Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[Fiction] Neo Genesis War [ดองโหมด]


Liar Rape kill

Recommended Posts

The War Began

ในปี ค.ศ.3017 หลังที่โลกได้กลางเป็นทะเลทรายไปหมดแล้ว ไม่มีน้ำ ไม่มีทะเล และมหาสมุทร เนื่องจากฝีมือมนุษย์

ในขณะที่ดาวอีกดวง "ดาวอังคาร" ซึ่งในปี ค.ศ.3006 ได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่นั้น และทำให้ดาวดวงนี้มีน้ำอีกครั้งจนในที่สุด มันก็กลายเป็นดาวที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้

แต่แล้วหลังจากที่โลกเริ่มแห้งแล้งมากขึ้น เนื่องจากไม่มีฝนมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี

ทั้งโลกก็ไปทำสัญญากันไว้ ว่า...

"ถ้าหากโลกใบนี้ ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ เราก็จำเป็นที่จะต้องอพยพทุกๆคนที่พอมีฐานะ ไปอยู่บนดาวอังคาร"

ถึง แม้ว่าการสัญญานี้จะสำเร็จ แต่ก็มีการประท้วงเกิดขึ้น เพราะในสัญญานี้ หมายถึงว่า "บุคคลชั้นแรงงาน จะไม่สามารถทำการเดินทางเพื่อไปดาวอังคารได้"

นั้นก็หมายความว่า คนงานหลายล้านคน จะถูกทิ้งไว้บนดาวดวงนี้ แต่ว่าก่อนที่การเดินทางเที่ยวแรกเพื่อไปดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ได้หาบุคคลที่มีความสมบูรณ์ และแข็งแรงไว้ จำนวน 100,000 คน เพื่อไปแสวงหาดาวดวงอื่น ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยต่อไป

จนในปี ค.ศ.3019 คณะสำรวจนั้นได้ส่งสัญญาณจากดาวที่ชื่อว่า "Xeno" กลับมายังโลกว่า...

"ดาวดวงนี้ เป็นดาวที่สามารถอยู่อาศัยได้ มีรูปแบบต่างๆคล้ายกับโลกมาก  ถ้า พวกเราตรวจสอบโครงสร้างและรูปแบบต่างๆของดาวดวงนี้เสร็จ เราจะส่งสัญญาณตอบกลับมาอีกครั้ง" แต่แล้ว ก็ไม่มีการส่งสัญญาณกลับจากคณะสำรวจกลุ่มนั้นอีกเลย

จนกระทั้ง เมื่อถึงปี ค.ศ.3022 ก็มีสัญญาณส่งมาอีกครั้ง ว่า...

"ดาวดวงนี้มีสิ่งมีชีวิต ดาวดวงนี้มีสิ่งมีชีวิต!!! มันฆ่าพวกเรา เราไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย!!! ใครก็ได้... ใครก็ได้ช่วยเราด้วย!!! อ๊ากกกกกกกกกกก!!! แล้วหลังจาก นั้น ก็ไม่มีสัญญาณใดๆตอบกลับมาอีกเลย

และในปีเดียวกันนั้นเอง ก็มีอุกกาบาตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 กิโลเมตร จำนวน 21 ลูก พุ่ง ตรงมาที่ดาวอังคาร ซึ่งตอนนั้นประชากรส่วนใหญ่ของโลกก็ได้อพยพมาอยู่ที่นี้กันหมดแล้ว

และท่ามกลางความแตกตื่นนั้น ก็ได้มีอุกกาบาต 1 ลูก พุ่งมาที่เมืองเมเลต เมืองหนึ่งของประเทศอเมริกา(ประเทศต่างๆก็จะแบ่งที่ดินบนดาวดวงนี้ตามเงิน ที่ประเทศตนพอจะมี)

แต่ที่แปลกก็คือ เมื่อมันกระทบพื้นดิน มันกลับไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น และได้ปล่อยควันสีเขียว ออกมาเรื่อยๆ และเกิดผลึกสีเขียวผุดขึ้นมาบริเวณนั้น และแล้วอเมริกา ก็ได้ส่งทหาร 1กองร้อย ไปที่นั้น

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกองทหารเข้าไปใกล้อุกกาบาตนั้น มันก็ได้ปล่อยลูกไฟสีฟ้าจำนวนมากใส่รอบบริเวณนั้น

