Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[น 13+] เงินที่เสียไป กับเพื่อนคนนึง


Dreammaker

Recommended Posts

คำเตือนก่อนอ่าน

ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฟิค แค่ผมไปเจอมา พอกลับมาก็พิมพ์สดๆ อยากจะแชร์ให้คนอื่นรู้ ดังนั้น เนื้อเรื่องอาจจะดูแปร่งๆ หน่อย เพราะไม่ได้วางโครงเรื่อง

อาจจะลืมเล่าตรงบางจุดหรืออะไรไปนิด เพราะว่า เรื่องมันก็ถือว่าเยอะ และหนักมากสำหรับผม

ผมค่อนข้างจะรีบพิมพ์ คงมีคำผิดอยู่เยอะ เพราะงั้น ขอให้ทำใจครับ

=======================================================================

เวลาประมาณตีสี่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2553 ผมกำลังพยายามข่มตาหลับหลังจากที่เพิ่งปิดคอมได้ไม่นาน ภาพของบอร์ดโปเกมอนเบสิกยังคงอยู่ในหัวของผม ก่อนที่ผมจะออกจากบอร์ด การคุยกับพี่โต้งยังค้างคาในหัวผมอยู่เลย จนกระทั่งตาของผมเริ่มปิดลง ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น

~ Yuuki rinrin genki hatsuratsu Kyoumi shinshin iki youyou ~

เสียงโทรศัพท์ของผมนั่นเอง ผมรับโทรศัพท์ด้วยอาการค่อนข้างหัวเสีย จะไม่ให้หัวเสียได้ยังไงล่ะ คนกำลังจะหลับจะนอน แถมช่วงสอบอีกต่างหาก ที่สำคัญนะ พรุ่งนี้มีนัดซะด้วยสิ นัดไปเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ซึ่งผมเองก้เป็นเจ้าภาพออกไอเดียเสียด้วย มันจะโทรมาทำไมดึกๆ นะ

"ฮัลโหล" ผมรับสายด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหัวเสีย

"เห้ยมึง มึงช่วยมาหากุตอนนี้เลยได้มั้ย" เสียงของไอ้ปืน เพื่อนที่เหมือนจะสนิทกับผมพูด

"โห่ จะไปหาได้ยังไงวะ ตีสี่แล้วนะเว้ย พรุ่งนี้ผมมีนัดด้วย ไม่เอาละ ไม่ไปๆ" ผมตอบ

"มาเหอะน่า กุขอร้อง ตอนนี้เลย" มันยังพยายามคะยั้นคะยอ

"เห้ย นี่มันตีสี่แล้วนะเว้ย คนจะหลับจะนอน โทรมารบกวนทำไมวะ มีไรก็ว่ามาดิ"

"คือว่า" มันลดเสียงลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกลั้นใจพูดความจริงออกไป "กุไม่อยากอยู่คนเดียวว่ะ"

"เห้ย" ผมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี "เป็นไรมากป่าววะ มีไรก็เล่ามาดิ"

"มึงมาหากุหน่อยดิ กุขอร้อง ให้กุกราบตีนก็ยอมละ" เสียงสะอื้นเริ่มลอดเข้ามาทางโทรศัพท์ "ช่วยกุด้วย"

ตอนนั้นผมรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาในทันที มันเป็นผู้ชายนะ มันเป็นนักมวยโรงเรียน มันเป็นคนเถื่อนๆ ค่อนข้างจะแข็งๆ แถมใจร้อนด้วย ทำไมคนอย่างมันถึงได้โทรมาร้องไห้ให้ผมฟังนะ คนอย่างมัน ดูยังไงก็ไม่น่าจะร้องไห้ต่อหน้าใครง่ายๆ มันคงเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แหละ มันถึงได้ทำขนาดนี้

"เออๆ ก็ได้ๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวรีบจัดเสื้อผ้าแล้วจะออกไป" ผมพูดแล้วกดวางโทรศัพท์

