Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[SS] เนื้อคู่ [Project Valentine 2553]


ท่านลุงในตำนาน

Recommended Posts

Project Valentine I

-เนื้อคู่-

ในวันที่เธออายุครบยี่สิบปี เธอจะต้องประสบกับความเคราะห์ร้ายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จนถึงขั้นอาจจะทำให้ชะตาขาดได้ แต่ในเคราะห์ร้ายนั้นจะทำให้เธอพบกับเนื้อคู่ที่แท้จริง

.....เสียงของหมอดูในตำหนักทรงแห่งหนึ่ง ยังคงดังกึกก้องในห้วงความคิด ครั้งหนึ่งแม่ของฉันเคยพาฉันตอนเด็กๆ ไปดูเกี่ยวกับดวงชะตา ซึ่งฉันเองก็ไม่เคยคิดจะเชื่อมันเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า...ฉันก็มักฝันถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ รวมถึงคืนนี้ด้วย.....

....ม~ โว้ย~ ตื่นหรือยาง~ ว้า~

เสียงเหน่อๆ ของชายหนุ่มคนหนึ่ง ดังขึ้นจากหัวนอน ร้องเรียกให้ฉันตื่นจากความฝัน

ฉันขยับผ้าห่มลายการ์ตูนผืนหนาลง ก่อนหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงมาดู

เข็มนาฬิกาบอกเวลา แปดโมงกว่าๆ ฉันตัดสินใจยกผ้าห่มมาคลุมหน้าป้องกันแสงสว่างแล้วนอนต่อ

ชาเอม~ โว้ย~ ตื่นหรือยัง~ ว้า~

เสียงเรียกแบบเดิม แทบทุกประการดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังขึ้นกว่าเดิมอีก

ทีแรกฉันไม่คิดจะตื่นหรอก เพราะวันนี้เป็นวันหยุด แต่ฉันรู้แล้วว่า(ไอ้)เจ้าของเสียงเป็นใคร เลยต้องฝืนใจสะบัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นมาปิดขี้เกียจ

ตื่นแล้ว....ตื่นแล้ว [-  -]

เออ!!....ถ้าตื่นแล้วก็มาโผล่หัวมาหน่อยดิ๊~ ว้า~ มีเรื่องด่วนนะโว้ย~

ฉันโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างบ้านทรงไทยสองชั้น เพื่อมาคุยกับเจ้าของเสียงที่รบกวนตั้งแต่เช้าวันหยุดเช่นนี้

มีอะไรแต่เช้าวะ ไอ้ดอน

เด็กหนุ่มผิวเข้มผมรองทรงสั้น ใส่กางเกงวอร์มขายาวสีดำเก่าๆ กับเสื้อยืดลายเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง ข้างๆ ยังมีจักรยานเก่าๆ อีกคัน กำลังขว้างเครื่องบินกระดาษมาทางฉันพอดี

รับนะ!!

หว๋า~

เครื่องบินกระดาษบินพุ่งเฉี่ยวหัวฉันไปนิดเดียว ก่อนไปสงบนิ่งบนเตียงราวกับจับวาง

ฉันรีบหันกลับไปเก็บมันทันที

รีบๆ ไปรายงานตัวนะโว้ย~

เสียงเหน่อๆ ของเด็กหนุ่มคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง

ฉันรีบกลับมายังริมหน้าต่าง เห็นหลังไวๆ ของเด็กหนุ่มคนนั้นปั่นจักรยานพ้นรั้วบ้านของฉันไปเสียแล้ว

ฉันหันมาสนใจกับเครื่องบินกระดาษในมือ มันมีอะไรน่าสนใจกว่าไอ้เจ้าบ้านั่นอีก

เครื่องบินกระดาษถูกคลายออก สิ่งที่ฉันเห็นคือกระดาษถ่ายเอกสารฉบับหนึ่ง ที่มีชื่อและนามสกุลของคนมากมาย เหนือกระดาษ ถูกเขียนด้วยดินสอหวัดๆ ด้วยลายมือที่คุ้นเคย (มันก็คือลายมือของไอ้ดอนนั่นล่ะ) เขียนไว้ว่า

-คนที่สอบติด-

ฉันกวาดสายตาผ่านชื่อนามสกุลของผู้คนลงมาเรื่อยๆ จนมาสะดุดกับเส้นดินสอที่วาดเป็นวงกลมรอบชื่อของคนๆ หนึ่ง

[ผู้เข้าสอบคนที่ 2533 นางสาวเอมิ คานิโมโต้]

นี่มันชื่อของฉันนี่!!

