Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

นิยายของผม เอ็นจิ้นเกียร์กับเทรนเนอร์การ์ดใบแรก


เอ็นจิ้นเกียร์

Recommended Posts

เอ็นจิ้นเกียร์กับเทรนเนอร์การ์ดใบแรก

บทนำ

สวัสดีครับ ผมชื่อเอ็นจิ้น เพื่อนๆเรียกกันว่าเอ็น เป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี อาศัยอยู่ในโลกแห่งความจริง ที่มีการ์ตูนเรื่องโปเกมอน วันนี้ผมได้เจอกับพี่โน้ตและคนอื่นๆอีกหลายคน(จำชื่อไม่ได้หรอก 555+) ทุกคนมีเทรนเนอร์การ์ดกันหมดเลย ผมอยากได้บ้างเลยถามไป

เอ็นจิ้น: นี่ๆ พี่ครับ อยากมีการ์ดบ้าง ทำไงครับ

พี่โน้ต: ทำเองสิครับ ไม่ยากหรอก

เอ็นจิ้น: ทำยังไงอ่าครับ ผมทำไม่เป็น

ใครไม่รู้: นี่ครับ (แล้วก็เอากระทู้มาให้)

ใครไม่รู้: ลองทำดูสิครับ ใช้เพ้นก็ได้ (แล้วก็เอาวิธีทำมาให้)

เอ้นจิ้น: งั้น ผมจะลองทำดูนะครับ

ผมทำเทรนเนอร์การ์ดไปถามไปตั้งหลายรอบ พี่โน้ตคอยช่วยตอบคำถามผมตลอดเลย(คนอื่นๆด้วยนะ แต่ผมลืม) ผมเลยไปนั่งอ่านกระทู้ทำเทรนเนอร์การ์ด แล้วก็ลองทำดู แต่ว่า เทรนเนอร์การ์ดทำยากมากเลยอ่ะ แต่ผมก็พยายามต่อไปจนเสร็จ ผมใส่รูปเข็มกลัด ใส่ชื่อ ใส่รูปเทรนเนอร์เสร็จแล้ว ต่อไปคือใส่รูปโปเกมอน

แต่ว่า ผมไม่รู้ว่าจะเอาโปเกมอนตัวไหนดี เพราะปกติผมก็ไม่ได้มีโปเกมอนที่ชอบเป็นพิเศษ โปเกมอนของผมเห็นว่าตัวนี้เท่ดีก็จับมา พอเปลี่ยนร่างแล้วไม่เท่แล้วก็เปลี่ยนตัวอื่น เปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วแบบนี้ผมจะเอาโปเกมอนตัวไหนลงดี ผมก็นั่งคิด ผมคิดว่าโปเกมอนที่จะเอาลงเทรนเนอร์การ์ดใบแรกของผม ต้องเป็นโปเกมอนที่ผมชอบ แล้วก็ต้องมีประโยชน์ด้วย

ผมคิดถึงโปเกมอนว่า ถ้ามีโปเกมอนในโลกจริงๆแล้ว ผมจะทำยังไง ผมจะมีโปเกมอนอะไร ผมจะออกเดินทางไปเอาโปเกมอนตัวแรกที่เมืองแรกของภาครูบี้(เมืองอะไรไม่รู้ จำไม่ได้อ่าครับ) แล้วออกเดินทางกับโปเกมอน ดังนั้น โปเกมอนตัวแรกของผมต้องเป็นบาจาโม่ครับ

ผมยังไม่เอาบาจาโม่ใส่ในเทรนเนอร์การ์ด เพราะผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ผมลองคิดถึงบาจาโม่ ว่าทำอะไรได้บ้าง แล้วก็คิดถึงโปเกมอนตัวอื่นๆ อีกเหมือนกันและนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยระหว่าง เอ็นจิ้น เด็กหนุ่มอายุ 16 กับเหล่าโปเกมอน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทนำจบแล้วงับ แต่งตั้งนานอ่า ยากจัง  :pika06: :pika06: :pika06:

Link to comment
Share on other sites

อืม.. เริ่มแต่งครั้งแรก ยังเหมือนมาพูดให้ฟังอยู่ครับ พยายามปรับต่อไปให้เหมือนการบรรยายนะครับผม แล้วจะผจญภันต่อยังไงล่ะนั่น  :pika08:

Link to comment
Share on other sites

อยากเห็นบทต่อไปจัง

อิอิ  เดี๋ยวลงบทต่อไปค่อยเม้นต์นะ  ^^

Link to comment
Share on other sites

ควรทำการเว้นบรรทัดให้มากขึ้นนะครับ อย่างน้อยก็เว้น2ทีน่ะครับ เพราะบอร์ดเรามันจะนับเป็นหนึ่ง และก็ การบรรยายยังเป็นแบบบทบันทึกประจำวันอ่าครับ ^^ แต่ค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆครับผม  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

อ่านแล้วนะครับ แต่เม้นต์ไม่ออก อึ้งจริงๆ ขออภัยด้วย = ="

รอเม้นต์แบบจริงจังตอนต่อไปละกันเน้อ~

Link to comment
Share on other sites

เกริ่นนำสักเล็กน้อย ผมคงไม่อธิบายอะไรมาก เนื่องจากหลายๆคนไม่ค่อยชอบอ่านข้อความยาวๆ จึงขอสรุปย่อๆนะครับ

-------------------------------------------------------------------------------

การเขียนฟิคชั่น

Fiction (n.) = นวนิยาย เรื่องโกหก ความเท็จ การเสกสรรเรื่องขึ้น ซึ่งในที่นี้รวมทั้งนิยาย เรื่องสั้น วรรณกรรม พวกที่เป็นงานเขียน

