Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[Fiction]เธ�เธ�เธดเธ�เธฑเธ�เธดเธ�เธฒเธฃเธ�เธฅเน�เธกเธ�เน�เธฒ 'Arcadia 99'


Retia Adolf

Recommended Posts

นิยายเรื่องนี้ จะขอพูดถึงประเทศ 'อาคาเดีย' ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิค ห่างจากเกาะญี่ปุ่นไม่มากนัก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น อาคาเดียยังมีชื่อเก่าว่า 'ไคโด' และคอยสนับสนุนกองกำลังญี่ปุ่นหลายต่อหลายครั้ง ในการต่อสู้กับสหรัฐ อเมริกา

แต่ทว่า... หลังจากสิ้นสุดสงครามโดยไคโดถูกสหรัฐ อเมริกา ยึดได้นั้น ทำให้กลุ่มกัวใหม่ปรกาศตัวว่าจะก่อตั้งประเทศใหม่เป็นประเทศโลกเสรีที่ใช้ชื่อว่า 'อาคาเดีย' ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มหัวเก่าจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกลียดชังสหรัฐฯอย่างมากโดยพวกเขาต่างมีค่านิยมที่ว่า

'อาณาจักร ไคโด ที่ยิ่งใหญ่นั้น ได้ก้มหัวต่อพวกตะวันตกแสนเลวทรามนั่นแล้วหรือ?'

เมื่อคิดดังนั้น... กลุ่มหัวเก่าจึงรวมตัวกัน ทั้งประชาชน.. ผู้นำ... และทหารในกองทัพบางส่วน ได้ทำการยึดส่วนล่างของอาคาเดีย เพื่อตั้งเป็นประเทศไคโด ที่พร้อมจะประกาศสงครามกับกลุ่มโลกเสรี... พวกเขาเรียกตัวเองว่า 'กองกำลังพิทักษ์เอเชีย'

ปี 1965 ขณะที่สงครามเกาหลียังระอุในทะเลเหลืองนั้น.. ไคโดได้ทำการบุกเข้าโจมตีอาคาเดียอย่างไร้ความปราณี.. กองทัพอาคาเดียนั้น ไร้ซึ่งพลัง เนื่องจากกำลังบางส่วนถูกขโมยไปอยู่กับไคโดแล้ว.. ถึงแม้จะรอดพ้นวิกฤตการณ์นั้นมาได้... แต่ก็สามารถเอ่ยปากได้เต็มคำว่า

'สงครามอาคาเดีย เริ่มต้นขึ้นแล้ว'

Link to comment
Share on other sites

Wing 1 - ก้าวแรกของเด็กหนุ่ม

10 ตุลาคม ปี 2009 เวลา 10:00 น.

ณ สนามทดสอบอาวุธ กองบิน 1

เมืองหลวง ริวโด, อาคาเดียเหนือ

เวลาไม่เคยหยุดนิ่ง... ฤดูกาลเองก็ค่อยๆไหลเวียนไปตามกาลเวลา... แม้จะพึ่งผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วงไปไม่ได้มากนัก แต่ฤดูหนาวอันเยือกเย็น ก็เริ่มเข้าปกคลุมเกาะอาคาเดียอย่างช้าๆ.... แต่ถึงกระนั้น ก็คงหยุดยั้งหัวใจอันร้อนรุ่มของเหล่าชายหนุ่มที่มุ่งมั่นเพื่อความฝันของตนเองไม่ได้...

ความฝัน... ที่ต้องการจะครอบครอง ปีก เพื่อโบยบินไปสู่ฟากฟ้าสีคราม

..........................................

......................

เสียงเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนแผดเสียงคำรามผ่านฟากฟ้า เหนือพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ ที่ไร้ซึ่งบ้านเรือน ที่นี่คือ สนามทดสอบอาวุธริวโด สถานที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงที่ราชการซื้อเอาไว้ใช้ในการฝึกนักบินรบ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สมรภูมิ.....

เครื่องบินไอพ่นขนาดเล็ก ปีกสามเหลี่ยม แบบ Mirage 2000 ลายพรางฟ้าขาว ลำหนึ่งทะยานผ่านภูมิประเทศในระดับความสูงเหนือยอดเขา... นักบินหนุ่มกำคันบังคับที่หน้าหว่างขาแน่นด้วยความมุ่งมั่นที่ว่าวันนี้ เขาต้องเป็นผู้ชนะ...

ในวันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่สุดของ ทาจิบาน่า ทาคุยะ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่กำลังไล่ตามความฝันของตน ตอนนี้ก็เหมือนกับเขากำลังยืนอยู่หน้าประตูที่จะกำหนดอนาคตของเขา... เหลือก็เพียงแต่กุญแจเพียงเท่านั้น... ในวันนี้ เขาจะต้องทำการฝึกการบินขับไล่ระยะติดพัน ด็อกไฟท์ เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแย่งชิง กุญแจ นั่น และมันกำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้า!