และ แล้ว ก็มีฝูงสัตว์ที่ดูแล้วคล้ายแมลงออกมาจำนวนมาก และมันก็ได้ไล่ เชือด ฟัน และฆ่า สิ่งมีชีวิตบริเวณนั้นจนหมด ทหารจึงใช้ปืน Automatic Rifle  ยิงกราดพวกมัน

จำนวนของพวกมันดูเหมือนจะไปลดลง ทั้งๆที่หลายตัวขาขาด กลับดาหน้าเข้ามาเรื่อยๆ จนนายทหารคนนึงซึ่งพยายามยิงต่อต้านจนกระสุนหมด แต่เขากลับฆ่าพวกมันได้ไม่ถึง 40 ตัวด้วยซ้ำ

หลัง จากเหตุการณ์เกิดขึ้นได้  9 ชั่วโมง อุกกาบาตลูกอื่นๆอีก 20 ก็เริ่มตกลงสู่ดาวอังคาร และที่แปลกที่สุดก็คือ ดาวอังคารนั้นมีมหาสมุทรถึง 2 ใน 3

แต่กลับไม่มีอุกกาบาตลูกไหนเลยที่ตกลงทะเล และที่สำคัญ คือ เมืองที่อุกกาบาตตก จะถูกแมลงดังกล่าวโจมตีเช่นกันทั้งหมด

ภาพการโจมตีของฝูงแมลง ได้ถูกส่งทั่วโลก และในที่สุด ประเทศอเมริกา ก็ได้ประกาศว่า "อุกกาบาตเหล่านี้ ถูกส่งมาจากดาว Xeno ดูเหมือนว่า เราได้ถูกสิ่งมีชิวิตอีกจำพวกหนึ่ง ประกาศสงคราม เข้าให้แล้ว"

และแล้ว หลังจากที่อุกกาบาตทั้ง 21 ลูกตกลงมาที่ดาวอังคารได้ 1 สัปดาห์ ประเทศเกือบทุกประเทศก็ถูกทำลายย่อยยับ คนล้มตายนับไม่ถ้วน

จน ในที่สุด ก็เหลือประเทศมหาอำนาจเพียง 3 ประเทศ คือ อเมริกา รัสเซีย  และจีน ที่มีอาวุธทันสมัยพอที่จะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้

และเราก็เรียกพวกมันว่า "Invader"....

.................................................

..................................

.....................

.

.

ไม่กี่ปีต่อมา ได้เกิดองค์กรพิเศษ S.M. Blue ขึ้นมา โดยขึ้นตรงกับ คณะกรรมการพัฒนามนุษยชาติ ในสังกัดของที่ประชุมสูงสุดสหประชาชาติ

มีเป้าหมายในการทดลองวิจัยเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ซึ่งเรียกว่า อินเวเดอร์ และรวมไปถึงการจับกุมหรือทำลายด้วย

นอกจากนี้ยังถูกเรียกว่ากองกำลังติดอาวุธในความคุ้มครองของกฎพิเศษสหประชาชาติ เพื่อการรบต่อต้านเผ่าวัฒนะธรรมต่างดาวที่ 1

เนื้อหาการดำเนินงาน ส่วนหนึ่งจะถูกประกาศออกไปสู่สาธารณะชนโดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ยังเป็นความลับอยู่

มีอำนาจสั่งการต่อกองกำลังสหประชาชาติ หรือกองกำลังพันธมิตรสหประชาชาติในการออกคำสี่งได้อิสระตามต้องการ แต่ไม่รวมการใช้อาวุธนิวเคลียร์

ดังนั้นขอบเขตและอำนาจจึงเหนือกว่ากองกำลังพันธมิตรสหประชาชาติของประเทศต่างๆ และรัฐบาลของประเทศนั้นด้วย

ทำให้สภาพความสัมพันธ์ในปัจจุบันนั้นขัดแย้งกับรัฐบาลและกองกำลังป้องกันตนเองของประเทศนั้นๆ

S.M. Blue มีหลายสาขาทั่วโลก แต่สาขาหลักอยู่ที่ประเทศอเมริกา .........

