Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

[ฟิค]Pokemon mystery dungeon Eevee island~[56k Warning!!!]


BLYTHE

Recommended Posts

ดูเหมือนเราจะมาอ่านช้าไป เรื่องที่เราจะติคนอื่นก็ติกันไปแล้วนะเจ้าคะ วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องอารมณ์นะเจ้าคะ

คือว่า ในเมื่อได้พบกับพ่อที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ดูท่าทีว่าลูคาริโอจะไม่รู้สึกโหยหาซักเท่าไหร่เลยเจ้าค่ะ น่าจะมีฉากอะไรๆ ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกร่วมไปด้วย

เช่น พวกการนึกถึงเรื่องราวในอดีต หรือการบรรยายความรู้สึกในใจของพ่อลูกทั้งสอง อ่าเจ้าค่ะ

ถ้าไม่มีการบรรยายถึงจิตใจตัวละคร มีแต่บทพูด และเป็นการพูดคุยแต่สาระสำคัญ มันจะคล้ายๆ กับว่า ตัวละครค่อนข้างจะไร้ความรู้สึกอ่าเจ้าค่ะ

อยากจะให้ประมาณว่า ตัวละครไม่ได้มีการพูดแบบถามมาตอบไปอย่างเดียว อาจจะตอบแลวแสดงความเห็น หรือไม่ก็มีการคุยกันปกติๆ บ้างอ่าเจ้าค่ะ

แค่นั้น ตัวละครก็จะเริ่มดูเป็นธรรมชาติแล้วเจ้าค่ะ

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 91
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • BLYTHE

    29

  • Loveless Nova

    13

  • bluewind

    12

  • ความฝันนิรันดร์กาล

    8

เนื่องด้วยถ้าจะอธิบายการพาโปเกมอนแห่งมายาทั้ง 4 เนื้อเรื่องจะยาวขึ้นกว่าเดิมมาก จึงขออนุญาตตัดตอนนี้ออกไปค่ะ...แต่ก็ยังมีอะไรสนุกๆตามมานะคะ นั่นก็คือ....ภาพประกอบค่า!!!

================================

CHAPTER9: The wishing star-ดวงดาวแห่งการอธิษฐาน...

....หลังจากที่นากะ ปิกาจู ลูคาริโอ้ ริโอลูและมิวเทเลพอร์ทกลับจากเกาะอันไกลโพ้นแล้ว ทุกคนที่มาประชุมในตอนนั้นก็สามารถพาโปเกมอนแห่งมายาทั้ง4มาได้ แต่ทว่า....

"ท่านเชมี่ เรากลับมาแล้วขอรับ"ปิกาจูวาร์ปกลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมด้วยนากะ ลูคาริโอ้ ริโอลูและมิว

ในขณะที่ลูคาริโอ้และริโอลูกำลังเศร้าเรื่องพ่อไม่หาย.....

"อือ กลับมาก็ดีแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะพาโปเกมอนแห่งมายาทั้ง4มาเรียบร้อยแล้วแต่ว่า....- -"เชมี่พูดพร้อมเบือนหน้ามายังจิราชิ โปเกมอนหัวเป็นดาวที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์บนเบาะกำมะหยี่สีม่วง

"จิราชิยังไม่ตื่นน่ะสิ- - เราถึงปรึกษากันไม่ได้"

"แล้วจะทำยังไงให้ตื่นอ้ะ"นากะถาม

"เฮ้อว์....จิราชิน่ะ เรียกยังไงก็ไม่ตื่นหรอกถ้าไม่ครบพัน...."เชมี่พูดยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นร่างของจิราชิก็เปล่งแสงสีทองอ่อนๆ ร่างของเขาค่อยๆลอยขึ้น...แล้วก็...ผ้าสีเหลืองที่คลุมตัวของเขาคล่อยๆคลี่ออก ดวงตาใส่ๆของเขาก็ค่อยๆลืมขึ้น...