สอบติดแล้ว~~~ [>o</]

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนที่ฉันเพิ่งเรียนจบชั้นม.ปลาย ฉันได้ลองสอบเข้ามหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เป็นมหาลัยที่ฉันใฝ่ฝันเข้ามาเรียนมาก แต่ก็สอบเข้าได้ยากเช่นกัน ซึ่งฉันก็สอบติดจนได้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องจากเมืองสุพรรณเข้าสู่กรุงเทพ โดยอาศัยอยู่หอพักรวม ที่ไม่ใกล้กับมหาลัยนัก

อ้อ...ฉันมีชื่อว่า เอมิ คานิโมโต้ ชื่อเล่นก็ เอมี่ หลายคนคงแปลกใจสินะว่า ทำไมฉันชื่อญี่ปุ่นจ๋า ซะอย่างนี้ กลับพูดไทยได้ชัดแจ๋ว นั่นก็เป็นเพราะฉันเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น พ่อของฉันเป็นคนญี่ปุ่น ส่วนแม่เป็นคนไทยฉัน และฉันก็เกิดและอาศัยอยู่ที่เมืองไทยมาตลอด แล้วก็ตัวฉันเองก็มีอีกชื่อว่า ชะเอม ด้วย ชื่อนี้ตาเป็นคนตั้งให้ เพราะท่านไม่ชอบเรียกชื่อญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากท่านแล้วก็ มีไอ้เจ้าดอนอีกคนที่เรียกฉันว่า ชะเอม ส่วนคนอื่นๆ เรียก เอมี่ ทั้งหมด

ฉันนั้นมีความญี่ปุ่นเพียงแค่หน้าตา กับชื่อเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ฉันก็เหมือนเด็กสาวบ้านนอกทั่วไป ที่เติบโตมาในค่ายมวยของตา ภาษาไทยพูดชัด แต่ภาษาญี่ปุ่นรู้เพียงแค่คำศัพท์ง่ายๆ ที่พ่อสอน (ปกติแกพูดไทยกับฉันและครอบครัวตลอด แถมพูดชัดมากๆ ด้วย บางครั้งฉันก็ไม่แน่ใจว่าพ่อฉันแกเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ หรือเปล่า)

เรื่องความฝันเรื่องเนื้อคู่นั่น ก็เลือนหายไปตั้งแต่ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ จนฉันแทบจะลืมมันไปแล้ว จนวันนี้ ฉันได้ฝันถึงมันอีกครั้ง

เอมี่ ตื่นสิ เดี๋ยวไปมหาลัยสายนะ

เสียงของ น้ำเย็น เพื่อนสาวที่สนิทกับฉันปลุกให้ฉันลืมตาตื่นจากความฝันที่ไม่ได้ฝันถึงมานาน

ฉันเลิกผ้าห่มลง เห็นสาวน้อยร่างเล็กผมยาว ใส่แว่นตาหนาเตอะ ในชุดนักศึกษา กำลังเขย่าตัวฉันอยู่ สายตาสะลึมสะลือของฉันพลันเหลือบไปดูนาฬิกาที่แขวนบนผนัง

แปดโมงสิบห้า!! [O o]

แย่ล่ะสิ วันนี้มีสอบเสียด้วย ถ้าไปเกินเก้าโมงอาจารย์แกไม่ให้เข้าสอบด้วยสิ

ฉั

นรีบจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าการเดินทางไปมหาลัย ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้นี้ ต้องบวกเวลาเพิ่มอีกสิบนาที ทั้งยังต้องเผื่อเวลาอีกนิดหน่อยด้วย เท่ากับว่าฉันมีเวลาไม่พอแล้วล่ะสิ

สายแล้วๆ [>o<]

ไม่รู้ว่าตอนนี้ น้ำเย็น เพื่อนของฉันหายไปไหนแล้วสิ ขนาดเวลารีบเร่งอย่างนี้ แม่นี่ใจเย็นอยู่ได้ สมชื่อกับ น้ำเย็น ดีจริงๆ

ฉันรีบคว้าเอากระเป๋าสะพายใบโปรด บนหัวเตียง แล้วรีบออกไปจากห้องไปทันที

พอฉันเปิดประตูห้องออกมา ก็พบกับ เจ้าน้ำเย็น ยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มผิวเข้ม ผมยาวกระเซิง ที่ใส่เพียงกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ท่าทางเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายคืน

หอพักที่ฉันอยู่เป็นหอพักรวม จึงไม่แปลกที่จะเห็นผู้ชายเข้ามาในหอนี้ ส่วนชายหนุ่มผิวเข้มคนนี้ก็คือ ไอ้ดอน นั่นละ มันก็เข้าเรียนในกรุงเทพเหมือนกันฉัน แต่อยู่คนละมหาลัย ห้องของมันก็อยู่ข้างๆ นี่เอง

