Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[OCFF #2 ปีสอง]Final Part ตอนจบของ OcFF ปีสอง


โฮมุปอร์

Recommended Posts

ติดตามการแข่งขันก่อนหน้านี้ : ->> http://ocff.forumth.com/forum.htm

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมฆครึ้มสีดำปกคลุมทั่วนครลอยฟ้า พลันสายฟ้าสีขาวผ่าลงท่ามกลางหอพักของเหล่าผุ้กล้าจากแดนไกล

ราวกลับปีศาจสีดำทะมึนตัวใหญ่จะกลืนนครแห่งนี้เข้าไป ท่ามกลางพายุนั้นร่างของใครบางคนลอยอยู่

พร้อมกับปีศาจนับพันๆ ตนที่บินวนราวกลับจะปกป้องจากบางสิ่งบางอย่าง

"พวกเขากำลังมาแหละ…....." ร่างนั้นเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่อาจระบุตัวตนได้ ไอความมืดแผ่ออกไปรอบๆพื้นที่

เสียงโลหะเสียดสีกันดังก้องขึ้น.... ก่อนที่ร่างมารที่ลอยอยู่เหนือฟ้าจะฉีกยิ้มร้ายและเอ่ยวาจาบางอย่างออกมา

"จงไป สมุนแห่งข้า.."

ปิศาจนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากฟ้า กางปีกค้างคาวที่น่าขยะแขยงพลางส่งเสียงกรีดร้องหลอนประสาท

เล็บยาวที่พร้อมจะฉีกทุกอย่างให้พินาศสิ้น!!

...จงมา... หาฉัน......เหล่าผู้ตกอยู่ในคำสาปเอ๋ย!!!!

"อ๊าก...." .......เสียงเล็ก ส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดเหล่าผู้ต้องสาปทั้งหลายเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าวพร้อมๆกัน

พร้อมกับตรามาร ของพวกเขาก็เคลื่อนขึ้นสู่หน้าผากพร้อมส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมา!......

ไม่ช้าเกินรอ เหล่าปิศาจทั้งหลายก็พุ่งเข้าโจมตีผู้ต้องสาปเหล่านั้นทันที เหล่าผู้กล้าควักอาวุธและร่ายเวทต่อสู้อย่าง

เอาเป็นเอาตาย.. แสงแห่งพลังมากมายจู่โจมเหล่าปิศาจตัวเล็กมากมายให้สลายไป

ภายในนครสุดขอบฟ้าเป็นเขตที่ปลอดภัยอันเนื่องจากเขตแดนเวทที่กางเอาไว้... ถึงแม้ปิศาจจะบินมามันก็ถูกหยุด

ไว้ด้วยม่านพลังนั่นอยู่ดี เหล่าทหารก็ยกธนูขึ้นเพื่อยิงอสูรร้ายให้ล้มตายไป

"จงจมลงสู่ความมืดซะ!!"คำประกาศกร้าวของกลุ่มความมืดดังสนั่น  พื้นทะเลเกิดคลื่นพายุพัดดุจหายนะมาเยือน

ท้องฟ้าปั่นป่วนเหมือนกับว่ามันจะถล่มลงมาข้างล่าง ความมืดเริ่มจับตัวเป็นรูปร่าง

ปรากฎอิสตรีผมสั้นสีน้ำทะเล ดวงตาเย็นชาไร้แววสีดำทะมึนในชุดนักเรียนหญิง มือแขนซ้ายของเธอเต็มไปด้วยอสูรกาย

ต่างๆที่เกาะรัดพันกันอย่างน่าขยะแขยง ผ้าสีขาวรัดดวงตาฝั่งซ้ายเอาไว้บนผ้าสลักตัวอักษรไว้ว่า 'Darkness'

"บทเพลงทำลายนคร!"

สิ้นเสียงลำแสงประหลาดระเบิดออกเกาะทั้งเกาะถูกลำแสงนั้นเข้าทำลายอย่างรุนแรง

ผู้กล้าทั้งหลายต่างหนีหัวซุกหัวซุนตัวตลกสีส้มพยายามพาเหล่าผู้กล้าหลบลำแสงอันรุนแรงนั้น อย่างเต็มกำลัง

"สวัดดีค่ะ สนใจทำประกันชะนีไม่เจียมตัวไหมค่ะ!!!" สาวมั่นอย่างเจ้าหญิงบินขึ้นมาด้วยอุปกรณ์ไฮเทคชนิดนึง

ก่อนจะฟาดแส้ใส่จอมมาร... เธอก้มตัวหลบแส้ได้อย่างไม่ยากเย็น พลันหอกสีดำสนิทก็ปรากฎที่มือขวาของเธอ

ก่อนที่เด็กสาวจะเสือกมันใส่หน้าของเจ้าหญิงมั่น เจ้าหญิงเอี้ยวตัวหลบ แบบพอดีเฉียดๆ

"เธอก็หน้าตาดี ทำไมต้องทำอะไรอย่างงี้ด้วย "

"เพราะไอ้แขนบ้านี่ มันทำให้ฉัน..... ถูกรังเกียจ"จอมมารเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะวาดหอกใส่ศัตรูตรงหน้า

" ทุกคนนะ!!!.... หายไปได้ก็ดี หายไป!!"

"ทำไมละ" ผู้กล้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องตะลึงไปเมื่อแขนซ้ายนั้น จู่ๆ กลับงอกกลายเป็นมังกรตัวเขื่อง!!!!!

