Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[56k Warning!] Pokemon of the Week.


Dreammaker

Recommended Posts

เห็นเรื่องโปรเจ็คเว็บของผม โดนยกเลิกไป เว็บใหม่คงอีกนาน เลยเอามาลงเลยอ่านะ

โปเกมอนตัวล่าสุดที่ลง

#058 การ์ดี้ (ガーディ,Growlithe)

======================================================

สารบัญตามลำดับที่ลง (เก่าไปใหม่)

#129 คอยคิง (コイキング,Magikarp)

#202 โซนันส์ (ソーナンス,Wobbuffet)

#179 เมรีฟ(メリープ,Mareep)

#335 ซันกูส(ザングース,Zangoose)

#336 ฮาบุเนค(ハブネーク,Seviper)

#417 ปาจิริส (パチリス,Pachirisu)

#351 โปวารุน (ポワルン,Castform)

#190 เอปาม (エイパム,Aipom)

#050 ดิ๊กด้า (ディグダ,Diglett)

#058 การ์ดี้ (ガーディ,Growlithe)

======================================================

สารบัญตามหมายเลข

#050 ดิ๊กด้า (ディグダ,Diglett)

#058 การ์ดี้ (ガーディ,Growlithe)

#129 คอยคิง (コイキング,Magikarp)

#179 เมรีฟ(メリープ,Mareep)

#190 เอปาม (エイパム,Aipom)

#202 โซนันส์ (ソーナンス,Wobbuffet)

#351 โปวารุน (ポワルン,Castform)

#335 ซันกูส(ザングース,Zangoose)

#336 ฮาบุเนค(ハブネーク,Seviper)

#417 ปาจิริส (パチリス,Pachirisu)

======================================================

วันหลังจะมาเพิ่มเรื่อยๆ

ขอร้องอีกอย่างว่า งานพวกนี้ ผมทำเอง อย่าทำงานซ้ำซ้อนกับผมเลยครับ เพราะผมไม่ได้แปลมาอย่างที่คุณคิดกัน อย่าทำให้ข้อมูลที่อุตส่าห์รวบรวมมามันดูแย่ลงเลยครับ ขอร้องไว้ละกันนะ

ถ้ามีอะไรจะมาอัพเพิ่มในนี้เรื่อยๆ นะ อิอิ

ใครจะรีเควสตัวอะไร บอกได้นะ ถ้าหาได้ก็จะทำให้

อ่านแล้วเม้นด้วยนะ อิอิ

Link to comment
Share on other sites

#129 คอยคิง (コイキング,Magikarp)

129Magikarp.png

โปเกมอนปลา ธาตุน้ำ

ส่วนสูง 0.9 เมตร

น้ำหนัก 10.0 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจากคำว่า 鯉(コイ) อ่านว่า โคย แปลว่า ปลาคาร์พ และคำว่า キング อ่านว่า คิง ซึ่งแปลว่าราชา ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้ว น่าจะแปลได้คร่าวๆ ว่า "ราชาแห่งปลาคาร์พ" ส่วนชื่อในภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า Magic(เมจิค) ที่แปลว่า มหัศจรรย์ และคำว่า Carp(คาร์พ) ที่หมายถึง ปลาคาร์พ ซึ่งก็นำมารวมกันได้ว่า "ปลาคาร์พมหัศจรรย์"

ที่มาของไอเดียการสร้างโปเกมอนตัวนี้ เกิดขึ้นมาจากตำนานที่ว่า "หากปลาคาร์พตัวใดว่ายน้ำผ่านประตูมังกรได้ ปลาคาร์พตัวนั้นจะกลายเป็นมังกร" โดยที่ตำแหน่งของประตูมังกรนั้น ชาวจีนเชื่อว่า อยู่เหนือน้ำตกหลายๆ แห่ง และ เรื่องราวของตำนานนี้ ก็มีปรากฏขึ้นในโปเกมอนภาคเกาะออเรนจ์ (โปเกมอนตอนที่ #111 Magikarp! The True Secret!) ที่กล่าวถึงคอยคิงมารวมกันว่ายไต่น้ำตก โดยจะมีเพียงตัวที่ไต่น้ำตกขึ้นไปได้เท่านั้นที่สามารถวิวัฒนาการได้

myth1.jpg

คอยคิง กำลังพยายามไต่น้ำตกเพื่อขึ้นไปวิวัฒนาการ

myth2.jpg

คอยคิงที่ไต่น้ำตกได้กำลังวิวัฒนาการ

myth3.jpg

เหล่าโปเกมอนที่วิวัฒนาการสำเร็จและล้มเหลว ต่างพากันกลับสู่ทะเล

shinykoiking.jpg

คอยคิงเรืองแสง ปรากฏตัวในตอนที่ #368 The Three Animal Appearence! The Referee School Island!

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

คอยคิง เป็นโปเกมอนปลาขนาดปานกลาง สีแดงส้ม มีลักษณะโดดเด่นตรงเกล็ดที่มีความแข็งและขนาดใหญ่ของมัน ครีบของมันส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวและมีความแข็ง ครีบบนหลังและที่ท้องของมันจะเป็นสีเหลือง ส่วนปลายแยกเป็นสามแฉก นอกจากนี้บริเวณส่วนปากของมันจะมีหนวดยื่นออกมา ซึ่งคอยคิงตัวผู้จะมีหนวดสีน้ำตาลแก่ ส่วนตัวเมียจะมีหนวดสีขาว

129g.gif

คอยคิงตัวผู้(ซ้าย) และ คอยคิงตัวเมีย(ขวา)

คอยคิงเป็นโปเกมอนที่มีความสามารถในการกระโดดสูงมาก แต่ถึงแม้ว่ามันจะกระโดด(はねる,Splash)ได้เก่งแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่เคยกระโดดได้สูงกว่า 2 เมตรเลย มันมีความอดทนต่อสภาพแวดล้อมสูง และสามารถอยู่รอดได้ในแหล่งน้ำที่มีมลพิษ

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

แม้ว่าคอยคิงจะสามารถอยู่รอดได้ในน้ำที่ปนเปื้อนมลพิษ แต่มันก็มักจะถูกมองข้ามจากเหล่าเทรนเนอร์ด้วยเห็นผลที่ว่ามันอ่อนแอ เพราะแม้แต่ในการต่อสู้มันก็ทำได้แค่กระโดดไปมา ทำให้มันถูกจัดอยู่ในอันดับของโปเกมอนที่อ่อนแอที่สุดในโลก มันว่ายน้ำไม่เก่ง ดังนั้นมันจึงมักจะล่องไปตามกระแสน้ำ และมักจะกระโดดอยู่เสมอๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังตรวจสอบไม่ได้ว่ามันกระโดดเพื่ออะไร แต่การกระโดดของมันก็มีผลเสียคือ ทำให้มันถูกมองเห็นได้ง่ายจากผู้ล่า เช่น พีเจียน(#017 ピジョン,Pidgeotto) คนโบราณเชื่อว่า คอยคิงในสมัยก่อน แข็งแรงกว่าคอยคิงในยุคปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี้เอง ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางคน ยังค้นหาความลับเกี่ยวกับคอยคิงอยู่เรื่อยมา

คอยคิงสามารถพบเห็นได้ในแหล่งน้ำแทบทุกที่แม้แต่แหล่งน้ำตื้นๆ ก็ตาม ส่วนมากที่พบเห็น จะพบในน้ำที่มีกระแสน้ำไหล เพราะมันมักจะล่องไปตามกระแสน้ำอยู่เสมอ

