Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

{[- Heart Remedy -]} มนตราเยียวยาหัวใจ (Updated : 8/5/2019)


bluewind

Recommended Posts

ยังจำฟิค Heart Remedy ของผมกันได้อยู่รึเปล่าครับ เหอะๆๆ พอดีที่หายไปนี่ผมเริ่มทำงานแล้ว แล้วก็เกิดอาการหัวตันพอดี เลยหายไปนานมาก มากเสียจนนึกว่าจะไม่ได้แต่งต่อแล้ว แต่ไม่มีทางที่ผมจะทิ้งฟิคเรื่องนี้ไปหรอกครับ แหม่ เรามารับชมกันดีกว่าครับ

Heart Remedy 10th Memory: Unexpected Reunion (การกลับมาพบกันที่ไม่คาดคิด)

Spoiler

ความเดิมตอนที่แล้ว – เครสต์ ซึ่งเป็นทหารสังกัดอาณาจักรไลท์เทนเนียและเพื่อนสนิทของอารอน ได้พบกับทุกคน เขาได้แจ้งข่าวสารของสถานการณ์ของอาณาจักรในปัจจุบันให้พวกอารอนทราบ ว่ากรมตำรวจถูกทำลาย และประชาชนตกอยู่ในกำมือของพวกเทอร์เรอร์ แม้พวกเขาจะรู้สึกหมดหนทาง แต่ลูเซียกลับช่วยเรียกกำลังใจของทุกคนกลับคืนมา ด้วยการตั้งเป้าหมายไปที่การหาหนทางพาสเตลล่ากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ทุกคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ การเดินทางของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นนับจากนี้ไป…

 

 

Heart Remedy 10th Memory: Unexpected Reunion (การกลับมาพบกันที่ไม่คาดคิด)

 

 

ในวันที่ท้องฟ้ากระจ่างใส ไม่มีเมฆให้เป็นอุปสรรคของแสงแดดที่สาดส่องอย่างแรงกล้า บนถนนสายหนึ่งที่ทอดยาวออกมานอกเมืองอินิเชียโล่มาไกลหลายร้อยเมตร สองข้างทางมีทุ่งหญ้าสูงถึงเข่า มีกลุ่มคนทั้งสี่กำลังเดินฝ่าความร้อนแรงของแดดยามกลางวันไปตามเส้นทางนี้ และพวกเขาต่างก็มีผ้าคลุมตัวหนาปกปิดร่างเอาไว้ หมวกกันแดดที่ทั้งสี่คนสวมก็บดบังหน้าตาของพวกเขาไว้จนดูไม่ค่อยออกว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

 

ดูเหมือนพวกเขาจะพบร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าแล้ว พวกเขาต้องลงเดินออกไปนอกเส้นทางเล็กน้อยเพื่อตรงไปยังร่มเงานั้น จนกระทั่งพวกเขาทั้งสี่เข้ามาในร่มเงานี้กันครบแล้ว พวกเขาก็เริ่มถอดเสื้อคลุมและหมวกกันแดดของพวกเขาออก…

 

 

“มาถึงตรงนี้ก็คงไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วล่ะ พักกันก่อนเถอะ”

 

 

เสียงของคนที่ถอดผ้าคลุมและหมวกเป็นคนแรกนี้เป็นเสียงของอารอนนั่นเอง เขากลับมาสวมชุดทหารสีดำชุดเดิม แต่ได้รับการซักจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว เครสต์และสเตลล่าก็ค่อยๆถอดผ้าคลุมออกเช่นกัน ทั้งสองคนยังอยู่ในชุดเดิม และสเตลล่าได้กางปีกพลางบิดขี้เกียจอย่างเต็มที่หลังจากต้องปกปิดสายตาผู้คนอยู่นาน

 

 

แต่คนที่ดูสะดุดตาที่สุดกลับเป็นลูเซียที่กำลังสวมชุดใหม่ที่สเตลล่าเป็นคนเลือกให้เธอ เธอติดกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อสีขาวเหนือหูทั้งสองข้าง ผ้าคลุมไหล่ของเธอที่ประดับลูกไม้รูปกลีบดอกไม้สีดำสวมทับชุดกระโปรงแขนยาวสีขาวขอบเขียว ที่ปลายแขนถูกตกแต่งด้วยขอบรูปกลีบดอกไม้เช่นเดียวกัน คอร์เซ็ตหนังที่พันรอบเอวของเธอช่วยกระชับรูปร่างและทำให้เนื้อผ้าบริเวณหน้าอกพองขึ้นมาเล็กน้อย ชายกระโปรงทั้งชั้นนอกและชั้นในถูกประดับด้วยลูกไม้สีดำ และเธอยังสวมรองเท้าบูทหนังข้อยาวจนถึงน่อง

 

 

“ชุดแบบนี้ใส่แล้วค่อยดูเหมือนเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาหน่อยเนอะ” ลูเซียบิดตัวไปมามองดูสภาพของตนที่ได้สวมชุดใหม่อย่างพึงพอใจ

 

 

“ชุดนี้ดูเหมาะสมกับองค์หญิงมากเลยขอรับ ใช้ได้ในทุกโอกาสเลย” เจ้าแมวองครักษ์หนุ่มยังคงให้เกียรติลูเซียอย่างแข็งขันเช่นเคย และเธอก็ไม่ลืมที่จะยิ้มรับให้เช่นกัน

 

 

“จะเรียกว่าโชคดีหรือเหลือเชื่อกันนะคะเนี่ยที่ในเมืองนั้นมีชุดสวยๆแบบนี้ให้คุณลูเซียได้สวมด้วย” สเตลล่าพูดอย่างร่าเริง

 

 

“แต่ว่า ทำไมพวกเราต้องออกจากเมืองมาอย่างหลบๆซ่อนๆอย่างนี้ด้วยล่ะ?” ลูเซียตั้งคำถาม

 

 

“ที่นั่นยังเป็นเขตที่พวกเทอร์เรอร์เข้ามาจับตาดูได้อยู่ ถึงจะปิดบังตัวตนได้ไม่ถึงกับสมบูรณ์ แต่การเผยตัวอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆล่ะองค์หญิง เส้นทางที่พวกเราจะไปกันต่อก็ไม่มีรถผ่านด้วย” เครสต์ตอบพลางมองไปตามเส้นทางที่พวกเขาควรจะไปต่อ แม้จะมองไม่เห็นว่าทางข้างหน้านั้นมีอะไรอยู่ก็ตาม

 

 

“แหม ก็มันไม่ใช่เส้นทางสัญจรทั่วไปนี่นะ” อารอนเสริมแบบยิ้มๆ

 

 

“ว่าแต่นายน่ะ พวกเรากำลังจะหลบหนีรอดสายตายามพวกเทอร์เรอร์ไปได้แล้วแท้ๆ นายดันทะลึ่งชิงโจมตีใส่มันก่อนได้ไงเล่า? ไม่งั้นพวกเราก็ไม่ต้องรีบวิ่งออกมาให้เหนื่อยหรอก” เครสต์หันมาติติงเพื่อนหน้าขนของเขา

 

 

“ก...ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ตอนนั้นเจ้าพวกนั้นกำลังสงสัยองค์หญิงอยู่นะ ถ้าฉันปล่อยช้าไว้นานเกินไปพวกเราอาจจะถูกจับได้ก็ได้ ก็เลย...” อารอนพยายามแก้ตัว แม้ว่าในตอนท้ายพวกเขาจะหนีได้สำเร็จก็ตาม

 

 

“คุณเครสต์คะ ทางที่เราจะไปกันคือเขาสกายไลน์จริงๆใช่มั้ยคะ? แล้วเราจะได้พบสารสกัดสำหรับทำยารักษาปีกของฉันได้จริงๆใช่มั้ยคะ? พวกเราจะไปถึงที่นั่นกันภายในกี่วันคะ? แล้วพวกเรา---“

 

 

“เดี๋ยวววววววว ใจเย็นๆนะแม่สาวนางฟ้า เอาทีละอย่างๆ” สเตลล่ายิงคำถามใส่เครสต์ไม่หยุดด้วยใจที่ตื่นเต้นเต็มเปี่ยมจนเขาต้องบอกให้เธอใจเย็นๆลงก่อน แต่แม้เธอจะเงียบเสียงแล้วก็ยังคงจ้องเครสต์อย่างไม่วางตา

 

 

“อย่างที่ฉันบอกไป ฉันก็ตั้งใจจะพาพวกเธอไปที่นั่นอยู่แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากจะรับประกันหรอกว่าไปแล้วจะเจอสารสกัดของไวเวิร์นนภา เพราะบางทีฤดูนี้มันอาจจะไม่มาก็ได้ เราจะไปถึงกี่วันก็ไม่รู้เพราะฉันเองก็ไม่ได้ผ่านทางนี้บ่อยนักเหมือนกัน”

 

 

สาวมีปีกทำแก้มป่อง เธอไม่ได้รู้สึกซีเรียสจริงจังขนาดนั้นหรอก บางทีที่เธอแสดงสีหน้าเช่นนี้เพราะขัดใจที่ไม่รู้คำตอบทันทีก็ได้

 

 

การเดินทางของพวกอารอนในวันๆหนึ่งจะมีกิจวัตรเพียงเท่านี้ คือเดินเท้าไปเรื่อยๆ โดยหยุดพักเป็นระยะๆ ในวันๆหนึ่งพวกเขาจะใช้เสบียงที่เครสต์เตรียมมาอย่างประหยัด เพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในวันถัดๆไป จนกระทั่งเมื่อถึงวันถัดมา…

 

 

“พวกเราเริ่มเข้าสู่เขตป่าแล้วสินะ” ลูเซียเริ่มมองไปรอบๆเส้นทางที่เธอและเพื่อนๆกำลังเดินเท้าเข้ามา บรรยากาศรอบข้างเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบายแม้ว่าจะไม่ค่อยมีลมพัดมา แม้มีต้นไม้มากมายแต่ก็ไม่ได้รกทึบจนเป็นป่าดงดิบ โดยรวมแล้วมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าบริเวณถนนนอกเมืองอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่เริ่มมีลักษณะลาดต่ำลงจนพวกอารอนต้องค่อยๆไต่เนินลงไปในบางจุด ข้างทางเป็นลำธารมีน้ำสะอาดไหลผ่าน ที่เมื่อยิ่งเดินตรงไปข้างหน้า ขนาดของลำธารก็ยิ่งกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีน้ำตกขนาดเล็กเป็นช่วงๆ เสียงของแมลงตัวเล็กๆที่ร้องระงมกันเป็นช่วงๆก็สร้างชีวิตชีวาให้กับพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

“อารอน อย่ามัวแต่ชมวิวสิ เดี๋ยวก็ตามพวกเราไม่ทันหรอกนะ” ลูเซียหันมาเรียกอารอนที่ทำท่าเหมือนชื่นชมบรรยากาศรอบๆอยู่...หรือเปล่า? เธอเห็นแค่ว่าเขาหยุดยืนมองดูไปรอบๆป่านี้อย่างเชื่องช้าเท่านั้น

 

 

“ขอรับ กระผมจะตามไปแล้ว” เขาตอบรับเด็กสาวก่อนที่จะสาวเท้าเดินต่อ แต่เขาก็ยังคงมองดูอะไรบางอย่างรอบๆอยู่...

