Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

The Mansion of Night mare


PPF

Recommended Posts

The Mansion of Night mare

ฟิคเกี่ยวกับคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ที่อยู่ๆคนในบ้านก็ฆ่ากันตายอย่างเป็นปริศนา

และต่างคนต่างมีจุดหมายที่จะต้องเจ้าไปในคฤหาสน์หลังนี้

สารบัญ

Begin

โฉม

เอก

หุ้นส่วน

Link to comment
Share on other sites

Begin

“กิม จะเข้าไปจริงๆหรอ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งกระซิบ

“ซิน นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้เรามีเงินคืนแบงค์ก่อนที่ค้าจะยึดบ้านเรานะ” กิมพูดด้วยสีหน้าเครียดๆ

เมื่อ3เดือนก่อน บริษัทที่เค้าบริหารอยู่เกิดล้มละลาย ทำให้เค้าเป็นหนี้แบงค์และบ้านกำลังจะถูกยึด

จนมาเมื่อ3วันที่แล้ว เกิดการฆ่ากันตายภายในคฤหาสน์หรูในซอยข้างๆ ว่ากันว่าผีที่ถูกฆ่าตายเมื่อ3วันที่แล้ว

เหี้ยนมาก จนญาติๆไม่กล้าเข้าไปเคลียร์เรื่องทรัพย์สินภายในบ้านกันเลยทีเดียว โจรหลายรายก็พยายามเข้ามาเอาทรัพย์สินที่เหลือในคฤหาสน์ แต่ทุกครั้งที่เข้ามา โจรพวกนั้น ไม่ตายก็เป็นบ้าไปกันซะทุกคน แต่กิมไมมีทางเลือก กิมมีภาระอีกหลายอย่าง ที่ต้องแบกรับ ทำให้กิมยอมเสี่ยงเข้าไปในคหฤหาสน์

“งั้นกิมเข้าไปในคหฤหาสน์น์ก่อนนะ ซินรออยู่ข้างนอกนี้ล่ะ กิมต้องเอาสมบัติมาใช้หนี้ธนาคารให้ได้”

“ระวังตัวด้วยนะกิม” ซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

“กิมเข้าไปแป๊บเดียว กิมไปล่ะนะ” จากนั้นกิมก็สาวเท้าเข้าที่รั้วบ้าน แต่ปรากฏว่ารั้วบ้านไม่ได้ล็อค

คฤหาสน์มี3ชั้น หน้าบ้านมีสนามบาสเล็กๆและข้างๆสนามบาสนั้นมี ดอกลั่นทมสูง6เมตร โดยที่กิ่งก้านยาวไปถึงอีกฝั่งนึงของบ้านได้เลยทีเดี

รู้สึกใจคอไม่ดีเลยแหะ

ก่อนที่กิมจะเข้ามาในบ้านนั้น กิมสังเกตุว่า หน้าต่างชั้น2ปิดอยู่ และข้างนอกก็ไม่มีลม แต่ตอนนี้ที่กิมเห็นอยู่นะ หน้าต่างเปิดอยู่ กิมมองด้วยความแปลกใจ และขณะที่กิมกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีลูกบาสลูกหนึ่งกลิ้งมาทางเค้า

เมื่อกิมหยิบขึ้นมาดู ก็ได้กลิ่นสาปเลือด และเมื่อดูที่ลูกบาสนั้นมีรอยเปื้อนสีดำเต็มไปหมด

ตึง

กิมหันไปมองก็พบว่าหน้าต่างที่อยู่ชั้น2ปิดลงโดยที่ไม่มีลมพัดแม้แต่นิดเดียว

และเมื่อกิมหันกลับมามองลูกบาส ลูกบาสก็กลายเป็นหัวเด็กผู้ชาย ตาทั้ง2ข้างโบ๋ และหนังหัวถูกถลกจนเห็นสมอง

เหวอ อ อ อ อ อ อ!!!!!!!

ด้วยความที่กิมตกใจจึงวิ่งเข้ามาในบ้านจนถึง ห้องครัว ที่อยู่ลึกสุดของชั้น1

ลักษณะของห้องครัว กว้าง6*6เมตร มีเคาเตอร์ขวางระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องทานข้าว

แฮ่ก แฮ่ก

หลังจากที่เข้ามาในบ้าน กิมก็พบว่าลักษณะของชั้นหนึ่งเป็นรูปตัวT ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่ใหญ่สุด จากนั้นก็มีทางเดินยาวไปถึงห้องครัว และที่ทางเดินยาว มีห้องน้ำใหญ่ๆ2ห้อง และห้องทานข้าว

จากนั้นกิมจึงเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น โดยที่ริมสุดของห้องนั่งเล่น มีบันไดให้เดินขึ้นไปที่ชั้น2

กิมเดินไปที่โต๊ะข้างโซฟาเจอกรอบรูปคว่ำอยู่และมีเศษกระจกแตกอยู่บริเวณรอบๆ และมีคราบเลือดนองอยู่ข้างๆโต๊ะ

