ้า!! จงขึ้นไป "

" ไปพาเจ้านั่น!! มาหมอบแทบเท้ามหานรกแห่งข้าโดยพลัน !!!"

" ข้าสามปีสาจรับบัญชา !!! "

สิ้นเสีัยง....

สามปีสาจกลายร่างเป็นลูกไฟสีดำสามดวง และ พุ่งขึ้นสู่เบื้องบนพร้อมกับเหล่าสมุนปีสาจหลายสิบ ทันที

ไฟทมิฬและเหล่าปีสาจลอยขึ้นเรื่อยๆจนโผล่พ้นพื้น ท่ามกลางวิหารผนึก ณ ใจกลางเมือง Morroc

" เอายังไงล่ะ จะไปหาเจ้านั่นที่ไหน " ปีสาจสาว ลาจ เอ่ย

" ก็ทำลายเมืองไปเรื่อยๆ จนเจอนั่นแหละข้าว่าคงสนุก คิกๆ " เดวิชหัวเราะพลางเอามือสองข้างขบปาก

" อย่าทำให้เอิกเกริกเสียดีกว่า.....อันจักเสาะทานาทอสนั้นมิใช่เรื่องยาก..." ลูซิเฟอร์เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

" เฮอะ!! น่าเบื่อชมัด "

" งั้นเริ่มหาจากเมืองนี้ก่อนน่ะสินะ เจ้าว่าไง ลูซี่.... (ลูซี่ : ชื่อที่ลาจเรียกลูซิเฟอร์สั้นๆและลากเสียงยาวๆ) ? "

" ทานาทอสมิได้อยู่ที่นี่... ข้าสัมผัสไม่พบพลังความมืดของเขา..."

" งั้นก็รีบๆ หาสิ เร็ว ๆ เร็วๆ เร็วๆ ข้าอยากอาละวาด แย่แล้ว "

ลูสิเฟอร์หลับตาลงครู่หนึ่ง ไม่ทันไรก็ลืมตา ขึ้น

" ทางนั้น....ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่อยู่ที่นั่นไม่ผิดแน่..." ลูซิเฟอร์ชี้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ

" โฮ่..งั้นเราก็ไปกันเถอะ หึหึ "

" ไปกัน ไปกัน "

"พวกเจ้าตามมาดีๆล่ะ !! เราจะไปตามหาเจ้าชั้นต่ำนั่นกัน " เดวิชพูดกับเหล่าปีสาจรอบๆ

ทันใดนั้นสามปีสาจก็กลายเป็นดวงไฟสีดำอีกครา แล้วลอยขึ้นฟ้าพร้อมกับเหล่าปีสาจ

"..ข้า..มาตามเจ้า.กลับ..ทานาทอส.." ลูซิเฟอร์เอ่ยก่อนที่ดวงไฟทั้งสามจะพุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทันที

เงาของชายผู้หนึ่งปรากฏขึ้นข้างกำแพงวิหารผนึก เขาสวมผ้าคลุมสีดำปิดมิดชิดเร้นกายข้างกำแพงวิหารผนึก เทคนิคแฝงเงาอันเป็นวิชาชั้นสูงของเหล่านักฆ่าทำให้สามปีสาจ มิอาจรู้ว่าชายผู้นี้แอบฟังการสนทนาเมื่อครู่

" ปีสาจเริ่มเคลื่อนไหวแล้วสินะ... " ชายลึกลับพูดพลางมองไปทางที่ปีสาจพุ่งไป

" เมือง Izlude งั้นรึ "

" ผนึกเริ่มทนไม่ไหวแล้วสินะ.... "

" ถึงไม่ใช่เรื่องของข้าก็เถอะ..จะคาบข่าวไปบอกจ้าวเมืองให้ก็แล้วกัน.. "

มิทันไีร ร่างของชายผู้นั้นกลายเป็นเงาและหายไปในพริบตา

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลับมาที่ทางด้านพระเอกของเรา

" เฮ้อกว่าจะผ่านการทอดสอบแรกไปได้~~ " อีวานพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายพลางเอามือพาดหัว

" เอาน่า ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องผ่านได้แน่ " ฟรีสยิ้มเป็นกำลังใจให้เพื่อน

" โธ่!! ชั้นไม่ได้เก่งเหมือนนายนี่หว่าา "

" เอ๊ะ!! ว่าแต่ เมื่อกี้ มันเกิดอะไรขึ้นหล่ะ ? ชั้นยัง งง งง อยู่เลย ไปถามผู้คุมสอบแล้ว เค้าไม่ยอมบอกอะไรเลยให้ตายสิ!! "

" ไม่รู้สิ ชั้นว่าเค้าคงเตรียมเอาไว้รึปล่าว ให้ดูสมจริงไง ? "

" อืม....."

" โอ้ย ช่างมันเหอะ ตอนนี้ชั้นว่าเรามาเครียดกับการสอบต่อไปกันดีกว่า "

"นั่นสิ ^ ^"

...

" ตึง!!!! " เสียงทุบโต๊ะอย่างแรงดังขึ้นจากในห้องผู้คุม

" ท่านครับ!! กระผมมีความเห็นให้ยุติการสอบครั้งนี้ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบเด็กคนนั้น " เช็คพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

หากแต่เกลเดอร์มองด้วยสายตาเรียบเฉย

" คงไม่ได้หรอก การสอบศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ จะยุติไม่ได้ต้องดำเนินต่อไป นี่เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างเคร่งครัด "

" แต่มันจะไม่เป็นอันตรายหรอครับ ผมว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล อยู่นะครับ "

" วางใจเถอะ เจ้าคิดว่าการสอบครานี้ใครเป็นผู้ดูแลล่ะ ? "

" เอ่อ.. " เช็ค นิ่งไปทันทีหลังจากได้ยิน

" เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ข้าจะจับตาดูเจ้าหนุ่มนั่นเอง  หึหึ "

นายพลเกลเดอร์ ยิ้มขึ้นมา ก่อนเดินออกจากห้องไป

............................................

..............................

...............

   แถวของเด็กๆที่ผ่านการทดสอบแรก กำลังเดินไปตามเส้นทางแคบๆ เพื่อเข้าสู่การทดสอบถัดไป..

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึง "ห้องสอบที่สอง" ห้องสอบนี้ต่างจากห้องสอบแรกที่เป็นโถงกว้าง หากแต่กลับเป็นห้องเล็กๆถนัดตา สุดห้องมีประตูทางเข้าที่มืดสนิท เมื่อเด็กๆเดินเข้ามาจนครบทุกคน คบเพลิงทั้งสี่มุมห้องก็ถูกจุดประกายขึ้น พลันให้เห็นทัศนวิสัยรอบๆถนัดตา

"ขอต้อนรับสู่ห้องสอบที่สอง" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น

   เป็นเสียงของผู้คุมสอบคนใหม่ เขานั่งไขว่ห้างพลางกอดอกอยู่บนคานประตูที่มืดสนิทนั่น เขาส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงมาปัดฝุ่นตามเสื้อผ้า และเดินมาหาเหล่าเด็กๆ

เขาเหลือบมองฟรีสแทบจะทันทีที่เขาเดินเข้ามา ก่อนละสายตาและเริ่มอธิบายการสอบ

" เอาล่ะ "

" ข้ามีนามว่า บรายน์ เป็นผู้คุมสอบที่สอง "

" การทดสอบนี่นะหรอ ? ก็ไม่วุ่นวายเท่าไหร่หรอก เห็นประตูนั่นมั้ย ?"