 

 

“ทำไมเรา...รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ขนาดนี้นะ?”

 

 

เมื่อพวกเขาเดินต่อไปได้อีกซักระยะ พวกเขาก็ได้พบกับทัศนียภาพที่สวยงาม พวกเขากำลังอยู่ที่ส่วนบนสุดของน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งสูงจากพื้นนับสิบเมตร และมองเห็นภาพมุมสูงของป่าสีเขียวแห่งนี้ได้อย่างกว้างขวาง เสียงของน้ำตกที่ซัดสาดลงสู่เบื้องล่างอย่างรุนแรงช่วยขับเน้นอารมณ์ของความอุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่นี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

“ไม่เคยรู้เลยนะคะว่าบนพื้นโลกจะมีสถานที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้เนี่ย” สเตลล่ากางแขนและปีกรับลมน้ำตกเย็นสดชื่นอย่างผ่อนคลาย หลับตาพริ้ม จนเครสต์เห็นแล้วอดแอบยิ้มไม่ได้ “ฮ้า...เป็นความรู้สึกดีที่คล้ายกับดินแดนบนฟ้าที่ฉันเคยอยู่เลย ถึงจะคนละอารมณ์ก็เถอะนะคะ”

 

 

“ที่นี่เป็นหนึ่งในป่าที่ร่มรื่นและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอาณาจักรนี้เลยล่ะ นับว่าโชคดีมากเลยที่ป่านี้ไม่ถูกทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจนเสียทัศนียภาพไปก่อน” เครสต์เสริม

 

 

ระหว่างที่ทุกคนกำลังชื่นชมบรรยากาศอันสวยงามของผืนป่านี้อยู่ อารอนกลับเดินออกมาข้างหน้าเพียงตัวคนเดียวอย่างช้าๆอย่างเลื่อนลอย…

 

 

ทุกคนจับจ้องไปยังอารอนทันที เขามองไปข้างหน้าก็จริง แต่ไม่แน่ชัดเลยว่าเขามองไปยังสิ่งใดอยู่กันแน่ เพราะข้างหน้าเขานั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากอากาศธาตุ...และยิ่งรู้สึกใจระทึกเมื่อเห็นเขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กับริมน้ำตกมากขึ้นเรื่อยๆ...เท้าของเขายังคงไม่มีทีท่าว่าจะยั้งไว้แม้ว่าอีกแค่ไม่กี่ก้าวเขาก็จะ...

 

Spoiler

 

“หยุดนะ!!”

 

 

ลูเซียเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมาและดึงชายเสื้อของเขาไว้แน่นจนเจ้าแมวหนุ่มสะดุ้ง เขาหายใจถี่แรง หันซ้ายขวาไปมาและหันกลับมามองเจ้าของเสียงที่ดึงสติของเขาเอาไว้ เขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่จ้องมองเขาอย่างประหลาดใจและโมโหเล็กๆ

 

 

“นี่เธอเป็นอะไรไปน่ะ!? ถ้าเธอตกลงไปเธอต้องตายแน่ๆเลยนะ! เธอเดินไปตรงนั้นทำไม!?” เด็กสาวพูดเสียงดัง

 

 

“เอ๋? เอ่อ...ก...กระผมขออภัยขอรับองค์หญิง...” แมวหนุ่มหลุบตาลงอย่างสำนึกผิด แล้วเขาก็หันกลับไปมองปลายน้ำตกสูงข้างหน้าเขาอีกครั้ง “กระผมรู้สึกเหมือนว่าจำอะไรขึ้นมาได้ แล้วกระผมก็...เหมือนจะทำตามความรู้สึกนั้น”

 

 

ทุกคนตกอยู่ในความตะลึงงัน

 

 

‘ทำตามความรู้สึก’ คำๆนี้แสดงให้เห็นว่าอารอนเคยคิดจะ ‘เดินไปสุดขอบน้ำตก’ อย่างจงใจ และทุกคนก็รู้ว่าการทำแบบนั้นคือการฆ่าตัวตายชัดๆ แล้วเขาทำไปทำไม? เพื่ออะไร?

 

 

“ฉันจำได้แล้ว...” อารอนพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาลอยๆขณะที่มือของเขายกขึ้นมาแตะที่หัวอย่างไม่รู้ตัว เขาหันขวับไปทางด้านขวาของเขา และออกวิ่งตรงไปยังทางนั้นทันทีโดยไม่สนว่าลูเซียจะถูกดึงไปก่อนที่มือของเธอจะหลุดจากชายเสื้อของเขาหรือไม่ เธอถลาไปตามแรงของอารอนจนเกือบล้มคะมำ

 

 

“ร-รีบตามอารอนไปเร็ว!” ลูเซียยังคงตั้งสติได้ เธอเรียกทุกคนให้วิ่งตามเพื่อนของเธอไปทันที แม้จะยังไม่รู้ว่าเขาจะวิ่งไปไหนกันแน่

 

 

น่าแปลกที่อารอนวิ่งลงเนินที่ทั้งขรุขระและวิบากได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและไม่กลัวสะดุดล้ม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังปีนลงเนินเร็วเท่าๆกับพวกลูเซียเท่านั้นเอง ในขณะฝ่ายที่ตามเขาไปนั้นยังต้องคอยกระโดดข้ามช่องหรือจับรากไม้ไต่ลงไปอย่างระมัดระวัง ยิ่งทำให้อารอนทิ้งห่างไปไกลจากพวกลูเซียมากกว่าเดิม แต่ด้วยความสามารถในการปีนป่ายของเครสต์ ทำให้เขาเป็นคนที่เข้าใกล้อารอนได้มากที่สุด และคอยบอกทางลูเซียกับสเตลล่าที่รั้งท้ายให้ตามเขาไปได้อย่างถูกต้อง

 

 

“อารอนอยู่ทางนั้น! ตามมาทางนี้!”

 

 

“รอด้วยสิคะ!...แฮ่ก...แฮ่ก...ฉันตามไม่ทันแล้วนะคะ...แฮ่ก...ถ้าฉันบินได้ละก็นะ...”

 

 

“พยายามเข้าสเตลล่า! เราจะตามอารอนไม่ทันเอานะ! ฉันจะละสายตาไปจากเขาไม่ได้!”

 

 

ทั้งสามคนต่างพยายามไล่ตามอารอนอย่างเต็มที่ จนพวกเขาลงมาถึงด้านล่างสุดของน้ำตกแล้ว แต่อารอนยังคงไม่หยุดวิ่ง เขายังคงฝ่าเส้นทางต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนๆที่ไล่ตามเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

 

“ได้โปรดเถอะ...สโนว์...แอเรียล...ทุกๆคน...ขอให้ปลอดภัยด้วยเถอะนะ”

 

 

มีเสียงภาวนาอันแผ่วเบาของอารอนที่ลอยมาตามทิศทางที่พวกเขาวิ่งตามเขาไป แต่มันไม่ชัดเจนและมีความหมายคลุมเครือเสียจนไม่มีใครใส่ใจมันเท่าใดนัก

 

 

ในที่สุดอารอนก็หยุดวิ่ง เขาเงยหน้ามองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับเพื่อนๆคนอื่นที่เพิ่งจะวิ่งไล่ตามอารอนมาทัน ซึ่งยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ตกอยู่ในความตกตะลึงเช่นเดียวกับเจ้าแมวหนุ่ม

 

 

“เอ๋?...ที่นี่...มันควรจะเป็นบ้านของฉันไม่ใช่เหรอ?”

 

 

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของอารอนคือ ภาพเศษซากสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กจำนวนมากบนพื้นที่ๆหนึ่งในป่าที่ถูกปนเปื้อนไปด้วยธงสีแดงฉานที่มีรูปสัญลักษณ์กองทัพไลท์เทนเนีย และกระโจมผ้าใบที่ทำขึ้นมาอย่างง่ายๆเป็นจุดๆตามพื้นที่...ไม่ใช่แค่ธงสัญลักษณ์สีแดงที่ชวนให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเหล่านั้นเท่านั้น ที่นี่ยังเต็มไปด้วยเหล่าพวกบีสต์ในชุดรบหน้าตาดิบเถื่อนหลายสิบนายเช่นเดียวกับที่อารอนและลูเซียเคยเห็นขณะหลบหนีออกมาจากปราสาท

 

 

พวกเผ่าบีสต์หมูป่า หมาป่า หมี ช้าง ซึ่งล้วนเป็นสายพันธุ์ดุร้ายและแข็งกร้าว...เสื้อผ้าของพวกเขาที่มีเพียงแผ่นเหล็กและหนังปกปิดตามจุดสำคัญต่างๆ...ทั้งสองคนมั่นใจแล้วอย่างแน่แท้ พวกเผ่าบีสต์เหล่านี้คือพวกเทอร์เรอร์นั่นเอง และพวกมันกำลังจับจองพื้นที่นั่งนอนเล่นท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านั้นอย่างสบายอารมณ์

 

 

“เฮ้ย! พวกแกน่ะ!” หนึ่งในพวกเผ่าบีสต์หน้าตาหยาบกร้านเหล่านั้นมองเห็นพวกอารอนเข้าแล้ว และมันตะโกนเรียกพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ที่นี่เป็นถิ่นยึดอาณาเขตนะเฟ้ย! ห้ามคนไม่เกี่ยวข้องมาแถวนี้!”