---------------------------------------------

ปล.ก๊อบของเก่ามาล่ะ

Link to comment
Share on other sites

ในปี ค.ศ.3017 หลังที่โลกได้กลางเป็นทะเลทรายไปหมดแล้ว ไม่มีน้ำ ไม่มีทะเล และมหาสมุทร เนื่องจากฝีมือมนุษย์

ในขณะที่ดาวอีกดวง "ดาวอังคาร" ซึ่งในปี ค.ศ.3006 ได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่นั้น และทำให้ดาวดวงนี้มีน้ำอีกครั้งจนในที่สุด มันก็กลายเป็นดาวที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้

ใช้เวลาเพียง 11 ปี ก็ทำให้ดาวอังคารสมบูรณ์ มีน้ำ มีอากาศ มีบรรยากาศ ต่างๆ เหมือนโลกมนุษย์ได้แล้ว มันดุเร็วไปหน่อยนะเจ้าคะ

โดยรวมแล้วถือว่าสนุกเจ้าค่ะ แต่การบรรยายดูเฉพาะเจาจงไปหน่อย เช่น อุกกาบาตเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 กิโลเมตร 21 ลูก เหตุการณ์ผ่านไปเก้าชั่วโมง คือว่า ถ้าอยากให้เจาะจงก็ได้อ่าเจ้าคะ แต่ว่า บางทีเหมือนจะเจาะจงเกินไป อย่างอุกกาบาต 21 ลูก มันคงไม่มาเรียงให้เรานับได้ครบ มันอาจจะซ้อนกันบ้างอะไรกันบ้าง เลยน่าจะใช้คำว่า ประมาณดีกว่า เจ้าค่ะ

อุกกาบาตเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 กิโลเมตร ก็อยากให้ใช้การประมาณเหมือนกันเจ้าค่ะ รวมถึง ที่เราอ่าน เราเข้าใจว่า ตกมาก่อนลูกนึง แล้วอีก 9 ชั่วโมง ลูกต่อไปค่อยตกลงมาแบบค่อนข้างพร้อมๆ กัน มันเลยดูแปลกๆ นะเจ้าคะ อย่างน้อยก็น่าจะประมาณ หรือถ้า เทคโนโลยีทันสมัยขนาดนั้น ก็น่าจะระบุเป็นนาทีและวินาทีไปเลยเจ้าค่ะ

เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเจ้าค่ะ บทนำยังคงพูดอะไรไม่ได้มากเจ้าค่ะ ขอติแค่นี้แหละ

Link to comment
Share on other sites

น่าสนใจมากครับ เรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ และอัพให้จบนะครับ ถึงบอร์ดนี้ ฟิคออริคนจะอ่านน้อยก็เถอะ ^^"

Link to comment
Share on other sites

ใช้เวลาเพียง 11 ปี ก็ทำให้ดาวอังคารสมบูรณ์ มีน้ำ มีอากาศ มีบรรยากาศ ต่างๆ เหมือนโลกมนุษย์ได้แล้ว มันดุเร็วไปหน่อยนะเจ้าคะ

แหะๆ ก็เทคโนโลยีมันทันสมัยมากไงครับ เลยเร็ว(แถ~)

น่าสนใจมากครับ เรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ และอัพให้จบนะครับ ถึงบอร์ดนี้ ฟิคออริคนจะอ่านน้อยก็เถอะ ^^"

คำพูดนี้อาจทำให้คนแต่งหมดกำลังใจได้เลยนะนี้ "ถึงบอร์ดนี้ ฟิคออริคนจะอ่านน้อยก็เถอะ"  :pika06:

Link to comment
Share on other sites

โอส แก้เยอะเลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไรครับ ขึ้นกับ จบดีมาก^^

Link to comment
Share on other sites

แหม มะต้องรีบกะได้มั้ง แก้แล้วยังมีตกอยู่หลายประโยคนะงิ^^ ครับรอดูตอนแรก เน้อ พรุ่งนี้มาแก้ ใหม่อีกนิสนุงน่าจะโอแล้วคับ  :pika08:

Link to comment
Share on other sites

คำพูดนี้อาจทำให้คนแต่งหมดกำลังใจได้เลยนะนี้ "ถึงบอร์ดนี้ ฟิคออริคนจะอ่านน้อยก็เถอะ"  :pika06:

เพราะงี้แหละผมเลยเลิกแต่งฟิค - - เบื่อ

Link to comment
Share on other sites

^

^

แนะนำว่าหาที่แต่งในบอร์ดกันดั้มครับ หรือไม่ก็เด็กดี  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ลองดูไปก่อน ถ้าไม่มีคนอ่านจิงคงต้องเลิกแต่ง  :pika11:

Link to comment
Share on other sites

^

^

ถ้าไม่มีคนอ่าน แล้วเม้นที่ได้ในกระทู้นี้คืออะไรครับ?