เสียงเตือนในเรดาห์ของเขาดังขึ้น พร้อมแสดงสัญญาณของเครื่องบินอีกลำหนึ่งกำลังบินตรงเข้ามาหาเขาในทิศ 12 นาฬิกาตรงหน้า... หัวใจของเขาเริ่มสูบฉีดและเต้นแรงขึ้น ชายหนุ่มกำคันบังคับแน่นขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับการประจัญบาน

Eagle-1 จาก Seraphim... Eagle-2 ไปทางคุณแล้ว.... ทันทีที่บินสวนกัน ให้เริ่มทำการฝึกขั้นสุดท้ายได้เลย

Eagle-1 ทราบแล้ว...

ชายหนุ่มตอบกลับไปยังฐานบินที่กำลังรอดูผลงานของนักบินที่เก่งที่สุดทั้ง 2 คนในรุ่นนี้อย่างช้าๆ หลังจากฝึกบินมาหลายปี ด้วยคะแนนของทั้งคู่ ตอนนี้พวกเขาทั้ง 2 คนคือผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดในศิษย์การบินทั้งหมดของรุ่นปัจจุบัน.. และการฝึกนี้จะชี้ชะตาของพวกเขาทั้ง 2 ด้วยคะแนนสุดท้าย!

เตรียมตัวให้ดีล่ะ.. ทาคุยะ เสียงติดต่อทางวิทยุจากเครื่องบินฝ่ายคู่แข่งดังขึ้น ตอนนี้แม้จะปรากฏตัวในเรดาห์แล้ว แต่คู่แข่งของเขา อาโอยามะ คาซึยะ ยังคงอยู่นอกระยะสายตา

ฉันจะทำให้นายร้องไห้กลับบ้านเลยคอยดู ทั้งคู่ติดต่อกันอย่างสนิทสนม และท่าทางมั่นใจ... เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากการติดต่อครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง... ที่ระยะสุดขอบฟ้า... ทาคุยะสังเกตเห็นจุดเล็กๆกำลังเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว...

Eagle-1 และ Eagle-2 จะเริ่มทำการฝึกด็อกไฟท์ภายใน... ห้า... สี่...

เสียงติดต่อจากหอบังคับการบินดังขึ้นในหูฟังของทั้งคู่ ขณะที่เครื่องบินทั้งสองเครื่องกำลังพุ่งทะยานเข้าใส่กันมากขึ้นทุกๆวินาที!

สาม... สอง... หนึ่ง!

ทาคุยะกระชากคันบังคับไปทางขวามือสุดแรง ยังผลให้เครื่องของเขาเอียงไปทางขวา และดูเหมือนคู่แข่งของเขาจะทำเช่นเดียวกัน ขณะทะยานสวนกันด้วยความเร็วสูง พร้อมด้วยเสียงคำรามแหวกอากาศดังสนั่นที่ช่วยบอกให้นักบินทั้งสองรู้ว่า ระฆังแห่งการประจัญบาน ดังขึ้นแล้ว!

ชายหนุ่มกระชากคันบังคับกลับไปทางซ้ายมือ ส่งผลให้ตัวเครื่องเอียงกลับไปอยู่ในท่าบินปกติ เพียงชั่วพริบตา เขาหักคันบังคับเข้าหาตัวแล้วดึงไปทางขวาอย่างใจเย็น เจ้าม้าเหล็กเชิดหัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเลี้ยวไต่ระดับขึ้นไปทางขวามือตามคำสั่งของผู้ควบคุมของมัน

เมื่อไต่ระดับขึ้นไปได้สักพัก เขาจัดการดังคันบังคับเข้าหาตัวมากขึ้น เพื่อให้ตัวเครื่องเลี้ยวตีลังกาเข้าหา เป้าหมาย และดูท่าเป้าหมายของเขาจะทะยานเข้าหาเขาในรูปแบบเดียวกันอย่างไม่ลดละ

ทันทีที่ตีวงเลี้ยวขึ้นมาพอแล้ว ทาคุยะหักคันบังคับไปทางซ้ายมืออย่างรุนแรง ทำให้ตัวเครื่องตีลังกากลัยสู่ท่าบินปกติ และทะยานเข้าใส่เป้าหมายอย่างดุดัน...

ฉันมาขยี้แกแล้ว คาซึยะ! ทาคุยะพูดข่มขึ้น ขณะที่เรดาห์ของเขาพยามจะล็อคเป้าไปที่เป้าหมายตรงหน้า แต่ทว่า คาซึยะเองก็ฝีมือฉกาจพอ.. เขาหักเครื่องตีลังกา ก่อนที่จะดิ่งหนีออกไปจากการล็อคเป้าของทาคุยะได้อย่างรวดเร็ว...