เมื่อกิมหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู พบว่า

ในกรอบรูปนั้น มีคน9คนยืนรียงกัน3แถว แถวบนและแถวล่างแถวล่ะ3คน

แถวกลางมี3คน และคนที่ยืนตรงกลางเป็นผู้ชาย กิมมองคร่าวๆน่าจะอายุราวๆ90ปี

และที่เหลือในแถวเป็นผู้หญิงหมด

“นี่สินะ เจ้าของบ้านที่เพิ่งตายไปก่อนเกิดฆาตกรรมกันไม่นาน” ขณะที่กิมมัวแต่สนใจก็มีเสียง

ครืด ครืด

มาจากทางบันได

เมื่อกิมหันไปดูก็เห็นแว็บๆว่ามีอะไรคลานขึ้นไป

กิมตกใจก็เลยเผลอนั่งลงบนโซฟา

"อะไรว่ะเนี้ย"

กิมตกใจและโพร่งออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เมื่อกิมหายจากตกใจแล้ว เขาก็พบว่าเค้านั่งทับอะไรบางอย่างอยู่

ด้วยความสงสัย กิมจึงหยิบขึ้นมาดู จึงพบว่าเป็นสร้อยคอที่ทำจากเส้นทอง และที่ปลายสร้อยก็มีอัญมณีสีเขียวมรกต และเพรชล้อมรอบเป็นกรอบ

โห

100กว่ากะรัตได้มั้งเนี้ย

กิมดีใจกับสิ่งที่เขาเจอมาก จนไม่ได้สนใจว่าประตูบ้านและรั้วนั้นได้มีไม้ตอกปิดตายไปแล้ว

                                            -----------------------------------------------------------------------------------------

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วนะครับ ฟิคแนวนี้แปลกดีนะ แต่ต้องพยายามแต่งให้กระชากอารมณ์คนอ่านมากกว่านี้หน่อยน่ะครับ ^^ เช่นฉากบรรยายความรูสึกวังเวง หรือความหม่นหมองภายในบ้าน รวมทั้งความหวาดกลัวต่างๆนาๆ จพรอดูตอนต่อๆไปนะครับ

Link to comment
Share on other sites

อือ ยังไม่นำอารมณ์คนน่าจ๊า

อย่างท่อนนี้ก็ยังเพิ่มอารมร์ได้นะที่จริง

กิมหันไปมองก็พบว่าหน้าต่างที่อยู่ชั้น2ปิดลงโดยที่ไม่มีลมพัดแม้แต่นิดเดียว

และเมื่อกิมหันกลับมามองลูกบาส ลูกบาสก็กลายเป็นหัวเด็กผู้ชาย ตาทั้ง2ข้างโบ๋ และหนังหัวถูกถลกจนเห็นสมอง กลิ่นเน่าเหม็นลอยฟุ้งกระจายจนทำให้ตัวของเขาถึงกับสะอืดสะเอียนแทบอยากที่อาเจียนออกมา

หัวของเด็กชายนั้นกลับกำลังแสยะยิ้มเย็นยะเยือกมาทางเขา มันพยายามที่จะกลิ้งมาหาตัวของกิม จนทำให้เขาต้องร้องตะโกนอย่างสุดเสียง

ก็ประมาณนี้แหละ

สุ้ๆ><~

ปล.องค์ประกอบพวกนี้ไม่จำเป็นนะ เพราะคนอ่านจะมึนแทน ทางที่ดี ผู้เขียนต้องสือเองว่าอะไรคืออะไรในเรื่องที่แต่งไปเลยนะจ๊า

คำอธิบายฟิค

สีดำ  คือคำอธิบายปกติ

สีแดง คือเสียงประกอบฉาก

"..." ...คือคำพูดของตัวละคร

ตัวเอียง คือ คือสิ่งที่ตัวละครคิด

ตัวหนาและเอียงและตามหลังด้วย! คือเสียงตกใจ

Link to comment
Share on other sites

องค์ประกอบพวกนี้ไม่จำเป็นนะ เพราะคนอ่านจะมึนแทน ทางที่ดี ผู้เขียนต้องสือเองว่าอะไรคืออะไรในเรื่องที่แต่งไปเลยนะจ๊า

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

Link to comment
Share on other sites

จนญาติๆไม่กล้าเข้าไปเคียร์เรื่องทรัพย์สินภายในบ้านกันเลยทีเดียว

"เคลียร์" รึป่าวครับ :pika04:

Link to comment
Share on other sites

โฉม

เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น หนุ่มสาวต่างพากันลุกขึ้นมาเต้น มีเพียงแค่โฉมเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เคาเตอร์กับบราเทนเดอร์

“วันนี้ไม่เห็นมีผู้ชายคนไหนน่าสนเลย” โฉมพูดพร้อมกวาดตาไปทั่วผับ หวังที่จะเจอผู้ชายที่น่าสนใจ

“ก็ที่หล่อๆ รวยๆเธอก็สอยไปหมดแล้วไม่ใช่หรอ”