20100810184445untitled-3.jpg

"ปี..."เชมี่พูดจบด้วยความตกใจในขณะที่คำพูดของเขาค้างไปชั่วขณะเมื่อจิราชิตื่นขึ้น

"ที่นี่...ที่ไหน..."จิราชิ โปเกมอนอธิษฐานพูดด้วยอาการสลึมสลือคล้ายคนพึ่งตื่นนอน

"นะ...น่ารักจัง"นากะพูดด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู(?)จิราชิ

"ท่านจิราชิ นี่เป็นปราสาทเชมี่ครับ เราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน..."

"ความช่วยเหลือ...?"จิราชิยังคงพูดแบบอึนๆ(มึนเมา)

"จะให้ช่วย..เรื่องอะไรล่ะ...เราจะทำให้สมหวัง...."

"เอ่อ...เราไม่ได้หมายความว่าจะให้ท่านทำให้สมหวังครับ...แต่อยากจะขอให้ท่านให้คำปรึกษาด้วยครับ"เชมี่พูดแนวออดอ้อน

"อืม....ถ้ามาขอข้าแล้ว...ไม่ให้ก็น่าเสียดายสินะ..."จิราชิพูดพร้อมหลับตาลงเบาๆ...

"การที่พวกเจ้าจะเอาชนะมหาเทพอัลเซอุสได้เป็นเรื่องยาก...แต่ว่า ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว.."เมื่อพูดจบเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

"พวกเจ้าเข้ามาดูที่กลางท้องของข้า...หน่อยสิ"

ทุกคนเข้ามามุงดูที่กลางท้องของจิราชิ มีลักษณะคล้ายดวงตาที่ปิดอยู่

"ถ้าเปิดดวงตานี้แล้ว จะมีสิ่งลี้ลับซ่อนอยู่ หรือไม่ก็อาจจะเป็นพลังมหาศาล...ที่สามารถเอาชนะ อัลเซอุสได้...."

"จะ...จริงเหรอครับ แต่เรื่องนั้นมันก็...."ฮาคุริว โปเกมอนมังกรรูปร่างคล้ายงูใหญ่สีน้ำเงินและมีลูกแก้วติดอยู่ที่คอ ราชาแห่งอาณาจักรฮาคุริว เริ่มพูดออกความเห็น(หลังจากที่ไม่มีบทเป็นเวลานาน- -)

"อื้อ แต่ก็ไม่แน่นะว่า อาจจะทำลาย...โลกใบนี้ได้ก็ได้นะ"จิราชิพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด...

"เอาเถอะ...ยังไงซะเราก็ต้องหยุดมานิวล่าให้ได้และปกป้องโลกใบนี้...."เชมี่พูดแล้วหันมากระซิบกับนากะว่า

"นากะ...ฉันอาจจะพาเธอกลับบ้านได้แล้วนะ...เราอาจจะขอร้องให้พัลเกียและเดียลก้าพาเธอไปที่โลกมนุษย์"

"เอ๋...แต่ว่ามันจะดีเหรอ...ถ้าฉันกลับไปโลกมนุษย์ ปิกาจู...จะเป็นยังไงและทุกๆคนด้วย..."นากะกระซิบตอบ

"ท่านเชมี่ครับ การที่จะสู้กับมานิวล่าถึงมันออกจะเสี่ยงนิดๆ แต่เราก็ต้องพยายามครับ"บูสเตอร์ พยายามพูดตัดบท

"อืม...งั้นเราก็ควรเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว...นากะ ไปเถอะ เธอต้องเตรียมพร้อมแล้วนะ".....

...ใน อีกฟากนึงของอาณาจักรเชมี่...นั่นก็คืออาณาจักรมานิวล่านั่นเอง...แต่เขากำลังทำอะไรกันอยู่หนอ.....

"หึหึหึ..เนี่ยเหรอแผนของพวกเจ้า...อยู่ในกำมือข้าหมดแล้ว...."มานิวล่าโปเกมอนแมวดำพูดขณะที่อยู่ในห้องมืดๆพร้อม เอามือมาไว้ใกล้ๆลูกแก้วทำนาย(เหมือนดูดวงนั่นแล- -)พร้อมด้วยดอนการัส โปเกมอนกา ผู้เป็นองครักษ์ของเธอ..