ฟิคชั่น เรียกสั้นๆว่าฟิค หมายถึงเรื่องที่แต่งขึ้น มีลักษณะนามเป็นเรื่อง ผมขอแบ่งฟิคออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1. แฟนฟิค เป็นฟิคที่แต่งตามความชอบในนิยาย การ์ตูน และวรรณกรรมในเรื่องต่างๆ นำมาดัดแปลงโดยที่อาจจะคงตัวละคร เนื้อเรื่อง หรือเอกลักษณ์ของเรื่องเอาไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่านั้นก็ได้

2. ฟิคออริจินอล ในที่นี้ผมขอเรียกสั้นๆว่าฟิคออริ ฟิคออริจะหมายถึง ฟิคที่เราแต่งโดยที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบใครเขามา หรืออาจจะเลียนแบบได้บ้างแต่ไม่ถึงขนาดแฟนฟิค ในการเลียนแบบของฟิคออริจะไม่มีการคัดลอกเอกลักษณ์ของเรื่อง ชื่อตัวละคร หรือ เนื้อเรื่อง มาทั้งดุ้น แต่จะเป็นการดัดแปลงชนิดที่ว่าแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลย

3. ฟิคยำ และ ฟิครับสมัคร ฟิคทั้งสองตัวที่กล่าวมานี้มีลักษณะคล้ายๆกันอยู่ก็คือการรับสมัครตัวละครแล้วเอามาลงในฟิคของตัวเอง แต่ฟิคทั้งสองอย่างนี้จะแตกต่างกันตรงที่จุดประสงค์ในการแต่งมากกว่า ฟิคยำ เป็นฟิคที่มีจุดประสงในการแต่งแบบเล่นสนุก คือการเอาตัวละครมายำเล่น(ชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว) ไม่ต้องมีการอธิบายอะไรมาก ขอแค่สนุกและสะใจเป็นพอแล้ว

-------------------------------------------------------------------------------

การโพสต์ฟิค

การโพสต์ฟิคถือเป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการชักจูงผู้อ่าน มีวิธีโพสต์ที่แตกต่างกันไปตามเทคนิคของผู้เขียนแต่ละคน ซึ่งในที่นี้ผมจะขอกล่าวคร่าวๆเกี่ยวกับข้อควรจำหลักๆที่ใช้ในการโพสต์ฟิคนะครับ

1. ควรโพสต์ฟิคให้อยู่ในกระทู้เดียวกันเพื่อความสะดวกของผู้อ่าน ไม่ใช่ว่าไปโพสต์ตอนละกระทู้ เพราะนอกจากจะทำให้เปลืองกระทู้แล้ว อาจจะสร้างความไม่สะดวกให้กับผู้อ่าน เช่น เมื่อผู้อ่านเจอตอนที่สองแล้ว ก็ต้องไปควานหาตอนที่หนึ่งมาอ่าน ซึ่งตอนนั้นตอนที่หนึ่งอาจจะตกไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้

2. ฟิคที่มาโพสต์ ควรจะมีความยาวสักหน่อย ไม่ได้หมายความว่าการโพสฟิคสั้นๆนั้นผิด ถ้าหากจบตอน ก็คือจบ แต่ฟิคที่ลงทีละไม่กี่บรรทัด แบบว่ายังไม่ทันรู้เรื่องก็ไปเสียแล้ว อยากให้แต่งจนจบตอน "จริงๆ" เสียก่อน ค่อยมาโพสทีเดียว ไม่ใช่ว่ามาต่อทีละเศษ1 ส่วน 4 ตอน หรือ แต่งตอนนึงสั้นๆ นอกจากจะตัดจบฟิคได้ไม่น่าติดตามแล้วยังทำให้คนอ่านอารมณ์เสียเอาง่ายๆ (เว้นแต่เป็นฟิคลูกโซ่ อันนี้พออนุโลมได้)

3. ผู้ที่อ่านฟิคของคุณ ไม่จำเป็นจะต้องโพสต์ตอบทุกคน ฉะนั้นหากคุณลงฟิคไปแล้วไม่มีใครมาคอมเมนท์ก็ไม่ต้องหมดกำลังใจไป เพียงแค่คุณอัพต่อเรื่อยๆเดี๋ยวก็มีคนมาคอมเมนต์เอง

4. ผู้ที่คอมเมนต์ฟิคของคุณ ไม่จำเป็นจะต้องอ่านฟิคของคุณทุกคน บางทีเขาอาจจะโพสต์คอมเมนท์ไปเพื่อเพิ่มจำนวน Reply ก็ได้ ฉะนั้นกรุณาอย่าได้ใจไป

ฯลฯ

จากทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานั้นเป็นแค่ข้อควรจำในการโพสต์ฟิคเท่านั้น ต่อไปผมจะขอกล่าวถึงเคล็ดลับและเทคนิคต่างๆในการโพสต์ฟิคบ้างนะครับ

การเว้นบรรทัด เนื่องจากว่าที่นี่ฟอนท์ค่อนข้างเล็ก หากฟิคของคุณลงติดกันเป็นพรืด 10-20 บรรทัด อาจทำให้ผู้อ่านบางคนปิดหน้าต่างไปทันทีที่เห็น เพราะการอ่านบนจอนั้นอ่านยากกว่าอ่านจากหนังสือ และบางทีอาจทำให้ไล่บรรทัดผิดอีก ด้วยเหตุที่ว่ามานี้ อาจจะทำให้ฟิคของคุณมีคนอ่านน้อยกว่าที่ควร น่าจะใช้วิธีกด enter ทีละ 2 ครั้งทุกครั้งที่ต้องการขึ้นบรรทัดใหม่ แล้วก็จะขึ้นบรรทัดใหม่ทุกครั้งที่เริ่มต้นคำพูด แบบที่เคยพบในหนังสือวรรณกรรมทั่วไป บางคนอาจจะใช้ตัวเอียงสำหรับเสียงแผ่วๆ ถ้าเป็นพวกเสียงเบาหรือย้อนอดีตก็จะใช้แท็กสีเทาหรือสีเงินเข้าช่วยด้วย เอฟเฟคเสียงที่รุนแรงจะใช้ตัวหนาเพื่อแสดงความหนักแน่นและเน้นย้ำ ส่วนเสียงที่ดังมากๆก็จะทำให้ตัวอักษรใหญ่ขึ้นด้วยครับ

