Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

พูดคุย,แลกเปลี่ยน,รวบรวม ข้อมูลกองทัพต่างๆทั่วโลก *เปิดทำการ*


Retia Adolf

Recommended Posts

Dogfights 'Guadalcanal' 'นรกบนดิน กัวดัลคาแนล'

-การโรมรันเหนือน่านฟ้าของนักบินอเมริกา กับนักบินญี่ปุ่นเหนือเกาะนรกบนดินแห่งเอเชียแปซิฟิก 'กัวดัลคาแนล' ยุทธเวหาของพวกเขาจะกำหนดชะตาข้างหน้าแห่งสงครามมหาเอเชียบูรพา เหนือคาบสมุทรแปซิฟิก

http://www.youtube.com/watch?v=UpXfIptPcng

http://www.youtube.com/watch?v=t3WKzgQxh_Q&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=Rksng1NiJrc

Credit : รายการ ปฏิบัติการสะท้านโลก 'Dogfights' ช่อง ThaiPBS ให้เสียงภาษาไทย และ ซับไทยแก่สารคดีอันมีคุณค่าแห่งโลกของคนชอบการรบในอดีตครับ

------------------------

เดี๋ยวมาอัพข้อมูลเครื่องบินให้ครับ (4 ลำใหม่อีกแล้ว... F4F Wildcat, A6M Zero, SBD Dauntless, F1M Pete)

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 171
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • Retia Adolf

    93

  • bikemaster

    26

  • System W

    18

  • sling-shot

    18

ถึงเครื่องบินจะดูเรียบง่าย  แต่บวกใจรักชาติก็สร้างฝันร้ายให้มหาอำนาจตะวันตกได้ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

สลัดโซมาเลียเหิม! บุกปล้นเรือเรือไทยกลางทะเล ทัพเรือเร่งล่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 เวลา 17.๐๐ น. (เวลาท้องถิ่น) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือได้รับแจ้งเหตุเรือประมง อ.ศิริชัยนาวา 11 สัญชาติเยเมน ของบริษัทศิริชัย เอกวัฒน์ ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทในเยเมน ถูกโจรสลัดโซมาเลียปล้นยึดขณะอยู่ห่างจากชายฝั่งประเทศเยเมน 15 ไมล์ทะเล โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดกองทัพเรือ 360 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 650 กิโลเมตร จากนั้นโจรสลัดได้นำเรือประมงไทยมุ่งหน้าเข้าหาชายฝั่งโซมาเลีย

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จึงสั่งการให้หมู่เรือปราบปรามโจรสลัด จัดเรือหลวงปัตตานีติดตามสกัดกั้นโดยใช้ความเร็วสูงสุดเดินทางไปยังบริเวณที่คาดว่าจะพบเรือ อ.ศิริชัยนาวา 11 โดยเรือหลวงปัตตานี    ถือเข็มในทิศทางดักหน้าการเคลื่อนที่ของเป้าหมาย จนกระทั่งในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา ๐7.๐๐ น.  (เวลาท้องถิ่น) เรือหลวงปัตตานี เดินทางถึงบริเวณพื้นที่ดักหน้าตามแผน และส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินค้นหา แต่ไม่พบเรือ อ.ศิริชัยนาวา 11  หมู่เรือ ฯ จึงปรับแผนเป็นการมุ่งค้นหาใกล้ชายฝั่ง แต่ยังคงรักษาระยะให้อยู่นอกทะเลอาณาเขตของโซมาเลีย เพื่อไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ต่อมาหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดได้ประมาณสถานการณ์อีกครั้ง และปรับแผนเป็นครั้งที่สาม โดยสั่งการให้เรือหลวงปัตตานีถือเข็ม ย้อนกลับไปยังตำบลที่ ซึ่งเรือ อ.ศิริชัยนาวา 11 ถูกจับยึดในครั้งแรก เมื่อเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา 12.45 น. (เวลาท้องถิ่น) หมู่เรือ ฯ พบคราบน้ำมันและเศษวัสดุบนผิวน้ำ หลังจากขยายระยะค้นหาต่อไปอีก ๙ ไมล์ จึงพบผู้รอดชีวิตลอยคออยู่ใน ทะเลรวม 23 คน ประกอบด้วย ลูกเรือชาวไทย 7 คน จากทั้งหมด 8 คน ลูกเรือชาวกัมพูชา 15 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเยเมน 1 คน จากทั้งหมด 5 คน ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยและประกอบอาหารบนเรือ

จากคำให้การของลูกเรือ ระบุว่า โจรสลัดโซมาเลีย 10 คน พร้อมอาวุธใช้เรือเร็วเป็นพาหนะเข้าโจมตี ก่อนที่โจรสลัด 8 คน จะบุกยึดเรือ ส่วนอีก 2 คน นำเรือเร็วแล่นหายไป

ระหว่างเดินทางเข้าหาฝั่ง เวลาประมาณ ๐1.๐๐ น. เรือได้ถูกยิงจากเรือไม่ทราบสัญชาติ จนอับปางก่อนที่เรือรบไทยจะมาพบ ส่วนโจรสลัดบนเรือทั้ง 8 คน หายไป

ในวันนี้ เวลา 1๐.๐๐ น. (เวลาประเทศไทย) เรือหลวงปัตตานี จะส่งตัวลูกเรือทั้งหมดขึ้น เรือหลวง สิมิลัน เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

Q011181610110624841.jpg

Q021181610110624841.jpg

Q031181610110624841.jpg

Q041181610110624841.jpg

Q051181610110624841.jpg

Credit : Mthai News

-----------------------------------

ภาพตัดต่อจากจีนแดง อ้างจีนยิง F-22 ตก

Q0111815101105103423.jpg

ภาพดังกล่าว คนในเว็บการทหารจีน อ้าง่วาเป็นภาพจากสนามบินเฉิงตู ในวันที่ 5 เดือน พฤศจิกายน