"โฮ่..แผนนี้ช่างเยี่ยมยอดมากขอรับ ท่านมานิวล่า ท่านดูฝ่ายตรงข้ามว่ากำลังจะทำอะไร ยังไงใช่มั้ยขอรับ"ดอนการัสพูดเอาใจเจ้านายของเขาใหญ่

"หึๆๆนั่นสินะ..เอาล่ะดอนการัส เราควรจะเตรียมการรับมือกับพวกโง่นั่นได้แล้ว...รีบไปพักผ่อนเอาแรงเถอะ"มานิวล่าสั่ง

"ขอรับ"ดอนการัสรับคำพร้อมบินออกไปจากห้อง...

"เชมี่เอ๋ย...เจ้าต้องได้รับการแก้แค้นที่สาสมแน่....ฮึๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ"มานิวล่ารำพึงกับตัวเองพร้อมหัวเราะอย่างสะใจ....

=================================================================

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ..นี่เป็นตอนแรกที่เอารูปประกอบที่วาดขึ้นเอง(เละ)มาลงค่ะ เป็นเช่นไรก็ช่วยมาติกันด้วยนะคะ

รอบนี้จะเอาลงแค่รูปเดียวก่อนหลังจากนั้นค่อยลงเพิ่มขึ้นค่ะ แล้วก็...ขอคอมเม้นท์ด้วยค่า!!!!

Link to comment
Share on other sites

เรื่องของรูปประกอบคิดว่าหลายๆ คนคงจะชอบกันเจ้าค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เจ้าค่ะ เพราะการมีรูปประกอบมากมันก็จะทำให้เราลดการบรรยายในส่วนที่จำเป้นต้องบรรยาย ทำให้เราเคยชินกับนิสัยที่บรรยายน้อยลงอ่าเจ้าค่ะ ปกติถ้าคิดจะมีรูปประกอบ ก็อยากจะให้ยังมีการบรรยายที่ละเอียดเหมอืนเดิมเจ้าค่ะ

ดดยส่วนตัวเราคิดว่า ฟิคชั่นไม่ควรจะมีรูปประกอบ เพราะว่า ตามนิยายต่างๆ ทั่วๆ ไปนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีรูปประกอบเข้าค่ะ เราคิดว่า ถ้าคนเขียนเขียนได้เก่งจริงๆ ก็ควรจะมีแค่ตัวอักษรเจ้าค่ะ ใช้ตัวอักษรเป็นร้อยเป็นพันตัวเพื่อสื่อถึงภาพๆ เดียวให้ปรากฏในหัวของผู้อ่านอ่าเจ้าค่ะ

ในเรื่องของเนื้อเรื่อง มันดูเป็นการตัดตอนที่เร็วมากเลยเจ้าค่ะ คือ ถ้าเป็นไปได้เนื้อเรื่องจะยืดก็ไม่เป็นไร แค่ใส่เหตุการณืที่น่าสนใจเข้าไปก็น่าจะโอเคอ่าเจ้าค่ะ เช่น พอไปพาโปเกมอนมายามาตัวนึง มานิวร่าก็ส่งคนมาขัดขวางอะไรประมาณนี้อ่าเจ้าค่ะ

หรือถ้าไม่มีอะไรก็อาจจะเขียนในทำนองบันทึกก็ได้เจ้าค่ะ อย่างน้อยมันเป้นการรวบรัดที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากมาย อาจจะแบบว่าเชมี่เขียนบันทึกก่อนนอนแล้ววันรุ่งขึ้นค่อยประชุมเพราะทุกคนก็คงจะเดินทางมาเหนื่อยๆ อะไรประมาณนี้อ่าเจ้าค่ะ

เนื้อเรื่องในช่วงนี้ดูสงบเงียบเกินไปยังไงก็ไม่รู้เจ้าค่ะ แบบว่า มันดูสงบเงียบมาค่อนข้างหลายตอนแล้ว อยากให้มีฉากอะไรน่าตื่นเต้นบ้างเจ้าค่ะ เพราะมันก็เป็นไปไม่ได้ที่มานิวร่าจะอยู่เฉยๆ ตัวร้ายๆ อาจจะส่งคนมาสอดแนม หรือไม่ก็ส่งคนมาท้าสู้เพื่อดูระดับฝีมือไว้ อะไรแบบนี้ก็ได้เจ้าค่ะ

