Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

ฟิคโปเกมอน *<~The Pokemon Future Destiny (Remake)~>*


bluewind

Recommended Posts

จากผู้เขียน

แต่เดิมฟิคนี้เป็นฟิคที่ผมเคยแต่งลงอยู่สมัยบอร์ดเก่า แต่ขณะที่ฟิคเรื่องนี้กำลังจะจบลง ก็มีเหตุต้องห่างจากบอร์ดไปหลายเดือน จนกระทั่งกลับมา ครั้นจะแต่งต่อให้จบก็ไม่ได้แล้ว เพราะเนื้อเรื่องที่ค้างไว้มันผ่านจุดไคลแมกซ์ไปแล้ว แต่งต่อไปให้จบก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉะนั้น ผมจึงถือโอกาส "รีเมค" กลับมาทำใหม่ครับ แต่ไม่ต้องกลัวว่าเนื้อเรื่องจะเหมือนเดิมจนน่าเบื่อ เพราะผมคิดไว้แล้วว่าคนสมัครรอบนี้จะเป็นหน้าใหม่เกือบทุกคน และผมคิดเนื้อเรื่องใหม่เตรียมไว้แล้ว ฉะนั้น เนื้อเรื่องจะไม่เหมือนของเก่าแน่นอนครับ และหากผมเกิดดองฟิคขึ้นมา ถ้าคุณเห็นผมกำลังนั่งกินชายสี่บะหมี่เกี๊ยวเส้นเล็กรสต้มยำซี่งใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง สลับกับแคะฟันไปพลางๆ ก็จงใช้พลังตีนของคุณกระทืบให้ไม่ยั้งเป็นการลงโทษคนเขียนเลยนะครับ

เอาละ เชิญรับชมได้เลย~

Bluewind - -+

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 262
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • bluewind

    36

  • ChaosPhoenix

    18

  • Loveless Nova

    18

  • Hermit

    16

The Pokemon Future Destiny ภาคปฐมบท

ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งอยู่ไกลแสนไกลจากโลกที่ๆเราอยู่ ไกลเกินกว่าภูมิปัญญาของมนุษย์สามารถจะหาวิธีเดินทางไปยังที่นั้นได้ ดินแดนนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่ง มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ต่างกันไป พวกมันใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น เรียกว่า โปเกมอน

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง “โลกโปเกมอน” นั่นเอง เป็นโลกที่มีโปเกมอนอาศัยอยู่ มีสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเหมือนกับโลกมนุษย์เกือบทุกอย่าง และยังอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่า ไม่เพียงแค่นั้น เหล่าโปเกมอนส่วนใหญ่ต่างก็ยังพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอีกด้วย ผิดกับชาวมนุษย์ที่แม้อยู่บนโลกใบเดียวกันก็ยังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน พวกมันจึงอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันอย่างสงบสุข....

แต่แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง ความสงบสุขที่เคยมีก็กลายเป็นเพียงอดีต...เพราะดาวดวงนี้กำลังตกอยู่ในภาวะหายนะอันร้ายแรง!

o.......................................................................................o

วิ้ววววว~!!! วิ้ววววววว~!!! ครืน......ครืน....

ณ สถานที่หนึ่งในโลกโปเกมอน ซึ่งเป็นผืนป่าอันเขียวขจี บนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึนที่มีฟ้าแลบฟ้าร้องออกมาเป็นระยะๆ และกลุ่มควันดำที่ล่องลอยปะปนไปกับกลุ่มเมฆครื้ม อีกทั้งยังมีลมพัดโหมกระหน่ำที่พาฝุ่นผงใบไม้กิ่งไม้ปลิวว่อนไปทั่ว ต้นไม้ทุกต้นเอนไหวไปตามลมราวกับว่าพายุกำลังจะเข้า หากมองดูจากเหนือป่า คงจะได้เห็นคลื่นสีเขียวที่ไหวไปมาด้วยแรงลมแน่ๆ

“แฮ่กๆๆๆ.....”

มีโปเกมอนสองตัวกำลังวิ่งฝ่าดงป่าไปยังที่ไหนซักแห่งด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่ากำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่ไล่ตามพวกเขามา โปเกมอนตัวหนึ่งรูปร่างคล้ายกระต่ายตัวเล็กน่ารักที่มีปลายหูและมือสีแดง ที่แก้ม สองข้างมีรูปเครื่องหมายบวก และหางเป็นเครื่องหมายบวกสีแดงเช่นกัน อีกตัวหนึ่งเป็นโปเกมอนรูปร่างคล้ายกระต่ายเช่นกัน แต่มีลายสีฟ้า ที่แก้มเป็นรูปเครื่องหมายลบ และหางเป็นรูปเครื่องหมายลบ ทั้งสองตัวมีสีหน้าตื่นตระหนก หายใจหอบถี่รัว ควบสี่เท้าเล็กๆของมันวิ่งผ่านป่าไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว

และสิ่งที่ตามหลังโปเกมอนสองตัวนั้นคือโปเกมอนรูปร่างคล้ายลิงบาบูนขนสีขาวสี่ตัวหน้าตาดุร้าย ทั้งห้อยโหนโจนทะยานไปตามกิ่งไม้ และวิ่งซิกแซกหลบหลีกดงต้นไม้ไล่ล่าเหยื่อที่วิ่งหนีตายอยู่ตรงหน้า

แต่แล้ว เจ้ากระต่ายสีฟ้าก็เกิดสะดุดรากไม้เข้าให้ จนล้มกลิ้งโค่โล่ไปสิบตลบ ก่อนที่จะนอนล้มลงไป

“อ๊ะ! พี่ไมนัน!!” กระต่ายสีแดงร้องอย่างตกใจที่เห็นโปเกมอนที่วิ่งมาด้วยกันเกิดล้มลงไป มันรีบเบรกฝีเท้าไว้ก่อนทันที

“เจี๊ยกกกกก!!! แฮ่!!! ว้ากกกกก!!!” ฝูงโปเกมอนลิงบาบูนได้โอกาสทองแล้วก็กระโจนเข้าหาเป้านิ่งที่กำลังจะลุกขึ้นมาวิ่งอีกครั้งอย่างหิวกระหาย

“ฟ้าผ่า!!!(Thunder)” โปเกมอนกระต่ายสีแดงตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้มือไปทางศัตรูทันที

เปรี้ยงงงงงงงงงงง!!!!!!!! สายฟ้าลำใหญ่จากเบื้องบนผ่าลงมายังฝูงโปเกมอนลิงพวกนั้นอย่างรุนแรงจนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง แม้แต่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆก็ถูกฟ้าผ่าไปด้วยจนเริ่มไหม้ติดไฟขึ้นมา บนพื้นดินคงเหลือรอยไหม้ใหญ่จากความร้อนของฟ้าผ่านั้น

“แฮ่ก...ขอบใจนะพลัสเซิล” โปเกมอนกระต่ายสีฟ้านามว่าไมนันหันมาขอบคุณโปเกมอนกระต่ายสีแดงที่เขาเรียกชื่อว่าพลัสเซิล

“รีบลุกขึ้นวิ่งไปต่อเถอะค่ะพี่! ใกล้จะถึงบ้านต้นไม้แล้ว!” พลัสเซิลเร่งเร้าให้รีบไปต่อ

พลัสเซิลและไมนันออกวิ่งฝ่าดงต่อไปทันที แม้จะต้องลุยป่า ฝ่าดง ลงน้ำ พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ จนกระทั่ง...