แทนที่จะตามคาซึยะไป เขากลับเปิดสันดาปท้ายเต็มพิกัด พร้อมเร่งความเร็วเข้าสู่ความเร็วเสียง ก่อนที่จะทะยานหายเข้าไปในชั้นเมฆสีขาวบนท้องฟ้า

คาซึยะไม่รอช้า เขาตีวงเลี้ยวพร้อมเร่งเครื่องบึ่งตามคู่แข่งของตนไปติดๆ ตอนนี้เขากลายเป็นฝ่าย ผู้ล่า ตัวเครื่องสีฟ้าทะยานผ่านหมู่เมฆสีขาวราวกับผุดขึ้นมาจากทะเลหมอก สายตาของคาซึยะจับจ้องไปยังจุดเล็กๆด้านหน้าเครื่องของทาคุยะ ที่ยังคงบินอยู่ตรงหน้าของเขา ซึ่งเป็นเหยื่อชั้นดีในการไล่ล่าครั้งนี้

เตรียมใจไว้ได้เลย! คาซึยะพูดขึ้น พลางใช้หัวแม่มือขวาเลื่อนแท่นกลมสีดำที่คันบังคับ พยายามจะล็อคเป้าอีกฝ่ายให้สำเร็จ... เพราะกะติกาของการทำคะแนนครั้งนี้มีเพียงการล็อคเป้าอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้นก็ถือว่าผู้ถูกล็อคนั้นถูก ยิงตก ไปแล้ว

ทาคุยะหักคันบังคับไปด้านซ้าย เพื่อให้ตัวเครื่องเลี้ยวออกไปทางด้านซ้ายเพื่อเบี่ยงหนีการล็อคเป้า... คาซึยะเองก็พยายามหักคันบังคับไปทางด้านขวา เพื่อเบี่ยงหัวเครื่องให้ยังคงชี้เข้าหาหางเครื่องของเป้าหมายอย่างไม่ลดละ... ทั้งคู่เบี่ยงหลบกันไปมาอยู่แบบนี้อยู่พักหนึ่ง

จนกระทั่งทาคุยะเห็นจังหวะเหมาะ. หักคันบังคับไปทางขวาแรงสุด ยังผลให้เครื่องของเขาตีลังกากลับหัว เมื่อเข้าสู่ท่าที่ต้องการแล้ว เขาจึงดังคันบังคับเข้าหาตัวอีกครั้ง เพื่อให้เครื่องที่กลับหัวอยู่นั้นดิ่งลงไปในทะเลเมฆอย่างรวดเร็ว และหลบหลีกการถูกล็อคเป้าได้สำเร็จ!

บ้าจริง หายไปไหนแล้ว... คาซึยะสบถเบาๆ เขากวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อมองหาศัตรูของเขา แต่กำแพงกั้นคือทะเลเมฆไกลสุดลูกหูลูกตา..

แม้จะพยายามมองหาเท่าไหร่ ก็ไม่อาจมองเห็นได้...  เรดาห์ แม้จะเป็นเหมือนไฟฉายส่องทางในห้องมืด... แต่เมื่อฉายได้เพียงแค่ด้านหน้าเท่านั้น ก็ไม่มีประโยชน์ในการมองหาอีกต่อไป... ในเมื่อ ทาคุยะหายไปจากจอเรดาห์เรียบร้อยแล้ว!

เพียงพริบตา... เหยี่ยวเหล็กนามเรียกขาน อีเกิ้ล-วัน ทะยานขึ้นจากทะเลหมอกขาวที่ทิศ 6 นาฬิกา ที่ด้านหลังของคาวึยะ หมายจะปลิดชีพคู่แข่งของเขาในทันที!

ไม่ยอมหรอกเฟ้ย!!คาซึยะตะโกนลั่น พรางหักคันบังคับไปทางขวาเพื่อพลิกตัวเครื่องให้ตีลังกา ก่อนที่จะดิ่งลงสู่ทะเลหมอก.. แทบจะในทันทีที่ทาคุยะก็ทำในสิ่งเดียวกัน ทำให้ยังคงตำแหน่ง 6 นาฬิกาเอาไว้ได้ ขณะม้าศึกทั้งสอง ทะยานผ่านชั้นเมฆอย่างเกรี้ยวกราด!

สายตาเฉียบคมดั่งอินทรีจับจ้องไปยังไอพ่นของคู่แข่งที่กำลังทะยานลงสู่พื้นดินตรงหน้าอย่างไม่ลดละ.. นิ้วโป้งขวาเกรียดกรายปุ่มกลมสีดำบนคันบังคับ ยังผลใส้กรอบสีเขียวบนกระจกใสตรงหน้าเลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งหางของคู่แข่งสำเร็จ และกลายเป็นสีแดง!

Magic II! Fire!!