รู้สึกว่า การพูดจาในเรื่องจะดูเหมือนพูดเพื่อถาม ตอบ และบอกให้ทราบ อย่างเดียวอ่าเจ้าค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เพิ่มในส่วนของความรู้สึกให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ ในส่วนของความรู้สึก สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะเขียนออกมา สำหรับเราเราว่ามันคือ "ความลังเล" เจ้าค่ะ ถ้าตัวละครได้แสดงออกถึงความลังเลในความคิด นั้นคือตัวละครนั้นมีความรู้สึกกับเขาบ้างแล้วประมาณนั้นอ่าเจ้าค่ะ

ก็ฝากไว้แค่นี้นะเจ้าคะ

Link to comment
Share on other sites

เรื่องของรูปประกอบคิดว่าหลายๆ คนคงจะชอบกันเจ้าค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่เจ้าค่ะ เพราะการมีรูปประกอบมากมันก็จะทำให้เราลดการบรรยายในส่วนที่จำเป้นต้องบรรยาย ทำให้เราเคยชินกับนิสัยที่บรรยายน้อยลงอ่าเจ้าค่ะ ปกติถ้าคิดจะมีรูปประกอบ ก็อยากจะให้ยังมีการบรรยายที่ละเอียดเหมอืนเดิมเจ้าค่ะ

ดดยส่วนตัวเราคิดว่า ฟิคชั่นไม่ควรจะมีรูปประกอบ เพราะว่า ตามนิยายต่างๆ ทั่วๆ ไปนั้น ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีรูปประกอบเข้าค่ะ เราคิดว่า ถ้าคนเขียนเขียนได้เก่งจริงๆ ก็ควรจะมีแค่ตัวอักษรเจ้าค่ะ ใช้ตัวอักษรเป็นร้อยเป็นพันตัวเพื่อสื่อถึงภาพๆ เดียวให้ปรากฏในหัวของผู้อ่านอ่าเจ้าค่ะ

ในเรื่องของเนื้อเรื่อง มันดูเป็นการตัดตอนที่เร็วมากเลยเจ้าค่ะ คือ ถ้าเป็นไปได้เนื้อเรื่องจะยืดก็ไม่เป็นไร แค่ใส่เหตุการณืที่น่าสนใจเข้าไปก็น่าจะโอเคอ่าเจ้าค่ะ เช่น พอไปพาโปเกมอนมายามาตัวนึง มานิวร่าก็ส่งคนมาขัดขวางอะไรประมาณนี้อ่าเจ้าค่ะ

หรือถ้าไม่มีอะไรก็อาจจะเขียนในทำนองบันทึกก็ได้เจ้าค่ะ อย่างน้อยมันเป้นการรวบรัดที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากมาย อาจจะแบบว่าเชมี่เขียนบันทึกก่อนนอนแล้ววันรุ่งขึ้นค่อยประชุมเพราะทุกคนก็คงจะเดินทางมาเหนื่อยๆ อะไรประมาณนี้อ่าเจ้าค่ะ

เนื้อเรื่องในช่วงนี้ดูสงบเงียบเกินไปยังไงก็ไม่รู้เจ้าค่ะ แบบว่า มันดูสงบเงียบมาค่อนข้างหลายตอนแล้ว อยากให้มีฉากอะไรน่าตื่นเต้นบ้างเจ้าค่ะ เพราะมันก็เป็นไปไม่ได้ที่มานิวร่าจะอยู่เฉยๆ ตัวร้ายๆ อาจจะส่งคนมาสอดแนม หรือไม่ก็ส่งคนมาท้าสู้เพื่อดูระดับฝีมือไว้ อะไรแบบนี้ก็ได้เจ้าค่ะ