“ฮ้า! ถึงบ้านต้นไม้แล้ว!!”

ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากป่าได้สำเร็จ เข้าสู่พื้นที่ซึ่งเป็นสนามหญ้านุ่มๆปกคลุม และเบื้องหน้าคือต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่งซึ่งใหญ่โตขนาดสิบคนโอบไม่ถึง และเต็มไปด้วยหมู่ใบไม้เขียวชอุ่มพร้อมกิ่งก้านสาขา ผิดกับต้นไม้ต้นอื่นๆที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งกำลังลุกเป็นไฟหรือไม่ก็ไหม้ดำเป็นตอตะโกไปแล้ว

ที่โคนต้นไม้ใหญ่นั้นมีโปเกมอนจำนวนหนึ่งกำลังรวมกลุ่มกันอยู่ พวกมันต่างก็มีสีหน้าตึงเครียดและหวาดกลัว บางตัวกำลังมองซ้ายมองขวาหาพวกเพื่อนๆ บางตัวก็คอยเฝ้าระวังศัตรูที่อาจจะจู่โจมมาจากบนฟ้าเมื่อไหร่ก็ได้

“อ๊ะ! พลัสเซิลกับไมนันมาแล้วละพวกเรา!” โทเกคิส โปเกมอนนกสีขาวตัวอ้วนไม่มีจะงอยปาก ประดับลายสามเหลี่ยมสีแดงและน้ำเงินเหมือนหลุดออกมาจากในนิยาย ตะโกนขึ้นอย่างยินดี

“ทั้งสองรีบเข้ามารวมกลุ่มเร็วเข้า! นายน้อยกำลังจะพาพวกเราย้อนเวลาแล้ว!” เกรเซียเรียกพลัสเซิลและไมนันที่วิ่งหน้าตั้งอย่างกระหืดกระหอบให้มาทางเธอ เธอเป็นโปเกมอนจิ้งจอกสีฟ้า หู , ปอยผมสองข้าง และหางเป็นทรงเหลี่ยมคล้ายน้ำแข็ง มีลายรูปข้าวหลามตัดสีน้ำเงินอมเขียวอยู่บนหลัง

“แฮ่ก....แฮ่ก.....เฮ้อ.....ในที่สุดเรา.....ก็รอดตายซะที.....แฮ่ก....” พลัสเซิลเหนื่อยจนลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นเมื่อเข้ามาในกลุ่มเพื่อนๆได้แล้ว ไมนันเองก็มีกิริยาท่าทางไม่ต่างกัน “แฮ่ก...แฮ่ก...แต่ก็ดีแล้ว....ที่เธอกับฉันปลอดภัย....”

ทันใดนั้นเอง โปเกมอนลิงบาบูนทั้งสี่ที่เพิ่งไล่ล่าพลัสเซิลกับไมนันเมื่อครู่ก็โผล่ออกมาจากในป่า และวิ่งตรงเข้ามาหวังจะทำร้ายพวกโปเกมอนที่อยู่ที่นี่ทันที

“เหวอ! นั่นฝูงยารุคิโมโนะนี่!!” ชิลทาริส โปเกมอนนกสีฟ้าที่มีขนฟูขาวราวปุยเมฆร้องอย่างตกใจ

“ฮะฮ่า! ศัตรูมาเหรอ? เจอนี่หน่อยเป็นไง ลมเยือกแข็ง!!(Icy Wind)” อูริมู โปเกมอนลูกหมูป่าตัวเล็กออกอาการแข็งขัน กระโดดออกมาข้างหน้าแล้วพ่นกระแสลมอันเย็นยะเยือกสีฟ้าเข้าใส่พวกยารุคิโมโนะทั้งสี่ เมื่อพวกมันถูกกระแสลมเย็นนั้นเข้าไปก็เกิดเกล็ดน้ำแข็งจับตามส่วนต่างๆทั่วร่างกายทันที ยารุคิโมโนะบางตัวเกิดอาการหนาวสั่นจนล้มลงวิ่งไปต่อไม่ไหว บางตัวก็ยังฝืนวิ่งต่อไป แต่ด้วยอาการหนาวชาทำให้ความเร็วนั้นตกลงไปมากทีเดียว

“แล้วก็ตามด้วยพลังโบราณ!!(Anciantpower)” ทันใดนั้นร่างกายของอูริมูก็เกิดบอลพลังสีเหลืองขนาดเท่าตัวมันจำนวนสี่ลูกหมุนวนรอบๆตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าอัดพวกยารุคิโมโนะให้กระเด็นไปไกลๆทันที

แต่ปรากฏว่ามียารุคิโมโนะตัวหนึ่งกระโดดต่อตัวพรรคพวกของมันแล้วกระโดดข้ามบอลพลังเหล่านั้นตรงมายังกลุ่มโปเกมอนอย่างดุร้าย ทุกคนต่างร้องเสียงหลงอย่างตกใจเมื่อพวกเขากำลังจะถูกโจมตี “แว้กกกกกกกก!!! กรี๊ดดดดดด!!!! เหวออออออออ!!!!!”

กร้วม!!! “เจี๊ยกกกกกกก!!!!!!”

ปรากฏว่ายารุคิโมโนะตัวนั้นถูกขากรรไกรของสิ่งที่คล้ายปากจระเข้ขนาดใหญ่สีดำงับกลางตัวเข้าอย่างแรงจนมันกรีดร้อง ขากรรไกรนั้นทั้งงับทั้งสะบัดอย่างดุเดือดก่อนที่จะขว้างไปให้พ้นหูพ้นตา

“ฮึ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ...โจมตีให้มันทั่วถึงกว่านี้ไม่ได้หรือไงอูริมู?” คุจีโต้ เจ้าของการโจมตีเมื่อครู่นี้หันมาพูดกับอูริมูด้วยท่าทางเคืองๆเล็กน้อย มันเป็นโปเกมอนรูปร่างเหมือนภูตแคระสีเหลืองตัวเล็กหน้าตาน่ารัก มือ เท้า และปอยผมสองข้างเป็นสีดำ แต่กลับมีขากรรไกรสีดำเหมือนปากจระเข้ขนาดใหญ่ไม่สมกับตัวห้อยออกมาจากกลางหัว

“โด่~ ยัยคุจีโต้ มันฉลาดกว่าต่างหากล่ะ ใครมันจะไปรู้ว่าเจ้านั่นมันจะกระโดดข้ามหัวเพื่อนพุ่งเข้ามาหาแบบนั้นเล่า!” อูริมูตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ที่คุจีโต้พูดถึงความผิดพลาดของมัน

“เอาน่าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยจ้ะ แค่ทุกคนกับท่านเซเรบี้ปลอดภัยก็ดีแล้วละ” โทเกคิสเข้ามาไกล่เกลี่ย พลางหันไปมองโปเกมอนอีกตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางกลุ่มโปเกมอนเหล่านี้ มันเป็นโปเกมอนรูปร่างคล้ายภูตตัวสีเขียว หัวของมันคล้ายหัวหอมใหญ่ ตาสีฟ้าสดใส รอบๆตามีขอบสีดำ หนวดสองเส้นปลายสีฟ้ายื่นออกมาจากหน้าผาก มีปีกใสหนึ่งคู่ที่กลางหลัง และร่างกายส่วนล่างที่สีเข้มกว่าส่วนบน ขณะนี้รอบๆตัวมันมีออร่าสีเขียวปกคลุมอยู่ มันกำลังยืนสงบนิ่งในท่าหลับตาสนิท เอามือสองข้างไว้ที่หน้าอกเป็นการรวบรวมพลัง โปเกมอนตัวนี้คือเซเรบี้ที่โทเกคิสพูดถึงนั่นเอง