ข้อมูลการลั่นไกถูกบันทึกผ่านซิมูเลเตอร์ในหอบังคับการบิน เพียงชั่วพริบตาหลังจากลั่นไกไปนั่น วิทยุจากหอบังคับการก็ประกาศก้องขึ้นในหูฟังของนักบินทั้งสองนาย

Eagle-1 ยิง Eagle-2 ตกด้วยขีปนาวุธนำวิถีความร้อนพิสัยใกล้ ขอแสดงความยินดีด้วย ทาจิบาน่า ทาคุยะ เธอเป็นผู้ชนะ

ทันทีที่เสียงประกาศจากหอบังคับการดังขึ้น ก็แทบทำให้ทาคุยะดีใจจนลืมเชิดหัวขึ้นไปในทันที.. ในขณะที่คู่แข่งของเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ... ทั้งคู่ บินขึ้นมาขนาบข้างกันก่อนที่จะบินเกาะหมู่ตรงไปยังฐานบิน

วันนี้ก็ทำได้ดีนี่ สนุกมากเลย คาซึยะ!ทาคุยะพูดพรางหันไปชูนิ้วโป้งให้ด้วยน้ำเสียงร่าเริงเล็กๆ พรางทำให้คู่แข่งของเขามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง

เอ้อ! คราวหน้าฉันไม่แพ้แกแน่ ทาคุยะคาซึยะตอบกลับ พรางยกนิ้วโป้งให้เช่นกัน

.........................................

..........................

หลังจากนำเครื่องกลับมาลงจอดยังฐานปฏิบัติการเสร็จสิ้นแล้ว นักบินทั้งสองคน ผู้เป็นคนทำคะแนนได้สูงสุดในชั้นปีของโรงเรียนการบินริวโด เดินลงจากเครื่อง Mirage 2000 เยี่ยงวีรบุรุษ ต่อหน้าเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมชมการประลองเก็บคะแนนครั้งสุดท้ายของทั้งคู่...

เสียงเฮลั่นของเหล่าผองเพื่อนดังไปทั่วลานบิน บางคนถึงกับพนันข้างแทงเสียกันด้วยซ้ำ...

ขอแสดงความยินดีด้วยล่ะ พลทหารเสียงครูฝึกดังขึ้น ขณะเดินผ่านเหล่าศิษย์การบิน เข้ามาหาผู้ได้คะแนนสูงสุดในระดับชั้น... ทาจิบาน่า ทาคุยะ

ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกบทเรียนที่พร่ำสอนให้ผม จนมาถึงวันนี้ได้ ทาคุยะพูดพรางก้มหัวโค้งคำนับให้กับผู้เป็นอาจารย์ตรงหน้า

ไม่หรอก... ฉันก็ทำแค่สอนวิธีการเท่านั้น.. คนที่ฝึกภาคปฏิบัติให้กับนายน่ะ คือสิ่งที่อยู่ข้างหลังนายต่างหากล่ะครูฝึกพูดพรางยิ้มเล็กๆ ก่อนที่จะชี้ไปยังบางสิ่งด้านหลังชายหนุ่ม... เมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น.. ก็คือ เครื่องบินฝึกขับไล่ไอพ่นชั้นสูง... Mirage 2000 สีฟ้าทั้งสองลำ ที่จอดตระหง่านอยู่ตรงนั้น...

ทั้งทาคุยะและคาซึยะ เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ครูฝึกสอนให้กับพวกเขา ก็ถึงกับยิ้มขึ้นเล็กๆ ก่อนที่จะโค้งคำนับให้แก่เครื่องบินทั้งสองลำ และกล่าวออกมาเสียงดัง..

ขอบคุณมากครับ!!!

แม้จะอยู่กับโรงเรียนการบินมานาน แต่ Mirage 2000 ก็เป็นเครื่องบินฝึกที่สร้างศิษย์การบินมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น พียงเท่านี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่จะเป็น ครู ที่สอนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับศิษย์ จนถึงฝั่งฝัน

หึๆ เอาล่ะ! ไปพบหัวหน้ากองบินได้แล้ว พลทหาร ท่านต้องการพบนายน่ะ

ครับ!

...............................................

..............................

กองทัพอากาศอาคาเดียนั้น มีเครื่องบินขับไล่ประจำการอยู่มากมาย ทางกองทัพจึงจัดสิทธิพิเศษให้แก่ ผู้ทำคะแนนสูงสุดในชั้นปี ด้วยการสามารถเลือกแบบอากาศยานที่ต้องการด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องฝูงบินนั้น ทางกองทัพจะเป็นคนย้ายตัวนักบินเข้าไปเอง...

ตอนนี้ชายหนุ่มผู้ชนะการเก็บคะแนนครั้งสุดท้าย ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผู้บังคับการกองบิน ในห้องสีไม้เข้ม ที่ประดับประดาอย่างหรูหรา บนกระดาษตรงหน้า เป็นตัวเลือกง่ายๆ 2 ข้อ ที่ให้สิทธิ์เพียงผู้ทำคะแนนสูงสุด เช่นเขา เพียงคนเดียวเท่านั้น...