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- คอยคิงบางตัวในธรรมชาติสามารถใช้ท่ามังกรพิโรธ(りゅうのいかり,Dragon Rage)ได้ แต่หายากมาก

- คอยคิงสามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม

- แม้ว่าคอยคิงจะถูกมองว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่โปเกมอน แต่ยังมีโปเกมอนอีกเจ็ดตัวที่มีค่าพลังอ่อนแอกว่ามัน ได้แก่

*รันโทส(#280 ラルトス,Ralts)

*คาตาปี้(#010 キャタピー,Caterpie)

*บีเดิ้ล(#013 ビードル,Weedle)

*เคมุซโซ(#265 ケムッソ,Wurmple)

*โคโรโบชิ(#401 コロボーシ,Kricketot)

*รุริริ(#298 ルリリ,Azurill)

*ฮิมานัสสึ(#191 ヒマナッツ,Sunkern)

- ไม่มีใครรู้ว่ามันกระโดดเพื่ออะไร และไม่มีใครรู้ว่ามันมีชีวิตอยู่ได้ยังไง

- ไข่ของคอยคิง ใช้เวลาในการฟักน้อยที่สุด

บทสั่งลา

เจ้าคอยคิง ปลาคาร์ฟ เหมือนไร้ค่า

ทุกเวลา มันกระโดด ไร้เหตุผล

ทำให้นัก โปเกมอน หลายๆ คน

หาเหตุผล ว่ามันเกิด มาทำไม

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#202 โซนันส์ (ソーナンス,Wobbuffet)

202Wobbuffet.png

โปเกมอนอดทน ธาตุพลังจิต

ส่วนสูง 1.3 เมตร

น้ำหนัก 28.5 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจากคำว่า そうなんす อ่านว่า โซนันสึ แปลว่า ใช่แล้วละ ส่วนชื่อในภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า Wobble(ว็อบเบิล) แปลว่า การโยกไปมา รวมกับคำว่า Buffet(บัฟเฟ็ต) แปลว่า ตอบโต้ ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้ว น่าจะแปลได้คร่าวๆ ว่า "การโยกตอบโต้ไปมา"

ที่มาของไอเดียการสร้างโปเกมอนตัวนี้ เกิดขึ้นมาจากนักแสดงละครคอเมดี้คนหนึ่งที่ชื่อ เซมเปย์ ฮายาชิยะ (林家三平) ซึ่งเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง โดยมีข้อความและท่าทางทางประจำตัวคือ การนำมือข้างหนึ่งมาแตะที่หน้าผาก แล้วพูดว่า "そうなんす、奥さん (sō na-n-su, okusan)" อ่านว่า โซนันสึ,โอคุซัง แปลว่า "ใช่แล้วละที่รัก"

sonans2.png

"そうなんす、奥さん" ใช่แล้วละ ที่รัก

sonans.png

"ソーナンス" ใช่~แล้ว~ละ~

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

โซนันส์ เป็นโปเกมอนที่ตัวค่อนข้างสูง รูปร่างคล้ายหยดน้ำสีฟ้า หางของมันมีสีดำและมีจุดคล้ายๆ ดวงตาสองจุดอยู่ที่หาง มันมีแขนที่สามารถงอไปแตะที่หน้าผากได้ เพื่อแสดงอารมณ์ แตกต่างจากร่างแรกของมัน ที่มักจะยิ้มเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ มันยืนและเดินอยู่ได้ด้วยฐานที่ดูเหมือนขาทั้งสี่ของมัน บริเวณปากของมัน จะมีลักษณะต่างกันตามเพศคือ โซนันส์ตัวเมีย จะมีรอยคล้ายๆ ลิปสติกอยู่ที่ปาก

sonans3.png

โซนันส์ตัวผู้(ซ้าย) และ โซนันส์ตัวเมีย(ขวา)

ความสามารถที่โดดเด่นของมันคือ การสวนกลับการโจมตี ซึ่งการโจมตีสวนกลับจะมีความรุนแรงมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความอดทนของมัน นอกจากนี้มันจะมีความสามารถที่น่าประหลาด ที่ทำให้โปเกมอนไม่สามารถหนีจากมันได้ ซึ่งต่อมาภายหลังรู้จักกันในชื่อ Ability : Shadow Tag(かげふみ)

sonansu.png

เพราะมีทั้ง Counter และ Mirror Coat ทำให้มันสวนกลับการโจมตีได้เกือบทุกรูปแบบ

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

โซนันส์มีนิสัยรักสงบ ไม่เคยโจมตีใครก่อน มันอาศัยอยู่ในถ้ำที่มืดสนิทเพราะมันไม่ชอบแสงสว่างและต้องการซ่อนหางของมัน และเมื่อพวกมันสองตัวมาเจอกัน มันมักจะแข่งกันว่า ใครมีความอดทนมากกว่ากัน นอกจากนี้ ในหมู่เทรนเนอร์ที่เลี้ยงโซนันส์ มักจะพบว่ามันชอบออกมานอกบอลเองอยู่บ่อย นั่นเป็นเพราะ มันเต้องการแสดงความคิดเห็นของมันให้กับมนุษย์ตามชื่อของมัน ソーナンス ที่แปลว่า ใช่แล้วละ

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- สิ่งที่โซนันส์สองตัวจะแข่งกันอดทนเมื่อเจอกันคือ "การอดอาหาร"

- โซนันส์จะดุร้ายขึ้นมาทันที หากหางของมันถูกโจมตี

- คนบางกลุ่มเชื่อกันว่า ความลับหลายๆ อย่างของโซนันส์อยู่ที่หาง

- ในอนิเมของญี่ปุ่น จะใช้ โซนันส์ เป็นตัวรับมุกของแก๊งร็อคเก็ตบ่อยมาก เนื่องจากคำแปลของชื่อมัน

- ชื่อของโซนันส์ในภาษาอื่น ส่วนมากจะแปลได้ทำนองว่า ใช่แล้วละ ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะต้องการในผู้ชมเข้าใจมุกที่คนแต่งเรื่องต้องการจะสื่อถึง

- ในประเทศไทยเอง ก็มีการนำโซนันส์มารับมุกของแก๊งร็อคเก็ตเช่นเดียวกัน จึงทำให้โซนันส์ ต้องหันมาพูดว่า "ใช่แล้วละ" หรือ "ถูกต้องนะครับ" แทนที่จะพูดชื่อของตัวเอง นั่นเป็นเพราะ โปเกมอนไม่มีชื่อเป็นภาษาไทย

บทสั่งลา

เจ้าโซนันส์ อาศัย อยู่ในถ้ำ

เพื่อซ่อนหาง ดำๆ ไม่ให้เห็น

มันอดทน และหาเรื่อง ใครไม่เป็น

ชอบแสดง ความเห็น ใช่แล้วละ

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#179 เมรีฟ(メリープ,Mareep)