ชื่อกระทู้จัดเป็นปกหนังสือนิยายของเราที่จะนำเสนอได้เลยทีเดียว การตั้งชื่อกระทู้ ควรตั้งให้ดูน่าสนใจและตั้งด้วยความระมัดระวัง เพราะที่นี่ ไม่สามารถแก้ไขกระทู้ที่ตั้งไปแล้วได้ ชื่อกระทู้ จะอยู่คู่กับฟิคเราไปตลอดตราบจนกระทู้จะโดนลบ แนะนำว่า การตั้งชื่อกระทู้ควรจะกล่าวถึงชื่อฟิคเลย เพราะหากตั้งว่า ฟิคใหม่ล่าสุด ผู้อ่านก็จะไม่รู้ว่ามันเป็นฟิคอะไร ยังไง และเมื่อเวลาผ่านไปซักเดือนหรือสองเดือนมันก็ไม่ใหม่แล้วจริงไหมครับ

การตัดฉาก อาจจะใช้วิธีการเว้นบรรทัดมากๆ ให้ดูชัดเจนว่าเปลี่ยนฉากแล้ว หรือบางคนอาจจะใช้วิธีตีเส้นแบ่งคั่นช่วยเอาด้วย แต่หากต้องการให้มันดูอลังการซักหน่อย อาจจะมีการใส่รูปภาพเล็กๆเข้ามาเพื่อให้รู้ว่าเป็นการตัดฉากครับ (อย่างเช่นในแฮร์รี่ใช้รูปสายฟ้า)

การโฆษณาฟิค แนะนำให้ใช้วิธีทำลิงค์ไว้ในลายเซ็นของตนเอง โดยเมื่อเราไปตอบกระทู้แล้ว คนอื่นก็จะเห็นลิงค์กระทู้ของเราได้ และถ้าหากเขาสนใจก็จะตามมาอ่านได้ แรกๆอาจจะยังไม่มีคนมาตอบ เป็นปัญหาที่ทุกคนย่อมที่จะเคยประสบมาก่อน ไม่ต้องห่วงนะครับ มาต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีคนมาอ่านเองครับ (สำหรับผู้ที่มาอ่านฟิค ถ้าอ่านแล้วชอบก็ขอให้โพสต์สักนิด เพื่อเป็นกำลังใจให้คนแต่งเอาตอนต่อมาลงนะครับ แต่อย่าโพสต์นอกเรื่องนะครับ) นอกจากนี้ การทำลิงค์ไว้ในลายเซ็นยังเป็นการป้องกันการทำกระทู้ตกหายได้อีกทางด้วยนะครับ

การใช้ภาษา พยายามอย่าใช้ภาษาแชทในฟิคถ้าไม่จำเป็น บทบรรยายและบทสนทนานั้นควรจะใช้ภาษาไทยที่ถูกหลักไวยากรณ์มากกว่าใช้ภาษาแชท ภาษาพูดหรือคำเลียนเสียงในภาษานั้นยังพออนุโลมได้ถ้าหากใช้หลักการผันเสียง ผันวรรณยุกต์ที่ถูกต้อง ตามความคิดของผม ภาษาแชทเวลาอ่านจะรู้สึกน่ารำคาญพอดูทีเดียว แถมเวลาจะนำไปตีพิมพ์หรือนำไปให้พวกผู้ใหญ่ที่มีอายุซักหน่อยอ่าน ก็ต้องมานั่งแก้อีก ฉะนั้นกรุณาอย่าใช้เลยครับ นอกเสียจากว่าผู้แต่งต้องการแสดงบุคลิกของตัวละครตัวนั้นให้ดูทันสมัยซักหน่อย อาจจะใช้ภาษาแชทก็ได้ ถ้าไม่มีทางเลือก

การบรรยาย การบรรยายเท่าที่เห็นมาจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ การบรรยายแบบเป็นเนื้อเรื่องกับการบรรยายแบบเล่าคนเดียว ในการบรรยายทั้งสองอย่างจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน เช่น ในการบรรยายแบบเป็นเนื้อเรื่องจะบ่งบอกถึงการกระทำของตัวละครได้ทุกตัว มีโอกาสรู้นิสัยของตัวละครได้พอๆกัน แต่การบรรยายแบบเล่าคนเดียวจะสามารถรู้นิสัยของผู้เล่าได้มากกว่าตัวละอื่น และหากในบทนั้นไม่มีตัวผู้เล่าก็ไม่สามารถบรรยายแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้น ควรเลือกการบรรยายให้เหมาะสมกับฟิคด้วย

ฟิครับสมัคร ฟิคเรื่องใดที่มีการทำการรับสมัครน่าจะมีการเกริ่นนำถึงเนื้อเรื่องของฟิคสักเล็กน้อย ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องลงบทนำก็ได้ แต่ว่าลงแนวๆเรื่องสักหน่อย พอเป็นไอเดียให้คนสมัครใช้กรอกข้อมูลตัวละคร จะได้ไม่หลงประเด็นด้วยครับ

