Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[FF] Warriors Orochi ขับขานตำนานแห่งผู้กล้าสองภพ


大喬

Recommended Posts

Warriors Orochi ตำนานผู้กล้าสองภพ

ตำนานบทนี้ เริ่มต้นด้วย ราชันย์อสรพิษ โอโรจิ (The Serpent King Orochi) ได้หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งสวรรค์ ด้วยฝีมือของปีศาจจิ้งจอกสาว ต้าจี่ (Da Ji) หลังจากนั้น เขาก็ได้ใช้พลังปีศาจขั้นสูงสุด บิดเบือนกาลเวลา รวบรวมแผ่นดิน สร้างโลกแห่งใหม่ขึ้นมา โดยดึงเอาผู้กล้าและดินแดนจากสองยุค สองช่วงเวลา มารวมกัน ได้แก่ ยุคของสามก๊กในประเทศจีน และยุคสงครามกลางเมืองในประเทศญี่ปุ่น

หลังจากที่รวบรวมในส่วนของแผ่นดินเสร็จสิ้น ราชันย์ปีศาจได้บุกโจมตีกองกำลังต่างๆ หมายรวบรวมโลกใหม่แห่งนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติ เหล่าผู้กล้าจากทั้งสองยุคจึงต้องรวมพลังกันต่อต้าน บังเกิดเป็นยุคแห่งสงครามครั้งใหม่ขึ้น

สงครามที่ตัดสินชีวิตของผู้กล้าทั้งสองภพ

[glow=red,2,300]หมายเหตุ***[/glow]

ฟิคเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์เกมส์ Warriors Orochi เนื้อหาส่วนใหญ่ก็นำมาจากเกมส์ แค่ถูกดัดแปลงมาเพื่อความบรรเทิง

บางส่วนอาจไม่ตรงกับเกมส์ เพราะเกิดจากการเล่นและการแปลภาษาตามภาพ หากมีอะไรผิดพลาดก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะ

แนะนำตัวละคร***

orochi.jpg

The Serpent King Orochi โอโรจิ

เทพอสูรผู้ถูกสวรรค์จองจำ ถูกปลดปล่อยโดยต้าจี่ (เนื้อเรื่องส่วนนี้อยู่ในดรีมโหมด) เขาคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เพื่อหวังที่จะครอบครอง

daji.jpg

Da Ji ต้าจี่

ปีศาจจิ้งจอกสาวเจ้าเล่ห์ ผู้ปลดปล่อยราชันย์อสรพิษ และรับใช้ราชันย์อสรรพิษอย่างเต็มความสามารถ เธอมีบทบาทสำคัญในสงครามคสองภพนี้มาก

เอือเฟื้อรูป...

koeiwariors

Link to comment
Share on other sites

ปฐมบท อหังการราชันย์อสรพิษ

ศึกแรก ยึดปราสาทโอดาวาระ

ในตอนแรกเริ่มมีบุคคลแรกที่เล็งเห็นว่า ราชันย์อสรพิษผู้นี้ คือผู้ที่จะให้ตนยิ่งใหญ่ได้ คนผู้นั้นก็คือ ตั๋งโต๊ะ (Dong Zhuo) ทรราชผู้ถูกสาปแช่งทั้งแผ่นดิน แห่งยุคสามก๊ก

ตั๋งโต๊ะได้เสนอตัวเข้าร่วมกับกองทัพของราชันย์อสรพิษทันที เมื่อได้กองทัพของฝั่งมนุษย์มาร่วมศึก เป้าหมายแรกของกองทัพโอโรจิก็มุ่งตรงไปยังปราสาทโอดาวาระ(Odawara Castle) อันเป็นที่มั่นของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นเป้าหมายแรก