หลังจากนั้น ผมรีบคว้าเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวยัดใส่กระเป๋า เตรียมกุญแจห้อง กระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือให้เรียบร้อย เปลี่ยนชุดแล้วก็เตรียมจะออกจากห้อง ไอ้วุธ เพื่อนร่วมห้องผมเห็นผมแต่งตัวทำท่าจะออกไปข้างนอก มันก็ถามออกมา

"จะไปไหนน่ะ นินจา"

ในตอนนั้นผมหยุดกึกในทันที ผมลืมถามมันว่าจะต้องไปเจอมันที่ไหน ผมรู้ว่ามันอยู่สำโรง แต่ว่าสำโรงมันอยู่ตรงไหนล่ะ แล้วมันอยู่ตรงไหนของสำโรงกันแน่ ผมคว้าโทรศัพท์โทรไปหามันอีกครั้ง ถามจากมันได้ความว่า ให้บอกแท็กซี่ว่ามาที่ หลวงปู่สมิงพราย ซอยสวนส้ม แต่ว่า ไม่ใช่แค่นั้น ผมถามมันถึงเหตุผลที่มันขอร้องให้ผมรีบไปด้วย

สิ่งที่มันตอบมาทำให้ผมค่อนข้างช็อค มันบอกว่ามันถูกจี้ ตอนนี้มันหนีเข้ามาอยู่ในวัด มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เงินติดตัวที่มันอยู่เหลือแค่สองบาท เงินมือถือทั้งหมด ยังดีที่พอมีเงินมือถืออยู่บ้าง แต่ก็คงโทรหาได้อีกไม่กี่ครั้ง มันขอให้ผมพยายามติดต่อมันบ่อยๆ ซึ่งผมก็รับปากมัน

ในตอนนั้นผมรีบวิ่งออกจากหอ โชคดีที่ยามหลับอยู่ ผมจึงออกจากหอได้โดยง่าย ผมโทรหาเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพราะผมเองก็กลัวๆ เหมือนกันว่า ถ้าออกไปข้างนอกดึกๆ แบบนี้ ผมเองจะเป็นอันตรายหรือเปล่า ผมบอกเพื่อนผมว่า ถ้าภายในเที่ยงผมไม่ติดต่อมา ให้แจ้งตำรวจได้เลย ผมคงอยู่แถว หลวงปู่สมิงพราย ซอยสวนส้ม นั่นแหละ

ผมวิ่งไปเรียกแท็กซี่คันแรกที่เห็น ขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับ แล้วบอกเขาตามที่เพื่อนผมให้บอก ซึ่งคนขับก็บอกว่า เขาไปแถวๆ นั้นไม่ค่อยชำนาญทาง ถ้าถึงแยกเทพารักษ์แล้วให้โทรไปหาเพื่อนผมอีกทีได้ไหม แน่นอนว่า ผมรับปากเขา

คนขับบอกว่าเขาจะใช้เส้นทางไปทางบางพลี เพราะถ้าไปทางอ่อนนุชไฟแดงมันจะเยอะกว่า ผมตกลงตามนั้น แล้วนั่งรถไปตามเส้นทางบางพลี โดยหารู้ไม่ว่า เส้นทางนั้นเป็นเส้นทางอ้อมไกลมากๆ

ผมมารู้เข้าก็ต่อเมื่อถึงถนนเทพารักษ์ ผมโทรไปหาเพื่อนผม เพื่อนผมบอกผมว่าทางนั้นน่ะมันเป้นทางอ้อมไกลโคตรๆ แต่เงียบๆ ไว้น่ะดีแล้ว จากนั้นเพื่อนผมก็ขอคุยกับคนขับ ผมส่งให้เขาคุย แล้วเขาก็คุยกันจนกระทั่งวางสาย