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในฟิครับสมัครคือ ผู้สมัครฟิค สมัครมาได้ไม่ตรงความต้องการของผู้แต่ง ที่จริง ผู้แต่งจะตัดหรือแก้ไขข้อมูลนั้นๆเลยก็ได้ เพราะการรับสมัครตัวละครก็เรียกได้ว่าเป็นการขอความเห็นจากผู้อื่นอย่างหนึ่ง ซึ่งเราจะนำมาใช้ในฟิคของเราหรือไม่ก็ได้ แต่ไหนๆก็เขาก็ช่วยเสนอความเห็นมาทั้งที เราก็ควรจะมีมารยาท บอกกล่าวเขากลับไปว่า ตัวละครนี้มันใช้ไม่ได้ในฟิคของเราอย่างไร จะขอแก้ไขเป็นแบบนี้จะได้หรือไม่ หรือว่าอยากให้เสนอตัวละครอื่นมาแทน

-------------------------------------------------------------------------------

การตอบรีพลายและการคอมเมนท์ฟิค

อันนี้ผมขอกล่าวถึงผู้อ่านบ้างนะครับ เกี่ยวกับมารยาทในการตอบรีพลายและการคอมเมนท์ครับ

ในการคอมเมนท์ควรใช้คำพูดที่ฟังรื่นหู ไม่ได้หมายความว่าจะติไม่ได้ จะวิจารณ์ไม่ได้ แต่ขอให้เรียบเรียงคำพูดดีๆก่อนที่จะคอมเมนท์ไป ส่วนผู้แต่งเองหากว่าผู้อ่านเขาคอมเมนท์มาแล้วก็ควรที่จะลองคิดดูให้ดีว่า ฟิคเราเป็นอย่างนั้นจริงรึเปล่า และพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น หากผู้อ่านต้องการคอมเมนท์แบบรุนแรงจริงๆก็กรุณาขออนุญาตข้อแต่ก่อนนะครับ

ในหนึ่งรีพลายสามารถใส่ข้อความได้หลายตัวอักษร กรุณาใช้ให้คุ้ม ไม่ควรคอมเมนท์เพียงแค่ว่า หนุกดี หรือ มาต่อเร็วๆนะ และคำอื่นๆที่มิได้กล่าวถึง ณ ที่นี้ เพราะถือว่าเป็นการเปลือง reply ส่วนข้อเสียอีกอย่างของการโพสต์คอมเมนท์ในลักษณะนี้คือ ผู้แต่งไม่สามารถทราบได้ว่าคนที่คอมเมนท์ไปนั้นได้อ่านหรือไม่ เพราะบางทีอาจมีคนบางประเภทที่โพสต์ไปเพื่อเพิ่มจำนวน reply เท่านั้น ทางทีดีหากจะคอมเมนท์นั้น ควรกล่าวถึงเนื้อเรื่องที่อ่านบ้าง เพื่อให้ผู้เขียนรู้ว่า เราอ่านฟิคของเขาจริงๆ

การโพสต์ขุด ในการโพสต์ขุดกระทู้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่อาจจะทำให้บางคนหัวเสียไปได้ ฟิคที่ไม่ได้อัพมานานประมาณเดือนนึงแล้ว ก็ไม่ควรที่จะไปโพสต์ขุดเค้า เพราะอาจจะทำให้ผู้อ่านบางคนที่ติดตามฟิคเรื่องนั้นๆอยู่ คิดว่าผู้แต่งมาอัพต่อแล้ว ซึ่งที่จริงแล้วผู้แต่งอาจจะไม่คิดแต่งต่อแล้วก็ได้ มันก็จะทำให้เกิดอาการหัวเสียขึ้นเล็กน้อย หากต้องการจะคอมเมนท์จริงๆละก็ ควรที่จะเลือกวิธีการอื่นๆ เช่น การออนเอ็มคุยกับผู้แต่ง ส่งเมล์หรือ PM ไปติชมฟิค หรืออื่นๆก็ได้

การรับสมัครฟิค ควรอ่านรายละเอียดเนื้อเรื่องของผู้ที่รับสมัครให้ชัดเจนก่อน แล้วก็ควรสมัครให้อยู่ในขอบเขตที่ผู้รับสมัครกำหนดไว้ ชื่อขอตัวละครที่สมัครก็ให้มันออกแนวเดียวกันหน่อย เช่น ในฟิคมีตัวละครที่ชื่ออกอังกฤษกันทั้งนั้น แต่เราตั้งชื่อเป็นญี่ปุ่น มันก็คงจะเด่นพิลึก ควรพยายามดูคนรอบข้างที่มาสมัครด้วยว่ามีชื่อคล้ายๆของตัวเองรึเปล่า เพื่อที่จะได้ไม่มีชื่อที่ซ้ำหรือคล้ายๆกัน แล้วก็ควรที่จะกำหนดนิสัยตัวละครให้มันแตกต่างจากคนรอบข้างบ้าง มันจะทำให้ฟิคของผู้รับสมัครน่าอ่านขึ้น

การทวงบท ในความคิดของผมแล้ว การทวงบทมันจะคล้ายๆกับการเร่งให้ผู้แต่งรีบแต่งเร็ว อาจจะทำให้ผู้แต่งรู้สึกกดดันและแต่งออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผมเข้าใจว่าผู้ที่สมัครฟิคไปแล้วย่อมอยากเห็นตัวเองออกมาโลดแล่นในฟิค แต่ว่าผู้แต่งก็ย่อมมีการวางบทและโครงเรื่องเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว การทีเราไปทวงบทก็อาจจะทำให้พล็อตเรื่องนั้นเปลี่ยนไปเลยก็ได้ เช่น จากบทเด่นๆในฟิคก็กลายเป็นบทธรรมดาๆไปเลย