พุ่งเข้ามาหาอย่างกระหายเลือด สาวผู้กล้าเหวี่ยงตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด

" ฉันก็ไม่เห็นว่า มันจะแปลกตรงไหนนี่นา" ฉันถามอย่างงงๆ

"ก็เธอไม่มีแขนที่เป็นปีศาจอย่างฉันนี่…. ก็เธอน่ะไม่ต้องต้องสาปนี่ ก็เธอนะมันต่างจากฉัน!!" เด็กสาวกรีดร้องด้วยเสียง

ที่มีทั้งหมดหมดที่พุ่งพล่านทำให้แขนปิศาจนั่นคลั่งขึ้น ก่อนที่มังกรตัวยักษ์จะพุ่งเข้าโจมตีใส่เจ้าหญิงอีกครั้ง

เจ้าหญิงผู้กล้าทำหน้าตระหนกตกใจก่อนจะรีบคุ้ยอะไรสักอย่างจากกระเป๋าของเธอ...

... THE JOKER......

เธอชูมันขึ้นก่อนที่ไพ่ใบนั้นจะส่องแสงแล้วหายไปมังกรนั่นก็หยุดโจมตีและหันไปโจมตีอย่างอื่นแทน

รู้สึกว่าไอเทมชนิดนี้มีคุณสมบัติในการสลับทิศทางในการโจมตี....

"ทำไมเธอไม่คิดซักหน่อยละ ว่าถ้าเธอใช้มันดีๆ มันก็สามารถจะปกป้องคนได้ตั้งมากมายนะ...."  เจ้าหญิงถามขึ้น เพราะว่าตามความคิด

ของเธอแล้ว มันจะมีประโยชน์มากมาย ถ้าจะเอาไว้ปกป้องใครซักคน แน่นอน สำหรับผู้ครองนครแล้ว มันคือของขวัญจากฟากฟ้า...

"ถ้าเธอไม่ต้องการมัน ฉันขอนะ...."

เจ้าหญิงพูด ก่อนจะหยิบก้อนหินสีเหลืองใสขึ้นมาส่องหน้าของเด็กสาว อีกมือก็เอาแก็สหัวเราะออกมาปาใส่เธอ

เป็นผลให้จอมมารหัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งเจ้าหญิงแน่ใจว่า ถ้าเธอได้มันมา เธอจะขอใช้มันปกป้องนครลอยฟ้า

ผู้ชาย และโลกนี้ด้วยตนเอง ดีกว่าอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า!!!

.....

..

.

ว้าบบบบ

สิ้นแสงจากอัญมณีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะไม่ได้ผล

"ทะ...ทำไมล่ะ?" องค์หญิงตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อพบว่าก้อนหินสีเหลืองใส หรือ ควอนตัมซาร่าจอร์จ

ไม่ทำปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อยควันที่เกิดขึ้นจากเกิดหัวเราะจางลง...

"หึหึ…. คิดว่าอัญมณีนั่นจะทำอะไรฉันได้ " ดาร์คเนสพูดขึ้น และแสละยิ้มแลดูสนุกสนาน...

"แต่ในหนังสือบอกว่าแลกเปลี่ยนคำสาปได้ นี้นา หญิงงง" องค์หญิงทำตาโตตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

"ฉันจะไม่พูดมากล่ะ พวกแกจงตายไปซะ!!!!!!!!" ดาร์คเนสตะโกน พลันหอกประหลาดก็ออกมาจากมือขวาของเธอ

ไม่รอช้าเธอขว้างมันใส่ตัวองค์หญิงในทันที องค์หญิงที่กำลังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทำให้ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ชั่วขณะ ถ้าโดนหอกนั้นไปเต็มๆ องค์หญิงไม่รอดแน่!

"Sword drift!!!"

สิ้นสุดเสียงตะโกน ดาบยักษ์ก็ลอยมาปะทะกับหอกของดาร์คเนสจนมันเบนทิศทางออกไป

ทำให้หอกพลาดเป้าไป และดาบยักษ์นั้นก็ลอยกลับมาสู่มือของเจ้าของ...........

"อัซราเอล!"

"มัวเหม่ออะไรอยู่น่ะ!อยากตายนักหรือไง!" อัซราเอลซึ่งยืนหลบอยู่หลังโขนหินตวาดใส่องค์หญิง ทำให้องค์หญิง

ได้สติขึ้นมากระชับแส้ในมือแน่น ตั้งสมาธิอยู่กับจอมมารที่อยู่ตรงหน้า

"เอ่อ...อ่า.." องค์หญิงพูดอะไรไม่ออกเนื่องจากการกระทำของตนเองเมื่อสักครู่

"หึหึหึ พวกแกคิดหรือว่าหอกของฉันมีดีแค่นั้น" ดาร์คเนสขำเบาๆ "ลองดูพื้นที่ๆหอกผ่านไปสิ"

"เฮ้ย!!!" อัซราเอลและองค์หญิงประสานเสียงพูดพร้อมกัน เพราะสิ่งที่ทั้งคู่เห็น มัน.......

"ฮ่าๆ.....ใช่แล้ว หอกนั้นสามารถตัดมิติให้ขาดได้ไงล่ะ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเชื่อมกับมิติไหนน่ะ" ดาร์คเนสหัวเราะ

อย่างชั่วร้าย ในขณะที่ปีศาจจากแขนซ้ายของเธอเริ่มมีรูปร่างที่น่าขยะแขยงมากขึ้นเรื่อยๆ และตัวเธอเริ่มที่จะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

"เอาล่ะ เรามาเริ่มเล่นเกมกันดีกว่า ฮิฮิ" ดาร์คเนสพูดเหมือนจะมีแผนการชั่วร้ายอะไรบางอย่างในใจ

"Ka_e _ame H_!!!!!!!!!" (พลังคลื่_ เต่_)

สิ้น เสียง ก็มีลำแสงพลังประหลาดสีฟ้าพุ่งออกมาจากรอยต่อระหว่างมิติทั้งสอง ลำแสงพุ่งตรงมาที่ดาร์คเนส แต่เธอ