179Mareep.png

โปเกมอนขนปุย ธาตุไฟฟ้า

ส่วนสูง 0.6 เมตร

น้ำหนัก 7.8 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ชื่อของมันบ้างก็ว่ามีที่มาจากคำว่า Mary อ่านว่า แมรี่ (ในญี่ปุ่นไม่มีเสียงสระ แออ จึงอ่านได้ว่า เมรี่) ซึ่งเป็นชื่อของเด็กผู้หญิงที่เป้นเจ้าของแกะที่เรียนในบทกลอนชั้นอนุบาลของญี่ปุ่น รวมกับคำว่า sheep อ่านว่า ชีพ ที่แปลว่าแกะ บ้างก็ว่ามาจากคำว่า Ampere (อ่านว่าแอมแปร์ ซึ่งเป็นหน่วยวัดกระแสไฟฟ้า) นำมาเขียนสลับกันเป็น Mareep

ที่มาของไอเดียการสร้างโปเกมอนตัวนี้ เกิดขึ้นมาจากแกะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แกะก็จะมีขน ซึ่งผู้คิดสร้าง คงจะนำเอาคุณสมบัติของขนสัตว์ที่มักจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้มารวมเข้ากับแกะ จนกลายเป้นแกะไฟฟ้าไป

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

เมรีฟ มีลักษณะรูปร่างเป็นแกะ ขนสีเหลือง หัวและขาทั้งสี่สีฟ้า เขาและหางของมันเป็นลายสีดำสลับเหลือง ที่บริเวณปลายหางมีก้อนกลมๆ สีส้มคล้ายหลอดไฟอยู่ ก้อนกลมๆ นั้นสามารถเรืองแสงได้เพื่อแสดงระดับของกระแสไฟฟ้าที่มันสะสมอยู่ ขนบนหัวของมันของมันจะม้วนลงมาเป็นลักษณะของปอยผม หากดูจากลักษณะภายนอกแล้ว จะไม่สามารถแยกได้เลยว่าเมรีฟเป็นเพศใด

179.png

เมรีฟตัวผู้(ซ้าย) และ เมรีฟตัวเมีย(ขวา)

ขนของเมรีฟสามารถบรรจุกระแสไฟฟ้าได้ และมันจะพองใหญ่ขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้ามากขึ้น หากแตะต้องขนของมันขณะที่ยังบรรจุกระแสไฟฟ้าไว้เต็มที่อาจทำให้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตได้ ก้อนกลมๆ คล้ายหลอดไฟที่หางของมันจะสว่างขึ้นเมื่อมีกระแสไฟฟ้าสะสมอยู่ในตัวมันมากขึ้น

mareep1.png

การทำฟาร์มเมรีฟ นอกจากจะได้ทั้งขนของมันแล้ว ยังได้กระแสไฟฟ้ากักตุนไว้ใช้อีกด้วย

mareep2.png

ผู้ที่ทำฟาร์มเมรีฟ บางครั้งจะนำเมรีฟออกไปรับกระแสไฟฟ้าจากธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า

mareep3.png

เมื่อเมรีฟได้รับกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขนของมันจะพองขึ้น

mareep5.png

เสื้อผ้าที่ทอด้วยขนของเมรีฟ จะให้ความรู้สึกนุ่มจนแทบจะละลายเป็นเนื้อเดียวกับผิวเลยทีเดียว

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

เมรีฟมักจะอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า มันมีนิสัยรักสงบและชอบหลีกเลี่ยงการต่อสู้ มันเป็นโปเกมอนที่มีนิสัยอ่อนโยน

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ในสถานที่ทางการแพทย์บางแห่ง ใช้เมรีฟในการนวดคลายกล้ามเนื้อ

mareep4.png

การนวดคลายกล้ามเนื้อโดยใช้เมรีฟ

- ขนของเมรีฟ สามารถพองได้มากที่สุดสองเท่าของขนเดิม

- ในฤดูร้อน หากอากาศร้อน มันจะสลัดขนทิ้ง

- ขนของเมรีฟ สามารถงอกใหม่ได้เหมือนเดิมภายใน 7 วัน

บทสั่งลา

เมรีฟใช้ ขนของมัน เก็บไฟฟ้า

ขนของมัน ทำเสื้อผ้า ไว้สวมใส่

ขนของมัน ถ้าหาก ถูกตัดไป

จะงอกใหม่ เป็นดังเดิม ในเจ็ดวัน

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#335 ซันกูส(ザングース,Zangoose)

335Zangoose.png

โปเกมอนแมวพังพอน ธาตุปกติ

ส่วนสูง 1.3 เมตร

น้ำหนัก 40.3 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ที่มาของมันมาจากพังพอน ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจากคำว่า 刪(ザン) อ่านว่า ซัน หมายถึง การตัด รวมกับคำว่า Mongoose(มอนกูส) ที่หมายถึง พังพอน ซึ่งชื่อของมันในภาษาอังกฤษก็ได้มาจากการทับศัพท์ของญี่ปุ่นอีกทีหนึ่ง

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

ซันกูส จัดอยู่ในกลุ่มโปเกมอนเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ มีลักษณะของแมวและพังพอน ร่างกายของมันส่วนใหญ่เป็นสีขาว แต่จะมีสีแดงเป็นรอยหยักที่บริเวณหน้า หน้าอก และ เท้าหน้าของมัน รอยสีแดงนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า ซันกูสตัวนั้น ได้พัฒนาตนเองจากการต่อสู้มามากเท่าไหร่แล้ว มันมีกรงเล็บที่ยาวและแหลมคมเป็นอาวุธหลัก และเมื่อมองดูมันจะลักษณะภายนอกแล้ว จะไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นเพศใด

335Zangoose2.png

ซันกูสตัวผู้(ซ้าย) และ ซันกูสตัวเมีย(ขวา)

ซันกูสมีความสามารถในการทนพิษ (Ability : Immunity,めんえき) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่างกายเพื่อให้แข็งแกร่งกว่าฮาบุเนค(#336 ハブネーク,Seviper) ซึ่งเป็นศัตรูตลอดกาลของมัน นอกจากนี้ กรงเล็บของมันก็มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลเดียวกัน

zan5.jpg

กรงเล็บของซันกูส เป็นอาวุธขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายมัน

zan4.jpg

ซันกูสขณะที่ใช้กรงเล็บซึ่งเป็นอาวุธหลักของมันโจมตีศัตรู

zan6.jpg

ถึงแม้จะได้รับพิษมา แต่แค่ชั่วครู่ มันก็สามารถรักษาพิษเองได้

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

ซันกูส เป็นคู่แข่งตลอดกาลของฮาบุเนค เมื่อมันพบกัน มันจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแพ้ไป ว่ากันว่า มันจะเป็นศัตรูกันไปตลอดชีวิตของมัน มันหาพบได้ยากตามธรรมชาติ สันนิษฐานว่า มันอาศัยอยู่บนภูเขา หรือทุ่งหญ้าที่มีต้นไม้กระจัดกระจาย

zan2.jpg

ซันกูสเมื่อพบกับฮาบุเนค

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ถึงแม้ซันกูสจะมีกรงเล็บแหลมคมแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถเรียนรู้ท่าตัดต้นไม้(いあいぎり,Cut)ได้

- ซันกูสโดยปกติมันจะใช้เท้าทั้งสี่ในการเคลือนที่ แต่ในยามต่อสู้หรือยามที่มันโมโห มันจะยืนด้วยสองขาหลัง เพื่อใช้กรงเล็บโจมตีศัตรู

zan1.jpg

ซันกูสตอนปกติ

zan3.jpg

ซันกูสขณะต่อสู้

- ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของซันกูสก็คือ ครัชคลอว์(ブレイククロー,Crush Claw) ซึ่งภายหลังได้ค้นพบว่า มีโปเกมอนอื่นๆ บางชนิดสามารถใช้ท่านี้ได้ด้วยเช่นกัน

