Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

มิว:จากมุขตลกของโปรแกรมเมอร์ กลายเป็นหนึ่งในโปเกมอนที่โด่งดังมากที่สุดได้อย่างไร


Foolboy

Recommended Posts

20130410221514-foolboy-800px-mew_m01.png

สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ ที่ผมไม่ได้มาลงข่าวคราวอะไรเพิ่มเติมตั้งหนึ่งสัปดาห์เต็มเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ผมกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการจัดกิจกรรม Pokémon-Basic: The Ultimate Pokémon Quiz ครั้งที่ 1 ซึ่งได้จัดการแข่งขันไปเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงมีตติ้งครั้งที่ 8 ของบอร์ด Pokémon-Basic ที่ผ่านมา

ในเมื่อตอนนี้กิจกรรมก็ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วด้วยดี (สำหรับใครที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่ผ่านมา ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงจะสนุกสนาน และพึงพอใจกับของรางวัลกันถ้วนหน้านะครับ อิอิ) ดังนั้น วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีครับที่ผมจะนำข่าวคราวและบทความใหม่ๆ มาให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านนะครับ

ขอขอบคุณคุณ dragnov และคุณ Professor Perth ที่ช่วยตรวจสอบและท้วงติงข้อผิดพลาดของบทความเข้ามานะครับ


ถ้าจะพูดถึงข่าวคราวเกี่ยวกับโปเกมอนที่มีคนกล่าวถึงกันมากที่สุดในสัปดาห์นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น การเปิดเผยภาพของโปเกมอนตัวใหม่ล่าสุดที่จะพบใน Pokémon X และ Pokémon Y เกม Pokémon ภาคหลักตัวล่าสุดที่มีกำหนดวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ดังที่แอดมินเป็ดแห่งบอร์ดของเรา ได้ลงรายละเอียดเอาไว้ในกระทู้ข่าว Pokemon X & Y เผยโฉมโปเกมอนตัวใหม่ออกมาแล้ว!!! ซึ่งในตอนนี้ คงจะพูดได้เต็มปากแล้วละครับ ว่าเจ้าโปเกมอนตัวใหม่นี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับ มิวทู (ミュウツー Mewtwo) ไม่มากก็น้อย ถึงขนาดที่ในเว็บไซต์หลักของโปเกมอน ก็ยังมีการกล่าวถึงโปเกมอนตัวใหม่ที่ยังไม่ได้รับการตั้งชื่อนี้ ว่ามีความคล้ายคลึงกับ มิวทู อย่างมาก รวมทั้งมีการอธิบายถึงที่มาของ มิวทู เอาไว้โดยสังเขปอีกด้วย ดังนั้นแล้ว ในช่วงนี้คงจะเหมาะสมดีนะครับถ้าเกิดผมจะนำบทความเกี่ยวกับมิว โดยเฉพาะในเรื่องของประวัติความเป็นมา และต้นกำเนิด มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน จะได้เข้ากับบรรยากาศด้วย และเสริมสร้างความเข้าใจให้กับท่านใดที่ยังไม่เคยทราบเรื่องราวของมิวมาก่อนด้วย

