Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[นิยาย] Heavenly Weapons War ศึกเทพประยุทธ์ เริ่มขึ้นแล้ว!!


ท่านลุงในตำนาน

Recommended Posts

Heavenly Weapons War ศึกเทพประยุทธ์

ตั้งแต่ในครั้งอดีตการณ์ โลกมนุษย์ เกิดสงครามบ่อยครั้งนับไม่ถ้วน เหล่าวิญญาณที่สังเวยให้ภัยสงครามเดินทางไปยังโลกหลังความตายเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่เทพแห่งความตายจะรับมือไหว เทพแห่งความตายจึงได้ค้นหาทุกวิถีทางที่จะยุติสงคราม แต่เนื่องจากเป็นเทพ จึงไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์มากนัก ในที่สุดเทพแห่งความตายก็คิดหาวิธีได้ นั่นก็คือมอบโอกาสให้แก่ผู้ที่ตายในสงครามบางคน ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อไปยุติสงคราม ซึ่งผู้คนเหล่านั้นถูกเรียกว่า  ผู้ถูกเลือก นอกจากนั้น ผู้ถูกเลือก ยังได้รับพลังและอาวุธที่มีไว้ยุติสงครามอีกด้วย ซึ่งอาวุธเหล่านั้น ต่อมาถูกเรียกขานว่า เทพอาวุธ

เมื่อมีเหล่าผู้ถูกเลือกมากขึ้น สงครามในหลายๆ ที่ทั่วโลก ก็เริ่มที่จะเบาบางลง เมื่อสงครามเบาบางลง เหล่าผู้ถูกเลือกบางกลุ่มก็เริ่มที่จะลุ่มหลงในพลังของเทพอาวุธ และใช้พลังนั้นก่อสงครามต่อ เพื่อไม่ให้พลังของตนต้องสูญสลายไป แต่ก็ยังผู้ถูกเลือกบางกลุ่มที่ต้องการยุติสงคราม ได้ลุกขึ้นต่อต้าน เกิดเป็นศึกของผู้ถูกเลือก เรียกว่า ศึกเทพประยุทธ์

วันและเวลาเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ศึกเทพประยุทธ์ ก็ค่อยๆ สงบลง เรื่องราวของเหล่าผู้ถูกเลือกและเทพอาวุธก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากหน้าของประวัติศาสตร์

แต่ในไม่ช้านี้เทพแห่งความตายก็ได้รับรู้ถึงลางแห่งสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก จึงได้มอบพลังแห่งผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่ เพื่อยับยั้งสงครามที่จะเกิดขึ้นอันใกล้นี้

และแล้วสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง ด้วยการยอมแพ้ของญี่ปุ่น ทั่วทุกประเทศในโลกก็เริ่มสงบลง ผลของสงครามทำให้เกิดผู้ถูกเลือกมากมายทั่วโลก เมื่อสงครามจบลง เหล่าผู้ถูกเลือกส่วนมากต่างก็ลุ่มหลงในพลังและต้องการจะก่อสงครามขึ้นอีกครั้ง แต่ว่าทั่วโลกกำลังอยู่ในฟื้นฟู ทำให้แผนการก่อสงครามจำต้องเลื่อนออกไป

แม่เฒ่าแห่งเขาไท่ซาน หนึ่งในผู้ถูกเลือกที่มีพลังสายเนตรขั้นสูงสุด ในประเทศจีน ได้มองเห็นลางร้ายแห่งสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แต่ด้วยอายุขัยที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดทำให้นางไม่อาจออกไปหยุดยั้งลางร้ายนี้ จึงได้ส่งเฉินเหมยหลิน ศิษย์ของตน ออกตามหารวบรวมผู้ถูกเลือกที่รักสันติไม่ต้องการให้สงครามเกิดขึ้น มาหยุดยั้งลางร้ายในครั้งนี้ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของศึกเทพประยุทธ์ในครั้งนี้

Theme เปิด

http://www.youtube.com/watch?v=MpEi84Yqktg

Link to comment
Share on other sites

ตอนที่หนึ่ง เปิดศึกถล่มฮ่องกง

เกาะฮ่องกง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงไปแล้ว 10 ปี

เหมยหลิน!! ตื่นได้แล้ว!! เช้าแล้วนะ(โว้ย)!!

แสงแดดในยามเช้า สาดส่องผ่านหน้าต่างชั้นสองโรงแรมสไตล์ยุโรปแห่งหนึ่งในเกาะฮ่องกง เข้าไปในห้องพักของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่รู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงเรียกปริศนา

งืม...ๆ....ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ~ เดินทางมาหลายวัน ง่วงอ่า~

เสียงสาวน้อยวัยสิบห้าปี บ่นขึ้นพร้อมดึงผ้าห่มสีขาวสะอาดตาขึ้นคลุมหัว ที่ข้างเตียงของเธอมีหมีแพนด้าตัวน้อยสวมหมวกกระดาษทรงสามเหลี่ยมสีเหลืองอมเขียว ยืนสองขาเท้าสะเอวอยู่ขอบเตียง ท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก

ถ้าไม่เห็นแก่ที่พี่ใหญ่บอกให้พักให้เต็มที่นะ ฮึ่ม!!

ปล่อยน้องเฉินนอนไปเถอะน่า

เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ตัวเจ้าของเสียงจะก้าวเข้ามาในห้องพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม และห่อข้าวในมือ

ซื่อไฉ เรามากินข้าวเช้ากันดีกว่า

ฮ่ะๆๆๆ รอคำนี้มานานแล้ว

หว๋า~ กินด้วย~

พอพูดถึงเรื่องกิน สาวน้อยก็รีบลุกมาร่วมวงทันที

เฮ้ๆ อย่ามาทำตัวซกมกนะ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป

สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอก็คือ เฉินเหมยหลิน ศิษย์ของแม่เฒ่าแห่งเขาไท่ซาน เธอได้รับคำสั่งให้ออกตามหาและรวบรวมผู้ถูกเลือกมาร่วมเปลี่ยนแปลงโชคชะตาแห่งโลก โดยมีชายวันกลางคนปริศนาที่อาจารย์ส่งมาตามดูแลตลอดการเดินทาง เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยนอกจากชื่อเรียกว่า พี่ใหญ่ และมีสัตว์เลี้ยงเป็นหมีแพนด้าพูดได้ ที่ชื่อ ซื่อไฉ เท่านั้น

การเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิตของเฉินเหมยหลินดูจะโหดร้ายมาก เพราะตอนที่อยู่ที่ภูเขาไท่ซานกับผู้เป็นอาจารย์ เธอมีชีวิตอยู่ค่อนข้างจะสุขสบาย แค่หนักไปทางด้านการเรียนหนังสือ ดังนั้นพอได้ออกมาเดินทางไกลๆ แถมเป็นการเดินเท้าอีก ทำให้เธอเหนื่อยล้ามากเมื่อมาถึงเกาะฮ่องกง

อีกด้านตรงข้ามของโรงแรม

ครืน***

ตึกสไตล์ยุโรปที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ค่อยๆ พังถล่มทลายลง หลังจากที่ร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งภายใต้ผ้าคลุมที่วิ่งหนีออกมา ผลจากอาคารถล่มทำให้ชาวบ้านร้านตลาดต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางส่วนก็วิ่งหนี บางส่วนก็วิ่งเข้ามาดู

ชายหนุ่มหันกลับมามองที่ซากอาคาร ในมือซ้ายของเขากุมคันธนูสีฟ้าเขียวประหลาดแน่น เหมือนกับลุ้นว่าสิ่งที่ทำไปสำเร็จหรือไม่

กึก*

ภายใต้ซากอาคารมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ชายหนุ่มรู้ได้ทันที่เลยว่าไม่สำเร็จ เขาสะบัดผ้าคลุมทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจน ชายผู้นี้มีใบหน้าหล่อเข้มดุดัน มีรอยแผลเป็นยาวที่แก้มซ้าย ผมยาวรุงรัง สวมชุดหนังสัตว์สีหม่นและซองธนูสะพายหลัง

เขาเอื้อมมือขวาไปหยิบลูกธนูในซองด้านหลัง แต่ทว่ามีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นก่อน

พลังธาตุดิน เสาศิลาคลั่ง!!

เสาหินแหลมคมจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินฝั่งซากอาคารด้วยความเร็วสูง โดยมีเป้าหมายมาทางชายหนุ่ม

ชายหนุ่มมีประสาทสัมผัสที่ไวพอจะหลบมัน เขากระโดดลอยตัวขึ้น ตวัดมือขวาที่จะหยิบลูกธนู วาดมาลงพื้น

สายลมเกื้อหนุน!!

สิ้นคำพลันบังเกิดลมหมุน ดันร่างของชายหนุ่มลอยขึ้นไปในอากาศจนสูงพ้นความสูงของปลายแหลมของเสาหิน ไปอย่างเฉียดฉิว ในระหว่างที่ลอยตัวอยู่นั้น เขาไม่ได้อยู่เฉย รีบคว้าลูกธนูยิงสวนกลับไปที่ซากอาคารสามดอกติด

ระเบิด!!

ตูม** ตูม** ตูม**

ทันทีที่ลูกธนูทั้งสามดอกกระทบกับซากอาคาร ก็เกิดเป็นระเบิดทำลายล้างขนาดย่อมขึ้น เศษฝุ่นฟุ้งกระจายปิดบังทัศนะวิสัย ถึงตอนนี้กลุ่มคนที่มามุงดูเหตุการณ์เริ่มเข้าใจแล้วว่ามีมีระเบิด ต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกันวุ่นวาย ส่วนตัวของชายหนุ่มนั้นทิ้งตัวลงมายืนบนหลังคาของอาคารอีกฝั่งหนึ่งของถนน ซึ่งเป็นอาคารโรงแรมที่พวกเฉินเหมยหลินพักอยู่

หว๋า~ เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่?

เฉินเหมยหลินอุทานขึ้นขณะที่ออกมาจากห้องน้ำ ซื่อไฉรู้ตัวไว รีบกระโดดออกไปดูเหตุการณ์ที่ริมหน้าต่างทันที

เพียงเห็นสภาพอาคารที่พังทลายในพริบตา ซื่อไฉก็คาดเดาสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ดูท่า คงจะมีผู้ถูกเลือกกำลังต่อสู้กันนะ(เล่นซะตึกถล่มเลย)

พี่ใหญ่กับเฉินเหมยหลิน ตามมาดูสถานการณ์ทันที

ไอหย๋า~ รุนแรงกว่าที่มองผ่านกระจกวิญญาณของอาจารย์ซะอีก

เฉินเหมยหลินพูดขึ้นอย่างตื่นตา สายตากวาดมองไปรอบๆ ค้นหาผู้ถูกเลือกที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่ก็ยังไม่พบ

นี่แค่เพิ่งเริ่มเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็แถบนี้ก็ราบเป็นหน้ากลองแน่ ถอยไปดูห่างๆ กันดีกว่า

พี่ใหญ่ตบบ่าของเฉินเหมยหลินเบาๆ แล้วรีบก้าวเดินไปเก็บของ เดินนำออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

รอด้วยสิ พี่ใหญ่~

อีกด้าน ปรากฏร่างของคนสองคนในชุดทหารคอมมิวนิสสีเขียวแก่ ค่อยๆ เดินออกมาจากกลุ่มฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย คนหนึ่งเป็นชายร่างกายสูงใหญ่ใบหน้าเคร่งขรึม แผลเป็นเต็มใบหน้า หัวโล้น ในมือถือขวานคู่ขนาดเหมาะมือ รูปลักษณ์แปลกตา ส่วนอีกคนเป็นชายร่างเล็กใบหน้ายิ้มแย้ม ผมสีดำถักเปียยาว สวมหมวกแก็ปสีเขียว ปักรูปดาวแดงสาวดวงซ้อนกัน มือหนึ่งไพล่หลังสบายๆ ส่วนอีกข้างปัดฝุ่นที่ติดเสื้อช้าๆ

ฝีมือไม่เลวจริงๆ นะครับ เฟาท์ ฟาเลนโด้ คนทรยศแห่งกองทัพมองโกล

ชายร่างเล็กพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่คำพูดของเขาฟังดูจะเสียดแทงใจของชายหนุ่มที่ชื่อว่า เฟาท์ มากกว่า

พวกแกต้องการอะไรจากข้ากันแน่?

ชายหนุ่มชื่อ เฟาท์ ถามกลับ น้ำเสียงไม่พอใจมาก

หึหึ

ชายร่างเล็กหัวเราะเบาๆ แล้วโค้งตัวกุมหมัด

ก่อนอื่นกระผมต้องของโทษด้วยนะครับ ที่เผลอลงมือรุนแรงกับคุณ คือเจ้านายผมต้องการกำลังจากของคุณ เพื่อจะก่อสงครามขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นขอเพียงแค่คุณยอมมาเป็นพวกเดียวกันกับผมเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ทางเจ้านายผมไม่คิดถือสาอะไร

เฟาท์หลับตาลงฟังครู่หนึ่ง หวนคิดถึงเรื่องที่เคยทำไว้ในอดีต ก่อนลืมตาขึ้น สีหน้าโกรธเกรี้ยวหนัก

ก่อสงครามอีกครั้งงั้นเรอะ นายของพวกแกนี่ช่างฝันเสียจริงๆ แต่ถ้าจะทำจริงๆ ขอบอกเลยว่า ฝันไปเถอะ!!

จบคำพูด เฟาท์ยิงธนูระเบิดลงไปอีกสี่ดอก

ชายร่างใหญ่สะบัดขวานคู่อย่างว่องไวสะบั้นลูกธนูเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย ก่อนที่จะถึงตัว ชายร่างเล็กขมวดคิ้ว

แย่จังนะครับ ที่คุณไม่ร่วมมือกับพวกผมดีๆ ผมคงต้องสั่งสอนคุณซะก่อนสินะ เอาล่ะ!! ลงมือได้!!

จบคำ บรรยากาศโดยรอบพลันตึงเครียดโดยทันที

สั่งสอนเรอะ? ใครกันแน่ที่จะถูกสั่งสอน?

ก็แกไงล่ะ ปลดผนึกสัตว์เทพ!! หนูถล่มภูผา!!

ชายร่างใหญ่ตวาดลั่น ขวานคู่ประหลาดเปล่งแสงสีน้ำตาลเข้ม เฟาท์เห็นท่าไม่ดี จึงหันหลังกระโดดหนีข้ามไปยังด่านฟ้าอีกตึก ในระหว่างที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ภายในสมองของเขาก็ค้นหาวิธีโจมตีกลับทันที

อ๊ะ!!?

ตูม*** ครืน***

ไม่ทันที่เท้าของเฟาท์จะแตะพื้น ด้านฟ้าตึกจุดตกของเขาก็ค่อยๆ ทรุดตัวหายเข้าไปในปากของหนูประหลาดขนสีน้ำตาลเข้ม ตัวขนาดมหึมาที่ปรากฏตัวขึ้นแทน

สายลมเกื้อหนุน!!

