Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Pokemon Topaz and Opal : Montra region [Fiction]


KHiz

Recommended Posts

ฟิคโปเกม่อนเรื่องแรกนะครับ ก็เป็นเรื่องราวของโทแปซและโอปอล์ เรื่องราวจะเป็นยังไงเอาไว้ไปติดตามกันเองเลยดีกว่าครับ

บทนำ

ตอนนี้เปิดรับสมัครตัวละครอยู่นะครับตามหน้าเว็บนี้เลย

>> รับสมัครตัวละคร <<

     036.png

แผนที่คร่าวๆ

mapkz.jpg

________________________________________________________________________

Link to comment
Share on other sites

โอ้ว เปิดเรื่องได้น่าสนใจดีแฮะ จะรอตอนที่ 1 ครับผม

เด็กสาวที่ว่า ท่าทางจะโมเอ้ะน่าดู :munchlax1:

Link to comment
Share on other sites

   บทนำ

   

“ บอกลาเพื่อนๆก่อนนะคะ ” หญิงผมสั้นตรงกลางรวบตึงสีดำมีแซมสีแดงตรงปอยผม กล่าวยิ้มๆแก่เด็กชายตัวจ้อย

เขาเบ้ปากแล้วสะบัดหน้าหนี

“ ไม่เอาน่าโทแปซ ลูกก็รู้ว่าแม่ต้องทำงาน ” หญิงคนเดิมกล่าวย้ำ

“ ลาออกจากงานไม่ได้หรอฮะ หรือไม่ก็ย้ายมาประจำที่นี่ ” เด็กชายผมสีเหลืองทองอ้อนขอ ทรงผมด้านหน้าที่เชิดขึ้น

ของเขาถูกกดลงด้วยมือของแม่ตน ดวงตาสีดำหลุบลงอย่างกังวล

“ เดี๋ยวแม่จะให้พ่อพามาที่โจโตบ่อยๆ จะได้มาเจอกับเพื่อนๆไงคะ ดีไหม ”

“ ไม่เอา ผมจะอยู่ที่นี่ อยากเล่นกับเพื่อนๆ ” เด็กชายอ้อนอีก

“ พอได้แล้วโทแปซ หลานเองก็ต้องเข้าใจแม่เขาบ้าง ” ทว่าคนปรามกลับเป็นคุณลุงสวมแว่นหัวล้านในชุดสีขาวแทน

ในฐานะที่เป็นผู้นำโรงยิมและนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของคันโต คุณลุงของเด็กชายคนนี้ย่อมไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะไปเตร็ดเตร่

นอกเขตมากมายนัก

แต่งานนี้สำคัญเพราะหลังจากที่น้องสาวต่างมารดาคนเดียวของเขาตัดสินใจเข้ารับการทดสอบผู้นำโรงยิมที่จัดขึ้นประจำ

ในรอบหลายปีเนื่องจากที่เขตอื่นนอกจากคันโตและโจโตยังขาดบุคลากร เธอได้ผ่านการทดสอบ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับ

การคัดเลือกและหนึ่งในนั้นก็คือเธอ

เขาเลยต้องมาถึงโจโตเพื่อเตรียมร่ำลาน้องสาวคนเดียวที่กำลังจะย้ายไปอยู่แดนไกล แม้ว่าตอนเด็กพวกเขาจะไม่ค่อยได้

เจอแต่ในความเป็นสายเลือดนั้นยังแน่นแฟ้น โยริย้ายมาโจโตตั้งแต่สิบกว่าขวบเพราะพ่อแม่ของเธอมาตั้งหลักแหล่งใหม่ที่นี่

ส่วนลุงของโทแปซนั้นต้องเติบโตในเขตคันโตซึ่งเป็นที่อยู่เดิม

“ คุณลุงคาสึระฮะ ผมอยากอยู่ที่นี่ อยากเล่นกับเพื่อนๆต่อฮะ ” โทแปซหันไปอ้อนคุณลุงแทน แต่นั่นกลับไร้ประโยชน์เมื่อ

คาสึระจับมือเด็กหนุ่มให้ไปหาแม่ของเขา โยริหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะบอกให้ลูกชายไปลาเพื่อนๆสองคนที่ยืนคอยอยู่

สองเด็กชายกับหญิงยืนมองตาแป๋ว พ่อของเด็กชายกำลังเข้ารับการทดสอบต่อจากโยริ โดยมีเพื่อนสนิทหรือก็คือพ่อของ