ภาพดังกล่าวเป็นที่น่าสงสัย โดยผู้ลงอ้างว่าเกี่ยวโยงกับเรื่องการอ้างว่า จีนยิง F-22 ของทัพฟ้าสหรัฐตกด้วย SAM เหนือน่านฟ้าจีน เมื่อไม่นานมานี้

Link to comment
Share on other sites

จีน FAIL

F22 อะไรจะเหมือนของเล่นทำจากกระดาษลังแบบนั้น

แถมล้อแม็กของล้อเครื่องบิน ยังสีขาวเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วควรจะสีออกเทาๆหรือเทาเข้มซะด้วยซ้ำ  จะอ้างว่าแสงสว่างมากก็ไมไ่ด้ เพราะฟ้าครึ้มเชียวนั่น

Link to comment
Share on other sites

จีน FAIL

F22 อะไรจะเหมือนของเล่นทำจากกระดาษลังแบบนั้น

แถมล้อแม็กของล้อเครื่องบิน ยังสีขาวเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วควรจะสีออกเทาๆหรือเทาเข้มซะด้วยซ้ำ  จะอ้างว่าแสงสว่างมากก็ไมไ่ด้ เพราะฟ้าครึ้มเชียวนั่น

สังเกตุดีๆ รถที่อยู่ตรงด้านหน้าภาพสีจาง แต่คนกับ F-22 นี่ชัดแจ๋วเชียว

แล้วภาพที่เคยเอามาลงอ้างว่าเป็นซาก F-22 นี่พงัยับ ดำเละ แล้วมันจะกลายเป็นสภาพนี้ได้ไงฟะ?

Link to comment
Share on other sites

image02.jpg

Grumman F4F Wildcat

กรัมแมน เอฟ4เอฟ ไวด์แค็ท มันถูกออกแบบโดยบริษัท Grumman Aircraft ให้เป็นเครื่องบินขับไล่ขึ้น-ลงจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ของกรมนาวีสหรัฐ และ ราชนาวีอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

0003_Attack_on_the_Hiei.jpg

ข้อมูลของ F4F-3 Wildcat

บทบาท : เครื่องบินขับไล่

สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา

ผู้ผลิต : Grumman Aircraft

บินครั้งแรก : 2 กันยายน 1937

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใช้งานหลัก : กองทัพเรือสหรัฐ, นาวิกโยธินสหรัฐ, ราชนาวีอังกฤษ, กองทัพอากาศแคนาดา

ผลิตทั้งหมด : 7,885 ลำ

นักบิน : 1 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 8.7 เมตร

ความกว้างปีก : 11.6 เมตร

ความสูง : 3.6 เมตร

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 3.2 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Pratt & Whitney R-1830-76 1 เครื่องยนต์

ความเร็ซสูงสุด : 531 กิโมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 1,360 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 39,500 ฟุต (12,000 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 11.7 เมตร/วินาที (2,303 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนกล M2 Browning ขนาด 12.7 มม.(.50) 4 กระบอก กระสุน 450 นัดต่อ กระบอก

บอมท์ : ระเบิด 45 กิโลกรัม 2 ลูก

F4F ทำยุทธวิธีสำคัญในการปกป้องเกาะกัวดัลคาแนลจากเงื้อมมือของจักรวรรดิญี่ปุ่นในการรบระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าหากหสรัฐไม่สามารถยึดเกาะกาดัลคาแนลได้ ญี่ปุ่นจะสามารถตัดกำลังของออเตรเลียได้อย่างรวดเร็ว และอาจจะผลิกชะตาของสงครามโลกใช้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในที่สุด

grumman_dia.gif

Credit : Wikipedia

Link to comment
Share on other sites

จะมาบอกว่า...

ผมจะลงข้อมูลเฉพาะวันธรรมดานะครับ...

วันหยุดผมจะใช้เป็นช่วงเวลาส่วนตัวน่ะครับ...  :pika11:

Link to comment
Share on other sites

จะมาบอกว่า...

ผมจะลงข้อมูลเฉพาะวันธรรมดานะครับ...

วันหยุดผมจะใช้เป็นช่วงเวลาส่วนตัวน่ะครับ...  :pika11:

ครับผม ไม่ว่ากัน งั้นวันหยุดก็มาคุยเล่นกันในประเด็นเถอะครับ /หน้าด้านลงข้อมูลต่อไป ต่อให้ตายังแปลกๆอยู่ก็เถอะ

---------------------------------

21723.gif

Mitsubishi A6M Zero

มิทซูบิชิ เอ6เอ็ม ซีโร่ หรือ เรย์-ชิกิ-คันโจ-เซ็นโตกิ(Mitsubishi Navy Type 0 Carrier Fighter) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ A6M Rei-sen(อุดองเกอิน... เอ๊ยไม่ใช่) หรือ เซโร่เซ็น นั่นเอง มันถูกผลิตโดยบริษัท Mitsubishi บทบาทของมันคือเครื่องบินขับไล่ขนาดเบาความคล่องตัวสูง ถูกใช้งานโดยกราชนาวีจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สัมพันธมิตรเรียกมันว่า 'Zeke'(ชื่อนี้ใช้ตั้งชื่อเจ้าหมาน้อยใน HOTD ด้วยนะเออ)