" พวกเจ้าก็แค่เดินผ่านประตูมืดๆนั่นไปให้สุดทางแค่นี้แหละ "

" ก็ใช้เซนต์นิดหน่อยล่ะนะ... "

" มีอะไรจะถามอีกมั้ย ???? " บรายด์ถามพลางเกาหัวแกลกๆ

เด็กๆพลันมองหน้ากัน แบบ งงๆ

" เอ่อ ไม่อธิบายสั้นไปหน่อยหรอ ครับ แล้วรายละเอียดอื่นๆ ละครับ ? " เด็กคนหนึ่งถามขึ้น

" ถามมากจริง เดี๋ยวลองเองก็รู้เองล่ะน่า "

เด็กๆ ต่างทำหน้าเซงๆกับผู้คุมสอบคนนี้ ดูเหมือนว่าเขารู้สึกเบื่อ ที่จะต้องมาคุมการทดสอบให้เด็กพวกนี้

" ฟรีส.. ท่าทางแม่งๆ อีกแล้ว ล่ะ "

" นั่นสิ ข้าว่าไม่ง่ายหรอก แค่เดินให้สุดทางหรอ ??? มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ "

" เห้อ ไอ้ผู้คุมสอบนี่กะน่าหมั่นไส้เหลือเกิ๊น " อีวานพูดพลางจ้องเขม็งที่หน้าผู้คุม

" เอ้า!!! จะคุยกันไปถึงไหนรีบๆ เข้ากันไปได้แล้ว แล้วเข้าไปได้ทีละคู่นะ ทิ้งช่วงสัก 5 นาที คู่ต่อไปค่อยเดินตามเข้าไป !!"

" เฮ้ยเริ่มสอบแล้วหรอ ให้ตายสิอะไรของเค้ากันเนี่ย " อีวานบ่นพลางเอากำปั้นทุบฝ่ามือ

" เอาน่าๆ ดูนั่นสิ เด็กสองคนแรกกำลังเข้าไปแล้ว "

   เด็กคู่แรกเดินตรงเข้าไปยังทางเข้าที่มืิดสนิท คนอื่นๆต่างพากันชะเง้อมองอย่างอยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

" หวาาาา!!! " ไม่ทันไรเสียงร้องตกใจก็ดังขึ้น

" จะ จะ ตกแล้ววววว!! "

ผุ้ร้องผวาห้อยต่องแต่งอยู่... มือของเขายึดเกาะปากทางเข้าประตูเอาไว้ ผู้เป็นเพื่อนกำลังช่วยดึงขึ้นมา

จากปากทางเ้ข้า สังเกตให้เห็นทางเดินแคบๆเพียง 3 - 4 นิ้ว ทอดยาวไปในความมืด รอบๆนั้นเป็นเหวลึกมองไม่เห็นสิ่งใดข้างล่างนั่น ราวกับหุบเหวนรกก็มิปาน อีกทั้งทางเดินแคบๆ นั่นก็มิใช่เส้นทางเดินตรงๆ หากแต่ มีทางลดคดเขียว ทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งทางแยกหลายทิศทาง...

" นี่มันอะไรวะเนี่ย "

" มืดก็มืดแคบก็แคบ แถมทางยังคดเคี้ยวอีก อีกอย่างขืนตกลงไปไม่ตายเอาหรอนั่น !! " เด็กที่กำลังช่วยดึงเด็กอีกคนอยู่ พูดโวยวาย

" มันจะยากอะไร ? เจ้าก็คิดสะว่าเดินบนลายเสื่อสิ ทรงตัวดีๆ เดินๆไปเดี๋ยวก็ถึงทางออกแล้ว "

" ไม่งั้นนี่เค้าจะเรียกว่าการทดสอบสมาธิรึ ?"

" ทางที่แคบและคดเคียวก็เสมือนทางเดินในการใช้ชีวิตที่ก้าวไป ความมืดก็เสมือนอุปสรรคต่างๆในจิตใจเจ้า หากเจ้ามีสติ มีสมาธิ ที่ทำให้จิตใจของพวกเจ้าแน่วแน่ และก้าวเดินไปอย่างไม่ไขว้เขวล่ะก็ หนทางแห่งความสำเร็จก็รอพวกเจ้าอยู่นั่นหละ "

" โหหมอนี่พูดมีหลักการเป็นด้วยแฮะ " อีวานพูดชื่นชมเล็กๆ

" แต่ที่เขาพูดน่ะมันฟังดูง่าย นะ ข้าว่ามันยากอยู่นา "

" หึ หึ หมูๆ สำหรับข้านะสิ "

" เมื่อก่อนน่ะ ข้าหนีเที่ยวตอนกลางคืนบ่อยๆ ข้าต้องแอบพ่อออกมาจากชั้นสองของบ้าน แล้ววิ่งไปตามกำแพงมืดๆแคบๆ จนชินแล้วล่ะ หึหึ " อีวานพูดเบ่งพลางยืดอก

" โห!! สุดยอดเลยอีวาน "

((ข้าจะชมดีมั้ยนะไอ้เรื่องที่หนีเที่ยวกลางคืนจนชินเนี่ย - -a))

" แต่ข้าว่าคนอื่นๆก็ไม่น่ายากเท่าไหร่นะ เพราะดูสีหน้าบางคนก็ไม่ตกใจเท่าไหร่เลย "

" อืมนั่นสิ บางคนอาจเคยผ่านการหนีจากบ้านตอนกลางคืนแบบเจ้ามาเหมือนกันละมั้ง ? "

" กัดข้าหรอ ชิ !! "

" ฮ่า ฮ่า ข้าล้อเล่นๆ "

" แต่งานนี้มันไม่หมูเท่าไหร่มั้ง เพราะมันไม่ใช่บนกำแพงนะสิ "

" นะ..นั่นสิ เหวนั่นตกไปจะเหลืออะไรล่ะนั่น!! "

" จะตายก่อนผ่านการทดสอบมั้ยเนี่ยยยยย " อีวานเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล

เด็กคู่แล้วคู่เล่าผ่านเข้าไป จนมาถึงคู่สุดท้ายฟรีสและอีวาน พวกเขาต่อแถวก้าวเดินเข้าไปโดยให้อีวานเป็นผู้นำหน้าและฟรีสอยู่ด้านหลัง

" เจ้าหนุ่ม " บรายด์ทักฟรีสขณะกะลังจะก้าวเข้าไป

" ค..ครับ.. "

" อย่าตกไปซะก่อนล่ะ หึหึ "

" อ่า.. ครับ ??"