ตื่นสายอีกแล้วนะ หนูชะเอม เมื่อไหร่แกจะตื่นไวๆ ซะทีว้า~

เสียงเหน่อๆ กวนๆ ของไอ้ดอน มันช่างทำให้ฉันหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ฉันก็ต้องพยายามทำใจเย็นลง เพราะยังไงฉันต้องอาศัยพึ่งพามันอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจะทำให้มันโกรธมันงอนไม่ได้ เดี๋ยวจะขอหยิบยืมอะไรมันไม่ได้ [^ ^]

เรื่องของฉัน ฉันจะตื่นกี่โมงมันก็เรื่องของฉัน [-*-]

เหรอ~? แล้วแกจะไปสอบทันไหมล่ะ? หือ? ถ้าไม่มีแมงกะไซของฉัน

เอ่อ...ถูกของมัน [-  -] ปกติแล้วฉันจะขึ้นรถเมล์ไปมหาลัย แต่วันไหนที่ฉันรีบๆ หรือมีธุระด่วน ฉันก็ต้องยืมมอเตอร์ไซของมันแทน ซึ่งก็ช่วงหลังๆ นี่ ยืมบ่อย จนถือว่าเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว แต่ใช่ว่าฉันยืมเปล่าๆ นะ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมรถ ฉันก็ช่วยออก

นี่ เอมี่ มันจะไม่ทันแล้วนะ

น้ำเย็นร้องเตือนถึง เวลาที่ต้องรีบเร่ง ทำให้ฉันต้องรีบตัดบททันที

เออๆ ขอบพระคุณสำหรับแมงกะไซนี่ละกันนะ

ดี เหมือนเดิม (เติมน้ำมัน และดูแลรักษาเท่าชีวิต) แล้วก็รีบกลับมาก่อนเที่ยงด้วย ตอนบ่ายฉันต้องไปสอบ

มันพูดพร้อมกับส่งกุญแจรถให้

รู้แล้วน่า

เมื่อได้พาหนะในการเดินทาง ฉันกับน้ำเย็นรีบเดินทางไปยังมหาลัยทันที

รถบนท้องถนนของเมืองหลวง ในชั่งโมงเร่งด่วนอย่างนี้ มันดูเยอะจริงๆ แล้ววันนี้เป็นวันซวยอะไรของฉันนี้ รถติดยาวเป็นกิโลๆ คิดว่าสี่แยกไฟแดงข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ เลย ขนาดใช้ความคล่องตัวของมอเตอร์ไซแล้ว ยังเดินทางไปได้ไม่ถึงไหนเลย

ในที่สุดฉันก็ใช้ความคล่องตัวของมอเตอร์ไซ ฝ่ารถติดไปได้ แต่เวลาตอนนี้ก็ใกล้จะเก้าโมงเข้าไปแล้ว

ดูเหมือนว่าความซวยของฉันในวันนี้ จะยังไม่หมด ระหว่างที่ฉันขับรถอยู่ ฉันรู้สึกว่ารถเจ้ากรรมของมันวิ่งอืดๆ ชอบกล แล้วก็ล้อหน้ายังส่ายๆ อีกด้วย

อาการอย่างนี้ ฉันเคยประสบกับตัวเองมาครั้งนึงแล้ว มันเป็นหนึ่งในสี่อาการคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซควรจะพบสักครั้ง นั่นก็คือ ยางแตก (ส่วนอีกสามอย่างก็คือ รถเสีย น้ำมันหมด และก็อุบัติเหตุ)

ฉันรีบประคองรถเข้าริมถนน หน้าเซเว่นพอดี แล้วจากรถทันที

ยางแตก [-*-]

ฉันชิงตอบก่อน เพราะรู้ว่ายัยน้ำเย็นนี่ จะถามอะไร

รถเป็นอะไรไปอ่ะ เอมี่?

นั่นไง เป็นอย่างที่ฉันพูดไม่มีผิด ฉันรู้จักยัยนี่มาห้าปี ตั้งแต่เรียนม.ปลาย นิสัยเอื่อยเฉื่อย เชื่องช้า ใจเย็นนี่ ฉันรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี บางครั้งก็ทำให้ฉันหงุดหงิดมากๆ แต่ว่ายังไงก็ตาม มันก็ทำให้ฉันควบคุม ยัยนี้ได้ง่าย

เรื่องของยัยน้ำเย็นเก็บไว้ก่อนเถอะ ที่ว่าความซวยยังไม่หมด เป็นเพราะวันนี้นี่ซวยตั้งแต่เช้าเลย อาจารย์แกไม่รู้คิดอะไรของแก จู่ๆ มาเลื่อนวันสอบมาวันนี้ซะงั้น เช้านี้ก็ตื่นสาย เพราะความฝันบ้าๆ ตลอดเส้นทางก็รถติด แถมรถยังยางแตกอีก

บ้าจริงๆ ใกล้จะถึงมหาลัยแล้วเชียว วันนี้เป็นวันอะไรกันว้า~ [-*-]

รถเป็นอะไรไปครับ?

