Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[เรื่องสั้น] ดอกกุหลาบแด่เพื่อนรัก (เรื่องสั้นวาเลนไทน์ประจำปี2554)


ท่านลุงในตำนาน

Recommended Posts

ดอกกุหลาบแด่เพื่อนรัก

คนเราเนี่ย มักจะกลัวกับสิ่งที่จะตามมาหลังจากที่ได้ลงมือทำอะไรไปแล้ว คงเป็นเพราะสิ่งที่จะกระทำนั้นมันเสี่ยงต่อการสูญเสียมากๆ อย่างเช่น

การบอกรักเพื่อน....

เพราะว่า หากบอกไปแล้ว...ถ้าผลที่ออกมา ดีล่ะก็ ความสัมพันธ์ก็จะพัฒนาเป็นคนรัก และอาจจะพัฒนาไปถึงคู่ชีวิตได้โดยง่าย

แต่หากผลออกมาอีกอย่างล่ะ?

แน่นอนว่า สิ่งที่จะตามมา นั่นก็คือ ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ผิดแปลกไป อาจไม่เหมือนเดิมได้อีก หรืออาจจะเลวร้ายถึงขั้นไม่ได้เป็นแฟนแถมยังเสียเพื่อนอีกด้วย

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

***ไม่แน่ใจว่าดูได้หรือเปล่า เน็ตแอร์กาก เปิดยูทูปดูไม่ได้***

http://www.pkbasic.com/board/index.php?topic=1404.0

***ควรอ่านของปีที่แล้วควบคู่ไปด้วย****

Link to comment
Share on other sites

ผมชื่อ ดอน ผมแอบรักเพื่อนสาวคนสนิท คนหนึ่ง เธอมีชื่อว่า เอมี่ เธอกับผมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่สิ ตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ เพราะแม่ของเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกัน บ้านอยู่ใกล้กันด้วย พวกเราเกิดมาก็เล่นด้วยกันแล้ว พอเราสองคนโตขึ้น ก็เรียนโรงเรียน ห้องเดียวกันมาตลอด ถึงแม้ว่าตอนเรียนมหาลัยเราจะเรียนคนละมหาลัย แต่เราก็อยู่หอพักที่เดียวกัน

เอมี่ หรือที่ผมมักเรียกว่า ชะเอม เธอเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น หน้าตาน่ารัก ผิวขาว เหมือนเด็กญี่ปุ่นไม่มีผิด นิสัยห่ามๆ หน่อย แต่ก็เป็นคนดี หัวก็ดี เรียนก็เก่ง ต่างกับผมที่หน้าตาบ้านนอก ตัวดำ เสียงเหน่อ ปากแมว โรคจิต แถมการเรียนยังย่ำแย่ แต่พวกเราก็สนิทกันมาก เพราะนิสัยที่ดูแตกต่างกัน แต่ก็เข้ากันได้ เธอเป็นคนใจร้อน ส่วนผมเป็นคนใจเย็น ผมจึงมักรองรับอารมณ์ร้อนของเธอได้ เธอเป็นคนหัวดี เธอจึงค่อนข้างจะขี้เกียจ ส่วนผมนั้นหัวไม่ค่อยดี ผมจึงขยันมากหน่อย (ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เกือบจะเอ็นไม่ติดเหมือนกันล่ะ) การตามการบ้านรายงานอะไรนี่ เธอก็ต้องพึ่งพาผมมาก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผมก็ยินดีช่วยเหลือเธอตลอด

.....

..

.

ผมจำได้ว่าตอนเริ่มชอบเธอตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่ใกล้จะจบม.3 ซึ่งช่วงนั้นก็ต้นเดือนกุมภา เดือนแห่งที่ผมรอคอย

ทำไมผมต้องรอคอยเดือนนี้น่ะเหรอ ก็คือ เรื่องมันมาจาก พี่เด่น พี่ชายตัวดำ ของผมเอง คือพี่ผมคนนี้นี่ ก็หน้าตาก็เหมือนๆ ผมนี่ล่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ เขามีคารมที่ดีกว่าผมเท่านั้นเอง(ก็ผมมันปากแมวนี่นะ) และไอ้การที่พี่ชายของผมเป็นคนคารมดีนี่ มันก็ทำให้ผู้หญิงชื่นชอบมาก พอในช่วงเดือนแห่งความรักนี่ พี่ชายของผมก็ได้ทั้งดอกกุหลาบ ทั้งของขวัญ ทั้งตุ๊กตา ทั้งอะไรต่อมิอะไร ที่สาวๆ ให้มาเพียบ

พูดตรงๆ นะครับ ผมเองก็อยากมีคนมาให้ความรักแบบพี่ชายผมบ้าง (อิจฉาอ่ะ) ก็เลยพยายามทำตัวให้เด่นๆ มาตลอด แต่นิสัยปากแมวๆ ที่แก้ไม่หายนี่ สุดท้ายแทนที่จะดึงดูดสาวๆ ให้มาสนใจ กลับทำให้สาวๆ ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมซะเท่าไหร่ ผมเลยไม่ได้อะไรจากพวกเธอเลย แม้แต่เพื่อนในห้องก็ตาม โชคดีที่ เอมี่ รู้ถึงนิสัยปากแมวๆ นี่ดี จึงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ว่าด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยใส่ใจกับวันแห่งความรักของเธอ ผมก็คงจะคาดหวังได้อะไรจากเธอยาก