เส้นทางที่ผมเดินทางไปก็คือไปที่สี่แยกเทพารักษ์แล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็ตรงไปจนเจอกับสามแยกใหญ่ๆ ให้เลี้ยวไปทางซ้ายอีกทีนึง พอเลี้ยวซ้ายเสร็จก็ให้เลี้ยวขวาแยกหน้าไปทางพระประแดง จากนั้นก็ผ่านไฟแดงไปสามไฟแดง ตรงไฟแดงที่สามให้เลี้ยวซ้าย แล้วเข้าซอยแรกที่เห็น

ซอยที่เข้าไปนั้นเป็นซอยเปลี่ยว ป้ายของซอยบอกว่าไปทางโรงไฟฟ้าอะไรซักอย่าง ผมบอกให้แท็กซี่ขับช้าไ เพื่อมองหาเพื่อนของผม จนในที่สุด ก็เจอมันอยู่ใต้ทางด่วน ผมให้มันขึ้นรถมา แล้วก็ให้มันนำทางไปจนถึงหอพักรายวัน

ในตอนนั้น ผมมีเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงพันบาท พอถึงหอพัก ค่าหอก็ประมาณห้าร้อยบาท แต่มีค่ามัดจำอีกห้าร้อย พวกผมก็เลยต้องพยายามขอร้องคนเขายอมให้ผมมัดจำด้วยเงินทั้งหมดที่ผมเหลืออยู่

เมื่อผมขึ้นมาถึงที่ห้อง มันก็เกือบจะหกโมงเช้าแล้ว เพื่อนผมรีบตรงเข้าไปอาบน้ำก่อนเป้นอันดับแรก ส่วนตัวผมก็ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่กี่นาทีต่อมามันก็อาบน้ำเสร็จ แล้วมานอนข้างๆ ผม มันกอดผม แล้วพูดกับผมเบาๆ ว่า

"ขอบใจนะเว้ย ซึ้งมากเลยเพื่อน"

"เออ ว่าแต่ไปทำ ท่าไหนวะถึงโดนจี้น่ะ" ผมถาม

"ก็หนีออกจากบ้านไง กุไม่รู้จะไปไหน กุก็เดินของกุไปเรื่อยๆ จู่ๆ มันก็มีคนขี้มอเตอร์ไซค์มาสองสามคน มันบอกว่ามันเป็นตำรวจ มันขอค้นตัวกูเสร็จแล้วมันก็เอาเงินกูไปหมด"

"แล้วทำไมไม่สู้มันวะ ต่อยมันไปดิ"

"กูสู้แล้วเว้ย แต่กุสู้มันไม่ได้ มันตั้งสามคน กุโดนมันต่อยล้มลงไปชนก้อนหิน แล้วมันก็หนีไป"

"มันเอาไปหมดป่าววะ เหลือเงินเท่าไหร่อ่ะ"

"สองบาท" มันตอบออกมาอย่างน่าต่อย (ผมรู้สึกแบบนั้นนะ)

"โห่ สัตว์ เหลือแค่นี้จะทำไรกินได้วะ ไม่โทรไปบอกพ่อล่ะวะ"

"กูบอกไปแล้ว แล้วกูก็โดนด่ากลับมาอีก พ่อกูไม่เชื่อหรอกว่ากูโดนจี้"

"เฮ้ยอะไรวะ ไม่เชื่อได้ไงวะ ถ้าไม่มีเงินก็กลับไปบ้านดิ ไม่มีใครว่าหรอก"

"กูหนีออกจาบ้านมาได้อาทิตย์นึงแล้ว พ่อกูยังไม่สนใจจะตามเลย เค้ารักแม่เลี้ยงกูจะตายไป"

"กลับไปอยู่บ้านเถอะ อย่างน้อยก็คงดีกว่าอยู่แบบนี้"

"กูไม่อยากอยู่บ้านว่ะ อยู่บ้านไปกูก็เกะกะเค้าเปล่าๆ แม่เลี้ยงกูพูดกับกูทุกวัน ว่าเมื่อไหร่กูจะออกไปให้พ้นๆ ซักที"

"อ่าว ก็ไปบอกพ่อสิ"