ไม่มีตาหรือไง ก็เห็นว่ายางแตก [-*-]

ฉันเผลอตอบไปตามอารมณ์ไม่ทันมองว่าใครเป็นคนถาม จนน้ำเย็นกระตุกแขนฉัน ถึงรู้ว่า มีคนๆ หนึ่งเข้ามาถาม

คนที่ถามเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว หน้าตาดี สวมชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับฉัน ดูท่าเขาจะเสียหน้านิดหน่อย ที่ฉันตอกกลับโดยไม่ทันมอง

โดยปกติแล้ว ด้วยหน้าตาที่เป็นน่ารักๆ สไตล์ลูกครึ่งของฉันนี่ ทำให้มีผู้ชายมาจีบฉันเยอะพอควร ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะฉันถูกอบรมสั่งสอนมาว่า อย่าชิงสุกก่อนห่าม และอีกอย่างฉันไม่ค่อยชอบให้ผู้ชายมาเกาะเกะรบกวนใจด้วยล่ะ

อีตาหน้าดีนี่ ก็คงเป็นหนึ่งในคนที่มาจีบฉันแน่เลย เห็นว่ารถยางแตก คงมาอาสาให้ช่วยเหลือแน่ๆ เลย

เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจ จะติดรถผมไปมหาลัยก็ได้นะครับ

ฮ่ะๆๆ แม่นเหมือนจับวาง อีตานี่คิดจะจีบฉันจริงๆ ด้วย ฉันเหลือบไปเห็นรถเก๋งคันงามด้านหลังแล้วด้วย จะว่าไปฉันก็รู้สึกว่าฉันเคยเห็นตานี่อยู่ในมหาลัยบ่อยๆ เอ...ชื่ออะไรหว่า? จำไม่ได้แล้ว......ช่างเถอะ

ไม่เป็นไรๆ เดินอีกนิดก็ถึงมหาลัยแล้ว ไม่รบกวนนายหรอก ขอบใจสำหรับความหวังดีนะ ไปกันเถอะน้ำเย็น [ -  -]

ฉันตอบปฏิเสธไปทันที แล้วดึงแขนน้ำเย็นเดินหนี โดยทิ้งให้ตานั่นยืนมึน ส่วนรถนี่เดี๋ยวโทรบอกไอ้ดอนให้มารับ (ลาก) รถกลับไปดูแลทีหลัง

พอออกห่างตานั่นได้ ฉันก็เริ่มวิ่ง ระหว่างที่วิ่งก็ล้วงเอาโทรศัพท์ โทรบอกไอ้ดอนเรื่องนี้ด้วยไปด้วย

นี่ไอ้ดอน รถแกยางแตกว่ะ

ยางแตกก็ปะสิว้า~ จะมาบอกฉันทำซากอะไร~ รบกวนคนจะหลับจะนอนจริงๆ เลย~

น้ำเสียงของไอ้ดอน ฟังดูแล้วมันเพิ่งกลับไปนอนต่อแน่ๆ เลย ใช่สิ วันนี้มันมีเรียนตอนบ่าย ช่างเถอะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า

แต่ฉันต้องรีบเข้าสอบก่อนนะ รถทิ้งไว้หน้าเซเว่น ก่อนถึงมหาลัยนะ มาเก็บซากด้วยล่ะกัน เดี๋ยวจะโดนยกไป (ขโมย) ซะก่อน

เห? เดี๋ยวๆ ..........

ฉันรีบวางสายทันที ตอนนี้รีบไปเข้าสอบก่อนดีกว่า เรื่องที่จะโดนมันด่าก็เอาไว้ทีหลัง

ฉันพยายามวิ่งอย่างสุดแรงเพื่อให้ทันเวลา แต่พอมาถึงทางม้าลายด้านหน้ามหาลัย ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความเร็วสูง

หืม?

โครม~~**

เอมี่!!

แล้วความจำของฉันก็ขาดหายไป

..................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

..

ทำไมที่นี่มันมืดจัง มองไม่เห็นอะไรเลย หูก็ไม่ยินเสียง ร่างกายก็หนักๆ ขยับไม่ได้อีกด้วย

..ม.......

ใครพูดอะไรน่ะ? ทำไมฉันไม่ค่อยได้ยินเลย

เอมี่!!

เสียงเรียกนั้นเรียกชื่อฉันนี่นา เสียงนี้มัน...

แม่!!

ฉันลืมตาขึ้น ในห้องสีขาวสะอาดตา ตัวฉันนอนอยู่บนเตียงสีเดียวกับห้อง ข้างเตียงมีแม่ของฉัน และก็เจ้าน้ำเย็นเพื่อนรัก กุมมือฉันด้วยหน้าตาดีใจมากๆ

อูย.....