มิวทู เป็นโปเกมอนในตำนานตัวแรกๆ ของโลกแห่งโปเกมอน ที่ทุกคนรู้จักกันดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นโปเกมอนที่ทรงพลังมากที่สุดตัวหนึ่ง ด้วยความสามารถอันโดดเด่นและไม่ธรรมดาของมัน ทำให้การต่อกรกับเทรนเนอร์ที่มีมิวทูอยู่ในทีมถือเป็นเรื่องยากและต้องคิดกลยุทธ์กันหนักหลายตลบเลยทีเดียว แต่ถ้าจะกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของมิวทูแล้ว หลายๆ คนคงจะทราบเพียงแค่ว่า มันเป็นโปเกมอนที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากผลลัพธ์ของการทดลองของแก๊งร็อคเก็ต (ใน Pokémon The Movie ตอน “ความแค้นของมิวทู”: ミュウツーの逆襲 Mewtwo's Counterattack ได้มีการกล่าวถึงชื่อของ Dr. Fuji: フジ博士 ผู้ก่อตั้งห้องทดลองโปเกมอนบนเกาะ Cinnabar: グレンじま Guren Island แห่งเขต Kanto เอาไว้ด้วยว่าเป็นผู้สร้างมิวทูขึ้นมา ตามคำสั่งของ Giovanni: サカキ Sakaki หัวหน้าแก๊งร็อคเก็ต) โดยการนำเอา DNA ของ มิว โปเกมอนลึกลับ มาทำการดัดแปลง โดยใส่ DNA ของมนุษย์เข้าไป เพื่อพยายามสร้างโปเกมอนที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า มิวทู ทรงพลังมากเกินกว่าที่แก๊งร็อคเก็ตจะสามารถควบคุมเอาไว้ได้ และได้หลบหนีออกไป ทิ้งห้องทดลองลับของแก๊งร็อคเก็ตที่ถูกทำลายจนราบคาบเอาไว้เบื้องหลัง (รวมทั้งฆ่า Dr. Fuji ตายด้วย ทำให้ Dr. Fuji กลายเป็นตัวละครมนุษย์คนแรกที่เสียชีวิตใน Pokémon Anime และทำให้เราไม่เคยเห็นตัวของ Dr. Fuji ในเกมอีกเลย คงเหลือแต่รูปภาพที่แขวนเอาไว้ที่ห้องทดลองโปเกมอนเท่านั้น แต่กลับพบคนที่ชื่อ Mr. Fuji ที่เมือง Lavender Town: シオンタウン Cion Town แทน ซึ่งก็ต้องคาดเดากันต่อไปว่าสองคนนี้เป็นคนเดียวกันหรือไม่)

2013041022180-foolboy-movie_1_deleted_scene_8.png

มิวทู ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถอันเก่งกาจจนเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในหมู่เทรนเนอร์ โดยเฉพาะในเหล่าผู้เล่นเกม Generation แรกอย่าง Pokémon Red และ Pokémon Green รวมทั้งได้แสดงบทเด่นหลายต่อหลายครั้งใน Pokémon Anime และ Pokémon The Movie (รวมทั้ง Pokémon The Movie ภาคล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายช่วงเดือนเมษายนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย) แต่หากเทียบกันแล้ว มิวทู ก็ยังไม่อาจมีความน่าสนใจได้เทียบเท่ากับ มิว ต้นกำเกิดของมัน ซึ่งบทความที่ผมนำมาลงให้ทุกท่านได้อ่านในครั้งนี้จะพยายามแสดงให้เห็นถึงความเป็นมาและต้นกำเนิดของมิว บทบาทของมันที่มีต่อเรื่องราวในโลกแห่งโปเกมอน และต่อผู้คนและ Franchise ของเกมในโลกแห่งความจริง รวมทั้งเสนอข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับมิวให้มากที่สุด เท่าที่ผมสามารถรวบรวมมาได้ แต่สุดท้ายแล้ว มีแต่ท่านผู้อ่านเท่านั้นนะครับ ที่จะตีความและตัดสินใจว่า เรื่องราวที่แท้จริงมันเป็นอย่างไรกันแน่