ก็หลบได้อย่างง่ายดาย ทำให้ลำแสงนั้นพุ่งไปชนกับภูเขาด้านหลัง

ทำให้ภูเขาลูกนั้น แหลกกลายเป็นเศษหินเล็กๆน้อยๆ ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับปีศาจนับพันข้างล่าง

ต่างหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วหัน ไปมองอดีตภูเขานั้น

"พะ...พลังอะไรกัน รุนแรงเหลือเกิน" อัซราเอลตกตะลึงในพลังทำลายของลำแสงนั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงได้มีลำแสงประหลาดสีเหลือง ค่อยๆลอยออกมาจากรอยต่อระหว่างมิติทั้งสองอีกครั้ง

ภายในลำแสงนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เขาสวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินภายใน และสวมชุดแขนกุดสีส้มทับอีกที

ผมตั้งสีเหลืองเหลือมๆทอง นัยต์ตาสีเขียว สภาพร่างกายสะบักสะบอมเหมือนเพิ่งจะผ่านการต่อสู้มา

เขาลอยมาหยุดอยู่เหนือรอยต่อของมิติ

"ที่นี้มัน....ที่ไหนเนี่ย" เขาหันไปมองรอบๆในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่ในขณะเดียวกัน

ก็ได้มีอีกคนตามออกมาจากรอยต่อระหว่างมิติทั้งสอง

"ฮิฮิฮิ" เขามองไปรอบๆแล้วหัวเราะเบาๆ แต่ดูๆแล้ว เขาไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไหร่ เพราะผิวของเขาสีชมพูอ่อน

ไม่มีดั้งจมูก บนหัวมีหงอนเล็กๆ มีรูตรงข้างหัว ที่แขน และตรงหน้าอก หูเหมือนหูหุ่นยนต์ นุ่งกางเกงผ้าสีขาว

ใส่เข็มขัดมีสัญลักษณ์ "M" อยู่ตรงหัวเข็มขัด ตัวสูงประมาณเด็กอายุ 10 ขวบ แววตาดูไม่น่ากลัวเท่าดาร์คเนส

แต่ดูชั่วร้ายกว่า สภาพร่างกายดูปกติ

"อ่าวเฮ้ย! นั้นโกxู กับ จอมมารxู นี้หว่า!" กวีแฟรงค์ที่กำลังต่อสู้อย่างเมามันเหลือบมาเห็นด้านบน

"หา!กวี รู้จักพวกนั้นด้วยหรอ" อัซราเอลที่ยืนดูเหตุการณ์มาตั้งนานตกใจอีกครั้ง เมื่อกวีแฟรงค์รู้จักทั้งสองคนที่

ออกมาจากรอยต่อของมิติ "อย่าให้ต้อง อธิบายมาก เอาเป็นว่าโกคูฝ่ายดี จอมมารบูฝ่ายร้าย จบ"

กวีพูดจบก่อนจะหันไปตบปีศาจตัวข้างๆ ในขณะที่องค์หญิงซึ่งตอนนี้เบลอสุดๆ ก็ลงมาหาอัซราเอลบนพื้น

"มันเกิดอะไรขึ้น แล้วสองคนนั้นมันใครกันน่ะ แล้วๆทำไม ฉอดๆๆๆ" องค์หญิงสาดคำถามใส่เป็นชุด ทำเอาอัซราเอล

อึ้งไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า "ผมก็ไม่รู้ครับ"

"ชิ มีพวกน่ารำคาญออกมาเพิ่มอีกแล้ว จงหายไปซะ!" ดาร์คเนสเรียกหอกประหลาดออกมาอีกครั้ง

ก่อนที่จะขว้างมันใส่โกคูและจอมมารบู "พวกแกกลับไปที่ๆพวกแกมาซะ!" ดาร์คเนสพูดก่อนที่หอกจะผ่านโกคูและจอมมารบู

เกิดเป็นช่องว่างระหว่างมิติ และดูดเอาโกคูกับจอมมารบูเข้าไป แล้วช่องว่างนั้นก็หายไป

"อ่า ไปซะแล้ว" อัซราเอลพูดเหมือนเสียดายนิดๆ

"หึหึ ตัวเกะกะไปแล้ว เรามาเริ่มกันต่อเถอะ" ดาร์คเนสเรียกหอกกลับมา ก่อนที่จะขว้างมันไปที่ที่พวกอัซราเอล

"หึ คิดหรือว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผล" อัซราเอลเหวี่ยงดาบไปข้างลำตัว

"Sword drift!!!"

ดาบยักษ์ลอยเข้าไปปะทะกับหอกประหลาดอีกครั้ง

"หึหึ คิดว่าฉันจะโง่หรอ" ดาร์คเนสพูดก่อนที่หอกประหลาดจะแยกออกเป็นหลายอัน

"เฮ้ย! งานเข้า" อัซราเอลทำอะไรไม่ถูก เพราะดาบของเขาก็กระเด็นหายไปแล้ว เขาได้แต่ยืนนิ่ง

ในขณะที่หอกประหลาดนับสิบๆอันกำลังพุ่งตรงมาทางนี้ จะวิ่งหนีคงไม่ทันแน่

"เอ่อ..งั้นหญิงไปก่อนนะค่ะ เมจิก!" หลังพูดจบ ก็ปรากฏกล่องมายากลขึ้นมาครอบตัวองค์หญิงไว้ และเปิดออกมาอีกครั้ง แต่ร่างที่ปรากฏไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็น......