“สถานการณ์ที่เมืองโคงาเนะเป็นยังไงบ้างคะคุณไคริว?” เกรเซียหันไปถามไคริว โปเกมอนมังกรสีเหลืองขนาดใหญ่ ตัวค่อนข้างอ้วน หน้าตาดูใจดี มีหนวดสองเส้น และเขาเดี่ยวสั้นๆบนหัว

“ขณะนี้เมืองโคงาเนะได้รับความเสียหายอย่างหนักเลยขอรับ เมืองถูกทำลายไปเกินครึ่งหนึ่งแล้ว และยังคงมีกองกำลังศัตรูเสริมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผิดกับกองกำลังของฝ่ายเราที่มีอยู่อย่างจำกัด แค่ท่านเดียลก้ากับพัลเคียต้องป้องกันกิราติน่าไม่ให้เข้าใกล้เมืองมากกว่านี้ก็เต็มกลืนแล้วละขอรับ” ไคริวรายงานอย่างเคร่งเครียด

“.....เอาละ! ได้แล้ว! ทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้วใช่มั้ย!?” เซเรบี้ลืมตาขึ้นในทันที พลางหันซ้ายหันขวาถามทุกคน

“คร้าบ~! อยู่ครบทุกคนคร้าบ~!” นาเอโตรุ โปเกอนเต่าสีเขียวมีกรามสีเหลือง กระดองสีน้ำตาล หางสั้นกุด บนหัวมีต้นกล้าเล็กๆชูเด่นเป็นสง่า รายงานให้เซเรบี้ทราบ

“ดีละ ทุกคนขยับเข้ามาชิดๆกันเร็ว! ไม่ต้องเบียดมากก็ได้นะ!” เซเรบี้บอกโปเกมอนทุกตัวที่อยู่รอบๆ พวกมันก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆกันจนวงกลุ่มโปเกมอนแคบเล็กลงไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีเสียงบ่นบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เซเรบี้เห็นดังนั้นก็ลอยตัวขึ้นเหนือโปเกมอนเหล่านั้นเล็กน้อย และ...

“ไทม์ ทราเวล!!!!!”

แว้บบบบบบบบ!!!! เกิดโดมพลังงานสีเขียวแผ่ออกมาจากเหนือหัวเซเรบี้ขึ้นไป ขยายลงมาครอบคลุมพวกโปเกมอนเอาไว้ สิ่งที่อยู่ภายนอกโดมทั้งหมดเปล่งแสงวิบวับ แล้วภาพของภายนอกโดมก็ย้อนกลับอย่างรวดเร็วราวกับม้วนฟิล์มที่กำลังกรอถอยหลัง พวกโปเกมอนทุกตัวต่างก็อ้าปากค้าง ตื่นตะลึงในปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เซเรบี้กำลังสร้างขึ้น

จากท้องฟ้าที่มีแต่เมฆครื้มก็กลายเป็นท้องฟ้าเวลาสาย...จากเวลาสายก็กลายเป็นเวลาเช้าตรู่...จากเวลาเช้าตรู่ก็กลายเป็นกลางคืน...แล้วก็กลายเป็นเวลาเย็น...เวลากลางวัน...ไม่ใช่แค่ท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวต่างก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลงด้วย ทั้งต้นไม้ที่เคยปลิวไปตามลม ต้นไม้ที่ถูกไฟเผาย้อนกลับไปก่อนที่จะถูกเผา แม้กระทั่งโปเกมอนบริเวณนั้นก็กำลังเดินถอยหลัง

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้กำลังเคลื่อนไหวแบบย้อนกลับอย่างรวดเร็วกว่าปกติประมาณหลายสิบเท่า จนกระทั่ง....

ฟู่วววววววว...... โดมม่านพลังสีเขียวเริ่มจางหายไป พวกเซเรบี้ได้เห็นบรรยากาศภายนอกที่ขณะนี้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆครื้ม แสงแดดส่องทั่วถึง ต้นไม้บริเวณรอบๆเปลี่ยนเป็นเขียวชอุ่มเหมือนที่มันควรจะเป็นตามธรรมชาติ แต่กับต้นไม้ใหญ่นั้น นอกจากสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เคยวางอยู่บริเวณนั้นแล้ว ตัวต้นไม้ดูจะไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่เลย

“เมื่อกี้...เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” อูริมูถามด้วยสีหน้างงๆ

“พวกเราย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 เดือนก่อนไงล่ะ” โปเกมอนอีกตัวหนึ่งบอก มันคือโปวารุน โปเกมอนขนาดเล็กตัวสีเทาอ่อน ลอยได้ รูปร่างคล้ายเมฆมีหัวกลมหน้าตาน่ากอด มีส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายๆผมชี้หนึ่งเส้น และมีลายบนหน้าคล้ายกรอบแว่นตาสีขาว

“เอ๋? ย้อนเวลา? แปลว่าอะไรอ่ะ?” ปิจู โปเกมอนลูกหนูตัวสีเหลืองลายสีดำเอียงคอฉงน ท่าทางของมันดูน่าเอ็นดูไม่น้อย

ท่ามกลางความสับสนงุนงงของเหล่าโปเกมอนหลังจากได้เดินทางข้ามกาลเวลามา แม้พวกเขาจะย้อนเวลามาแล้ว แต่เหตุการณ์ร้ายยังไม่จบลงง่ายๆ...

“เหวอ!! ท่านเซเรบี้! ท่านเซเรบี้! เป็นอะไรไปขอรับ!?” ไคริวอุทานเสียงดังเมื่อเห็นเซเรบี้ที่อยู่ๆก็ล้มลงไปนอนราบกับพื้นหญ้า พวกโปเกมอนกรูกันเข้ามาดูอาการของเซเรบี้ทันที

“แฮ่ก....แฮ่ก....ฉัน...ไม่เป็นไรหรอก....ฉันแค่...แฮ่ก....เหนื่อย....เท่านั้นเอง....พักซักหน่อยก็หาย....แฮ่ก...” เซเรบี้บอกไคริวเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งๆที่สภาพของเขาดูอ่อนล้ามาก ผิวของเขาเริ่มเหี่ยวแห้งลง ร่างกายที่สีเขียวสดใสเริ่มมีสีเหลืองของพืชแห้งปนเข้ามา ตาของเขาปรือๆเหมือนพยายามลืมตาเต็มที่

“แย่แล้ว! สภาพของนายน้อยไม่ดีเลย! รีบพาเข้าไปในต้นไม้เร็วเข้า!!” เกรเซียบอกอย่างเร่งรีบ ไคริวอุ้มเซเรบี้ที่อ่อนแรงขึ้นมา แล้วโปเกมอนทุกตัวก็วิ่งเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ทันที โดยเข้าไปทางช่องบริเวณโคนต้นไม้ที่แหวกออกเป็นซุ้มประตู และมีบันไดขึ้นไปยังชั้นบนได้

o.......................................................................................o