มิว (ミュウ Mew) ถือเป็นหนึ่งในโปเกมอนเพียงไม่กี่ตัวที่ไม่ได้มาจากความคิดของ Ken Sugimori หัวหน้า Designer ของ GAME FREAK ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์รูปภาพของตัวละครและเหล่าโปเกมอนมาตลอดแทบจะทุกภาค (ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้วาด Artwork และกำหนดคุณลักษณะของมิวให้ในภายหลังก็ตาม) แต่กลับมาจากแนวคิดของโปรแกรมเมอร์ในโปรเจกต์ Pokémon Red และ Pokémon Green ในขณะนั้น Shigeki Morimoto (ปัจจุบันเขากลายเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับอาวุโสของ GAME FREAK ไปแล้ว ถึงขนาดมีตัวละคร NPC แทนตัวของเขาเองใน Pokémon Black 2 และ Pokémon White 2 ด้วย) โดยก่อนที่เกม Pokémon Red และ Pokémon Green ใกล้จะถึงกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเพียงไม่กี่สัปดาห์ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการหาข้อผิดพลาด (Bug) ที่หลงเหลืออยู่ในซอฟต์แวร์ของเกม Morimoto ได้แอบสร้างมิวขึ้นมาอย่างลับๆ ไม่ให้สมาชิกในทีมพัฒนาหรือแม้กระทั่ง Nintendo เองล่วงรู้ โดยอาศัยเพียงแค่หน่วยความจำที่หลงเหลืออยู่อันน้อยนิดในตลับเกม เพื่อที่จะเก็บข้อมูลใหม่ของมิวเข้าไป

เขาเล่าเรื่องราวนี้ให้ Satoru Iwata ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Nintendo ฟัง ในรายการ Iwata Ask ว่า “ผมแอบยัดมิวเข้าไปในช่วงท้ายๆ ของการพัฒนาครับ ในตอนนั้น ตลับเกมแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างมากพอให้ใส่อะไรลงไปได้อีกแล้ว แต่ผมสังเกตเห็นว่าหน่วยความจำสำหรับการดีบั๊ก (Debug: การแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรม) ไม่ได้ถูกใช้งานอีกแล้วใน Version สุดท้ายของเกมก่อนออกวางตลาด ดังนั้น ผมจึงได้พื้นที่ว่างมาเพิ่มอีก 300 Bytes มากพอที่จะจับมิวใส่เข้าไปได้พอดิบพอดี สิ่งที่ผมและทีมงานทำได้ในตอนนั้นมันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากครับ” ในตอนแรก Morimoto วางแผนที่จะทำให้มิวเป็นเพียงแค่มุขตลกที่เอาไว้แกล้งทีมพัฒนาของ GAME FREAK เพื่อให้เหล่าทีมงานเท่านั้นที่สามารถจับและเป็นเจ้าของมิวได้ โดยไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้กับคนข้างนอกทราบเลย และจนถึงปัจจุบันนี้เราอาจจะไม่เคยรู้จักกับมิวเลยก็เป็นได้ หากไม่เป็นเพราะว่า ยังมีข้อผิดพลาดของเกมหลงเหลืออยู่เล็กๆ น้อยๆ หลังจากที่เกมได้ออกวางจำหน่ายแล้ว ที่ทำให้มีผู้เล่นเกม Pokémon Red และ Pokémon Green บางคนได้มีโอกาสพบกับมิวในที่สุด

ข่าวลือที่กระซิบกันแบบปากต่อปาก เกี่ยวกับโปเกมอนลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นมาในเกมแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำให้ยอดขายของเกม Pokémon Red และ Pokémon Green ที่พอถูไถในช่วงแรก พุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Creatures Inc. คุณ Tsunekazu Ishihara ได้กล่าวถึงเหตุการณ์การค้นพบมิวโดยบังเอิญของผู้เล่นเอาไว้ว่า “ปัญหาของเกมที่ถูกมองข้ามไปนี้ ดูราวกับว่าเราจงใจทำให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่เราคาดไม่ถึงตามมาอีกมาก แต่โชคก็ยังเข้าข้างเราครับที่การปรากฏตัวของมิวกลับส่งผลดีให้กับเกมของเราอย่างไม่น่าเชื่อ” น่าแปลกใจที่ Satoshi Tajiri, CEO ของ GAME GREAK และบิดาผู้ให้กำเนิดโปเกมอน กลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรกับการปิดบังข้อมูลของ Morimoto ตรงกันข้าม ในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1996, Tajiri ได้ริเริ่มทดลองจัดกิจกรรมแจกโปเกมอน (Pokémon Distribution Event) ครั้งที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเกมโปเกมอนภาคหลัก โดยใช้นิตยสารการ์ตูนรายเดือนของญี่ปุ่น CoroCoro Comic เป็นช่องทางในการประกาศกิจกรรมดังกล่าว ให้ผู้ที่เป็นเจ้าของเกม Pokémon Red และ Pokémon Green สามารถส่งตลับเกมของตนเองมายัง Nintendo เพื่อรับมิวเข้ามาในทีมของตนเองได้ฟรี สร้างความแปลกใจให้กับทีมงานใน GAME FREAK รวมทั้งตัว Morimoto เองเป็นอย่างมาก