บราเทนเดอร์แซวอย่างกันเอง เนื่องจากโฉมมาที่นี่แทบทุกคืน

ทำให้เขากับโฉมสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

“ต้องมีบางสิน่า หรือว่าคืนนี้เธอจะไปกับฉันล่ะ” โฉมพูดด้วยสายตายั่วยวน

“โฉม เธอเมาแล้วนะ คืนนี้เธอกลับไปก่อนดีกว่า นี่ก็เกือบตี3แล้วนะ”

“ฉันยังไม่อยากกลับน่ะ เพราะว่าฉันรู้สึกว่าคืนนี้ต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ๆ และอีกอย่าง ฉันเจอคนที่น่าสนใจแล้วล่ะ”

โฉมมองไปทางตรงข้ามของร้าน เธอมองชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมองมาที่โฉมเหมือนกัน

“ฉันว่าฉันคงต้องไปแล้วล่ะ พรุ้งนี้เจอกัน” โฉมเดินตรงเข้าไปหาชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยที่มีบราเทนเดอร์มองอย่างหวาดผวาไปที่ชายคนนั้น

“สวัสดีค่ะ”

“หวัดดีครับ นี่คุณโฉมที่ขึ้นปกนิตยสารบ่อยๆนี่ครับ”

“รู้จักโฉมด้วยหรอค่ะ” โฉมพูดด้วยสายตายั่วยวน

“ผมน่ะอยากนู้จัดคุณมานานแล้วล่ะครับ”

“แปลว่า เราคงไปด้วยกันได้สินะค่ะ”

“งั้นคืนนี้ไปต่อกับผมนะครับ”

“ค่ะ” การไปต่อด้วยกันในสังคมกลางคืน ไม่เรื่องที่แปลกเลย

โฉมรู้จักสังคมกลางคืนเมื่อเธอบรรลุนิติภาวะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด

นับวันๆที่เธอมาที่นี้กับเพื่อนเธอ จนแม้กระทั่งเพื่อนๆเธอแต่งงานและเลิกเที่ยวกลางคืนไปหมดแล้วก็ตาม

เหลือเพียงแค่โฉมคนเดียวเท่านั้นที่ยังหลงใหล แสง สี เสียง

จากแค่ดื่มเหล้า ก็เริ่มนอนกับผู้ชายที่หาได้ในคืนนั้น นับวันๆที่เธอคั่วผู้ชายคนแล้วคนเล่า

จริงๆแล้วเธออาจจะแค่….เหงา

เธอและเขาก็นั่งรถมาถึงคฤหาสน์พอดี โฉมมองมันด้วยความทึ่ง

“นี่บ้านคุณหรอค่ะเนี้ย” ไม่แปลกเลยที่เธอจะแปลกใจ เพราะผู้ชายแต่ล่ะคนที่เธอเคยคบมา ไม่มีคนไหนรวยถึงขนาดนี้มาก่อน

“เข้าไปในบ้านกันเถอะครับ คนอื่นๆคงจะนอนกันหมดแล้ว ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเปิดประตูรั้ว

คฤหาสน์มี3ชั้น และมีสวนหย่อมเล็กๆอยู่ทางขวา ตรงกลางมีแป้นบาส และข้างๆดอกลั่นทมนั้น มีดอกลั่นทมสูง6เมตร

ใบของมันเป็นสีขาวช่างดูสวยงามและก็แฝงไปด้วยความลึกลับในอีกนัยหนี่ง และโฉมก็แปลกใจเมื่อเห็นดอกลั่นทม

“มีคนเคยบอกโฉม ว่าต้นนี้ห้ามปลูกในบ้านไม่ใช่หรอค่ะ?” หญิงสาวถามพร้อมสาวท้าวเข้าไปดูใกล้ๆ

“พอดีคุณปู่ชอบปลูกต้นไม้น่ะครับ และเห็นคุณปู่เคยบอกมีความหลังกับมันด้วย”

“หรอค่ะ ดูไปดูมามันก็สวยดีนะค่ะ” โฉมพูดเพราะไม่อยากขัดชายหนุ่ม

“ในบ้านคงหลับกันหมดแล้ว งั้นขึ้นไปบนห้องผมเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมเดินนำ

เมื่อถึงห้องเขาเธอโฉมก็เดินไปเปิดหน้าต่างก็เห็นเงาคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่นอกรั้วบ้าน

“จะเข้าไปจริงๆหรอกิม” เสียงมากหนึ่งในกลุ่มคน

“ท่าทางจะมีแขกมานะค่ะ” สิ้นเสียงโฉม ชายหนุ่มก็มายืนข้างๆเธอ

“ปิดหน้าต่างดีกว่าครับ ส่วนนั้นผมว่าคงมีคนไปต้อนรับเขาแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระซิบ

และเขาต่างนั่งคุยเรื่องต่างๆพร้อมกับจิบไวน์ เมื่อได้ที่ เธอและเขาก็โน้มตัวเข้ามาจูบกันอย่างดูดดื่ม

และเริ่มบรรเลงเพลงรักกัน

                          ------------------------------------------------------------------------------------

โฉมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ลุกจากที่นอนก็ต้องตกเมื่อพบว่าผ้าปูที่นอนและผ้าห่มสกปรกและเหม็นสาป

ตามมุมห้องก็มีหยากไย่และใยแมงมุมเต็มไปหมด ข้าวของเครื่องเรือนต่างๆก็พังเสียหาย มีคราบเลือดเปรอะไปทั่วห้อง

และที่สำคัญชายที่นอนข้างๆเธอ หายไปแล้ว

“นี่มันอะไรกันเนี้ย ทำไมอยู่ดีๆห้องกลายเป็นห้องร้างได้ล่ะ” โฉมพูดพร้อมเดินไปใส่เสื้อผ้าของเธอที่วางไว้กับเก้าอี้โยกเก่าๆตรงกลางห้อง เมื่อโฉมใส่เสื้อผ้าเสร็จ และกำลังเดินออกจากห้อง

เอี๊ยด เอี๊ยด

เสียงเก้าอี้โยกดังขึ้น ทำไห้โฉมต้องเหลียวมองกลับไปดู

แต่ตรงที่เคยมีเก้าอี้โยกกลับว่างเปล่า

“หะ หายไปแล้ว ได้ยังไง?” โฉมพูดอย่างตกใจและเดินวนตรงกลางห้อง

ตะกี้นี้เราไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ เราหยิบเสื้อผ้ามาจากเก้าอี้ที่เคยวางอยู่ตรงนี้จริงๆ

โฉมเปิดประตูออกไปทุกอย่างเป็นเหมือนตอนที่โฉมเข้ามา และมีห้องๆนึงแง้มอยู่

โฉมเดินเข้าไปใกล้ๆห้องนั้นช้าๆ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากห้อง

“แกคือความอับอายของตระกูล แกมันไม่น่าเกิดมา รู้งี้ตอนแกจะเกิดฉันฆ่าแกให้ตายเสียยังดีกว่า!!” เสียงคนแก่แหบๆตะคอก

“คุณพ่อ!!” ชายอีกคนหนึ่งตะโกนกลับ

โฉมตกใจกับเสียงตะโกน แต่ก็แง้มประตูให้กว่าขึ้นเพื่อจะได้เห็นข้างในห้อง

“อึก อั๊ก อั๊ก”

“หึ โรคหัวใจของคุณพ่อกำเริบสินะ”ชายหนุ่มวันกลางคนพูดพร้อมฉกยาตากชายแก่อีกคนหนึ่งซึ่งกำลังจะเปิดชวดกินยา

“ผมว่าถ้าคุณพ่อตายไปคงจะดีไม่น้อย คุณพ่อเองก็โสมมพอๆกับผมนั้นแหล่ะ”

“แก แก ถึงฉันตายไป แกก็จะไม่ได้อะไรซักอย่าง อัก อี๊ก”

สิ้นเสียงชายแก่ก็ล้มลง และฉับพลันนั้นเองมีผู้หญิงแก่คนหนึ่งเดินทะลุตัวโฉมเข้ามาในห้อง

“คุณคะ นี่มันอะไรกันน่ะ ลูก”สิ้นเสียงหญิงแก่ ชายหนุ่มก็หยิบมีดที่เหน็บไว้ข้างตัวขึ้นมาฟันคอหญิงแก่

โฉมวิ่งออกมาและวิ่งลงมาที่ชั้น2 และบ้านก็กลายเป็นบ้านร้างเหมือนในห้องนั้นไปแล้ว!

ขณะที่โฉมวิ่งลงบันได ก็มีมืดมาฉุดขาโฉมจนล้มลง

โฉมที่ปากแตกเพราะล้มลงก็เงยหน้าขึ้นมาดูก็พบ

ผู้หญิงใส่ชุดขาดๆวิ่นๆ ที่ตัวมีกลิ่นเน่าและตามตัวมีหนอนชอนไช แขนข้างหนี่งจับขาของโฉม แขนอีกข้างนึงขาด

และที่สำคัญ หัวของผู้หญิงคนนั้นไม่มี มือข้างที่จับขาของโฉมตอนแรก ก็พยายามเอื้อมขึ้นมาจับใบหน้าของโฉม

“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

โฉมกรีดร้องด้วยความกลัว พร้อกับพยายามปัดมือของร่างไร้หัวนั้น

โฉมลุกขึ้นยืนและวิ่งหนีจากร่างไร้หัวนั้น จนวิ่งเข้าไปซ่อนในห้องในสุดของชั้น2

เมื่อโฉมตั้งสติแล้วมองเข้าไปในห้อง

ก็พบเก้าอี้โยกตัวที่โฉมเห็นในห้องของชายหนุ่ม

วางหันหลังให้โฉมอยู่กลางห้อง แต่ที่แตกต่างจากตอนที่เห็นครั้งแรกก็คือชายหนุ่มคนที่โฉมนอนด้วยนั้น นั่งหันหลังให้อยู่