"เฮ้ย! นายเป็นใครฟะ แล้วมาได้ไงเนี่ย" อัซราเอลแปลกใจเมื่อคนที่ออกมาไม่ใช่องค์หญิง แต่กลับเป็นชายอายุประมาณ 20 กว่าๆ ใส่ชุดทหาร ใส่หมวกเกราะลายหัวกะโหลก และใส่แว่นกันแดดสีแดงปิดบังหน้าตาหมด

"……. กำลังซุ่มอยู่ดีๆ จู่ๆ มันก็แว๊บมานี้เลย" ชายหน้ากากผีนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา

"จะ ยังไงก็ชั่ง ตอนนี้ปัญหากำลังพุ่งมาหาเราแล้วล่ะ" อัซราเอลบอกสถานการณ์ตอนนี้ให้หน้ากากผีฟัง

โดยหันขึ้นไปมองบนฟ้า เมื่อหน้ากากผีมองตามไปเป็นอันรู้กันว่าปัญหาคืออะไร ไม่รอช้า

หน้ากากผีหยิบปืนออกมาพร้อมขึ้นนกเตรียมพร้อมยิง

"Bullet Ice!" เขาพูดพลางตบไปที่ซองกระสุนเบา ก่อนจะเล็งและ รัวกระสุนออกไป

กระสุนที่ออกไปจากปืนมีลักษณะเป็นเหมือนแสงสีขาวออกฟ้าๆ เมื่อกระสุนสัมผัสกับหอกประหลาดนั้น

ก็จะมีน้ำแข็งเกาะที่หอก จนมากๆเข้า ทำให้หอกหนักและเสียทิศทางจมดิ่งลงพื้นไป

"สุดยอด! เยี่ยมไปเลยเพื่อน.. ว่าแต่นายชื่อะไรหรอ" อัซราเอลถาม แต่เค้าเป็นเพื่อนกับหน้ากากผีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

หน้ากากผีนิ่งไปอีกสักพัก ก่อนจะพูดว่า "ไซมอน" "ไซมอน แรลลี่ จะเรียกโกสก็ได้"

"งั้นเราไปจัดการมันเลยนะโกสเพื่อนรัก" อัซราเอลชักชวนให้ร่วมต่อสู้ด้วยกัน โกสนิ่งไปอีกสักพักก่อนจะพยักหน้า

"ฉันเบื่อพวกแกแล้ว!!..."ดาร์คเนสพูดด้วยเสียงเย็น ทันใดนั้นโกสก็ถูกหอกสีดำสนิทเสียบลงไปที่กลางลำตัว ดาร์คเนสดึงมันออกมา

อย่างอำมหิตปล่อยให้โกสล่วงลงไปสู่พื้นดินอย่างเลือดเย็น

"โกส!!!"อัชราเอลแผดเสียงร้องอย่างตกใจ ปิศาจ! ไอ้คนที่เค้ากำลังสู้อยู่ด้วยมัน ปิศาจ!ชัดๆ

"นายเองก็ตามเพื่อนของนายไปสิ!!"เมื่อพูดจบมือปิศาจก็พุ่งเข้ากระแทกอัซราเอลจนอัซราเอลดิ่งเวหาลงไปข้างล่างอย่างน่ากลัว

"ฮ่าๆ... พวกแกนี่มันกระจอกชะมัด"

...................................

.....................

ทันทีที่องค์หญิงตกลงมา เสียง"เผละ~!!" ดังออกมาจากบริเวณบั้นท้ายของเธอ ต่อมาเธอเริ่มสำรวจตัวเองแล้วพบว่าตกลงมายังบ่อปฎิกูลของนคร...

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

เธอกรีดเสียงดังลั่นก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจนสิ่งปฏิกูลข้างล่างกระเด็นไปทั่วบ่อ

เธอพยายามหาทางออก แต่ก็ไม่พบ เนื่องจากบ่อนี้เป็นบ่อปฏิกูนเก่าที่ถูกปิดตาย จึงไม่สามารถออกไปได้

".........."

เสียงลมพัดที่ชวนสยองจากด้านบนดังขึ้น เธอจึงรีบมองขึ้นไปที่ปากบ่อ

"นั่นมัน..."

ทันที ที่เงยหน้าขึ้นไป เธอพบกับปากและดวงตาล่องลอยไปมาอยู่เหนือหัวเธอ ตามมาด้วยหมาสามหัวที่ไม่ค่อยจะเหมือนหมาสักเท่าไหร่ และสุดท้าย ชายคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อสีขาวและมีแผงคอ ทั้งตัวใส่เครื่องแต่งกายสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งหมดกระโดดลงมาหาองค์หญิง...

"ไม่ต้องกลัว.... เรามิได้มาทำร้ายเจ้า" ชายหนุ่มสีขาวพูดขึ้นขณะที่หมาสามหัวตัวนั้นกำลังเขมือบสิ่งปฏิกูลในบ่อ

อย่างหิวโหยดูแล้วน่าขยะแขยงชะมัด

"แล้วพวกแกเป็นใคร มาช่วยหญิงทำไม?"

"ไม่ ต้องห่วง เดี๋ยวเธอก็รู้เอง...." ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้ง ก่อนหมอกสีขาวมากมายพุ่งพวยออกมาจากทุกช่องอิฐในบ่อ ทันทีที่หมองจางลง ทั้งหมดก็หายไป...

...

ตัดมาที่ท้องฟ้าเหนือเกาะ...

"ฮ่าๆ พวกมันมันเปราะบาง มันอ่อนแอ อ่อนแอทั้งนั้น!!" ดาร์กเนสหัวเราะอย่างชั่วช้า เพราะเหล่าผู้ประลอง

ได้ล้มไปเป็นจำนวนมาก ตามลำตัวมีแผลเต็มไปหมด….

"ฮืม? นั่นมันอะไรน่ะ" หญิงสาวผู้มีตาอยู่ข้างเดียวนั้นพูดขึ้น เพราะหมอกสีขาวปรากฎขึ้นทั่วน่านฟ้าและหนาขึ้นเรื่อยๆ....