 

 

อารอนเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากมีการตะโกนเรียกไปไม่นาน...แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้อารอนเอื้อมมือไปจับมีดของตนไว้แน่นจนมันสั่นระรัว

 

 

พวกเทอร์เรอร์ราวๆสองสามคนเริ่มเดินเข้ามาใกล้พวกอารอนหลังจาก ‘ผู้ไม่เกี่ยวข้อง’ ของพวกมันไม่ยอมทำตามที่มันสั่ง หวังจะเข้ามาตะเพิดไล่ให้ไปไกลๆ แต่แล้วหนึ่งในพวกมันก็สังเกตอะไรบางอย่างได้

 

 

“เดี๋ยวก่อนนะ...บีสต์แมวสีน้ำเงินเข้ม...ชุดทหารองครักษ์...แล้วยังเด็กผู้หญิงคนนั้น...เฮ้ย!! พวกแกคือ---“

 

 

“พวกแกทำอะไรกับหมู่บ้านของฉัน!?!?”

 

 

ฉึก!!!!

 

 

เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ยังไม่ทันที่เจ้าเผ่าบีสต์ผู้โชคร้ายตัวนั้นจะพูดจบ มันก็ถูกมนุษย์แมวคนที่มันพูดถึงชักมีดมาปักลงไปที่กลางหน้าอกของมันลงไปมิดด้าม...

 

Spoiler

 

ท่ามกลางอาการช็อกของทุกคนไม่ว่าจะทั้งพวกเทอร์เรอร์และพวกลูเซีย ทันทีที่มีดถูกกระชากกลับออกมา เลือดของผู้ที่ถูกแทงก็พวยพุ่งสาดกระจายออกมาราวกับท่อน้ำแรงดันสูงแตก ของเหลวสีแดงเปรอะเปื้อนร่างของมนุษย์แมวเป็นปื้นหนา สร้างภาพลักษณ์อันน่าสยดสยองแก่ทุกคนที่เห็น พวกเทอร์เรอร์ที่กำลังถอยกรูดออกไปส่งเสียงร้องลั่นอย่างหวาดผวาจนพรรคพวกของมันหันมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสายตาเดียว พวกลูเซียก็เช่นกัน แม้สเตลล่าจะกรีดร้องอย่างตกใจสุดขีด ทุกคนก็เห็นพวกเทอร์เรอร์ทุกคนเริ่มจับอาวุธ และพร้อมใจหันมาทางอารอนกันแล้ว

 

 

“นั่นเจ้าหญิงลูเซียกับพรรคพวกของมัน! จับมันมาให้ได้โว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!” พวกมันได้ตะโกนส่งเสียงเรียกพวกอย่างฮึกเหิม

 

 

“บ้าเอ๊ย! ท่าไม่ดีแล้ว!!” เครสต์เอื้อมหยิบเอาคันธนูของตนออกมาอย่างรวดเร็ว และชิงลงมือยิงสกัดพวกเทอร์เรอร์ที่กำลังจะเข้ามาทำร้ายอารอนก่อนทันที ในขณะที่อารอนก็ไม่รอช้า วิ่งตรงไปหาพวกเทอร์เรอร์จำนวนมากที่เข้ามาโจมตีเขา และเริ่มชักดาบออกไปปะทะกับพวกมันเพียงตัวคนเดียวอย่างบ้าบิ่น

 

 

แม้ว่าพวกเทอร์เรอร์จะมีจำนวนมาก และไม่ใช่ศัตรูที่จะยืนนิ่งให้เป็นเป้าซ้อมฟันได้ง่ายๆ อารอนและเครสต์ก็สามารถต้านทานการโจมตีของพวกมันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เผ่าบีสต์หมาป่าตัวหนึ่งเงื้อดาบเข้ามาฟันอารอน เขาก็เหวี่ยงมีดในมือซ้ายมาปัดดาบให้ออกไปพ้นทาง แล้วตามด้วยหมุนตัวกลับไปใช้ดาบในมือขวาแทงบีสต์มนุษย์หมีที่กำลังจะเหวี่ยงขวานมาจากด้านขวา แล้วกระชากกลับมาฟันท้องเจ้าหมาป่าตัวแรก ต่อด้วยใช้มีดต้านดาบของบีสต์หมูป่าทางซ้าย ใช้ดาบเรเปียร์พุ่งเข้าไปแทงทะลุตัวมันถึงสองครั้งติดต่อกัน จนกระทั่งมีพวกเทอร์เรอร์อีกกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง อารอนก็หันไปปะทะกับพวกเทอร์เรอร์กลุ่มนี้โดยปล่อยให้เครสต์คอยยิงธนูคุ้มกันอารอนจากพวกเทอร์เรอร์กลุ่มแรกเพียงลำพัง

 

 

“ใจเย็นสิอารอน!! ฉันคุ้มกันนายไม่ไหวนะ! วิธีสู้แบบดับเครื่องชนแบบนี้มันไม่ใช่ตัวนายเลยนะเฟ้ย!!” เครสต์ตะโกนบ่นกับเพื่อนของเขาอย่างหัวเสีย ดูเหมือนว่าเขาเองก็ต้องทุ่มสุดตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อคอยคุ้มกันอารอนที่สู้แบบออกลู่ออกทางให้ได้

 

 

“นี่มันอะไรกัน...ฉันงงไปหมดแล้วนะ ไหนจะเรื่องอารอนจำอะไรได้ ไหนจะเรื่องที่เขาวิ่งตรงมายังที่นี่เอง แล้วยังเรื่องการต่อสู้นี่อีก ฉันไม่เคยเห็นเขาลุยเข้าไปคนเดียวกลางกลุ่มศัตรูมากขนาดนั้นมาก่อนเลย” ลูเซียที่ทำได้เพียงเฝ้ามองการต่อสู้นี้กล่าวอย่างสับสน

 

 

“คุณลูเซียคะ คนพวกนี้เป็นใครกันน่ะคะ?” สเตลล่าถามอย่างเคร่งเครียด

 

 

“พวกเทอร์เรอร์ไงล่ะ เจ้าพวกนี้แหละที่ยึดปราสาทของท่านพ่อกับท่านแม่ ฉันกับอารอนเคยต่อสู้กับเจ้าพวกนี้แล้วหนีออกมาได้ แล้วก็มาเจอเธอนี่แหละ” ลูเซียตอบอย่างเคร่งเครียด

 

 

“คุณลูเซียกับคุณอารอนต้องต่อสู้กับเจ้าพวกนี้เพื่อหนีออกมางั้นเหรอ...อ๊ะ! คุณอารอนแย่แล้ว!!”

 

 

สเตลล่าทำหน้าตื่นตระหนกและวิ่งตรงไปหาอารอนที่กำลังอยู่กลางวงของการตะลุมบอนอันดุเดือดของพวกเทอร์เรอร์ ยิ่งเธอเข้าไปใกล้มากขึ้น เธอก็ยิ่งมองเห็นสภาพอาการบาดเจ็บและเหนื่อยล้าของเจ้าแมวหนุ่มที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะไม่สามารถต้านทานศัตรูไว้ต่อไปได้ เธอต้องช่วยเหลือเขาเหมือนอย่างที่เธอเคยช่วยเหลือลูเซีย เธอกางปีกออกมาแม้ว่าจะยังบินไม่ได้ก็ตาม ประสานมือไว้ที่หน้าอก และเริ่มพูดอะไรบางอย่าง

 

 

“ด้วยพลังแห่งดวงดาว ฉันขออธิษฐานให้อารอนได้รับการเยียวยาบาดแผลให้กลับมาหายดีด้วยเถิด!”

 

 

ทันใดนั้นก็มีกลุ่มก้อนแสงรูปดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าซึ่งไม่ทราบว่ามาจากจุดไหนของท้องฟ้าก็แล้วแต่ มันกำลังร่วงตกลงมาใส่ร่างของอารอนที่กำลังอ่อนล้า เกิดประกายแสงสว่างจ้าอยู่แว่บหนึ่งก่อนที่ทุกคนจะเห็นว่าอารอนกลับมาลุกขึ้นสู้และมีพลังเต็มเปี่ยมเหมือนดังเดิมอีกครั้ง เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ก็ใช้โอกาสนี้ทำการสวนคืนศัตรูต่อไป

 

 

“ยอดไปเลยสเตลล่า! ดูท่าทางเธอจะเป็นหน่วยสนับสนุนที่ดีได้นะ!” เครสต์วิ่งมาหาเธอและกล่าวชมเชย

 

 

“แหะๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ สิ่งที่ฉันทำได้ก็มีแค่รักษาทุกๆคนแล้วก็ทำให้พวกเด็กๆฝันดีนั่นแหละค่ะ” สเตลล่ายิ้มแบบอายๆ

 

 

“เธอเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญมาก ฉันจะคอยคุ้มกันเธอนะ”

 

 

“ค่ะ---เอ๋?”

 

 

ปรากฏว่าหนุ่มนักธนูคนนี้คอยประกบติดสเตลล่าและช่วยยิงธนูสกัดพวกศัตรูที่จะตรงเข้ามาหาเธออย่างเต็มที่ แถมยังอาสาจะปกป้องเธออีกด้วย ทำเอาเธออดรู้สึกประทับใจเล็กๆในตัวเครสต์ไม่ได้จนแอบยิ้มออกมา “โธ่...คุณเครสต์ ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลยนี่คะ...”

 

 

“เจ้าพวกนี้เมื่อไหร่จะยอมแพ้ไปซักทีนะ!?” อารอนสบถอย่างหัวเสีย แม้ว่าเขาจะสามารถกำจัดศัตรูไปได้มากมายแล้ว แต่พวกเทอร์เรอร์ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลย กลับกัน เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้าจนไม่สามารถจัดการพวกมันได้อย่างรวดเร็วเหมือนตอนที่ปะทะกันครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่ตราบใดที่แขนขาของเขายังไม่ขาด และยังมีใจสู้หลงเหลืออยู่ เขาเองก็จะยังไม่ถอดใจง่ายๆเช่นกัน

 

 

“เอาหมู่บ้านของฉันกลับคืนมานะ!!!” อารอนจับดาบมั่นแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาพวกเทอร์เรอร์ที่พร้อมจะดาหน้ากันเข้ามาโจมตีอารอนอีกครั้ง แล้วก็---!