การทวงฟิค อันนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาๆของผู้อ่านที่อยากติดตามฟิคอ่ะนะครับ แต่ว่าอยากจะให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ผู้แต่งก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนเรา เขาอุตส่าห์สละเอาเวลามาแต่งฟิคให้เราอ่านแล้ว เรายังไม่พอใจอีกเหรอ ผมเข้าใจนะครับว่าอยากจะอ่านต่อเร็วๆ แต่ว่า กรุณาอดทนรอไปก่อนและเตรียมตัวทำใจไว้ด้วยก็ดีครับ

-------------------------------------------------------------------------------

การแต่งฟิค

ขั้นตอนการเขียนฟิคน่ะครับ หลักๆแล้วมีแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้นก็คือ

1. ลงมือเขียน

2. เขียนให้จบ

แต่ดูเหมือนส่วนใหญ่จะทำได้แค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น ใช่แล้วละครับ การลงมือเขียนนี่มันก้เป้นอะไรที่ยากเอาการเหมือนกัน เพราะต้องคำนึงถึงหลายๆอย่าง เช่น

การวางโครงเรื่องหลักโครงเรื่องหลักและใจความหลักของเรื่องโดยส่วนมาก ผู้เขียนมักจะกำหนดเป็นเป้าหมายของตัวเอก เช่น ในโปเกมอน โครงเรื่องหลักๆคือการเดินทางรวมรวมเข็มกลัดเพื่อเข้าไปแข่งในโปเกมอนลีคและเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ให้ได้ เป็นต้น ในการวางโครงเรื่องหลักส่วนมากจะมีการใส่ปริศนาเข้าไปในโครงเรื่องด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าปริศนาทั้งหมดจะเอามาอยู่ในโครงเรื่องหลักเพียงอย่างเดียว เพราะหากปริศนาทั้งหมดมารวมอยู่เฉพาะในโครงเรื่องหลักแล้ว จะทำให้เนื้อเรื่องย่อยในแต่ละตอนขาดความน่าสนใจไปเลย

การวางคาแรคเตอร์ นักเขียนบางคนจะมีการกำหนดเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มวางโครงเรื่อง ดังนั้น จะถือว่าการวางคาแรคเตอร์มีความสำคัญพอๆกับการวางโครงเรื่องหลักเลยก็ว่าได้ ในการวางคาแรคเตอร์ควรกำหนดให้นิสัยของตัวละครมีความแตกต่างกันบ้างตามความเหมาะสมของโครงเรื่องหลักและย่อย เพราะหากกำหนดตัวละครให้มีนิสัยเหมือนกันไปทั้งหมดแล้วละก็ จะทำให้เนื้อเรื่องขาดความน่าสนใจลงไปมาก ถ้าเรามองตัวละครออกซักตัวหนึ่งเราก็จะมองตัวละครตัวอื่นๆออกทั้งหมด แล้วก็สุดท้ายในการวางคาแรคเตอร์คือ ตัวละครทุกตัวควรมีจุดอ่อน 

การวางโครงเรื่องย่อย โครงเรื่องย่อยคือโครงเรื่องที่แตกออกมาจากโครงเรื่องหลัก เช่น ในเรื่องโคนัน โครงเรื่องหลักก็คือการสืบคดีเกี่ยวกับองค์กรชุดดำ ส่วนโครงเรื่องย่อยๆก็คือ คดีต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละตอนครับ ในส่วนของโครงเรื่องย่อยจะกำหนดความยาวให้ยาวเท่าไหร่ก็ได้ จะมีการเพิ่มปริศนาเข้าไปในโครงเรื่องย่อยก็ได้ หรือว่าจะคลี่คลายบางส่วนไปก็ได้ สรุปง่ายๆก็คือผู้แต่งสามารถแต่งโครงเรื่องย่อยไปยังไงก็ได้ ขอแค่สามารถนำมาปะติดปะต่อให้เข้ากับโครงเรื่องหลักได้ก็พอ ตามความคิดของผมแล้ว การเขียนโครงเรื่องย่อยถือเป็นการเขียนที่สนุกที่สุด เพราะมันสามารถทำให้ฟิคของผมมีหลายแนว เพิ่มแนวทางการเขียนได้ไม่มีที่สิ้นสุด และทำให้ฟิคน่าสนใจมากขึ้นทีเดียวละครับ

สาเหตุและแรงจูงใจ ตามหลักความเป็นจริงแล้ว ถ้ามีคนมาบอกว่าคุณเป็นผู้กล้าในตำนานที่มีหน้าที่ไปปราบปีศาจ คุณจะเชื่อเหรอ คุณจะยอมแบกรับชะตากรรมของโลกเหรอ คุณจะเอาชีวิตของคุณไปเสี่ยงโดยที่เดิมพันกับความสำเร็จเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์อย่างนั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกของความเป็นจริงหรอก แน่นอนในโลกของฟิคก็เหมือนกัน หากขาดแรงจูงใจไปละก็ไม่มีใครยอมทำหรอก ดังนั้นแรงจูงใจจึงถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของฟิคเพื่อทำให้ฟิคมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด ทำให้ฟิคมีความสมเหตุสมผลและเพิ่มอรรถรสในการอ่านอีกด้วยครับ