เฟาท์สะบัดมือสร้างลมสะบัด หอบร่างของเขา ลงสู่พื้นถนนอย่างปลอดภัย ทำให้เจ้าหนูทลายภูผาเขมือบได้เพียงอากาศ แต่เจ้าของของมัน ก็ไม่ปล่อยให้เขาตั้งตัวได้นานนัก วิ่งแกว่งขวานคู่เข้าโจมตีต่อทันที

แม้ร่างกายจะใหญ่โต และเทพอาวุธขวานคู่จะดูใหญ่เทอะทะ แต่ชายร่างใหญ่ก็ยังเคลื่อนไหว กวัดแกว่งเทพอาวุธได้อย่างรวดเร็ว จนทางด้านเฟาท์ทำได้แค่เพียงหลบหลีกเท่านั้น ครั้นจะหาทางโจมตีกลับก็ทำไม่ได้เพราะเทพอาวุธของเขาเป็นอาวุธระยะไกล พอคิดจะกระโดดขึ้นตึก เจ้าหนูถล่มภูผา ก็ทำลายตึกแถบนั้นซะหมดสิ้น แถมยังป้วนเปี้ยนล้อมกรอบไม่ให้หนีอีก

อีกด้านหนึ่ง พวกเฉินเหมยหลินแอบดูอยู่เหนือหลังคาบ้านโบราณห่างจากการต่อสู้ของเฟาท์ไม่ไกลมากนัก

พี่ชายคนนั้นเก่งจังเลยพี่ใหญ่ ขนาดถูกล้อมกรอบอย่างนั้น ก็ยังสู้ไหวอีก สุดยอดๆ

เฉินเหมยหลินพูดขึ้นอย่างตื่นตา เธอตื่นเต้นมากที่ได้เห็นการต่อสู้จริงๆ จังๆ ของเหล่าผู้ถูกเลือก ด้วยส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังและเทพอาวุธของเธอเองก็ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยในการต่อสู้สักเท่าไหร่ เธอจึงไม่ได้ฝึกฝนพลังไว้สำหรับต่อสู้

ท่าทางจะแย่นา

อะไรเหรอ?

ซื่อไฉ ชี้นิ้วไปยังการต่อสู้ ตีสีหน้าเคร่งเครียด

ดูที่เทพอาวุธเจ้าหนุ่มนั่นดีๆ สิ เทพอาวุธของเจ้านั่นเป็นคันธนู อาวุธที่ร้ายกาจเมื่อถูกใช้ระยะไกล แต่ในระยะประชิดอย่างนี้ คันธนูนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับท่อนไม้

จริงด้วย อย่างนี้พี่ชายคนนั้นก็เสียเปรียบสิ พี่ใหญ่ ไปช่วยเขากันเถอะ

เฉินเหมยหลิน ลุกขึ้นหันไปพูดกับพี่ใหญ่ที่นั่งมองดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ เหมือนจะคิดอะไรสักอย่าง

พี่ใหญ่!! ได้ยินไหม?

อืม...รู้แล้ว ได้ยินแล้ว แต่ว่ามันแปลกๆ อยู่นะ

แปลกอะไรล่ะ พี่ใหญ่?

พี่ใหญ่ส่ายหน้า แล้วลุกขึ้นยืน

ช่างเถอะๆ รีบไปช่วยคนก่อนดีกว่า น้องเฉินรออยู่นี่ก่อนนะ ไปกันเถอะ ซื่อไฉ

ทิ้งหนูได้ไงอ่ะ พี่ใหญ่ หนูไปด้วย หนูก็มีพลังของผู้ถูกเลือกคนนึงล่ะ

เฉินเหมยหลินลุกขึ้นตาม ตั้งท่าจะตามไปด้วย แต่มีซื่อไฉขยับตัวขวาง

อย่าดีกว่านะ พลังสายเนตรของเธอน่ะ ไม่เหมาะกับการต่อสู้ในระยะประชิดหรอก ขืนไปด้วย มีหวังจะไปถ่วงพี่ใหญ่เสียเปล่าๆ

ไม่ว่าห้ามยังไงหนูก็จะไปด้วย หนูมีแผนช่วยเขาออกมาด้วย

เฉินเหมยหลินหน้าบูดทันควัน พยายามเถียงอีกครั้ง

พี่ใหญ่ยิ้มน้อยๆ พลางยื่นมือมาลูบหัวของเฉินเหมยหลินเบาๆ

ลองว่ามาสิ

ฉัวะ***

เมื่อถูกบีบให้ต้องต่อสู้ในระยะประชิดนานเข้า เฟาท์ ก็เริ่มจะหลบหลีกต่อไปไม่ไหว ในก็ที่สุดก็ถูกคมขวานถากเข้าที่ด้านหลัง ทั้งซองลูกธนู และเลือดสดๆ สาดกระเซ็น

ตายซะเถอะ!!

ฮึ!!**

ลูกผู้ชายสายเลือดทหารอย่างเฟาท์ ไม่เพียงแต่ไม่ส่งเสียงร้อง เขายังโจมตีสวนกลับด้วยการแทงลูกธนูเข้าที่กลางหน้าอกของชายร่างใหญ่ เป้าหมายที่กลางหัวใจ

ฉึก***

ตูม***

หัวลูกธนูเข้าเนื้อไปได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น สันขวานคู่วนกลับมากระแทกเข้าที่ต้นแขนขวาของเฟาท์อย่างรุนแรง จนร่างของเขาปลิวกระเด็นหายเข้าไปในกองซากตึก

ชายร่างใหญ่เดินลุยเข้าไปในกองซากตึก ยกร่างที่ไร้สติของเฟาท์ขึ้นราวกับยกปุยนุ่น

นี่เรอะ ขุนพลกล้าของกองทัพมองโกลที่เกรียงไกร ฝีมือกระจอกชะมัด

ชายร่างใหญ่สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย แล้วโยนร่างของเฟาท์ขึ้นบ่า เป็นจังหวะเดียวหันกับชายร่างเล็กเดินเข้ามา

ไม่หรอกครับ คุณเฮ่ยทง ถ้าหากเขาคิดต่อสู้จริงๆ แล้วล่ะก็ ตัวคุณคงได้พรุนด้วยลูกธนูแน่ๆ

ชายร่างเล็กมองดูของเฟาท์ ที่ยังหลงเหลือลมหายใจอย่างรวยริน สภาพร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ และคราบเลือด

ที่เหลือก็นำตัว ไปส่งให้นายท่านจัดการต่อ อ๊ะ?

ระหว่างที่ทั้งสองจะเดินทางกลับ ก็ปรากฏร่างของเด็กสาวหน้าตาหน้ารักคนหนึ่ง ยืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า

อย่าเพิ่งไปสิ พี่ชายคนนั้น หนูขอตัวไว้ได้ไหม?