ในศึกแรกนี้ ฝ่ายของฮิเดโยชิได้เปรียบในส่วนของฝ่ายตั้งรับ ด้วยตัวปราสาทที่มั่นคงแข็งแรง คงสามารถต้านทานทางกองทัพจำแลงของราชันย์อสรพิษได้ และภายใต้กลยุทธ์ของต้าจี่ เธอได้แบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกบุกโจมตีด้านหน้าปราสาทโดยตรง อีกส่วนได้อ้อมไปโจมตีทางเหนือ

แต่ทางฮิเดโยชิก็ไม่ใช่จะยอมจำนนโดยง่าย เขาเองก็ถือได้ว่าเป็นยอดนักวางกลยุทธ์คนหนึ่งเหมือนกัน ทางด้านประตูทางเหนือก็มีกองกำลังของ มาเอดะ เคย์จิ (Maeda Keiji) ตั้งรับไว้อย่างดี ส่วนทางด้านหน้าก็มีหน่วยรบนินจาภายใต้นำโดย เนเน่ (Nene) ผู้เป็นภรรยา และ ฟูมะ โคทาโร่ (Fuma Kotaro) ผู้นำนินจาตระกูลฟูมะ คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา แผนการบุกสองทางนี้ จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร

แต่ด้วยกองทัพมนุษย์จำแลงของราชันย์อสรพิษนั้น แข็งแกร่งเกินกว่าที่ ฮิเดโยชิ คาด พอต้านไปได้ระยะหนึ่ง ฟูมะ โคทาโร่ ก็แปรพักตร์ ไปเข้าร่วมกับโอโรจิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นบนแผ่นดิน เมื่อได้โคทาโร่มาร่วม ทำให้ประตูด้านหน้า ถูกตีแตก

ทางด้านประตูทางเหนือ แม้ว่า เคย์จิ จะถือได้ว่าเป็นสุดยอดขุนพลคนหนึ่ง แต่ในใจของเขาก็เห็นว่ากองทัพโอโรจิมีศักยภาพที่มากกว่า เลยไม่มีจิตใจที่พร้อมสู้ ปล่อยให้ประตูทางเหนือแตก หลังจากประตูทั้งสองถูกตีแตก ต้าจี่ก็ได้สั่งเผาปราสาทโอดาวาระ บีบให้ฮิเดโยชิยอมจำนน โชคดีที่เขาและ เนเน่ ภรรยา หลบหนีไปได้

***ใส่รูปแล้วแปลกๆ แฮะ เรื่องรูปเอาไว้ที่หลัง

Link to comment
Share on other sites

เอาเนื้อเรื่องมาเขียนเป็นรูปแบบนิยายสินะ

รออ่านต่อนะครับ :]

Link to comment
Share on other sites

ขานี้เป็นแฟนของ Dinesty Warrior : Gundum ด้วยสิ...

แต่จะพยายามอ่านให้เข้าใจคร้าบ~!!!

Link to comment
Share on other sites

ศึกที่สอง พิชิตจ๊กก๊ก

หลังจากโจมตีปราสาทโอดาวาระจากญี่ปุ่นไปแล้ว เป้าหมายต่อมาก็คือปราสาทเฉิงตู(Cheng Du Castle) จากสามก๊ก อันเป็นที่เมืองหลวงของจ๊กก๊ก

จูกัดเหลียง (Zhuge Liang) พอได้ทราบถึงข่าวการมาเยือนถึงราชันย์อสรพิษ และการพ่ายแพ้อย่างยับเยินของ ฮิเดโยชิ จึงได้เตรียมการถอนกำลังออกจากปราสาทเฉิงตู เพื่อไปรวบรวมกับกำลังจากต่างแดนมาต่อต้าน

กองทัพมนุษย์จำแลงของโอโรจิ บุกโจมตีป้อมปราการแรกได้อย่างง่ายได้ หารู้ไม่ว่า เป็นแผนการแรกของจูกัดเหลียง เมื่อเข้ามาในป้อมปราการได้ จูกัดเหลียงก็สั่งปิดประตูป้อมทุกด้านและวางเพลิง แต่โชคกลับไม่เข้าข้างจูกัดเหลียง เมื่อโคทาโร่ จัดการแผนวางเพลิง และเปิดประตูป้อมได้อย่างรวดเร็ว กองทัพโอโรจิ จึงสามารถเคลื่อนต่อไปได้โดยสะดวก