- ถึงแม้ซันกูสกับฮาบุเนคจะเป็นศัตรูกัน แต่มันก็สามารถมีลูกร่วมกันได้

บทสั่งลา

เจ้าซันกูส แมวพังพอน ผู้หาญกล้า

สู้กับฮา บุเนค ได้สูสี

พัฒนา อาวุธ ยุทธ์วิธี

เพื่อศักดิ์ศรี ความภูมิใจ ในตนเอง

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#336 ฮาบุเนค(ハブネーク,Seviper)

336Seviper.png

โปเกมอนงูเขี้ยว ธาตุพิษ

ส่วนสูง 2.7 เมตร

น้ำหนัก 52.5 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจากคำว่า 波布(はぶ) อ่านว่า ฮาบุ ซึ่งเป็นชื่อของงูพิษชนิดหนึ่ง รวมกับคำว่า snake(สเนค) ที่แปลว่างู ถ้าจะให้แปลตรงๆ อย่างง่ายๆ แล้วก็คือ "งูฮาบุ" นั่นเอง ส่วนชื่อของมันในภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า severe(เซเวียร์) แปลว่า สาหัส รุนแรง รวมกับคำว่า viper(ไวเปอร์) ที่หมายถึงงูพิษ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็ได้เป็น "งูที่มีพิษร้ายแรง"

ไอเดียในการสร้างโปเกมอนตัวนี้ น่าจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างซันกูส(#335 ザングース,Zangoose) เนื่องจากพังพอนกับงูเป็นคู่ปรับกันในโลกแห่งความจริง สำหรับงูฮาบุนั้น เป็นงูพิษชนิดหนึ่งในแถบโอกินาวาที่ญี่ปุ่น มันจำศีลในฤดูหนาว พิษของมันไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดที่ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น เพียงแต่อัตราของผู้คนที่โดนมันกัดมีค่อนข้างสูง จึงนับว่าค่อนข้างจะอันตราย

800px-Habu-pitviper.png

งูฮาบุในเขตโอกินาวา

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

ฮาบุเนคเป็นโปเกมอนงูขนาดค่อนข้างใหญ่ เสียงร้องของมันมักจะเหมือนกับเสียงของหีบเพลง ร่างกายของมันส่วนใหญ่เป็นสีดำ สีสัญลักษณ์สีเหลืองรูปหกเหลี่ยมอยู่ตามด้านบนของลำตัว ตั้งแต่หัวจรดหาง มีปุ่มสีเหลืองเล็กๆ ไม่กี่คู่ อยู่ข้างลำตัวค่อนไปด้านล่าง สันนิษฐานว่า มันใช้สิ่งนี้ช่วยในการเคลื่อนที่ บริเวณใต้ลำคอของมัน มีคล้ายๆ แผลเป็นสีม่วง ส่วนที่โคนหางมีรอยสีม่วงเป็นรูปวงแหวนพันรอบหางอยู่ มันมีอาวุธที่ร้ายกาจติดตัวอยู่หลายอย่าง ได้แก่ เขี้ยวพิษอันแหลมคม หางที่คล้ายใบมีด นอกจากนี้ มันยังมีดวงตาที่้สามารถสะกดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อีกด้วย (へびにらみ,Glare)

ฮาบุเนค เติบโตได้โดยการลอกคราบ จุดที่มีพิษของมันจะอยู่ที่บริเวณเขี้ยวและปลายหาง หากมองมันจากรูปร่างภายนอกแล้ว จะไม่สามารถแยกออกได้ว่ามันคือเพศใด

336-2.png

ฮาบุเนคตัวผู้(ซ้าย) และ ฮาบุเนคตัวเมีย(ขวา)

habu1.png

เขียวของฮาบุเนค มีพิษร้ายแรงกว่าที่หาง

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

ฮาบุเนคเป็นคู่ปรับตลอดกาลของซันกูส ว่ากันว่า มันเป็นศัตรูกันตั้งแต่ที่มันเกิดขึ้นมา ฮาบุเนคมักจะลับหางให้คมอยู่เสมอ โดยการเอาหางของมันถูไปมากับก้อนหินแข็ง ข้อมูลที่อยู่ของมัน สันนิษฐานว่า มันน่าจะอาศัยอยู่บริเวณที่ราบทุ่งหญ้า ที่มีต้นไม้ขึ้นเป็นหย่อมๆ มันมักจะซ่อนตัวอยู่ในทุ่งหญ้า จ้องมองเหยื่อของมัน และเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วโดยที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัว

habu2.png

ฮาบุเนคกับซันกูสเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ

habu3.png

ฮาบุเนคขณะจับตาดูเหยื่อ

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของฮาบุเนคคือท่าหางพิษ(ポイズンテール,Poison Tail) ซึ่งมันสามารถถ่ายทอดลักษณะนี้ไปให้กับโปเกมอนงูอื่นๆ ทางการออกไข่ได้

habu4.png

ฮาบุเนค ขณะใช้ท่าหางพิษ

- ฮาบุเนค สามารถผสมพันธุ์กับโปเกมอนในกลุ่มมังกรได้

- ถึงแม้ฮาบุเนคกับซันกูสจะเป็นศัตรูกัน แต่มันก็สามารถมีลูกร่วมกันได้

บทสั่งลา

ฮาบุเนค เจ้างู สารพัดพิษ

มันจับจิต จ้องจ่อ กับเป้าหมาย

เป็นคู่แข่ง กับซันกูส จนวันตาย

เขี้ยวของมัน มีพิษร้าย ต้องระวัง

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

http://en.wikipedia.org

Link to comment
Share on other sites

#417 ปาจิริส (パチリス,Pachirisu)

417.png

โปเกมอนกระรอกไฟฟ้า ธาตุไฟฟ้า

ส่วนสูง 0.4 เมตร

น้ำหนัก 3.9 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ มีไอเดียการสร้างกระมาจากกระรอก ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจากคำว่า パチパチ อ่านว่า ปาจิปาจิ ซึ่งหมายถึง เสียงประทุของกระแสไฟฟ้า รวมกับคำว่า 栗鼠(りす) อ่านว่า ริสุ แปลว่า กระรอก ซึ่งเมื่อนำมารวมกันก็จะได้ความประมาณว่า "กระรอกไฟฟ้า" ส่วนชื่อในภาษาอังกฤษนั้น ก็เป็นทัพศัพท์จากภาษาญี่ปุ่นอีกที

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

ปาจิริส เป็นโปเกมอนที่มีรูปร่างคล้ายกระรอก ขนของมันมีสีขาว มีแถบสีฟ้าที่เริ่มจากกลางหน้าผากยาวลงไปจรดที่ปลายหาง โดยตัวผู้จะมีแถบสีฟ้าบนหน้าผากยากกว่าตัวเมีย ฟันหน้าของมันจะยื่นอออกมานอกปาก ดวงตาของมันเป็นสีเทาเข้ม กระพุ้งแก้มของมันมีสีเหลือง หางของปาจิริสมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของลำตัว หนามแหลมๆ ด้านบนหางของมันใช้สำหรับปล่อยประจุไฟฟ้า แขนและขาของมันสั้นมาก แต่มันก็วิ่งได้เร็วอย่างน่าประหลาด

pachi.png

ปาจิริสตัวผู้(ซ้าย) และ ปาจิริสตัวเมีย(ขวา)