เด็กหญิงคนนั้นมาให้กำลังใจอีกแรง เด็กชายวิ่งไปบอกลาทั้งๆที่เพิ่งจะได้เจอกันครั้งแรกแต่เขาก็ยังอยากเล่น อยากพูดคุยกับ

เพื่อนใหม่ทั้งสองคน เมื่อวิ่งกลับมาก็จับมือแม่ของเขาแน่น

“ หวังว่าจะได้เจอกันนะทามาชิ ” โยริกล่าว ชายหนุ่มผมฟู ร่างสูง บึกบึน หน้าตาท่าทีดูขี้เล่นยิ้มกว้างให้ก่อนตอบรับ

“ ถ้าทดสอบผ่านละนะ ”

ชายที่ชื่อทามาชิเดินผ่านหน้าโทแปซไป เด็กชายมองตาม ที่ขาเขามีเด็กหญิงคนหนึ่ง ดวงตาสีเงินดุดันเหมือนจะขู่ให้กลัว

ขนตางอนพลิ้ว ผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกทำให้เป็นเกลียว ใบหน้างาม ขาวผ่องราวกับเทพธิดาตัวน้อยกำลังกอดขาเขาอยู่

เธอหันมาแยกเขี้ยวใส่โทแปซหนึ่งทีอย่างไม่ชอบใจที่เด็กชายผมเหลืองทองคนนี้มองเธอ อย่างไรก็ตามสายตาของโทแปซ

ก็มองตามเธอจนทั้งพ่อ ลูกและหญิงผมยาวผิวขาวคนสวยที่คาดว่าเป็นแม่หายเข้าไปในโดมทั้งครอบครัวเพื่อรับการทดสอบ

“ ไปนะคะพี่คาสึระ ไปกันเถอะค่ะคุณ ” โยริลา คุณลุงแว่นดำก็คว้าโปเกบอลออกมา ปรากฏร่างโปเกม่อนม้ายูนิคอร์นขนเพลิง

นามแกลลอปขึ้น เขาขึ้นขี่แล้วควบทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พอๆกับที่โยริและครอบครัวกำลังออกเดินทางสู่สถานที่ใหม่ทันทีที่ขนย้ายของในบ้านเสร็จ

11 ปีต่อมา

เครื่องบินลำใหญ่ทะยานร่อนบนท้องนภายามค่ำคืน ข้ามผืนสมุทรกว้างจากเขตโจโตเพื่อมุ่งหน้าสู่เขตทางฝั่งตะวันตก

เขตที่เป็นเสมือนดั่งม่านหมอกมนตราแห่งฝากตะวันตก มีแมกไม้ป่าเขาขึ้นเกือบทั่วทั้งภูมิภาค มีหุบเขาอยู่ทางตอนเหนือและ

ภูเขาสูงหลายลูกทางตอนใต้ของทวีป อาณาเขตด้านขวาติดกับมหาสมุทร ส่วนทางซ้ายเยื้องไปทางใต้เชื่อมต่อกับเขตอิชชู

ตรงกลางของภูมิภาคมีแนวเขาอยู่ถึงสามแนวเรียงตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม น่าแปลกที่ตรงกลางเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ทั้งที่เป็น

เขตเงาฝน ทางเชื่อมระหว่างเขามีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ภูมิอากาศค่อนข้างอบอุ่น บางเวลาหนาวถึงหนาวจัด มีความชื้นตลอดปี

มีพืชพันธุ์อันอุดมและมีความหลากหลายทางชีวภาพด้านโปเกม่อนมากที่สุด ในเขตนี้ที่ถูกขนานนามว่า เขตมอนทรา...

“ นอนพักได้แล้ว ทั้งคืนยังไม่ได้นอนเลยนะ ” หญิงคนหนึ่งเอ่ยในความมืด ขณะนั่งอยู่บนเคริ่องบินที่กำลังเดินทางสู่

เขตมอนทรา เธอเอื้อมเอาผ้าห่มจะคลุมร่างเด็กสาวหน้าตาสะสวยดั่งเทพธิดาคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

“ เมื่อไรจะได้เจอพ่อละคะ ” เด็กสาวถาม มือบางปัดผ้าห่มที่คุณแม่จะห่มให้เป็นนัยว่าไม่ต้องการ ก่อนเปิดดูรูปในกล้อง

ของเธอที่มักจะพกติดตัวอยู่เสมอๆ ภาพที่ถ่ายคู่กับโปเกม่อนสามสี่ตัวและคุณอาคุณป้าที่โจโตมันช่างดูอบอุ่นเสียจริง