เมื่อกองทัพศัตรูใกล้เข้ามา จูกัดเหลียงจำต้องเสนอให้ เล่าปี่ (Liu Bei) ผู้นำแห่งจ๊กก๊ก หลบหนีไปก่อน โดยตนจะใช้แผนเดิมรับมืออีกครั้ง และโชคก็ไม่ได้เข้าข้างจูกัดเหลียงอีกครั้ง เขาประเมินค่าของกองทัพโอโรจิต่ำเกินไป แผนการยังไม่ทันได้ดำเนินไปได้มากนัก เขาก็ถูกจับกุม

ในความเป็นผู้นำที่ห่วงใยประชาชนมากกว่าชีวิตของตัวเอง เล่าปี่ จึงเคลื่อนทัพของตนเองตามขบวนของชาวบ้าน ทำให้เคลื่อนทัพถอยได้อย่างล่าช้า ทำให้กองทัพโอโรจิตามทันได้ไม่ยาก โชคดีที่กำลังเสริมของเบ้งเฮ็ก (Meng Huo) จากแดนใต้ เข้ามาช่วยเหลือได้ทัน

แต่ในที่สุดแล้ว ทั้งกองทัพจ๊กก๊ก บวกกับกำลังเสริมของเบ้งเฮ็ก ก็ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของกองทัพราชันย์อสรพิษได้ ถูกตามตีแตกพ่ายยับเยิน ทั้งเล่าปี่ ครอบครัว และขุนพลส่วนหนึ่งในสังกัดจ๊กก๊ก ถูกจับกุมตัวสิ้น

Link to comment
Share on other sites

กวนอูกันดั้ม หรือเตียวหุยกันดั้มก็ได้ มาช่วยพี่น้องร่วมสาบานเร็ว!!! ผลั๊วะ!!!

ME/ ถูกกระทืบข้อหาเอาไปปนมั่วกับกันดั้มสามก๊ก...

Link to comment
Share on other sites

กวนอูกันดั้ม หรือเตียวหุยกันดั้มก็ได้ มาช่วยพี่น้องร่วมสาบานเร็ว!!! ผลั๊วะ!!!

ME/ ถูกกระทืบข้อหาเอาไปปนมั่วกับกันดั้มสามก๊ก...

เอ่อ...คือ ในศึกนี้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ก็อยู่ด้วยนะ แต่ก็แพ้ด้วย แต่ทั้งสามนั้น จะถูกกล่าวถึงในตอนต่อๆ ไป

คนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ มี ฮองตง ม้าเฉียว กวนเป๋ง(ลูกชายกวนอู) เตียวซี(ลูกสาวเตียวหุย) บังทอง เย่อิง(ภรรยาขงเบ้ง) เกียงอุย ซึ่งทั้งหมดนี้ เหมือนถูกให้ไปคุมที่อื่น

Link to comment
Share on other sites

ศึกที่สาม สู้ศึกพยัคฆ์มังกร

ถัดจากพิชิตจ๊กก๊กแล้ว ก็เกิดมีกองทัพผสม ต่อต้านราชันย์อสรพิษขึ้นที่ คาวานากาจิมา (Kawanakajima) นำโดยคู่ปรับตลอดกาล ที่งานนี้มาร่วมมือกันเฉพาะกิจ อุเอซึกิ เคนชิน (Uesugi Kenshin) และ ทาเคดะ ชินเก็น (Takeda Shingen)

สำหรับศึกในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นศึกหนักสำหรับกองทัพโอโรจิเป็นอย่างยิ่ง เพราะชื่อเสียงของ พยัคฆ์มังกรคู่นี้นั้น ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะทั้งจอมทัพ และกองทัพ ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นคู่ปรับกัน แต่หากร่วมมือกันแล้วล่ะ จะน่ากลัวขนาดไหน