“โฉมอยู่นี่เอง ผมก็ตามหาตั้งนาน ” ชายคนนั้นพูดทั้งๆหันหลังให้โฉม

“คุณค่ะ เมื่อกี้ที่ชั้น3 ชั้นเห็นคนในบ้านคุณฆ่ากัน รีบไปกันเถอะค่ะ” โฉมพูดด้วยน้ำเสียงรนๆ

“ผมไปไหนไม่ได้หรอก เพราะนี่คือ บ้านของผม” ทันใดนั้นหัวของชายหนุ่มก็พรุ้งขึ้นไปบนเพดานพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากคอ

“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ขณะที่โฉมกำลังเปิดประตูห้องหนี ก็มีหญิงสาววัยกลางคน ใส่เสื้อผ้าที่ดูเป็นผู้ดีแต่เก่า

และเมื่อหญิงวัยกลางคนมองขึ้นมานั้น เธอไม่มีปากและจมูก แต่มีเสียงออกมาจากหญิงสาวว่า

“เธอรู้ได้ยังไง ว่าบ้านที่เธอเข้ามา จะมีคนอยู่จริงๆ”

โฉมที่ช็อกกับสิ่งที่เห็นได้ยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนคนนั้น

“อย่าทำอะไรฉันเลยๆ”

“มันสายไปแล้วล่ะ เธอต้องอยู่ที่นี้ตลอดกาล”

“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

สิ้นเสียง บราเทนเดอร์ที่ยืนมองอยู่ข้างนอกบ้านก็พูดว่า

“ลาก่อน โฉม”

                      ----------------------------------------

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านละ การบรรยายใช้ได้เลยนะ แต่มีคำผิดอยู่บ้าง :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ดีขึ้นเยอะเลยนี้น้่า><~

แต่ต้องบรรยายบรรยกาศให้ดีกว่านี้น่าจ๊า

บางจุดที่บรรยายเกี่ยวกับผียังดูไม่น่ากลัวนะ

ชอบตอนปิดท้ายจ๊า

สุ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Link to comment
Share on other sites

ชอบฟิคนี้แบบบอกไม่ถูก

(เห็นชื่อโฉมแล้วคิดถึงคุณโฉมเนื้อคู่ ทันตา)

Link to comment
Share on other sites

เอก

“นั้นๆมันอยู่ตรงนั้น” เสียงของชายในเครื่องแบบ2คนตะโกนแล้วชี้มาที่วัยรุ่น2คนที่กำลังวิ่งอย่างสุดแรง

“โธ่เว๊ย แม่งตามมาจะทันอยู่แล้ว”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มก็สะดุดล้มลง และขณะที่กำลังจะลุกขึ้นตำรวจก็ประชิดตัวชายหนุ่มได้

ผัวะ

ชายหนุ่มคนที่ล้มลงซัดกำปั้นใส่หน้าของตำรวจคนหนึ่งที่เข้ามาจะใส่กุญแจมือ

“อย่าขยับ ไม่งั้นยิงจริงๆนะ” ตำรวจอีกคนหนึ่งหยิบปืนขึ้นมาขู่

“เดี๊ยวกูถ่วงเวลาให้ หนีไป ไอเอก!!!!” ชายหนุ่มตะโกนพร้อมกับซัดกำปั้นเข้าไปที่หน้าของตำรวจอีกคนหนึ่ง

วัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่เพื่อนเรียกว่าเอก จึงวิ่งหนีต่อ จนมาเจอกำแพงและในขณะที่เอกกำลังปีนกำแพงหนีต่ออยู่นั้น

"ไอเอก!!!”

ปัง

นั้นคือเสียงสุดท้ายที่เอกได้ยินก่อนปีนเข้ามาในรั้วของคฤหาสน์หลังหนึ่ง

                ----------------------------------------------------------------------------------------------------

“เอก อย่าทำร้ายพ่อเขานะลูก  ฮือ ฮือ” ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็น แม่ กำลังกอดขาของเอกเพื่อไม่ให้เอกทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้าของเค้า

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เกือบทุกวันในครอบครัวของเอก ในทุกครั้งที่เอกไม่พอใจ เอกมักจะลงไม้ลงมือกับพ่อแม่เค้าอยู่เสมอ

“อีแก่ ปล่อยขากูเดี๊ยวนี้!!” เอกตะโกนใส่หน้าแม่ของเค้า และเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถมอเตอร์ไซร์ของเพื่อนที่จอดรออยู่

“เป็นไง ได้เงินเปล่าว่ะ ” เพื่อนของเอกถามทันทีที่เอกเอาบุหรี่ของเขาไปจุดดูด

“ไม่ได้ว่ะ ขนาดกูซ้อมไปซะขนาดนั้น ยังเอาเงินมาให้กูเลย ท่าทางครั้งนี้จะไม่มีจริงๆว่ะ” เอกพูดพร้อมพ่นควันบุหรี่

“เห้ย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเค้าว่ะ ยาตัวใหม่นี่แพงนะเว๊ย” เพื่อนของเอกพูดอย่างหัวเสีย

“มึงออกไปก่อนเถอะน่า” เอกพูดพร้อมดับบุหรี่ แล้วไปขึ้นรถมอเตอร์ไซร์ของเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อไปเอายา

จะว่าเอกว่าผิดก็ไม่ได้ เพราะครอบครัวของเอกล้มเหลว….