จนมองอะไรไม่เห็นเลยแม้ แต่น้อย ทำให้ดาร์กเนสตกใจเล็กน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มเหมือนรู้อะไรสักอย่าง...

"เจ้าจักทำร้ายเพื่อนข้า......"

"เจ้าจักทำลายความสุขของข้า....."

"ข้า....จักทำลายเจ้า....." สิ้นเสียงนั้น หมองสีขาวจางลงอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าของเธอนั้น .....คือมิสซิ่งฮาร์ท

เด็กน้อยผู้ร่ายมนต์ดำ เขาลอยอยู่กลางอากาศต่อหน้าจอมมารหญิงผู้ร้ายกาจ

"SHZHSHZHSHHHZHHSHHHZHZ" มิสซิ่งฮาร์ทท่องบทคาถาศาสตร์มืดอย่างรวดเร็ว ดาร์คเนสยิ้มอย่างใจเย็น

ก่อนจะตวัดมือและสร้างโซ่สีขาวออกมา

'บทลงโทษแห่งพระเจ้า' สิ้นเสียงทันทีนั้นโซ่ตรวนสีขาวก็พุ่งทะลุใส่กลางตัวมิสซิ่งฮาร์ท…

มิสซึ่งฮาร์ทกลับยังยืนท่องศาสตร์มืดต่อ มีเพียงเลือดเล็กน้อยถูกกระอักออกมาจากปาก... แสดงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ

ดวงตาที่ไร้แววของเขาจ้องมองไปยังจอมมารอย่างไม่กระพริบ

"อะ...อะไรกัน...." เธอคิดในใจแล้วปลดปล่อยบทลงโทษแห่งพระเจ้าอีกครั้ง

"อั๊ก~!"

เด๊กน้อยผู้ไร้หัวใจกระอักเลือดออกมาปริมาณมาก แต่ยังไม่ล้มเลิกการท่องมนต์ดำ...

"ไปตายซะ~!!!" ดาร์กเนสตะโกนอย่างฉุนเฉียวแล้วปลดปล่อยโซ่สีขาวอีกสามเส้นพุ่งกระแทกจนมิสซิ่งฮาร์ท

มิสซิ่งฮาร์ทหยุดท่องมนต์ดำซักพัก แล้วพูดว่า...

"คิดว่าโซ่นี่จะ....อัก...ทำให้....ความทร...ทรงจำ....หายไปได้เรอะ....."

ดาร์กเนสจึงฉุกคิดว่า เจ้านี่มันไม่มีหัวใจ ไร้ซึ่งความทรงจำ แล้วมันก็ไม่ตายด้วย...

ก่อน ดาร์กเนสจะทำอะไรได้อีก มิสซิ่งฮาร์ทลุกขึ้นมาท่องมนต์ดำจนจบ ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนืท เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังทั่วฟ้า

ก่อนพื้นดินจะกลายเป็นสีแดง และมีหินแหลมคมพุ่งออกมาทำให้พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไฟเพลิงและลาวาพุ่งพวยออกมา

ทำให้ดาร์กเนสต้องอึ้งไปซักพัก...

"อะไร กัน...." เธอรำพึงในใจ เพราะที่เธอทำมานั้นไม่ได้มีผลอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากมิสซิ่งฮาร์ทใช้ท่า มิราเคิลฮีลลิ่งไปเรียบร้อย

ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และยังทำให้แขนซ้ายเธอยิ่งขยายตัวยิ่งขึ้นด้วย

"กระตุ้น!"จอมมารเอ่ยขึ้นทำให้ตราคำสาปของมิซซิ่งฮาร์ทส่องสว่างขึ้น สร้างความเจ็บปวดที่รุนแรงแกตัวเขา

มิซซิ่งฮาร์ทที่ถูกการโจมตีของจอมมารติดต่อกันมาถึงจุดที่ไม่สามารถทนต่อไปแล้ว... เขาล่วงลงสู่พื้นดิน...

ฟุ่บ!!

เด็กน้อยตกลงมาในอ้อมแขนของบุรุษสีขาว ปีกสีขาวสะอาดกางออกมาพร้อมกับเหล่าสหายอีกจำนวนนึง....

"มิส ซิ่งฮาร์ท นายพักก่อนเถอะ ชั้นกับคนอื่นจะจัดการเอง" ชายหนุ่มขาว ได้กำเนิดขึ้นใหม่จากปาฎิหาริย์ของ

อะไรสักอย่าง 'Lone' ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น รวมทั้ง Silent confuse และHungry รวมทั้งกริฟฟินอัสนีด้วย

"อื....อืม......" มิสซิ่งฮาร์ทกล่าวเบาๆ ก่อนถูกวางลงเบาๆลงบนพื้นหญ้า แล้วสลบไปเงียบๆ

"เอาล่ะนายท่าน เตรียมตัวรับการแก้แค้น..... ของเรา" โลนตะโกนลั่นแล้ววิ่งเข้าไปหาดาร์กเนสพร้อมทุกคนที่เหลือ

"เจ้าพวกเศษสวะ.... จงเตรียมตัวตายซะ...."จอมมารพูดด้วยแววตาเย็นชา

เสียงคำรามของเหล่าสาวกดังขึ้นก่อนที่คมมีดสีขาวสะอาดของโลนจะทะยานขึ้นฟ้าพุ่งเข้าหาจอมมาร

คลื่นพลังมากมายพุ่งเข้าหาเธออย่างบ้าคลั่งแต่เพียงแค่เธอสะบัดมือเพียงเบาๆการโจมตีเหล่านั้นก็ถูกปัดออกไป

"Lone…. แม้แต่นายก็ทรยศฉันสินะ"ดาร์คเนสพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนที่จะฟาดหอกในมือใส่ โลนก็สร้างหอกสีขาว

ในรูปแบบเดียวกันมารับเอาไว้...