รู้สึกว่า การพูดจาในเรื่องจะดูเหมือนพูดเพื่อถาม ตอบ และบอกให้ทราบ อย่างเดียวอ่าเจ้าค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เพิ่มในส่วนของความรู้สึกให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ ในส่วนของความรู้สึก สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะเขียนออกมา สำหรับเราเราว่ามันคือ "ความลังเล" เจ้าค่ะ ถ้าตัวละครได้แสดงออกถึงความลังเลในความคิด นั้นคือตัวละครนั้นมีความรู้สึกกับเขาบ้างแล้วประมาณนั้นอ่าเจ้าค่ะ

ก็ฝากไว้แค่นี้นะเจ้าคะ

ค่ะ เรื่องที่เราเอารูปมาลง เป็นเพราะว่า อยากจะให้คนอ่านเห็นภาพมากขึ้นค่ะ มานิวล่าสอดแนมอยู่ตลอดเวลา แต่ขออณุญาตตัดตอนนี้ออกไปก่อนค่ะ

เพราะถ้าไม่ตัด...เนื้อเรื่องอาจจะยาวขึ้นไปมาก...และตอนจบจะนานขึ้น

ถ้าส่งคนมาต่อสู้ด้วย...มันก็เร็วไปอยู่ดีแหละค่ะ เพราะตัวเอกคืออีวุยและปิกาจู ส่วนฉากตื่นเต้นจะพยายามเอามาลงในตอนหน้าค่ะ เพราะตอนหน้าเป็นการต่อสู้ระหว่างมานิวล่าและคนอื่นๆ

ถึงเราจะเอารูปมาลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบรรยายน้อยลงเลยค่ะ ตอนนี้จะค่อนข้างเงียบเพราะว่าไม่ใช่ตอนหลักค่ะ ถ้าไม่ถูกใจอะไรก็บอกแบบนี้แหละค่ะดีแล้ว

แล้วก็ขอขอบคุณที่มาติฟิคตลอดนะคะ

Link to comment
Share on other sites

หลังจากไม่ได้เข้ามาบอร์ดหลายวัน(มัวแต่ไป review ฟิค EN เค้าเนี่ยสิ =_+a )

ตอนใหม่มาแล้วววว มาอ่านกันดีกว่า 0-0a อ่าน ๆ อ่าน ๆ

และแล้วก็อ่านจบอีกเช่นเคย มาถึงเวลา review กันดีกว่า

Let's begin...

1. รูป >>                              มีก็ดีครับ(เป็นรูปประกอบเฉย ๆ)แต่ ๆ ถ้าจะเอามาใช้แทนคำบรรยายไม่น่าทำเท่าไรครับ

                                          หากเป็นไปได้ใช้การบรรยายจะดีกว่า

2. การบรรยาย >>                  ส่วนนี้ยังเหมือนเดิมนะคือจะบอกว่ายังไงดีล่ะถ้าเป็นไปได้บรรยายละเอียดก็ดีหน่อยครับ

                                          จะได้ช่วยยืดเนื้อเรื่องออกหน่อยในแต่ละตอนครับ

3. ความเร็วในการดำเนินเรื่อง >>  อยู่ในระดับค่อนข้างเกือบจะไวครับน่าจะแทรกอะไรเพิ่มเป็นจุดสนใจหน่อยครับ

4. ความน่าสนใจ >>                ระดับดีเลยครับ

5. อื่น ๆ >>                          ใส่ความรู้สึกการเคลื่อนไหวบ้าง อย่าให้อารมณ์เสมือนนิ่งครับ เดียวมันจะเหมือนกับ

                                          หุ่นยนต์ยืนคุยกันครับ

End

สุดท้ายขอฝากไว้ว่า ลองไปอ่านฟิคอื่น ๆหลาย ๆ ฟิคดูมั่งก็ดีนะ เผื่อจะได้แนวคิดอะไรใหม่ ๆเพิ่มบ้าง  รอดูการปรับปรุงอยู่นะครับ

Link to comment
Share on other sites

เรื่องติๆ คนอื่นก้ติไปหมดแล้ว บวกกับบางอย่างก้บอกไปในเอ็มแล้ว เพราะงั้นก้ มาบอกสิ่งที่ยังไม่ได้บอกละกัน