 

 

ฉึก! ฉึก! ฉึก!!

 

 

จู่ๆพวกเทอร์เรอร์สามนายตรงหน้าอารอนก็ล้มลงไปนอนคว่ำแน่นิ่งกับพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่ไม่ใช่ฝีมือของอารอน หรือแม้กระทั่งเครสต์ เพราะสิ่งที่ปักอยู่กลางหลังและท้ายทอยของพวกมันในขณะนี้ไม่ใช่ลูกธนู แต่เป็นอะไรซักอย่างที่ดูคล้ายกับมีด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ประหลาดเสียจนทำให้เขายอมยั้งมือเอาไว้ พวกเทอร์เรอร์แทบทั้งหมดหันไปมองต้นเหตุของมีดเหล่านี้จากด้านหลัง มีร่างๆหนึ่งยืนอยู่บนยอดของกองซากปรักหักพังกองหนึ่งให้ประจักษ์แก่สายตาของทุกๆคน…

 

 

คนๆนี้เป็นเผ่าบีสต์สายพันธุ์แมวเช่นเดียวกับอารอน แต่เธอเป็นเด็กผู้หญิงและมีขนแมวสีโทนม่วง สิ่งที่สะดุดตาทุกคนเป็นอย่างแรกคือผ้าพันคอสีเหลืองที่ชายผ้าปลิวไสวไปตามลมอย่างโดดเด่น ตามมาด้วยผมสีดอกหญ้าที่มัดแกละสองข้างไว้ดูคล่องแคล่ว เสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวเข้มแขนยาวตัวสั้น เผยเอวและทรวดทรงที่เพรียวบาง กางเกงขาสั้นสีดำทรงกระชับที่รัดด้วยเข็มขัดหนังสีดำ ปลอกขาสีเขียวอ่อนซีดคล้ายกับขอบผ้าเสื้อแจ็คเก็ตของเธอ และเธอยืนอยู่บนยอดของซากปรักหักพังเหล่านั้นด้วยเท้าเปล่า...ดวงตาสีทองของเธอกวาดมองไปยังทุกคนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกระโดดขึ้นสูง และขว้างอะไรบางอย่างตรงเข้าใส่พวกเทอร์เรอร์อีกสามสี่นายเช่นเดียวกับพวกที่ล้มลงไปเมื่อกี้

 

 

ฉึก! ฉึก! ฉึก!!

 

 

“อ๊ากกกกกกกกก!!!!! โอ๊ย!!!” พวกเทอร์เรอร์ต่างก็ร้องลั่นเมื่อถูกแทงด้วยสิ่งที่แมวสาวขว้างปาเข้าใส่ แท้จริงแล้วคือมีดบินนั่นเอง ครั้งนี้มีทั้งผู้ที่ถูกมีดปักจนตายและบาดเจ็บ มีดเหล่านั้นปักคาอยู่ที่แขนขาของพวกมันจนต้องร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด

 

 

“นี่มันยังมีพวกอีกเรอะเนี่ย!?”

 

 

“ไม่ได้การแล้ว! พวกมันมีมากเกินไป! ถอนกำลังก่อน!!!”

 

 

“ท่านผู้นำสั่งให้ยึดที่นี่เอาไว้ไม่ใช่เหรอฟะ!?”

 

 

“อยากถูกฆ่ารึไงวะ!? กลับไปรายงานท่านผู้นำก่อนสิโว้ย!!!”

 

 

หลังจากบทสนทนาสั้นๆอันโกลาหลของพวกเทอร์เรอร์ พวกมันเริ่มรามือและรวมกลุ่มพากันหลบหนีหายเข้าป่าไป ทิ้งไว้แต่เพียงความงุนงงและสับสนของพวกอารอนเท่านั้น

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?...พวกมันหนีไปแล้วเหรอ?” ลูเซียถาม

 

 

“ฉ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะปลอดภัยกันแล้วนะคะ” สเตลล่าตอบอย่างไม่แน่ใจ

 

 

“แล้วยัยแมวสาวที่อยู่ตรงนั้นล่ะ?” เครสต์ตั้งคำถาม เขายังไม่ลดการป้องกันตัวลง เขาสัมผัสได้ว่าสถานการณ์นี้ยังไม่น่าไว้วางใจได้ง่ายๆ ตราบใดที่เผ่าบีสต์แมวคนนั้นจับจ้องมาทางพวกเขาแทนพวกเทอร์เรอร์ที่เพิ่งจะวิ่งหนีไปอยู่

 

 

“แอเรียล?...แอเรียล! นั่นเธอใช่มั้ย!?”

 

 

เกิดคำถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถามในใจเพื่อนๆของอารอนเมื่อเขาตะโกนถามชื่อของแมวสาวคนนั้นไปโดยอัตโนมัติ เขารู้จักชื่อของเธอได้อย่างไร? ไม่มีใครรู้คำตอบนี้ และทำได้เพียงมองดูคำตอบผ่านทางกิริยาของอารอนในขณะนี้เท่านั้น รวมทั้งเจ้าแมวสาวที่กระโดดลงมาบนพื้นและค่อยๆเดินมาหาอารอนเช่นกันอีกด้วย

 

 

“พี่ดีใจจริงๆที่เธอปลอดภัย เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านนี้แล้วก็ทุกๆคนล่ะ? พี่นึกว่าเธอจะตายไปแล้วซะ---“

 

 

ฉึก!!!

 

 

“...อีก?”

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าที่ผ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆต่างก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดหย่อน และครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ครั้งนี้คือสิ่งไม่คาดคิดที่เลวร้ายที่สุด เมื่อมีมีดบินเล่มหนึ่งปักเข้ากลางท้องของอารอนที่กำลังสับสนงุนงง...

 

 

“ตายซะเถอะ...เจ้าฆาตกร”

 

 

เสียงอันเยือกเย็นของแมวสาวคนนี้แว่วขึ้นมา ก่อนที่ร่างของอารอนจะค่อยๆลงไปกองกับพื้นเหมือนหุ่นชักใยที่สูญเสียเส้นด้ายที่ตรึงร่างเอาไว้...

 

 

O………………………………………………………………….O

 

To be continued in 11th Memory.

 

ติชมกันได้นะครับผม:pika01:

Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

ตอนใหม่คลอดแล้ว!! และนี่เป็นตอนที่ยาวมากกกกกกกกกกกกกถึง 14 หน้าด้วยกัน อ่านให้เบื่อกันไปข้าง นี่ก็เป็นอีกตอนหนึ่งที่เขียนแล้วแก้นับไม่ถ้วน แถมคนเขียนยังเล่นง่ายด้วยการหั่นเรื่องให้เดินไวขึ้นแบบง่ายๆจนเสี่ยงโดนรุมเพราะขี้เกียจมาก

Heart Remedy 11th Memory: ความทรงจำที่หายไป (Lost Memories)

Spoiler

ความเดิมตอนที่แล้ว – ระหว่างที่พวกอารอนกำลังมุ่งหน้าไปยังเขาสกายไลน์นั้น พวกเขาต้องเดินเท้าผ่านป่าแห่งหนึ่งซึ่งอุดมสมบูรณ์และสวยงาม แต่อารอนกลับแสดงอาการแปลกๆตั้งแต่ที่เริ่มมาถึงป่านี้ และออกวิ่งไปยังที่ไหนซักแห่งในป่านี้เองจนพวกเพื่อนๆของเขาต้องตามอารอนไป และได้พบกับแหล่งซ่องสุมของกลุ่มพวกเทอร์เรอร์ในนามกองกำลังไลท์เทนเนียจำนวนมาก อารอนได้ต่อสู้กับพวกมันอย่างเอาเป็นเอาตายชนิดที่ลูเซียไม่เคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งมีแมวสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และทำให้พวกเทอร์เรอร์จำต้องล่าถอยไป ในขณะที่ยังไม่มีใครจับต้นชนปลายเรื่องราวครั้งนี้ได้ อารอนก็ถูกแมวสาวคนนั้นขว้างมีดปักเข้าไปที่ท้องจนทรุดลงไปกับพื้น...

 

 

Heart Remedy 11th Memory: ความทรงจำที่หายไป (Lost Memories)

 

 

“ไม่น้าาาาาาาาาา!!!!!”

 

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!?!?”

 

 

เสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกของลูเซียและสเตลล่าดังขึ้นทันทีที่อารอนค่อยๆทรุดลงไปกองกับพื้น สเตลล่าเกือบจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว และเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอต้องรักษาเขา “จริงสิ! ฉันต้องรักษาเขา! เอาล่ะ---”

 

 

ฉึก!!! มีมีดบินอีกเล่มซัดเข้ามาแทงที่ข้อเท้าของสเตลล่า…

 

 

“โอ๊ย!!” เธอล้มลงไปกับพื้นและกุมขาของตนอย่างเจ็บปวดจนไม่อาจสวดมนต์อธิษฐานเพื่อรักษาอารอนได้

 

 

“ชิ คราวนี้แหละ ไม่พลาดแน่” แมวสาวปริศนาขนสีม่วงที่อารอนเรียกเธอว่าแอเรียลค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ไปพลาง โยนมีดบินของตนขึ้นลงในมือไปพลางอย่างเลือดเย็น

 

 

“ทำอะไรของแกฟะ!!!!”

 

 

นี่ก็เป็นครั้งแรกของลูเซียเช่นกันที่เธอได้เห็นเครสต์หลุดโมโหขนาดนี้ เธอเห็นเขาเริ่มน้าวสายธนูเปล่าๆที่ดูแล้วน่าสับสน แต่แล้วความสับสนก็กลายเป็นความตื่นตาเมื่อเธอเริ่มมองเห็นประกายไฟฟ้าแปลบปลาบอันรุนแรงและสว่างจ้าที่ก่อตัวขึ้นเป็นสายยาวขนาดพอดีกับคันธนู และมันปล่อยพลังไฟฟ้าแลบออกมาอย่างดุร้ายในมือของเครสต์

 

 

“คิดจะเล่นอะไรน่ะ? ไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นได้หรอก”

 

 

ชั่วพริบตาเดียวเพียงไม่กี่วินาทีที่ลูเซียเห็นเครสต์เตรียมยิงธนู ร่างของแมวขนสีม่วงก็พุ่งเข้ามาใกล้เครสต์อย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัวราวกับไม่ใช่การเคลื่อนไหวของคนธรรมดา เหมือนกับว่าเธอเป็นผีที่คืบคลานเข้ามาเอาชีวิตของเครสต์อย่างฉับพลันเสียมากกว่า และเธอกำลังจะง้างมีดออกมา…

 

 

“เวรแล้ว!? ธันเดอร์ แอโรว์!!! (Thunder Arrow)”

 

 

“เฮ้ย!?”