ต้าจี่ ได้วางกลยุทธ์โดยการแบ่งเป็นสองส่วนให้ทัพใหญ่เผชิญศึกโดยตรง และให้ เคย์จิ นำกำลังส่วนหนึ่งอ้อมไปโจมตีด้านหลัง

เพียงเริ่มศึกไม่นาน กองทัพมนุษย์จำแลงนำโดย เคย์จิ ถูกกองทัพของชินเก็น ที่นำโดย ซานาดะ ยูคิมูระ (Sanada Yukimura) สกัดไว้ได้ อีกด้านหนึ่งกองทัพม้าของเคนชิน ก็บุกทะลวงทัพหลักของโอโรจิอย่างหนัก โดยเฉพาะกองทัพของตั๋งโต๊ะ ที่เสียหายอย่างหนักมาก

เหตุการณ์เหมือนจะสิ้นสุดด้วยชัยชนะของฝ่ายพยัคฆ์มังกร แต่แล้ว เมื่อราชันย์อสรพิษ ลงมือรับศึกนี้ด้วยตัวเอง แค่เพียงกวัดแกว่งเคียวเดือนเสี้ยวเพียงครั้งเดียว เหล่ากองทัพม้าต่างก็หวาดกลัวในแข็งแกร่งของอสูรตนนี้ เค็นชินจำต้องถอยทัพกลับ

เมื่อไม่มีมังกร อย่าง เค็นชิน พยัคฆ์อย่างชินเก็น ก็ไม่สามารถจะรับมือกับราชันย์อสรพิษต่อไปได้ พอสู้ศึกต่อได้ไม่นาน ก็ต้องจำใจถอยทัพตามเค็นชินไป ในศึกครั้งนี้ถือได้ว่า สร้างความหวาดหวั่นใจให้แก่โอโรจิมาก ถ้าหากไม่รีบกำจัดพวกที่ต่อต้านและขึ้นปกครองโลกใหม่ให้เร็วที่สุด สักวันหนึ่งเขาจะต้องพ่ายให้กับการร่วมมือกันของพวกที่ต่อต้านอย่างแน่นอน

หลังจากที่ชนะศึกพยัคฆ์มังกร เป้าหมายต่อไปก็คือ สกุลซุนแห่งกังตั๋ง

***ว่างๆ ไปนังทำรูปประกอบดีกว่า ><

Link to comment
Share on other sites

แม้แต่มังกรกับเสือขาวก็ยังพ่ายแพ้กับสัตว์เลื้อยคลานมีพิษหรือเนี้ย แล้วสงครามครั้งนี้จะ END ลงเช่นไรละเนี้ย โจโฉกันดั้มก็ได้ หรือขงเบ้งรีกัชชี่่ ก็ดี มาช่วยสู้กันหน่อยเร็ว~!!! ผลั๊วะ!!

Me/ ถูกตบด้วยข้อหาเดิม...

Link to comment
Share on other sites

ศึกที่สี่ สยบพยัคฆ์กังตั๋ง

ในศึกปราบปรามง่อก๊กนี้ จูกัดเหลียง หนึ่งในเชลยศึก อาสานำทัพสู้ศึกในครั้งนี้ ท่ามกลางความไม่มั่นใจของต้าจี่ แต่โอโรจิก็ไว้ใจมอบหน้าที่ให้จูกัดเหลียงนำทัพในศึกนี้

ทางกองทัพง่อก๊กนั้นเชี่ยวชาญในการรบทางน้ำมาก แถมพื้นที่ภายใต้การปกครองส่วนใหญ่นั้นก็มีแม่น้ำใหญ่ๆ ไหลผ่าน ดังนั้นจูกัดเหลียงเสนอให้นำกองทัพมนุษย์จำแลงของโอโรจิ เคลื่อนทัพมายังหับป๋า (He Fei) เพื่อบุกโจมตี จับตัวพยัคฆ์แห่งกังตั๋ง ซุนเกี๋ยน (Sun Jian) หากทำได้ กองทัพเรือที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร

จูกัดเหลียงจึงวางกลยุทธ์แบ่งกำลังไปสามส่วนโอบโจมตีสามทางพร้อมกัน ด้วยกำลังที่น้อยกว่า จำต้องรอกำลังเสริมที่กำลังเร่งมาช่วย จิวยี่ (Zhou Yu) สั่งการให้สองขุนพลกล้า กำเหลง (Gan Ning) และเตียวเลี้ยว (Zhang Liao) นำกำลังเกือบทั้งหมดเร่งบุกในทางสายกลาง เป้าหมายที่ค่ายใหญ่ของจูกัดเหลียง หวังเผด็จศึกโดยเร็ว แต่เขาหารู้ไม่ว่า ได้ตกอยู่ในแผนการของจูกัดเหลียงเสียแล้ว (สำหรับเตียวเลี้ยวนั้น ไม่ใช่ขุนพลของฝ่ายง่อก๊ก เป็นแค่ศัตรูที่กำลังจะสู้ศึกกับง่อก๊ก แต่มาร่วมมือกันเพราะต้องต่อต้านโอโรจิก่อน)

ในเขตพื้นที่ของหับป๋านั้น มีเต็มไปด้วยแม่น้ำเล็กๆ หลายสายไหลผ่าน ดังนั้น ถ้าหากเคลื่อนทัพจะต้องใช้สะพานจะดีกว่าการใช้เรือ จูกัดเหลียงรับรู้ถึงสภาพพื้นที่นี้ดี จึงสั่งถอนกำลังของทางสายกลางข้ามแม่น้ำ แล้วทำลายสะพานทิ้ง เมื่อทัพของง่อก๊กบุกมาก็ไม่สามารถนำทัพบุกต่อได้ จำต้องเสียเวลาอ้อมไปบุกอีกทาง แต่แล้วก็ถูกซุ่มโจมตีจนแตกพ่าย สองขุนพล กำเหลง กับเตียวเลี้ยวหลบหนีไปได้

เมื่อไม่อาจเผด็จศึกโดยเร็ว ทำให้กองทัพที่บุกมาทั้งสองทางบุกต่อจนถึงค่ายใหญ่ของจิวยี่ ด้วยกำลังอันน้อยนิด จิวยี่ และซุนเกี๋ยนก็ยังต้านไว้อย่างสุดกำลังและหวังว่ากำลังเสริมจะมาทัน พอลูกทั้งสามของซุนเกี๋ยน ได้แก่ ซุนเซ็ก (Sun Ce) ซุนกวน (Sun Quan) ซุนซางเซี่ยง (Sun Shang Xiang) ยกกำลังเสริมมาถึงก็ไม่ทันการเสียแล้ว ซุนเกี๋ยน และจิวยี่ ถูกจูกัดเหลียงจับตัวไปได้

ถึงแม้ว่า บรรดาลูกทั้งสามของซุนเกี๋ยนจะทุ่มกำลังทั้งหมด เพื่อช่วยพ่อ แต่ด้วยต้าจี่ใช้แผนสกปรก นำตัวซุนเกี๋ยนมาข่มขู่ ทั้งสามเลยจำต้องจำนนต่อราชันย์อสรพิษ จากผลงานครั้งนี้ทำให้จูกัดเหลียงได้รับความไว้วางใจจากต้าจี่เป็นอันมาก จนได้รับตำแหน่งผู้ช่วยของเธอ มีอำนาจสั่งการทหารได้

Link to comment
Share on other sites

หว่า~ แม้แต่กองทัพของตระกูลซุนก็ยังแพ้เหรอเนี้ย แย่แล้วๆ!!!

Link to comment
Share on other sites

หือ?Orochi2

เนื้อเรื่องของกองทัพโอโรจิรึ?