[============================]

How to use Death Note เอ้ย วิถีของผู้ถูกเลือก

ผู้ถูกเลือก คือ บุคคลที่ได้รับเลือกจากเทพแห่งความตาย ให้มายุติสงครามบนโลกมนุษย์ โดยที่การจะเป็นผู้ถูกเลือกนั้น จะต้องผ่านความตายมาแล้ว ซึ่งจะมีโอกาสประมาณหนึ่งในหมื่น นอกจากนั้นผู้ถูกเลือกจะได้รับพลัง และอาวุธวิเศษมาด้วย

พลังเทพ คือ พลังของผู้ถูกเลือก แบ่งออกเป็น 10 ธาตุ ได้แก่ [ดิน] [น้ำ] [ลม] [ไฟ] [ไม้] [น้ำแข็ง] [สายฟ้า] [วิญญาณ] [มืด] [แสง] และ 7 สาย ได้แก่ [โจมตี] [ป้องกัน] [เนตร] [จิต [แปรเปลี่ยน] [อัญเชิญ] [รักษา] แต่ละคนจะมีพลัง หนึ่งธาตุ หนึ่งสาย ผู้ถูกเลือก จะไม่สามารถเลือกธาตุหรือสายของตนได้ ซึ่งธาตุและสายนั้น ถูกกำหนดจาก วันเดือนเกิดของคนผู้นั้น และไม่สามารถเปลี่ยนธาตุหรือสายได้

เทพอาวุธ คือ อาวุธวิเศษที่เทพแห่งความตายมอบให้แก่ผู้ถูกเลือก เทพอาวุธจะมีรูปลักษณ์ไม่แตกต่างไปจากอาวุธทั่วไป มีพลังพื้นฐานตามพลังของผู้ถูกเลือก แต่ก็สามารถใช้ต่อสู้ได้ตามปกติ เทพอาวุธจะไม่ถูกทำลายด้วยกรรมวิธีใดๆ ก็ตาม นอกจาก เทพอาวุธ พลังเทพ และผู้ถูกเลือก และที่สำคัญ เทพอาวุธถือได้ว่าเป็นสัญญาระหว่างเทพกับมนุษย์ และเป็นจุดกำเนิดพลังเทพ หากถูกทำลายลง การเป็นผู้ถูกเลือกของคนผู้นั้นก็จะสิ้นสุดลง และกลับกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านแล้วนะครับ  :pika01: บรรยากาศกลิ่นอายยังคงเป็นแนวกำลังภายใน บรรยายเห็นภาพง่ายดีนะครับ

Link to comment
Share on other sites

ตามมาอ่านแล้วเช่นกัน เริ่มรู้สึกว่าตัวละครของตัวเองกับประวัติและอาวุธดูไม่เข้าค่อยกัน เป็นจอมดาบ แต่กลับได้เทพอาวุธเป็นชุดเกราะ - -

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วครับ

อ่านลื่นดีนึกภาพตามได้สบายเลย~

น่าติดตามมากครับ~

Link to comment
Share on other sites

โอ้ ออกมาแรกๆ เลยแฮะ

บรรยายเห็นภาพดีมากจ้า ตกลงเฟ้าท์ซังจะเป็นยังไงต่อเน้อ = =

แล้วสาวน้อยปริศนานั่นใคร...

เอาล่ะ ข้าพเจ้าจะติดตามต่อไปเน้อ  :wani10:

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ตอนที่สอง แผนพลาด!!

อย่าเพิ่งไปสิ พี่ชายคนนั้น หนูขอตัวไว้ได้ไหม?

การปรากฏตัวของของเฉินเหมยหลิน ทำให้สองชายชุดทหารตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

แม่หนูน้อยหลีกไปซะเถอะ อย่ามาขวางทางเรา

ชายร่างใหญ่พูดขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้ หมายจะผลักร่างของเฉินเหมยหลินให้พ้นทาง แต่เธอก้าวเท้าไวกว่า ถอยหลบแบบง่ายๆ มือของชายร่างใหญ่สัมผัสได้เพียงอากาศ

รอยยิ้มหวานของเฉินเหมยหลิน แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ชายร่างเล็กรู้ได้ทันทีว่ามีต้องอะไรแอบแฝงแน่

คุณเฮ่ยทงระวัง!! เด็กคนนั้นอาจจะเป็นผู้ถูกเลือก!!

หืม??

บอกให้คนอื่นระวังนี่ แต่ตัวเองไม่ระวังเลยนะ

ชายร่างเล็กสะดุ้งเฮือกหันหลังกลับมาตามเสียงก็พบกับกำปั้นที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง

ผัวะ***

หนึ่งหมัดหนักๆ ของพี่ใหญ่กระแทกเข้าเต็มแก้มซ้าย ร่างของชายร่างเล็กปลิวกระเด็นไปไกลพอสมควร ชายร่างใหญ่ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากมองเพื่อนถูกทำร้าย อย่างตกตะลึง

หู่ซ่ง!! บัดซบ!!

พอตั้งสติได้ ชายร่างใหญ่ก็ทิ้งร่างของเฟาท์ลง แล้วพุ่งตัวสะบัดขวานคู่เข้าจู่โจมพี่ใหญ่ทันที

หุนหันพลันแล่นอย่างที่น้องเฉินว่าจริงๆ

ก่อนหน้านั้น

ลองว่ามาสิ

พี่ใหญ่ไม่ใช่คนใจแคบ เปิดกว้างรับฟังแผนการช่วยคนจากเฉินเหมยหลินหลิน

งั้นรอก่อนสักครู่ ขอหนูดูอะไรให้แน่ใจก่อน

พูดจบ เฉินเหมยหลินก็ยกมือป้องตาบังแดด เพ่งสายตามองไปยังชายร่างเล็กที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังการต่อสู้ ดวงตาของเธอแปรเปลี่ยนสีขาวข้น ตอนนี้เธอกำลังใช้พลังสายเนตรมองอะไรบางอย่าง

จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเถอะ เจ้านั่นกำลังจะพลาดท่าแล้ว

ซื่อไฉเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็พูดเร่งรัดทันที

เมื่อเฉินเหมยหลินใช้พลังสายเนตรของเธอมองจนแน่ใจ เธอก็หันมาชี้แจงแผนการทันที

เอาล่ะ แผนช่วยคน ง่ายๆ ก็คือ หนูจะเข้าไปหลอกล่อเจ้าคนตัวใหญ่นั่น ระหว่างนั้นส่วนพี่ใหญ่ก็รีบอ้อมไปจัดการคนตัวเล็กนั่น

เฮ้ๆ เอาจริงเรอะ? แผนนี้ถ้าพลาดขึ้นมา แกรอดยากนะ(เว้ย)

จริงอย่างที่เจ้าซื่อไฉว่า มันฟังดูอันตรายเกินไป

ซื่อไฉขัดทันควัน พี่ใหญ่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ทั้งสองไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับแผนการนี้ แต่เฉินเหมยหลินไม่สนใจ ชี้แจงแผนการที่วางไว้ให้ทั้งสองฟังต่อทันที

ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เจ้าคนตัวเล็กนั่นเป็นคนธรรมดา พี่ใหญ่จัดการได้ไม่ยาก ส่วนเจ้าคนตัวใหญ่นั่น หนูก็คิดว่าพอเห็นพวกถูกทำร้ายก็คงหุนหันพลันแล่นมาซัดพี่ใหญ่เองแน่ คงไม่มีเวลามาสนใจหนูหรอก ถึงตอนนี้หนูก็จะเข้าไปช่วยพี่ชายคนนั้นออกมาได้อย่างสบาย

แล้วน้องเฉินรู้ได้ไงว่าเจ้าคนตัวเล็กเป็นคนธรรมดา? แล้วถ้าหากไม่เป็นอย่างที่น้องเฉินคิดล่ะ? เกิดเจ้าคนตัวใหญ่นั่นอาละวาดใส่น้องเฉิน จะทำยังไง?