 

 

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!

 

 

เกิดสายฟ้าผ่าตรงเข้าไปยังแมวสาวขนสีม่วงในระยะเผาขน และเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งแสง เสียง ความเสียหาย และฝุ่นควัน ลูเซียเองก็เคยเห็นฟ้าผ่ามาบ้างเหมือนกัน แต่เธอไม่เคยเห็นฟ้าผ่าในระยะใกล้จนน่าหวาดเสียวขนาดนี้มาก่อน และถ้าจะให้มีฟ้าผ่าเกิดขึ้นใกล้ๆกับตัวเธอจริงๆ บรรยากาศก็คงจะคล้ายกับที่เธอเห็นเครสต์ปล่อยมันออกมาในขณะนี้ หูของเธอแทบดับไปชั่วคราวด้วยเสียงระเบิดของฟ้าผ่านี้จนเธอไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงวี้อันน่าประหลาดที่ดังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ

 

 

จนเมื่อฝุ่นควันจางลง และหูของลูเซียค่อยๆกลับมาได้ยินเสียงรอบข้างอย่างปกติ ทั้งสองสาวก็ได้เห็นภาพที่น่าตกใจ ทั้งเครสต์และแมวสาวขนสีม่วงต่างก็ลงไปนอนหงายกับพื้นในสภาพที่มีบาดแผลเล็กๆแทบทั้งตัว และเสื้อผ้ามีรอยไหม้จากการระเบิดของฟ้าผ่า

 

 

“อึก...อย่างน้อย...เราก็ยิงเข้าเป้าละวะ” เครสต์บ่นพลางโงหัวขึ้นมามองดูศัตรูอย่างทุลักทุเล ในขณะที่ฝ่ายแมวสาวกลับค่อยๆชูสิ่งที่คล้ายหลอดฉีดยาในมือของเธอ และฉีดมันเข้าไปที่ลำตัว และเพียงไม่ถึงนาที บีสต์แมวสาวคนนี้ก็กลับค่อยๆยืนขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ แต่ก็แทบทรงตัวยืนอยู่ได้ยากเต็มที

 

 

“ดูท่าทางฉันจะประมาทไปหน่อย...แค่ก!!...ฝากไว้ก่อนเถอะ!” สิ้นเสียงและอาการสำลักเลือดของแมวสาวขนสีม่วงคนนั้น เธอก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีวิ่งหนีกะเผลกๆหายเข้าป่าไป ไม่มีใครอยู่ในสภาพที่จะไล่ตามเธอไปได้เลย ทุกคนล้วนบาดเจ็บ มีเพียงลูเซียเท่านั้นที่ยังคงไม่บาดเจ็บอะไรนัก เธอต้องทำอะไรซักอย่างให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้

 

 

“อึก!!!” อารอนดึงมีดบินที่ปักอยู่ที่ท้องออกไปแล้วกดปากแผลที่ยังคงมีเลือดไหลทะลักออกมาไว้แน่นอย่างเจ็บปวด ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของเขานอกจากเสียงกัดฟันอย่างอดทนอดกลั้นของเขาเท่านั้น

 

 

“สเตลล่า! รักษาอารอนที!” ลูเซียร้องขอ แต่ไม่เป็นผล สเตลล่าไม่อาจดึงมีดบินออกจากขาของตนได้ ยิ่งเธอพยายามจับมีดที่ปักขาของตน เธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดจนแทบลงไปนอนขดตัวอีกรอบทันที “โอย...เจ็บจังเลย...”

 

 

“ฉันจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ! เจ็บหน่อยนะสเตลล่า!” เด็กสาวรุดเข้าไปดูบาดแผล เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่ข้อเท้าของสเตลล่านั้นแลดูหวาดเสียวสำหรับลูเซียก็จริง แต่เธอต้องทำ เธอจับมีดบินเปื้อนเลือดนั้น และพยายามดึงออกมาอย่างมั่นคงที่สุดเท่าที่ลูเซียจะตั้งสติได้ และเพื่อนของเธอก็กรีดร้องลั่น “อ๊าาา!!!”

 

 

“แฮ่ก...แฮ่ก...เป็นยังไงมั่งสเตลล่า?” ลูเซียถามเพื่อนของเธอทั้งๆที่ในหัวใจยังเต้นถี่รัวด้วยความหวาดกลัว

 

 

“ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ...โอย...แต่ฉันยังยืนไม่ไหวเลยค่ะ...” หญิงสาวมีปีกดูมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ยังคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกุมแผลที่ข้อเท้าของตนไว้แน่นไม่ให้เลือดไหลไปมากกว่านี้

 

 

“พ...พัลส์...สแกน!(Pulse Scan)”

 

 

ทันใดนั้นเครสต์ที่ยังลุกไม่ได้ก็ชูมือขึ้นเหนือหัว และปล่อยคลื่นพลังอะไรซักอย่างที่เบาบางราวกับวงคลื่นของผิวน้ำออกมา ลูเซียที่มองดูปรากฏการณ์นี้ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เครสต์ทำนักว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ซักพักเขาก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาแล้วบอกอะไรบางอย่างกับเธอ “ม...มีคนตรงมาหาพวกเราทางทิศตะวันตก...ระวังด้วยนะลูเซีย...”

 

 

“เดี๋ยวสิเครสต์! ใครมาหาพวกเราน่ะ? เขาเป็นมิตรหรือศัตรู?” ลูเซียได้แต่ถามเครสต์อย่างไร้ทิศทาง และหันมองหาคนที่เขาพูดถึงไปรอบๆตลอดเวลา เธอไม่มีอะไรพร้อมจะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งตอนนี้และต่อจากนี้เลย ทั้งคำถาม ความหวาดกลัว และความสับสนเดือดพล่านอยู่ในหัวของเธอเต็มไปหมด มีเพียงความกล้าของเธอเท่านั้นที่ช่วยคุมสติของเธอเอาไว้ได้ แม้จะไม่ช่วยให้รู้ว่าต้องทำอะไรเป็นลำดับต่อไปก็ตาม ขอแค่มีคนช่วยชี้นำเธอเท่านั้น จนกระทั่งหลายวินาทีต่อมา... ‘คนๆนั้น’ ก็ปรากฏตัวออกมาจากป่าทางด้านทิศตะวันตกตามที่เครสต์บอกจริงๆ

 

Spoiler

 

รูปลักษณ์ภายนอกของ ‘คนๆนั้น’ ที่ลูเซียเห็นต่างจากพวกเทอร์เรอร์อย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกตะลึงงันไปชั่วขณะ คนๆนี้เป็นชาวเผ่าบีสต์ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายสัตว์อะไรซักอย่างที่มีขนสีขาวและมีเส้นผมที่แทบจะเป็นสีเดียวกันกับขนของเขา มีดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกาย แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นสายพันธุ์อะไรเพราะเขาสวมฮู้ดลายตารางสีแดงที่ประดับขนปุยสีขาวคลุมศีรษะเอาไว้ ทั้งตัวยังปกปิดมิดชิดด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำตาล และสวมรองเท้าบู๊ทคู่ใหญ่ที่มีสีเข้มกว่า เธอยังแอบมองเห็นว่าเขาสวมถุงเท้าลายตารางสีแดงสีเดียวกันกับฮู้ดของเขาด้วย หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่ถุงเท้า แต่เป็นถุงน่อง…

 

 

“ตายจริง!? ทุกคนบาดเจ็บกันหมดเลย!” ชาวเผ่าบีสต์คนนั้นเปล่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา จนลูเซียตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงของคนๆนี้และรู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง เธอวิ่งเข้ามาหาพวกลูเซียที่กำลังบาดเจ็บอยู่พร้อมกับอาสาความช่วยเหลือทันที “เดี๋ยวฉันจะปฐมพยาบาลให้นะ!”

 

 

“ช่วยสเตลล่าก่อนค่ะ! เธอใช้พลังรักษาทุกคนได้ค่ะ!” ลูเซียตะโกนบอกสาวเผ่าบีสต์อย่างมีความหวังพร้อมกับชี้ไปที่หญิงสาวมีปีก เธอคนนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมล้วงหยิบยาและอุปกรณ์พันแผลเพื่อทำการปฐมพยาบาลสเตลล่าทันที แม้ยาของสาวเผ่าบีสต์จะทำให้สเตลล่ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนต้องให้ลูเซียเข้ามาช่วยปลอบประโลมเธอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าพึงพอใจมาก หลังจากที่สเตลล่าได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่นาที เธอก็สามารถลุกขึ้นยืนได้โดยมีลูเซียคอยช่วยประคองอีกที เธอประสานมือที่หน้าอกพร้อมกับกางปีกออกมาอีกครั้ง

 

 

“ด้วยพลังแห่งดวงดาว ฉันขออธิษฐานให้อารอนกับเครสต์ได้รับการเยียวยาบาดแผลให้กลับมาหายดีด้วยเถิด! วิชชิ่งสตาร์! (Wishing Star)”

 

 

ในวินาทีนั้นเอง กลุ่มก้อนแสงรูปดาวสองกลุ่มก็ได้ร่วงหล่นจากฟากฟ้าตรงมายังร่างของเครสต์และอารอน เกิดเสียงดังโพละพร้อมกับประกายแสงสว่าง ร่างของทั้งสองคนเรืองแสงจางๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บาดแผลของพวกเขาจะค่อยๆสมานตัวเองจนกลับมาเป็นปกติ และเครสต์สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งเหมือนกับสเตลล่า

 

 

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันจะได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของชาวเซเลสเทียในตำนานแบบนี้ ยอดไปเลย...” สาวเผ่าบีสต์ขนปุยสีขาวเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจและตื่นตาเมื่อได้เห็นสเตลล่ารักษาเพื่อนๆของเธอ

 

 

“อึก...เอ๋? แผลหายดีแล้วเหรอ?” อารอนมีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่เขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว แต่เขายังคงนั่งอยู่กับพื้น

 

 

“นี่เราได้รับการรักษาจากสเตลล่าสินะ? ขอบคุณมากนะ!” เครสต์กล่าวขอบคุณให้สเตลล่า เธอก็ยิ้มให้และพยักหน้าเป็นการตอบรับ

 

 

“พวกเราไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ไปหาคุณอารอนเถอะค่ะคุณลูเซีย คุณเป็นห่วงเขามากเลยนี่นา” สเตลล่าหันมาส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเพื่อนสาวของเธอ ลูเซียพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆผละออกจากสเตลล่าอย่างเบามือจนแน่ใจว่าเธอยืนเองได้ แล้วรุดเข้าไปหาอารอนอย่างเป็นห่วงเป็นใย

 

 

“อารอน ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ฉันนึกว่าเธอจะบาดเจ็บหนักจนเป็นอะไรไปแล้---หา?”