"พ่อกูไม่สนใจกูหรอก เค้ารักแม่เลี้ยงกูจะตายไป ขนาดกูโดนขนาดนี้ ยังไม่มาสนใจอะไรกูเลย"

ตอนนั้น ผมนอนนิ่งๆ ให้มันกอด แล้วพูดเรื่องราวทั้งหมดออกมา มันพูดเรื่อง เก่าๆ ออกมาตั้งหลายเรื่อง พูดออกมาทั้งน้ำตา ผมพยายามปลอบมันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมลูบหัวมันเล่นเบาๆ ทำให้มันยิ่งกอดผมแน่นขึ้นไปอีก ช่วยไม่ได้นี่นะ ใครๆ ก็ต้องมีเวลาที่อ่อนแอกันทั้งนั้น

ผมรู้ว่าแม่ของมันตายตั้งแต่มันยังอยู่ชั้นประถม จากนั้นไม่กี่ปี พ่อของมันก็เริ่มมีเมียใหม่ มันก็เลยเหมือนกับถูกตัดหาง อดทนมาจนจบ ม.ปลายมาได้ จากนั้นก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง การเรียนมันก็ปานกลางนะ จนหลังๆ ห้องของมันก็โดนยึดให้ลูกของแม่เลี้ยง เพราะว่าลูกของแม่เลี้ยงเริ่มโตแล้ว อยากจะแยกห้องนอน มันเองก็ต้องนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่นประจำ

มันบอกกับผมว่า มันเพิ่งเริ่มหัดสูบบุหรี่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง เพราะมันเครียด จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวหนีออกจากบ้านมา (จริงๆ มันโดนแม่เลี้ยงไล่) ที่พึ่งที่มันพอจะพึ่งได้มันก็แทบไม่เหลือแล้ว เพราะแค่อาทิตย์นึงที่มันใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้ มันก็รบกวนไปหลายคนมากแล้ว มันเล่าถึงแผนการในอนาคตของมัน

มันมียายอยู่ที่โคราช มันอยากไปอยู่กับยาย ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ใช้ชีวิตแค่พออยู่พอกิน มีความสุขไปวันๆ แค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว ถึงมันจะเสียดายที่ไม่ได้เรียนต่อจนจบก็เถอะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้หรอก

มันยังบอกผมอีกว่า สิ่งที่เป็นไปได้ ถ้ามันสามารถขอได้มากกว่านี้ละก็ มันอยากจะมีเงินซักพันสาม มันจะไปเช่าห้องถูกๆ อยู่ ให้พอมีที่ซุกหัวนอน แล้วมันก็จะหางานพิเศษทำ เรื่องเรียนมันจะดร็อปไว้ก่อน มันอยากจะยืนหยัดด้วยตัวเอง แล้วก็ เรียนให้จบ หางานดีๆ ทำ อย่างน้อยชีวิตมัน ก้จะได้ไม่ต้องเป็นแบบนี้

ผมคุยกับมัน ปลอบมันจนกระทั้งหลับไป กว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยง ผมรีบโทรศัพท์ไปบอกเพื่อนเพราะกลัวมันจะรีบแจ้งตำรวจ จากนั้น เราก็คุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะออกไปกินข้าวกัน

ผมกดเงินให้มันไปสามร้อยให้มันกับไปอยู่กับยาย (มันบอกว่าค่ารถอยู่ประมาณสองร้อยกว่าบาท) เพราะถ้าจะออกค่าเช่าห้องให้มันก้คงจะเกินกำลังผม ลำพังผมเองที่ยังแบมือของเงินพ่อแม่อยู่ มันก็มีข้อจำกัดในด้านเงินค่อนข้างเยอะ ผมสามารถให้ได้แค่นี้ละนะ

มันขอบคุณผมเอายกใหญ่ก่อนที่ผมจะจากมันแล้วเดินทางไปเลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่นัดกันเอาไว้ แต่ว่า... เรื่องมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ในที่สุด มือถือผมก็ดังขึ้น มันโทรมาหาผมอีกแล้ว