Zero.jpg

ซีโร่ ถือเป็นเครื่องบินระดับตำนานแห่งราชนาวีญี่ปุ่น มันมีเกราะหุ้มลำตัวที่บาง แต่ความคล่องตัวในการบินสูง ทำให้มันเป็นที่น่าเกรงขามในหมู่นักบินอเมริกันที่รู้จักความสามารถอันน่าสะพรึงของมันดี ในช่วงแรกๆของสงคราม แต่เมื่อสัมพันธมิตรกู้ซากซีโร่ได้ ก็นำมาวิจัยหาข้อเสียของมันและสร้างเครื่องบินที่ใช้ในการโจมตีข้อเสียของซีโร่ขึ้นมาสำหรับปราบมันโดยเฉพาะ

ด้วยการที่ถูกยิงตกเป็นจำนวนมากหลังการมาของเครื่องตระกูล 'Cat' ซีโร่ถูกนำไปใช้ในภาระกิจพลีชีพที่รู้จักกันดีว่า 'คามิกาเซ่' จากการขาดนักบินฝีมือดีเป็นจำนวนมาก เหล่าลูกพระอาทิตย์จึงยอมถวายชีวิตเพื่อจมเรือรบแห่งทัพอเมริกาลงให้จงได้

mitsubishi-a6m-zero-b.jpg

ข้อมูลของ A6M2 Type Zero Model 21

บทบาท : เครื่องบินขับไล่ขึ้น-ลงจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดเบา ที่นั่งเดี่ยว

ผู้ผลิต : Mitsubishi Aircraft Company

บินครั้งแรก : 1 เมษายน 1939

สถานะ : ปลดประจำการ

ผลิตทั้งหมด : 10,939 ลำ ตั้งแต่ปี 1940-1945

การพัฒนาต่อ : Mitsubishi A6M2-N

นักบิน : 1 คน

ความยาวตัวเครื่อง : 9.06 เมตร

ความกว้างปีก : 12 เมตร

ความสูง : 3.05 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 1.6 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 2.4 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Nakajima Sakae 1 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 533 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 3,105 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 33,000 ฟุต (10,000 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 15.7 เมตร/วินาที (3,100 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนกล Type 97 ขนาด 7.7 มม.(0.303) 2 กระบอก กระสุน 1,000 นัด, ปืนใหญ่ Type 99 ขนาด 20 มม. 2 กระบอก กระสุน 120 นัด

บอมท์ : ระเบิด 60 กิโลกรัม 2 ลูก, ระเบิด 250 กิโลกรัม 1 ลูก สำหรับภาระกิจ 'คามิกาเซ่'

a6m3va.jpg

Credit : Wikipedia

-----------------------------

ส่วนตัวขอบอกว่าซีโร่เป็นเครื่องบินที่สวยมากในสายตาผมเลยทีเดียว ใครสนใจเก็บโมเดลไว้ครอบครอง ตอนนี้ตามห้างทั่วไปมีโมเดลซีโร่สวยๆของ Doyusha ขายตามแผนกโมเดลกล่องครับ

Doyusha-ZeroFighter.jpg

หน้าตาราวๆนี้ ราคาทั่วไปไม่น่าเกิน 250 ครับ(ในตัวเมืองกรุงเทพน่าจะ 199 นะ) งานเนี้ยบ ลายเส้นชัด สวยงามครับ มีฐานสีดำขนาดใหญ่ให้ด้วยใครสนใจ คลิกดูได้ที่รูปค์ด้านล่างครับ ผมทำรีวิวไว้แล้ว

DSC04955_resize.jpg

Link to comment
Share on other sites

Douglas%20SBD-5%20Dauntless_0.preview.jpg

Douglas SBD Dauntless

ดักลาส เอสบีดี ดันท์เลส คือเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบดำบอมท์ของราชนาวีสหรัฐ มันถูกผลิตโดยบริษัท Douglas ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1940 ถึง 1943 ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่อง SB2C Helldriver เครื่อง SBD ถูกใช้ในกองบินทหารบกสหรัฐในชื่อ A-24 Bamshee

attachment.php?attachmentid=124111&d=1269746963

ข้อมูลของ SBD-5 Dauntless

บทบาท : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบดำบอมท์ขนาดเบา สองที่นั่งเรียงกัน

สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา

ผู้ผลิต : Douglas

บินครั้งแรก : 1 พฤษภาคม 1940

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใช้งานหลัก : กองทัพเรือสหรัฐ, นาวิกโยธินสหรัฐ, กองบินทหารบกสหรัฐ, กองทัพอากาศฝรั่งเศส

ผลิตทั้งหมด : 5,936 ลำ ตั้งแต่ปี 1940-1944

พัฒนาจาก : Northop BT-1

นักบิน : 2 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 10.09 เมตร

ความกว้างปีก : 12.66 เมตร

ความสูง : 4.14 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 2.9 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 4.2 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 4.8 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Wright R-1820-60 1 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 410 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 1,795 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 25,530 ฟุต (7,780 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 8.6 เมตร/วินาที (1,700 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนกล M2 Browning ขนาด 12.7 มม.(.50) 2 กระบอก, ปืนกล Browning ขนาด 7.62(.30) 2 กระบอก

บอมท์ : ระเบิดหนัก 1 ตัน

457px-SBD-5_BuAer_3_view_drawing.jpg

Credit : Wikipedia

Link to comment
Share on other sites

Gf1m-2.jpg

Mitsubishi F1M

มิทซูบิชิ เอฟ1เอ็ม เป็นเครื่องบินทะเลสำหรับสอดแนมของราชนาวีจักรวรรดิญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มันถูกสร้างโดยบริษัท Mitsubishi สัมพันธมิตรเรียกมันว่า 'Pete'