 

 

เด็กสาวชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นใบหน้าของอารอน คนที่เคยปกป้องเธอมาตลอด

 

 

กิริยาท่าทางที่อ่อนแอ แววตาที่ไร้ความหวัง ลักษณะเช่นนี้แตกต่างจากอารอนที่เธอเคยรู้จักเสียจนเธอคิดว่าอารอนกลายเป็นคนแปลกหน้าไปชั่วขณะ...แต่เธอส่ายหน้าแรงๆเพื่อเรียกสติตัวเอง ดูยังไงคนที่อยู่ตรงหน้าก็คืออารอนชัดๆ

 

 

“อารอน! นี่! เธอได้ยินฉันมั้ย?” เด็กสาวลองเรียกอารอนด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย เจ้าแมวหนุ่มกลับสะดุ้ง และหันมามองเธออย่างสับสน “อะ...ขออภัยด้วยขอรับ...กระผมไม่เป็นไร”

 

 

“จริงเหรอ?...ไม่ใช่ว่าบาดแผลเธอยังไม่หายดีนะ?” ลูเซียถามอย่างไม่ไว้ใจความรู้สึกของอารอนนัก ดูยังไงอารอนก็ยังไม่สบายดี เขาได้แต่ส่ายหน้าและค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก

 

 

“ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณ...เอ่อ?” สเตลล่ากำลังลังเลว่าจะเรียกสาวเผ่าบีสต์ขนสีขาวผู้เมตตาคนนี้ว่าอย่างไรดี เธอคนนั้นก็แนะนำตัวให้เอง “เรียกฉันว่าพริสซิลล่าก็ได้จ้ะ ฉันเจอทหารของพวกเทอร์เรอร์พากันวิ่งออกไปจากป่า จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่น ฉันก็เลยรีบวิ่งมาที่นี่จนเจอพวกเธอนี่แหละ”

 

 

“พวกเราย้ายที่คุยกันดีกว่านะ ท่าทางพวกเรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ ทั้งอารอนแล้วก็คุณพริซซิลล่าด้วย” เครสต์เสนอพร้อมทั้งชี้ไปยังใต้ร่มเงาของต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่อีกฟากของหมู่บ้านในป่าที่พังทลายนี้ ยกเว้นอารอนที่ต้องให้ลูเซียจูงมือไปจึงจะมีแรงเดินตาม

 

 

เมื่อพวกอารอนไปยังตำแหน่งที่เครสต์บอก ทุกคนก็ยิ่งมองเห็นรายละเอียดของสถานที่นั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี้มีโบสถ์ไม้เก่าๆหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวที่ภายนอกดูสมบูรณ์และเสียหายน้อยที่สุดในพื้นที่แห่งนี้ แม้จะมีการปักธงสีแดงของกองทัพไลท์เทนเนียอยู่หน้าทางเข้าแล้วก็ตาม เครสต์อาสานำหน้าทุกคนไปดูลาดเลาภายในโบสถ์ก่อน

 

 

เขาพบว่าโบสถ์ภายนอกดูไม่ค่อยมีอะไรเสียหายก็จริง แต่ภายในนี้ไม่ใช่เลย วัตถุเคารพบูชาและม้านั่งยาวหลายตัวภายในนี้ถูกทำลายจนเสียหาย แทนที่ด้วยอุปกรณ์เสบียงคลังของพวกเทอร์เรอร์จำนวนหนึ่งที่ถูกปล่อยร้างเอาไว้ไม่มีใครมาเก็บกลับไปเท่านั้น แม้ว่าภายในนี้ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่เครสต์คิดว่าสภาพแวดล้อมดูไม่น่าเหมาะที่จะนั่งคุยกัน เขาจึงเรียกให้เพื่อนๆมานั่งล้อมวงคุยกันบนพื้นดินที่ว่างๆหน้าโบสถ์นี้แทน

 

 

การพูดคุยกันของพวกเขาเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวของพวกอารอน ตามด้วยเรื่องราวการหลบหนีของอารอนและลูเซีย และการพบปะกับสเตลล่าและเครสต์ โดยพริซซิลล่าก็ตั้งอกตั้งใจฟังพวกเขาอย่างดี แถมยังตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าลูเซียเป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรนี้ด้วย เธอรีบคุกเข่าลงตรงหน้าลูเซีย และทำความเคารพด้วยการเปิดฮู้ดที่คลุมศีรษะของเธอออก เผยทรงผมที่มีผมสีขาวยาวพอเหมาะกำลังน่ารัก และด้วยหูเล็กๆของเธอที่มีลักษณะเฉพาะตัว จมูกที่ยื่นแหลมออกมาเล็กน้อย กับขนสีขาวราวหิมะนี้ ตัวจริงของเธอคือเผ่าบีสต์สายพันธุ์จิ้งจอกหิมะนั่นเอง

 

 

“เป็นเรื่องที่ทั้งน่าตื่นเต้นแล้วก็น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งค่ะ โดยเฉพาะ...เอ่อ หม่อมฉัน...” พริซซิลล่ามีท่าทีกระอักกระอ่วนว่าจะพูดกับลูเซียอย่างไรดี แน่นอนว่าลูเซียมองออกถึงความลังเลนี้ เธอจึงประกาศเจตจำนงกับพริซซิลล่าเหมือนที่เคยประกาศให้เพื่อนๆของเธอฟัง “ฉันอยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกัน รวมทั้งคุณด้วยนะคะคุณพริซซิลล่า คุณใช้คำสามัญพูดคุยกับฉันได้อย่างปกติเลยค่ะ”

 

 

จิ้งจอกสาวดูมีท่าทีโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งกับพื้นดังเดิมอย่างเกรงอกเกรงใจแม้ลูเซียจะอำนวยความเป็นกันเองระดับหนึ่งแล้วก็ตาม จากนั้นลูเซียก็เริ่มเล่าต่อถึงเป้าหมายที่เธอต้องการรวบรวมพรรคพวกที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยในการต่อสู้กับพวกเทอร์เรอร์ และการพาสเตลล่ากลับดินแดนของตนให้ได้ด้วย

 

 

“พอจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดล่ะ...” พริซซิลล่าที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดทำท่าครุ่นคิด “แต่การจะหายอดฝีมือในอาณาจักรนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ ไหนจะการเกลี้ยกล่อมให้เขามาเข้าร่วม ไหนจะระยะทางที่มีเป้าหมายไม่แน่นอนอีก...”

 

 

“แล้วคุณพริซซิลล่าต่อสู้ได้รึเปล่าคะ? ฉันยินดีรับนะ” ลูเซียถือโอกาสเชิญชวนทันที แต่จิ้งจอกสาวก็ส่ายหน้าแบบยิ้มๆ “แหม ไม่หรอกจ้ะ ตัวฉันก็เป็นแค่นักเดินทางธรรมดาๆที่สู้กับคนอื่นเขาไม่เป็นเท่านั้นเอง”

 

 

“ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ต้องขอบคุณคุณพริซซิลล่ามากๆเลยนะคะ ถ้าไม่มีคุณช่วยไว้ พวกเราต้องแย่แน่ๆเลย” ลูเซียกล่าวขอบคุณเธออย่างใจจริง จิ้งจอกสาวก็รับคำขอบคุณของเธอไว้ด้วยรอยยิ้ม

 

 

จากนั้นพริซซิลล่าก็นึกคำถามหนึ่งขึ้นมาได้ “จะว่าไปทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

 

 

“เรื่องนั้น...” เด็กสาวได้แต่อ้ำอื้ง นึกคำพูดไม่ถูก ได้แต่มองไปยังอารอนที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่คนเดียวในกลุ่ม “ตั้งแต่เรามาถึงน้ำตกใหญ่ในป่านี้ อารอนก็พูดเหมือนว่าเขาจำอะไรได้ขึ้นมา และวิ่งมายังที่นี่ได้เอง ส่วนพวกเราได้แต่ตามเขามาน่ะค่ะ”

 

 

ทุกคนมองมายังอารอนเป็นสายตาเดียวเพื่อรอฟังคำตอบ...แต่ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาเป็นนาทีกว่าคำตอบนั้นจะเอ่ยออกมาจากปากของอารอนได้ ซึ่งก็ยังคงมีน้ำเสียงสั่นเครืออยู่ดี

 

 

“ที่นี่...เป็นบ้านเกิดของฉันเองแหละ ส่วน...บีสต์แมวขนสีม่วงที่พวกเธอเห็นนั่น คือแอเรียล น้องสาวของฉันเอง”

 

Spoiler

 

ทุกคนโดยเฉพาะลูเซียรู้สึกตกใจอย่างมาก เธอถามขึ้นอย่างรีบร้อน “น-น้องสาวงั้นเหรอ? แล้วทำไมคนๆนั้นคิดจะฆ่าเธอที่เป็นพี่ชายล่ะ? แถมยังบอกว่าเธอเป็นฆาตกรด้วย”

 

 

“ฉันก็ไม่รู้...ฉันจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรไม่ดีกับเธอไว้รึเปล่า แต่เรื่องที่โหดร้ายอย่างฆ่าใครซักคนนี่ไม่เคยแน่ๆ” อารอนเริ่มกุมหัวตัวเองอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอมีบ้านเกิดที่นี่...ท่านพ่อเคยบอกแค่ว่าพาเธอมาจากกลางป่าแท้ๆ…แต่ตอนนี้หมู่บ้านนี้...” ลูเซียไม่พูดอะไรต่อ เธอไม่อยากบรรยายสภาพที่เลวร้ายไปมากกว่านี้

 

 

น้ำเสียงของอารอนดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิมขึ้นเรื่อยๆ “ทำไม..ทำไมเธอต้องคิดจะทำร้ายฉันด้วย แค่เรื่องหมู่บ้านของฉันถูกทำลายก็แย่พออยู่แล้วนะ ครอบครัวฉันอยู่ที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นกับแอเรียลกันแน่---เอ๊ะ?”