จุดเริ่มต้นของเรื่อง อยู่ในภาค2อ่ะนะ ภาคแรกเป็นตอนหลังที่โอโรจิ ปราบทั้งหมดได้

ภาคแรกเลยกล่าวถึงการฮึดสู้และร่วมมือของเหล่าผู้กล้า

หว่า~ แม้แต่กองทัพของตระกูลซุนก็ยังแพ้เหรอเนี้ย แย่แล้วๆ!!!

ไม่เข้าใจอยู่อย่างเหมือนกัน ช่วงแรกๆ ไหงโอโรจิถึงเมพแท้ แต่ไม่ค่อยจะออกโรงเองซะเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะสูญเสียพลังไปเยอะจากการสูบดินแดน

Link to comment
Share on other sites

ศึกที่ห้า เผาปราสาทเอโดะ

ภายหลังจากชนะศึกพยัคฆ์กังตั๋ง เป้าหมายถัดมาก็คือ ปราสาทเอโดะ (Edo casttle) ที่อยู่ภายใต้การสังกัดโตกุงาว่า อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) และในศึกนี้ผู้ที่จะต้องนำทัพเข้าตีก็คือ ป้าอ๋องน้อย (Little Conqueror) ซุนเซ็ก

แม้ภายในใจจะคิดต่อต้านโอโรจิ แต่ในเมื่อผู้เป็นบิดายังถูกกุมตัวอยู่ ทำให้ซุนเซ็กไม่อาจจะปฏิเสธศึกนี้ได้ เขาได้นำกำลังทหารของง่อก๊กที่มีอยู่ทั้งหมด บุกโจมตีทั้งสี่ทิศของปราสาท (ขุนพลและทหารที่พ่ายแพ้ต่อกองทัพโอโรจิ มีสามส่วน หนึ่งถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว สองถูกข่มขู่ให้ทำงานให้ และสามคือหลบหนีไปได้)

ศึกในครั้งนี้ ถึงแม้ว่า อิเอยาสึ จะไร้ซึ่งขุนพลคู่ใจอย่าง ฮอนดะ ทาดาคาสึ (Honda Tadakatsu) ที่ถูกหลอกให้ไปรับศึกที่อื่น ได้เตรียมการรับมือไว้เป็นอย่างดี พอเปิดศึกมาก็ตั้งรับในปราสาทอย่างมั่นคง กองกำลังของซุนเซ็กบุกโจมตีประตูทั้งสี่ด้านอย่างยากลำบาก แถมยังถูก มังกรตาเดียว ดาเตะ มาซามุเนะ (Date Masamune) กระหนาบโจมตีจากด้านหลังอีก ซุนเซ็กจำต้องรีบดำเนินแผนการวางเพลิงและรีบบุกเดี่ยวขึ้นปราสาท หมายให้ศึกนี้ยุติโดยเร็ว

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นตามแผนที่วางไว้ พอซุนเซ็กเข้ามาในตัวปราสาท เขาก็ถูกล้อมโดยกองกำลังนินจา แถมเพลิงลุกไหม้ตัวปราสาทก็ดับลงเพียงไม่ถึงอึดใจ ทั้งหมดนี้ ด้วยฝีมือของ ฮัทโทริ ฮันโซ (Hattori Hanzo) นินจาในสังกัดอิเอยาสึ

เมื่อซุนเซ็กถูกตรึงไว้ในปราสาท อิเอยาสึ ได้สั่งให้ อินะ (Ina) บุตรสาว นำกำลังทหารเคลื่อนทัพออกจากทางลับในปราสาท มุ่งตรงเข้าสู่ค่ายใหญ่ของโอโรจิ หมายเผด็จศึกโดยเร็ว