คิดแล้วก็ไม่อยากจากมาเลย

“ เดี๋ยวถึงสนามบินเมื่อไร คุณพ่อคงรอรับพวกเราอยู่แน่ๆ ” เด็กสาวตัดสินใจปิดกล้องถ่ายรูปสีเทา-ชมพูลงแล้วเข้านอน

จนเมื่อฟ้าเริ่มสางแม่ของเธอก็ปลุก

“ ตื่นได้แล้วๆ ” เด็กสาวตื่นตามเสียงเรียก ไม่นานทั้งคู่ก็ออกจากสนามบิน

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทเรียบสีดำประหนึ่งนักธุรกิจมีฐานะ ใบหน้าหล่อเหลา ผมเผ้ากระเซิงแต่เป็นทรง

ดวงตาสีเงินยวงเฉกเช่นลูกสาวกระพริบวาวขึ้น เขายืนรอรับอยู่ตรงทางด้านหน้า

เมื่อเห็นเด็กสาววิ่งหน้าตั้งร้องเรียกพ่อๆมาแต่ไกล เขาก็อ้าแขนรับ กอดเธอแนบแน่นให้หายคิดถึง แม้ว่าลูกของเขาจะโต

เป็นสาวแล้วแต่นิสัยก็ยังไม่ต่างจากเด็กหญิงวัยสิบขวบเท่าไรเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณพ่อยังหนุ่ม นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้เจอกัน

บ่อยๆเพราะชายหนุ่มต้องมารับงานที่เขตมอนทราแห่งนี้ ทั้งเธอและคุณแม่ไม่ได้ย้ายตามมาด้วย พ่อเธอเลยต้องเทียวไปเทียวมา

“ ของขวัญละคะคุณพ่อ... ” เด็กสาวแบมือขอด้วยใบหน้าระบายยิ้มเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

พ่อของเธอมักมีของขวัญเล็กน้อยๆให้กับเธอเสมอๆ

ชายหนุ่มจิ้มหน้าผากลูกตนเบาๆก่อนล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋า เขายื่นวางบนมือลูกสาวของตน มันคือโปเกบอลลูกเล็กๆ

ลูกหนึ่งที่ดูไม่น่าพิเศษอะไร

“ ถึงเวลาแล้วลูกสาวของพ่อ ”

ดวงตาเงินยวงของเด็กหญิงเบิกกว้าง ความปลื้มปิติเก็บไม่มิด เธอตะโกนดีใจจนคุณแม่ที่เดินตามมาอดอมยิ้มเสียไม่ได้

การได้พบคุณพ่อที่จากกันถึงสามปีกว่าก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งแล้ว แต่นี่เป็นอะไรที่มากไม่แพ้กัน

ตั้งแต่เด็กเธอเฝ้าขอคุณพ่อและคุณแม่ว่าอยากมีโปเกม่อนเป็นของตัวเอง แต่พวกท่านกลับอ้างถึงความไม่เหมาะสมและ

ยังไม่ถึงเวลา แต่วันนี้ วันนี้ที่เธอได้รับมัน วันที่เธอเฝ้าคอยมานาน มันเป็นจริงแล้ว !

“ กลับบ้านกันเถอะจ้ะ โอปอล์ ไปเถอะค่ะคุณ ” ทั้งสามเดินไปที่รถ เพียงไม่นานรถยนต์สีดำก็แล่นออกจากสนามบินโดย

เบาะหลังนั้นมีเด็กสาวนั่งมองลูกกลมๆสีแดงขาวในมืออย่างตื่นเต้น เธอรอถึงบ้านใหม่และเปิดโปเกบอลลูกนี้ออกมาพร้อมๆกัน

รถสีดำขับผ่านสะพานใหญ่ ที่ปลายขอบฟ้ามีแสงสีม่วงอ่อนพุ่งผ่านมามันค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเรื่อยๆจน

เพียงไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มคนขับรีบหักพวงมาลัยเบี่ยงหลบแสงที่พุ่งมานั่นแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความว่างเปล่า

เขาหันไปมองด้านหลังที่ผ่านมา หากทว่าทุกอย่างเป็นปกติ

“ คุณเห็นไหม ”

“ ค่ะ ” ภรรยาเขาตอบ “ นั่นมัน ‘มิว’ ไม่ผิดแน่แต่นี่มันเขตมอนทรา ทำไม... ”

ไม่ทันสิ้นเสียง ลมเหนือก็พัดกระพือหมอกหนาจัดบดบังแสงอรุณ เงาทะมึนสีดำใหญ่ยักษ์ก็พุ่งผ่านไป แหวกม่านหมอกให้คลุ้งไปทั่ว ตามมาด้วยเงาที่เล็กกว่าอีกนับสิบตัวเห็นจะได้ ชายหนุ่มเหลียวหลังมองตามอย่างฉงน...