ถ้าคุณล้มเลิกเรื่องนี้ มันก็จะมีครั้งต่อๆไป และในที่สุด คุณก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือ ผมเคยเป็นแบบนี้มาก่อน จนเครดิตผมเสียหมดละ (คือไม่มีคนติดตาม เพราะคิดว่ายังไงๆมันก็ต้องเลิกแต่ง)

กว่าจะเรียกความเชื่อกลับมาได้ ใช้เวลานานพอสมควรครับ

Link to comment
Share on other sites

รอนานแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่จาแต่งต่ออ่ะ

อยากอ่านนนนน ><" ฟิคแนว Sci-Fi แบบนี้มันแหวกแนวดีอ่ะ ผมชอบบบ

Link to comment
Share on other sites

ผมก็แต่งออรินะ  คนก็ไม่ค่อยมีอ่านเท่าไร หรอกครับ  แต่ผมก็ไม่เลิกแต่งนะ 

สู้ต่อไป

Link to comment
Share on other sites

รอนานแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่จาแต่งต่ออ่ะ

อยากอ่านนนนน ><" ฟิคแนว Sci-Fi แบบนี้มันแหวกแนวดีอ่ะ ผมชอบบบ

ขออภัยอย่างสูงจริงๆขอรับ พอดีเพิ่งรู้ตัวว่างานใหญ่เข้า เลยต้องรีบนั่งปั่น คิดว่าไม่น่าเกินอาทิตย์หน้าได้ลง(นานไปมั้ย)

Link to comment
Share on other sites

  • 7 months later...

At the Beginning

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงปืนดังกึกก้องในห้องซ้อมอาวุธ เป็นห้องโล่งๆ ที่มีเพียงแค่ที่ซ้อมยิง ที่เก็บอาวุธ และห้องควบคุม

นายทหารคนหนึ่งกำลังซ้อมยิงอย่างเอาจริงเอาจังโดยมีครูฝึกของเค้าคอยยืนคุมอยู่ด้านหลัง

“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ครูฝึกสวมชุดทหารเต็มยศเอ่ยขึ้นพร้อมกับตบบ่าของนายทหารคนนั้นเบาๆ

“อัซราเอล”

“ครับ!” อัซราเอลรีบดึงคันรั้งก่อนที่จะดึงซองกระสุนออก แล้ววางทั้งหมดลงบนโต๊ะด้านหน้า แล้วเขาก็เดินออกมาจากช่องยิง มายืนอยู่ตรงด้านตรงข้ามกับช่องยิง เผยให้เห็นหุ่นไม้ที่ใช้ซ้อมยิง ทุกตัวมีรอยกระสุนที่หัวทุกตัว แสดงให้เห็นถึงความสามารถของอัซราเอลได้อย่างดี

“ฉันว่านายมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าหน่วย S.M. 141 แล้วล่ะ” ครูฝึกเอ่ยอย่างชื่นชม แต่ในขณะที่อัซราเอลกลับคิดต่างกัน

“ยังครับ! ผมยังต้องไปผ่านการทดสอบอีกหลายอย่างครับ!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขัน และแววตาที่ดูมุ่งมั่น

“ฉันรู้น่า แต่ขนาดนี้แล้วก็คงผ่านได้ไม่ยากหรอกนะ ว่าแต่ทำไมถึงอยากเข้ากับหน่วย S.M. 141 ล่ะ หน่วยอื่นๆที่มีชื่อก็เยอะแยะ นายก็รู้นี้ว่า S.M. 141 ขึ้นตรงกับองค์กร S.M. Blue ซึ่งฉันคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะ” ครูฝึกสงสัยในความตั้งใจของอัซราเอล