ความสำเร็จของกิจกรรมที่ทดลองจัดในครั้งนั้นได้ทำให้ GAME FREAK จัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน ต่อเนื่องมาอีกหลายต่อหลายครั้ง และเรียกได้ว่ามันได้กลายเป็นต้นแบบของการจัด Pokémon Distribution Event สำหรับเกมโปเกมอนภาคหลักภาคต่อๆ มาจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ความสำเร็จของ Tajiri ในการโหมกระพือกระแสข่าวลือ “โปเกมอนลึกลับ” ที่บอกต่อกันแบบปากต่อปากของบรรดาเหล่าผู้เล่น และการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มิว กลายเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ Franchise ของโปเกมอนประสบความสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้ (หลายคนอาจไม่เคยทราบเลยว่า กว่าที่ Pokémon Red และ Pokémon Green จะออกวางตลาดได้นั้น GAME FREAK ได้ทุ่มเททรัพยากรให้กับการพัฒนาเกมนี้ไปอย่างมาก เป็นระยะเวลาถึงกว่า 6 ปี จนทำให้บริษัทฯ เกือบจะตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย และ Tajiri ต้องทำงานจนหามรุ่งหามค่ำ โดยที่ไม่ได้รับค่าล่วงเวลาตอบแทนอยู่บ่อยครั้ง)

ตอนนี้ทุกท่านก็ได้ทราบเรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับบทบาทของมิวที่มีต่อความสำเร็จของ Franchise โปเกมอนในโลกแห่งความจริงกันไปแล้ว ทีนี้เราลองมาพิจารณาถึงบทบาทของมิวในโลกแห่งโปเกมอนกันดีกว่าครับ

มิว เป็นหนึ่งในสมาชิกของโปเกมอนในตำนาน อย่างที่ทุกท่านคงคงจะทราบกันดี โปเกมอนพลังจิตตัวนี้อยู่ในลำดับสุดท้าย (#151) ของสมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) ในเขต Kanto ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวที่สำคัญก็คือ  สามารถใช้ท่า Transform เพื่อแปลงร่างกลายเป็นโปเกมอนตัวใดก็ได้ เช่นเดียวกับ Ditto (メタモン Metamon) นอกจากนี้ มิวยังเป็นโปเกมอนเพียงตัวเดียวที่สามารถเรียนรู้และใช้ท่าต่อสู้ของโปเกมอนได้แทบจะทุกท่า ไม่ว่าจะมาจาก Technical Machine ™, Hidden Machine (HM) หรือว่า Move Tutor เป็นต้น