โดยปกติแล้ว ปาจิริสจะไม่เด่นในด้านการต่อสู้ แต่มันเด่นด้านพลังป้องกัน ป้องกันพิเศษ และความเร็ว มันมีกระแสไฟฟ้าจำนวนมากไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย หากมันไม่สามารถควบคุมได้ มันจะระบายกระแสไฟฟ้าออกมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อบุคคลและโปเกมอนรอบข้าง

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

ปาจิริส เป็นโปเกมอนที่มีความกระตือรือร้นและคล่องแคล่วว่องไวจนบางครั้งมากเกินไป โดยทั่วไปแล้วจะเห็นมันร่างเริงอยู่ตลอดทั้งวัน เมื่อมันนอน มันจะขดหางมาไว้ด้านหน้าเพื่อหนุนแทนหมอน มันชอบเล่นไล่จับหางตัวเอง มันจะนำขนของมันมาสร้างเป็นลูกบอลที่มีกระแสไฟฟ้าสถิต แล้วนำอาหารของมันซ่อนไว้ในนั้น มันใช้วิธีนี้ในการป้องกันอาหารของมันจากมนุษย์และโปเกมอนตัวอื่นๆ

มันอาศัยอยู่ในโพรงไม้บนต้นไม้สูง บริเวณป่าชานเมือง จะพบเห็นมันได้ง่ายในบริเวณป่าที่ใกล้กับโรงไฟฟ้า เทรนเนอร์หลายๆ คนชอบที่จะเลี้ยงมัน เนื่องจากรูปร่างน่าตาที่ดูน่ารักของมัน

pachi2.jpg

ปาจิริสเป็นโปเกมอนที่ดูร่าเริงอยู่ตลอด

pachi1.jpg

เวลามันนอนมันจะใช้หางของมันเป็นหมอน

cos.jpg

มันน่ารักขนาดที่เทรนเนอร์บางคนถึงขนาดแต่งตัวเป็นมันเลย

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ปาจิริสเป็นโปเกมอนไฟฟ้า อาการป่วยของมันส่วนใหญ่จะเกิดมาจากกระแสไฟฟ้าในตัวมากเกินไป ซึ่งวิธีรักษาก็คือ การดูดไฟฟ้าออกมา

pachi3.jpg

ปาจิริสที่ป่วยเพราะไฟฟ้าเกิน

pachi4.jpg

ทาเคชิกำลังจะใช้เครื่องดูดไฟฟ้าดูดไฟฟ้าออกมา

pachi5.jpgpachi6.jpg

ไฟฟ้าถูกดูดเข้าไปในเครื่อง

pachi7.jpg

สุดท้าย อาการป่วยก็หายไป

บทสั่งลา

ปาจิริส อาศัยอยู่ ในโพรงไม้

มันนอนได้ โดยใช้หาง หนุนเป็นหมอน

สร้างบอลขน เก็บอาหาร บนรังนอน

เอาไว้กัน โปเกมอน มาขโมย

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#351 โปวารุน (ポワルン,Castform)

351-1.png

โปเกมอนสภาพอากาศ ธาตุปกติ (สามารถเปลี่ยนเป็นธาตุน้ำ ไฟ และน้ำแข็งได้)

ส่วนสูง 0.3 เมตร

น้ำหนัก 0.8 กิโลกรัม

สำหรับที่มาของชื่อโปเกมอนตัวนี้ในภาษาญี่ปุ่น คาดว่ามาจากคำว่า 天気予報 (tenkyohou) ซึ่งหมายถึง การพยากรณ์อากาศ และคำว่า 変わる (kawaru) ซึ่งแปลว่า การเปลี่ยงร่างหรือแปลงร่าง โดยการนำชื่อมารวมกันนั้น ได้ใช้คำว่า 報 (hou) ของ การพยากรณ์อากาศ มาทำให้เป็นเสียงระเปิด ซึ่งจะทำให้ คำว่า hou ออกเสียงเป็น pou เมื่อมารวมกับคำว่า わる (waru) ของ การเปลี่ยนแปลงแล้วเติมตัวสะกดเข้าไป ก็จะอ่านออกเสียงว่า โปวารุน นั่นเอง ส่วนที่มาของชื่อในภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า Forecast ที่แปลว่า การพยากรณ์ และ Transform ที่แปลว่า เปลี่ยนร่าง เมื่อรวมกันแล้วก็จะได้เป็น Castform

ไอเดียที่มาของการสร้างโปเกมอนตัวนี้ อยู่ที่สภาพอากาศ บ้างก็ว่ากันว่า รูปแบบของโปเกมอนตัวนี้มาจากบอลลูนตรวจสอบสภาพอากาศ บ้างก็ว่า มาจาก ตุ๊กตาไล่ฝน และบ้างก็ว่ามาจากทั้งสองอย่างรวมกัน

balloon.png

บอลลูนตรวจสอบสภาพอากาศ (Weather Ballon หรือ Sounding Balloon)

teru.png

ตุ๊กตาไล่ฝน ว่ากันว่า มันจะช่วยทำให้อากาศแจ่มใส

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

โปวารุน เป็นโปเกมอนขนาดเล็กสีออกเทาๆ บริเวณดวงตามีสี้ขาวคล้ายสวมแว่นตากันลม ร่างกายของมันสามารถเปลี่ยนสภาพได้อีกสามอย่างตามลักษณะสภาพอากาศ คือ

สภาพอากาศแดดออก โปวารุนจะเป็นธาตุไฟ ร่างกายของมันครึ่งล่างจะกลายเป็นสีขาว และมีลักษณะเป็นปุยคล้ายก้อนเมฆ หัวของมันจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม โดยมีลูกกลมๆ เล็กๆ สีส้มล้อมรอบหัวมันอีกที ดูคล้ายกับพระอาทิตย์

351f.png

โปวารุน ขณะที่เกิดสภาพอากาศแดดออก

สภาพอากาศฝนตก โปวารุนจะเป็นธาตุน้ำ ลำตัวท่อนล่างของมันจะกลายเป็นเมฆสีเทา ส่วนหัวของมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และเป็นรูปหยดน้ำ

351w.png

โปวารุน ขณะที่เกิดสภาพอากาศฝนตก

สภาพอากาศหิมะตกหรือพายุลูกเห็บ โปวารุนจะเป็นธาตุน้ำแข็ง หัวของมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอมม่วง และถูกห่อหุ้มด้วยเมฆรูปทรงคล้ายพายุสีเขียวอมฟ้า

351i.png

โปวารุน ขณะที่เกิดสภาพอากาศหิมะตกหรือพายุลูกเห็บ

ซึ่งถึงแม้มันจะสามารถเปลี่ยนร่างได้แตกต่างกันแค่ไหนก็ตาม แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเพศของมันได้

351gen.png

โปวารุนตัวผู้(บน) และ โปวารุนตัวเมีย(ล่าง)

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

โปวารุน ชอบที่จะอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า ปัจจุบัน ยังไม่มีการค้นพบและสำรวจพฤติกรรมของมันมากนัก มันถูกใช้การทำงานของสถานีวิจัยสภาพอากาศหลายๆ แห่ง

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- โปวารุนยืมพลังจากธรรมชาติมาเพื่อใช้ในการเปลี่ยนร่าง