(( อะไรของเค้ากันนะ ? ))

ทั้งสองเดินเข้าประตูจนหายลับไป

" เป็นอย่างไรบ้าง " เกลเดอร์เดินไขว้หลังเข้ามาในห้องทดสอบ พร้อมกับ เช็ค

" เรียบร้อยทุกอย่างครับพ้ม !!! " บรายด์ที่ทำตัวสบายๆเมื่อครู่ กลับ ยืนตรงแหน่วทำความเคารพนายพล

" อืม หวังว่าเจ้าหนูนั่นคงจะผ่านการทดสอบนี้ได้ "

" กระผมก็คิดคิดเช่นท่าน ครับพ้ม !! "

" หืมทำใมล่ะ ? " เกลเดอร์ถาม

" แววตาครับ "

" ผมเห็นแววตาอันแน่วแน่ ที่แฝงด้วยอะไรบางอย่างที่ดุดันเอาไว้ "

" โฮ่..? เจ้าก็สังเกตเห็นรึ หึหึ "

" เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าจะเป็นยังไง "

" เชิญทางนี้ครับ ท่าน !!! "

บรายด์ เดินไปกดประตูกลที่ข้างประตู ไม่ทันไรฝาผนังก็เปิดออกเผยให้เห็นบันไดลับ นายพลเกลเดอร์ และ เช็ค จึงเดินขึ้นไปยังห้องสังเกตการณ์

" เรียบร้อยขึ้นมาเชียวนะเจ้านะ หึหึ " เช็ค กระสิบข้างๆ บรายด์ก่อนเดินตามเกลเดอร์ขึ้นไป

" ชิ!! เรื่องของข้าน่า "

บรายด์เดินตามขึ้นไป ประตูกลค่อยๆปิดลงจนสนิท

การสอบที่สองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว.....

จะมีสิ่งใดเกิดขึ้น...

ฟรีส จะผ่านการทดสอบนี้ได้หรือไม่ ?

ติดตามตอนต่อไป....

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบละ คร๊บ อีก 1 ตอน ขอโทษจริงๆ นะครับ ที่หายไปนาน

เนื่องจาก ทั้งสอบ ทั้งโปรเจค ข้าน้อยไม่มีเวลาว่างเลย ต้องขอโทษอย่างสูงจริงๆ ไม่ได้ทิ้ง ฟิคแน่นอนขอรับ

ผิดพลาดประการใดขออภัยอย่างยิ่งขอร๊าบบบ :pika12:

Link to comment
Share on other sites

ทดทีนะครับติดงานมากมายกว่าจะโพสได้แต่ละตอน

แต่น้อยใจแฮะ ไม่มีคนอ่านเลยนี่สิ เฮ้อ

ถึงยังไงผมก็จะโพสตอนต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ล่ะนะครับ ถึงจะไม่มีคนอ่านก็ตาม..

ขอบคุณขอรับ

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 6 : การสอบ 3 part 2

" น..น่ากลัวใช่เล่น เลย แฮะ " เสียงสั่นเครือของอีวานดังขึ้น

" นะ..นั่นสิ มองไม่เห็นข้างล่างเลย " ฟรีสตอบ..มือสองข้างพลางเกาะตัวอีวานไว้อย่างแน่นหนา

" อย่าเกาะแน่นสิฟรีส ข้าเดินไม่ค่อยสะดวกนะ "

" ขะ..ข้า ขอโทษ...แต่มัน เสียว นี่นา...  "

" ค่อยๆ เดินไปแบบนี้ ข้าว่าเดี๋ยวก็ถึงแล้วละมั้ง "

" อืม.... "

เด็กทั้งสองเดินบนทางแคบๆที่คดเคี้ยวท่ามกลางความมืด สายตาของทั้งคู่เริ่มปรับสภาำพให้ชินกับบริเวณรอบๆ ทำให้เริ่มเดินได้ง่ายขึ้น ทางเดินนั้นหากสังเกตดีๆ จะพบเศษคริสตัลเล็กๆส่องแสงเป็นระยะ

หากแต่ไม่สว่างมากนัก แต่เป็นแสงสลัวๆ พอให้เห็นทางโค้งเลี้ยวได้ถนัดตาขึ้น จากที่เมื่อครู่แรกเดินด้วยความยากลำบาก ตอนนี้กลับเดินได้อย่างง่ายดาย

" เริ่มชินแล้วล่ะข้าว่ามันก็ไม่ยากอย่างที่คิดนะ " อีวานหันไปพูดพลางเดินไปข้างหน้า

" นั่นสิ ข้าว่าการทดสอบนี้คงมีคนผ่านแทบทุกคน "

" งั้นเรารีบๆเดินกันดีกว่าฟรีส ข้าว่าป่านนี้คนแรกๆ คงไปถึงกันหมดแล้วหล่ะ "

" อื้ม "

......

............

" เฟี้ยว!!!!! "

" เอ๊ะ !!! หวะ หวาๆๆๆๆ"

เสียงบินโฉบของอะไรบางอย่างบินผ่านหัวของอีวานไปอย่างรวดเร็ว

" อะ..อะไร !!!? "

" ฟรีสนายทำอะไรน่ะ !!!? " อีวานหันขวับไปหาฟรีส

" หา ? ชั้นไม่ได้ทำอะไรนะ!! "

" มะ..เมื้อกี้เหมือนมีอะไรบินผ่านหัวชั้น !! "

" หา? "

" เฟี้ยววววว !!!" เสียงลึกลับระลองสองดังขึ้นแต่คราวนี้โฉบไปทางฟรีส

" เฮ้ย!! "

" ควับ !!! "  ฟรีสก้มหัวหลบแทบจะทันที

" ตะ..ตัวอะไร!? " อีวานถาม

" ไม่รู้สิ มองไม่เห็นอะไรเลย "

" อะ..เอาไงดีฟรีส!! ขืนเป็นงี้ถ้าโดดนมันโฉบจังๆ ล่ะตกลงไปแน่ "

ไม่ทันขาดคำ เสียงลึกลับก็พุ่งเข้ามาที่อีวานอย่างรวดเร็ว

" เฟี้ยวววววววววววววววววววว!!! "

" อีวานหลบ!!!! " ฟรีสตะโกนบอกผู้เป็นเพื่อน

"หะ หา!!"

"อั๊กกก!! หวาาาาาาาา" เสียงกระแทกดังขึ้น แรงกระแทกทำให้อีวานควบคุมตัวไม่อยู่บวกกับพื้นยืนที่แคบทำให้เขาเสียหลักและล้มลงไป

"ว๊ากกกก กกกกกกก ร่วงแล้ว ฟรีสสสสสส"

"ควับ!!!" ฟรีสคว้ามืออีวานไว้ได้ทัน หากแต่ตอนนี้เขานอนคร่อมทางแคบๆนั้นอยู่ มือซ้ายและขวาของเขา จับมืออีวานไว้แน่น

" ดะ ดึง ขึ้นไปที!!!"