"เห้ย กุอยากรบกวนมึงอีกเรื่องว่ะ" มันพูด

"อะไรวะ มีไรอีก ไม่รีบกลับไปหายายเหรอ"

"มึงมีอีกซักห้าร้อยมั้ยวะ"

"สัตว์ ไม่มีเว้ย เงินที่เหลือตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ถึงสิ้นเดือนมั้ย"

"กุขอร้องเถอะ กุอยากมีอนาคต"

"อนาคตไรวะ ก็จะกลับไปอยู่กับยายไม่ใช่เหรอ"

"พ่อกุโอนตังมาให้กุห้าร้อยว่ะ ถ้ากุได้อีกห้าร้อย กุก็จะมีที่อยู่ กุก็จะออกไปหางานทำได้"

"แล้วไงวะ พ่อโอนตังให้แล้วก็ไปขอพ่ออีกดิ ไม่มีให้แล้วเว้ย" ผมตอบ

ตอนนั้นน้ำเสียงมันเริ่มสลด มันตอบผมด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ออกมา

"พ่อกูบอกว่า พ่อกูจะให้เงินเท่านี้ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนก็ไป"

"แล้วไงวะ" ผมพูดแบบไม่ค่อยจะเชื่อ มันเชื่อยากนะ ว่าพ่อที่ไหนจะทำกับลูกแบบนี้

"กุขอร้องเถอะ ตอนนี้กูไม่รู้จะไปขอร้องใครแล้ว มีแค่มึงนะเว้ยที่ช่วยกุได้" มันพูด

ผมเองค่อนข้างจะรำคาญมันอยู่เหมือนกัน ก็เลยตัดบทพูดออกไปว่า

"เดี๋ยวจะลองยืมเพื่อนไปให้ละกัน"

จากนั้น ผมก็กดวางสายไป ในตอนนั้นผมครุ่นคิดอยู่ค่อนข้างหนัก เหมือนกับว่า อนาคตของคนๆ นึงมันอยู่ที่การตัดสินใจกับผม ผมก็เข้าใจแหละว่ามันไม่เหลือใครแล้ว เพื่อมันเองก็ไปรบกวนคนอื่นมามาก เสื้อผ้าที่มันใส่อยู่ ก็ของเพื่อนมันที่มันไปค้างด้วย ข้าวที่มันมีกินอยู่เรื่อยๆ ก็เพราะเพื่อนมันคอยช่วยๆ เอาไว้ ผมก็เข้าใจนะว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหนที่ต้องทำตัวเป็นภาระคนอื่น ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วโอนตังให้มันไปหนึ่งพันบาท จากนั้น ก็โทรศัพท์ไปบอกมัน

"เห้ย โอนตังไปให้แล้วนะเว้ย" ผมพูด

"เฮ้ยมึง พูดจริงเหรอวะ กูขอบคุณมากเลยนะเว้ย เท่านี้กุก็มีที่นอนแล้ว"

"ผมโอนตังให้ไปพันนึงนะ อีกห้าร้อยน่ะ เก็บไว้ใช้ตั้งตัวก็แล้วกัน"

เท่านั้นละ มันถึงกับปล่อยโฮออกมาไม่หยุด ผมเองก็คิดไม่ถึงหรอกนะ ว่าผมจะทำให้มันดีใจได้ขนาดนี้ มันพูดขอบคุณผมไม่รู้กี่ครั้ง แล้วก็ย้ำว่ายังไงก็ตามมันก็จะไม่ลืมสิ่งที่ผมได้ช่วยเหลือมันเลย ผมพยายามปลอบมันจนหยุดร้อง แล้วก็ขอตัวไปเจอกับเพื่อน

ผมไปเจอกับเพื่อนก็ประมาณห้าโมงเย็น เราจองตั๋วดูหนังรอบหนึ่งทุ่มกัน ก่อนเวลาดูหนังเล็กน้อย ผมก็ลองโทรไปหามันอีกรอบ เพราะว่าค่อนข้างจะเป็นห่วงมันอยู่เหมือนกัน มันบอกว่า มันกำลังทำสัญญาเช่าอยู่ น้ำเสียงมันดูมีความสุขมากกว่าเดิมนิดๆ แต่มันก็ยังขอบคุณผมไม่หยุดอยู่ดีละ