- โปวารุน เป็นโปเกมอนหนึ่งในสองตัว ที่สามารถเรียนรู้ท่า เวเธอร์บอล (ウェザーボール,Weather Ball) ได้ (อีกตัวคือ #407 โรเซเรด (ロズレイド,Roserade))

- ถึงแม้จะเป็นโปวารุนที่เรืองแสง แต่เมื่อเปลี่ยนร่างตามสภาพอากาศแล้ว ร่างของมันก็จะไม่ต่างกับโปวารุนปกติ

- ท่า Weather Ball ของมัน จะมีพลังโจมตีเพิ่มเป็นสองเท่า หากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป และยังเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีตามสภาพอากาศอีกด้วย

- โปวารุนเป็นโปเกมอนเพียงตัวเดียวที่สามารถเรียนรู้ท่า ลูกไฟ(ひのこ,Ember) และ ปืนฉีดน้ำ(みずでっぽう,Water Gun) ได้

- ระบบโครงสร้างในเซลล์ของโปวารุน มีความเสถียรน้อย และมีรูปร่างคล้ายโมเลกุลของน้ำ

- เมฆที่ห่อหุ้มโปวารุนรูปแบบน้ำแข็งนั้น คือ เมฆคิวมูโลนิมบัส(Cumulonimbus Cloud)

cloud.png

เมฆคิวมูโลนิมบัส เมฆขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

บทสั่งลา

ยามเจิดจ้า ตะวันฉาย แสงอาทิตย์

ยามฟ้าปิด ฝนโปรย ไม่มีสร่าง

ยามหิมะ ตกหนัก ไม่เห็นทาง

โปวารุน จะเปลี่ยนร่าง ไม่ซ้ำกัน

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

Link to comment
Share on other sites

#190 เอปาม (エイパム,Aipom)

190Aipom.png

โปเกมอนหางยาว ธาตุปกติ

ส่วนสูง 0.8 เมตร

น้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม

สำหรับที่มาของชื่อโปเกมอนตัวนี้ในภาษาญี่ปุ่นมาจากคำว่า Ape อ่านว่า เอพ ซึ่งหมายถึงสัตว์จำพวกลิง รวมกับคำว่า Palm อ่านว่า ปาล์ม ที่หมายถึงฝ่ามือ (ฝ่ามือที่กล่าวถึงนี้ หมายถึงฝ่ามือที่อยู่บนหาง) เมื่อนำคำว่า เอพ และ ปาล์ม มารวมกันจึงได้เป็น เอปาม นั่นเอง ส่วนชื่อในภาษาอังกฤษนั้น มาจากชื่อในภาษาญี่ปุ่น ที่สะกดผิดเพี้ยนไป

ไอเดียในการคิดโปเกมอนตัวนี้ มีที่มาจากลิงธรรมดาๆ ตัวนึง และ หางซึ่งใช้ยึดจับได้ (Prehensile Tail) ซึ่งหางชนิดนี้ มีกันอยู่ในพวกลิงทั่วๆ ไป หรือกิ้งก่าบางชนิด

tail.png

หางซึ่งใช้ยึดจับได้ (Prehensile Tail)

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

เอปามเป็นลิงสีม่วงอ่อน บนใบหน้าที่ใหญ่กว่าลำตัวของมัน มีดวงตากลมๆ สองดวง และปากที่ยิ้มอยู่เสมอ ใบหน้าของมันเป็นรูปวงรีในแนวนอน มีหูเป็นรูปวงรีในแนวตั้ง และมีขนตั้งขึ้นมาตรงกลางหัวด้านบน ซึ่งขนที่ตั้งขึ้นนั้น หากเป็นตัวเมียจะยาวกว่าตัวผู้ นอกจากนี้ แขนของมันยังเป็นสีม่วงทั้งแขนไปจรดมือ ไม่สามารถมองเห็นนิ้วของมันได้ การที่มันมีแขนเล็กเช่นนี้ เนื่องจาก มันถนัดในการใช้หางมากกว่านั้นเอง

190gen.png

เอปามตัวผู้(ซ้าย) และ เอปามตัวเมีย(ขวา)

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของเอปามก็คือ มือและนิ้วทั้งสามที่ปลายหาง มันสามารถใช้หางได้อย่างชำนาญกว่าและบ่อยกว่ามือของมัน ปกติแล้ว มันมักจะใช้หางในการยึดจับตัวเองกับกิ่งไม้ หยิบจับสิ่งของต่างๆ หรือแม้แต่ในการโจมตีก็ตาม

190tail.png

หางของเอปาม สามารถหยิบจับสิ่งต่างๆ ได้

190hand.png

ถึงแม่มันจะใช้หางเป็นส่วนใหญ่ แต่มันก็ยังไม่ละเลยการใช้มือ

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

เอปามอาศัยอยู่เป็นฝูงตามบนยอดไม้ในเขตป่าดงดิบหรือป่าทึบ มันเป็นโปเกมอนที่ซุกซนมาก ชอบขโมยสิ่งของต่างๆ ของผู้เดินทางผ่านมา มันมีความสุขไปกับความโชคร้ายและความน่ารำคาญที่เกิดขึ้นกับผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น มันเป็นพวกที่ไม่อยู่นิ่ง จึงเป็นการยากที่จะทำให้มันอยู่เฉยๆ ได้

190nature.png

เอปาม มีนิสัยซุกซน ชอบแย่งของผู้เดินทางผ่านมา

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- เมื่อเอปามต้องการกระโดดจากต้นไม้กิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่ง มันจะใช้หางเกาะกิ่งไม้นั้นแล้วห้อยตัวลงมา จากนั้น จะใช้แรงเหวี่ยงที่หางของมันสร้างขึ้น โหนไปยังกิ่งไม้อีกกิ่ง

- เมื่อเอปามจะนอน มันจะเอาหางพันกับกิ่งไม้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันตกลงมา

- ถึงแม้มือและหางของเอปามจะไม่มีเขี้ยวเล็บอะไร แต่มันก็สามารถใช้ท่าตัดต้นไม้(いあいぎり,Cut)ได้

- น้ำตาเอปาม เป็นส่วนประกอบหนึ่งของยาที่ทำให้มนุษย์เข้าใจโปเกมอน

190tear.png

น้ำตาเอปามที่เป็นส่วนผสม ต้องให้เอปามหลั่งออกมาโดยไม่ถูกบังคับ

190magic.png

แม่มดโปเกมอน ผู้ใช้เวทย์มนต์ โดยใช้ส่วนประกอบต่างๆ จากโปเกมอน

บทสั่งลา

เจ้าเอปาม ลิงน้อย หางเป็นมือ

มันจับถือ สิ่งใดใด ได้ด้วยหาง

แต่มันก็ ใช้มือจริง ของมันบ้าง

มันชอบแกล้ง นักเดินทาง ที่ผ่านมา

Original Posted By : Dreammaker

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

ปล. บ่นนิด ซันกูสมีกรงเล็บแต่ตัดต้นไม้ไม่ได้ ไหงเอปามตัดได้อ่ะ

Link to comment
Share on other sites

#050 ดิ๊กด้า (ディグダ,Diglett)