" ดึงอยู่ "

" อึกกกกก ฮึบบบบ !!!" ฟรีสออกแรงเต็มที่ดึงผู้เป็นเพื่อนขึ้นมา

อีวานอาศัยแรงดึงจากฟรีสเอามืออีกข้างคว้าไปเกาะพื้นได้และพยุงตัวขึ้นมาสำเร็จ

" แฮ่กๆ แฮกๆ "

"  แฮ่กๆ "

" นึกว่าจะไม่รอดแล้ว... " อีวานพูดพลางหอบเหนื่อย

" นะ..นั่นสิ แฮ่กๆ"

" เมื่อกี้มันตัวอะไร "

" ข้าก็ไม่รู้...แต่มันต้องมาอีกแน่ "

" งั้นตอนนี้จะเอายังไงดีล่ะ ?? "

" เอ่อ.... "

" ข้าว่า...เราค่อยๆคลานกันไปจะดีกว่า..เพราะเจ้านั่นมันบินได้ หากเราเดินกันไปอย่างนี้มีหวัง ถูกมันชนลงก้นเหวแน่ " ฟรีสออกความเห็น

" ตกลง!! "

" อื้ม!! "

ทั้งคู่ค่อยคลานบนทางแคบๆอย่างระมันท่ามกลางเสียงโฉบไปโฉบมาของสิ่งลึกลับ ทั้งคู่พยามไม่ส่งเสียงเพื่อไม่ให้สิ่งนั้นรู้ตัวและเข้ามาเล่นงาน

"(( อึก..ลำบากชมัด ))"

"(( ชู่ววว!! เบาๆหน่อยอีวาน เดี๋ยวมันก็รู้ตัวหรอก ))"

"(( คลานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็พ้นมันเอง ))"

"((ข้าก็พยามอยู่น่า))"

ทันใดนั้นมือของอีวานสัมผัสถึงสิ่งหนึ่ง

((หืม?))

((อะไรนิ่มๆ ????))

((???))

(("หยุดทำใมอีวาน ไปต่อสิ"))

((" ข้าจับโดนอะไรไม่รู้นิ่มๆ "))

((" นิ่มๆ??? ")) ฟรีสทำน่าฉงน

" พลัก!!! "

" โอ้ยย!!! "

สิ่งตรงหน้าผลักกระแทกอีวานกระเด็นไปข้างหลังจนแทบหงาย แต่ฟรีสจับและพยุงไว้ทัน

" มะ..มีอะไร อีวาน "

" อะ อะ ไอ้นิ่มๆ!!! "

" อะไรไม่รู้นิ่มๆ ผลัก ข้า !! "

ทั้งคู่จ้อมมองไปตรงหน้า เผยให้เห็น หนอนตัวใหญ่ขวางทางอยู่ มันมีตัวสีเขียวอ่อนๆ รอบตัวมีขนสีเขียวเป็นตุ่มๆึขึ้นอยู่ตามตัว

" เฟเบอร์!! " ทั้งสองเอ่ยแทบจะพร้อมกัน

เฟเบอร์ (fabre) แต่เดิมนั้นเป็น monster ประเถทแมลง ที่อาศัยอยู่ในป่ารอบๆของเมืองต่างๆ เป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำที่ไม่เก่งกาจเหมาะสำหรับผู้ฝึกหัดใหม่ที่มักใช้มันสำหรับฝึกหัดในการต่อสู้ขั้นแรก

" ไอหนอนบ้านี่มาอยู่ตรงนี้ได้ไง?? " อีวานพูดพลางชีนิ้วไปทางหนอนตรงหน้า

" นั่นสิ ! มาจากไหนกันล่ะเนี่ย ?? "

" ข้าว่า แตะมันให้ตกลงไปแล้วรีบไปต่อเหอะ " อีวานออกความเห็น

"ฟึ่บ!!!!"

"เฮ่ย!!"

เสียงดีดตัว ของหนอนตัวเขียวเบื้องหน้ากระโจนพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่ ฟรีสและอีวานก้มตัวหลบแบบฉิวเฉียด ทำให้มันพ้นข้ามหัวทั้งคู่ไป

" มันดีดตัวเข้ามาเร็วมากเลยฟรีส!! "

" ข้าว่าไม่ดีแน่ รีบไปต่อเถอะ เดี๋ยวมันจะกระโจนมาใส่อีก"

"เฟี้ยว!!!!" เสียงลึกลับเจ้าเก่ากลับมาอีก มันกำลังจะโฉบลงมาที่ทั้งคู่

" ว๊ากกกกก "

" มะ มันมาอีแล้ว " อีวานร้องเสียงหลง

" มันได้ยินเสียงร้องพวกเราเมื่อกี้นะสิ !! "

" ท่าไม่ดีแน่ขืนเป็นงี้ตกลงไปทั้งคู่แน่ "

" ชิ!!!! "

สิ่งลึกลับพุ่งไปทางอีวานอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้น!!

" หมับ!!! " มือของฟรีสคว้าจับสิ่งตรงหน้าแทบจะทันทีด้วยความเร็วสูง

" หวี่!!!! หวี่!!! " เสียงร้องของสิ่งลึกลับตรงหน้าพยามดิ้นให้หลุดจากมือฟรีสแต่ไม่สามารถทำได้ ในมือของฟรีสเผยให้เห็นแมลงวัลสีน้ำตาลตัวหนึ่งกำลังสะบัดปีกใสๆของมันเพื่อให้หลุดพ้นจากมือฟรีส

" ชอน ชอน นี่เอง " อีวานพูดชื่อแมลงที่อยู่ในมือฟรีส

" ใช่ เจ้าตัวนี้แหละที่บินโฉบใส่พวกเรา "

" ต้องกำจัดทิ้งเดี๋ยวมันจะเล่นงานเราอีก "

" ชั้นขอเองหมั่นไส้นัก มันทำชั้นเกือบตาย "

"อื่ม " ฟรีสส่ง ชอน ชอน ในมือให้ อีวาน เขาทำหน้าแหยะยิ้ม ทำ เอาชอน ชอน ตรงหน้าสั่นระริก ไม่ทันไรอีวานก็ซัด ชอน ชอนตัวนั้นจนร่วงตกลงไปในเหว

" ฮ่า ฮ่า สะใจ "

"แหะๆ " ฟรีสหัวเราะแห้งๆ

"ว่าแต่ ฟรีส...นายทำได้ยังไง ?"

" ทำอะไรหรอ ? "

" ก็เมื่อกี้นี้ที่เจ้า ชอน ชอน นั่นพุ่งเข้ามา นายจับมันได้ยังไง ? "

" ถึงตาจะเริ่มชินกับความมืดแล้วก็เถอะแต่ก็ไม่น่าจะจับสิ่งที่เคลื่นไหวได้เร็วขนาดนั้นในที่มืดๆแบบนี้ได้ นายใช้ทริคอะไรกันแน่ ? "

ฟรีสยิ้มที่มุมปาก ก่อนหันไปบอกเพื่อน

" เสียง.. ไงล่ะ "

" เสียง ? "

" ใช่ ในที่มืดๆแบบนี้ กับสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วๆน่ะ พึ่งประสาทตาอย่างเดียวไม่ได้หรอก "

" ชั้นจึงหลับตาแล้วฟังเสียงของมันเพื่อจับตำแหน่งเอาน่ะ "

" โหหห สุดยอดเลยฟรีส " อีวานทำหน้าตกใจพลางกล่าวชม

" มันก็ไม่ได้ง่ายอะไรหรอก นะ แต่ก็เคยฝึกมาบ้างน่ะ แหะๆ " ฟรีสเกาหัวยิ้มแบบเขินๆ

" โชคดีจริงๆ ที่จับคู่กับนายเนี่ย "

"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ชั้นว่าเรารีบไปตะ...."