และก็ตอนสี่ทุ่ม ผมโทรไปหามันอีกครั้ง มันบอกว่า ตอนนี้มันได้หอแล้ว ถึงจะเป็นหอเล็กๆ ก็เถอะ วันพรุ่งนี้มันจะออกหางานทำ แล้วรีบหาเงินมาคืนผมให้ได้เร็วที่สุด มันไม่คิดเลยว่า กับคนอย่างผม ที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย กลับทำตัวดีว่าพ่อแม่ของมันซะอีก มันยังคงขอบคุณผมไม่หยุด

และหลังจากที่มันวางสายไปได้สักพัก ผมก็ได้รับข้อความจากมัน จริงๆ คำพูดมันก็ไม่ได้ซึ้งอะไรมากหรอก มันพิมพ์ออกมาแค่ว่า "ขอบใจและขอบใจ" เท่านั้นเอง แค่นั้นผมเองก็ยิ้มจนไม่รุ้จะยิ้มได้ยังไงแล้วละ

พอกลับมาถึงตอนนี้ คิดๆ ดูแล้วมันก็รู้สึกแปลกๆ นะ ที่ผมช่วยเขาไปขนาดนั้น ผมช่วยมันไปพันสาม ค่าหอรายวันที่ไปนอนอีกก็ห้าร้อย ค่ารถแท็กซี่อีกเกือบพัน ก็หมดไปร่วมๆ สามพันละนะ แลกกับการช่วยชีวิตคนๆ นึงแล้ว คิดว่ามันคงคุ้มน่ะนะ มันสัญญากับผมว่า จะเลิกสูบบุหรี่ และจะใช้เงินที่ผมให้ไปอย่างคุ้มค่าที่สุด ผมว่ามันคนทำแบบนั้นละ

ผมเองก็เป็นคนแปลกๆ เหมือนกันนะ ปากก็บ่นๆ เข้าไปเถอะว่าไม่ชอบอย่างนั้นไม่ชอบอย่างนี้ แต่ยังไงก็ยังช่วยเขาอยู่ได้ตลอด อย่างว่านะ เพื่อนกันตัดกันไม่ขาดหรอก มาถึงตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่า มันคงจะมีงานทำเร็วๆ แล้วก็มีชีวิตที่ดีกว่าเดิมละนะ เฮ้อ...

==============================================================

คิดๆ ดูแล้ว ผมทำถูกรึเปล่านะ ที่ช่วยเขา

แต่อย่างน้อย ก็สบายใจขึ้นละ ที่มันก็เริ่มยิ้มได้แล้ว

Link to comment
Share on other sites

ฮึกๆ  :pika06: ซึ้ง

นินคุงใจดีจัง T ^ T

สงสารเพื่อนนินคุงแฮะเป็นเราเจอเรื่องงี้ คนที่โทรหาเป็นคนแรกก็คงเป็นเพื่อนสินะ

เพื่อนกินหาง่ายเพื่อนแท้หายาก

โลกเรานี่น่ากลัวขึ้นทุกวันๆ เลย แฮะ

Link to comment
Share on other sites

มันเป็นเรื่องที่ซึ้งและประทับใจผมมากมายครับ T_T

น่าสงสารเพื่อนนินจริงๆ เขาแทบจะไม่เหลือที่พึ่งอยู่แล้ว แต่นินก็ยังอุตส่าห์ช่วยเขาได้ ใจดีจริงๆ ถ้าผมเป็นเพื่อนนินคนนั้น ผมคงทำอะไรไม่ถูกเลย