พ่อของเอกล้มละลายตอนเอกอายุ14เพราะเมียน้อยของพ่อหลอกให้พ่อค้ำประกันให้และโกงพ่อของเอกจนล้มละลายทำให้ครอบครัวของเอกต้องแบกรับหนี้สิน และนับแต่นั้นชีวิตของเอกก็ตกต่ำมาตลอด

เอกต้องเลิกเรียนตอนอายุ17 เพราะพ่อไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน  เอกได้รับความอับอายและสมเพศตัวเอง

ทำให้เอกติดยาและการเป็นเด็กส่งยาจนถึงทุกวันนี้

               --------------------------------------------------------------------------------------------------

เอกยืนอยู่ประตูหนังบ้านของคฤหาสน์ เนื่องจากทางเข้าของบ้านมีแค่ประตูนี่เท่านั้น และไม่สามารถเดินลัดอ้อมไปหน้าบ้านได้ ทำให้เอกต้องเดินตัดตัวเท่านั้น

“บ้านไรว่ะ น่ากลัวชิบหาย”เอกพูดพร้อมกับดึงประตูที่ฝืดจนเกือบจะเปิดไม่ได้

เมื่อเอกเปิดเข้าไป ห้องครัวและทางเดินรูปตัวTปรากฏอยู่ต่อหน้าเอก

ตุบ ตุบ

เสียงคนเดินทำให้เอกต้องเงื้อขึ้นไปมองบนเพดาน บนเพดาน และพบว่าบนเพดานมีอะไรบ้างอย่างเสียบอยู่กับคานเพดาน

บั๊ก

เอกปาจานเก่าๆใบหนึ่งที่อยู่ในห้อง ทำให้บางอย่างที่เสียบอยู่กับคานตกลงมา

ตุบ

เอกเดินไปดูบางอย่างที่ตกลงมา เอกพบว่าเป็นที่ ตรวจครรภ์ ใช้แล้ว

และผลตรวจที่อยู่ในที่ ตรวจครรภ์ก็คือ….ท้อง

ฮือ ฮือ

เสียงผู้หญิงร้องไห้ดังขึ้น ทำให้เอกสะดุ้ง และคิดได้ว่าควรออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด เอกวางที่ตรวจครรภ์และเดินผ่านทางเดินตัวT ไปและในขณะที่เอกกำลังเดินผ่านห้องน้ำที่ขนาบทางเดินอยู่2ห้องนั้น

พรึ่บ

ไฟนีออนแสงสลัวๆจากน้ำสว่างขึ้นมาเมื่อเอกมองไปที่ห้องน้ำทางซ้ายก็ต้องสะอินสะเอียนกับกลิ่นเหม็นสาป และเมื่อเอกหันไปมองห้องน้ำด้านขวาก็พบว่า

มีผู้หญิงท้องแก่คนหนึ่งนั่งอยู่บนชักโครก เลือดนองตามขาและพื้นห้องน้ำ

ชุดคลุมท้องที่ใส่นั้นเต็มไปด้วยเลือด ขากรรไกรอ้ากว้าง ใบหน้ากำลังดื้นทุรนทุรายและกำลังมีก้อนเลือดออกมาจากระหว่างขา

“เห้ย!”

หญิงสาวในชุดคลุมท้องค่อยๆเอื้อมมือมาหาเอก

“ช่…ว…ย…..ด้….ว”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค เอกก็วิ่งไปที่หน้าบ้าน ใต้ดอกลั่นทม

แฮ่ก แฮ่ก

“บ้านไรนี้มันอะไรกันว่ะเนี้ย” เอกพูดอย่างหวดกลัว แต่แล้วเอกก็ต้อ

สะดุ้ง

“เอาชั้นลงไปที” เสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากด้านหลังของเอก

ด้วยความกลัวของเอก ทำให้เอกไม่กล้าหันไปมอง แต่แล้วก็มีมือเย็นเชียบก็มาจับหน้าของเอกให้หันมามองอย่างช้าๆ

หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายๆกับผู้หญิงท้องคนเมื่อกี้ กำลังห้อยหัว โดนมีขาข้างหนึ่งมีเชือกผูกอยู๋กับกิ่งของดอกลั่นทม ขาอีกข้างนึงเวอะ

มือทั้ง2ข้างกำลังจับหัวของเอก

“ช่วยชั้นที” ผู้หญิงคนเดิมพูดช้าๆกับเอก

ว๊าก!!!!!