"ท่านเองตั้งหากที่กำลังทรยศพวกเรา"โลนตวัดหอกของจอมมารออกไปก่อนจะฟาดมันเข้าหาดาร์คเนสอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวผู้มีแขนปิศาจหลบได้เหมือนรู้ล่วงหน้ามือปิศาจของเธอก็สร้างหอกเนื้อพุ่งใส่โลนอย่างรวดเร็ว

"ฉันจะบอกอะไรใช้นะ Lone…. ตัวนายน่ะก็เป็นแค่สิ่งของที่ฉันสร้างขึ้นมาไม่จำเป็นต้องมีความคิดอะไรหรอก"

"บทเพลงทำลายนคร..."

ท่วงทำนองดังขึ้นอีกครั้งลำแสงประหลาดพุ่งเหมือนสายฝนไหลลงพื้นดิน อย่างกับว่าจุดจบของโลกดำเนินมาถึง...

เหล่าสาวกแห่งความมืดถูกระเบิดแสงพุ่งทะลุร่างอย่างน่าสยดสยองบทเพลงยังคงดำเนินไปเรื่อยๆเหล่าผู้กล้าต่างหลบหนี

เอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต

"พอได้แล้ว.... เธอนะ พอได้แล้ว" เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมดาบสีดำที่ทะลุเข้ากลางลำตัวของดาร์คเนส ทำให้ลำแสง

ทั้งหมดหยุดลง เจ้าแห่งความมืดมองย้อนกลับไปยังที่มาแห่งความเจ็บปวด

ชายหนุ่มผมยาวสีดำมืดพร้อมดวงเนตรสีแดงเลือดในชุดอัศวินสีรัตติกาลกำลังลอยอยู่เหนือเกาะด้วยปีกนกสีดำ

ในมือของเขาส่องแสงสีดำเหมือนกำลังควบคุมดาบสีดำที่ปักอยู่ที่เจ้าแห่งความมืด

"....เล่นตลกอะไรกัน สปอร์.เอส.ดาร์คเดธ "ดาร์คเนสพูดอย่างใจเย็นก่อนจะใช้มือปิศาจดึงอาวุธของอัศวินสีดำ

ที่ปักอยู่กลางตัวออกไปเธอมองดูสปอร์อย่างคุ้นเคยเหมือนคนรู้จักกันดี

"นายเองก็ต้องสาปไม่ใช่หรอ นายเองก็รู้ความรู้สึกฉันนี่....."ดาร์คเนสยิ้มเหี้ยมก่อนจะมองไปยังอัศวินดำที่อยู่ตรงหน้า

"ฉันกับเธอมันต่างกัน..... เธอนะเอาแต่พูดว่าตัวเองไม่ดีอย่างงั้น ไม่ดีอย่างงี้!"สปอร์เอ่ยเสียงเย็นดวงตาสีแดงจับจ้อง

ไปยังดาร์คเนสอย่างสังเวช "คนเรานะ มีปมด้อยแล้วไง.... ไม่มีใครวิเศษไปทุกคนหรอก"

"แต่คนที่มีปมด้อยแล้วออกมาอาละวาดแบบเธอมันงี่เง่านี่สุด" สปอร์พูดจบก็ดีดนิ้วความมืดรอบก็เข้ามากุมขังดาร์คเนส

เหมือนกรงนกดาร์คเนสฟาดหอกไปทั่วในกรงนกแต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นผล

"แก!!... ปล่อยฉันนะ!"ดาร์คเนสคำรามลอดไลฟันออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเธอไม่สามารถจะทำอะไรกับผู้ชายคนข้างหน้า

นี้ได้ เพราะเหตุใดกัน ทำไมถึงไม่สามารถทำอะไรกับสปอร์ได้เลย!!

"จังหวะนี้แหละครับ... คุณองค์ชาย!!"อัศวินตะโกนลงไปข้างล่าง เจ้าชายของนครลอยฟ้าอยู่ข้างล่าง....

พร้อมกับกำลังทหารบางส่วนที่มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ... เจ้าชายกำลังถืออะไรบางอย่างอยู่

ดาร์คเนสเห็นสิ่งนั้นถึงกับส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว แสงบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากจุดที่เจ้าชายยืนอยู่...

แสงสว่างวิเศษที่จะขับไล่มารร้าย แสงสว่างแห่งนครลอยฟ้า

"นี่มัน.... บ้าน่า... พวกแกไม่น่าจะเอามาออกมาจากใจกลางนครได้นี่"เธอคำรามออกมาแขนอสูรของเธอเริ่มจะเน่าเปื่อย

เสียงของเธอค่อยใหญ่ขึ้นเหมือนปีศาจ "ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยยย พวกแก"

แสงสว่างระเบิดออกมา มันกระจายไปทั่วน่านฟ้า กระจายไปทั่วเกาะลอยฟ้า..... และทำให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน

เหล่าผู้กล้าที่บาดเจ็บ เหล่าผู้กล้าที่ต้องสาป

เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบเหมือนจะได้รับการเยียวยา

ตราคำสาปได้สูญสลายไป

"วัตถุปริศนา..... ขอร้องล่ะช่วยรับฟังคำขอสุดท้ายของผมด้วยเถอะ"เสียงหวานขององค์ชายที่พยายามคว้าเอาแสงสว่าง

ที่กำลังจะหายไป มือเรียวของเจ้าชายที่พยายามไขว่คว้า...

"ขอให้เรื่องน่าเศร้าทั้งหลาย.... ได้รับการเยียวยา.... "

วิ้งงง.........