" หวี่ หวี่ หวี่ ๆๆ "

" หวี่ๆ หวี่ๆ "

" หวี่ๆ "

ยังไม่ทันสิ้นเสียงฟรีส เสียงร้องของชอน ชอน หลายสิบตัวดังขึ้นรอบๆฟรีสและอีวาน

" คราวนี้อะไรอีกเนี่ย!!!"

" ชั้นว่าไอ ชอน ชอน ตัวที่นายซัดเมื้อกี้มันไปตามเพื่อนมาแก้แค้นน่ะสิ" ฟรีสพูดพลางเอานิ้วชี้ไปทางชอน ชอน ท่าทางสะบักสะบอมตัวหนึ่ง ตรงหน้า "

" หว๋าา มันมาล้างแค้นพวกเราสินะ "

" ท่าไม่ดีอีกแล้วสิ "

"เอาไงดีล่ะ ฟรีสสสส" อีวานเอามือมาเกาะเพื่อน ทั้งคู่แทบไม่กระดุกกระดิก

" นายเดินนำไป ตรงนี้ชั้นจัดการเอง.. "

" ห๋าา ?? ว่าไงนะ "

" เอาน่าเดินน้ำหน้าชั้นไป ชั้นจะจัดการมันให้ "

" บ้าน่า เยอะขนาดนี้เนี่ยนะ ไม่ไหวหรอกฟรีส "

" เชื่อใจชั้นเถอะ... " ฟรีสพูดพลางเอามือตบไหล่อีวาน

"ดะ..ได้ " อีวานตอบ เขาค่อยๆก้าวท้าวไปอย่างสั่นเทา เมื่อท้าวของเขาก้าวไป เป็นสัญญาณให้ ชอน ชอน บุกโจมตี !!

" เฟี้ยวววว!! เฟี้ยวๆๆ!!! เฟี้ยว!!! " เสียงพุ่งของชอนๆ นับสิบ พุ่งตรงเข้ามายังพวกเขา อีวานหลับตาปี๋ทันที หากแต่ฟรีส กลับยืนนิ่งสงบมิไหวติง ตาของเขาหลับลง ....

ชอน ชอน 2 ตัวแรกพุ่งเข้าใส่  เหมือนเวลาหยุดลง  ทรรศนวิสัยรอบๆตัวเขาตอนนี้เปรียบดังภาพสโลวโมชั่น

....ฟรีสเอนขยับตัวเล็กน้อยฉากหลบออกด้านข้าง....

......มือข้างหนึ่งยกขึ้นสูง....

......ฝ่ามือพุ่งสับเข้าที่กลางตัว ชอน ชอน อย่างฉับไว.....

แทบจะทันทีที่ ชอน ชอน พุงผ่านไป แมลงสองตัวกลับร่วงผลอยตกลงไปในเหวทันที

" สะ..สุด..ยอดด " อีวานตลึงเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า

" เดินไปเร็ว อีวาน..!! "

" โอเช!!"

สิ้นเสียงอีวานเขาก็จ้วงเท้าเดินไปอย่างไม่รีรอ ตามด้วยฟรีสคอยเดินตามหลังเพื่อนไปเรื่อยๆ ชอน ชอน ตัวแล้วตัวเล่า ที่วิ่งพุ่งผ่านเขา กลับตกลงไปทีละตัวสองตัว ดั่งใบไม้ร่วง

..............

.......

" ฮ่า ฮ่า ว่าแล้วว่าเจ้าเด็กนี่มีดี " เสียงหัวเราะร่าของนายพลเกลเดอร์ดังขึ้น เขานั่งกอดอกมองภาพเบื้องล่างที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

" ใช่ครับ สมาธิ ไหวพริบ และ ความเฉียบคม สูงจริงๆ " เช็คกล่าวชม

" นั่นสิเผลอๆ หากฝึกดีๆ ในอนาคตอาจเก่งกว่านายอีกนะเช็ค หึหึ " บรายด์พูดกัดผู้คุมเช็ค

" เฮอะ ใครจะเหมือนเจ้าล่ะ ฝีมือไม่ถึงขั้นแต่กลับได้เป็นผู้คุม ข้าล่ะหนักใจ "

" เชอะแล้วเจ้าล่ะ..!! "

"เอ้า..เงียบหน่อย ข้ากำลังจับตาดูเจ้านั่น อยู่ ถ้าอยากกัดกันลงไปกัดกันข้างล่างโน่น " เกลเดอร์เอ่ยแทรกมากลางลำ

" ขอโทษครับ!! " ทั้งสองพูดพร้อมกัน ก่อนจะหันหน้ามาเขม่นกันต่อ

" การสอบนี้ท่าจะสนุกนะ " นายพลเกลเดอร์ยังคงจับจ้องฟรีส มิวางตา

" เอาล่ะๆ พวกเจ้าไปประจำที่กันได้แล้ว การสอบสองคงใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วล่ะ ข้าก็จะไปเตรียมตัวด้วย "

" ครับท่าน " สิ้นเสียงทั้งคู่ ก็เดินออกไปจากห้อง

" เอาล่ะ ต่อไปข้าจะไปเป็นผู้คุมสอบที่สามเอง รอก่อนนะเจ้าหนู หึหึ "

นายพลเกลเดอร์หัวเราะในลำคอ ก่อนเดินออกจากห้องไปเช่นกัน

.........................................

............................

...............

ทั้งคู่ ฝ่าฝูงชอนๆ มาสักพักใหญ่..

ไม่ทันไรเสียงดีใจขออีวานก็ดังขึ้น... พลางชี้ให้ฟรีสมองไปยังทิศที่เขาชี้ไป

แสงสว่างเบื้องหน้าปรากฏ... รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่

เขาทั้งสองรีบเดินจนถึงทางออก แสงสว่างตรงหน้าสาดมากระทบใบหน้าทั้งคู่ จนพวกเขาต้องเอามือป้อง

หากแต่ความยินดีที่ผ่านความยากลำบากมาได้กลับทำให้พวกเขากระโดด ร้องยินดี

"แป๊ะ!!" เสียงฝ่ามือของทั้งสองชูขึ้นกระทบกันเป็นชิงบอกถึงความสำเร็จ

.........................

.....