050Diglett.png

โปเกมอนตัวตุ่น ธาตุพื้นดิน

ส่วนสูง 0.2 เมตร

น้ำหนัก 0.8 กิโลกรัม

สำหรับโปเกมอนตัวนี้ ชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นมีที่มาจาก คำว่า Dig อ่านว่า ดิ๊ก ที่หมายถึง การขุด รวมกับคำว่า だ อ่านว่า ดะ ซึ่งเป็นคำที่ใช้ต่อท้ายคำนามในภาษาพูดของญี่ปุ่น(ไม่มีความหมาย) เมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะได้เป็น ดิ๊กด้า นั่นเอง ส่วนชื่อของมันในภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า Dig ซึ่งเติมคำลงท้าย(ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Suffix)ว่า Lett ซึ่งหมายถึง Little(ลิตเทิล) ที่แปลว่า เล็ก ลงไป จึงรวมกันได้เป็น Diglett ซึ่งอาจจะหมายถึง การขุดเล็กๆ นั่นเอง

ไอเดียในการสร้างโปเกมอนตัวนี้มาจากตัวตุ่นปลอมๆ ในเกมตีตัวตุ่น(Whac-A-Mole) แต่ว่า ดิ๊กด้าเองก็ถูกอ้างถึงในเกมโปเกมอนภาคดันเจียน Red/Blue (Pokemon Mystery Dungeon Red/Blue) ว่ามีลักษณะคล้ายหนอน

050ori.png

เกมตีตัวตุ่น(Whac-A-Mole)

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

ดิ๊กด้าเป้นโปเกมอนตัวเล็กๆ สีน้ำตาลที่อาศัยอยู่ใต้ดิน มันจะโผล่เฉพาะหัวออกมาเท่านั้น ไม่มีใครเคยเห็นร่างกายที่อยู่ใต้ดินของมัน สิ่งที่สังเกตได้มีเพียงแต่ หัวของมันที่มีตาเป็นวงรีแนวตั้งสีดำสองดวง และจมูกเป็นวงรีแนวนอนสีแดงอีกอันหนึ่งเท่านั้น จากสิ่งที่มนุษย์มองเห็น ยังไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเพศของดิ๊กด้าได้

050gen.png

ดิ๊กด้าตัวผู้(ซ้าย) และ ดิ๊กด้าตัวเมีย(ขวา)

ปริศนาของดิ๊กด้าที่เป็นที่สงสัยกันมากที่สุดก็คือ ร่างกายส่วนที่อยู่ใต้ดินของมันนั่นเอง มีการวิเคราะห์และสรุปลงไปอย่างเจาะจงว่า ดิ๊กด้าต้องมีขาแน่ๆ เนื่องจาก มันต้องใช้ในการขุดดิน แต่ว่า ก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้

Diggletsfeet.gif

ดิ๊กด้าในเกมโปเกมอนภาคดันเจียน Red/Blue (Pokemon Mystery Dungeon Red/Blue)

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

ดิ๊กด้าอาศัยอยู่ในอุโมงค์และถ้ำใต้ดิน บางครั้งมันก็ขุดโพรงอาศัยอยู่ใกล้ๆ ป่าที่มันคอยดูแลรักษา มันกินรากไม้เป็นอาหาร และคอยพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินที่มีต้นไม้ปกคลุม เมื่อมันเคลื่อนที่ มันจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จนบางครั้งมนุษย์ที่อยู่บนพื้นดินก็สามารถรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนที่ของมันได้

050plant.png

ดิ๊กด้าช่วยกันปลูกพืชคลุมดินเพื่อรักษาธรรมชาติ

สาเหตุที่ดิ๊กด้าอาศัยอยู่ใต้ดินเนื่องจาก มันกลัวแสงสว่าง ว่ากันว่า ผิวหนังของดิ๊กด้ามีความบอบบางมาก หากมันได้รับแดดจัดๆ เป็นเวลานาน เลือดในตัวของมันจะร้อนขึ้น ส่งผลให้ร่างกายของมันอ่อนแอลง

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ดิ๊กด้าเป็นโปเกมอนที่ตัวเล็กที่สุด (ตัวใหญ่ที่สุดคือ #321 เวลโอ (ホエルオー,Wailord))

321Wailord.png

#321 เวลโอ (ホエルオー,Wailord) โปเกมอนที่ตัวใหญ่ที่สุด

- ถึงแม้ดิ๊กด้าจะกลัวแสงก็ตาม แต่มันก็ยังสามารถใช้ท่า "ปลอดโปร่ง" (にほんばれ,Sunny Day) ได้

- ถึงแม้ดิ๊กด้าจะอยู่แต่ในดิน มันก็สามารถใช้ท่า "นางแอ่นถลาลม" (つばめがえし,Aerial Ace) ได้

- อีกเหตุผลหนึ่งที่บรรดานักวิจัยสรุปว่าดิ๊กด้ามีขา เนื่องจากมันสามารถใช้ท่าข่วนต่างๆ ได้ เช่น "ข่วน" (ひっかく,Scratch)

- ถึงแม้ดิ๊กด้าจะตัวเล็กที่สุดในบรรดาโปเกมอนทั้งหมด แต่มันก็สามารถมีลูกร่วมกันกับเวลโอ ซึ่งเป็นโปเกมอนตัวใหญ่ที่สุดได้

- ในเกมโปเกมอน Red/Blue รุ่นทดลอง (Pokemon Red/Blue Beta Version) ชื่อภาษาอังกฤษของดิ๊กด้าคือ "Digda"

- คนบางคนเชื่อกันว่า ดินที่อยู่รอบๆ ตัวของดิ๊กด้านั้น คือส่วนหนึ่งของร่างกายมัน แต่ก้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน

050ball.png

เมื่อดิ๊กด้าออกจากบอล เงาที่โผล่ออกมามีเงาของดินด้วย

050shi.png

ในเกมโปเกมอน Gold/Silver (Pokemon Gold/Silver) ดิ๊กด้าที่เรืองแสง สีของดินก็จะเปลี่ยนไปด้วย

- เนื้อเพลงท่อนหนึ่งในเพลง ED 04 มาร์ชโปเกมอน (ポケモン音頭,Pokemon Ondo) มีกล่าวถึงดิ๊กด้าเอาไว้ว่า

なぞが なぞよぶ ディグダの かはんしん (ハイ ハイ) おしゃかさまでも しるまいが

Nazo ga nazo yobu Diguda no kahanshin (Hai Hai) Oshakasama demo shirumai ga

ปริศนาเอ๋ย ปริศนาร่างกายส่วนล่างของดิ๊กด้า (ใช่ ใช่) หวังว่าจะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รู้

บทสั่งลา

เจ้าดิ๊กด้า ตัวตุ่น ผู้พิทักษ์

คอยอารักษ์ ผืนดิน และผืนป่า

ยี่สิบเซน จากดิน โผล่ขึ้นมา

ปริศนา กายส่วนล่าง เป็นยังไง

Original Posted By : Dreammaker

Special Thanks : Smart

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

http://www.spiritus-temporis.com/diglett/

http://geci.jpwind.com/jpsong/3091/20222.html

Link to comment
Share on other sites

#058 การ์ดี้ (ガーディ,Growlithe)

gardy01.png

โปเกมอนลูกสุนัข ธาตุไฟ

ส่วนสูง 0.7 เมตร

น้ำหนัก 19.0 กิโลกรัม

ชื่อภาษาญี่ปุ่นของโปเกมอนตัวนี้มีที่มาจากคำว่า Guard ที่หมายถึง เฝ้ารักษา ปกป้อง หรือป้องกัน ส่วนที่มาของชื่อภาษาอังกฤษนั้น มาจากคำว่า Growl (โกรว์) ที่หมายถึง การขู่คำราม รวมกับคำว่า lithe (ไลท์) ที่หมายถึง อ่อน หรือ ยืดหยุ่นได้ ครับ