"พี่คะ...."เด็กสาวผมสีน้ำทะเลตัวเล็ก เดินเข้ามากอดปรินซ์อย่างคุ้นเคยเป็นอ้อมกอดที่ห่างเหินมานาน

เป็นอ้อมกอดที่เขาคิดถึงเหลือเกิน อ้อมกอดของน้องสาวที่เขาต้องเสียไป

"ขอบคุณนะคะ"

"องค์ชายครับ... องค์ชาย...."

"อือออ...."

"ตื่นได้แล้วครับ"สปอร์ในชุดขุนนางเต็มยศพยายามปลุกผู้เป็นนายให้ตื่นจากความฝัน จากวันนั้นก็ผ่านล่วงเลยมา

3 เดือนแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้นครแห่งนี้กลายเป็นเมืองปิดไปสักระยะ  

เหล่าผู้กล้าได้ถูกถอดถอนคำสาปทำให้บางคนก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ แต่เนื่องจากความเสียหายบางอย่างทำให้

เรือเหาะแห่งนครลอยฟ้ามีเหตุขัดข้อง พวกเขาจึงยังอยู่ภายในนครแห่งนี้

วันนี้คือวันที่มีเทศกาลขอบคุณเหล่าอัศวิน... ทำให้บรรยากาศภายในเมืองเต็มไปด้วยสีสันตระกาลตามากมาย

และแน่นอนว่าเป็นผลจากฝีมือของอาซ้อของเรา ซึ่งดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นจากการที่ไม่ต้องโดนกักอยู่ในที่แคบๆ

เหล่าผู้กล้าเดินเที่ยวชมงานต่างๆ บ้างก็เปิดการแสดง บ้างก็ทำร้านขายของ บ้างก็หลบหนีอาซ้อไปทั่วเมืองหลวง

ทุกคนเหมือนจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบ การแข่งขันชิงการได้สัมผัสวัตถุปริศนาถูกเลื่อนออกไป

องค์ชายสาวเท้ามายืนที่ระเบียงก่อนจะนั่งลงบนบัลลังค์สีแดงชาด องครักษ์ผู้เต็มไปด้วยปริศนายืนแนบข้างๆบัลลังค์

ไม่ช้านานนัก..... หญิงสาวผมสีน้ำทะเลก็เดินออกมาจากข้างหลังม่าน

เด็กสาวในชุดเจ้าหญิงสีฟ้าใสแขนที่เคยเป็นอสูรปัจจุบันนี้กลายเป็นแขนเรียวเล็กน่าปกป้อง

ดวงตาทั้งสองเป็นสีฟ้าใสเหมือนท้องนภาที่ไร้เมฆหมอก

ทั้งส่งยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น

หลังจากเหตุการ์ณนั้นเดียน่าก็ได้กลับมาเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ความทรงจำในฐานะดาร์คเนสหายไปหมด

และทุกคนก็ตกลงกันว่าจะไม่พูดเรื่องนั้นเป็นครั้งที่สอง.... ความมืดที่สิงในตัวเธอได้บินหายไปโดยการ

ขับไล่ด้วยแสงประหลาดที่มาจากวัตถุปริศนาของนครแห่งนี้

"เราปริ้นซ์ องค์ชายแห่งนครสุดขอบฟ้าขอประกาศให้เทศกาลขอบคุณอัศวินเริ่มขึ้น

และขอประกาศให้การแข่งขันเพื่อสัมผัสวัตถุปริศนาสิ้นสุดลง โดยให้ผู้กล้าทั้งหมดเป็นผู้ชนะ!!"

ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม ทุกอย่างดูมีความสุขมากมายดังก้องไปทั่วนคร

ความสงบสุขคืนกลับมาสู่นครแห่งนี้

วัตถุปริศนาได้หายสาบสูญไปจากที่เก็บเดิม...

มันคงไปอยู่ในสถานที่ซ่อนใหม่แล้วเป็นแน่แท้...

แต่สำหรับผู้กล้าทุกคนแล้ว ตอนนี้คงไม่มีอะไรดีกว่าการสนุกสนานกับงานเทศกาลตรงหน้า

และรอคอยวันที่เรือเหาะถูกซ่อมเสร็จแล้วออกเดินทางไปยังวิถีชีวิตของตัวเอง

                                                         FIN

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"นี่สปอร์.... ทำนายถึงสู้กับดาร์คเนสได้อย่างสูสีล่ะ"ปริ้นซ์เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

" '_' ฮ่าๆ ก็เพราะว่า.........."

"เพราะว่า...."ปริ้นซ์เอ่ยย้ำพร้อมมองหน้าไอ้อัศวินกวนอารมณ์ข้างหน้า

"เพราะว่า.........."

"เพราะว่า....."ปริ้นซ์ทำหน้าอยากรู้ (x2)

"ความลับครับ! ^_^"

"ไอ้!!"

++++++++++++++++++++++++++++++++

Writer :องค์หญิง / อัซราเอล / มิสซิ่งฮาร์ท

EDITER : สปอร์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผู้ดำเนินเกมส์ Says:

จบลงไปแล้วนะครับกับบทสรุปของ OCFF #2

สปอร์เองอาจจะทำได้ไม่ดีมากมายนักนะครับ แต่ก็สนุกนะครับสำหรับกิจกรรมครั้งนี้

เป็นความทรงจำดีๆในนครลอยฟ้าแห่งนี้มากเลยครับ

และก็ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยกันทำให้กิจกรรมนี้จบลงได้นะครับ

ตัวละครทุกคนน่ารักมากๆ รักคาแรกเตอร์ของทุกคนมากมาย

อาจจะไม่ใช่ตอนจบที่ดีที่สุด เพื่อนๆสามารถแต่งตอนจบในแบบของตัวเองได้นะครับ

แล้วถ้าสงสัยตรงไหนก็ถามได้นะครับ

สุดท้ายนี้

OCFF #2 BY SPORE จบลงแล้วจ้าาาาาาาาาาาา~

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านฉากปิด ocff2แล้วนะครับ สุดท้ายก็จบลงด้วยดีสินะ  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

เย้~ แฮปปี้เอนดิ้ง~ >w<"

ตามมาอ่านเรียบร้อยครับ ขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้เอาแต่อ่าน ไม่ได้เม้นต์ = ="

Link to comment
Share on other sites

อยากเห็นปริ้นทำหน้าอยากรู้ท่าจะโมเอ้ะ...