“ผมเคยสัญญากันคนๆนึงไว้ครับ!” อัซราเอลตอบอย่างแข็งขัน ดูเหมือนในตัวเค้าจะมีแต่ความมุ่งมั่นและมั่นใจอย่างมากโข

“โอเคๆ ฉันจะไม่ถามว่าใคร ต่อไปนี้นายจะได้เข้ารับการทดสอบ เอานี้ ข้อมูลภารกิจ แต่.. นายอายุแค่ 18 นะจำไว้ อย่าทำอะไรเกินตัวล่ะ แล้วก็.. ขอให้โชคดีนะ” ครูฝึกยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง อัซราเอลรับด้วยความตื่นเต้นแต่มิอาจแสดงออกมาได้หมด จึงเห็นได้เพียงรอยยิ้มเล็กๆ

“ครับ!” เขาตอบรับก่อนจะเดินออกไปจากห้องซ้อม ระหว่างทางเดินที่ทอดยาวไปนั้น เขาก็คิดอะไรบางอย่าง

‘วันๆนั้น เราจะไม่มีวันลืม คนๆนั้น’

------------------------------------------------------

--------------------------------------

-------------------------

10 ปีที่แล้ว ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอเนีย

“แม่ครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวห้างกันใช่มั้ยครับ” เด็กชายอายุประมาณ 7-8 ขวบ ผมสั้นสีดำนิลกาล ยืนดึงชายเสื้อของผู้เป็นแม่อย่างตื้นเต้น

แม่ของเด็กคนนั้นไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและนำมือมาลูบหัวของผู้เป็นลูก ก่อนจะพูดว่า

“แน่นอนจ้ะ วันนี้ลูกจะได้ธงมาอีกหนึ่งประเทศไง” เธอยิ้มอีกครั้ง พอดีกับช่วงที่พ่อของเด็กเดินลงมาจากชั่นบนของบ้านพร้อมกำลังผูกไท เดินลงมาด้วยใบหน้าที่เร่งรีบ

“คุณ ผมคงจะไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ พอดีบริษัทเรียกประชุมด่วน” พ่อของเด็กพูดกับแม่ ขณะเดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ก่อนจะเดินมาอยู่ตรงหน้าลูกชายของเขา

“ขอโทษด้วยนะลูก ไว้วันหลังพ่อจะไปด้วยนะ” ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกเบาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายได้แต่มองตามออกไปด้วยความผิดหวัง

“โชคดีนะค่ะคุณ!   ไม่เป็นไรจ้ะลูกไว้วันหลังยังไปได้” แม่ของเด็กตะโกนออกไป ก่อนจะหันมาพูดกับลูกของตน เด็กชายไม่ตอบอะไร ได้แต่ทำหน้าเซงๆ แล้วจึงเดินคอตกไปเปิดโทรทัศน์แล้วนั่งบนโซฟาตัวโปรด

วันรุ่งขึ้น..

“พ่อครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวห้างกันได้แล้วใช่มั้ยครับ” วันรุ่งขึ้นเด็กชายยังคงมีความต้องการที่จะไปมากขึ้น

“แน่นอนลูก วันนี้เป็นวันหยุดนี้นา แล้วพ่อก็ไม่ติดงานแล้วด้วย” พ่อเป็นพ่อที่นั่งดื่มกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหารตอบกลับมา

“งั้นไปกัน แม่ล้างจานเสร็จพอดี” ผู้เป็นแม่เดินออกมาจากครัว

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสามคนก็เดินไปขึ้นรถประจำทางบริเวณนั้นเพื่อนจะไปยังห้างสรรพสินค้าตามความปรารถนาของลูกชาย ในขณะที่อยู่บนรถบัส บางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น..

ตู้ม!!!!

เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่ว รถบัสเสียการควบควบ และชนเข้ากับเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นก็มีการระเบิดตามมาติดๆในบริเวณนั้น สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนแถวนั้นเป็นอย่างมาก  ผู้คนในรถบัสต่างพยายามตะเกียดตะกายออกมาจากรถ

“อัซราเอล!! ลูกอยู่ที่ไหน” พ่อของเด็กชายเมื่อสักครู่ที่มีจุดมุ่งหมายจะไปห้างสรรพสินค้า เขาสามารถออกมาจากตัวรถได้แล้ว ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีบางอย่างเดินออกมาจากควันไฟที่ฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่

สิ่งนั้นคล้ายกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว หน้าตาจะเหมือนก็ไม่ใช่ สัตว์เลื้อยคลานบางชนิดก็ไม่เชิง แต่การแต่งตัวดูมีวัฒนธรรมดี ใส่ชุดเกราะ มือข้างหนึ่งมีลำแสงแปลกๆสีขาวๆพุ่งออกมารูปทรงคล้ายดาบ และมันไม่ได้มาตัวเดียว!