นี่มันอะไรกัน !

Link to comment
Share on other sites

มาเจิมทั้งสอนตอน

ขอติเรื่องเว้นบรรทัดสักนิดนะคะ ' '~

ชายที่ชื่อทามาชิเดินผ่านหน้าโทแปซไป เด็กชายมองตาม ที่ขาเขามีเด็กหญิงคนหนึ่ง ดวงตาสีเงินดุดันเหมือนจะขู่ให้กลัว

ขนตางอนพลิ้ว ผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกทำให้เป็นเกลียว ใบหน้างาม ขาวผ่องราวกับเทพธิดาตัวน้อยกำลังกอดขาเขาอยู่

เธอหันมาแยกเขี้ยวใส่โทแปซหนึ่งทีอย่างไม่ชอบใจที่เด็กชายผมเหลืองทองคนนี้มองเธอ อย่างไรก็ตามสายตาของโทแปซ

ก็มองตามเธอจนทั้งพ่อ ลูกและหญิงผมยาวผิวขาวคนสวยที่คาดว่าเป็นแม่หายเข้าไปในโดมทั้งครอบครัวเพื่อรับการทดสอบ

การพิมพ์ติดๆกันส่งผลให้อ่านยากขึ้น ลองเปลี่ยนเป็น...

ชายที่ชื่อทามาชิเดินผ่านหน้าโทแปซไป เด็กชายมองตาม ที่ขาเขามีเด็กหญิงคนหนึ่ง ดวงตาสีเงินดุดันเหมือนจะขู่ให้กลัว

ขนตางอนพลิ้ว ผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกทำให้เป็นเกลียว ใบหน้างาม ขาวผ่องราวกับเทพธิดาตัวน้อยกำลังกอดขาเขาอยู่

เธอหันมาแยกเขี้ยวใส่โทแปซหนึ่งทีอย่างไม่ชอบใจที่เด็กชายผมเหลืองทองคนนี้มองเธอ อย่างไรก็ตามสายตาของโทแปซ

ก็มองตามเธอจนทั้งพ่อ ลูกและหญิงผมยาวผิวขาวคนสวยที่คาดว่าเป็นแม่หายเข้าไปในโดมทั้งครอบครัวเพื่อรับการทดสอบ

เรื่องการบรรยายบางส่วนยังไม่ละเอียดพอค่ะ นึกภาพโทแปซไม่ค่อยจะออกเลยอ่ะค่ะ 'w'~!

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ต่อไป~ :pika10:

Link to comment
Share on other sites

ชายหนุ่มเหลียวหลังมองตามอย่างฉงน...

----------

ฉงน ฟังดูเบาไป ใช้คำว่า ตกใจ น่าจะดีกว่า 

Link to comment
Share on other sites

ในเขตนี้ที่เราเรียกกันว่า เขตมอนทรา...

คิดว่าน่าจะใช้คำว่า "ที่มีการเรียกกันว่า เขต..." มากกว่าจะเป็นเรานา?

เพราะว่าเป็นผู้บรรยายพูด ทำให้ความสมจริงในการเดินเรื่องหายไปนิดนึง

ที่เหลือก็มีคนติไปแล้ว...

และก็ ฟอนต์เล็กไปนิดหน่อย โอมว่าถ้าคลุม font size สัก 10 น่าจะโอเคนา?

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ

เรื่องการพิมติดเพราะมันต่อกันครับ ยังไงจะแก้ไขเว้นเพิ่มให้มากขึ้น

การบรรยายรายละเอียดนั้นยังไม่ได้ลงลึกมากมายเพราะเป็นเพียงบทนำครับ ถ้าใส่บทบรรยายมากจนเกินควรมันจะเฝือครับ

ฟ้อนต์ 10 ปกติแล้วนะครับ

ส่วน ฉงน นี้รวมไปถึงอาการสงสัยปนประหลาดใจด้วยครับ

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วจ้า

ส่วนใหญ่ก็ติชมกันไปหมดแล้ว

เนื้อเรื่องดูน่าสนใจดี

จะติดตามต่อไปนะ

ปล.แว่บไปสมัครตัวละคร

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.