F1M2%2520Zerokan%2520PETE_400x200.jpg

ข้อมูลของ F1M2

บทบาท : เครื่องบินทะเลบินสอดแนมใบพัดขนาดเบา สองที่นั่งเรียงกัน

สัญชาติ : ญี่ปุ่น

ผู้ผลิต : Mitsubishi Aircraft Company

บินครั้งแรก : มิถุนายน 1936

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใช้งานหลัก : ราชนาวีจักรวรรดิญี่ปุ่น

ผลิตทั้งหมด : 1,118 ลำ ตั้งแต่ปี 1936-1944

นักบิน : 2 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 9.5 เมตร

ความกว้างปีก : 11 เมตร

ความสูง : 4 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 1.9 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 2.5 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด 2.8 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Mitsubishi Zuisei 1 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 370 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 740 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 30,970 ฟุต (9,440 เมตร)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนกล Type 97 ขนาด 7.7 มม. 2 กระบอกที่ด้านหน้า, ปืนกล Type 92 ขนาด 7.7 มม. 1 กระบอกที่ด้านหลัง

บอมท์ : ระเบิดหนัก 60 กิโลกรัม 2 ลูก

f1m2.gif

Credit : Wikipedia

Link to comment
Share on other sites

Dogfights 'Death of the Japanese Navy' 'พิฆาตยามาโต้'

-หลังสงครามอันยาวนานแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกเปิดฉากขึ้น การโรมกันอย่างห้าวหาญระหว่างกองเรือรบ และเครื่องบินขับไล่จำนวนมาก ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเรือรบขนาดยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ออกปฏิบัติการ 'ยามาโต้' ในตำนาน กลุ่มราชนาวีสหรัฐผู้กล้าหาญ ที่เข้าต่อกรกับเรือรบขนาดยักษ์อย่างไม่ย่อท้อ เชิญชม 'ความตายของกองทัพเรือญี่ปุ่น'

http://www.youtube.com/watch?v=_l8bFRt-vvs

http://www.youtube.com/watch?v=Z2oXi_U3gso&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=VL3wORYgDEM&feature=related

Credit : รายการ ปฏิบัติการสะท้านโลก 'Dogfights' ช่อง ThaiPBS ให้เสียงภาษาไทย และ ซับไทยแก่สารคดีอันมีคุณค่าแห่งโลกของคนชอบการรบในอดีตครับ

Link to comment
Share on other sites

ไม่อยากคิดว่าถ้ามันปฏิบัติการณ์คู่กับบิสมาร์ค แล้วก็เรืออูแล้ว  จะเป็นกองเรือที่ทรงพลังขนาไหน  :pika08:

Link to comment
Share on other sites

ยุทธศาสตร์การรบคงเปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะพ่อคุณ  :pika08:

-----------------------------

helldiver-02.jpg

Curtiss SB2C Helldiver

เคอร์ติส เอสบี2ซี เฮลไดเวอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบดำบอมท์ ขึ้น-ลง จากเรือบรรทุกเครื่องบิน มันถูกสร้างขึ้นสำหรับกองทัพเรือสหรัฐ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันมาแทนที่ SBD Dauntless ด้วยสมรรถนะที่สูงกว่าในหลายๆด้าน มันมีชื่อเล่นที่เรียกกันในหมู่นักบินหลายชื่อ เช่น 'Big Tailed Beast', 'Two Cee' และ 'Son of a Bitch 2nd Class'

Curtiss-SB2C-Helldiver.jpg

กองบินทหารบกสหรัฐในยุคนั้น ใช้ SB2C ในฐานะเครื่องบินโจมตีภาคพื้น และตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า A-25 Shrike มันพบปัญหาหลายอย่างระหว่างการพัฒนา จนในที่สุด มันก็ถูกส่งเข้าสงครามทันใน 2 ปีสุดท้ายในสงครามแปซิฟิก และได้เข้าร่วมยุทธิวธีสำคัญในการจมเรือรบ 'ยามาโต้' ที่เกรียงไกรแห่งราชนาวีจักรวรรดิญี่ปุ่นอีกด้วย

helldivers2.jpg

ข้อมูลของ SB2C HellDiver

บทบาท : เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบดำบอมท์ สองที่นั่งเรียงกัน

สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา

ผู้ผลิต : Curtiss-Wright

บินครั้งแรก : 18 ธันวาคม 1940

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใช้งานหลัก : กองทัพเรือสหรัฐ, กองบินทหารบกสหรัฐ, กองทัพอากาศฝรั่งเศส, กองทัพอากาศไทย

ผลิตทั้งหมด : 7,140 ลำ ตั้งแต่ปี 1943-1945

นักบิน : 2 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 11.2 เมตร

ความกว้างปีก : 15.2 เมตร

ความสูง : 4.5 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 4.6 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 6.2 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 7.6 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Wright R-2600 Cyclone 1 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 473 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 1,900 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 25,000 ฟุต (7,600 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 8.9 เมตร/วินาที (1,750 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนใหญ่ ขนาด 20 มม. 2 กระบอก, ปืนกล M2 Browning ขนาด 7.62 มม. (.30) 2 กระบอก

บอมท์ : ระเบิดหนัก 900 กิโลกรัม ในช่องเก็บใต้ท้อง, ตอร์ปิโด Mark 13-2 ใต้ปีก, ระเบิดหนัก 225 กิโลกรัม ใต้ปีก

curtiss_hell.gif

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น สหรัฐพยายามมอบกำลังช่วยเหลือทางทหาร ด้วยการมอบเครื่องบินแบบ SB2C Helldiver ให้กับกองทัพเรือไทย แบบให้เปล่ามาจำนวนหนึ่ง แต่ขณะที่กำลังจะให้นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ กบฏแมนฮัตตั้น ผลจากเหตุการณ์นั้น ทำให้กองกำลังทหารเรือจำนวนมากถูกยุบตัวลง รวมทั้งกองบินทหารเรือที่ถูกยุบตัวไปรวมกับกองทัพอากาศ ทำให้ SB2C นั้นถูกมอบให้กองทัพอากาศไทยแทน