“พะ...พ่อครับ ผะ..ผมอยู่ ตะ.. ตรงนี้” เด็กชายที่ชื่อว่าอัซราเอลส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากพ่อของเขา โดยที่ร่างของอัซราเอลนั้น โดนซากปรักหักพังทับอยู่

ในตอนนั้นเองที่อัซราเอลได้เห็นภาพที่เขาจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต พ่อของเขาที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือนั้น พยายามเข้ามาหาเขา

แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นได้เดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะตวัดลำแสงที่คล้ายๆดาบนั้นใส่ตัวของพ่ออัซราเอล แล้วเขาก็ค่อยๆล้มลง ในขณะที่สายตาจับจ้องมายังลูกชายสุดที่รัก และเขายังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่จะพูดว่า

“อะ.. อัซรา อะ.. เอล  ยะ.. อย่าออกมานะ” แล้วเขาก็ล้มลงกับพื้นต่อหน้าลูกชายของเขา อัซราเอลร้องให้ไม่หยุด แต่เขาก็ข่มไว้ไม่ไห้ส่งเสียงอะไรออกมา

สิ่งมีชีวิตประหลาดตัวอื่นๆก็แยกย้ายกันไปปลิดชีวิตผู้รอดชีวิตคนอื่นต่ออีก

“คุณค่ะ!!!!” แม่ของอัซราเอลที่เพิ่งออกมาจากตัวรถได้รีบวิ่งเข้ามาหาร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นสามีทันทีที่เห็นโดยไม่สนใจสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นเลย

และไร้ความปราณีสิ่งมีชีวิตประหลาดได้บรรจงฟาดดาบแสงนั้นลงบนตัวของหญิงสาววัยกลางคนอย่างรวดเร็ว หนักหน่วง และรุนแรง! เลือดสาดกระจายไปทั่ว ร่างของเธอล้มลงคู่กับสามีของเธอ เลือดอาบนองไปทั่วกายและพื้นถนน

อัซราเอลแทบจะขาดใจตายในตอนนั้น แต่แล้วสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นก็โดนห่ากระสุนชุดใหญ่ระดมยิง แต่มันก็มีบางสิ่งที่มองไม่เห็นป้องกันกระสุนไม่ให้เข้าถึงตัว สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นหันไปหาจุดที่ระดมยิ่งเข้ามา

ก่อนที่มันจะโดนปืนยิงระเบิด ยิงใส่แม้กระทั่งเกราะที่มองไม่เห็นนั้นก็ทานไม่อยู่ ทำให้โดนตัวมันเต็มๆ และมันก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นกลุ่มแก๊สสีฟ้า ก่อนจะลอยขึ้นไปและค่อยๆจางหายไป

นายทหารคนหนึ่งวิ่งออกมาจากกลุ่มเพื่อช่วยเหลืออัซราเอลออกมา พวกเขาสวมชุดทหารสีดำเข้ม ใส่หมวกและหน้ากากลายหัวกะโหลกทุกคน ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร และมีกันอยู่แค่ 10 นายเท่านั้น

“ชอง!! นายจะไปไหน!!!” ผู้บังคับกองร้อยรีบดึงตัวเค้าไว้

“คุ้มกันด้วย!!!!” เขาไม่สนใจและกระชากตัวออกมาวิ่งต่อไป

“เฮ้ยเดี๋ยว! ช่วยไม่ได้! คุ้มกับจ่าชองด้วย!!!”