ในส่วนของเนื้อเรื่อง มีความน่าสนใจอยู่แล้ว สำหรับผมนะ เป้นความน่าสนใจที่อยู่ในระดับมาก เลยด้วยละ คุณหนูหลุดจากโลกมนุษย์มาโลกโปเกมอน ต้องมาใช้ชีวิตเป็นโปเกมอน แถมเป็นโปเกมอนที่สูญพันธุ์ไปแล้วอีก(ทำไมไม่มีคนลักพาตัวไปขายบ้างนะ) จะกลับโลกมนุษย์ก็ไม่ได้ ยังต้องมาพัวพันกับเรื่องร้ายๆ ในโลกที่หลุดไปอีก และไม่แน่ว่า คุณหนูอาจจะเป้นกุญแจสำคัญของเหตุการณ์ก็ได้ การที่คุณหนูหลุดเข้ามาที่นี่ อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้

นั่นละครับ ความสนุกมันก็อยู่ตรงส่วนนี้ละ แต่ว่า ในเรื่องของการใช้ภาษาและการบรรยายมันยังดึงความสนุกออกมาไม่ได้เท่าที่ควร แน่นอนครับ การใช้คำที่ต่างกันมันก็ทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกต่างกันด้วย สิ่งที่ตี้เขียนมานั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวของตี้ สิ่งที่ตี้คิดอยู่ แต่มันรู้สึกเหมือนกับว่า ตี้บรรยายมันออกมาแบบย่อๆ คือไม่ถึงกับย่อมาก แต่ก็เป็นการย่อในระดับที่พอจะมีน้ำอยู่บ้างอ่ะครับ

แน่นอนครับว่า ผู้อ่านกับผู้แต่งย่อมมองในมุมไม่เหมือนกัน ผู้แต่งรู้ทะลุปรุโปร่งแล้วว่า เนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นยังไง บรรยายกาศเป็นยังไง แต่ผู้อ่านก็ไม่ได้รู้อะไรเลยตามไปด้วย เวลาที่แบบว่าคนเรามีภาพๆ นึงอยู่ในหัวแล้ว การบรรยายเพียงแค่นิดเดียวมันก็ทำให้เห็นภาพนั้นขึ้นมาได้ แต่ผู้อ่านก็ไม่ได้มีภาพอะไรอยู่ในหัว เพราะงั้น ผู้แต่งก็ควรจะบรรยายให้เห็นภาพขึ้นมาบ้าง

การบรรยายเองก็มีหลายรูปแบบ นะครับ แต่ที่อยากจะให้ตี้ลองเพิ่มๆ ดูก็มีเรื่องของ การบรรยายลักษณะหรือสถานที่น่ะ การบรรยายตรงจุดนี้ก็ผมจะอาศัยจากการบรรยายที่จุดเด่นของมันแล้วค่อยๆ ไล่ไปโดยรอบเรื่อยๆ ถ้าจุดเด่นมันมีหลายจุดก็จะขึ้นย่อหน้าใหม่แทนเพื่อจะกล่าวถึงจุดใหม่ ตรงนี้ก็ต้องระวังก็คือ พยายามอย่าใช้คำซ้ำๆ พยายามเลือกคำอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกันออกมาน่าจะดูดีกว่า

เช่น

เพราะในป่าแห่งนั้นมีต้นไม้อยู่มากมาย พวกโปเกมอนมากมายจึงชอบอาศัยอยู่ที่นั้น

ผมว่ามันจะดูดีว่าถ้าเป็น

เพราะในป่าแห่งนั้นมีต้นไม้อยู่แน่นขนัด พวกโปเกมอนจึงชอบมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นจำนวนมาก