ในที่สุดก็มาถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตลอดทั้งวัน ในโรงเรียนของผม ก็มีบรรยากาศที่ดูครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะนักเรียนหญิงส่วนใหญ่ ต่างหอบดอกกุหลาบแดง ของขวัญ ตุ๊กตา ขนม ฯลฯ มามอบให้กับรุ่นพี่ที่แอบชอบ หรือก็เพื่อนๆ เพื่อนชายในห้องของผมอย่างน้อยๆ ต่างก็ได้ดอกกุหลาบมาหนึ่งดอก ยกเว้น ผมเพียงคนเดียว ที่ยังไม่ได้อะไรเลย

เฮ้อ~

สุดท้ายแล้ว ผมก็โดดเรียนช่วงบ่ายมานอนทำใจในห้องพยาบาลคนเดียว โชคดีที่วันนี้ ที่ห้องพยาบาลมีคนน้อย แถมอาจารย์ที่คุมห้อง ก็ไปประชุม คงจะไม่มาก่อกวนสักพักหนึ่งล่ะ

ให้ตายเถอะว้า กะอีแค่ไม่ได้ดอกกุหลาบจากสาวๆ นี่มันถึงขั้นจะตายเลยหรือไง?

เสียงใสๆ ร้องแซวของเด็กสาวคนหนึ่งดังขั้น จากเตียงใกล้ๆ ทันทีที่ผมเอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ ในห้องพยาบาล ทำให้ผมต้องลุกมาดูที่ต้นเสียงทันที

อ้าว? ชะเอม?

เสียงคุ้นๆ แบบนี้ เธอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือ เอมี่ นั่นเอง

ไหงแกมานอนอยู่นี่ได้ไงวะ?

ไอ้บ้านี่!! ไม่ทันข้ามวันแกก็ลืมแล้วเรอะ!! แกก็เป็นคนลากฉันมาเองนะ จำไม่ได้หรอไง!!

เธอตวาดกลับมา

จะว่าไปแล้ว เพราะใจผมรอคอยดอกกุหลาบจากสาวๆ จนลืมไปว่า เพื่อสาวของผมคนปวดท้องมาก จนผมต้องอาสาพาเธอมาหายากินและนอนพักที่ห้องพยาบาลตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนในตอนเช้า

เออ..จริงด้วยแฮะ แล้วตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้างวะ

ผมถือโอกาสถามไถ่ถึงอาการป่วยของเธอต่อทันที

ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ เอ้อ แล้วแกนี่ โดดวิชาภาษาไทยของอาจารย์วันเพ็ญจอมโหดมานี่ มีเหตุผลมากพอหรือเปล่า

ผมสะดุ้งเฮือก อย่างว่าล่ะ ผมมัวแต่รอดอกกุหลาบ จนไม่สนใจอะไร ลืมไปอีกว่าตอนบ่ายมีวิชาภาษาไทยของอาจารย์วันเพ็ญ จอมเฮี้ยบ แถมแกเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองแกด้วย ถ้าขืนขาดเรียนวิชาแกโดยที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอล่ะก็ มีหวังโดนเรียกมาบ่นต่อหน้าผู้ปกครองแน่

งั้นฉันกลับไปเข้าเรียนดีกว่า

เดี๋ยวๆ ไอ้เจ้าดอน ไปตอนนี้ มันก็ไม่ทันแล้วมั้ง?

ผมรีบลงจากเตียง กำลังจะไปเข้าเรียนเอมี่ก็ร้องเรียกผมเสียก่อน ผมหันมามองหน้าเธอ ซึ่งเธอก็เงยหน้าไปด้านบน ผมก็มองตามเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่บนหัวเตียงของเธอ บอกเวลาบ่ายโมงครึ่ง เลยเวลาเรียน ขืนเข้าไปเรียนตอนนี้ คงโดนอาจารย์ถามนู้นถามนี่ จุกจิก แถมอาจลุกลามไปถึงขั้นเรียกผู้ปกครอง เลยก็ได้

ดอกกุหลาบก็ไม่ได้ เข้าเรียนก็ไม่ได้ อา...ไหงวันนี้ชีวิตผมนี่มันช่าง...ซวย...ได้เพอร์เฟ็คแท้ว้า

ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี เลยตัดสินใจล้มตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง สายตาผมก็เหลือบไปเห็นหน้าของเอมี่พอดี

โอย...

ใบหน้าของเธอเหมือนจะเจ็บปวดมาก ผมรีบเข้าไปดูอาการเธอทันที

เฮ้ย!! เป็นอะไรไปวะ!! ชะเอม!!

มือทั้งสองข้างของเธอกุมท้อง ใบหน้าบิดเบี้ยว เธอคงปวดท้องมาก ปวดจนพูดไม่ออกเลย ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน หันซ้ายหันขวา ต้องหาทางช่วยเธอให้ได้

อดทนไว้นะ!! เดี๋ยวฉันไปตามคนมาช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ!!