20130410221850-foolboy-feto.png

2013041022202-foolboy-fetus_amniotic_sac.gif

ตามข้อมูลของสมุดภาพโปเกมอนได้กล่าวเอาไว้ว่า รูปร่างของมิวมีลักษณะคล้ายกับลูกแมวสีชมพู มิวมีเส้นขนที่บาง และละเอียดมาก จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกาย รวมทั้งยังมีหางที่เรียวยาว ขาหลังป้อมๆ พร้อมกับเท้ารูปทรงรีขนาดใหญ่ที่มีนิ้วเท้าอยู่ 3 นิ้ว กับแขนที่สั้นจิ๋วพร้อมกับนิ้วมือเล็กๆ 3 นิ้วเช่นเดียวกัน หูเล็กๆ ทรงสามเหลี่ยม และดวงตาสีน้ำเงินสดใสดูน่าไร้เดียงสา นอกจากนี้ ในร่างกายของมิวยังบรรจุเอาไว้ด้วย DNA ที่มาจากโปเกมอนทุกชนิดเท่าที่มีอยู่ในโลกแห่งโปเกมอน (ทำให้อธิบายได้ว่าทำไมมิวจึงสามารถใช้ท่าต่อสู้ของโปเกมอนได้แทบทุกท่า)  และด้วยรูปร่างที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตัวอ่อน (Fetus or Embryo) ของมนุษย์ ทำให้เป็นที่เชื่อถือกันโดยทั่วไปว่า มิว คือบรรพบุรุษของโปเกมอนทุกตัว ในโลกแห่งโปเกมอน (ขนาดในโลกแห่งความเป็นจริง ชื่อของมิว ยังเป็นชื่อของโปเกมอนตัวแรกที่ถูกนำไปจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1994 แถมยังจดก่อนคำว่า Pocket Monsters (ポケットモンスター) หรือ Pokémon เสียอีกด้วย ซึ่งคำว่า Pocket Monsters ถูกจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายทางการค้าในประเทศญี่ปุ่นในภายหลัง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1997)

จากข้อมูลของไดอารี่ที่พบอยู่ใน Pokémon Mansion (ポケモンやしき) ซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ของห้องทดลองลับแห่งแก๊งร็อคเก็ต บนเกาะ Cinnabar ที่ให้กำเนิดมิวทูขึ้นมา ระบุเอาไว้ว่า กลุ่มของนักวิจัยโปเกมอน (ที่อาจได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนโดยแก๊งร็อคเก็ต) ได้ค้นพบมิวเป็นครั้งแรกโดยบังเอิญ ขณะที่กำลังเดินทางสำรวจหาโปเกมอนชนิดใหม่ในประเทศกายอานา (Guyana) ประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ (น่าแปลกครับ ชื่อของประเทศนี้มีอยู่จริงบนโลกของเราเสียด้วย น่าไปเที่ยวจังครับ เผื่อจะได้เจอมิวกับเขาบ้าง 55) แต่เนื่องจากว่ามิวมีความสามารถในการซ่อนตัว และแปลงร่างกลายเป็นโปเกมอนตัวอื่นได้ตามต้องการ ทำให้มีผู้คนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่เคยเห็นมิวแบบตัวเป็นๆ ในธรรมชาติ และทำให้เราไม่อาจฟันธงได้ว่ามิวมีแหล่งกำเนิดอยู่ในประเทศดังกล่าวจริง