ไอเดียการสร้างโปเกมอนตัวนี้เกิดมาจากสุนัขเฝ้ายาม จึงส่งผลให้โปเกมอนตัวนี้มีนิสัยซื่อสัตย์ไปด้วย ส่วนรูปแบบของโปเกมอนตัวนี้ คาดว่าน่าจะมาจาก "สิงโตหิน" (狛犬 อ่านว่า โคมะอินุ) ซึ่งเป็นรูปปั้นสิงโตในศาลเจ้าชินโต ว่ากันว่า สิงโตหิน จะคอยพิทักษ์ศาลเจ้า และนำพาโชคลาภมาให้

komainu.gif

สิงโตหิน ว่ากันว่า มีลักษณะของเสือ สิงโต และสุนัข รวมกันอยู่

ข้อมูลทางสรีรวิทยา

การ์ดี้ มีลักษณะคล้ายลูกสุนัข มีลำตัวสีส้มสด และมีลายเป็นแถบสีดำที่กลางหลัง มันจะมีแผงขนสีครีมอยู่บริเวณท้อง หาง และบนหัวของมัน ซึ่งหากมองดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว จะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเพศของมันได้ นอกจากนี้ ในธรรมชาติ พบว่ามีการ์ดี้เพศผู้มากกว่าเพศเมียมาก

gardy02.png

การ์ดี้ตัวผู้(ซ้าย) และการ์ดี้เพศเมีย(ขวา)

พฤติกรรมและที่อยู่อาศัย

การ์ดี้เป็นโปเกมอนที่มีความซื่อสัตย์สูง มันจะคอยปกป้องเทรนเนอร์หรือถิ่นของมันอย่างเต็มกำลัง ตามธรรมชาติ การ์ดี้มักจะอาศัยอยู่บริเวณภูเขาไฟ ที่ราบที่มีหญ้าขึ้นรก หรือบริเวณพื้นดินที่เผาไหม้เนื่องจากพลังงานใต้พิภพ

การ์ดี้นอกจากจะมีลักษณะนิสัยที่ซื่อสัตย์แล้ว มันยังมีความสามารถในการตามรอยโดยการดมกลิ่น โดยที่หากมันเคยดมกลิ่นใดไปแล้ว มันจะไม่ลืมกลิ่นนั้นอีกเลย ว่ากันว่า การ์ดี้ใช้การดมกลิ่นในการรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น

เรายังพบเห็นการ์ดี้ได้ง่ายๆ ตามสถานีตำรวจทั่วไป เนื่องจากคุณลักษณะที่ซื่อสัตย์และความสามารถในการดมกลิ่นของมัน จึงทำให้ทางตำรวจ เลือกมันเข้ามาในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ

gardy03.png

เหล่าการ์ดี้ในกรมตำรวจ

gardy11.png

ถึงแม้การ์ดี้จะต่อสู้กับโปเกมอนบางชนิดไม่ได้ แต่มันก็มีความเร็วพอที่แย่งบอลมาจากเทรนเนอร์ก่อนที่เทรนเนอร์จะปล่อยโปเกมอนออกมา

เรื่องน่ารู้อื่นๆ

- ชื่อภาษาอังกฤษเดิมของการ์ดี้คือ Flame

- การ์ดี้สามารถเรียนรู้ท่า พิทักษ์ (しんぴのまもり,Safeguard) จากไข่ได้ แต่ไม่สามารถเรียนรู้จาก TM ได้

- หากไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้านาย การ์ดี้จะนั่งอยู่นิ่งๆ แทบจะไม่ขยับอะไรเลย จนกว่าจะได้รับคำสั่ง

- เทรนเนอร์บางคน ทิ้งการ์ดี้ได้ด้วยคำสั่งที่ง่ายๆ เช่น "รออยู่ตรงนี้นะ"

- การเลี้ยงการ์ดี้ตั้งแต่เล็กๆ ก็เป็นหน้าที่ของคุณจุนซ่าที่เป็นตำรวจ

gardy04.png

คุณจุนซ่าต้องเลี้ยงการ์ดี้ตั้งแต่เล็กๆ

- ทุกวัน การดี้ในกรมตำรวจจะต้องทำการฝึกต่างๆ พร้อมกับคุณจุนซ่ีา

gardy05.png

การฝึกลอดรั้วลวดหนาม

gardy06.png

การฝึกกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง

- การดี้รับฟังคำสั่งของเทรนเนอร์โดยฟังเพียงแค่เสียง ดังนั้น มันเองก็สามารถโจมตีเทรนเนอร์ของมันเองได้เช่นกัน

gardy08.pnggardy09.png

การ์ดี้เองสามารถโจมตีเทรนเนอร์ของมันเองได้หากมีเสียงที่เหมือนกับเสียงเทรนเนอร์ของมันสั่งให้โจมตี

บทสั่งลา

เจ้าการ์ดี้ หมาน้อย ผู้ซื่อสัตย์

มันเคร่งครัด ทำงาน ตามหน้าที่

หากมันดม กลิ่นใด เข้าสักที

กลิ่นอันนี้ มันจะไม่ มีวันลืม

Original Posted By : Dreammaker

Special Thanks : bulbabenz

ข้อมูลจาก

http://bulbapedia.bulbagarden.net

http://www.serebii.net

http://en.wikipedia.org

http://wiki.ポケモン.com

Link to comment
Share on other sites

สภบรบดฝ. สร้างสรรค์ผลงานดีๆอีกแล้วครับทั่น! :pika01:

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

สภบรบดฝ. สร้างสรรค์ผลงานดีๆอีกแล้วครับทั่น! :pika01:

ผลงานดี ๆ ที่ว่า ยังไร้การต่อยอดกว่าครึ่งปีแล้ว :bulba05:

Link to comment
Share on other sites

อ่า ขอขึ้นหน้าถัดไปก่อนได้ป่ะ แล้วค่อยมาลง ภาพมันเยอะแล้ว

จะเขียนต่อให้ครับ มาดาซึโบมิ ไม่มีใครทำภาพ gif ที่ต้องการให้อ่ะ เลยไม่อยากเขียนละ

มีรีเควสโดไททอสมา จะพยายามเขียนครับ

Link to comment
Share on other sites

ได้ความรู้มาก ๆ เลย

จะพยายามติดตามครับ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณครับได้ข้อมูลเยอะมาก

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

พี่นินครับ สาหวาดดีคราบ  ตัวที่ผมอยากดูข้อมูลมันนั้นเหรอเหอๆ ก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว(ตรงไหน)ก็คือ  มิโรคารอสครับ

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณมากๆเลยครับ

เรื่องน่ารู้ดีครับ~

ปล. อยากได้ฟูดินจังครับ... :pika12:

Link to comment
Share on other sites

ขึ้นหน้า 2 แล้วเน้อเฮียนิน เอาข้อมูลลงได้รึยัง

Link to comment
Share on other sites

  • 3 weeks later...

ว้าว~~!! ได้ความรู้มาก อยากได้ข้อมูลของโดบลูกับมิลแทงค์อ่า

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.