ผมรีบวิ่งออกจากห้องทันที โชคดีที่พอผมออกมาพ้นเขตห้องพยาบาลได้ไม่ไกล ก็พบกับอาจารย์ห้องพยาบาลพอดี ผมจึงรีบแจ้งเรื่องให้อาจารย์ทราบทันที อาการปวดท้องอย่างหนักของเอมี่ แม้อาจารย์ก็ช่วยเหลืออะไรมากไม่ได้ เลยต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที และผมในฐานะเพื่อนสนิท ที่สามารถติดต่อกับทางครอบครัวเธอ ผมจึงได้โอกาสติดตามไปยังโรงพยาบาลด้วย พอมาถึงโรงพยาบาล เธอก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ผมเองก็รู้สึกใจไม่ดีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็คือติดต่อเรื่องนี้ให้ครอบครัวของเธอได้รู้เท่านั้น

การผ่าตัดใช้เวลาไม่นานนัก และผมก็ทราบจากปากของหมอว่าอาการปวดท้องของเอมี่นั้น ก็คืออาการของไส้ติ่งอักเสบ โชคดีที่ผมไปเจอเธอช่วงที่กำเริบหนักและพาตัวมาโรงพยาบาลได้ทัน หากช้ากว่านี้ไส้ติ่งอาจแตก เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ (และโชคดีอีกอย่าง คือผมไม่โดนอาจารย์วันเพ็ญเล่นงานด้วย เพราะใช้ข้ออ้างมาเยี่ยมเพื่อน ฮ่ะๆๆๆ)

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

หลังจากนั้นสี่วัน...

เธอนั้นฟื้นสติหลังผ่าตัดตั้งแต่วันที่สอง ผมก็มาเยี่ยมเธอทุกวันหลังเลิกเรียน วันนี้ก็เช่นกัน ผมก็ไปเยี่ยมเอมี่ตามปกติ อาการของเธอดีขึ้นทุกวัน ได้ยินว่าวันนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นที่บ้าน ผมจะกลับด้วย

ก้าวแรกที่เข้าไปในห้องคนไข้พิเศษของโรงพยาบาลประจำจังหวัด ผมก็ไม่เห็นเธอ เห็นแต่ข้าวของเครื่องใช้ของเธอยังอยู่ครบ

หายไปไหนหว่า?

มาอีกแล้วนะแก

ไม่ทันไรเสียงของเอมี่ทักผมขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างยากลำบาก ด้วยสภาพทุลักทุเลพอสมควร มือซ้ายลากเสาแขวนน้ำเกลือ ส่วนอีกข้างก็ยังจับกางเกงคนไข้ที่ยังผูกไม่เรียบร้อย

เป็นอะไรไปวะนี่?

ผมรีบไปลากเสาน้ำเกลือแทน และปล่อยให้เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

ยังไม่ชินกับการไม่มีไส้ติ่งอ่ะนะ ท้องเลยเสียนิดหน่อย

เธอตอบด้วยเสียงเรียบๆ พลางก้าวขึ้นเตียง แล้วชี้นิ้วไปยังเหยือกน้ำที่มีน้ำสีส้มๆ อยู่

ขอเกลือแร่หน่อย

แล้วน้าแก้ว กับลุงชิน ไปไหนซะล่ะ วันนี้จะกลับแล้วนี่

ผมจัดการตามคำขอ พลางถามถึงพ่อแม่ของเธอ ที่โดยปกติแล้ว ผมจะเห็นไม่พ่อก็แม่อยู่เฝ้าไข้เธอตลอด

แม่ออกไปข้างนอก ส่วนก็พ่อก็มีงานด่วนมา ส่วนวันนี้คงไม่ได้กลับแล้วล่ะ ท้องเสียขนาดนี้ คงได้อยู่นอนอีกคืนแหง

สมน้ำหน้าว่ะ

เอมี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนรับแก้วน้ำเกลือแร่มาดื่ม แล้วส่งกลับ

เอ้อ~ ไอ้เจ้าดอน จบมอสามนี่ แกจะไปเรียนต่อไหนล่ะ? ต่อมอสี่ด้วยกันไหม?

เธอถามขึ้น

ก็ว่าจะไปต่อช่างยนต์น่ะ

จะว่าไปแล้วช่วงนี้ผมเองกังวลเรื่องเดือนแห่งความรักเสียจนลืมไปว่า ผมใกล้จะจบม.3 แล้ว ดีที่เรื่องนี้ผมก็วางแผนการชีวิตของผมไว้แล้ว

พอได้ฟังคำตอบจากผมไป เอมี่ มีท่าทีผิดหวังนิดๆ

ทำไมแกไม่ต่อมอสี่ว้า พอขึ้นมอสี่แล้วฉันจะอยู่กับใครอ่ะ ฉันขี้เกียจหาเพื่อนใหม่นา

นี่แกเห็นใจฉันบ้างสิว้า ขนาดฉันจะตั้งใจเรียนยังไง ก็เกือบตกตั้งหลายวิชา ต่อมอสี่คงไม่ไหวว่ะ

เฮ้ย!! กลัวอะไร ถึงเรียนไม่รู้เรื่องเดี๋ยวฉันช่วยติวเอง เอาน่า มาต่อมอสี่เถอะ

โฮย~ มอสี่มีฟิสิกส์ เคมี คณิต อะไรนี่ ไม่เข้าหัว ไม่เอาๆ

เอมี่พยายามโน้มน้าวให้ผมไปต่อมอสี่กับเธอ ผมได้แต่ยืนกรานปฏิเสธตลอด เธอหันซ้ายหันขวา ไปสะดุดกับช่อกุหลาบแดงในแจกันหัวเตียง เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้ เอื้อมมือไปหยิบมาดอกหนึ่ง แล้วส่งมาให้ผมทันที

...อะไรของแกวะ?