Credit : Wikipedia

Link to comment
Share on other sites

Dogfights 'Long Odds' 'สุดขีดยุทธเวหา'

-จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเครื่องบินถูกบีบบังคับให้มันทำสิ่งที่มันไม่ได้ถูกสร้างมาให้ทำ! เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐ 'SBD Dauntless' 'B-17 Flying Fortress' และ 'F-105 Thunderchief' ถูกบีบให้ต้องเข้าร่วมยุทธเวหา ห้ำหั่นกับเครื่องบินขับไล่ที่ร้ายกาจ ด้วยนักบินฝีมือดี พวกเขาสามารถต่อกรกับเครื่องบินขับไล่ที่รวดเร็วกว่า และเอาชีวิตรอดมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเหล่านั้นถูกบันทึกเอาไว้ ในรูปแบบภาพจำลอง 3 มิติ ให้ท่านได้ชมแล้ว ณ บัดนี้!

http://www.youtube.com/watch?v=8QKdEUDDJkY

http://www.youtube.com/watch?v=KInEVVYMEt4&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=-mLFHwzfEmM&feature=related

Credit : รายการ ปฏิบัติการสะท้านโลก 'Dogfights' ช่อง ThaiPBS ให้เสียงภาษาไทย และ ซับไทยแก่สารคดีอันมีคุณค่าแห่งโลกของคนชอบการรบในอดีตครับ

Link to comment
Share on other sites

r_2588.jpg

Boeing B-17 Flying Fortress

โบอิ้ง บี-17 ฟลายอิ้ง ฟอร์เทรส เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก แบบ 4 เครื่องยนต์ ที่ใช้งานโดย กองบินทหารบกสหรัฐ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันถูกใช้งานอย่างหนักในการบินทิ้งระเบิดทั้งในยุโรปและในแปซิฟิค ระหว่างการรบกับฝ่ายอักษะ B-17 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เชื่องช้าและค่อนข้างล้าสมัย มันจึงถูกยิงตกเป็นจำนวนมากระหว่างสงคราม

b17.jpg

ข้อมูลของ B-17G Flying Fortress

บทบาท : เครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก, เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์

สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา

ผู้ผลิต : Boeing

บินครั้งแรก : 28 กรกฏาคม 1935

สถานะ : ปลดประจำการ

ผลิตทั้งหมด : 12,731 ลำ ตั้งแต่ปี 1936-1945

พัฒนาจาก : XB-38 Flying Fortress, YB-40 Flying Fortress, C-108 Flying Fortress

การพัฒนาต่อ : Boeing 307 Stratoliner

นักบิน : 10 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 22.66 เมตร

ความกว้างปีก : 31.62 เมตร

ความสูง : 5.82 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 16.4 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 24.5 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 29.7 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด เทอร์โบชาร์เจอร์ Wright-R1820-97 Cyclone 4 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 462 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 3,219 กิโลเมตร เมื่อบรรทุกระเบิดหนัก 2.7 ตัน

เพดานบินสูงสุด : 35,600 ฟุต (10,850 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 4.6 เมตร/วินาที (900 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนกล M2 Browning ขนาด 12.7 มม.(.50) 13 กระบอก

บอมท์ : ระเบิดหนัก 3.6 ตัน สำหรับภารกิจระยะสั้น(ต่ำกว่า 400 ไมล์), ระเบิดหนัก 2 ตัน สำหรับภารกิจระยะไกล(มากกว่า 800 ไมล์)

b17drwng.jpg

Credit : Wikipedia

---------------------------------

F-105s-takhli-1964.jpg

Republic F-105 Thunderchief

รีพลับบิค เอฟ-105 ธันเดอร์ชีฟ เป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง ถูกใชข้งานโดยกองทัพอากาศสหรัฐ ในช่วงแรงๆของสงครามเวียดนาม F-105 แผดเครื่องยนต์ด้วยความเร็วกว่า 2 มัค บินรุกเข้าไปทิ้งระเบิดด้วยความรวดเร็วและทรงพลังของมัน โดยในรุ่น 2 ที่นั่ง ถูกใช้โดยฝูงบิน Wild Weasel ในการทำภารกิจต่อต้านจรวดพื้นสู่อากาศ(SAM) โดยรุ่นนี้จะถูกเรียกด้วยชื่อเล่นว่า 'Thud'

PHOTODRAW11581.JPG

ข้อมูลของ F-105D Thunderchief

บทบาท : เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดขนาดเบาไอพ่นความเร็วเหนือเสียง

สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา

ผู้ผลิต : Republic Aviation

บินครั้งแรก : 2 ตุลาคม 1955

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใช้งานหลัก : กองทัพอากาศสหรัฐ

ผลิตทั้งหมด : 833 ลำ

นักบิน : 1 นาย (2 นายในรุ่น F-105C/E/F/G)

ความยาวตัวเครื่อง : 19.63 เมตร

ความกว้างปีก : 10.65 เมตร

ความสูง : 5.99 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 12.4 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 16.2 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 23.8 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ท Pratt & Whitney J75-P-19W ให้แรงขับสูงสุด 24,500 ปอนด์ 1 เครื่องยนต์

ความเร็วสูงสุด : 2.08 มัค (2,208 กิโลเมตร/ชั่วโมง)

พิสัยบินทำการ : 3,550 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 48,500 ฟุต (14,800 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 195 เมตร/วินาที (38,500 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปินเก็ตลิ่ง M61 Vulcan ขนาด 20 มม. 1 กระบอก กระสุน 1,028 นัด