คนอื่นๆ จะถูกย้ายไปทำงานกับ F-4EJ ใช่ไหมครับ

ทาคุยะเอ่ยถามขึ้น ถึงนโยบายการรับเข้าฝูงบินรบของกองทัพ ต่อผู้บังคับการกองบินผู้สูงอายุตรงหน้า

สำหรับผู้ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 5-10 น่ะใช่ ส่วนผู้ที่ทำคะแนนได้ที่ 2-4 จะถูกเลือกไปทำงานกับ F/A-18C/D

งั้นเหรอครับ

หลังจากสอบถามเสร็จ สายตาของชายหนุ่มก็จับจ้องไปยังกระดาษตรงหน้า บนกระดาษนั้น มีเพียงสองตัวเลือกสำหรับเขานั่นคือ 1.F/A-18C/D และ 2.F-15AC/AD

จะเลือกอะไรล่ะ ชอบแบบไหนก็ว่ามาเลย

ผมตัดสินใจแล้วครับ!

ไหนลองว่าสิ

.........

............

ผมจะขอบินกับ F-15 ที่กองบิน 99 ครับ!

การลั่นวาจาครั้งนั้น... ได้ลิขิตอนาคตของเส้นทางบนฟากฟ้าของชายหนุ่มเอาไว้แล้ว.... เส้นทางที่เขาเลือกเดินนั้น... เป็นเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว งั้นหรือ!?

โปรดติดตามตอนต่อไป...

Link to comment
Share on other sites

โอ้มาแล้วสินะ พอดีช่วงนี้สอบเลยไม่ได้เข้ามาดู

ลงชื่อไว้เด๋วมาอ่าน :pika01:

Link to comment
Share on other sites

Wing 2 - เด็กสาวผู้เดียวดาย

15 ธันวาคม ปี 2010 เวลา 23:00 น.

ชายฝั่งทะเลมาชิโระ

เขตชายแดน, อาคาเดียใต้

รีบๆลงไปที่ท่าเร็วเข้า เงียบๆด้วยล่ะ

แม้ว่ารอบข้างปกครุมด้วยมืดแห่งราตรี... แต่ก็ไม่อาจหยุดแผนการของหัวหน้าครอบครัวผู้ห้าวหาญคนนี้ได้... ในเวลาใกล้จะเที่ยงคืนนั้น ร่างตะคุ่มๆในความมืดที่ก้าวเท้าอย่างเงียบๆผ่านแมกไม้ลงไปสู่แผ่นไม้เล็กๆที่ยื่นออกไปในน้ำ ที่ข้างๆกันนั้น มีเรือเร็วติดมอร์เตอร์ลำหนึ่งถูกผูกติดเอาไว้กับเสาข้างแผ่นไม้นั้น....

พยายามลงเรือให้เงียบที่สุด.. เดี๋ยวพ่อจัดการเอง...

เสียงสั่งที่แผ่วใบราวกับเสียงกระซิบ ดังขึ้น ยังผลให้ผู้เป็นแม่พาลูกสาวตัวน้อยลงสู่เรือเร็วอย่างระมัดระวัง ภายในเรือเร็วมีปืนไรเฟิ่ลถูกวางเอาไว้ 2 กระบอก พวกมันถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธคู่กายชายร่างใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะก้าวเท้าลงไปในเรือและทำท่าจะสตาร์ทเครื่องยนต์....

นี่เป็นเรือของพวกทหาร... เสียงเครื่องยนต์อาจจะดังหน่อย ภาวนาอย่าให้มีใครได้ยินเถอะ.... ผู้เป็นพ่อภาวนาในใจ เขาจัดการสตาร์ทเครื่องยนต์เรือเร็วในทันที แต่ดูท่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างครอบครัวที่พยายามจะหนีตายไปจากคุมนรกนี้

เสียงเครื่องยนต์สตาร์ท ปลุกทหารยามนายหนึ่งที่นอนพักอยู่บนเปลใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ห่างออกไปมากนักให้ตื่นขึ้น... ถึงแม้จะเป็นเสียงเรือของทหาร แต่เมื่อไม่มีคำสั่งให้หน่วยใดในฐานนี้ออกไปลาดตระเวนในเวลากลางคืนเด็ดขาด เสียงที่เกิดขึ้นนี้ จึงไม่มีทางเกิดจากพวกเดียวกันเป็นแน่.... เมื่อคิดได้ดังนั้น ทหารหนุ่มก็ตะโกนออกไปลั่นฐานเฝ้าระวังแทบจะในทันที!

ส่องไปลงไปในทะเล!! เรือถูกขโมยไปแล้ว!!

แม้จะออกจากลิมตะลิ่งมาได้ไม่มากนัก.. แต่เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังเข้าหูผู้เป็นพ่อจนได้... ยังผลให้เขายิ่งเร่งความเร็วของเรือเข้าไปอีก ด้วยหวังจะพาลูกเมีย หนีไปจากนรกอันแสนเสื่อมโทรมที่อยู่ข้างหลังนั้นไปให้ได้!