ผมถามกลับ

งงอะไร ดอกกุหลาบที่หวังได้จากจากสาวๆ ไง

ผมมองหน้าเธอ อย่างไม่เชื่อ เธอได้แต่ยิ้มแปลกๆ

ถ้าแกไปต่อช่างยนต์ แกคงไม่มีโอกาสได้ดอกกุหลาบแน่ และคงจะไม่ได้อีกตลอดไป

จริงอย่างที่เธอพูดนั่นล่ะ ผมหวังเรื่องดอกกุหลาบปีนี้เป็นปีสุดท้าย เพราะถ้าผมไปเรียนต่อช่างยนต์ คงมีแต่เพื่อนๆ ผู้ชายสาวๆ ไม่มีแน่ ถ้าปีนี้ไม่ได้ดอกกุหลาบสักดอกเดียวล่ะก็ ผมก็จะถอดใจในทันที

เอาเป็นว่า ถ้าแกมาต่อมอสี่กับฉัน ฉันก็จะให้ดอกกุหลาบแกทุกปี โอเคไหม?

ผมอึ้งกับคำพูดนี้มาก จนไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่รับดอกกุหลาบดอกนั้นมา พร้อมกับความรู้สึกที่แปลกไป

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผนการชีวิต เลือกไปเรียนต่อม.4 พร้อมกับเธอ และเธอก็รักษาสัญญาให้ไว้ ด้วยการให้ดอกกุหลาบผมหนึ่งดอก ในวันวาเลนไทน์ของทุกปีตลอดมา แน่นอนว่าหลังจากนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกชอบเธอมากขึ้นทุกวัน ถึงแม้ว่าพอเข้ามหาลัยแล้ว เธอจะไม่ได้ให้ดอกกุหลาบผมเลย คงเป็นเพราะต้องตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิม ผมเองก็ไม่ได้ทวงถามอะไร เพราะความรู้สึกของผมนั้น ขอแค่ได้อยู่ใกล้กับเธอ ดอกกุหลาบที่เธอให้มามันก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว

คำว่าเพื่อนที่เรามีให้กันมานานมาก มากเสียจน คำพูดสั้นๆ ว่า รัก ผมยังไม่กล้า

นั่นล่ะครับพี่น้องครับ คือ สิ่งที่ผมกลัวมาตลอดหลายปี ว่าสิ่งที่คิดผมจะทำต่อไปนี้ อาจจะทำให้ผมต้องเสียเธอไป

จนแล้วจนรอด ผมก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดจะไปบอกความจริงในใจได้ ตอนนั้น เอมี่ ถูกรถเฉี่ยวบาดเจ็บ จนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมจึงตั้งใจว่าหลังออกจากโรงพยาบาล ผมจะบอกความในใจ

แต่เหมือนว่าผมจะช้าไปหนึ่งก้าว

ยังไม่ทันที่ผมจะบอกอะไรออกไป เธอก็มาเล่าเรื่องที่น่าตกใจที่สุด นั่นก็คือ

เธอมีแฟนแล้ว

ที่น่าตกใจ คงเป็นเพราะ ผมรู้จักนิสัยเธอดี เธอเป็นคนนิสัยห้าวๆ ไม่ยอมใคร ไม่กลัวอะไร จึงเข้ากับคนอื่นได้ยาก ยิ่งมีคนมาจีบอะไรนี่ ยิ่งยากใหญ่ เพราะผู้ชายที่สนิทกับเธอนี่ก็มีแค่ผม กับคนในครอบครัวเท่านั้น ที่เธอจะยอมพูดคุยดีๆ ด้วย

พอเธอมีแฟน การใกล้ชิดเธอก็เข้าใกล้แบบเมื่อก่อนก็ไม่ได้อีกแล้ว ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล จะแค้นก็แค้น จะยินดีก็ยินดี มันเป็นอะไรที่พูดยากจริงๆ

ในที่สุด ผมคิดได้ว่า เป็นอย่างนี้น่ะดีที่สุดแล้ว เป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์แบบเพื่อนอย่างนี้มันก็ยังจะยืนยาวกับความสัมพันธ์แบบคนรัก หลังจากนี้ผมต้องจะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอตลอดไปเสียแล้ว

เริ่มจากต้องให้ของขวัญวันเกิดกับเธอเสียหน่อยล่ะ หลังจากไม่เคยได้ให้อะไรเธอเลย ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา

.....

..

.