ฉันรู้สึกปวดหัวแปร๊บขึ้น แถมยังรู้สึกเจ็บแขนอีกด้วย พอฉันเลื่อนมือไปจับหัวตัวเอง ก็พบว่ามีผ้าพันอยู่ แล้วก็ที่แขนยังติดสายน้ำเกลืออีก

เกิดอะไรขึ้นกับหนูอ่ะ? แม่

ลูกถูกรถชนน่ะ น้ำเย็นดึงลูกหลบได้ทัน เลยโดนแค่เฉี่ยวๆ แต่ลูกก็ล้มหัวฟาดถนน สลบไปสี่วันสี่คืนเลยล่ะ

อา...นึกออกแล้วฉันรู้สึกเหมือนว่ามีรถพุ่งมาทางฉัน แต่ว่าหลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้

เป็นไงบ้างวะ นรกไม่น่าอยู่ หรือท่านยมส่งกลับมารึไง?

เสียงกวนๆ นี่มาอีกแล้ว ฉันหันไปยังต้นเสียงทันที เห็นไอ้เจ้าดอน เพิ่งลุกจากเก้าอี้ยาวของญาติ ด้านตรงข้ามกับเตียงของฉัน ดูท่าทางมันเหมือนคนไม่ได้นอนอีกตามเคย (เป็นท่าทางปกติของมันไปแล้ว ถ้าหากวันไหนเห็นมันมีท่าทางสดชื่นเหมือนนอนหลับมาเต็มอิ่มแล้วล่ะก็ เป็นวันที่แปลกสุดๆ เลยล่ะ) ฉันตอกกลับทันควันว่า

นรกน่ะไม่เหมาะกับคนน่ารักๆ อย่างฉันหรอกนะ แต่สำหรับคนปากแมวๆ อย่างแกนี่ ถือว่าเป็นบ้านหลังที่สองเลยล่ะ

ไอ้เจ้าดอนขมวดคิ้วเครียด คงเป็นเพราะมันนอนน้อยล่ะมั้ง สมองเลยเอื่อยๆ บางมุขที่มันเล่นมา เมื่อโดนตอกกลับไป มันก็มักจะเงียบไร้หนทางตอบโต้

เออๆ ดูท่าสมองไม่กระทบกระเทือนอะไร งั้นฉันไม่กวนล่ะ (ฝากไว้ก่อนเถอะ!!) น้าแก้ว ผมกลับก่อนนะครับ

จ้า ขับรถกลับดีๆ นะ

พูดจบมันก็ยกมือไหว้แม่ฉัน แล้วเดินออกจากห้องไป

หลังจากไอ้เจ้าดอนออกไปแล้ว แม่ฉันกับน้ำเย็นก็ถามถึงอาการด้วยทั่วไปของฉัน ฉันก็ตอบไปตามความเป็นจริง ก็ยังเจ็บแผลนิดๆ หน่อยๆ แล้วฉันก็ถามถึงตากับพ่อ แม่ก็ตอบว่าทั้งสองเพิ่งกลับไป หลังจากนั้นเราก็พูดคุยเรื่องทั่วไป

แต่แล้วสายตาฉันก็สะดุดกับช่อดอกไม้ สามช่อที่วางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง

แล้วดอกไม้นี่ของใครอ่ะแม่?

คนที่ช่วยลูกมาส่งโรงพยาลไงล่ะ อีกเดี๋ยวเขาก็คงมาแล้วล่ะ

แม่ของฉันตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

ใครนะ? ที่ช่วยฉันไว้ แต่ว่าจะถามแม่ต่อ แม่แกก็บอกแล้วว่า เดี๋ยวก็คงมา ถามน้ำเย็นดีกว่า

นี่น้ำเย็น ใครเป็นคนช่วยฉันไว้อ่ะ

ก๊อกๆๆ**

ไม่ทันที่น้ำเย็นจะตอบฉัน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำเย็นกระซิบมาเบาๆ ว่า

เขามาแล้วล่ะ

ขออนุญาตครับ

เข้ามาเลยจ้ะ

เสียงที่ไม่คุ้นหูของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากหน้าประตูห้อง แต่ว่าดูแม่ของฉันจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี

อ้าว? ฟื้นแล้วเหรอครับ?