ปลายทางของบันไดนั้น เป็นห้องๆหนึ่งที่ปูพรมสี่เหลี่ยมผืนใหญ่สีแดง มีรูปวาดสมัยโบราณอยู่บนผนังห้อง หรือเรียกให้ถูกก็คือ ผนังภายในลำต้น สามารถมองเห็นท่อน้ำเลี้ยงต้นไม้สีเขียวอ่อนที่โผล่ออกมาข้างนอกเป็นบางจุดได้ และมีของประดับจุกจิกหน้าตาพิลึกหลายชิ้นตั้งไว้ภายในห้อง แต่สิ่งที่อยู่บนผนังด้านในสุดของห้อง คือโพรงไม้ที่มีแสงสีเหลืองส่องออกมาจากภายใน

ไคริวค่อยๆวางเซเรบี้ไว้ในโพรงไม้ เมื่อเขาเอามือออก ก็มีรากไม้งอกออกมาปิดโพรงไม้นั้นซักครู่หนึ่ง เมื่อรากหดกลับเข้าไป กลับมีสิ่งที่ดูคล้ายกระจกโค้งปิดโพรงไม้ไว้อยู่แทน ภายในนั้นมีน้ำเลี้ยงสีเหลืองอ่อนถูกเติมไว้จนเต็มเหมือนแคปซูล และเซเรบี้กำลังลอยอยู่ในน้ำเลี้ยงนั้นในสภาพหลับสนิท มีฟองอากาศผุดขึ้นมาในน้ำเป็นระยะๆ

“เฮ้อ....เอาละ เท่านี้ก็คงไม่เป็นไรแล้วขอรับ” ไคริวถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คราวนี้จะทำยังไงกันดีต่อไปล่ะเจ้าคะ?” พจจามะ โปเกมอนนกเพนกวินสีฟ้า มีสิ่งที่ดูคล้ายคอปกเสื้ออยู่ใต้คอ จุดสีขาวสองจุดคล้ายกระดุมเสื้อ มีหางสั้นๆสีน้ำเงิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“คือว่า...คุณเซเรบี้ได้ทิ้งบันทึกแผ่นหนึ่งไว้ถึงพวกเรา ก่อนที่จะย้อนเวลามาน่ะ” โปวารุนบอก พวกโปเกมอนตัวอื่นๆรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที โปวารุนก็ให้เกรเซียรับช่วงพูดต่อ เธอใช้เท้าหน้าข้างหนึ่งชูแผ่นกระดาษที่มีข้อความบางอย่างเขียนขยุกขยิกไว้ให้พวกโปเกมอนตัวอื่นได้เห็น

“และนี่ก็คือบันทึกที่ว่านั้นแหละ เนื้อความในนี้ได้บอกพวกเราว่า หลังจากย้อนเวลามาแล้ว เราจะต้องขอความช่วยเหลือจากชาวต่างโลกกลุ่มหนึ่งให้มาช่วยแก้ไขอนาคตก่อนที่โลกใบนี้จะถูกทำลาย”

“ชาวต่างโลก...งั้นเหรอ?” คุจีโต้เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

เกรเซียเว้นช่วงคำพูดซักพักก่อนที่จะให้คำตอบ

“ชาวต่างโลกที่ว่านั้นก็คือ....มนุษย์ยังไงล่ะ”

o.......................................................................................o

จบภาคปฐมบทครับ

ปล.ลืมวาดประกอบฉากนี้ - -

Link to comment
Share on other sites

อื้ม แต่งได้เยี่ยมและสนุกมากครับ ชาวต่างโลก จะเป็นมนุษย์หรือเปล่านะ

Link to comment
Share on other sites

อ่านแล้วทำให้นึกถึงอันแรกเลย (แค่เปลี่ยนโปเกมอนบางตัวเอง) งุงุ

ได้อยู่ฝ่ายเซเลบี้แฮะ

คุจีโต้ออกแนวหยิ่งๆ ดูถูกยังไงไม่รู้แฮะ (แต่ตอนสมัครก็คิดจะให้นิสัยนี้แหละ งิงิ)

Link to comment
Share on other sites

โอ้ว้าว ย้อนเวลาซะด้วย ของชอบเลยแบบนี้ =w="

แว้บๆว่า กิราติน่าเป็นฝ่ายตัวร้าย? สงสัยได้อยู่ฝ่ายนี้แหงๆ เพราะยังไม่มีบทออกเลย =w=

Link to comment
Share on other sites

โอ้ว

สนุกไม่น้อยทีเดียว เชียวละครับ

ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากทราบตอนต่อไป~

Link to comment
Share on other sites

แง่มๆ  ไคริวมีเขาสองข้างนะ และไม่มีหนวดนะ จำผิดหรือเปล่าครับบลูวินด์

Link to comment
Share on other sites

คุจิโต้โมเอะ (ฮา)  :pocha08:

แอบไปอ่านปฐมบทอันเก่ามา นึกถึงเหมือนกันนะคะเนี่ย /me โดนตบ

Link to comment
Share on other sites

โอเคนะ ภาษาง่ายๆไม่หรูหราเป็นแนวของตัวเองดี

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านละครับ น่าติดตามดีครับ การบรรยายผมว่าไม่ตกนะ ปกติดีทุกอย่าง ต่างกับของผมที่ตกเละตกเทะเลย ^^"

Link to comment
Share on other sites

ตะล๊อกต๊องแต้ก~ *เดินแบบมีความสุขเข้ามาอ่าน*

ว้าว~ แต่งได้สวยงามทีเดียวเลยครับ~

(บอร์ดเก่าไม่เคยอ่านฟิกท่านเลยนะเนี่ยเรา * - *)

ปล.Anciantpower X

ที่ถูกต้อง คือ... Ancientpower ฮะ~ =3=

จะรอชมตอนต่อไปทุกตอนเลยฮะ~! >w<

Link to comment
Share on other sites

อื้ม แต่งได้เยี่ยมและสนุกมากครับ ชาวต่างโลก จะเป็นมนุษย์หรือเปล่านะ

มนุษย์แน่ๆละ =_=

พลัสเซิลไมนันได้ออกตอนแรกเลยเย่ :pika10:

อ่านผ่านๆนึกว่า"แย่" :pika08:

อ่านแล้วทำให้นึกถึงอันแรกเลย (แค่เปลี่ยนโปเกมอนบางตัวเอง) งุงุ

ได้อยู่ฝ่ายเซเลบี้แฮะ

คุจีโต้ออกแนวหยิ่งๆ ดูถูกยังไงไม่รู้แฮะ (แต่ตอนสมัครก็คิดจะให้นิสัยนี้แหละ งิงิ)

อ่าฮะ ดังที่บอกไปในเช้าบ็อกซ์ กะให้เป็นสาวห้าว เหอๆ :psyduck02:

โอ้ว้าว ย้อนเวลาซะด้วย ของชอบเลยแบบนี้ =w="

แว้บๆว่า กิราติน่าเป็นฝ่ายตัวร้าย? สงสัยได้อยู่ฝ่ายนี้แหงๆ เพราะยังไม่มีบทออกเลย =w=

เห~ ก็ยังไม่แน่นะ? :pika04:

โอ้ว

สนุกไม่น้อยทีเดียว เชียวละครับ

ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากทราบตอนต่อไป~

ขอบคุณครับ~

แง่มๆ  ไคริวมีเขาสองข้างนะ และไม่มีหนวดนะ จำผิดหรือเปล่าครับบลูวินด์

กะอำผมเล่นรึเปล่าเนี่ยพี่เอก ผมรับมุขไม่ทัน - -

คุจิโต้โมเอะ (ฮา)  :pocha08:

แอบไปอ่านปฐมบทอันเก่ามา นึกถึงเหมือนกันนะคะเนี่ย /me โดนตบ

ฮั่นแน่ แอบไปอ่านของเก่ามาด้วยเหรอ - -+

คนเล่นง่ายก็งี้แหละ เหอๆๆๆ (/me โดนเตะ)

โอเคนะ ภาษาง่ายๆไม่หรูหราเป็นแนวของตัวเองดี

ขอบคุณครับ :pika01: ผมยึดคติไว้ว่าภาษาง่าย เพื่ออรรถรสที่เข้าถึงคนอ่านง่ายครับ

ตามมาอ่านละครับ น่าติดตามดีครับ การบรรยายผมว่าไม่ตกนะ ปกติดีทุกอย่าง ต่างกับของผมที่ตกเละตกเทะเลย ^^"

อืม...ตอนที่เคยพูดไปในเช้าบ็อกซ์ จริงๆแล้วคือ"หัวคิดพล็อต"ตกน่ะ บอกผิด :pika11:

ตะล๊อกต๊องแต้ก~ *เดินแบบมีความสุขเข้ามาอ่าน*

ว้าว~ แต่งได้สวยงามทีเดียวเลยครับ~

(บอร์ดเก่าไม่เคยอ่านฟิกท่านเลยนะเนี่ยเรา * - *)

ปล.Anciantpower X

ที่ถูกต้อง คือ... Ancientpower ฮะ~ =3=

จะรอชมตอนต่อไปทุกตอนเลยฮะ~! >w<

ชะว้าย!!! :pika08: ตรูอดทำ Perfect score เลย หลุดคำผิดมาจนได้ OTL ขอบคุณลูคุงมากครับที่บอก

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน+เม้นท์ฟิคของผมนะคร้าบ~ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

แง่มๆ  ไคริวมีเขาสองข้างนะ และไม่มีหนวดนะ จำผิดหรือเปล่าครับบลูวินด์

กะอำผมเล่นรึเปล่าเนี่ยพี่เอก ผมรับมุขไม่ทัน - -

เออแฮะ ไปดูรูปมาละ แต่ที่บอกว่าเป็นหนวด ก้ไม่น่าจะใช่นะ เพราะหนวดมันต้องน่าจะโผล่แถวริมฝีปากสิ

Link to comment
Share on other sites

ขอโทษที่มาเม้นท์ช้าค่ะ= =

เอิ่ม....อยากจะแนะนำให้เติมชื่อโปเกมอนเป็นภาษาอังกฤษลงไปด้วยนะคะ

แล้วก็...บรรยายได้ค่อนข้างดีนะคะ นึกภาพตามได้เลยค่ะ(ทุ่งหญ้าน่าจะมีดอกไม้สักหน่อยนะคะ- - เป็นสีสันๆ)

สนุกมากเลยค่า น่าติดตามจริงๆ :pika10: (เราจะได้อยู่ฝ่ายไหนเอ่ย น่าลุ้นๆ)

Link to comment
Share on other sites

มาช้าไปหน่อยขอโทษทีค่ะ TwT ความจริงเเล้วมาอ่านตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว เเต่ไม่ได้เม้น (แหะๆ)เราไม่รู้จะติชมอะไรท่านบลูวินเเฮะ เพราะเราไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางด้านเเต่งฟิคซะด้วย เอาเป็นว่าจะเป็นกำลังใจให้นะคะ ^^!

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

โผล่มาตามอ่านล่ะครับ

อูรีมู Impish ของแท้จริง ๆ แอร๊ยย! ปากจัดให้ได้อย่างนี้สิ!

รออ่านต่อ ** ปั้บ ๆ **

Link to comment
Share on other sites

อันคำบรรยายนั้นไซร้ ช่างทำให้เห็นภาพได้จริงๆ

Remake แล้วดีขึ้นกว่าเก่าเลยนะครับเนี้ย ชนิดที่เรียกได้ว่าถึงไม่ต้องวาดภาพประกอบก็นึกภาพออกได้เลยครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

มีโปเกมอนสองตัวกำลังวิ่งฝ่าดงป่าไปยังที่ไหนซักแห่งด้วยกันอย่างเอา เป็นเอาตาย ราวกับว่ากำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่ไล่ตามพวกเขามา โปเกมอนตัวหนึ่งรูปร่างคล้ายกระต่ายตัวเล็กน่ารักที่มีปลายหูและมือสีแดง ที่แก้ม สองข้างมีรูปเครื่องหมายบวก และหางเป็นเครื่องหมายบวกสีแดงเช่นกัน อีกตัวหนึ่งเป็นโปเกมอนรูปร่างคล้ายกระต่ายเช่นกัน แต่มีลายสีฟ้า ที่แก้มเป็นรูปเครื่องหมายลบ และหางเป็นรูปเครื่องหมายลบ ทั้งสองตัวมีสีหน้าตื่นตระหนก หายใจหอบถี่รัว ควบสี่เท้าเล็กๆของมันวิ่งผ่านป่าไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ตรงนี้อ่ะ ผมว่า มันใช้คำซ้ำๆ เยอะไปหน่อย ถ้าเกลาให้นุ่มหน่อย อาจจะดูราบรื่นกว่านี้

เรื่องบทพูด บางครั้งมันดูเหมือนกับว่า พูดๆ ไปแล้วค่อยทำ หรือ ทำๆ ไปแล้วพูด บางทีมันไม่สื่อแบบว่า พูดพร้อมกับทำอ่านะ (อธิบายยังไงดีแฮะ) ลองใส่แบบว่า

"นินจานี่หล่อมากเลยนะ" หญิงสาวเอ่ยชมขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ "เป็นแฟนกันมั้ย"

คือใส่แบบ พูด ทำ แล้วพูด บ้าง อาจจะลื่นได้มากกว่านี้

คิดว่างั้นนะ

ปล. คงนาน กว่าจะโผล่

Link to comment
Share on other sites

เออแฮะ ไปดูรูปมาละ แต่ที่บอกว่าเป็นหนวด ก้ไม่น่าจะใช่นะ เพราะหนวดมันต้องน่าจะโผล่แถวริมฝีปากสิ

งั้นจะบอกว่าเป็นอะไรดีล่ะ...นึกไม่ออก -*-

ขอโทษที่มาเม้นท์ช้าค่ะ= =

เอิ่ม....อยากจะแนะนำให้เติมชื่อโปเกมอนเป็นภาษาอังกฤษลงไปด้วยนะคะ

แล้วก็...บรรยายได้ค่อนข้างดีนะคะ นึกภาพตามได้เลยค่ะ(ทุ่งหญ้าน่าจะมีดอกไม้สักหน่อยนะคะ- - เป็นสีสันๆ)

สนุกมากเลยค่า น่าติดตามจริงๆ :pika10: (เราจะได้อยู่ฝ่ายไหนเอ่ย น่าลุ้นๆ)

เป็นความคิดที่ดีครับ จะลองเอาไปใช้ดู ขอบคุณนะครับตี้~

มาช้าไปหน่อยขอโทษทีค่ะ TwT ความจริงเเล้วมาอ่านตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว เเต่ไม่ได้เม้น (แหะๆ)เราไม่รู้จะติชมอะไรท่านบลูวินเเฮะ เพราะเราไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางด้านเเต่งฟิคซะด้วย เอาเป็นว่าจะเป็นกำลังใจให้นะคะ ^^!