เอกกรีดร้องด้วยความกลัว และวิ่งกลับเขาไปในบ้าน

เมื่อเอกวิ่งมาถึงห้องนั่งเล่น ที่โซฟาผู้หญิงท้องคนเดิมนั่งอยู๋ โดยที่ปากมีรอยเย็บ20กว่าเข็มทั่วปาก และคราวนี้ข้างเธอๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งไม่ใส่เสื้อผ้าวางหัวตัวเองไว้บนตัก และที่หัวที่ว่านั้นก็พูดว่า

“พี่ชาย พาพี่สาวผมไปส่งโรงพยาบาลที” เมื่อพูดเสร็จหัวของเด็กผู้ชายก็ร้องไห้ออกมาเป็นเลือด

อ๊าก!!!!!!

เอกกรีดร้องอย่างเสียสติ พร้อมวิ่งขึ้นไปบนชั้น2

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าของเอกคือ ชายใส่ชุดพรางตัวดีดำ ในมือถือไฟฉาย

มืออีกข้างถือแผนที่ กำลังคลานหนีผู้หญิงที่คอหนัก แขดขาด และไม่มีท่อนหลัง ในห้องริมสุดข้างชั้น2

“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!” นั้นคือเสียงสุดท้ายที่เอกได้ยินก่อนประตูห้องจะปิดไป

ฮึก ฮึก

เอกหลั่งน้ำตาออกมาอย่างหวดกลัว และที่ห้องในสุด ประตูก็ค่อยๆแง้มออกมา

หัวของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถูกตอกไว้ที่ผนัง ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ

เอกที่กำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ได้แต่ยืนแข็งทื่อ และปล่อยในผู้หญิงที่ไม่มีหัวค่อยๆลากเอกเข้าไปในห้องนั้น

                    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Link to comment
Share on other sites

ยังมีพิมพ์ตกหล่น พิมพ์เกิน แล้วก็พิมพ์ผิดอยู่บ้างครับ

เวลาแต่งไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ครับ ตรวจทานคำผิดให้ดีด้วย

อยากจะบอกว่า.. ตอนที่ 3 น่ากลัวสุดๆ...

Link to comment
Share on other sites

ตอนสามช่วงจบบรรยายได้ดี หลอน><~

ดีขึ้นมากๆๆๆสู้ๆจ๊า

Link to comment
Share on other sites

หุ้นส่วน

ปอ นั้นคือชื่อของผม ผมเป็นหุ้นส่วนของลูกชายคนโตของตระกูลที่ร่ำรวยจากการผิดกฏหมายต่างๆในประเทศนี้

ผมกับลูกชายคนโตได้ร่วมมือกันยักยอกเงินจากตระกูลนี่กันอีกที จนมีวันหนึ่งบ้านหลังนี้ถูกฆ่าตายเกือบทั้งบ้าน

ลูกชายคนโตก็หายตัวไป และจากที่สืบมาว่าเอกสารการยักยอกต่างๆยังอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งหากผมไม่เอามันออกมาเรื่องจะแดงและผมที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดจะต้องถูกจับแน่ๆ

“แฮ่ก แฮ่ก” หลังจากที่ผมเพิ่งเดินพ้นทางสามแพร่งมา คฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าผม

หลังจากที่ผมศึกษาโครงสร้างในบ้านนี้มาอย่างดี พบว่าห้องนอนของลูกชายคนโตอยู่ชั้น3ห้องริมซ้าย

และหมอนั้นเคยพูดให้ผมฟังว่ามันซ่อนเอกสารพวกนั้นไว้ที่ตู้เซฟใต้ฟัวเตียง

แอ๊ด

ผมเปิดประตูรั้วเข้าไป ดอกลั่นทมต้นใหญ่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม มีเชือกยาวๆเส้นหนึ่งผูกไว้กับกิ่งไม้

ผมจำเชือกและดอกลั่นทมนี้ได้ เพราะว่าวันที่เกิดฆาตกรรม ผมอยู่แถวนี้และแวะมาดู ภาพที่ผมเห็นตอนนั้นผมจำได้ติดตาเลยว่า ลูกสาวของห้องชายคนเล็กผู้ผูกกับเชือกและห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ ขาอีกข้างหนึ่งเป็นแผลเวอะ โดนเฉือนจมูกและตาข้างหนุ่งออก นั้นเป็นภาพที่ผมจำได้ไม่รู้ลืมเลย….

ทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านเข้าไปห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยของหรูหราในอดีตปรากฏต่อหน้าผม โดยที่ตอนนี้เหลือแค่โซฟาเก่าๆที่เลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดกับกรอบรูปแตกๆที่อยู่ข้างๆ ผมรู้สึกทั้งเย็นและรู้สึกเหมือนกับมีกลิ่นแปลกๆ อยู่ดีๆก็ขนลุกขึ้นมา สัญชาตญาณบอกกับผมว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียว….