หลังจากที่เนื้อเรื่องของโปเกมอนดำเนินและต่อยอดเรื่อยมา และมีการค้นพบสายพันธุ์โปเกมอนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดทฤษฏีต่างๆ มากมายที่พยายามอธิบายถึงที่มาและบทบาทของมิวที่มีต่อโลกแห่งโปเกมอน ตัวอย่างเช่น การค้นพบสายพันธุ์ของโปเกมอนที่มาจากต่างดาว อย่างเช่น Deoxys (デオキシス) ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนทฤษฏีที่ว่า บางทีแล้ว ต้นกำเนิดของมิวอาจจะมาจากนอกโลก  ในขณะที่อีกทฤษฏีหนึ่งก็มีการกล่าวถึง Arceus (アルセウス) ว่าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และได้สร้างมิวขึ้นมาให้เปรียบเสมือนเป็นอาดัมกับอีฟ มนุษย์ชายหญิงคู่แรกในความเชื่อของศาสนาคริสต์ (ถึงแม้ว่ามิวจะไม่มีเพศระบุเอาไว้ก็ตามที) อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มีส่วนยืนยันว่ามิว คือบรรพบุรุษของโปเกมอนทุกตัว มาจากข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ในโลกแห่งความจริงที่ว่า ในช่วงเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต ตัวอ่อน (Fetus) ของสิ่งมีชีวิตแต่ละประเภทนั้นล้วนแต่มีลักษณะบางอย่างที่ร่วมกันหรือคล้ายคลังกันอยู่อย่างชัดเจน ก่อนที่ DNA ของสิ่งมีชีวิตแต่ละประเภทจะเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะเฉพาะให้ในภายหลัง นอกจากนี้แล้ว คุณสมบัติของโปเกมอนแต่ละตัวที่สามารถพัฒนาและกลายร่าง (Evolve) ได้อย่างต่อเนื่อง ยังเป็นตัวบ่งบอกว่า DNA ของโปเกมอนแต่ละตัวนั้นไม่มีความเสถียร ซึ่งเปรียบได้กับการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกของเรานั่นเอง (ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ สุนัขที่เราเลี้ยงกันอยู่ตามบ้านนั่นเอง ซึ่งปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่ามีสายพันธุ์อยู่มากมายหลายร้อยสายพันธุ์ ในขณะสุนัขเหล่านั้น ล้วนมีที่มาจากสุนัขป่าเพียงไม่กี่ชนิด ที่มนุษย์นำมาฝึกให้เชื่องเมื่อหลายพันปีก่อน) ในขณะที่มิว ถึงแม้ว่าจะมี DNA ของโปเกมอนทุกตัวอยู่ภายในร่าง แต่ก็ยังคงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ เฉลียวฉลาด อยากรู้อยากเห็น และไร้เดียงสา แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ที่ทำให้มิวกลายเป็นต้นกำเนิดของโปเกมอนทุกชนิดบนโลกอย่างแท้จริง

ไม่ว่าความเป็นมาของมิวจะเป็นเช่นไรกันแน่ สุดท้ายแล้ว มิว ก็ยังคงเป็นหนึ่งในโปเกมอนที่ลึกลับที่สุด โด่งดังที่สุด และอยู่ในดวงใจของใครต่อใครหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทุกท่านละครับ ชอบมิวกันหรือเปล่า?

2013041022176-foolboy-800px-mew_m08.png


Courtesy:

http://en.wikipedia.org/wiki/Mew_(Pok%C3%A9mon)

http://en.wikipedia.org/wiki/Mewtwo

http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Mew_(Pok%C3%A9mon)

http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Mewtwo_(Pok%C3%A9mon)

http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Dr._Fuji

http://pokemon.wikia.com/wiki/Mew

http://pokemon.wikia.com/wiki/Mewtwo

http://www.pokemon.com/pokemonxy/en-us

http://www.nintendo.co.uk/Iwata-Asks/Iwata-Asks-Pokemon-HeartGold-Version-SoulSilver-Version/Iwata-Asks-Pokemon-HeartGold-Version-SoulSilver-Version/1-Just-Making-The-Last-Train/1-Just-Making-The-Last-Train-225842.html

http://www.hotbloodedgaming.com/2010/03/15/history-lesson-the-origins-of-mew/

http://www.siliconera.com/2010/03/14/game-freak-reveal-the-history-of-mew/

http://www.pocketmonsters.net/#newsArticle1573

http://www.serebii.net/movies/mewtwo/origin/

http://bulbanews.bulbagarden.net/wiki/On_the_Origin_of_Species:_Mew

http://neverknowsbest-blograptor.blogspot.com/2010/12/mew-part-2-posterchild-for-lamarckian.html

http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Pok%C3%A9mon_Mansion_(Kanto)

https://en.wikipedia.org/wiki/Guyana


EDIT: รูปนี้แถมให้ครับ มาจากคอลเลคชั่นฟิกเกอร์ของผมเอง  :pika01:

DSC00048_zps293325d6.jpg

Link to comment
Share on other sites

ที่แท้มิวก็มีที่มาแบบนี้นี่เอง

เป็นบทความที่มีประโยชน์มากเลยครับ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

น่าสนใจมากงับ อ่านได้เพลินมากเลยทีเดียว

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆมากงับ เป็นกำลังใจให้ทำบทความดีๆต่อไปงับ