ขีปนาวุธ : AIM-9 Sidewinder, AGM-12 Bullpup

f105_schem_01.gif

ในช่วงสงครามเวียดนาม F-105 ฝูง Wild Weasel เข้ามาประจำการในประเทศไทย ณ กองบิน 1 โคราชในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นฐานบิน ทำลายจรวด SAM ของเวียดนามเหนือในช่วงสงคราม

Credit : Wikipedia

Link to comment
Share on other sites

mitsubishi_g4m_betty.jpg

Mitsubishi G4M

มิทซูบิชิ จี4เอ็ม หรือ 'Type 1 Land-based Attack Aircraft' เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบสองเครื่องยนต์ของ ราชนาวีจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สัมพันธมิตรเรียกมันว่า 'Betty' (สัมพันธมิตรชอบตั้งชื่อเครื่องบินขับไล่หรือเครื่องบินทะเลของญี่ปุ่นเป็นชื่อ 'ผู้ชาย' ส่วนเครื่องบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินสอดแนม จะเป็นชื่อ 'ผู้หญิง')

betty-amt.jpg

ข้อมูลของ G4M1 Model 11

บทบาท : เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลาง สองเครื่องยนต์

สัญชาติ : ญี่ปุ่น

ผู้ผลิต : Mitsubishi

ผู้ออกแบบ : คิโร ฮอนโจ

บินครั้งแรก : 23 ตุลาคม 1939

สถานะ : ปลดประจำการ

ผู้ใข้งานหลัก : กองทัพเรือญี่ปุ่น

ผลิตทั้งหมด : 2,435 ลำ

นักบิน : 7 นาย

ความยาวตัวเครื่อง : 19.97 เมตร

ความกว้างปีก : 24.89 เมตร

ความสูง : 4.9 เมตร

น้ำหนักตัวเปล่า : 6.7 ตัน

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด : 9.5 ตัน

น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 12.8 ตัน

เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด Mitsuibshi MK4A-11 'Kasei' 2 เครื่องยนต์

ความเร็ซสูงสุด : 428 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พิสัยบินทำการ : 2,852 กิโลเมตร

เพดานบินสูงสุด : 27,890 ฟุต (8,500 เมตร)

อัตราไต่ระดับ : 550 เมตร/นาที (1,800 ฟุต/นาที)

อาวุธ

ปืนใหญ่อากาศ : ปืนใหญ่ Type 99 ขนาด 20 มม. 1 กระบอก, ปืนกล Type 92 ขนาด 7.7 มม. 4 กระบอก

บอมท์ : ตอร์ปิโด Type 91 Kai-3 หนัก 858 กิโลกรัม 1 ลูก หรือ ระเบิดหนัก 800 กิโลกรัม 1 ลุก, ระเบิดหนัก 250 กิโลกรัม 4 ลูก

h16.jpg

G4M บางรุ่นบรรทุก 'ตอร์ปิโดพลีชีพ' แบบ Yokosuka MXY7 Ohka หรือที่ สัมพันธมิตรตั้งืช่อให้มันว่า 'Baka' เพื่อด่าความบ้าบอของญี่ปุ่นที่สละชีวิตตัวเอง ในการใช้ตอร์ปิโดคนบังคับ วิ่งชนเรือของพวกเขา

Credit : Wikipedia

---------------------------

จัดให้ตามรีเควส ใครอยากได้เครื่องอะไรรีเควสมาโลด จะเขียนให้

Link to comment
Share on other sites

สวัสดีครับ หลังจากหายไปนานเพราะเล่นเกมนานเกิน  :pika02:

วันนี้กลับมาตามคำสัญญาครับ วันนี้เราจะไปพบกับเรือหลวงที่เป็นที่ภาคภูมิของสหราชอาณาจักรอังกฤษนะคร้าบบบบบ

เป็นอื่นไม่ได้นอกจากเรือHood

็HMS Hood

800pxhmshoodmarch171924.jpg

ส่งลงน้ำในวันที่ 22สิงหาคม ปี 1918(ช่วงwwI)

เป็นเรือชั้น ลาดตระเวนรบ(battle cruiser) ซึ่งติดอาวุธหนักชั้นเรือประจัญบาญได้(battle ship)แต่มีความบางของเกราะน้อยกว่า

น้ำหนักสูงสุด 47,000ตัน

ความยาว 262.3เมตร

ความกว้าง 32เมตรโดยประมาณ

กินน้ำลึก 9.8เมตร

ความเร็วสูงสุด 30น็อต

อาวุธประจำเรือ

ปืน15นิ้ว*2 4ป้อม

ปืน4นิ้ว*2 7ป้อม

ปตอ.ชนิดpom pom 3ป้อม(เป็นปืนกล)

ปตอ.0.5นิ้ว*4 5ป้อมแมชชีนกัน

เครื่องยิงจรวดต่อต้านอากาศยาน 100กระบอก

ท่อส่ตอร์ปิโด 4 ท่อขนาด21นิ้ว

เกราะของเรือ

ข้างลำเรือ 6นิ้ว

ดาดฟ้า3นิ้ว

สาเหตุที่ฮู้ดจมเพราะฮู้ดเป็นเรือขนาดใหญ่จึงตกเป็นเป้าการยิ่งได้ง่าย

และฮู้ดมีเกราะที่น้อยกว่าเรือประจัญบาญแต่ไปเอาดีทางด้านความเร็วแทนจึงทำให้ง่ายต่อการถูกจมในไม่กี่นัด