รีเควสได้มะ!!

Link to comment
Share on other sites

'__' ได้เลย (แต่คงอีกสักพักถึงจะได้วาด)~

Link to comment
Share on other sites

สุดยอดเลยครับ เกลาเรื่องของทั้งสามคนให้เข้ากันได้(ทั้งที่ตอนแรกไม่เกี่ยวกันเลย)

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

เฮ~เวอร์ชั่นอีดิทเตอร์

จำได้ลาง ๆ ว่าอ่านมาก่อนหน้านี้ แต่เวอร์นี้จบได้ไม่ติดใจแท้ ๆ

เฮ้~จบ

...แต่จะต่อดีไม๊น่ะ หึหึหึหึ

Link to comment
Share on other sites

"เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีก็ดีใจแล้วล่ะ" นายทหารเก่าพูดขึ้นกับชายหนุ่มผมแดง บทเพลงจากกีต้าร์คลาสสิกที่ถูกบรรเลงโดยนายแฟร้งค์ยังดังอย่างต่อเนื่อง

"หลังจากนี้เราจะไ้ด้เจอกันอีกมั้ย" ชาโดว์เอ่ยปากถามออกไป

กวีหยุดบรรเลงกีต้าร์พรางมองหน้าชายหนุ่ม

"ชิโรมิก้าน่ะ ถ้ามีโอกาส ฉันก็คงจะไป" กวีหนุ่มเริ่มเกากีต้าร์อีกครั้ง  บทเพลงแห่งการร่ำลาของเขา

"ไว้เจอกันแล้วกันครับ"

.....................................................................

Link to comment
Share on other sites

^^มาขอแต่งฉากจบด้วยครับ :pika01:

"ในที่สุด มันก็จบสินะ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลรากไทรยาว บ่นกับตัวเอง เขาสะพายดาบทองคู่ใจไว้บนบ่า พลางมองบรรยากาศโดยรอบ ที่ย้อมไปด้วยแสงตะวันยามอัสดง

"คราวนี้ฉันสนุกมากเลยละ" เขากล่าวกับตัวเองเบาๆ "ที่จริงฉันอยากจะสนุกนานกว่าน้อีกสักหน่อย แต่ภารกิจของฉันที่อาร์เนีย ยังคงอยู่"

"ลาก่อน นครสุดขอบฟ้า" ชองกล่าวอำลากับนครครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย

Link to comment
Share on other sites

คำอำลาของปริ้นซ์

     

นี่เป็นจดหมายมนตรา 1 ในไอเทมของผมผมได้เขียนส่งให้กับผู้กล้าทุกคนที่ได้ช่วยเหลือผมในวิกฤตครั้งนี้

ผมรู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รู้จักพวกคุณ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆพวกคุณทำให้นครแห่งนี้มีชีวิตชีิวาขึ้นได้มาก

ผมขออภัยในเรื่องต่างๆที่สร้างปัญหาให้กับผู้กล้าทุกท่าน จึงได้แนบตั๋วเงินจำนวนนึงมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้

หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้กล้าทั้งหลายไม่มากก็น้อย ส่วนกระดาษอีกใบนั่นก็คือตั๋วเรือเหาะของนครลอยฟ้า

หากว่าท่านอยากมานครลอยฟ้าเมื่อไรก็มาได้เสมอ... ชาวนครลอยฟ้าพร้อมยินดีต้อนรับท่านอย่างเต็มใจ

สุดท้ายนี้หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก ผมยินดีให้ความช่วยทุกคนเหมือนกับที่ทุกคนให้ความเชื่อเหลือผม

Prince of นครสุดขอบฟ้า

คำอำลาของ ซ้อ

                   

แล้วเจอกันใหม่!!

+++++++++++++++++++++++++

ผู้กล้าทั้งหมด Gain ตั๋วเงินจำนวนมาก

                 Gain ตั๋วเรือเหาะนครสุดขอบฟ้า x 1

+++++++++++++++++++++++++

Link to comment
Share on other sites

ในที่สุดก็ต้องลาจากนครลอยฟ้าแห่งนี้...

คุโมจิจัดห้องของตัวเองให้เรียบร้อยและก่อนจะจากไป เขาก็เหลือไปเห็น

ไอเท็มที่ตราตรึงความทรงจำที่สุดตลอดการอยู่ที่นครลอยฟ้าแห่งนี้...

"อมยิ้มอิ่มทั้งชาติ"

คุโมจิหยิบอมยิ้มขึ้นมาดูอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ หยิบอมยิ้มแท่งนั้นใส่กระเป๋า และทำการล้อคห้องอย่างเงียบ ๆ

เขาเดินออกจากหอพัก และตรงไปยังสวนผักของหออาซ้อ หาพื้นที่ว่าง แล้วก็เสกเมล็ดพันธ์มาปลูกด้วยท่าทางสดชื่นและขมขื่นไปด้วย

เมื่อปลูกเสร็จแล้วจากนั้นเขาก็หายตัวไปในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากสวนผักนัก

คุโมจิกลับไปแล้ว...

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.