เมื่อคนที่มาเยือนเข้ามา ฉันก็ตกใจทันที เพราะคนที่เข้ามาก็คือ ไอ้เจ้าหนุ่มหน้าตาดีที่เคยเจอเมื่อวันที่ฉันถูกรถชนนี่ โอ๊ะ? เขาไม่ได้มามือเปล่า ในมือยังมีช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาอีกด้วย

อ๊ะ แม่ลืมไปซื้อของนิดหน่อย น้ำเย็น ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ ฝากดูแลลูกน้าสักเดี๋ยวนะ เดี๋ยวน้ากลับมา

แม่ฉันพูดอย่างรีบเร่ง ดูเหมือว่าแม่ฉันจะส่งเสริมให้ฉันกับตานี่อยู่ด้วยกันสองต่อสองซะงั้น

อาการเป็นยังไงบ้างครับ?

ก็ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนะที่ช่วยฉันไว้นะ ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ?

ทศพล ครับ เรียกว่า ท็อป ก็ได้ครับ

รู้สึกแปลกๆ แฮะ พอพูดคุยกับ ตานี่แล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆ แฮะ ชวนให้นึกถึงความฝันที่ฉันมักฝันถึงบ่อยๆ

อ๊ะ!!? หรือว่าตา ท็อปนี่ จะเป็นเนื้อคู่ของฉันนะ?

พอฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันก็ติดต่อกับ ท็อป เรื่อยมา จนเขาขอฉันเป็นแฟน ซึ่งฉันก็ตกลงทันที หลังจากนั้น เขาก็ขออาสามารับมาส่งฉันไปกลับหอพักมหาลัยเสมอๆ (ทำให้ฉันไม่ต้องพึ่งพามอเตอร์ไซของไอ้เจ้าดอนแล้ว และก็การช่วยเหลืออื่นๆ อีกมากมาย)

การที่คนหล่อ หน้าตาดี แถมพ่อรวย อย่าง ท็อป มาเป็นแฟนกับฉัน ย่อมเป็นที่อิจฉาของใครหลายๆ คนในมหาลัยมาก  ก็อย่างว่าล่ะนะ ฉันก็เป็นสาวสวยน่ารัก ระดับดาวมหาลัย (แต่ไม่ได้ลงประกวดนะ) กับ ท็อป หนุ่มหล่อ หน้าตาดี แถมนิสัยก็ดี เป็นที่หมายปองของสาวๆ

แต่ว่า....ฉันก็ยังคงฝันถึงเรื่องเนื้อคู่อยู่เหมือนเดิม แถมบ่อยขึ้นเสียด้วย จากแค่เฉพาะกลางคืน เป็นเพียงแค่ฉันงีบหลับ มันก็มาแล้ว ทำไมมันยังไม่เลือนหายไปซะทีนะ?

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

ใกล้จะถึงวันเกิดปีที่ยี่สิบของฉันแล้ว ในปีนี้โชคดีจริงๆ ที่วัดเกิดของฉันตรงกับวันอาทิตย์ และวันศุกร์ เสาร์ ก็ไม่มีเรียนอีก ฉันก็เลยวางแผนจะกลับไปจัดงานวันเกิดที่บ้านที่สุพรรณกับครอบครัว

ฉันจัดแจงประสานงานกับทางบ้าน โทรบอกว่า จะกลับไปจัดงานวันเกิดที่บ้าน โดยจะไปรถของ ท็อป (ไหนๆ ก็เป็นแฟนกันแล้ว ก็ขอพาไปเปิดตัวหน่อยล่ะ แถมแม่ฉันจะปลื้ม ท็อป มากๆ ด้วย ขืนไม่พามา แม่แกเคืองแน่ๆ)

จนเช้าวันที่จะออกเดินทาง ฉันนึกได้ว่าต้องชวนไอ้เจ้าดอน มันซะหน่อย ยังไงมันก็เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่ฉันคบกับ ท็อปมานี่ ฉันกับไอ้เจ้าดอน ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

เงียบ...สงสัยจะไม่อยู่ แปลกแฮะ ที่เจ้านี่ตอนเช้าๆ ไม่อยู่ ปกติ เรียกทีไรไม่เกินรอบที่สอง มันก็ตื่นมาโวยวายแล้ว ช่างเถอะ รีบไปดีกว่า เดี๋ยวท็อปเขาจะรอนาน เอาไว้ขากลับค่อยเอาเค้กมาฝากมันทีหลัง [^ ^]

พอฉันหันกลับไป ก็พบไอ้เจ้าดอน สภาพในชุดพนักงานส่งพิซซ่า

เอ้า!! เอาไปกิน

ไอ้เจ้าดอนส่ง กล่องพิซซ่าถาดใหญ่ใส่มือของฉัน บนกล่องพิซซ่ายังมีกล่องของขวัญสีแดงสดขนาดเล็กกว่าฝ่ามืออีกกล่อง

อะไรอ่ะ?