Link to comment
Share on other sites

ว่าด้วยเรื่องการแบ่งคลาสเรือครับ

ต่อไปนี้ขอใช้ภาษารหัสการแบ่งเรือแบบย่อที่สากลนะครับสมัยwwiiนะ

FF(Frigate)เป็นเรือขนาดเล็กทำหน้าที่คุ้มกันเรือพิฆาตและตรวจหาเรือดำน้ำ

DD(Destroeyer)เรือพิฆาต ทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือจากเครื่องบินและเรือดำน้ำติดอาวุธได้มากกว่าFF

มีเรือชั้นพิเศษคือ DE(Destroyer Escot)เรือคุ้มกันเรือพิฆาตซึ่งจะก้ำกึ่งระหว่างDDและFFครับ ทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือ

CL(Ligth cruiser)เรือลาดตระเวนเบา ทำหน้าที่ไล่ตามและลาดตระเวนน่านน้ำ มีอาวุธปืนขนาด5นิ้ว-8นิ้วได้ครับ

CA(Haevt cruiser)เรือลาดตระเวนหนักติดปืนประจำเรือได้ค่อนข้างเยอะและมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ

BC(Battle cruiser)เรือประจัญบาญลาดตระเวนความเร็วสูง ทำหน้าที่สู้งกับกองเรือต่างๆและลาดตระเวนน่านน้ำ

BB(Battle ship)เรือประจัญบาย ถือเป็นเรือชั้นสูงมีน้ำหนัก30000ตันขึ้นไปมีปืนขนาด12นิ้วขึ้นไป และมีเกราะหนากว่าเรือชั้นBC

CV(Aircraft carrier ship)เรือบรรทุกเครื่องบิน ไม่ต้องบอกว่าทำอะได้

CVE(Aircraft carrierestcost ship)เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเล็กความเร็วสูงบรรทุกประมาณ15-20กว่าลำได้

SS(sub marine)เรือดำน้ำไม่ต้องอธิบายมากมาย

ต่้อไปนี้จะขอใช้ศัพท์พวกนี้เพื่อลดความยุ่งยากในการพิมแล้วนะครับ ไม่ไหวลายตาย :pika09:

Link to comment
Share on other sites

เอ่อ... วันนี้ขอลากิจไม่ลงข้อมูลวันนึงละกันครับ...

กำลังอยู่ในสภาวะช็อคซีนีม่าเพราะฟิกม่ากับฟิกเกอร์มันทำดาเมจ...

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงแน่นอนครับ...

Link to comment
Share on other sites

งั้นเอามั่งละกัน

ศัพท์ในการแบ่งเครื่องบินรบ

เครื่องบินรบนั้นมีวิธีเรียกหลายรูปแบบ และรหัสหลายอย่างจะมีตัวอักษรนำหน้าเพื่อแสดงถึงรูปแบบของตัวเครื่องบินเอง ตัวอักษรแต่ละแบบมีความหมายดังนี้

1.F(Fighter) - เครื่องบินขับไล่ เป็นเครื่องบินที่ใช้ในการต่อสู้อากาศยานกลางอากาศ ถูกใช้ครั้งแรกในรูปแบบของเครื่องบินไอพ่น ทำให้ขอเรียกว่า เครื่องบินขับไล่ไอพ่นละกันครับสำหรับรูปแบบนี้ เช่น F-22, F-16, F-15.... ฯลฯ

2.P(Pursuit) - เครื่องบินติดตาม อันจะหมายถึงเครื่องบินขับไล่ใบพัดในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงเครื่องบินขับไล่ไอพ่นยุคแรกเริ่ม เช่น P-38, P-51, P-80... ฯลฯ

3.A(Attack) - เครื่องบินโจมตี ก็คือเครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน ภาระกิจหลักคือการยิงกระสุนหรือทิ้งระเบิดขนาดเบาเพื่อทำลายข้าศึกหรือยานเกราะบนพื้นดินของศัตรู เช่น A-4, A-7, A-10... ฯลฯ

4.B(Bomber) - เครื่องบินทิ้งระเบิด ก็คือเครื่องบินที่ใช้การโจมตีฐานภาคพื้นดินแบบการทิ้งระเบิดหนัก จะเน้นการโจมตีแบบทิ้งระเบิดพื้นที่สำคัญมากกว่าการบินทิ้งระเบิดใส่กองกำลังภาคพื้นที่เคลื่อนที่ได้ เนื่องจากเครื่องบินรูปแบบนี้จะบินได้ค่อนข้างช้าและลำใหญ่ ปัจจุบันจึงไม่ค่อยถูกสร้างออกมานัก เช่น B-17, B-29, B-52... ฯลฯ

5.H(Helicopter) - อากาศยานปีกหมุน แบบ เฮลิคอปเตอร์ คงไม่ต้องอธิบายมากเนอะ เช่น H-91

6.V(Vertical Takeoff-Landing) - อากาศยาน ขึ้น-ลง ทางดิ่ง ในทีนี้คือเครื่องบินเจ็ทที่สามารถ ขึ้น-ลง ได้แบบ เฮลิอคอปเตอร์นั่นเอง เช่น V-22

7.E(Electronic Warface) - เครื่องบินสงครามอิเล็คทรอนิกส์ เป็นเครื่องิบนที่ใช้ระบบอิเล็คทรอนิกส์สำหรับสนามรบเป็นหลัก มีทั้งรูปแบบของเครื่องบินเรด้าห์ และ เครื่องบินแจมมิ่งสัญญาณ เช่น E-2, E-3, E-767... ฯลฯ

8.O(Observation) - เครื่องบินสังเกตุการณ์ชี้เป้า เป็นเครื่องบินตรวจการณ์แบบหนึ่ง ที่ใช้บินเหนือพื้นที่ศัตรูและชี้เป้าศัตรูภาคพื้นดินให้อากาศยานลำอื่นๆเข้าโจมตี เช่น O-1, O-2