หลายคำถามที่พี่ใหญ่รัวมา เฉินเหมยหลินได้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ

อย่าดูถูกพลังสายเนตรของหนูมากนักสิ แล้วก็ตัวหนูเองมีวิธีเอาตัวรอดในแบบของหนูก็แล้วกัน

สราญรมย์ท่าที่ห้า!! ยลเรือนร่างสาวงาม!!

ผัวะ***

พี่ใหญ่อาศัยจังหวะช่องว่างที่ขวานสะบัดอยู่ห่างจากตัวเพียงชั่วพริบตา บุกเข้าประชิดตัวแล้วกระแทกหมัดตรงเข้าหน้าท้องของชายร่างใหญ่เข้าอย่างจัง และมันก็เป็นผลไม่น้อยเลยทีเดียว ชายร่างใหญ่ หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหน้าบูดเบี้ยว บ่งบอกได้ว่า เขาจุกอย่างรุนแรง

หนูถล่มภูผา!!

เฮ่ยทงร้องเรียกสัตว์เทพมาช่วยต่อสู้อีกครั้ง ครั้งนี้เจ้าหนูยักษ์ถล่มภูผาไม่ได้มาล้อมกรอบเหมือนตอนที่สู้กับเฟาท์ แต่ครั้งนี้มันมาเพื่อโจมตีศัตรูโดยเฉพาะ ร่างกายที่ใหญ่โตเกินไปของมันทำให้ทำได้เพียงใช้หางที่ยาวเรียวของมันกวัดแกว่งจู่โจมอย่างรวดเร็ว ช่วยปกปิดช่องว่างหลังการโจมของขวานคู่ บีบระยะของพี่ใหญ่ให้แคบลง

สราญรมย์ท่าที่ห้า!! ยลเรือนร่างสาวงาม!!

ปึก*

ถึงจะอยู่ในสถานภาพรุมล้อมแบบนี้ แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้ตกเป็นรองเลย ยังคงปล่อยท่าหมัดเดิมสวนกลับไปยังจุดเดิมได้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ผลนักเพราะต้องต้องรีบโจมตีแล้วรีบหลบหลีกหางเจ้าหนูถล่มภูผาอีก ทำให้ใช้แรงได้ไม่มากนัก

พี่ใหญ่~!! ช่วยคนออกมาได้แล้ว~!!

เสียงของเฉินเหมยหลินดังขึ้นจากบนที่สูง การต่อสู้พลันหยุดลงชั่วขณะ พอเงยหน้าขึ้นไปดู ก็พบกับหงส์สีขาวบริสุทธิ์ ตัวใหญ่ บินเหนือหัวของคนทั้งสอง โดยมีเฉินเหมยหลิน และซื่อไฉนั่งอยู่ ที่สองขาของหงส์ขาวมันยังคาบร่างที่ไร้สติของเฟาท์อีกด้วย

แม่หนูนั่นกับสัตว์เทพ?

โฮ่~ น้องเฉินทำได้ไม่เลว ทีนี้ก็ได้เวลาสลายตัวแล้ว~

พี่ใหญ่ฉวยโอกาสที่เฮ่ยทงตกตะลึง ถอยตัวออกห่าง แต่หนูทลายภูผาก็วิ่งปราดเข้ามาขวางทางทันที

เฮอะ!! อย่าแม้แต่จะคิด!! เมื่อแกเอาเจ้านั่นไป แกก็ต้องเอาชีวิตมาแลก!!

ใบหน้าชายร่างใหญ่แดงวาบ ร่างกายสั่นเทา สองมือกำด้ามขวานแน่นด้วยอารมณ์ที่โกรธจัด

ขวานถล่มภูผาเอ๋ย หนูทลายภูผาเอ๋ย เจ้าทั้งสองจงแสดงพลังธาตุดินขั้นสูงสุด!! กลายร่างอสูรเทพทลายพิภพ!!

ด้วยอารมณ์โกรธจัดถึงขีดสุด เขาประกอบด้ามขวานคู่เข้าด้วยกันเป็นขวานสองคม แล้วชูมันขึ้น สูบเอาร่างของสัตว์เทพหนูทลายภูผาคืนกลับเข้าสู่เทพอาวุธ ตราสัญลักษณ์ผู้ถูกเลือก พลันปรากฏขึ้นกลางศีรษะที่โล้นเลี่ยนเปล่งแสงสว่างชัดเจน เป็นสัญลักษณ์ของธาตุ [ดิน] สาย [แปรเปลี่ยน] ตอนนี้เฮ่ยทงรีดเร้นพลังขั้นสุดยอดของตนออกมา จนร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ปริขาด แม้แต่พื้นถนนก็ยังทานทนพลังไม่ไหว แตกร้าวเป็นวงกว้าง

พี่ใหญ่รีบขึ้นมานี่เร็ว~!!

เฉินเหมยหลินรีบตะโกนเรียก พร้อมบังคับให้สัตว์เทพหงส์ขาวลอยลงต่ำ เพื่อรับตัวพี่ใหญ่ เมื่อไม่มีหนูทลายภูผามาขวางอีก พี่ใหญ่จึงก็ได้โอกาสหนีอีกครั้ง

การกระทำของเฉินเหมยหลินตกเป็นเป้าหมายของเฮ่ยทงมากกว่าที่พี่ใหญ่วิ่งหนี เขาไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย คว้าเศษซากอาคาร เป็นหินก้อนใหญ่ ขว้างเข้าใส่หงส์ขาวทันที

เหมยหลิน ระวัง!!

ไม่ทันที่เสียงร้องเตือนของซื่อไฉจะจบ ก้อนหินขนาดใหญ่ลอยเข้ามาใกล้เสียแล้ว โชคดีที่เจ้าหงส์ขาวโยกตัวหลบได้ทันท่วงที หินก้อนนั้นผ่านหัวหงส์ขาวไปอย่างฉิวเฉียด

หว๋า~

ถึงจะไม่โดน แต่เจ้าหงส์ขาวก็โยกตัวอย่างรวดเร็วทำให้คนบนหลังของมันเสียสมดุล จนเกือบจะเทร่างคนบนหลังของมันทั้งหมด เมื่อแรกพลาด เฮ่ยทงก็คว้าก้อนที่สอง หมายจะขว้างซ้ำอีก แต่พี่ใหญ่พุ่งตัวเข้าใส่ขวางทันที

สราญรมย์ท่าที่สิบสอง!! นารีป้อนสุรา!!

เปรี้ยง~***

ฝ่ามือของพี่ใหญ่ กระแทกเข้าที่ข้อมือของเฮ่ยทง อย่างรุนแรง จนก้อนหินหลุดพ้นจากมือ

ซื่อไฉ น้องเฉินรีบถอยไปห่างๆ ก่อน!!

เฮ้!! เหมยหลิน!! รีบถอยก่อนเถอะ!!

ได้ฟังคำสั่งของพี่ใหญ่ซื่อไฉร้องย้ำคำสั่งต่อ เฉินเหมยหลินค้านกลับทันที

แต่ว่า เราจะทิ้งพี่ใหญ่ไว้ข้างล่างไม่ได้นะ

ช่าง(หัว)พี่ใหญ่เถอะน่า พี่ใหญ่ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ แล้วก็ตอนนี้เจ้านั่นกำลังคลั่งอย่างหนัก ถ้าแกลงไปช่วยก็มีหวังจะได้ตายเสียเปล่าๆ ดังนั้นรีบๆ หนีเร็วเข้าเถอะ!!