 

 

ชั่วขณะที่อารอนกำลังจมอยู่กับความกดดันและความสับสนในจิตใจ ลูเซียก็วางฝ่ามือลงบนหัวของอารอนอย่างอ่อนโยน และลูบหัวให้เขาเบาๆ… “ใจเย็นๆนะอารอน...ฉันเชื่อว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้องมันไม่เปราะบางขนาดนั้นหรอก ถ้าเธอได้ปรับความเข้าใจกับแอเรียลละก็ จะต้องกลับมาคืนดีกันได้แน่ๆเลย”

 

 

“ใช่ค่ะคุณอารอน ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกับคุณแน่ๆถึงทำเช่นนี้น่ะค่ะ คุณจะเป็นฆาตกรไปได้ยังไง” สเตลล่าเองก็ช่วยเสริมด้วย

 

 

    “หมู่บ้านของนายอาจจะถูกทำลายไปก็จริง แต่ครอบครัวนายไม่หายไปไหนหรอก พวกเขาจะต้องหลบหนีออกไปอยู่ที่ไหนซักแห่งในดินแดนนี้แน่นอน” เครสต์ก็ช่วยพูดให้เช่นกัน

 

 

“ฉันเองก็เห็นด้วยกับเพื่อนๆของเธอนะอารอน” พริซซิลล่าสนับสนุนคำพูดของเพื่อนๆให้อีกคน “ทุกสิ่งทุกอย่างมีสาเหตุเสมอ ถ้าเธอเชื่อมั่นในสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเธอจริงๆ เธอจะต้องปรับความเข้าใจกับแอเรียลได้แน่”

 

 

“จริงเหรอครับ?” อารอนเงยหน้าขึ้นถาม จิ้งจอกสาวก็หัวเราะเบาๆ “ฮุๆ พวกเธออาจจะไม่ได้รู้ตัวหรอก แต่ฉันเชื่ออย่างนั้นจ้ะ”

 

 

แม้จะไม่ได้คำตอบที่เป็นรูปธรรม แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อารอนรู้สึกดีขึ้นจนยิ้มออกมาได้ดังเดิม “นั่นสินะ...บางทีฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้ ขอบคุณทุกคนมากเลย ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ”

 

 

“แล้วเรื่องที่เธอเดินไปหาน้ำตกล่ะ?” ลูเซียถามต่อ

 

 

“อึก…” อารอนชะงัก เขาพยายามจะนึกสาเหตุให้ได้ แต่มันเลือนรางเสียจนเขานึกอะไรไม่ออก รอยยิ้มที่เพิ่งจะเกิดค่อยๆหายไป “เรื่องนั้น...กระผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมต้องเดินไปหาน้ำตก อย่างที่เคยบอกไป ร่างกายของกระผมตอบสนองไปเอง แต่พอผมนึกถึงที่นี่ที่ซึ่งครอบครัวของผมอยู่ ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมหายตัวไปนานมาก และเป็นห่วงครอบครัวของผมว่าจะเป็นยังไงบ้าง ก็เลยวิ่งมาที่นี่แบบไม่คิดชีวิตเลยน่ะขอรับ”

 

 

“หายตัวไปนาน? คุณอารอนรู้ได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณจำเรื่องราวของบ้านเกิดตัวเองไม่ได้จนเพิ่งจะนึกขึ้นได้วันนี้น่ะคะ?” สเตลล่าเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

 

 

“ตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ ฉันอาศัยอยู่ในเขตปราสาทไลท์เทนเนียมาราวๆสามปีแล้วน่ะ” อารอนตอบ

 

 

    “สามปีเชียวเลยเหรอคะ” สเตลล่าอุทานอย่างประหลาดใจ “นี่ถ้าฉันเป็นน้องสาวของคุณอารอน พี่ชายหายตัวไปนานขนาดนั้นก็คงต้องเป็นห่วงมากๆเลย แต่นี่แอเรียลกลับทำร้ายพี่ชายตัวเองเสียอย่างนั้น…”

 

 

“ฉันรู้สึกว่าปริศนานี้ดูจะคลุมเครือเกินกว่าที่เราจะคิดออกได้ในตอนนี้น่ะนะ...ตอนนี้พวกเราก็รู้แน่ชัดแล้วว่านายสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ ถ้านายนึกเรื่องราวทั้งหมดออกได้เมื่อไหร่ เราก็อาจจะรู้สาเหตุที่แอเรียลพยายามฆ่านายก็ได้ จริงมั้ย?” เครสต์บอกกับเพื่อนของเขาเหมือนเป็นเชิงสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น อารอนก็ยิ้มขึ้นมานิดๆอย่างโล่งใจ

 

 

“อา ดูเหมือนจะได้เวลาที่ฉันจะต้องไปแล้วล่ะนะ” จู่ๆพริซซิลล่าก็ค่อยๆลุกขึ้นและพูดเหมือนจะบอกลาทุกคน แล้วเธอก็ถามทุกคน “หลังจากนี้พวกเธอจะทำยังไงต่อรึ?”

 

 

“ก็คงต้องออกเดินทางตามหาพรรคพวก และหาทางพาสเตลล่ากลับบ้านให้ได้กันต่อเหมือนอย่างที่เคยบอกไปน่ะค่ะ” ลูเซียตอบด้วยเจตนารมณ์เดิม “เรื่องอดีตของอารอนเราจะพักไว้ก่อน พวกเรายังมีเบาะแสน้อยเกินไป แต่ถ้าเราได้เจอกับน้องสาวของเขาอีกครั้ง พวกเราก็จะต้องทำให้อารอนได้มีโอกาสคุยกับเธอให้ได้ค่ะ”

 

 

“แล้วมีค่าใช้จ่ายเพียงพอตลอดการเดินทางอยู่รึเปล่า?” จิ้งจอกสาวถามต่อ และนั่นทำให้ลูเซียต้องหยุดคิด เธอไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เพราะพวกเธอไม่ใช่กลุ่มนักรบรับจ้างที่จะคอยรับค่าจ้างจากใคร หรือไปล่าค่าหัวใครซักคนเพื่อประทังชีวิต “เอ่อ...เรื่องนั้น พวกเราไม่ทราบจริงๆค่ะว่าจะไปหาเงินจากที่ไหนดี คุณพอจะรู้มั้ยคะ?”

 

 

“ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอก รับนี่ไปสิ” พริซซิลล่าพูดแล้วก็หยิบของสิ่งๆหนึ่งจากในเสื้อคลุมของเธอมายื่นให้กับลูเซีย และนั่นก็ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมากจนทุกคนแทบร้องลั่นออกมา

 

 

“เฮ้ยยยยยยย!?!? นี่มัน!?”

 

 

มันคือเพชรผ่านการเจียระไนแล้วที่มีขนาดเม็ดโตขนาดเท่านิ้วโป้งของมนุษย์!

 

 

“บ้าไปแล้ว! นี่มันอัญมณีที่เรียกได้ว่าหายากที่สุด และราคาสูงที่สุดในบรรดาอัญมณีทั้งปวงเลยเชียวนะ!” เครสต์ทำหน้าตาตื่นตกใจเสียยิ่งกว่าใครๆทุกคน ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่รู้จักมูลค่าของมันเป็นอย่างดี

 

 

            “ดูเหมือนจะมีมูลค่าสูงยิ่งกว่าแซฟไฟร์ที่ใช้ทำตราสัญลักษณ์ของตระกูลของฉันเสียอีกนะเนี่ย…” ลูเซียเองก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เธอได้เห็นอัญมณีหายากอยู่ตรงหน้า

 

 

             “ช่างเป็นอัญมณีที่สวยงามจริงๆเลยค่ะ สิ่งนี้เรียกว่าเพชรงั้นเหรอ...ว้าว…ระยิบระยับสวยงามจังเลย” ดูเหมือนสเตลล่าจะหลงไหลไปกับความสวยงามของมันมากกว่ามูลค่าของมันเสียอีก

 

 

            “แต่คุณจะให้สิ่งที่มีค่ามากขนาดนี้กับพวกเราจริงๆเหรอครับ!? พวกเรามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายก็จริง แต่ด้วยสิ่งนี้น่ะ พวกเรารับไม่ไหวหรอกครับ!?” อารอนปฏิเสธทันที สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มีค่าเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมให้พริซซิลล่าเสียสละทรัพย์ส่วนตนที่มีค่ามากขนาดนี้ให้

 

 

           “ไม่เป็นไรหรอก ฉันน่ะมีเพชรขนาดเท่านี้อยู่กับตัวอีกเม็ดนึงน่ะจ้ะ” พริซซิลล่ากล่าวพร้อมกับยิ้มหวาน และนั่นก็กลับทำให้พวกอารอนต้องอ้าปากค้างอีกรอบ “ห๊าาาาาาาา!?!?”

 

 

            “ฉันยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้หรอกว่าทำไมฉันถึงมีสิ่งนี้อยู่กับตัว แต่ถ้ามันจะช่วยในการทำให้ภารกิจขององค์หญิงลูเซียสำเร็จลุล่วงได้ง่ายขึ้น และทำให้อาณาจักรนี้หลุดพ้นจากการปกครองของพวกเทอร์เรอร์ได้ละก็ ฉันยินดีจะมอบให้จ้ะ” เธอได้กล่าวต่อด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น แสดงถึงคำตอบที่เธอต้องการจะมอบให้แก่พวกอารอนโดยไม่มีข้อแม้ตุกติกใดๆ ส่วนลูเซียก็ลังเลอยู่นานมากกว่าเธอจะยอมรับเพชรเม็ดโตนี้มาจากจิ้งจอกสาวได้ “ข...ขอบคุณอย่างสูงจริงๆค่ะ...ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของคุณแน่ๆเลยค่ะ คุณพริซซิลล่า”

 

 

          “เจ้าหญิงของอาณาจักรนี้แสดงความขอบคุณต่อฉันขนาดนี้ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเช่นกันค่ะ” พริซซิลล่าย่อเข่าแสดงความเคารพต่อลูเซียเช่นกัน นี่เป็นอีกภาพหนึ่งที่น่าประทับใจสำหรับพวกอารอนมากทีเดียว

 

 

            “เก็บรักษาเพชรเม็ดนั้นไว้ดีๆนะ ถ้าอย่างนั้นละก็ ฉันยังมีที่ๆต้องไปต่ออยู่อีก ขอลาล่ะนะทุกคน”

 

 

           “แล้วพบกันอีกนะคะคุณพริซซิลล่า! ขอบคุณจริงๆนะคะ!”