เหตุการณ์และเงื่อนไข ตามการ์ตูน นิยาย หรือวรรณกรรมในเรื่องต่างๆ หากตัวเอกสามารดำเนินเรื่องได้อย่างสบายๆ ไม่มีอุปสรรคอะไร ไม่มีเหตุการณ์อะไร ไม่มีเงื่อนไขอะไร มันก็คงไม่สนุกเท่าไหร่นัก ดังนั้นเหตุการณ์และเงื่อนไขจึงเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้สำหรับฟิคและช่วยเพิ่มความสนุกให้กับฟิคได้มากเลยทีเดียว เช่น หากตัวเอกต้องการจะช่วยคนๆหนึ่งซึ่งกำลังป่วยหนักอยู่ หากว่าตัวเอกไปซื้อยามารักษาแล้วจบเลย มันก็ดูธรรมดาๆเกินไปใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเกิดยาที่ตัวเอกต้องนำไปรักษาเป็นของหายากล่ะครับ ตัวเอกก็ต้องออกผจญภัยไปตามหาส่วนประกอบของยาเพื่อมาทำยา เรื่องมันก็จะสนุกมากขึ้นครับ

ความสมเหตุสมผลและความจริง หลักความเป็นจริงเป็นเรื่องง่ายๆที่ผู้เขียนบางคนอาจจะมองข้ามไป เช่น ตอนที่ตัวเอกกำลังสู้กับตัวร้าย ก็สู้กันไปสู้กันมาเรื่อยๆ จนตัวเอกสามารถเอาชนะตัวร้ายได้ แต่ว่า...ตัวเอกก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่ว่าหลังจากนั้นก็มีตัวร้ายตัวใหม่โผล่มา ตัวเอกใช้เวลาเพียงไม่นานเพื่อปราบมันได้อย่างสบายๆ ลองคิดดูสิครับ มันแปลกๆอยู่ตรงที่ว่า ตัวเอกบาดเจ็บสาหัสแล้ว ทำไมถึงจัดการได้อย่างสบายๆล่ะ การบาดเจ็บสาหัสก็แสดงว่าบาดเจ็บมากเลยไม่ใช่เหรอ บางทีแค่ยืนก็ยังทำไม่ได้เลย นั่นละคือการเขียนแบบขาดความสมเหตุสมผลครับ

จากการแต่งฟิคหลักๆที่ได้กล่าวมานั้นไม่ได้หมายความว่าหลักการเขียนมีแค่นี้เท่านั้น เพราะผู้เขียนสามารถนำหลักการต่างๆนี้มาประยุกต์ ปรับปรุง และดัดแปลก่อให้เกิดฟิคได้มากมายหลากหลายรูปแบบ ซึ่งก็แล้วแต่ผู้แต่งจะจินตนาการครับ

-------------------------------------------------------------------------------

ขอโทษทีที่ย่อได้แค่นี้ เพราะถ้าพิมพ์ออกมาตามใจผมแล้วจะดูไม่เป้นทางการเกินไป ถ้าอยากได้คำแนะนำแบบกันเองก็ PM มาหาละกันนะครับ จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สุดท้ายนะครับ หากต้องการลบหรือล็อคกระทู้อะไรในหมวดนี้ก็เชิญแจ้งที่ กระทู้นี้ ได้เลยครับ

ด้วยความเคารพ

Str@y Dre@m

ความฝันจรจัด

ก็อบบทความเก่าๆ มาให้อ่านก่อนแล้วกันครับ  คิดว่าน่าจะมีประโยชน์

อันนี้จากนินจาอ่ะนะ

Link to comment
Share on other sites

หลังจากป้าอ่านจบพบว่า...

นี่คือเรียงความหัวข้อ "เทรนเนอร์การ์ดใบแรกของฉัน" มากกว่าฟิคชั่น พูดให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นก็คือ ตอนนี้ฟิคของเอ็นคุงยังเป็นการเล่าเรื่องชีวิตประจำวันมากกว่าการใช้เรื่องเทรนเนอร์การ์ดมาจุดประเด็นในการดำเนินเรืองทั้งหมด(หรือพูดง่ายๆก็คือโครงหลักนั่นเอง)

และตรงนี้

พี่โน้ต: ทำเองสิครับ ไม่ยากหรอก

เอ็นจิ้น: ทำยังไงอ่าครับ ผมทำไม่เป็น

ใครไม่รู้: นี่ครับ (แล้วก็เอากระทู้มาให้)

ใครไม่รู้: ลองทำดูสิครับ ใช้เพ้นก็ได้ (แล้วก็เอาวิธีทำมาให้)

เอ้นจิ้น: งั้น ผมจะลองทำดูนะครับ

ทำแบบนี้ไม่ผิด แต่ว่ามันเหมือนบทละครมากกว่านะจ๊ะ สมมุติว่าเราลองเปลี่ยนเป็น

"ทำเองสิครับ ไม่ยากหรอก" พี่ตัวโน้ตบอกเอ็นคุง

"ทำยังไงอ่าครับ ผมทำไม่เป็น"

"นี่ครับ" ใครก็ไม่รู้ส่งลิ้งค์กระทู้ให้ "ลองทำดูนะสิครับ ใช้เพ้นต์ก็ได้"

"งั้น ผมจะลองทำดูนะครับ"

ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีคนคอมเมนต์ไปแล้วเนอะ ลองๆฝึกดู ไม่ยาก สู้ๆ

Link to comment
Share on other sites

"ใครไม่รู้"นี่คุ้นๆแฮะ ใครน้า~

ยังไม่มีการบรรยายเท่าที่ควรนะครับ ลองอ่านฟิคอื่นๆของบอร์ดเดี๋ยวจะเก่งได้เองครับ

Link to comment
Share on other sites

ตอนที่ 1 เอ็นจิ้นเกียร์กับบาจาโม่

ในเช้าวันหนึ่ง วันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องไปรับโปเกมอนตัวแรก ผมจึงรีบตื่นนอนแต่เช้าแล้วเดินทางไปยังศูนย์วิจัยของ ดร.(ชื่ออะไรไม่รู้) ผมเดินเข้าไปในห้องวิจัยของ ดร. แล้วก็เห็นโปเกบอลอยู่สามลูก