แค่มาเม้นต์ฟิคก็เป็นกำลังใจให้ได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ~

โผล่มาตามอ่านล่ะครับ

อูรีมู Impish ของแท้จริง ๆ แอร๊ยย! ปากจัดให้ได้อย่างนี้สิ!

รออ่านต่อ ** ปั้บ ๆ **

เขานี่แหละตัวเลือดพล่านประจำกลุ่ม เหอะๆ

อันคำบรรยายนั้นไซร้ ช่างทำให้เห็นภาพได้จริงๆ

Remake แล้วดีขึ้นกว่าเก่าเลยนะครับเนี้ย ชนิดที่เรียกได้ว่าถึงไม่ต้องวาดภาพประกอบก็นึกภาพออกได้เลยครับ ^^

ขอบคุณครับวาว่าคุง ^^

ตรงนี้อ่ะ ผมว่า มันใช้คำซ้ำๆ เยอะไปหน่อย ถ้าเกลาให้นุ่มหน่อย อาจจะดูราบรื่นกว่านี้

เรื่องบทพูด บางครั้งมันดูเหมือนกับว่า พูดๆ ไปแล้วค่อยทำ หรือ ทำๆ ไปแล้วพูด บางทีมันไม่สื่อแบบว่า พูดพร้อมกับทำอ่านะ (อธิบายยังไงดีแฮะ) ลองใส่แบบว่า

"นินจานี่หล่อมากเลยนะ" หญิงสาวเอ่ยชมขณะที่ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ "เป็นแฟนกันมั้ย"

คือใส่แบบ พูด ทำ แล้วพูด บ้าง อาจจะลื่นได้มากกว่านี้

คิดว่างั้นนะ

ปล. คงนาน กว่าจะโผล่

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับนิน

สนุกดีค่ะ น่ารักดี อิอิ

ขอบคุณครับ~มาอ่านกันบ่อยๆเน้อ

ตอนนี้กำลังปั่นตอนที่ 1 อย่างดุเดือดครับ!

Link to comment
Share on other sites

ลงตอนต่อไปละเน้อ =_= (อัพเลว)

****************************

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 1 วันที่เธอหายไป

ณ โรงเรียนมัธยมในเมืองๆหนึ่ง...

เด็กหนุ่มคนหนึ่งแบกกระเป๋านักเรียนออกจากโรงเรียน วิ่งไปตามถนนอย่างรีบร้อน เขามีผมทรงชี้ๆสีส้มที่ไม่ยาวนักแบบวัยรุ่น ตาสีน้ำตาล เสื้อสีขาวแถบลายสีดำ กางเกงขาสั้นสีเดียวกัน สวมถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบ

มือหนึ่งถือแผ่นกระดาษที่มีรูปแผนที่ไปยังสถานที่ๆหนึ่งพิมพ์ไว้ สายตาของเขามองกลับไปมาทั้งในแผ่นกระดาษและทางข้างหน้า แม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นจนอดใจรอไม่ไหว

“แฮ่ก แฮ่ก...รอก่อนนะ พี่จะไปรับแล้วละ”

O…………………………………………………………………………..O

เด็กหนุ่มผมสีส้มได้ออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า มองดูในแผนที่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะวิ่งไปตามเส้นทางอีกซักพัก

จนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง เขาหยุดพักหายใจซักครู่ ก่อนที่จะเดินไปกดออดหน้าประตู และคนที่เปิดประตูออกมาเป็นหญิงสาวผมลอนสวมเสื้อไหมพรมสีชมพูและกระโปรงสีม่วงคนหนึ่ง

“สวัสดีครับคุณน้า---เอ๊ะ?” เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าเธอมีสีหน้าที่รีบร้อนและสับสนไม่น้อยเลยทีเดียว “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? มีอะไรรึเปล่า?”

“อ้อ!....สวัสดีจ้ะเซจิโระคุง วันนี้เธอมารับน้องเธอใช่มั้ย? คงลำบากน่าดูนะจ๊ะ” เธอคนนั้นรู้สึกตัวและใช้เวลาตั้งสติเล็กน้อย ก่อนที่จะถามเด็กหนุ่มผมสีส้มซึ่งมีชื่อว่าเซจิโระ

“ครับ ที่เมื่อวานแม่ผมมาจดทะเบียนกับคุณน้าเรื่องรับน้องสาวผมคืนด้วยกันน่ะครับ” เซจิโระทบทวน ตอนนี้ความตื่นเต้นของเขายิ่งทวีเพิ่มขึ้นไปอีก

“อา....คือว่า.....น้าต้องขอโทษจริงๆ แกหายตัวไปตั้งแต่ตอนก่อนเที่ยง จนป่านนี้น้ายังหาไม่เจอเลยจ้ะ”

คำพูดๆนี้ทำให้ความตื่นเต้นที่อัดแน่นอยู่ในใจของเซจิโระหายไปจนหมดสิ้น

“เอ๋!? มะ-หมายความว่ายังไงน่ะครับ!?” เขาร้อนรนขึ้นมาทันที

“ตอนนั้นแกบอกกับน้าว่าจะขึ้นไปเตรียมเก็บข้าวของ ซักพักพอน้าเรียกให้มาทานข้าวเที่ยง แกก็ไม่ยอมลงมา จนพอน้าไปตามที่ห้อง ปรากฏว่าแกก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ทั้งๆที่รองเท้าก็ยังอยู่ครบทุกคู่ด้วย น้าก็ยังไม่แน่ใจอยู่ว่าแกจะใช้อะไรปีนข้ามกำแพงไปรึเปล่า? โธ่...” หญิงสาวผมลอนพูดแล้วก็เอามือกุมหน้าผากอย่างกลุ้มใจ

แต่ดูเหมือนว่าคนที่ร้อนรนและเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเธอ จะเป็นเซจิโระที่ต้องการพบน้องสาวในวันนี้เสียมากกว่า

“อะ...นี่มันยังไงกันแน่?.....”

O…………………………………………………………………………..O

ทั้งๆที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่เซจิโระรู้สึกดีใจ กลับเป็นวันที่แย่ยิ่งกว่าทุกๆวันที่เขาเคยเจอมาเสียอีก เขาขึ้นรถไฟฟ้ากลับมายังสถานีเดิมที่เขาจากมา เดินเหม่อลอยไปตามถนนที่มีแสงอาทิตย์อัสดงยามเย็นตกกระทบอย่างไร้ชีวิตชีวา ในหัวของเขาแทบจะไม่มีอะไรเหลือให้นึกถึงอยู่เลยนอกจากเรื่องน้องสาวของเขาที่หายไป...

..................................

...................

...

“เซจิโระ! เป็นอะไรรึเปล่า!?”

“อะ-เอ๋?”

20100905214739img.jpg

เขารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ามีใบหน้าของเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า เขาถึงกับผงะด้วยความตกใจ “เหวอ!? ตกใจหมดเลย มิโรคาว่า ยูกะเองหรอกเหรอ?”

“เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งสองรอบแล้ว เธอก็ไม่ได้ยินเลย เป็นอะไรรึเปล่า?” เด็กสาวนามว่ายูกะถามอย่างเป็นห่วง เธอมีผมยาวสลวยสีชมพูถึงช่วงเอว แถมด้วยผมชี้หนึ่งเส้นบนหัวของเธอที่ดูแล้วชวนอมยิ้ม ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล หน้าตาก็จัดว่าน่ารักใช้ได้เลยทีเดียว ตอนนี้เธออยู่ในชุดไปรเวทเป็นเสื้อกระโปรงแขนยาวสีขาวชมพู กระโปรงสั้นเลยเข่าเล็กน้อย มีโบว์สีน้ำตาลผูกที่คอเสื้อและเอว ถุงเท้าและรองเท้าสีชมพู

“อา คือว่า วันนี้ฉันตั้งใจจะไปรับน้องสาวฉันน่ะ...แต่ว่าเธอหายตัวไป”

“ตายจริง!...” ยูกะยกมือขึ้นปิดปากด้วยความรู้สึกใจหายวาบ “เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ เล่าให้ฉันฟังได้มั้ยว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไง เผื่อว่าฉันอาจจะช่วยเหลือเธอได้บ้าง”

“ขอบใจนะยูกะ...งั้นไปคุยกันที่สนามเด็กเล่นตรงนั้นดีกว่า”

ด้วยเหตุนี้ เซจิโระและยูกะจึงได้มานั่งคุยกันอยู่ที่ม้านั่งตัวหนึ่งในสนามเด็กเล่นที่อยู่ใกล้ๆ ตามปกติแล้วที่นี่ควรจะมีพวกเด็กอนุบาลหรือไม่ก็ประถมมานั่งเล่นทรายเล่นชิงช้า หรือวิ่งไล่จับกันอยู่ แต่เวลานี้เป็นเวลาเย็นแล้ว คงไม่มีเด็กคนไหนยังเล่นอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีพ่อแม่มาตามกลับบ้านไป บรรยากาศที่นี่ในเวลานี้จึงดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน

“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเธอเคยพูดถึงเรื่องน้องสาวว่า ตอนที่เธอขึ้นชั้นเรียนมัธยมต้น คุณแม่เธอได้ฝากน้องสาวให้คุณน้ารับไปเลี้ยงนี่นา” ยูกะพูดทบทวนความจำ ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่เธอเพิ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนเดียวกับเซจิโระตอนขึ้นชั้นมัธยมปลาย เซจิโระก็พยักหน้าหงึกๆ “ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ถามเลยว่าทำไมกัน?”

“ที่บ้านของฉันน่ะจน อย่างที่เธอรู้ พ่อฉันหนีไปมีเมียใหม่ เหลือแค่แม่ ฉัน แล้วก็น้องสาวที่ยังเล็กอยู่ แม่ฉันต้องพยายามทำงานหาเงินให้ได้มากๆ ฉันเองก็ต้องขยันช่วยงานบ้านแทนแม่ที่ออกไปหาเงินข้างนอกมาให้ มีอะไรประหยัดได้ก็ประหยัด...แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น แม่ก็ยังช่วยส่งเงินให้ฉันเข้าเรียนในระดับมัธยมได้...พอดูเงินที่เหลืออยู่ในบ้านทั้งหมด ก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูฉันกับน้องไปพร้อมๆกันได้ แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็ยังยืนยันว่าจะเลี้ยงดูฉันกับน้องต่อไป...”

“แต่ฉันทนเห็นแม่ที่เป็นแบบนั้นต่อไปไม่ได้ ฉันจึงคุยกับแม่ว่า น่าจะฝากน้องให้ใครซักคนช่วยเลี้ยงแทนก่อน พอตั้งตัวได้ค่อยมารับกลับทีหลัง เพราะฉันไม่อยากให้น้องสาวที่ยังเล็กอยู่ต้องมาเดือดร้อนเพราะความขัดสนภายในครอบครัวไปด้วย ขอแค่ฉันกับแม่ลำบากกันแค่ 2 คนก็พอแล้ว แม่ก็เห็นด้วยกับฉัน และออกความคิดว่า น่าจะให้คุณน้าที่เป็นน้องของแม่ มารับน้องฉันไปเลี้ยงดีกว่า เพราะคุณน้าเองก็เพิ่งเสียลูกไปด้วยโรคร้ายเหมือนกัน”

ยูกะพยักหน้าให้นิดหนึ่ง ให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่เขาพูดอยู่

“และในที่สุด ช่วงม.ปลายนี้แม่ก็ได้งานที่ทำเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว ค่าแรงก็ดี เก็บเงินกันมาจนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตั้งตัวได้แล้ว แม่กับคุณน้าก็ได้ไปจดทะเบียนเพื่อรับน้องสาวฉันคืนตอนเมื่อวาน แต่วันนี้...น้องฉันกลับหายตัวไป โดยที่คุณน้าก็ไม่รู้เลยว่าหายไปไหนกัน…” เขานั่งก้มหน้าอย่างเป็นทุกข์

ยูกะรู้สึกสงสารเซจิโระขึ้นมาจับใจ ทั้งที่เขาควรจะได้พบกับน้องสาวอีกครั้งหลังจากที่ต้องแยกกันอยู่มานาน แต่กลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ และไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาอยู่ที่ไหน แม้ตัวเธอจะเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ แต่เธอก็พยายามจะเข้าใจความรู้สึกนี้ให้ได้ไม่มากก็น้อย

“น่าเป็นห่วงจัง...ถ้างั้นทำไมเธอถึงมาอยู่แถวนี้ ไม่ไปช่วยตามหาน้องสาวเธอกับคุณน้าด้วยกันล่ะ?”

“คุณน้าบอกฉันว่าต้องการจะรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ก็เลยให้ฉันกลับไปบ้านก่อนน่ะ”

“อย่างนั้นหรอกเหรอ....เซจิโระ ถึงฉันจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ฉันก็จะเป็นกำลังใจขอให้เธอได้พบกับน้องสาวไวๆนะ!” ยูกะพยายามให้กำลังใจเซจิโระด้วยรอยยิ้มที่สดใส เซจิโระเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“....อื้ม ขอบใจนะยูกะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วละ ฉันหวังว่าน้องสาวฉันคงจะกลับมาในเร็วๆนี้นะ” สีหน้าของเซจิโระดูจะคลายความกังวลลงไปบ้างแล้ว เขาลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วหันมาถาม “ว่าแต่ยูกะ ทำไมถึงผ่านมาเจอฉันได้ล่ะ?”

“อ๋อ ตอนนั้นฉันกำลังจะไปซื้อของมาทำกับข้าวที่บ้านน่ะ แต่บังเอิญว่าร้านที่ฉันจะซื้อมันปิด ก็เลยเดินกลับบ้าน แล้วก็มาเจอเธอนี่แหละ”

“อือฮึ ว่าแต่ตอนนี้เย็นมากแล้วแฮะ” เซจิโระมองไปรอบๆ ท้องฟ้าเริ่มมีสีน้ำเงินของเวลากลางคืนเข้ามาแทนที่ เสาไฟตามถนนและภายในสนามเด็กเล่นแห่งนี้เริ่มถูกเปิดให้มีแสงสว่าง “พวกเรารีบกลับบ้านกันก่อนดีกว่า”

“อื้ม นั่นสินะ”

เซจิโระและยูกะตัดสินใจกลับบ้าน และเดินออกจากสนามเด็กเล่นแห่งนี้...