9.C(Cargo) - เครื่องบินลำเลียง ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องบินประเภทที่สามารถบรรทุกน้ำหนักได้เยอะ และลำใหญ่ อ้วนกลม ใช้ได้ทั้งการบรรทุกเสบียง สัมภาระ หรือ ทหาร และ ยานเกราะ เช่น C-130, C-17, C-47... ฯลฯ

10.อักษร 2 ตัวแบบอื่นๆ - เครื่องบินรูปแบบนี้ส่วนมากจะอยู่นอกสหรัฐ และตั้งเพื่อให้เกียรติแก่บริษัทผู้ผลิตเช่น Sukhoi Su-??, Mikoyan-Gurevich MIG-?? เป็นต้น

ตัวอย่างการผสมตัวอักษร เพื่อระบุภารกิจ

1.OA - เครื่องบินโจมตี(A)คือภาระกิจหลักของมัน ส่วนภาระกิจรองคือการ บินตรวจการณ์ชี้เป้า(O) เช่น OA-10

2.AV - เครื่องบิน ขึ้น-ลงทางดิ่ง(V) ส่วนภาระกิจรองของมันคือการโจมตีภาคพื้นดิน(A) เช่น AV-8

3.AH - เฮลิคอปเตอร์(H) สำหรับโจมตีภาคพื้นดิน(A) เช่น AH-1, AH-64

4.EA - เครื่องบินโจมตี(A) แบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์(E) เช่น EA-6

อักษรพิเศษอื่นๆ

1.R(Reconnaissance) - เครื่องบินตรวจการณ์ถ่ายภาพ เป็นอักษรที่ไม่สามารถอยู่เดี่ยวๆได้ แต่จะต้องไปติดกับอักษรอื่นโดยเฉพาะเช่น RF-4, RA-5 เป็นต้น

2.U(Utility) - อเนกประสงค์ คือเครื่องบินที่มีความสามารถในการใช้งานได้หลากหลายภาระกิจทั้งการบินโจมตี บินลำเลียง และอื่นๆ ส่วนมากจะใช้กับเฮลิคอปเตอร์เช่น UH-1, UH-60

3.F/A(Fighter/Attack) - เครื่องบินขับไล่/โจมตี เป็นวิธีการเขียนเพื่แสดงให้เห็นว่าเครื่องบินลำนี้สามารถเปลี่ยนจากภาระกิจขับไล่เป็นโจมตีได้ง่ายเหมือนแค่สับสวิทซ์เท่านั้นเอง

ข้อมูลขาดตกบกพร่องตรงไหนขอโทษด้วยนะครับ

Link to comment
Share on other sites

Dogfights 'MIG Alley' 'เส้นทางบิน มิก'

-เป็นเวลานานแล้วที่น่านฟ้าถูกปกครองด้วยเครื่องบินขับไล่ใบพัดเครื่องยนต์สูกสูบที่ทะยานสาดกระสุนสังหารศัตรูอย่างดุร้าย ณ บัดนี้ในสงครามเกาหลี นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินขับไล่ไอพ่นเข้าประจัญบานกันด้วยความเร็วเกือบเหนือเสียง เมื่อ 'F-86 Sabre' ประจัญบานกับ 'MIG-15' ของคอมมิวนิสต์ ไอพ่นของพวกเขาจะดังกึกก้องอยู่เหนือพื้นที่ที่อันตรายที่สุดในสงคราม... 'เส้นทางบิน มิก'

http://www.youtube.com/watch?v=E2sHB2Wg_xk

http://www.youtube.com/watch?v=qRgsn4NogcQ&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=4A-U-mQhYd0

Credit : รายการ ปฏิบัติการสะท้านโลก 'Dogfights' ช่อง ThaiPBS ให้เสียงภาษาไทย และ ซับไทยแก่สารคดีอันมีคุณค่าแห่งโลกของคนชอบการรบในอดีตครับ

Link to comment
Share on other sites

จำคลิปกองทัพไทยที่มาทำMVนยูทูปกันได้ไหม ที่หายไปแล้ว ซึ่งทำเพื่อแสดงถึงศักยภาพของกองทัพไทย

แต่ทำไมมันมีของกองทัพเรือ ผมเห็นแวปๆว่ามรเรือดำน้ำรุ่นใหม่น่าจะเป็นนิวเคลียร์อะครับ

แต่จากสภาพการณ์ที่ยังพิจารณางบในการจัดซื้อเรือดำน้ำให้ไทยผมก็รู้สึกตะหงิดๆไงไม่รู้

Link to comment
Share on other sites

จำคลิปกองทัพไทยที่มาทำMVนยูทูปกันได้ไหม ที่หายไปแล้ว ซึ่งทำเพื่อแสดงถึงศักยภาพของกองทัพไทย

แต่ทำไมมันมีของกองทัพเรือ ผมเห็นแวปๆว่ามรเรือดำน้ำรุ่นใหม่น่าจะเป็นนิวเคลียร์อะครับ

แต่จากสภาพการณ์ที่ยังพิจารณางบในการจัดซื้อเรือดำน้ำให้ไทยผมก็รู้สึกตะหงิดๆไงไม่รู้

ภาพดังกล่าวเป็นเรือดำน้ำต่างชาติครับ คลิปดังกล่าวจึงถูกระงับไป

ป.ล. - เมื่อกี้เขียนเรื่อง F-86..... กับ MIG-15 แล้วกดพลาด เขียนไปเยอะแล้วหายหมดเลย....

ไว้ลงให้พรุ่งนี้ครับ ไม่มีกะจิตกะใจจะเขียนแล้ว....  :pika06:

Link to comment
Share on other sites

แต่ไทยจะซื้อเรือดำน้ำจริงๆหรือป่าวยังไม่รู้เลย 5555+

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.