ไอ้เจ้าดอน เดินผ่านฉันไปไขประตูห้องโดยไม่ตอบอะไร พอไขเสร็จมันก็หันมายิ้ม

ขอโทษทีปีนี้ฉันไม่ว่างไปกินด้วย สุขสันต์วันเกิดนะ

พูดจบ มันก็เดินหายเข้าไปในห้อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นะที่ฉัน รู้สึกว่า ไอ้เจ้าดอน ดูแปลกไปจนฉันตั้งตัวไม่ทันเลย ในวันเกิดทุกๆ ปีของฉัน มันจะมีร่วมกินด้วย แต่ปีนี้ มันให้ของขวัญมาแทน และก็เป็นของขวัญชิ้นแรกในรอบยี่สิบปี เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมาฉันไม่เคยได้ของขวัญอะไรจากมันเลย ได้แต่เพียงคำอวยพร [O o]

ฉันมองกล่องของขวัญของไอ้เจ้าดอนในมือ อย่างงงๆ พลันชวนให้นึกถึงความฝันเรื่องเนื้อคู่ที่จะพบในวันที่ฉันอายุครบยี่สิบ

จู่ๆ ฉันก็รู้สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

ในวันนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

ฉันนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพ ในตอนหัวค่ำของวันเกิดของฉัน

ในปีนี้ก็ไม่ต่างกับปีก่อนๆ งานวันเกิดของฉัน ตอนเช้าไปทำบุญถวายสังฆทานปล่อยนกปล่อยปลาที่วัดแถวบ้าน เที่ยงๆ ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของน้า ซึ่งฉันจัดเลี้ยงวันเกิดที่นั้น (ที่จริงใจฉันอยากจะจัดในตอนกลางคืนนะ แต่ว่าวันจันทร์ต้องกลับไปเรียน และก็วันเสาร์ก็เที่ยวมาเยอะแล้ว)

ฉันนั่งมองกล่องของขวัญใบน้อยบนตักที่เจ้าดอนให้มาโดยตลอด ส่วนน้ำเย็นก็หลับอยู่ด้านหลัง (ยัยหลับตลอด ตั้งแต่ขึ้นรถขามายันขากลับ) ส่วน ท็อป ก็รับหน้าที่สารถีขับรถ

กล่องของขวัญอื่นๆ ที่ทางครอบครัวฉัน เพื่อนๆ และของนายท็อป ถูกเปิดหมดแล้ว เหลือเพียงของไอ้เจ้าดอนเท่านั้นที่ฉันยังไม่เปิด ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำให้ฉันไม่อยากจะเปิดมัน

อาจเป็นเพราะของขวัญกล่องนี้ เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ไอ้ดอนให้มาล่ะมั้ง?

เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ? เห็นนั่งมองกล่องของขวัญนั่นอยู่นานเชียว

ท็อปถามฉันขึ้น เขาคงสังเกตว่าฉันนั่งมองกล่องของขวัญมาตลอดเส้นทาง โดยไม่มองอย่างอื่นเลย

ไม่มีอะไรหรอก

ฉันหันมาตอบพร้อมรอยยิ้ม ท็อป เขาก็ยิ้มหวานตอบมาเช่นกัน รอยยิ้มของเขาสามารถละลายใจสาวๆ ได้เลยล่ะ แต่สำหรับฉันแล้ว มันเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน จนทำให้ฉันแทบจะลืมเรื่องความฝันเนื้อคู่ไปเลย

แล้วไม่ลองเปิดมันดูล่ะครับ นั่งมองไปก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

อืม...นั่นสินะ นั่งมองมันไปก็ไม่รู้ว่ามีอะไร คงต้องลองเปิดมันดูล่ะ

ฉันค่อยๆ แกะกระดาษห่อกล่องของขวัญอย่างช้าๆ จนเหลือเพียงกล่องหรูใบเล็ก ฉันคิดว่ามันคงต้องเป็นของมีค่าแน่ๆ

ไม่ทันที่ฉันจะเปิดมันออกดู ก็มีแสงไฟสว่างวาบที่หน้ากระจกรถ ส่องใส่หน้าของฉัน

ฉันได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังมาก ดังแสบจนแก้วหู หลังจากนั้นความทรงจำของฉันก็ขาดหายไปอีกครั้ง

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

อ่า...ที่นี่ที่ไหนกัน ทำไมมันมืดอีกแล้ว

.

เสียงใครน่ะ ใครพูดอะไร พูดเสียงดังๆ หน่อยสิ

เจ้าแม่คะ ดวงลูกสาวของดิฉันเป็นยังบ้างคะ?

อืม....

นั่นเสียงของแม่ฉันนี่? แม่ฉันกำลังคุยกับใครอยู่น่ะ

เด็กคนนี้น่ะเรอะ!!? อืม....ขอข้าตรวจดวงชะตามันก่อน

คนที่คุยกับแม่ มีเสียงแหลมเล็กแสบแก้วหู อ่า....ฉันจำได้แล้ว นี่มันเสียงของยายแช่ม ร่างทรงหมู่บ้านใกล้ๆ นี่ อ๊ะ? เสียงเงียบไปอีกแล้ว

ดวงของแม่หนูนี่ ไม่มีปัญหาอะไร ชีวิตราบรื่น มีความสุขดี แต่ว่ามีช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิต....