ในที่สุดผมก็ทำเป็นใจแข็งเดินขึ้นบันไดมา ในขณะที่ผมกำลังก้าวขึ้นมาบนขั้นสุดท้ายของบันได ผมเห็นกำแพงของห้องๆหนึ่งที่ถัดมาจากบันได บนสุดของกำแพงนั้นเป็นหน้าต่างเล็ก และมีหัวของผู้หญิงคนหนึง ใบหน้าฉายไปด้วยความเคียดแค้นมองผ่านหน้าต่างนั้นมาที่ผม

เหวอ!!!! ผมตะโกนออกไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมได้แต่ก้มหน้าพร้อมกับขยี้ตา และเมื่อผมมองกลับไปที่หน้าต่างเล็กๆนั้น พัดลมเพดานก็อยู๋แทนที่หัวของผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว

ผมพยายามบอกกับตัวเองว่าผมตาฝาด และผมสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้จริงๆ ผมแปลกใจทำไมผมถึงรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดเวลา….

และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องทำใจแข็งเดินต่อ เมื่อมาถึงทางเดินผมรู้สึกได้ถึงความอบอ้าวของอากาศและมีอะไรบางอย่างกดดันผม ผมอยากจะกรีดร้องออกไปเหลือเกิน…

แต่ที่ผมทำได้คือกัดฟันเดินต่อและในทันทีที่ผมกำลังจะเดินต่อนั้น ผมรู้สึก หมดแรง ทำให้ผมต้องทรุดจนมานั่งขุกเข่า

ผมหายใจลำบากเหลือเกิน…….

ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมา เด็กผู้หญิงใส่ชุดนอนลำตัวเต็มไปด้วยรอยกรีดต่างๆตามลำตัว ใบหน้าเปรอะไปด้วยเลือดผมบนหัวถูกโกนออกมาจนเห็นหนังด้วยที่มีเลือดซิบๆ และที่สำคัญ…เธอไม่มีขา

ผมที่ยังพอได้สติรีบลุกขึ้นและทำเป็นมองไม่เห็นค่อยๆเดินผ่านเธอๆ

ในวินาทีที่ผมเดินผ่านเธอ หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น เมื่อตรงหน้าของผมคือท่อนล่างของเด็กผู้หญิง

ผมที่กัดฟันด้วยความกลัวพยายามเดินผ่านท่อนร่างนั้น

“พี่ชายจะไปไหนหรอค่ะ”

เสียงอันเฉียบเย็นถามผมทันทีที่ผมเดินผ่านเธอจนพ้น

“ระวังพวกพี่สาวจะโกรธกันนะค่ะ”

เสียงเด็กผู้หญิงดังก้องในหัวผมอีกครั้ง ผมฝืนใจตัวเองเดินต่อขึ้นมาที่ชั้น3 ในที่สุดผมก็มาแล้วห้องของลูกชายคนโตที่เป็นหุ้นส่วนของผม

แอ๊ด

ผมเปิดประตูเข้าไปด้วยความรีบร้อน ณ วินาทีนั้นในหัวผมคิดแค่ว่ารีบเอาเอกสารแล้วเผ่นไปจากที่นี้….

และก็เป็นอย่างที่ผมคิด เอกสารซ่อนอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียง ในขณะที่ผมกำลังเก็บเอกสารด้วยความรีบร้อน

เอี๊ยด เอี๊ยด

เสียงของเก้าอี้โยกดังขึ้น ทั้งที่ๆตอนผมเดินเข้ามาผมไม่เห็นเก้าอี้โยกเลยซัดตัวเดียว

ถึงมี….แล้วใครจะโยกล่ะ?

ในที่สุดผมก็กล้ำกลืนฝืนตัวเองหันกลับมาและวิ่งออกจากห้อง  วิ่งผ่านเก้าอี้โยกที่อยู่ๆก็ตั้งอยู๋กลางห้องทั้งๆที่ตอนเข้ามามันไม่มี

ถึงแม้ว่าผมจะรีบวิ่งออกมาก็เถอะ แต่ถาพที่เห็นก็เป็นอีกภาพที่ติดตาผมอยู่ดี ภาพที่ผู้หญิง ใส่ชุดเหมือนผู้หญิงกลางคืน

ถูกผูกไว้กับเก้าอี้ ขาข้างนึงขาดอยู่ข้างๆเธอ

และในขณะที่ผมวิ่งออกมาผมได้ยินเสียงของเธอพูดว่า “ช่วยโฉมด้วย”

เมื่อผมเปิดประตูห้องออกมา บันไดก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าผมทันที แต่ที่มีหัวของผู้หญิงที่เห็นได้แค่ครึ่งหัว สายตาโกรธแค้นจ้องมองมาที่ผมตรงบันได ซึ่งเป็นทางเดียวที่ผมจะลงไปข้างล่างได้

ในขณะที่ผมกลัวจับใจ ชายแก่อีกคนหนึ่งนั่งรถเข็นออกมาจากห้องถัดจากห้องของลูกชายคนโต พร้อมกับพูดว่า

“แกเองหรอ ที่มีส่วนร่วมทำให้ชั้นต้องตาย” พร้อมกับจูงมือผมเข้าห้องที่เค้าเพิ่งนั่งรถเข็นออกมา….

                        ----------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้ขอบอกว่าเป็นตอนที่นั่งพิมไปขนลุกไปจริงๆ

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.