" มาโผล่ที่ไหนล่ะเนี่ย? " อีวานถาม

" ชั้นว่าโผล่มาบริเวณหลังตึกสอบนะ "

" คงงั้น "

ทั้งคู่หันไปมองประตูที่ตัวเองผ่านออกมา ทำให้เห็นด้านหลังของตึกที่พวกเค้าเข้ามาตอนแรก

" เอาล่ะ พวกนายเป็นคู่ ที่ 4 ที่ผ่านการทดสอบที่สองมาได้ " เสียงของผุ้คุมบรายด์ดังขึ้น เขาเดินออกมาต้อนรับฟรีสและอีวานที่ผ่านออกมา

" หา!!! คู่ที่ 4 ??" ทั้งคู่พูดพลางมองหน้ากัน

" ใช่ พวกที่ผ่าน น่ะ  ไปรออยู่ ตรงโน้นแล้ว"

บรายด์ชี้ไปทาง ประตูทางเข้าอีกด้านหนึ่ง ที่เป็นทางใต้ดินลงไป

"แล้วเด็กๆที่ไม่ผ่าน ตาย หมดเลยหรอ ครับ !!!! " ฟรีสตะโกนถาม

"ไม่ตายหรอกน่า เหวที่ตกลงไปน่ะ ข้างล่างเป็นบ่อน้ำบาดาล ที่ไหลเชื่อมไปถึงหน้าเมือง มีผุ้คุมคนอื่นๆคอยรับตัวแล้วล่ะ" บรายด์อธิบาย

" เฮ่อ โล่งอก นึกว่าการสอบนี้จะตายหมู่สะแล้ว " อีวานพูดพลางปาดเหงื่อ

" หึ หึ แต่ก็เก่งนี่ ผ่านมาได้ "

" แน่นอน ก็คนมันเก่งนี่ใช่มั้ยฟรีส ฮ่า ฮ่า " อีวานหัวเราะพลางตบไหล่ฟรีส

" แหะๆ " ฟรีสยังคงเกาหัวแกลกๆ ตามเคย

" เอาล่ะๆ พวกเจ้าผ่านมาได้ ก็ไปสบทบกับพวกนั้นซะ เดินลงไปเรื่อยๆ ก็ถึงห้องสอบที่สามเอง "

" ครับ!! " ทั้งคู่เอ่ยรับ ก่อนเดินลงไปยังทางใต้ดิน

บรายด์ยืนมองฟรีสและอีวานเดินลงไปยังชั้นใต้ดินจนลับตา

" ขอให้โชคดีกับก่อนสอบต่อไปละกัน หึหึ "

" ว่าแต่.....!! "

" บรรยากาศแปลกๆ นี่มันอะไรกัน ? "

" รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น...... " บรายด์ทำสีหน้าครุ่นคิด

" อืม.... คิดมากไปเองละมั้ง ไปพักดีกว่า เฮ้อ.... "

..............................................................................

.......................................

ณ หน้าเมือง Izlude

แสงสีดำสามลูกค่อยลอยลงมา ก่อนจะค่อยๆคลายรูปร่างกลายเป็นสิ่งมีชิวิตสามตน

" ถึงแล้ว... " สัตปีสาจเอ่ย

" อยู่เมืองนี่สินะ คิก คิก " ปีสาจน้อยเดวิชเอ่ย

" ต๊าย ! เมืองเล็กชมัดเลย  " ปีสาจสาวลาจเอ่ย

" เอ...อยู่ไหนกันน้อ ชักสนุกแล้วสิ "

" ลูซี่จัง ไอ้หมอนั่นมันอยู่ไหนล่ะ ?? "

ลูซิเฟอร์ชี้ไปทาง ตึกเหนือสุดของเมือง

" ตึกโกโรกโสนั่นหรอ ?? เฮ้อ ไปหมกตัวอะไรที่นั่นกันนะ โลวคลาสจริง " ลาจพูดพลางมือเท้าสะเอวมืออีกข้างแตะหน้าผากซ้าย

" น่าสนุกอยู่ดีล่ะ คิก คิก "

" อย่าเอิกเกริกนักล่ะ ! ....เราไปล่าเจ้านั่นกัน!!! "

" Go!! Go!!"

"...."

ทั้งสามตน กลายเป็นบอลแสงสีดำอีกคราก่อนพุ่งตรงไปยังตึกสนามสอบ พร้อมด้วยเหล่าปีสาจ

ฟรีสจะเป็นเช่นไรเขาจะผ่านการสอบไหม..

และจะรอดพ้นจาก 3 ปีสาจรึไม่

โปรดติดตามในตอนต่อไป

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจขอรับ ซึ้ง :pika12:

ตำนานที่ 1 : ปฐมบท

บทที่ 7 : เหตุผล

"เฮ้อ... "ข้าชักเบื่อกับการเดินในที่มืดๆแคบๆแล้วล่ะ "

"เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ การสอบนี่ " อีวานเดินไปพลางบ่นไปพลางเป็นระยะๆ

"แต่นี่ก็การสอบสุดท้ายแล้วนะ อีวาน เราผ่านสองการทดสอบแรกมาได้ เชื่อสิครั้งนี้เราก็ต้องผ่านไปได้" ฟรีสพูดให้กำลังใจเพื่อน

"แต่ข้ารู้สึกเหมือนข้าเอาแต่พึ่งเจ้านี่นา"

"ไม่เอาน่า ถึงเราจะพึ่งรู้จักกันแต่นายก็เป็นเพื่อนชั้นนะ"

"ค..โคตรซึ้งเลย วะ" อีวานตบบ่าฟรีสพลางน้ำตาซึม

"อ่าา แหะๆ เดินต่อเหอะนะ - -a"

"นี่..ฟรีส"

"หืม?"

"เจ้าน่ะทำไมถึงอยากเป็นนักดาบหล่ะ"

"ทำำไมนะหลอ คือพูดลำบากน่ะ"

"อืม..สำหรับข้า....."

"ข้าน่ะ...อยากพิสูจน์"

"พิสูจน์ให้พ่อของข้าเห็น... ว่าถึงแม้ข้าจะไม่เอาไหนก็ตาม ข้าก็มีสิ่งที่ข้าพยายามและทำได้เช่นกัน.." อีวานพูดพลางยิ้มจางๆ

"เจ้าก็ใกล้จะทำสำเร็จแล้วนี่"

"ไม่หรอก" อีวานส่ายหน้า

"ถึงข้าผ่านการสอบไปได้พ่อข้าก็คงไม่ยอมรับอยู่ดี"

"ทำใมล่ะ ?"

"เพราะบ้านข้าเป็นตระกูลช่างตีดาบนะสิ"

"หา?...ตระกูลช่างตีดาบ" ฟรีสอุทานออกมาด้วยความตกใจ

"ใช่..ข้าหน่ะ เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลตีดาบที่โ่ด่งดังของพรอนเทร่า "

"อย่่าบอกนะลูกชาย ของเอ็ดเวิร์ด เจนเซ่น !!"

"อืม..ข้าก็บอกชื่อเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วนา เจ้าไม่เอะใจบ้างหรอ"

"โทษที... เผอิญตอนนั้น ข้ายังตกใจเรื่อง โดนดาบจ่อคออยู่ หน่ะ"

"ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ข้าหน่ะไม่ได้อยากเป็นช่างตีดาบสักหน่อย"

"ข้าหน่ะ อยากออกไปผจญภัยในโลกกว้าง อยากไปสัมผัสสิ่งต่างๆในโลกนี้ด้วยตาของตัวเอง ข้าถึงมาสมัครเป็นนักดาบยังไงล่ะ"

"เจ้าก็เลยแอบหนีพ่อของเจ้ามาสินะ"

"อื้ม...ข้ามาแอบอยู่กับลุงข้าในเมืองนี้น่ะ"

"ว่าแต่..แล้วเจ้าล่ะ.. ทำใมถึงอยากเป็นนักดาบ"

"ข้าน่ะ กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก.."