ผมเดินเตร็ดเตร่ตากแอร์เย็นๆ ในห้างสรรพสินค้า เป้าหมายก็หาสิ่งของที่จะพอเป็นของขวัญให้กับเอมี่ในวันเกิดที่จะมาถึงในเดือนหน้า

จะว่าไปแล้ว ถึงเอมี่ เป็นผู้หญิงดูห้าวๆ แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง เธอเป็นพวกคลั่งไคล้ของน่ารักๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับแมว เธอจะชอบมากๆ ผมเลยคิดว่าจะหาอะไรที่เกี่ยวกับแมวไปเป็นของขวัญวัดเกิดเธอ

แต่ว่าผมจะเลือกอะไรให้เธอดีล่ะ....ตุ๊กตาแมว...ไม่ดีๆ เธอมีเยอะแล้ว อืม...ลูกแมว ไม่ได้ๆ ที่หอพักห้ามเลี้ยงสัตว์ ที่นอน ผ้าห่มหมอนลายแมว นาฬิกาแมว กระเป๋าแมว ชุดแมว ที่คาดผมหูแมว แมว แมว แมว ฯลฯ

ไม่ได้ๆ หลังๆ มันเริ่มดูไม่ค่อยเหมาะแฮะ แต่ละอย่าง เธอก็น่าจะมีหมดแล้ว

เหมือนฟ้าจะเป็นใจ ผมเดินผ่านหน้าร้านค้าร้านหนึ่ง สายของผมเข้าไปสะดุดตากับของบางอย่างเข้า ผมคิดว่าของสิ่งนี้จะเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรก ที่เอมี่จะได้รับจากผม

.....

..

.

หืม? วันนี้มาเร็วจังนะ ไอ้ดอน ยังไม่ถึงเวลาทำงานเลยนี่

เสียงของพี่ต่อ ผู้จัดการร้านพิซซ่าที่ผมทำงานประจำ เป็นเด็กส่งพิซซ่า ถามผมขึ้นทันที ที่เห็นผมมาทำงานเร็วกว่าทุกวัน

มาขอทำงานเสริมอ่ะ ลูกพี่ ช่วงนี้เงินผมไม่ค่อยพอใช้เลย

อะไรวะ เพิ่งต้นเดือนเอง เงินหมดแล้ว? พี่บอกแล้วว่าอย่าเอาเงินเลี้ยงผู้หญิงหมด เป็นไง เงินไม่พอกินล่ะสิ

แล้วใครจะเหมือนกับลูกพี่นั่นล่ะ เงินมีก็เอาไปเลี้ยงแต่กระเทย จนไม่มีตังไปขอแฟนแต่งงานซะที ป่านนี้เจ๊แกหนีไปแต่งงานหนุ่มเกาหลีแล้วมั้ง?

ก็แค่สองสามคนเอง ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอก เฮ้ย!! จะบ้าเรอะ อย่างพี่น่ะ เงินไม่พอกินเพราะเอาไปเลี้ยงเด็กๆ ต่างหาก อีกอย่าง แฟนพี่น่ะ ไม่หนีไปไหนหรอก พี่จัดการรวบหัวรวบหางไว้เรียบร้อยแล้ว หึหึ

พี่ต่อแซวอย่างผมอย่างอารมณ์ดี ผมก็แซวแกล้งตอบกลับไปพอเป็นพิธี ถึงผมจะทำงานอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่เดือน แถมทำงานเป็นแค่เด็กส่งพิซซ่า แต่ผมก็สนิท กับพี่ต่อ ที่เป็นถึงผู้จัดการร้าน มากพอสมควร คงเป็นเพราะพี่แกเป็นคนบ้านเดียวกันกับผม แถมยังเป็นคนนิสัยปากแมวเหมือนกับผม

แล้วพอมีงานให้ผมทำบ้างหรือเปล่านี่?

ผมรีบเข้าเรื่อง ขืนแซวกันไปมา เดี๋ยวไม่ได้งานทำ

ฮ่ะๆๆ มีสิ มี แล้วจะมาทำบ่อยไหมล่ะ จะได้หางานให้ยาวๆ

ก็เป็นเดือนล่ะลูกพี่ พอดีเงินที่ทางบ้านส่งมาหมดเกลี้ยงเลย ส่วนเงินเดือนนี่ก็ได้กินได้ใช้ไม่กี่วันหรอก

อืม...งั้น ก่อนอื่นไปล้างจานหลังร้านก่อนไป เดี๋ยวพี่จัดการหางานเสริมเป็นหลักเป็นแหล่งให้

รับทราบลูกพี่!!

ผมรีบทำตามคำสั่งทันที ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่ง่ายๆ เงินค่าจ้างก็ไม่ได้มากมาย แต่อย่างน้อยๆ ผมก็มีงานทำได้พอมีเงินใช้จ่ายเรื่องทั่วๆ ไป ส่วนเรื่องอาหารการกินนี่ ในร้านพิซซ่าทำงานในนี้ มีกินเยอะครับ ถือว่าเป็นสวัสดิการของลูกจ้างอย่างผมไปโดยปริยาย (กินจนเบื่อเลยทีเดียว)

.....

..

.