เพียงชั่วอึดใจ... สปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ถูกฉายลงสู่พื้นน้ำ เป็นวงลำแสงขนาดใหญ่กวาดไปทั่วผืนน้ำ... ทันใดนั้นเองที่แสงไฟมากระทบตัวเรือเข้า.... พวกเขาถูกเปิดเผยตำแหน่งต่อทหารของ ไคโด เสียแล้ว...

เจอเป้าหมายแล้ว!! เตรียม ปืนใหญ่ 120 มม. จมมันให้ได้!!

ไม่จำเป็นต้องได้ยิน ผู้เป็นพ่อในชุดทหารแบบเดียวกันก็สามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะทำอะไร ผู้เป็นพ่อรีบหยิบเสื้อชูชีพสีส้มเพียงตัวเดียวที่แขวนเอาไว้ในเรือออกมา แล้วตรงรี่เข้าไปสวมให้กับลูกสาววัย 14 ปี อย่างเร่งรีบ

คุณพ่อคะ! เราจะรอดใช่ไหมคะ คุณพ่อ?

ลูกสาวที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่เอ่ยปากถามด้วยน้ำตา ผู้เป็นพ่อไม่อาจจะตอบคำถามของลูกสาวได้.. เขารีบหยิบแท่งสีแดงจากกล่องบางอย่างข้างลำเรือ และรีบใส่มันลงไปในกระเป๋าของเสื้อชูชีพที่ลูกสาวของตนสวมอยู่อย่างรวดเร็ว...

ฟังนะ ยูกิ... ทันทีที่เห็นเครื่องบิน บินมาจากทิศเหนือ... ให้ยิงพลุสัญญาณนี่ขึ้นไป... พวกเขาจะมาช่วยลูก

หมายความว่าไงคะ คุณพ่อ?.... มันหมายความว่ายังไง?... ไม่เอานะ...

เด็กสาวพูดราวกับเสียสติ เธอต้องการให้ทั้งพ่อและแม่ของเธอรอดไปด้วยกัน แต่ดูท่าทั้ง 2 คน จะรู้ตัวอยู่แล้วว่าทั้งคู่มาได้แค่นี้... อย่างน้อยก็ขอแค่ลูกสาวของตนนั้น... ได้หลุดจากนรกนี้ไปก็พอ...

ฟังนะ.. ยูกิ... พ่อกับแม่รักหนูเสมอนะ ขอโทษนะยูกิ

ผู้เป็นพ่อ ยืนปากเข้าไปจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่หน้าผากอันบอบบางของผู้เป็นลูกสาว ก่อนที่จะใช้แรงทั้งหมด ผลักร่างของลูกสาวให้ตกลงไปจากเรือ พร้อมๆกับที่ผู้เป็นแม่ทำการเลี้ยวเรือไปทางซ้าย เพื่อเบนความสนใจของทหารยามมาที่พวกเขา แทนที่จะเป็นลูกสาวของพวกเขา...

คุณพ่อ!! อึ้ก.... คุณแม่!... อย่าทิ้งหนู... อึ้ก..แม้จะพยายามตะโกน แต่คลื่นในทะเลมาชิโระนั้นก็โหดร้ายเกินกว่าจะปล่อยให้เด็กสาวได้ล่ำลา เพียงไม่กี่อึดใจคลื่นก็ซัดร่างของเธอลอยออกไปสู่ทะเลได้ไม่ยาก...

ผู้เป็นพ่อยกปืนไรเฟิ่ล Ak-47 ขึ้นประทับบ่า ยิงต่อสู้กับทหารชายฝั่งอย่างดุเดือด ขณะที่ผู้เป็นแม่พยายามบังคับเรือให้แล่นออกห่างจากลูกสาวได้มากที่สุด... ไม่กี่อึดใจนั้นเอง... ปากกระบอกปืนใหญ่ขนาด 120 มม. ปรับองศาลงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว...

ขอพระเจ้าคุ้มครอง... ยูกิด้วยเถิด....

ยิง!!!

ตู้ม!!!

เสียงระเบิดของลูกกระสุนขาดใหญ่จากปากกระบอกปืนดังสนั่นขึ้น ก่อนที่ลูกปืนขนาดยักษ์จะถูกยิงขึ้นฟ้า... แล้วตกลงกระแทกกลางลำเรืออย่างรุนแรง... นังผลให้เรือเร็วขนาดเล็กแตกเป็นเสี่ยงๆ และจมลงสู่ทะเลมาชิโระในเวลาไม่กี่อึดใจ....

..................................................

................................

16 ธันวาคม ปี 2010 เวลา 05:00 น.

เขตร่องน้ำลึกทะเลมาชิโระ ฝั่งอาคาเดียเหนือ

เขตชายแดน, อาคาเดียเหนือ

ทะเลอันหนาวเหน็บแห่งฤดูหนาวพัดพาร่างอันอ่อนแรงของเด็กสาวที่ลอยคอได้เพียงเพราะเสื้อชูชีพ ผ่านร่องน้ำลึกเข้ามาในเขตอาคาเดียเหนือได้อย่างปฏิหาริย์.... เด็กสาวอ่อนแรงเกินกว่าจะว่ายน้ำต่อไปได้ ทำได้เพียงลอยคออยู่กลางทะเลแบบนั้น... หลังจากเผชิญเรื่องเลวร้ายสุดแสนจะทานทนมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอพยายามหลับตาเพื่อพักผ่อน.. ขอเพียงแค่ฝันร้ายทั้งหมดนี้จบลงได้ก็คงดี....