แต่แล้วแผนบุกโจมตีเร็วที่ค่ายใหญ่ของศัตรู ก็พลาดเช่นเดียวกับจิวยี่ อิเอยาสึ คิดไม่ถึงว่า ทหารที่ค่ายใหญ่นั้นมีมากและแข็งแกร่งเกินกว่า กองทัพของเล็กๆ ของสาวน้อย อย่าง อินะ จะรับมือไหว ถูกสวนกลับอย่างหนัก แต่เธอก็ยังโชคดี ที่เธอได้ประทะกับ ซุนซางเซี่ยง พอกองทัพของเธอพ่ายแพ้ ตอนแรก ซุนซางเซี่ยงคิดจะปล่อยตัวอินะไป

ไม่ทันทีซุนซางเซี่ยงจะปล่อยตัวอินะ ซุนเซ็กที่อยู่ภายในปราสาทก็ทนการถูกล้อมไม่ไหว จนต้องแสดงพลังที่แท้จริงของป้าอ๋องน้อย ออกมา แม้แต่ฮันโซและเหล่านินจาก็ไม่อาจต้านทานพลังของป้าอ๋องน้อยได้ ศึกครั้งนี้ จึงยุติลงด้วย อิเอยาสึ ถูกจับกุมตัว อินะ จึงหมดโอกาสที่จะหลบหนีไป

เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป อิเอยาสึ จึงต้องนำกองทัพที่เหลืออยู่มาเข้าร่วมกับฝ่ายของโอโรจิ อย่างไม่เต็มใจมากนัก แต่มีอีกคนที่เข้าร่วมกับโอโรจิอย่างจริงใจ นั่นก็คือ ดาเตะ มาซามุเนะ มังกรตาเดียวผู้ทะเยอทะยาน

-----------------

บางอันมีส่วนของมูฟวี่อยู่ ยังไม่มีเวลาหาเลย T T

Link to comment
Share on other sites

ยิ่งมีกองทัพพ่ายแพ้มากเท่าไหร่ กองทัพของโอโรชิก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นงั้นสินะ...

แบบนี้ถ้ากองทัพที่เหลือไม่รวมรับสมัครสมานเป็นพันธมิตรร่วมศึกกัน คงไม่อาจสู้กับจักรวรรดิโอโรชิที่แข็งแกร่งได้เป็นแน่~!!

Link to comment
Share on other sites

ศึกที่หก ก๊กสุดท้าย

เป้าหมายต่อมา ที่ราชันย์อสรพิษจะต้องรีบกำจัดนั่นก็คือ จ้าววีรบุรุษกลียุค (Hero of Chaos) โจโฉ (Cao Cao) แห่งวุยก๊ก และเป็นก๊กสุดท้าย ที่ยังไม่ยอมจำนน

ในศึกครั้งนี้ โอโรจิ ต้องการให้สามพี่น้องสกุลซุนแสดงถึงความภักดีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ให้ซุนกวน (Sun Quan) เป็นผู้ช่วยราชันย์อสรพิษในการศึกครั้งนี้ รวมไปถึงดาเตะ มาซามุเนะ อีกคนด้วย ทางฝ่ายโจโฉ เองก็พอทราบถึงข่าวความพ่ายแพ้ของ จ๊กก๊ก กับง่อก๊ก และทราบอีกว่าตอนนี้ กองทัพโอโรจิกำลังจะมาปราบปรามตน การพ่ายแพ้ของทั้งสองก๊กก่อนหน้านี้ เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับโจโฉมาก เขาเลือกที่จะไปเปิดศึกที่อิเหลง (Yi Ling) แถมยังมีเวลามาพอในการเตรียมแผนการต่างๆ

พอกองทัพผสมของราชันย์อสรพิษและซุนกวนมาถึงสมรภูมิที่อิเหลง โจโฉได้สั่งให้ สี่ขุนพล ได้แก่ ขุนพลตาเดียว แฮหัวตุ้น (Xiahou Dun) จอมขมังธนู แฮหัวเอี๋ยน (Xiahou Yuan) จอมพลัง เคาทู (Xu Zhu) และองครักษ์คลั่ง เตียนอุย (Dian Wei) ออกไปรับศึกทันที ในศึกครั้งนี้ ทางกองทัพราชันย์อสรพิษได้มีใช้ปืนใหญ่ เป็นครั้งแรก โดยมีมาซามุเนะเป็นผู้สั่งการ ยิงถล่มใส่แนวรับของกองทัพโจโฉอย่างหนัก