ตั้งแต่ผมได้ทำงานเสริมบวกกับงานหลักเป็นเด็กส่งพิซซ่า ทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างที่จะได้พบหน้ากับเอมี่สักเท่าไหร่ ฝ่ายเธอเองก็มีแฟนคอยดูแลอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมก็เลยดูห่างๆ กับเธอ

ก็เป็นว่าวันเกิดของเอมี่ ไปตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งผมได้ยินจากน้ำเย็นเพื่อนสาวคนสนิทและเพื่อนร่วมห้องของเธอ ว่ามีแผนการจะไปจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้าน โดยออกเดินทางกันในวันศุกร์ ผมเองก็อยากไปเหมือนกัน แต่ทว่าในแผนการของเธอนั้น เธอจะไปด้วยรถของแฟนเธอ ไม่ใช่ว่าผมไม่ถูกกับแฟนเธอ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นเขา....อยู่กับผู้หญิงที่ผมรัก ผมจึงตัดสินใจไม่ไปร่วมงานเลี้ยง

มันเป็นความรู้สึกที่พูดยากจริงๆ นี่ผมกำลังอิจฉาเขาอยู่ล่ะมั้ง?

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

เพราะเงินที่ทางบ้านส่งมาหมดลงกับค่าของขวัญ บวกกับช่วงนี้ผมต้องใช้เงิน กลางวันไปเรียนเย็นถึงกลางคืนก็ไปทำงาน กินนอนอยู่ที่ร้าน ผมค่อนข้างจะโหมงานหนักไปหน่อย บางวันอยู่เฝ้าร้านถึงสามคืนโดยไม่ได้กลับมาที่หอพักเลย  จนกระทั่งถึงวันเดินทาง ผมนึกขึ้นได้ว่าต้องเอาของขวัญวันเกิดไปให้ก่อนที่เธอจะออกเดินทาง

ระหว่างที่ผมเดินเข้าหอพัก ผมสังเกตเห็น เจ้าท๊อป แฟนของเอมี่ กับน้ำเย็น ยืนรออยู่มุมหนึ่งด้านหน้าหอพัก ไม่เห็นเอมี่ คิดว่าน่าจะยังอยู่บนห้อง

ผมทำเป็นไม่สนใจ รีบเดินเข้าหอโดยเร็ว แต่ให้ตายเถอะ กำลังจะผ่านแล้วเชียว สายตาของยัยน้ำเย็นดันสายตาดี มาหันมาเห็นผมก่อน ร้องทักซะงั้น

อ้าว? ดอน? กลับมาแล้วเหรอ

ผมเลยจำใจหยุดมาทักทายเธอ

หืม? อืม..อา หวัดดี น้ำเย็น

ไงนายดอน สบายดีไหม?

นี่คือเหตุที่ผมต้องรีบเดินเข้าหอ เพราะผมไม่อยากจะคุยกับเขา

ก็ไม่สบายหรอกนะ บ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรนี่ ก็เลยต้องทำงานส่งเสียตัวเองเรียน ขอตัวไปนอนพักก่อนล่ะ ช่วงบ่ายต้องไปเข้าเรียนอีก

ผมรีบตัดบท แล้วรีบเดินเข้าไปในหอพัก จะว่าไปแล้ว เจ้าท็อป ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร ผมเป็นคนดูคนเก่ง จากลักษณะท่าทางของเขาแล้ว ถึงแม้ทางบ้านจะรวย(มาก) หน้าตาดี เรียนดี กีฬาเก่ง นิสัยดี เป็นกันเอง รวมๆ แล้วเป็นผู้ชายที่หาได้ยาก ถึงแม้ว่าภายนอกเขาอยากจะดูเป็นคาสโนว่าก็ตามที

แหะๆ จริงๆ แล้วผมเองก็ไปตามสืบข้อมูลของเจ้าท็อปมาเองล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับตามเป็นนักสืบ แต่ก็พอรู้อะไรๆ เยอะ เพียงพอที่จะไม่ไปขัดขวางความรักของเพื่อน

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

ดอนเว้ย!! อยู่หรือเปล่า!!?

.

ระหว่างที่ผมเดินมาถึงทางเดินภายในหอพักผมก็เห็นเอมี่ ตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้อง ผมว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า วันนี้ดูเธอแต่งตัวสวยน่ารักกว่าปกติ ความรู้สึกแปลกๆ พลันเกิดขึ้นในใจ ดีที่ผมพกของขวัญวันเกิดติดตัวตลอดเวลา

เอ้า!! เอาไปกิน

ผมส่งกล่องพิซซ่า ที่ต้องใจจะมามอบให้เธอ พร้อมกับกล่องของขวัญวันเกิดใบเล็ก

อะไรอ่ะ?

เธอถามกลับด้วยความสงสัย ผมเดินผ่านเธอไปไขประตูห้องโดยไม่ตอบอะไร ในใจรู้สึกสับสนมาก ผมรู้ว่าเธอตั้งใจจะมาชวนผมไปด้วย พอไขกุญแจเสร็จผมก็ตัดสินใจหันกลับมาฝืนยิ้ม

ขอโทษทีปีนี้ฉันไม่ว่างไปกินด้วย สุขสันต์วันเกิดนะ

ผมปิดประตูใส่หน้าเธอเบาๆ เหมือนกับปิดความคิดที่เดินความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะไปไกลเกินกว่าคำว่า เพื่อน ได้อีก

เฮ้อ~ ผมทำถูกไหม?