อา.... เสียงอะไรกัน....

เด็กสาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่หูอันบอบบางของเธอได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้นไกลออกไป.... เธอพยายามแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ใช้เวลากวาดสายตาเพียงอึดใจ เด็กสาวก็พบจุดเล็กๆบนท้องฟ้า กำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทิศเหนือ...

เธอพยายามหยิบแท่งสีแดงออกจากกระเป๋าเสื้ออย่างทุรักทุเร ตามคำสั่งของพ่อที่เธอได้ยินก่อนที่จะเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต....

เฮ้ เท็ตซึยะ เดี๋ยวช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ ไปเที่ยวอากิฮาบาระอีกรอบดีไหม?

ให้ตายสิ แกนี่มันโอตาคุตัวพ่อจริงๆ เออๆ จะไปด้วยก็ได้ ญี่ปุ่นก็ไม่ไกลนี่นะ

แหมๆ... ได้ข่าวว่าฟิกเกอร์ของอนิเมเรื่องโปรดของฉันจะออกแล้วมันอดใจไม่ได้นี่นา

การสนทนาของนักบินทั้งสองคนดังขึ้นอย่างสนิทสนม ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะขับเครื่องบินลาดตระเวนแบบ RF-4AR Phantom Eye ออกทำภารกิจตรวจตราเขตน่านน้ำในตอนเช้าตรู่ แต่แล้วดูเหมือนนักบินที่สองจะมองอะไรบางอย่างบนท้องฟ้าข้างหน้า...

เฮ้ย! มาโคโตะ ดูข้างหน้านั่นสิ.. พลุสัญญาณขอความช่วยเหลือไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ?

ตรงหน้าของพวกเขาปรากฏพลุสีแดงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากพื้นน้ำ พวกเขาไม่รอช้า รีบหยุดการสนทนาไร้สาระ พร้อมรีบบึ่งออกไปยังเป้าหมายข้างหน้าในทันที

เปิดกล้องให้พร้อม ฉันจะแจ้งไปที่ฝูงบินกู้ภัยทางทะเลเดี๋ยวนี้

เด็กสาวที่ยิงพลุสัญญาณขึ้นไปแล้วก็ปล่อยร่างกายอันแสนเหนื่อยล้าให้เป็นไปตามกรรม เธอไม่มีแรงแม้แต่จะโบกมือขอความช่วยเหลือ... สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นก็คือ เครื่องบินลำนั้น โฉบผ่านหัวเธอไป.. ก่อนที่เธอจะหมดสติ...

.......................................................

.....................................

เวลาผ่านไปกว่า 1 ปี จากครั้งแรกที่ชายหนุ่ม ทาจิบาน่า ทาคุยะ เลือกที่จะเข้ามาทำงานกับเครื่องบินขับไล่ชั้นแนวหน้า ในแนวรบชายแดนนี้ ระยะเวลานั้นทำให้เขาได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆจนชำนาญ อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสมาชิกฝูงบินคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี...

และที่นี่เขามีพี่เลี้ยงที่แทบจะคอยประกบติดเขาไปตลอด อิซาโยอิ มิกะ บางครั้งเวลาฝึกร่วมทั้งฝูงนั้น ทั้งคู่แทบจะไม่ได้แยกออกห่างกันเลย.. จนทั้งฝูงบินแทบจะตั้ง Call Sign ให้ทั้งคู่ว่า Lover เสียด้วยซ้ำ

วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง แตกต่างเพียงแค่มีเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังลั่นไปทั่วฐานบิน จนทาคุยะเป็นอันต้องตื่นขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น...

เอะอะอะไรกันแต่เช้าน้า... ฮ้าว!

ประตูห้องพักนักบินถูกเปิดออก พร้อมด้วยร่างของชายหนุ่มในท่าทางงัวเงียราวกับเด็กๆ ชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวผมสั้นคนหนึ่ง กำลังยืนมองไปยังลานจอด ฮ. ของหน่วยกู้ภัยทางทะเลที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก...

ฮ้าว... อรุณสวัสดิ์ครับ อิซาโยอิซัง ทักทายยามเช้า พร้อมหาวเฮือกใหญ่ ดูท่าทางไม่มีวินัยเอาเสียเลย...  และแล้วฝ่ามืออรหันต์ของสาวเจ้าก็สับลงกลางกบาลของชายหนุ่มอย่างจั๋งหนับ!!

บอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกว่า พี่สาว น่ะ! แล้วนี่พึ่งตื่นรึไง คนอื่นเขาไปออกกำลังกายตอนเช้ากันหมดแล้วนะ ตาทึ่มเอ้ย!!

ขอโทษครับ!

ซวยตั้งแต่เช้า ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมกันต่อไป....

เอ้อ ว่าแต่.. แล้วนั่นเขาทำอะไรกันเหรอครับ?

อ้อ... เห็นว่าตอนเช้า หน่วยลาดตระเวนเขาแจ้งเข้ามาน่ะ ว่ามีผู้ประสบภัยกลางทะเล ครึ่งชั่วโมงก่อน หน่วยกู้ภัยก็ส่ง ฮ. ไปรับตัวมาแล้วล่ะ

มิกะพูดพรางชี้ไปที่ เฮลิคอปเตอร์สีขาวที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 10 เมตร เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายคนกำลังนำเตียงพยาบาลที่ผู้ป่วยในสภาพหมดสติกำลังนอนอยู่ลงมาจากฮ. อย่างระมัดระวัง..

เอ๊ะ... เป็นเด็กผู้หญิง แถมมีคนเดียวด้วยแฮะ

เด็กผู้หญิง ไปทำอะไรกลางทะเลล่ะครับนั่น

ข้อสงสัยของทั้งคู่ก็ยังคงไม่ถูกไขกระจ่าง ไปจนถึงช่วงค่ำของวันนั้น... หลังจากผู้ป่วยถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเล็กๆที่ตั้งอยู่ในกองบิน 99 แห่งนี้ ถึงแม้จะฟื้นแล้ว แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร เนื่องจากอาการช็อค... หัวหน้ากองบินเรียกประชุมสมาชิกในฝูงบิน เพื่อคุยถึงปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น..

ถึงจะไม่ทราบว่าเด็กคนนั้นเป็นใครมาจากไหน แต่ทางเราก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นประชาชนของไคโดเป็นแน่ หัวหน้ากองบินเอ่ยเปิดประเด็นขึ้น

มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดแล้วล่ะครับ หัวหน้าฝูงบินพูดอย่างเห็นด้วย

ทีนี้ ปัญหาคือ กฏหมายของทางอาคาเดียมีช่องโหว่อยู่ค่อนข้างเยอะ

เช่นอะไรบ้างล่ะครับ? ทาคุยะเอ่ยถามขึ้น

ประการแรก ทางอาคาเดียมีกฎหมายที่พร้อมจะรับประชาชนชาวไคโดเข้าเป็นประชาชนของอาคาเดียเหนือ ตรงส่วนนี้ ถือเป็นข้อดี แต่มีปัญหาอีกข้อที่แย่ที่สุดในตอนนี้...

กฏหมายสำหรับการหาบ้านให้ผู้ประสบภัยสินะคะ มิกะเอ่ยขึ้น

ถูกต้องเลยล่ะ ทุกวันนี้อาคาเดียมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น พื้นที่ทางทหารก็เยอะขึ้นเพราะสงคราม เพราฉะนั้นที่อยู่ของประชาชนจึงถูกจำกัด... ยิ่งยัยหนูนั่นเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตมาด้วย ก็คงต้องรอครอบครัวใจบุญมารับไปเลี้ยงดูล่ะนะ หัวหน้ากองบินกล่าวถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ถ้างั้น... ทำไมเราไม่เป็นครอบครัวใจบุญนั่นเลยล่ะครับ? ทาคุยะเอ่ยถามขึ้น

หมายความว่ายังไงกัน ไหนว่ามาสิ  พันจ่า ทาคุยะ?หัวหน้าฝูงบินเอ่ยถามขึ้น พลางเหลือกตามามองด้วยสายตาที่ค่อนข้างดุดันเล็กๆ

อ่า... ผมหมายความว่า... ถ้าเด็กนั้นยังไม่มีครอบครัวมารับไปเลี้ยงดู.. งั้น พวกเราในนามฝูงบิน 991 ก็ขอรับตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นมาดูแลได้ไหมครับ?

อื้ม... เป็นความคิดที่ไม่เลวนี่นะ ถ้ายัยหนูคนนั้นตกลงก็ถือว่าโอเค... ในระหว่างถ้าไม่มีครอบครัวไหนมารับเด็กคนนั้นไปดูแล ก็ขอยกหน้าที่เลี้ยงดูให้กับสมาชิกทุกคนในฝูงบิน 991... มีใครจะคัดค้านไหม? หัวหน้ากองบินกล่าวข้อเสนอขึ้น และไม่มีเสียงคัดค้านใดๆ

เพราะฉะนั้น มติเป็นเอกฉันท์แล้วนะ... ฝูงบิน 991 จะทำหน้าที่เลี้ยงดูเด็กสาวผู้ประสบภัย อย่าให้เสียชื่อฝูงบินรักษาความสงบล่ะ ทุกคน....

รับทราบครับ/ค่ะ!!!

โปรดติดตามตอนต่อไป...

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.