"หาา" อีวานมองฟรีสด้วยความตกใจ

"ป้าโรสเล่าให้ข้าฟังว่า ตอนท่านกำลังกลับจากไปทำพิธีที่โบสถ์ในเมือง ตอนนั้นฝนตกหนักมาก......"

========================================================================

"ซ่าาาา"

"ครืนนนนน"

เสียงฝนกระหน่ำลงมาราวกับพายุก็มิปาน ลมอันกราดเกลี้ยวพัดโหมกระำหน่ำจนต้นไม้รอบๆเอนเอียง ข้าวของต่างปลิวว่อนไปตามกระแสลม

"โอย อะไรกันเนี่ย เมื่อกี้นี้อากาศยังดีอยู่เลย" เสียงป้าคนนึงบ่นอุบอยู่ใต้ชายคาโบสถ์

"พักอยู่ที่นี่สักครู่รอจนฝนซาก่อนเถิดค่ะ ป้าโรส" เสียงหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามา

"ซิสเตอร์.."ป้าโรสหันไปพลางเอ่ยชื่อ

"ฝนคงยังตกอีกนาน เข้ามาพักข้างในก่อนเถอะค่ะ"

"ขอบคุณค่ะท่าน แต่ยัยฟีลล์หลานสาวขี้แยนั่นกำลังรอดิชั้นอยู่นะค่ะ ป่านนี้ร้องไห้งอแงแล้ว ยัยนั่นยิ่งกลัวฟ้าร้องอยู่"

"ออกไปตอนนี้มันตรายนะคะ ฝนตกหนักขนาดนี้"

"ถ้าท่านว่าเช่นนั้น ดิชั้นก็จะรอให้ฝนซาสักหน่อย"

"งั้นเข้ามาข้างในดีกว่าค่ะ ยืนตรงนี้ฝนสาด เดี๋ยวป้าจะไม่สบาย"

"ค่ะค่ะ"

"เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!"

เสียงกัมปะนาทกึกก้องของลำแสงสีฟ้าสาดลงมายังพื้นเบื้องล่าง อานุภาพของมันทำเอาอาณาบริเวณรอบๆ ลุกไหม้เป็นวงกว้าง ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำมิหยุดยั้ง

"โอย...ฟะ ฟ้าผ่า รุนแรงชมัด โอยแสบแก้วหู" ป้าพูดพลางเอามือขึ้นป้องที่หู

"ฟ้าผ่าบริเวณข้างๆโบสถ์นี่เอง แถวบริเวณป้ายหลุมศพด้วย" ซิสเตอร์อุทานด้วยความตกใจ

"ป้าอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวเราจะไปดูความเสียหาย"

"มะ ไม่ได้ นะค่ะ ซิสเตอร์ มันอันตราย!!"

"ไม่เป็นไรค่ะป้าอยู่ที่นี่เถอะ"

ไม่ทันที่ป้าโรสจะห้ามซิสเตอร์ก็วิ่งออกไปแล้ว

"โธ่ ท่านนะท่านบอกไม่ให้เราออกไปเพราะอันตราย แต่ท่านออกไปแล้ว เฮ้อ" ป้าโรสพูดพลางมองซิสเตอร์วิ่งออกไปด้วยความเป็นห่วง

ซิสเตอร์วิ่งพลางเอามือกำบังลมและฝนที่เทกระหน่ำลงมา เธอค่อยๆวิ่งมาตามแนวชายคาของโบสถ์จนมาถึงบริเวณด้านข้างโบสถ์ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ้าผ่าเมื่อครู่

รอบๆเป็นรอยไหม้ดำของไฟไหม้ที่เกิดจากฟ้าผ่า ต้นไม้รอบๆต่างหักล้มและยังคงมีไฟลุกไหม้อยู่บางส่วน พื้นบริเวณที่สายฟ้าผ่าลงมามีเศษหินและดินน้อยใหญ่กระจัดกระจายโดยรอบ ข้างในเผยให้เห็นหลุมบ่อขนาดใหญ่

"แฮ่กๆ โชคยังดี ที่ป้ายสุสานด้านข้างไม่เป็นอะไร" ซิสเตอร์พูดพลางหอบเ่หนื่อยท่ามกลางฝนที่ยังเทลงมา

เธอหันหลังกำลังจะวิ่งกลับเข้าไปในโบสถ์ แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เธอต้องหันกลับไปทางต้นเสียงทันที

"อุ แว้้ อุแว้" เสียงนั่นดังมาจากกหลุมที่ฟ้าผ่าลงมาเมื่อครู่

"เสียงนี่มัน.....?" ซิสเตอร์เอ่ยด้วยความสงสัยพลางเดินไปใกล้ๆ ต้นเสียงนั่น

  เธอเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง พลางเดินหลบรอยหินแตกรอบๆ จนมาถึงที่หลุม

ตรงหน้าปรากฏทารกตัวน้อยคนหนึ่งนอนร้องไห้อยู่ใจกลางหลุมท่ามกลางพายุและฝนที่โหมกระหน่ำ รอบๆของเด็กทารกคนนั้นมีแสงเรืองรองรอบกาย ทำให้เธอแปลกใจยิ่งนัก

  "เด็กทารกคนนี้..." เธอเดินเข้าไปอุ้มเด็กทารกตัวน้อยขึ้นมาในอ้อมแขน เด็กน้อยยังคงร้องไห้งอแงส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว

ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าเป็นประกายปรากฏขึ้นบริเวณเหนือหัวของเธอ แสงนั่นค่อยๆกลายรูปเผยให้เห็นหญิงสาวในชุดเกราะอัศวินนางหนึ่ง ค่อยๆลอยลงมาเบื้องหน้าของเธอ

"ผู้นำหนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย..." เสียงของหญิงสาวตรงหน้าเอ่ย

"ข้ามีนามว่า วาไครี่ รับบัญชาแห่งสวงสวรรค์ มาเฝ้าดูและชี้นำสิ่งที่เป็นไปและดำเนินไปของอนาคตนี้"

ซิสเตอร์สาวกำลัง ตะลึกกับภาพตรงหน้า มือของเธอยังคงโอบอุ้มเด็กทารกน้อย...

"ทารกน้อยตรงหน้าเจ้า.... เป็นผู้ที่จะกำหนดลิขิตชะตา..."

"ชะตาของโลกนี้.... ของพวกเจ้า...."

"ข้าเป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำและเฝ้าดู... มิอาจยุ่งเกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคตได้"

"พวกเจ้า..... จงชุบเลี้ยงเด็กคนนี้"

"ให้เขาเติบใหญ่"

"ให้เขาได้เลือกสิ่งที่เขาจะก้าวเดิน"

"และนำพาโลกนี้ไปสู่ทางที่ควรเป็น"

"พวกเราเหล่าเทพขอฝากฝังพวกเจ้า มนุษย์เอ๋ย..."

ทันทีเธอกล่าวจบเธอก็กลับกลายเป็นแสงสว่างสีขาว ก่อนแสงนั่นค่อยๆหล่อรวมตัวกันเป็นสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นคือจี้สร้อยคอสีเงิน มันค่อยๆลอยลงมาบนมือของซิสเตอร์ เธอกำจี้สร้อยคอนั้นไว้ ก่อนจะค่อยๆมองทารกน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

............................................................