 

 

            ทั้งสองฝ่ายได้โบกมือลาซึ่งกันและกัน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกกันไปตามเส้นทางของตนเอง ส่วนอารอนก็จำต้องละทิ้งความทรงจำที่คลุมเครือของบ้านเกิดที่ถูกทำลายไปไว้ที่นี่ เขายังมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ มากกว่าจะมามัวอาลัยอาวรณ์อยู่กับที่นี่

 

 

           “ลาก่อนนะ...บ้านเกิดของฉัน” อารอนเอ่ยรำพึงเบาๆคล้อยหลังก่อนที่จะออกเดินตามพวกลูเซียที่มุ่งหน้าออกจากป่าต่อไป

 

………..

 

….…

 

 

“จะว่าไปแล้ว…” จู่ๆเครสต์ก็เอ่ยขึ้นมา พวกอารอนยังคงเดินไปตามทางโดยไม่หยุดสงสัยในสิ่งที่เครสต์พูดจนกระทั่งเขาเอ่ยต่อไป “เราได้เพชรมาแล้วจะเอาไปแปลงเป็นเงินที่ไหนล่ะ?”

 

 

             ทุกคนหยุดก้าวเดินต่อโดยพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างคนต่างมองหน้ากันราวกับจะสื่อโทรจิตว่า ‘ใครก็ได้ตอบที...’

 

 

O………………………………………………………………….O

 

To be continued in 12th Memory.

 

เช่นเคยนะฮะ ติชมกันได้ครับผม:latias_smile:

Link to comment
Share on other sites

อ่านไล่ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ :pika01: สนุกดีนะคะ เนื้อเรื่องลุ้นดี ชอบเครสต์มากค่ะ >w< รอติดตามอยู่นะคะว่าทำไมแอเรียลถึงโจมตีอารอน!? พริสซิล่าเป็นใครกันแน่!? เอาใจช่วยพวกอารอนอยู่เน่อ :pika03:

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

  • 7 months later...

นี่คือการอัพฟิคครั้งแรกในรอบปี!!! //ผิด

ขอโทษทุกคนที่หายไปนานมากเลย:pika16: แต่ตอนนี้ก็แต่งตอนต่อไปออกมาได้แล้ว บางครั้งอาจจะหมดไฟจนไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่แต่งฟิคบ้าง แต่ตอนนี้ก็กลับมาลงตอนใหม่ให้ทุกคนได้รับชมละนะครับ ฝีมืออาจจะดรอปๆลงไปบ้าง แถมยังยาวไปหลายหน้า ก็ขออภัยด้วยนะครับ:pika12:

 

 

ติชมได้ครับผม

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

โอ้ ตอนนี้เป็นตอนที่มีความคืบหน้าพอสมควรเลยแฮะ สมแล้วที่ 13 หน้า ถถถ //ผิด

ยังบรรยายเรื่องต่อสู้ได้ดีเช่นเคยค่ะ 'w'b ชอบฉากของเครสต์กับสเตลล่าด้วย น่ารักดี ~

แอบเสียดายนิดหน่อยที่ลูเซียไม่ได้สู้ แต่ก็เอาเถอะ ติดตามชมตอนต่อไปค่ะ ไฟโตะ !

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

โอ้ว ฉากซ้อมต่อสู้แต่งได้ลุ้นและสนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ 'w'b แต่เหนือสิ่งอื่นใด...

เครสต์ x สเตลล่า น่ารักโฮกกกกกกกกกก :pika10: ชอบสุดๆ b>///<d

เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ รอติดตามชนตอนต่อไปค่า~ \>w</

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

  • 1 month later...

ฟิคตอนใหม่รอบนี้พยายามย่อให้สั้นลงที่สุดเท่าที่จะทำได้ละ เพื่อไม่ให้คนอ่านเมื่อยสายตา เหอๆ ไม่พร่ำเพ้ออะไรมากครับ เชิญรับชมฟิคตอนต่อไปกันได้ครับผม

คอมเม้นต์กันมาได้จ้า

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

สรุปเวสต์กับเครสต์คือคนเดียวกันหรือแค่ทักคนผิดจริงๆกันนะ :pika04:

เป็นตอนที่ปริศนาเยอะพอสมควรเลย ทั้งเรื่องเผ่าบีสต์และปมของเครสต์ แต่ยังไงก็ต้องดูกันต่อไป 'w'b

ชอบการบรรยายที่แหวกแนวจากแนวแฟนตาซีค่ะ อีกอย่างคือ การ์เร็ตต์มีบทแล้ว กรี๊สสส //ผิดประเด็นโว้ย !

ยังไงก็ตาม รอตอนต่อไปค่ะ ~

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

มีความเป็นไปได้ว่าเครสต์จะเคยใช้ชื่อเวสต์แล้วเป็นเพื่อนกับการ์เร็ตต์มาก่อนนะนี่ :pika04:

ทำไมที่นี่ถึงมีแต่บีสต์นะ แถมเขตโรงงานกับใจกลางเมืองยังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอีก...

...เอาเถอะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ :pika01: ป.ล. ทำไมรู้สึกว่าการ์เร็ตต์ดูหล่อๆ----- //ผิด

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

  • 1 year later...

นี่เราไม่ได้อัพฟิคมาเกือบ 2 ปีเลยเรอะ!?!? 

เอาล่ะ เข้าเรื่อง เอาจริงๆตอนแต่งก็แอบท้อนะ ว่าเราจะแต่งจบได้รึเปล่า เพราะเวลามันติดแล้วมันยากเหลือเกินที่จะแต่งต่อได้ ผมก็เลยคิดเลิกแต่งฟิคแล้ววาดรูปหรือคิตพล็อตไว้เป็นแค่ข้อมูลของออริไปเรื่อยๆไปวันๆ

แต่สุดท้าย ผมก็ทิ้งฟิคนี้ไม่ลงอ่ะ ก็เลยจะพยายามเท่าที่ผมจะทำได้ จะเขียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบ เพราะยังไงพวกอารอนก็จะไม่หายไปไหนจากใจผมแน่นอนครับ ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย

สำหรับใครที่จำตอนเก่าๆไม่ได้ สามารถมาหาอ่านได้ที่ลิงค์เหล่านี้ได้เลยนะครับ

Spoiler

ปฐมบท 

https://docs.google.com/document/d/1TJHnla0VwJgUV2ER6-c6vp8cnrJqzr6FxwiIlo6IrpI/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 1 Fugitive Girl (เด็กสาวผู้หลบหนี)

https://docs.google.com/document/d/11w3dDcpyvee7Hgre_LubOgFJ_M88Et_qJLTp7WR-vxM/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 2 Light in the Darkness (แสงสว่างท่ามกลางความมืด)

https://docs.google.com/document/d/1x6DhsAWDCfZbx7nLHNyJFM9aHAHM2WONFJDXrkC_xII/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 3 Secret Passage(เส้นทางลับ)

https://docs.google.com/document/d/1poZx_yBlggRsLcU-41z_qUQ74uuooeIRUky8L9jOsEc/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 4 Spider Rampage(แมงมุมคลั่ง)

https://docs.google.com/document/d/15F3dtFqUSNWdlkyEZb_ECsE0BWMVdP0l36ArIffq3iE/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 5 Angel Appear (นางฟ้าปรากฏกาย)

https://docs.google.com/document/d/1oQsNqc2eOOtCgWTr-Qw1jxNisyPBzXUD6XgMAI9Mb4U/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 6 Fallen Angel (นางฟ้าตกสวรรค์)

https://docs.google.com/document/d/17C9IpAOLHH78R7PnCxR4nsm1t0WNBoKoSrmVhLZHkso/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 7 Angel Hunter (นักล่านางฟ้า)

https://docs.google.com/document/d/1PmjqWNTN5LPRih0mSQyRrHJDYPOU8RoLG9uZxLaWWfM/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 8 Angel Saver (ผู้กอบกู้นางฟ้า)

https://docs.google.com/document/d/1Qc_-4_Zg9a0aDz4MTksk-9J3q905LvFV1_Z0bzikoX0/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 9 First Step (ก้าวแรก)

https://docs.google.com/document/d/10eLX0IFQ8hZXs5asPold3rT_i7485tDeznEEvi34InQ/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 10 Unexpected Reunion (การกลับมาพบกันที่ไม่คาดคิด)

https://docs.google.com/document/d/1BX-zgJHsCguYixGb8xGdIuPJ3eJLf4uECo8J4o0Ag7Y/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 11 Lost Memories (ความทรงจำที่หายไป)

https://docs.google.com/document/d/1QhtAmkKQZYmBARjere3Crh8FarLs40NKI702h8H7CL8/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 12 Friendly Match (นัดกระชับมิตร)

https://docs.google.com/document/d/1xYeqE2hX9grcnxh6AuAnt4CkmcPEMYuNsOFIqwXjjWA/edit?usp=sharing

 

ตอนที่ 13 Old Pal (เพื่อนเก่า)

https://docs.google.com/document/d/166geX2qNwTgAbgS4cy2hytNa5Za9mAu88yNxRfkP6PQ/edit?usp=sharing

 

คอมเม้นต์กันมาได้นะครับ ; v ;

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

พริซซิลล่า เธอมันร้ายยยย ._. ว่าอยู่แล้วเชียวว่าทุกอย่างมันดูจงใจแปลกๆ แล้วจะทำยังไงต่อไปกันล่ะเนี่ยยยย

ปล. ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีพลิกล็อคอีกมั้ย แบบว่าแผนซ้อนแผนไรงี้ ติดตามๆ

  • Like 1
Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.