"เลือกโปเกมอนพวกนี้ไปตัวนึงสิ" ดร. บอก

"ครับ" ผมพูดแล้วหยิบบอลลูกหนึ่งขึ้นมา "ผมเอาตัวนี้ครับ"

"นายเลือกอาจาโม่สินะ ออกเดินทางดีๆ ล่ะ" ดร.บอก

จากนั้น ผมก็ได้ออกเดินทางพร้อมกับโปเกมอนตัวแรก จุดมุ่งหมายของผมไม่ใช่การออกเดินทางไปสู้ยิมต่างๆ แต่เป็นการออกไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ เพื่อศึกษาชีวิตของโปเกมอน ผมพยายามฝึกอาจาโม่ของผมเพื่อให้มันเก่งขึ้น เพื่อจะได้เดินทางในที่ๆไปได้ลำบากได้จนกระทั้งอาจาโม่ของผมได้เปลี่ยนร่างเป็นร่างสุดท้ายที่ชื่อว่าบาจาโม่

ความทรงจำดีๆของผมกับบาจาโม่เท่าที่คิดออก คงจะเป็นตอนที่เราได้ต่อสู้กับคู่แข่ง ตอนนั้นผมเจอโมเด็ม(ชื่อเพื่อน 555+)ที่เป็นคู่แข่งของผมระหว่างการเดินทาง พวกเราจึงใช้โปเกมอนมาต่อสู้กัน

"เอ็น เจอกันก็ดีแล้วนะ มาต่อสู้กันหน่อยเป็นไง" โมเด็มท้า

"ได้สิ เอาเลย พร้อมอยู่แล้ว" ผมตอบ

"ใช้โปเกมอน1ตัวที่ตัวเองภูมิใจที่สุดมาสู้กัน" โมเด็มพูด

"ได้เลย ออกไปเลยบาจาโม่!!!" ผมพูดแล้วเรียกบาจาโม่ของผมออกไป

"นายก็ออกมาด้วยสิชิซาริก้า" โมเด็มพูดแล้วเรียกชิซาริก้าออกมา

ผมรู้อยู่แล้วว่าโมเด็มต้องเอาชิซาริก้าออกมาแน่ เพราะชิซาริก้าเป็นโปเกมอนที่โมเด็มเชื่อใจและภูมิใจที่สุด แต่ว่าผมก็เอาโปเกมอนตัวอื่นออกมาไม่ได้ เพราะโปเกมอนตัวแรกที่ผมได้รับก็คือบาจาโม่ตัวนี้ ผมรักและภูมิใจตัวบาจาโม่ที่สุด ถึงจะรู้ว่าโปเกมอนธาตุไฟจะแพ้โปเกมอนธาตุน้ำ แต่ผมก็ต้องเอาโปเกมอนที่ผมภูมิใจที่สุดออกมาสู้ เพราะผมไม่อยากโกหกตัวเอง

"ชิซาริก้าใช้แครบแฮมเมอร์เลย"

"บาจาโม่ หลบแล้วเข้าไปเตะมันเลย"

"เฮ้ย!!! ชิซาริก้าระวังนะ"

บาจาโม่หลบแครบแฮมเมอร์ของชิซาริก้าได้อย่างสวยงามแล้วเตะเข้าไปที่ชิซาริก้าแบบเน้นๆ 2 ที ชิซาริก้ากระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้แล้วก็ลุกขึ้นมาได้

"ไม่เป็นไรนะ ชิซาริก้า ลำแสงฟองสบู่!!!"

ชิซาริก้ายิ่งฟองสบู่มากมายออกมาจากก้าม มันเหวี่ยงก้ามไปมาเพื่อจะยิงให้โดนบาจาโม่

"บาจาโม่ หลบเร็ว!!!"

บาจาโม่หลบลำแสงฟองสบู่ไปมาแต่ว่า ชิซาริก้าก็เหวี่ยงก้ามไปเรื่อยๆ ทำให้ลำแสงฟองสบู่ไปโดนกับบาจาโม่

"ดีมาก ยิงไปอย่างนั้นแหละ อย่าหยุดนะ" โมเด็มพูดแล้วหันมาทางผม "เอ็น นายรีบยอมแพ้ก่อนโปเกมอนจะเจ็บหนักจะดีกว่านะ"

"ไม่มีทาง บาจาโม่ไม่แพ้หรอก เพราะบาชาโม่เป็นโปเกมอนที่ผมภูมิใจที่สุด" ผมตอบ

"ชิซาริก้า ยิงต่อไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะหมดสตินะ" โมเด็มสั่ง

บาจาโม่โดนลำแสงฟองสบู่ยิงใส่จนล้มลง แต่ชิซาริก้าก็ไม่หยุด มันยังยิงใส่บาจาโม่เรื่อยๆจนบาจาโม่ไม่ขยับอะไรอีกแล้ว ชิซาริก้าก็หยุดยิง

"นายน่ะแพ้แล้วเอ็น นายน่าจะยอมแพ้ตั้งแต่แรกนะ ดูสิ โปเกมอนของนายต้องมาทรมานแบบนี้ก็เพราะนายแท้ๆ เลย" โมเด็มพูด

ตอนนั้นผมกำลังร้องไห้ ถ้าผมยอมแพ้แต่แรกบาจาโม่ของผมก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ ผมมองบาจาโม่ของผมไม่นอนนิ่งๆไม่ขยับอะไรอีก บาจาโม่โปเกมอนที่ผมภูมิใจที่สุดกำลังอยู่ในสภาพที่น่าอับอายที่สุด นี่เหรอโปเกมอนที่ผมภูมิใจ ความภูมิใจของผมถูกเหยียบย่ำไม่เหลือชิ้นดีเลย ผมคิดในใจว่า มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ บาจาโม่ที่ผมรู้จักต้องไม่ใช่แบบนี้ บาจาโม่ที่ผมรู้จักเป็นโปเกมอนที่แข้งแกร่งและเท่มาก