วิ้งงงงงงงงงงง..........

ขณะนั้นเอง กลับมีเสียงประหลาดดังกังวานขึ้นมาเบาๆจากที่ไหนซักแห่งภายในสนามเด็กเล่นแห่งนี้

“ส-เสียงอะไรน่ะ?” เซจิโระหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงนั้น

“เซจิโระ! ดูนั่นสิ!” ยูกะบอกพร้อมกับชี้มือไปที่อุโมงค์เด็กเล่นซึ่งเป็นท่อขนาดใหญ่มีบันไดเล็กๆเชื่อมต่อสูงจากพื้นนิดหน่อย อุโมงค์เด็กเล่นนั้นมีแสงประหลาดสีฟ้าสว่างเรืองๆออกมาจากภายใน...ด้วยความสงสัย ทั้งสองจึงวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ และภายในนั้นเอง พวกเขาก็พบ…

“น...นี่มันอะไรกันน่ะ?”

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเซจิโระและยูกะคืออะไรบางอย่างที่ดูคล้ายประตูมิติสีฟ้าหมุนวนไปอย่างช้าๆเหมือนดาราจักรลายก้นหอย แต่เมื่อทั้งสองยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นอีกนิด กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ถูกดูดเข้าไปในประตูมิตินั้นเรียบร้อยแล้ว แสงสีฟ้าค่อยๆหดเล็กลงจนหายไป เหลือแต่ประกายแสงบางๆ...

O............................................................................................O

เหวอออออออออออออ!!!!!!!

เซจิโระไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาอยู่ เขารู้แต่ว่าเขากำลังร้องเสียงหลงอย่างตกใจ และรู้สึกเหมือนกำลังเล่นรถไฟเหาะตีลังกาที่รอบตัวมีแต่แสงสีต่างๆ เดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แล้วก็หมุนวนไปมา...แต่ดูเหมือนว่าจะไม่นานนักที่เซจิโระได้เห็นบรรยากาศแบบนั้น

ตุ้บ!

เพราะหลังจากนั้นเขาก็หล่นตุ้บลงมายังที่ไหนซักแห่ง ที่นี่ดูมืด ค่อนข้างเย็น และได้ยินเสียงแปลกๆดังมิ้งๆๆๆ

“อะ อ้าว? ที่นี่ที่ไหนน่ะ?” เซจิโระรู้สึกสับสนงุนงงไปหมด เขาหันซ้ายหันขวาพยายามดูว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆก็คือ ไม่ใช่ที่สนามเด็กเล่นเมื่อกี้แน่ๆ เมื่อเขาลองเพ่งมองจนสายตาเริ่มหายมึนจากแสงสีเมื่อครู่นี้ และดวงตาที่เริ่มชินกับความมืดจนพอจะมองเห็นอะไรได้มากขึ้น เขาพบว่าตัวเองกำลังอยู่กลางป่าที่ไหนซักแห่งในเวลากลางคืน เสียงแปลกๆที่เขากำลังได้ยินอยู่เขาก็พอเดาได้ว่าคงเป็นเสียงของแมลงจำพวกจักจั่น และที่ๆเขานั่งอยู่นี้ก็เป็นบนพื้นหญ้าเย็นๆ...

“เฮ้ย??? นี่มัน...กลางป่าไม่ใช่เรอะ?” เซจิโระอุทาน เขารู้สึกงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เกิดอะไรขึ้นกับเขา เขามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมต้องมาที่นี่ ฯลฯ

ตุ้บ! “โอ๊ย!!”

มีเสียงอะไรหนักๆหล่นตุ้บลงมาใกล้ๆที่เขานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ เซจิโระถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะนึกว่าเขาจะโดนอะไรเข้า แต่พอเขาได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงอันแสนจะคุ้นหู เขาก็รู้ได้ทันที ยูกะนั่นเอง เธอเพิ่งจะโผล่มาที่นี่หลังจากเขาไม่กี่วินาที

“ย – ยูกะ! นี่เธอ...?” เซจิโระอุทานด้วยความประหลาดใจ ยูกะก็มีสีหน้าแบบเดียวกับเขาเช่นกัน “เซจิโระ!?”

“ดูท่าทางพวกเราจะถูกแสงสีฟ้าๆนั่นดูดเข้ามา แล้วพามายังที่แปลกๆแบบนี้ซะแล้วละ” เซจิโระพูดขึ้นอย่างสงสัย

“เซจิโระ ถึงจะเป็นเรื่องที่ดูเหลือเชื่อก็เถอะนะ แต่ฉันเคยอ่านพวกนิยายแฟนตาซีที่เกี่ยวกับตัวเอกได้เดินทางไปยังดินแดนอื่นที่ไม่ใช่โลกของเรา...เธอคิดว่าเป็นไปได้มั้ยที่ตอนนี้เราอยู่ในโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกของเราแล้วน่ะ?” ยูกะถามคำถามที่เซจิโระฟังแล้วตอบอย่างแน่ใจไม่ได้ง่ายๆ

ครืดดดดดดดด....

จู่ๆก็มีเสียงแปลกๆเหมือนเสียงก้อนหินขยับเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังพวกเขา เซจิโระกับยูกะหันไปหาต้นเสียงนั้นทันที พร้อมๆกันนั้นเสาไฟหลายต้นที่ซ่อนอยู่ภายในพื้นที่แห่งนี้ก็ได้ส่องแสงสีเหลืองนวลสว่างขึ้นมา ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ในขณะนี้คือต้นไม้ขนาดใหญ่มหึมาที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน กิ่งก้านสาขาเต็มไปด้วยหมู่ใบไม้หนาพรึ่บ ความใหญ่โตมโหฬารของมันทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

นอกจากนี้ยังทั้งสองได้พบว่ามีช่องโค้งๆคล้ายซุ้มประตูปรากฏที่โคนต้นไม้ พร้อมกับสิ่งๆหนึ่งที่ออกมาจากโคนต้นไม้ใหญ่นั้น

“พวกคุณ...คือชาวต่างโลก ที่เรียกว่ามนุษย์สินะครับ?” สิ่งนั้นพูดกับเซจิโระและยูกะ

O............................................................................................O

โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนที่ 2 ครับ

Link to comment
Share on other sites

เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะเลย

รอบนี้จะให้ยูกะเป็นนางเอกเหรอ งิงิ

ทำไมเห็นรูปยูกะแล้วนึกถึงตัวละครดิจิม่อนหว่า

ปล.นึกถึงตอนช่วงขึ้นต้นตอนแรกของเมื่อก่อน แล้วนั่งอมยิ้ม

Link to comment
Share on other sites

ว้าว สมกับที่รอคอย มีรูปประกอบด้วย  :wani10:

อ่า ในที่สุดก็เข้ามาในโลกโปเกม่อนกันแล้วสินะ~

เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปเน้อ

Link to comment
Share on other sites

โอ้วว มีภาพประกอบด้วย เยี่ยมไปเลย!!

อ่านแล้ว ให้ฟีลลิ่งเหมือนดิจิม่อน เวอร์ชั่นโปเกมอนแฮะ สนุกไปอีกแบบ =w="

ให้ 99/100 ละกันครับ เพราะตรง sfx น่าจะทำเป็นตัวเอียงน้า~

วิ้งงงงงงงงงงง..........

เป็นกำลังใจให้ครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.