Link to comment
Share on other sites

ซึ้งครับเคยมีเพื่อนมาขอยืมเงินผมแบบนี่เหมือนกัน

แต่มันบอกว่ายืมไปลงทุน "เช่าพระปั่นราคา" แล้วมันจะคืน

ผมเลยไม่ให้ไป

ป.ล. "การคุยกับพี่โต้งยังค้างคาในหัวผมอยู่เลย" การคุยกับผมมันขนาดนี่เลยเรอะนี่ - -

Link to comment
Share on other sites

ถ้าเรื่องของเพื่อนพี่นินเป็นความจริง เพื่อนคนนั้นจะน่าเห็นใจมากเลยนะ

ไงที่เค้าทำตัวเหมือนผิด ก็เหตุผลมันไม่ได้มาจากตัวเค้านี่นา จากปัญหาครอบครัวแบบนี้

ดีที่เพื่อนคนนั้นยังคิดได้ แต่พี่นินก็มีน้ำใจจริงๆเนอะ

คนที่ทำอะไรให้เพื่อนแบบนี้ ในสังคมสมัยนี้จะมีสักกี่คนนะ (ไม่ได้ว่าใครนะ - -)

Link to comment
Share on other sites

โหยมองนินผิดไปอะ...นินนี้โคตรดีจริงๆอะ

นี้แหละ เพื่อน แหละ

Link to comment
Share on other sites

:pika05: นินคุง สุดยอดเพื่อนแห่งปี TT^TT ~ ~~ ~*
Link to comment
Share on other sites

นี้สินะ นินจา ของพวกเรา แต่เพื่อน นิน ก็น่าสงสารนะ

ถึงเพื่อนผมจะเยอะ(มาก)แต่เพื่อนแท้ๆมีประมาณ3คนเองแต่ไม่รู้ว่าถ้าผมเป็นอย่างเพื่อนของนินจาโทรไปมันจะช่วยรึป่าวนะ?

Link to comment
Share on other sites

ซึ้งมาก แต่เงินผมคงให้ไม่ได้ถึง500หรอกครับ จน

Link to comment
Share on other sites

อยากให้พ่อ/แม่เลี้ยงของเพื่อนเฮียนินมาอ่านจัง จะได้รู้ว่า ทำผิดพลาดไปขนาดไหน  :pika03:

ซึ้งสุดๆเลยเรื่องนี้... ตามจริงอยากให้เพื่อนเฮียนินไปอยู่กะยายต่อนะ เพราะเปรียบเสมือนตัวแทนของแม่เค้า T^T

ซึ้ง~! ซึ้ง~! ซึ้งคร้าบบบบ~!!!

Link to comment
Share on other sites

ซึ้ง.... :pika12: กับความใจดีของพี่นินที่มีต่อเพื่อน ความมีน้ำใจของพี่นินที่มีต่อเพื่อน(และชาวบอร์ด) อยากบอกว่า...

พี่นิน...ดี...ดี...ดีที่สุดเลยค่า!!!~T^T

Link to comment
Share on other sites

สุดยอด! อ่านเเล้วรู้สึกสงสารเพื่อนพี่นินมากๆอ่ะ  :pocha07: เรารู้สึกอิจฉาเพื่อนพี่นินเเฮะที่มีเพื่อนดีๆเเบบพี่นิน

จะว่าไปเพื่อนเเท้มันไม่ได้หาง่ายหรอก...

Link to comment
Share on other sites

น่าสงสารเพื่อนน้องพี่นินจานะครับ เจอสังคมแย่ๆแบบนั้น

ยังดีนะครับที่เขายังมีสติ ยังคิดหาที่พึ่งได้ทันทีน่ะ ยังไงก็ขอให้เพื่อนของพี่โชคดีนะ

Link to comment
Share on other sites

Friend รึ.....มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันเป็นอย่างนี้เองรึ...

ก็ดีเหมือนกันนะ คำว่าเพื่อนเนี้ย ^^

Me/ กลับไปนับว่าตัวเองมีเพื่อนนอกอินเตอร์เน็ตกี่คน...ไม่ถึง 10 แฮะ...

Link to comment
Share on other sites

ดีจริงๆ

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.