เมื่อถูกถล่มด้วยอาวุธที่ทรงอานุภาพจากระยะไกล โจโฉจึงสั่งให้ สี่ขุนพลถอยทัพเข้าไปอยู่ภายในค่ายกลวงกตศิลา (The Sentinel Maze) ซึ่งภายในค่ายกลแห่งนี้ อยู่นอกระยะยิงของปืนใหญ่ มาซามุเนะจึงสั่งจำต้องยกทัพตามโจมตีต่อ และเขาก็พลาดเข้าไปติดอยู่ภายในค่ายกลวงกตศิลา กลายเป็นโอกาสให้ โจโฉสั่งทหารที่ซุ่มอยู่ ทำลายปืนใหญ่ และวางเพลิงเผาเส้นทางถอยของมาซามุเนะ แถมยังสั่งให้สี่ขุนพลล้อมจับมาซามุเนะอีก

เมื่อมาซามุเนะและกองทัพมนุษย์จำแลง ถูกตรึงกำลังไว้ภายในค่ายกลวงกตศิลา โจโฉจึงให้ทหารอีกส่วนบุกโจมตีค่ายใหญ่ของโอโรจิ แต่ก็เหมือนกับการศึกทั้งสองครั้งก่อน แผนบุกโจมตีที่ค่ายใหญ่ครั้งนี้ก็เช่นกัน ครั้งนี้ซุนกวนเป็นฝ่ายแก้สถานการณ์ได้ทั้งหมด ทั้งป้องกันแผนบุกโจมตีค่ายใหญ่ และดับไฟ ฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยเหลือมาซามุเนะ ภายในค่ายกลวงกตศิลา

พอแผนการที่วางไว้เกือบทั้งหมดพังลง โจโฉ จึงสั่งให้สี่ขุนพลถอยทัพออกจากค่ายกลวงกตศิลาอีกครั้ง เมื่อศัตรูถอยทัพ ซุนกวนจึงถือโอกาสตามเข้าตีทันที และแผนการสุดท้ายของโจโฉก็เริ่มขึ้น ทหารที่ซุ่มอยู่ได้ปรากฏขึ้น ล้อมกองทัพของซุนกวนไว้

โชคดีที่มาซามุเนะได้เคลื่อนปืนใหญ่มายิงถล่มกองทัพโจโฉอีกครั้ง พอได้ปืนใหญ่มาหนุนกองทัพซุนกวนก็ฮึกเหิม บุกโจมตีฝั่งโจโฉอย่างหนัก จนแตกพ่าย แม้แต่โจโฉก็ยังบาดเจ็บสาหัสปางตาย กองทัพแตกพ่าย ทั้งขุนพลและทหารต่างหนีกันไปคนละทิศคนละทาง

พอข่าวการพ่ายแพ้ของโจโฉได้มาถึงโจผี (Cao Pi) สุมาอี้ (Sima Yi) ได้เสนอให้ยอมจำนนเสียก่อนจะถูกกำจัด โจผีเองก็ยังไม่ทราบว่าผู้เป็นพ่อเป็นตายร้ายดีอย่างไร แถมยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะกองทัพของราชันย์อสรพิษได้ เลยจำต้องยอมจำนน เข้าร่วมกับโอโรจิ ตอนนี้เท่ากับว่า ก๊กทั้งสามของแผ่นดินจีนได้พ่ายแพ้ต่อราชันย์อสรพิษแล้ว

----------------------------

งานเยอะมาก~ ถึงจะเป็นแค่เรื่องสั้นๆ แต่ก็ใช้เวลาเรียบเรียงนานนะนี่

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.