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

Link to comment
Share on other sites

เฮ้อ~

ผมนึกถึงงานวันเกิดของเอมี่ ในปีก่อนๆ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ให้ของขวัญอะไร มีเพียงคำอวยพรกวนๆ กับความเฮฮาในแบบเพื่อนสนิท แค่นั้นผมก็สบายใจแล้ว แต่สำหรับปีนี้ที่แปลกออกไป มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจมาก

ถอนหายใจมาตั้งแต่เช้า เป็นอะไรไปวะ

พี่ต่อถามขึ้น หลังจากที่เห็นผมถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตลอดทั้งวันยันหัวค่ำ

วันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนสนิทผมอ่ะ ลูกพี่

ผมตอบไปตามความจริง

อ้าว? แล้วทำไมแกไม่ไปเบิร์ทเดย์เพื่อนแกหน่อยล่ะ

ไม่อ่ะ ลูกพี่ วันนี้วันอาทิตย์ลูกค้าเยอะ ผมไม่อยากเสียงาน

ประวัติการทำงานแกดีมาตลอด ลางานสักวันจะเป็นไรไป เพื่อนดีๆ หายากนะเว้ย เสียไปมันจะไม่คุ้มนา

พี่ต่อพูดปลอบใจผม แต่ดูท่าทางของพี่แก เหมือนจะเคยมีประสบการณ์มาก่อน

พูดอย่างกับลูกพี่ มีประสบการณ์เสียเพื่อนมาก่อนอย่างไงอย่างงั้นล่ะ

เฮ้อ~ มันก็มีอ่ะนะ ตอนมอปลายพี่ก็มีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่สนิทด้วย นานวันเข้าพี่เองก็ดันไปรักมันเข้า พี่ก็เลยไปบอกความในใจกับมัน

จู่ๆ พี่ต่อก็หยุดเล่าเอาเสียดื้อๆ จนผมต้องเร่งเร้า

แล้วไงต่อลูกพี่

สีหน้าพี่ต่อเศร้าลง แต่ก็ยังเล่าเรื่องของแกให้ผมฟัง

มันก็ตบหน้าพี่ไปที แล้วก็บอกว่า แกบอกฉันทำไม ถ้าแกไม่เห็นฉันเป็นเพื่อน เราก็ไม่ต้องพูดกันอีก มันคงโกรธมาก หลังจากนั้น มันก็ไม่ยอมคุยกับพี่เลย พอเรียนจบมอปลาย มันก็หนีไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ ขนาดงานแต่งมันมีพี่คนเดียวที่มันไม่ได้ส่งการ์ดเชิญ ทุกวันนี้พี่ยังรู้สึกเสียใจอยู่เลย ถ้าพี่ไม่บอกรักมันวันนั้น วันนี้เราคงจะเฮฮาปาร์ตี้สบายใจแล้ว

ได้ฟังเรื่องของพี่ต่อผมก็รู้สึกดีขึ้นมานิดๆ ดีที่ผมไม่ได้ตัดสินใจ บอกรักเอมี่ไป ไม่งั้นผมคงต้องเสียใจอย่างพี่ต่อแน่

เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่า เพื่อนแกเป็นผู้หญิง แล้วแกก็รักเพื่อนแบบเกินเพื่อน?

เหมือนพี่ต่อจะมองออกว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมคงปิดอะไรพี่แกไม่ได้ ผมพยักหน้ารับช้าๆ

แล้วเป็นไง บอกความในใจไปแล้วหรือยังล่ะ?

ยังอ่ะ ลูกพี่ ถ้าบอกไป มันก็คงไม่ชวนผมไปกินงานวันเกิดหรอก

อ้าว ถ้าแกยังไม่บอกแล้วแกไม่ไปร่วมงานเพื่อนแกว้า รักษาน้ำใจกันหน่อยสิ มิตรภาพจะได้ยาวนาน

ช่างมันเถอะ ลูกพี่ ดึกป่านนี้ เดี๋ยวมันก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ

กลับมา? อะไรวะ?

พี่ต่อถามผมด้วยความสนใจ

ฮ่ะๆๆ เพื่อนผมคนนี้ผมรู้จักมันมานานแล้ว ถึงผมจะไม่ได้ไปป่วนงานวันเกิดมัน ยังไงๆ เดี๋ยวมันก็หิ้วเค้ก มาฝากผมเองล่ะ

พอได้ฟังเรื่องของผมไป พี่ต่อค่อยยิ้มออก ผมเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเหมือนกัน

เออๆ ดีไป งั้นก็รีบๆ เก็บร้าน แล้วกลับไปกินเค้กของเพื่อนแกซะ วันนี้พี่ขอปิดร้านเร็ววันนึง

พี่ต่อสั่งงานสุดท้ายของวันทันที

รับแซ่บ~~

ตรู๊ด....ตรู๊ด...

หลังจากที่ผมเริ่มลงมือเก็บกวาดทำความสะอาดร้านไปได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น เบอร์ปลายสายเป็นเบอร์ของเอมี่นั่นเอง แหมๆ ตายยากเสียจริง

มีอะไรวะ

เอ่อ...ขอโทษนะคะ นี่คุณรู้จักเจ้าของโทรศัพท์นี้ใช่ไหมคะ

ผิดคาดแฮะ เสียงปลายสายไม่ใช่เสียงของเอมี่ หรือเสียงของน้ำเย็น เป็นเสียงหวานๆ ของผู้หญิงคนอื่น

อ่า...ครับ แล้วโทรศัพท์เพื่อนผมอยู่กับใครกันนี่?