ข่อยก็พึ่งรู้ว่า มิวมี3นิ้ว!! (ไม่เคยสังเกตุเบย)

Link to comment
Share on other sites

ก่อนที่มันจะสายเกินไปนะครับ

โปเกมอนที่ญี่ปุ่นตอนแรกออกสองภาคคือ "เร้ด" กับ "กรีน" ครับ

"บลู"เป็นภาคเสริม และ "เยลโล่" เป็น ภาคโปรโมทอนิเมะ

ส่วน "เร้ด" กับ "บลู" เป็นภาคที่ขายตอนขายต่างประเทศครับ ภาคกรีนฝรั่งหายไป

นอกเหนือจากภาคเร้ดกับกรีนแล้ว ภาคบลู ภาคเยลโล่ และภาคฝรั่ง ไม่สามารถกดสูตรบั๊คได้ (ฮา)

Link to comment
Share on other sites

ไม่น่าเชื่อว่ามิวมีที่มาแบบนี้=[]="

ขอบคุณสำหรับบทความฮะสุดยอดมากๆเลย

Link to comment
Share on other sites

จริงๆ แล้ว มิวเป็นโปเกม่อนที่แอบยัดเข้ามาสินะ

แต่กลับสร้างรายได้อย่างถล่มทลาย :pika10:

Link to comment
Share on other sites

ขอเสริมเล็กน้อย

ยังมีอีกทฤษฎีเกี่ยวกับเมตาม่อนและมิว

อย่างที่บทความนี้กล่าวไว้ ทั้งสองตัวนี้มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นโปเกมอนตัวอื่นๆได้

แต่ก็ยังมีความบังเอิญอีกว่า น้ำหนักของเมตาม่อนกับมิวนั้นเท่ากัน จึงมีบางทฤษฎีสรุปว่า

มิวนั้นอาจจะเป็นเมตาม่อนแปลงมาก็เป็นได้

*ขออภัยหากทฤษฎีนี้เก่าเกิน และไม่มีน้ำหนักมากพอ

Link to comment
Share on other sites

อ่านเพลินอีกแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ ท่านมีแหล่งข่าวจากไหนกันนี่!!!(หรือผมไม่เคยพยายามค้นหาเองหว่า)

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ

Link to comment
Share on other sites

บทความขึ้นหิ้ง ระดับ Legendary อีกหนึ่งบทความเลยทีเดียว

ปล.ผมจองพื้นที่ให้บทความนี้ลงหมวด Library นะฮะ รอข่าวอื่นมากลบก่อน :psyduck02:

Link to comment
Share on other sites

เป็นบทความที่ยอดเยี่ยมมากครับ

สำหรับผม ไม่มีอะไรน่าปวดหัวไปกว่าการเจอมิวที่ยากจะเดาได้ว่าเป็นสายอะไรอีกแล้ว

จะเป็นสายกายภาพก็ได้ พิเศษก็ได้ ซัพพอร์ตก็ดี Stall ก็ยังไหว ^^"

Link to comment
Share on other sites

ว้าวๆ ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะเลย ชอบมากครับ

Link to comment
Share on other sites

เป็นบทความที่ดีเลย ทำให้รู้ประวัติมิวระเอียดขึ้น

ขอสารภาพตามตรงว่าตัวเองไม่เคยเล่นภาคเรด กับกรีน ข้ามไปเล่นเยลโลเลย

:pika04:

Link to comment
Share on other sites

:pika09:  จุดเริ่มต้นของสิ่งใหญ่ๆ มาจากจุดที่มันเล็กๆ จริงๆ นะเนี่ย

ผมขอยกนิ้ว ให้กับทุกคน ที่มานำเสนอข้อมูลเหล่านี้ครับ นิ้วกลาง เอ๊ย นิ้วโป้ง ดิ  :like:

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

ขออนุญาตปลดลงจากหมุดนะครับ เพื่อหลีกทางให้ข่าวน่าสนใจอื่นๆ ต่อไปครับ  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.