คำพูดของซื่อไฉดูถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ถึงใจของเฉินเหมยหลินอยากจะลงไปช่วยเหลือใจแทบขาด แต่ด้วยพลังของเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้แน่ๆ แผนการของเฉินเหมยหลินแม้ตอนแรกจะไปได้สวย เธอนึกว่าจะหนีได้โดยปลอดภัยทั้งหมด แต่นึกไม่ถึงว่าในตอนท้ายจะหลบหนีออกมาได้ยากเย็นเพียงนี้

ฟู่~ ให้ตายเถอะ คิดว่าจะหนีแบบง่ายๆ แล้วเชียว เห็นทีต้องรีบจัดการแล้ว สราญรมย์ท่าที่ยี่สิบห้า!! หมู่มวลนารีรุมล้อม!!

เมื่อพวกเฉินเหมยหลินเริ่มถอยไปแล้ว พี่ใหญ่ก็รัวหมัดใส่เฮ่ยทงอย่างรวดเร็ว ความรุนแรงของมัน แม้แต่ร่างที่ขยายใหญ่ขึ้นจากพลังเทพ ก็ยังต้านทานไม่ไหว ถอยยาวไปหลายก้าว คราวนี้ถึงตาที่พี่ใหญ่เป็นฝ่ายบีบเฮ่ยทงตกเป็นรองบ้าง

ฮ่า~~~!!!

โอ๊ะ!!?

เฮ่ยทงไม่ยอมตกเป็นรองง่ายๆ ระเบิดพลังผลักร่างของพี่ใหญ่กระเด็นออก แล้วรวมพลังที่เทพอาวุธ ฟาดลงที่พื้นอย่างรุนแรง

พลังธาตุดินเต็มพิกัด!! หมื่นเสาปฐพีคลั่งแค้น!!

พลังเทพถูกอัดลงพื้น เกิดเป็นเสาหินแหลมคมจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินเฉกเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่สู้กับเฟาท์ แต่ครั้งนี้มีขนาดเสาที่ใหญ่กว่า ความรวดเร็วที่มากกว่า และมีขอบเขตเป็นวงกว้างมากกว่า ชนิดที่ว่า ถ้าจะรอดพ้นจากเสาหินเหล่านี้ได้จะต้องบินได้เท่านั้น

แต่พี่ใหญ่ไม่มีปีก และเขาก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะล่องลอยขึ้นไปบนอากาศได้สูงๆ สิ่งที่เขาทำได้วิ่งถอยหลังหนี แต่แผ่นหลังของเขาก็ไปดันชนกับซากกำแพงอาคารพอดี และเป็นจังหวะพอดีกับที่เสาศิลาพวยพุ่งมาถึงปลายเท้าของเขา

ไปลงนรกซะ!!

ตูม**ๆ**ๆ**ๆ**

เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เฉินเหมยหลินต้องเหลียวกลับมาดู เพียงมองเห็นจุดเสาหินที่แปลกๆ จุดหนึ่ง เธอก็รู้ได้ทันทีว่า พี่ใหญ่จะอยู่ตรงนั้นแน่

พี่ใหญ่!! อ๊ะ?

ด้วยพลังของสายเนตรของเธอ สิ่งที่เธอมองเห็นจึงมีมากกว่าคนทั่วไป เธอยังคงมองเห็นสัญญาณชีพของพี่ใหญ่อย่างชัดเจน แถมสัญญาณนั่นยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าพี่ใหญ่มีพลังเพิ่มขึ้นจนน่าหวาดกลัว

มองเห็นแล้วสินะ

ซื่อไฉพูดขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบ เสาหินตรงที่พี่ใหญ่อยู่นั้น ค่อยๆ แหลกสลายเป็นเศษธุลี เผยให้เห็นฝ่ามือเรียวงามของหญิงสาวที่เปล่งแสงสีเทาอ่อนๆ สร้างความประหลาดใจแก่เฉินเหมยหลินมาก แม้แต่เฮ่ยทงเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะเจ้าของฝ่ามือนั้นกลับเป็นหญิงสาวหน้าตาสละสลวย เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น ผมยาวถึงพื้นสีน้ำตาล สวมชุดขนสัตว์ปกปิดเพียงหน้าอก กับจุดสำคัญเบื้องล่างเท่านั้น ที่ดูแปลกประหลาดไปจากทั่วไปก็คือ เธอมีหูยาวแหลมและแววตาเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ส่วนพี่ใหญ่ยืนสงบอยู่ด้านหลังของเธอ โดยที่ไม่มีแม้แต่บาดแผลเลยแม้แต่น้อย

อะไรกัน? ผู้หญิงคนนั้น?

เฉินเหมยหลินมองหญิงสาวประหลาดไม่ละสายตา

สัตว์เทพของพี่ใหญ่ ภูติมายาจิ้งจอก!! เซี่ยซิน!!

[============================]

วิถีของผู้ถูกเลือก (ต่อ)

สัตว์เทพ คือ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในเทพอาวุธ จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อผู้ถูกเลือกปลดปล่อยออกมาเท่านั้น ในเทพอาวุธแต่ละชิ้นจะสัตว์เทพมีรูปลักษณ์แตกต่างกันออกไป แต่ที่มีเหมือนกันก็คือจะมีพลังเทพ ธาตุและสาย ตามผู้ถูกเลือกผู้เป็นเจ้าของ สัตว์เทพจะทำตามคำสั่งของเจ้าของเท่านั้น แต่ก็ยังคงมีความนึกคิดเป็นของตนเอง สัตว์เทพเมื่ออยู่นอกเทพอาวุธ จะกินพลังกายของเจ้าของเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกเรียกกลับเข้าสู่เทพอาวุธ สัตว์เทพสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ตามพลังเจ้าของ และสามารถแข็งแกร่งได้จากการทำลายสัตว์เทพตนอื่นอีกด้วย ที่สำคัญก็คือ สัตว์เปรียบเสมือนแกนพลังของเทพอาวุธ หากถูกทำลายลง พลังเทพจะลดลงครึ่งหนึ่ง และเมื่อสัตว์เทพถูกทำลายไปแล้วจะไม่สามารถฟื้นคืนได้ ไม่ว่าจะวิธีใดๆ ก็ตาม

Link to comment
Share on other sites

  • 3 weeks later...

ตอนที่สาม องค์หญิงน้อย?

กลับคืน

พี่ใหญ่กางฝ่ามือออกตราสัญลักษณ์ธาตุ [ดิน] สาย [แปรเปลี่ยน] แบบเดียวกันกับเฮ่ยทง พลันปรากฏขึ้น ทั้งเขาและภูติจิ้งจอกสาวกวาดมือไปรอบตัว เพียงแค่มือวาดผ่าน เสาศิลารอบตัวค่อยๆ สลายเป็นเศษฝุ่น หายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียว เสาหินทั่วทั้งบริเวณนั้นก็สลายไปจนหมดสิ้น

เฮ่ยทงตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดไม่ถึงว่าพลังเต็มพิกัดที่สามารถบดขยี้ได้แทบทุกสิ่งในโลกกลับไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรไว้บนตัวของพี่ใหญ่เลย แถมยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดายอีก พลังที่ทุ่มใช้ไปเมื่อครู่ ก็เป็นพลังทั้งหมดในตัว ตอนนี้ร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม แล้วทรุดตัวลง ขวานสองคมหล่นลงสู่พื้นกลับคืนมาเป็นขวานคู่ดั่งเดิม

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!? เป็นไปไม่ได้!!

เขาตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง แต่ก็ทำได้แค่นั้น ตอนนี้แม้แต่แรงที่ยกเทพอาวุธเขาก็ยังไม่มี เมื่อพลังกายหมดลง อาการบาดเจ็บที่สะสมมาโดยตลอดก็แสดงผลออกมา เขาค่อยๆ หงายหลังล้มลง

เฮ้อ~

พี่ใหญ่ถอนหายใจยาว มองร่างที่ไร้สติของเฮ่ยทงด้วยสายตาที่เหนื่อยหน่าย การต่อสู้ในครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ ชัยชนะที่เหมือนว่าเขาจะไม่ยินดีเลย

พี่ใหญ่~!!

หงส์ขาวค่อยๆ ร่อยลงสู่พื้นช้าๆ เฉินเหมยหลินรีบกระโดดลงมาหาพี่ใหญ่โดยทันที

สุดยอดเลยพี่ใหญ่ หนูไม่รู้มาก่อนเลยว่า พี่ใหญ่จะเก่งอย่างนี้มาก่อนเลย

ก็แค่โชคช่วยล่ะนะ ถ้าเจ้านั่นไม่ใช่ผู้ถูกเลือกธาตุดิน พี่ใหญ่คงไม่ชนะง่ายๆ อย่างนี้หรอก

ไม่จริงหรอก หนูว่าพี่ใหญ่เก่งซะอย่างนั้น ถึงไม่ใช้พลังเทพ ยังไงพี่ใหญ่ก็ชนะอยู่แล้ว

พี่ใหญ่พูดพร้อมยิ้มน้อยๆ แต่เฉินเหมยหลินค้านกลับทันควัน เพราะสิ่งที่เธอเห็นทั้งพลังเทพทั้งฝีมือการต่อสู้ในระยะประชิด ดูยังไงก็เป็นยอดฝีมือ

เฮ้ย!! จะชมอะไรกันไปถึงไหน!! มาช่วยคนเจ็บก่อน(สิวะ)!!

เฉินเหมยหลินกับพี่ใหญ่หันมาทางต้นเสียง เห็นซื่อไฉยืนอยู่บนร่างที่ไม่ได้สติของเฟาท์

แล้วนายจะไปยืนบนตัวคนเจ็บทำไมล่ะนั่น ที่เขาจะเจ็บหนักขึ้นมาก็ต้องโทษนายนะ

ฮ่ะๆๆๆ

การช่วยเหลือเฟาท์ ชายหนุ่มผู้ถูกเลือก ที่ถูกกลุ่มคนปริศนาโจมตี ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตอนนี้เหลือเพียงนำตัวไปปฐมพยาบาลเท่านั้น

พี่ใหญ่เป็นคนเลือกที่จะนำเฟาท์มาปฐมพยาบาลที่โรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ในเขตท่าเรือใหญ่ของเกาะฮ่องกง และยังให้เซี่ยซินสัตว์เทพของตนเป็นคนรับหน้าที่ปฐมพยาบาลอีกด้วย ส่วนตัวของพี่ใหญ่นั้นก็ออกไปข้างนอก โดยบอกเพียงว่า เดี๋ยวกลับมา

นี่ซื่อไฉ

มีอะไร?

ให้สัตว์เทพสายแปรเปลี่ยนมาทำการรักษา มันจะไหวเหรอ? ไม่ใช่ทำให้อาการหนักขึ้นเรอะ?

เฉินเหมยหลินอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องให้เซี่ยซินรับหน้าที่พยาบาล ทั้งๆ ที่ผู้ถูกเลือกทุกคนจะรู้โดยสัญชาตญาณเลยว่า หากใช้พลังข้ามสายแม้เพียงเล็กน้อยก็จะเกิดผลร้ายตามมาทันที ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สัตว์เทพก็ตาม

ดูเอาเองเถอะ(เหนื่อย จะนอน)

ซื่อไฉตอบสั้นๆ แล้วดึงหมวกกระดาษมาปิดหน้าล้มตัวลงนั่งพิงผนังห้องอย่างไม่สนใจ

แปรตะวันเปลี่ยนจันทรา

....พ....ช......

ในความมืดมิดมีเสียงร้องเรียก ดังเข้ามาในโสตประสาทของเฟาท์ ปลุกให้เขาต้องลืมตาตื่นขึ้น หูที่อื้ออึงทำให้ได้ยินไม่ชัดเจนนัก สายตาที่พร่ามัวก็ทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน

อา....ที่นี่มัน...ที่ไหน?

....พี่....ชาย

ประสาทหูได้ยินชัดเจนเป็นคำมากขึ้น เสียงที่ร้องเรียกเป็นเสียงใสๆ ของเด็กสาวที่ฟังคุ้นหู ภาพที่พร่ามัวค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น จนเห็นว่าเขานอนอยู่ภายในกระโจมแห่งหนึ่ง ซึ่งเขารู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือกระโจมค่ายทหารในทุ่งกว้างแห่งมองโกล บ้านเกิดของเขาเอง

พี่ชาย~

คราวนี้ทั้งเสียงทั้งเจ้าของเสียงก็วิ่งเข้ามาภายในกระโจม เด็กสาวหน้าตาน่ารักอายุราวสิบสองสิบสามปีสวมชุดขนหมาป่าสีขาวสะอาด ส่งยิ้มหวานมายังเฟาท์อย่างคุ้นเคย

อ...องค์หญิงน้อย!!

เด็กสาวผู้นี้คือ ลูกสาวคนเล็กของหัวหน้าหน่วยรบที่เขาสังกัดอยู่ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างจะสนิทสนมกับเธอมากในฐานะของญาติสนิทคนหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ว่าองค์หญิงน้อยจากเขาไปแล้วตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน!!

องค์หญิงน้อย...นี่เธอยังไม่ตายเหรอนี่ หรือว่านี่คือความฝัน?

คนที่ตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าคงจะเป็นความฝันเป็นแน่ แต่ถึงจะเป็นความฝันเขาก็อยากจะพบเธออีกครั้ง

พี่ชาย...โชคดีนะ

ร่างขององค์หญิงค่อยๆ ลอยออกห่างไปเรื่อยๆ เฟาท์พยายามวิ่งไล่ตาม แต่ขาทั้งสองกลับไม่อาจขยับได้ดั่งใจคิด สุดท้ายแล้วร่างขององค์หญิงน้อยก็ลอยจากไปจนลับตา

องค์หญิงน้อย~!!

เวลาผ่านไปนาเข้า เฉินเหมยหลินก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น เซี่ยซินก็ยังกวาดมือไปมาอย่างต่อเนื่อง ถ่ายเทพลังเทพเข้าใส่ร่างที่ไร้สติของเฟาท์ ที่ลอยขึ้นเหนือเตียงนอน

จู่ๆ สายตาของเฉินเหมยหลินมองเห็นสัญญาณชีพที่เพิ่มขึ้นจนน่าแปลกใจ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่า พลังของสายแปรเปลี่ยนจะสามารถใช้พลังของสายรักษาได้

อือ...

เพียงครู่เดียวเฟาท์ก็ค่อยๆ ลืมตาได้สติขึ้น แต่ก็ยังขยับร่างกายไม่ได้ เซี่ยซิน ดึงมือกลับ สายพลังเทพที่ถ่ายเทพลันถูกตัดขาด ร่างของเฟาท์ค่อยๆ ลอยลงสู่เตียงขาวสะอาด

การรักษาเสร็จสิ้น ร่างของภูติจิ้งจอกสาวก็เลือนหายไป เฉินเหมยหลินรีบเข้ามาดูอาการใกล้ๆ ทันที

ฟื้นแล้วเหรอ พี่ชาย?

อ...องค์หญิงน้อย!!

เห?