“รับทราบ!!!” คนในทีมบางส่วนวิ่งออกมาคุ้มกันพื้นที่บริเวณรอบๆตัวอัซราเอลไว้ และทุกคนก็ยิงต่อต้านสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นอย่างไม่ลดละ

“หนูน้อย มากับฉันนะ” ชองวิ่งมาถึงตัวอัซราเอลและรีบทำการช่วยเหลือทันที เขายกซากปรักหักพังออกจากตัวของอัซราเอลอย่างรวดเร็ว และเขาก็ยื่นมือเข้าไปพยายามจะดึงตัวอัซราเอลออกมา

“ไม่นะ! ผมไม่ไป! ผมไม่มีใครเหลืออีกแล้ว!” อัซราเอลปัดมือของชอง พร้อมกับตวาดใส่ด้วยน้ำตา

“หนุ่มน้อย คิดว่าพ่อของเธอที่ตายไปต้องการแบบนี้นั้นหรือ” ชองพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม พร้อมกับนำมือข้างหนึ่งเปิดหน้ากากของเขสออก ปรากฏใบหน้าอันเรียวงามราวกับผู้หญิง แล้วผมปกหน้าสีน้ำตาลเข้ม

“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ฉันเข้าใจดี ความรู้สึกที่คนที่รักของเราตายไปน่ะ พวกเค้ายอมสละชีวิตเพื่อให้เรารอดมา แล้วถ้าเรามาตายโดยที่ยอมแพ้ต่อทุกๆสิ่ง ยอมแพ้ต่อโชคชะตาตอนนี้ ทุกๆสิ่งที่พวกเค้ายอมทำ มันเพราะอะไรล่ะ ใครกันเป็นคนพาเธอไปเที่ยว ทั้งๆที่งานยุ่งแต่ก็ไป ก็เพื่อเธอไงล่ะ ถ้าเธอยอมแพ้เอาตอนนี้ เธอก็ไม่สมควรจะมาเกิดเป็นมนุษย์หรอกนะ มนุษย์ต้องมีความกตัญญู ถ้าเธอยอมตาย เธอก็คือไอเลวคนนึงเท่านั้นเอง ว่าไง จะนอนรอความตายที่นี้ หรือจะไปกับฉัน” ชองกล่าว

“ผะ..ผม..” อัซราเอลอั้มอึ่ง ไม่กล้าที่จะพูดออกมา เพราะในใจยังคิดถึงเรื่องพ่อแม่ของตน และสิ่งที่ชองพูดเมื่อสักครู่

“ถ้าอยากมีชีวิตรอดก็จงพูดออกมา!!!!!” ชองตวาดใส่

“พาผมไปด้วยครับ!!!” อัซราเอลตอบอย่างเต็มกำลังเท่าที่จะมีได้ในตอนนั้น พร้อมกับใช้แขนปาดน้ำตาบนในหน้า ชองจึงรีบอุ้มตัวของอัซราเอลออกมา

“ได้ตัวแล้ว!!!” ชองวิ่งกลับมาที่กลุ่มของเค้า แล้วรีบนำอัซราเอลขึ้นแบล็คฮอคทันที

“ถอนกำลัง!!!!” ผู้บังคับกองร้อยออกคำสั่ง ทุกคนรีบกลับขึ้นพาหนะ บางส่วนขึ้นรถฮัมวี และที่เหลือมากับเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอค และทั้งหมดเคลื่อนพลออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

อัซราเอลได้จ้องมองสัญลักษณ์บางอย่างที่แขนเสื้อของชอง เป็นรูปปืนกับเคียวไขว้กันแล้วมีรูปนกปีกสีขาวอยู่ตรงกลาง

“ชอบหรอ” ชองเอ่ยถามขึ้น

“เอ่อ..ครับ มันคืออะไรหรอครับ” อัซราเอลสะดุ้งเล็กน้อย

“นี้มันคือสัญลักษณ์ของหน่วย S.M. 141 น่ะ มันดูธรมดามากใช่มั้ยล่ะ ฉันเคยคิดจะเปลี่ยนหน่วยเพราะตรามันไม่เท่ครั้งนึงนะ แต่ความหมายมันลึกซึ้งมาก”

“รูปปืนหมายถึงกำลังทหาร ที่คอยปกป้องเคียว ซึ่งเคียวคือประชาชน โดยทั้งหมดนั้นต่างอยู่บนพื้นเดียวกัน ปีกสีขาว ซึ่งหมายถึงความหวังยังไงล่ะ ปีกที่จะโผบินขึ้นไปเพื่อความหวังของมวลมนุษยชาติทั้งมวล และมันก็เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะทำความหวังนั้นให้เป็นจริง” ชองอธิบายอย่างใจเย็น ก่อนที่นายทหารคนนึงจะหันมาแล้วพูดว่า