ช่วงไหนคะ?

พอสิ้นเสียงคำถามของแม่ฉัน ใบหน้าของหญิงชรา ก็ปรากฏต่อหน้าของฉัน

ในวันที่เธออายุครบยี่สิบปี เธอจะต้องประสบกับความเคราะห์ร้ายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จนถึงขั้นอาจจะทำให้ชะตาขาดได้ แต่ในเคราะห์ร้ายนั้นจะทำให้เธอพบกับเนื้อคู่ที่แท้จริง!!

อ่า...ความฝันนี่อีกแล้วเหรอ

สิ้นเสียงของยายแช่ม ใบหน้าของยายแก่ก็เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่ฉันคุ้นหน้าอีกคน

ท็อป!!

ขอโทษครับ เอมี่........ถึงเวลาที่ผมจะต้องจากคุณไปแล้ว หลังจากนี้ผมคงไม่ได้อยู่กับคุณอีก ขอให้คุณมีชีวิตต่อไปนะครับ

หา...ทำไมล่ะ นี่นายพูดอะไรของนาย อ๊ะ!! แล้วนั้นนายจะไปน่ะ เดี๋ยวก่อน!! รอฉันก่อนสิ!!

ใบหน้าของ ท็อป ค่อยๆ ลอยห่างออกไป

ฉันพยายามวิ่งตามแต่ว่าเหมือนมีอะไรมา ไม่สิ เหมือนมีใครมาดึงร่างฉันไว้

พอฉันหันกลับไป ก็พบว่า มีคนๆ หนึ่งดึงร่างของฉันไว้ นั่นมัน....

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

ฉันลืมตาตื่นขึ้นในห้องสีขาวสบายตาที่มันไม่คุ้นตา อา...แต่ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของมันแฮะ

นี่มันโรงพยาบาลนี่นา!!

อูย...รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเลยแฮะ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย มีใครบอกฉันได้ล่ะนี่ นี่ฉันไปโดนอะไรมาล่ะนี่ แขนขวาเข้าเฝือก ขาขวาก็ด้วย แล้วเจ็บที่หน้าอกอีก

ชาเอม~

หืม? ใครมานอนเฝ้าฉันล่ะนี่? รูปร่างท่าทางคุ้นๆ ตัวดำ

แก..อย่า...เพิ่ง...ตาย.น้า~....งืม....งืม

ไอ้ดอน!!

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

ในที่สุดแล้ว ฉันเองก็ยังไม่เชื่อว่าความฝันเรื่องเนื้อคู่ที่ฉันฝันถึงบ่อยๆ จะเป็นความจริง

เพราะความจริงเนื้อคู่นั้นไม่ได้มาในวันที่ฉันมีเคราะห์ร้ายอะไรนั่นหรอก

เนื้อคู่ของเราน่ะ ถูกกำหนด มาตั้งแต่เราเกิดแล้ว

แต่ว่าเรานั้นจะรู้ตัว ว่าคนไหน คือเนื้อคู่ของเรา แล้วเราจะพบเขาได้อย่างไร

ไม่ต้องห่วงไปหรอก หากเขาเป็นเนื้อคู่ของเราแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่ไกล หรือใกล้กับแค่ไหน สุดท้ายแล้ว เรากับเขาก็ต้องมาพบกัน

อย่างฉันกับ..........

ไอ้เจ้าดอน

----------------------------------------------------------------------------------------

Next Story...

Project Valentine II กุหลาบแดง กับ เพื่อนรัก

......14 กุมภาพันธ์ 2554.....(ถ้าทันนะ)

Link to comment
Share on other sites

ชะเอม ชื่อเพื่อนเราเลยนะนิ

---------

แล้วนั้นนายจะไปน่ะ

----------

แล้วนั้นนายจะไปไหนน่ะ?

สุดยอด อ่านแล้วสนุกดีอะ ลุ้นด้วย ไม่อยากเชื่อว่าคนบ้าหนังจีนกำลังภายในอย่างดรจะเป็นคนแต่ง lol

อารมณ์เหมือนอ่านนิยายรักเลยอ่า สนุกดี >_< ฮ่าๆ

แต่ว่าท๊อปถูกลืมอ่า น่าสงสารจัง T_T

ปล. ชอบคำพูดส่งท้ายมากๆ แบบว่ากระแทกใจเลยอ่า ฮ่าๆ เหมือนจะเคยเจอกับตัว lol

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.