พอได้เห็นหน้าของสาวน้อยตรงหน้า ภาพขององค์หญิงน้อยก็พลันเข้ามาแทน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเหมยหลิน เขาก็สงบลง กวาดสายตามองไปรอบๆ มองหาสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างระแวดระวัง ภายในห้องนอกจากข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่น้อยชิ้นแล้ว ก็มีเพียงหมีแพนด้าประหลาดที่นั่งพิงผนังเอาหมวกกระดาษปิดหน้าไม่รู้ว่าหลับหรือตื่น สุดท้ายสายตาก็กลับหยุดที่สาวน้อยคนเดิม

หนูชื่อ เฉินเหมยหลิน แห่งเขาไท่ซาน ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชายนะ แล้วพี่ชายชื่ออะไรล่ะ

เฉินเหมยหลินได้โอกาสจึงแนะตัวทันที

เฟาท์...เฟาท์ ฟาเลนโด้

ด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาของสาวน้อย แม้จะไม่น่าไว้ใจ แต่คนอย่างเฟาท์ก็ใช่ว่าจะไร้น้ำใจแนะนำตัวตอบกลับไป

ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ พี่ชาย?

เฉินเหมยหลินถามต่อด้วยความเป็นห่วง

โครก~** คราก~**

แต่เสียงท้องร้องของเฟาท์ ได้ส่งเสียงแทนคำตอบไปแล้ว

...อา....มีอะไรกินไหม?

เฉินเหมยหลินรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เดินไปหาอะไรที่จะพอกินได้ภายในกระเป๋าเดินทางของตัวเอง แต่ก็มีเพียงข้าวกล่องที่พี่ใหญ่ซื้อไว้เป็นเสบียงตั้งแต่เมื่อวานก่อนขึ้นเรือมายังเกาะฮ่องกงจำนวนสองกล่อง โดยที่เธอยังไม่ได้ทาน เพราะตอนอยู่บนเรือก็เมาเรืออย่างหนัก แล้วพอถึงเกาะเธอก็นอนพักยาวด้วยความเหนื่อยล้า

มีแต่ข้าวกล่องตั้งแต่เมื่อวานของหนู พี่ชายคงทานได้นะ

ด้วยความหิวเข้าขั้นเฟาท์รับข้าวกล่องมาเปิดทานอย่างไม่ลังเล ตัวเขาเองก็รู้สึกแปลกใจมาก ก่อนจะปะทะศึกเมื่อครู่นี้ เขาก็เพิ่งทานมื้อเช้าอิ่มไป นี่ยังไม่ทันจะเที่ยงเลย กลับรู้สึกหิวโซเหมือนไม่ได้ทานอะไรมานานหลายวัน พริบตาเดียวข้าวกล่องทั้งสองกล่องก็หมดลงอย่างรวดเร็ว

อา...มีอีกไหม?

ดูเหมือนว่าข้าวกล่องสองกล่องจะไม่ถึงครึ่งกระเพาะของเฟาท์ เฉินเหมยหลินส่ายหน้าช้าๆ

ขอโทษนะพี่ชาย เสบียงของหนูหมดแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้พี่ชายก็ตูมตามกันซะ ร้านค้าก็พังไปหมด ก็เลยไม่ได้ซื้อมาตุนเอาไว้

ไม่ทันไรห่อข้าวกล่องอีกสองกล่องถูกโยนขึ้นมาขึ้นมาบนเตียง

เอ้า!! กินซะ

คนที่โยนขึ้นมาก็คือ ซื่อไฉ นั่นเอง

เห? นี่นายเป็นคนใจดีมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่?

โอ๊ะโอ๋~ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด นั่นเป็นมื้อกลางวันกับมื้อเย็นของแก ถ้าเจ้านั่นกินหมด แกก็ไม่ได้กิน(แค่นั้น)

พูดจบ ซื่อไฉก็กลับลงไปนั่งตามเดิม

เอ่อ...ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้ว

ด้วยความเกรงใจเฟาท์ปฏิเสธที่จะทานข้าวต่อ พยายามข่มความหิวเบือนหน้าไปทางอื่น เฉินเหมยหลินส่ายหน้าช้าๆ แล้วตัดสินใจหยิบกล่องข้าวส่งให้เขาพร้อมรอยยิ้ม

ทานไปเถอะ พี่ชาย

พอได้เห็นรอยยิ้มของสาวน้อย เฟาท์รู้สึกผ่อนคลาย และยังรู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มใสๆ คล้ายกับองค์หญิงน้อยอีก

สหายทั้งหลายเอ๋ย เราต้องรีบไปกันแล้ว

เสียงของพี่ใหญ่ดังขึ้น ก่อนที่ตัวจะก้าวเข้ามาในห้องอย่างรีบเร่ง สัญชาตญาณของเฟาท์ทำงานทันที มือของเขาคว้ากล่องข้าวเปล่าหมายจะขว้างใส่พี่ใหญ่ แต่เฉินเหมยหลินมาขวางเสียก่อน

เดี๋ยวก่อนๆ พี่เฟาท์ นี่คือพี่ใหญ่ เขามากับหนูเอง ไม่ใช่ศัตรูหรอกนะ

ได้ฟังคำพูดของเฉินเหมยหลิน เฟาท์ก็สงบลง

เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ใหญ่?

เฉินเหมยหลินร้องพี่ใหญ่ต่อถามทันที

เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้รีบเก็บข้าวของเตรียมตัวไปจากที่นี่เถอะ พี่ใหญ่หาเรือข้ามฟากได้แล้ว

พี่ใหญ่ตอบไปพลางเก็บของไปพลาง

ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร แต่เห็นท่าทีที่รีบเร่งของพี่ใหญ่ เฉินเหมยหลินก็พอเดาออกว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นเป็นแน่ เห็นทีต้องโบกมือลาเกาะฮ่องกงนี่โดยด่วนเสียแล้ว

เราต้องรีบไปกันแล้วล่ะ พี่เฟาท์

เฟาท์พยักหน้ารับ รีบลุกขึ้นไปช่วยเฉินเหมยหลินเก็บของ พลันนึกได้ถึงเทพอาวุธของตน

แล้วคันธนูของข้าล่ะ?

อยู่นี่แล้ว~

ภูติจิ้งจอกสาวเซี่ยซินปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าพร้อมส่งคันธนูให้ทันทีที่สิ้นเสียง เฟาท์ถึงกับสะดุ้งตกใจเล็กน้อย หลังจากส่งมอบของตัวเธอก็เลือนหายไปอีกครั้ง

[============================]

วิถีพลังเทพ

พลังเทพนั้นยังมีรายระเอียดปลีกย่อยอยู่มากมาย ทั้งที่สามารถใช้ออกมาได้ง่าย ทั้งต้องใช้การฝึกฝน ทั้งจำกัดสายพลัง หรือแม้แต่การใช้พลังข้ามสาย ทั้งนี้พลังเทพ จะเข้มแข็งหรืออ่อนแอก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของผู้ถูกเลือกเป็นหลัก ว่าจะสามารถพลิกแพลงพลังของตนเองอย่างไร

พลังที่ใช้ออกมาได้ง่าย ส่วนใหญ่ก็เป็นพลังที่ตรงตาม สายพลัง และธาตุของตัวผู้ถูกเลือก ซึ่งจะเป็นพลังพื้นฐานที่ผู้ถูกเลือกทุกคนรู้และเข้าใจทันทีที่กลายเป็นผู้ถูกเลือกแล้ว ทั้งนี้รวมไปถึงขีดจำกัดของพลังตนเองด้วย

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.
×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.