“นี้นายจะล้างสมองเด็กเลยหรอเนี่ย ฮ่าๆๆ” เขาตบบ่าชองก่อนจะหัวเราะชอบใจแล้วหันกลับไป ชองมองกลับไปด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่ชอบที่โดนกล่าวหาเช่นนี้ เขาแค่อธิบายถึงความหมายของสัญลักษณ์นั้น แค่นั้นเอง

“ฉันชื่อชองนะ” ชองกล่าวแนะนำตัว

“ผะ..ผม อัซราเอลครับ” อัซราเอลแนะนำตัวกลับตามมารยาท

“ชื่อแปลกดีนี้” ชองกล่าว ก่อนจะหันไปคุยกับผู้บังคับกองร้อยที่ขึ้นมาด้วย

“ท่านครับ เด็กคนนี้ผมขอรับไปเลี้ยงนะครับ”

“เอ่อ.. จะยังงั้นก็ได้ ถึงฉันจะห้ามยังไงก็คงไม่อยู่สินะ ส่วนเรื่องเอกสารทางฉันจะจัดการเองก็แล้วกัน เฮ้อ~ ” ผู้บังคับกองร้อยถอนหายใจ ดูเหมือนลูกหมู่คนนี้จะไม่เชื่อฟังหัวหน้าเอาซะเลย

“ดีล่ะ หลังจากนี้เธอมาอยู่กับฉันนะ” ชองหันกลับมาพูดกับอัซราเอล

“คะ.. ครับ”

“เธอนี้ตอบให้มันสมกับเป็นผู้ชายหน่อยสิ เฮ้อ~” ชองรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

ในขณะที่แบล็คฮอคขึ้นสู่เพดานบินแล้ว ในตอนนั้นก็ได้มีพลาสม่าสีฟ้าพุ่งตรงมาที่แบล็คฮอค พวกขหลบไม่ทันเพราะพลาสม่านั้นพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง จากในม่านหมอกของควันไฟจากการระเบิด  ชองรีบผลักตัวอัซราเอลออกไปทางช่องประตู

“ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าล่ะ"   ในช่วงขณะนั้นชองพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นจะระเบิดอย่างแรง ส่งผลให้ตัวอัซราเอลตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรงด้วย รถฮัมวีของคนในหน่วยรีบกลับมาช่วยเหลือ แต่มีเพียงอัซราเอลเท่านั้น ที่รอดชีวิต...

----------------------------------

-------------------------------------------------------

-----------------------------------------------------------------------------

ปัจจุบัน

“จริงสิ ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดภารกิจเลย” อัซราเอลพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาดู

“หืม.. ให้ลอบสังหารเป้าหมายงั้นหรอ ชักสนุกแล้วสินะ” เขายิ้มที่มุมปากเล็กๆ ก่อนจะเดินต่อไป เมื่อถึงห้องพักของเขา เขาก็เริ่มเปลี่ยนชุดแล้ววางแผน

“เป้าหมายจะอยู่ที่ตึกสำนักงานใหญ่เดซี่คอเปอร์เรชั่นอย่างนั้นหรอ แต่จะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น หึหึ ชักสนุกแล้วสิ” อัซราเอลกล่าวก่อนจะเตรียมซ่อนอาวุธปืนพร้อม แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง......

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปล. และแล้วมันก็กลับมา - -

Link to comment
Share on other sites

ดราม่า ไซไฟ พ่อตาย แม่ตาย เกรงว่าชองจะได้ไปด้วยอีกคน(รึไปแล้ว) =w="

ยังมีพิมพ์ผิดอยู่บ้างนะครับ เว้นวรรคอ่านแล้วสบายตาดีครับ สนุกมาก จะตามอ่านต่อเรื่อยๆครับ

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณที่มาติชมครับ(รอมานาน ฮ่าๆ)

เรื่องคำผิดขอภัยด้วยครับ พอดีมันดึกเลนรีบปั่นไปหน่อย :pika01:

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.