...................................

.....

"ซิสเตอร์ทำใมช้าจังนะ ...!!! จะเป็นอะไรรึเปล่าวเนี่ย" ป้าโรสเดินวนไปวนมาด้วยความกังวล

"แอ๊ดดดด.."เสียงเปิดประตูโบสถ์ดังขึ้น ป้าโรสหันขวับไปทันทีพลางแสดงสีหน้าดีอกดีใจ

"กลับมาแล้วหรือค่ะท่าน ทำใมนานจังแล้วเป็นอย่างไรบ้าง"

"เอ๊ะ...!! ในมือท่านนั้นมัน..??" ป้าโรสทำหน้าฉงนสิ่งที่ซิสเตอร์นำกลับมาด้วย

"ทารกนี่ค่ะ...!!"

"ท่านไปเจอมาจากกันหรือค่ะ ??" ป้าโรสถามด้วยความสงสัย

"พอดีเราพบเขาแถวๆข้างโบสถ์น่ะคะ"

"ห๋า..!!? ใครกันนะเอามาทิ้งได้ลงคอ หนอยแม่จะจับมาสับทำบะช่อให้" ป้าโรสพูดพลางมือเท้าสะเอว

"ป้าค่ะ พอจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ได้รึปล่าวค่ะ"

"อะ..เอ๋ ดิชั้นหรือค่ะ"

"ค่ะ ทางโบสถ์ไม่สามารถรับเด็กเพิ่มได้แล้วน่ะค่ะ ถ้าเป็นการไม่สะดวก ป้าจะ..."

"โอ้ยยย ได้เลยค่ะท่าน ที่บ้านก็มีแต่อิชั้นกับหลานสาวจอมยุ่งแค่สองคน จะรับเพิ่มคนสองคนไม่เป็นไรหรอกค่ะ"

"นี่ท่ายัยฟีลล์รู้ว่าได้น้องชายเพิ่ม คงจะดีใจกระโดด โลดเต้นแน่ๆ เลยคะ"

"ดีเลยค่ะ... ถ้าเป็นเช่นนั้นเราขอฝากเด็กคนนี้ไว้กับท่าน"

ซิสเตอร์ส่งเด็กในอ้อมแขนให้กับป้าโรส

"โอ๋ๆๆ มามา หยุดร้องไห้สะนะ เด็กน้อย ใหนๆ ดูซิ"

"โอ้.. น่ารักน่าชังจริงเชียว"

ซิสเตอร์ยิ้มพลางมองเด็กทารกตัวน้อยในอ้อมแขนป้าโรส

"ตั้งชื่อเขาว่าอะไรดีค่ะท่าน"

"ตามแต่ป้าเลยค่ะ"

"อืม...ชื่ออะไรดีล่ะ เจ้าหนูน้อย โหตัวเย็นเจี๊ยบเลย ยังกะน้ำแข็งแน่ะ"

"งั้น......ชื่อ "ฟรีส" เป็นไง"

"ชอบมั้ยเจ้านู๋"

ทารกน้อยตรงหน้าเริ่มหยุดร้องไห้ เขาเริ่มหัวเราะคิกคัก

"แหม ท่าจะชอบชื่อนี้สินะ งั้นต่อไปนี้เจ้าชื่อ ฟรีส ละกันน๊ะ นู๋ฟรีส"

ป้าโรสเรียกชื่อ พลางหยอกเล่นกับทารกตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

   ลมพายุเมื่อที่โหมกระหน่ำเริ่มเบาลง ฝนกระหน่ำเมื่อครู่เริ่มซาลงในที่สุด แสงจากดวงอาทิตย์ค่อยๆลอดผ่านหมู่เมฆ สาดทอแสงลงมายังพื้นเบื้องล่าง เหล่านกน้อยเริ่มออกมาโผบิน ผีเสื้อต่างบินไปมาท่ามกลางหมู่ดอกไม้ รุ้งกินน้ำหลากสีเผยสง่าท่ามกลางทองฟ้าสีครามอันสดใส บุตรผู้ถือชะตาของโลกได้กำเนิดขึ้นแล้ว....

...........................................

...................

........

========================================================================

"โห..นายถูกทิ้งที่โบสถ์ท่ามกลางพายุ หรอ.."

"อืม...ชั้นถูก เค้าเก็บมาเลี้ยงน่ะ แต่ถึงอย่างนั้นชั้นก็รักป้าโรสเหมือนแม่แท้ๆ และพี่ฟีลล์เหมือนพี่สาวแท้ๆ ล่ะนะ"

"แย่กว่าของชั้นอีกแฮะ"

"ไม่หรอกน่า.... แต่มันก็เป็นแรงผลักดันให้ชั้นอยากตอบแทนป้าและพี่สาว เพื่อจะสร้างชื่อเสียงและความภูมิใจของพวกท่านที่ชุบเลี้ยงชั้นมาน่ะ"

"ชั้นจึงฝึกฝนตัวเองมาโดยตลอด น่ะ เพื่อเป็นนักดาบแห่งราชอาณาจักรให้ได้"

"ชั้นว่านายต้องทำได้ฟรีส"

"อิ้มนายก็เช่นกันอีวาน"

ทั้งคู่จับมือกัน ก่อนจะเดินไปยังห้องสอบที่สาม ซึ่งอยู่เพียงข้างหน้าของพวกเขา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบไปอีกตอนนึงนะขอรับ ขอชี้แจกสักนิดนะขอรับตัวเอียงคือการย้อนอดีตนะขอรัลเพื่อให้สื่อเข้าใจยิ่งขึ้น

อาจจะแต่งไม่ดีเท่าที่ควรแต่ก็จะพยามในทุกๆตอนไปนะขอรับ มีอะไรก็ชี้แนะกันได้นะขอรับ

จะพยามปรับปรุงฝีมือยิ่งๆ ขึ้นไป ขอบคุณขอรับ

Link to comment
Share on other sites

แอบงงตรงนี้

"นี่..ฟรีส"(อีวานถาม)

"หืม?"(ฟรีสทำเสียงแบบสงสัย)

"เจ้าน่ะทำใมถึงอยากเป็นนักดาบหล่ะ"(อีวานถามต่อ)

"ทำใม......นะหลอ....."ฟรีสเอามือกอดอกพลางคิด

"ข้าน่ะ...อยากพิสูจน์"

"พิสูจน์ให้พ่อของข้าเห็น... ว่าถึงแม้ข้าจะไม่เอาไหนก็ตาม ข้าก็มีสิ่งที่ข้าพยายามและทำได้เช่นกัน.." อีวานพูดพลางยิ้มจางๆ

อีวานถามฟรีส แล้วอีวานก็ตอบซะเอง?

"ถึงข้าผ่านการสอบไปได้พ่อค้าก็คงไม่ยอมรับอยู่ดี"

พ่อค้ากับพ่อข้าต่างกันลิบลับเลยนะครับ แต่ในกรณีนี้ พ่อเป็นช่างตีดาบ(เดาว่าแบล้กสมิท) ถือว่าหยวนๆ คลาสสายเดียวกัน

[me=MSN]โดนเตะ[/me]

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.