"ลุกขึ้นสิบาจาโม่!!!" ผมตะโกนออกมาทั้งน้ำตา

บาจาโม่ที่นอนอยู่เริ่มเรืองแสงสีแดง มันลุกขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วมองไปที่ชิซาริก้า

"ไม่จริง!!!!! ทำไมบาจาโม่ยังลุกขึ้นได้อีก แล้วแสงสีแดงนี่มันอะไรน่ะ!!!" โมเด็มตกใจ

"ความสามารถ Blaze ของบาจาโม่ไงล่ะ ถ้าพลังชีวิตเหลือน้อยแล้วพลังโจมตีของท่าไฟจะเพิ่มขึ้น" ผมตอบ

"ได้ งั้นมาสู้กันใหม่เลย ชิซาริก้าลำแสงฟองสบู่"

"บาจาโม่พ่นไฟเลย"

ชิซาริก้ายิงลำแสงฟองสบู่ใส่บาจาโม่ บาจาโม่พ่นไฟไปใส่ลำแสงฟองสบู่ให้มันระเหยให้หมดแล้วก็วิ่งเข้าไปใกล้ชิซาริก้าเรื่อยๆ

"ทำไมล่ะน้ำชนะไฟนี่นา" โมเด็มถาม

"Blaze ทำให้พลังโจมตีธาตุไฟเพิ่มขึ้น ฟองสบู่แค่นั้นทำอะไรบาจาโม่ของผมไม่ได้หรอก" ผมตอบ

บาจาโม่พ่นไฟใส่ลำแสงฟองสบู่ไปเรื่อยๆจนเข้าถึงชิซาริก้าแล้วจับก้ามของมันกางออก

"ตอนนี้แหละบาจาโม่ เตะมันเลย" ผมสั่ง

และแล้วในการต่อสู้ครั้งนั้นผมก็ชนะมาได้ หลังจบการต่อสู้ ผมพาบาจาโม่ของผมไปโปเกมอนเซ็นเตอร์ ผมรู้สึกชอบบาจาโม่ของผมมากขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะบาจาดม่คือโปเกมอนที่ผมภูมิใจที่สุด และเป็นโปเกมอนตัวแรกของผม

ดังนั้น โปเกมอนตัวแรกในเทรนเนอร์การ์ดของผม ก็คือ "บาจาโม่" นี่แหละครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมลองแก้ดูแล้วนะงับ ตอนนี้ยาว3หน้ากว่าๆแน่ะ  :pika09: หมดแรง

Link to comment
Share on other sites

ความเป็นจริงที่มาเชื่อมกับจินตนาการว่าโปเกมอนใน TC ของเรามีความเป็นมายังไง น่าสนใจดีแฮะ

บทนำกับตอนแรกเนี่ย ดูต่างกันลิบลับเลย

การบรรยายกับการเว้นวรรคก็ถือว่าใช้ได้เลย

Link to comment
Share on other sites

ฝีมือพัฒนามาแบบก้าวกระโดดเลยนะครับ  :pika01: ว่าแต่ บางทีหัวข้อเนื้อเรื่อง ก็เป็นตัวดึงดูดเรื่องนะครับ น่าจะตั้งให้น่าสนใจกว่านี้หน่อย เพราะเรื่องเริ่มเข้าสู้การผจญภัยแล้ว แต่ชื่อยังเป็นเทรนเนอร์การ์ดอยู่เลย

Link to comment
Share on other sites

อูย~ บาจาโม่สุดยอดมากๆ~ ตอนแรกมาเรื่อง TC ตอนหลังมาเรื่องโปเกมอนซะแล้ว แปลกดี = =

ฝีมือเด้งขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้เสียงหัวเราะว่า 555+ นะ ควรจะใช้ ฮ่าฮ่าฮ่า ดีกว่าครับ

ปล.เม้นต์เลว กำลังโดนเร่งให้รีบไปม. ขอโทษนะครับ = =

Link to comment
Share on other sites

โฮ่ บาชาโม่สุดยอดมากๆเลยค่าา

การบรรยายทำได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่ยังเร็วไปนิดหน่อยค่ะ

"ลุกขึ้นสิบาจาโม่!!!" ผมตะโกนออกมาทั้งน้ำตา

บาจาโม่ที่นอนอยู่เริ่มเรืองแสงสีแดง มันลุกขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วมองไปที่ชิซาริก้า

"ไม่จริง!!!!! ทำไมบาจาโม่ยังลุกขึ้นได้อีก แล้วแสงสีแดงนี่มันอะไรน่ะ!!!" โมเด็มตกใจ

"ความสามารถ Blaze ของบาจาโม่ไงล่ะ ถ้าพลังชีวิตเหลือน้อยแล้วพลังโจมตีของท่าไฟจะเพิ่มขึ้น" ผมตอบ

เอ่อ ตรงนี้น่าจะบรรยายอีกนิดนะคะว่าตรงไหนมันเรื่องแสงสีแดง เช่น ตัวเรืองแสง แขนเรืองแสง ฯลฯ

สนุกมากเลย สู้ๆต่อไปนะคะ

Link to comment
Share on other sites

เปลี่ยนแปลงไปจดน่ากลัวเลยนะครับเนี้ย เก่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากเลยครับ

ฟิคที่ร้อนแรง การต่อสู้ที่ร้อนแรง โปเกม่อนที่ร้อนแรง ชวนให้คนอ่านอย่างผมร้อนแรงตามไปด้วย!! บาชาโม่จังสู้ๆน้า~!!!

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.