คือ...เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ ประสบอุบัติเหตุค่ะ ทางเราไม่สามารถติดต่อใครได้ ถ้าคุณเป็นเพื่อนเขาก็ช่วยติดต่อทางญาติ หรือมาดูผู้บาดเจ็บด้วยค่ะ

ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนมือถือผมมันหนัก หนักมาก เสียจนผมถือแทบไม่ไหว

ลูกพี่!! ผมมีธุระด่วนมาก!! ผมไปก่อนนะ!!

ผมร้องบอกพี่ต่อที่ง่วนกับงานที่เค้าท์เตอร์ ก่อนทิ้งไม้ถูพื้นลงตรงนั้น แล้วรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที

เฮ้ย!! เกิดอะไรขึ้นวะ!!

.....

..

.

ไม่นานนัก ผมก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่โทรติดต่อมา ผมรีบมุ่งตรงไปยังส่วนของห้องฉุกเฉินเพื่อตามหาตัวเธอในทันที

น้ำเย็น?

พอผมมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ผมก็พบกับน้ำเย็น ที่เพิ่งถูกบุรุษพยาบาลเข็นออกมาจากห้องนั้นพอดี สภาพของเธอไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เท่าที่ดูเธอแค่มีฟกช้ำเตามตัวกับแผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้น แต่เธอมีท่าทีตื่นตกใจมาก

น้ำเย็น!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!! ชะเอมล่ะ!!? ชะเอมเป็นยังไงมั่ง?

สีหน้าของน้ำเย็นยังคงตื่นตกใจ เธอหันมามองหน้าผม แล้วก็ร้องไห้ออกมา

ฮือๆ ท็อป ตายแล้วอ่า... ส่วนเอมี่ ถูกส่งไปห้องผ่าตัดด่วนแล้ว อาการสาหัสมากเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรไหม ฮือๆ รถชนแรงมากเลย

ได้ฟังแค่นี้ผมก็แทบล้มทั้งยืน ผมเคยคิดไว้ว่า ถ้าหากเอมี่เกิดเลิกกับท็อปเข้าสักวัน ผมคงมีโอกาสบอกความในใจให้เธอฟัง แต่ว่าตอนนี้ ผมคงอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกเธอเสียแล้ว

ไม่ว่าสิ่งศักดิสิทธิ์จะมีจริงหรือไม่ ตอนนี้ เพื่อนรัก อ่า...ไม่สิ คนที่ผมรัก กำลังอยู่ในอันตราย ผมยอมทุกอย่าง ขอเพียงให้เธอรอด เท่านั้น จะให้ผมทำอะไรก็ยอม

และแล้วการผ่าตัดช่วยชีวิตของเอมี่ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเธอก็ยังไม่ได้สติ หมอบอกว่า ถึงเธอแม้ว่าการช่วยในเรื่องของชีวิตจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่สมองของเธอถูกกระแทกอย่างรุนแรง มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าหญิงนิทรามีสูงมากถ้าหากเธอไม่รู้สึกตัวภายในสิบวัน

.................................

..........................

..................

...........

.....

..

.

นี่ก็ร่วมเดือนแล้วที่เอมี่ยังไม่ได้สติ วันนี้ผมก็มาเยี่ยมเธอตามปกติ ระหว่างที่เดินมาถึงหน้าห้องคนไข้ ผมก็พบกับน้าแก้ว แม่ของเอมี่

อ้าว ดอน มาพอดีเลย

อ่า...มีอะไรเหรอ น้าแก้ว

น้าฝากเอมี่เดี๋ยวนะ น้าจะออกไปทำธุระหน่อย

ครับๆ

ท่าทางน้าแก้วดูรีบๆ แฮะ คงไม่มีอะไรมั้ง ผมจึงเดินเข้าไปเฝ้าเอมี่ แทนต่อทันที พอผมเข้ามาในห้องผมก็มานั่งข้างๆ เตียงของเธอทันที

พอผมมองร่างที่ไร้สติบนเตียงแล้วผมหวนคิดถึงอุบัติเหตุคราวก่อนที่เธอโดนรถเฉี่ยวจนเข้าโรงพยาบาลมา ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาทับอก

ฉันรักแกว่ะ

......................................................................

อา.....บอกไปแล้ว....ไม่ว่าเธอจะได้ยินหรือเปล่า แต่ผมก็บอกไปแล้ว

เฮ้อ~ ในที่สุดแกก็บอกมาจนได้นะ

หา?

ร่างที่สมควรจะไร้สติ กลับค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แล้วยิ้มมาทางผม

ฉันรอแกพูดคำๆ นี้มาตั้งนานแล้ว ไอ้เจ้าดอน

----------------------------------------------------------------------------------------

แค่นี้ล่ะ ฮ่ะๆๆๆ ว่าจะลงในวันที่14 แต่ไม่แน่ใจจะได้ลงหรือเปล่า งานท่วมหัว

ปีหน้าต่อไปจะได้เขียนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

เฮ้อ~

(ส่วนหนึ่งดัดแปลงจากชีวิตจริงนะ)

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.