อะไรทำนองนี้อ่ะครับ

อีกอย่างนึงคือการบรรยายความรู้สึก ผมเห้นด้วยกับแยมนะ ว่าการบรรยายความรู้สึกอย่างง่ายๆ ก็คือ "การลังเล" เพราะปกติ ชีวิตเราก้พบกับเรื่องที่ต้องลังเลอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว อีกอย่างนึงก้คือ "ความกลัว" ผมว่าถ้ามีการบรรยายตรงจุดนี้เข้าไป มันคงน่าสนใจขึ้นบ้าง เพราะตัวละครมันจะไม่ดูเหมือนพวกหุ่นไม้ หุ่นหระบอก หรือหุ่นชักอีกแล้ว มันจะเริ่มมีความคิดเป้นของตัวเอง กำหนดนิสัยตัวละครให้ต่างๆ กัน แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ต่างกัน ถ้าทำแบบนั้นได้ละก็ มันจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

อีกอย่างนะครับ ลองใช้สรรพนามหรือคำเรียกหลายๆ อย่างดูก็ได้ครับ เช่น เวลาเรียกนากะ ก้อาจจะไม่ใช้คำว่านากะ อาจจะใช้ว่า คุณหนู นากะ อีวุย โปเกมอนแมวสีน้ำตาล อะไรทำนองนี้อ่ะครับ มันจะได้ดูไม่น่าเบื่อ (แถมผมว่า คนอ่านจะได้บริหารสมองด้วย จะได้แบบว่า ทำให้เขาต้องคิดและจำโปเกมอนของเราได้ ไม่ว่าเราจะใช้คำอะไรแทนก็ตาม)

เรื่องสุดท้ายละมั้ง บางครั้งก็ลองเปลี่ยนมุมมองการบรรยายดูบ้าง ประเหมือนกับตี้จะบรรยายอยู่ในมุมมองเดียวอยู่ตลอด ประมาณว่า มุมมองของคนนอกอ่ะ อาจจะลองมามุมมองของตัวละครอื่นๆ เข้าไปในความคิดตัวละครบ้าง หรือไม่ก็ อาจจะเป็นมุมมองของสิ่งของบ้างก้ได้ เช่น สมมุติว่า ปิกาจูโดนลำแสงทำลายล้างงี้ อันนี้คือมุมมองปิกาจูว่ามันโดน อาจจะเปลี่ยนเป็น ลำแสงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ปอกาจู นี่ก้คือมุมมองของลำแสงทำลายล้างอ่านะ ลองๆ ฝึกๆ ดูครับ

เช่น (อันนี้ตัวอย่างการบรรยายแบบ ความลังเล การใช้คำแทน แล้วก็ มุมมอง)

ตูม!! ปิกาจูโดนลำแสงทำลายล้างเข้าไปเต็มๆ

"ปิกาจูเป็นอะไรมากมั้ย" เทรนเนอร์ของมันถาม

"แค่นี้ฉันก็ชนะแล้วละ ฮ่าๆๆๆ" อีกฝ่ายหนึ่งตอบ

"ลุกขึ้นสิปิกาจู" เทรนเนอร์สั่ง

ปิกาจูเริ่มลุกขึ้นได้อีกครั้ง

"หา... ทำไมมันยังลูกขึ้นได้ล่ะ" อีกฝ่ายพูดด้วยความตกใจ

ลองเปลี่ยนๆ เป็น

ตูม!! ลำแสงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ปิกาจู โปเกมอนหนูน้อย ร่างกายของมันกระเด็นไปตามทิศทางของลำแสงแล้วก็แน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

"ปิกาจู เป็นอะไรมากรึเปล่า" นิน เทรนเนอร์ของปิกาจูพูดพลางจ้องมองร่างอันแน่นิ่งของหนูน้อย

"จบซักทีสินะ แค่นี้ฉันก็ชนะแล้ว" จา เทรนเนอร์อีกฝ่ายพูดอย่างมีชัย

นินเริ่มกำหมัดแน่น ความลังเลเกาะกุมจิตใจของเขาแล้ว จะทำยังไงดีนะ ปิกาจูเองไม่รู้จะลุกยืนไหวหรือเปล่า แต่ว่า... จะมาแพ้ที่นี่ก็ไม่ได้ ยังไงซะ มันก็ต้องสู้ละ ขอร้องละปิกาจู ช่วยทีเถอะนะ

"ปิกาจู ลุกขึ้นมาสิ ขอร้องละ" นินตะโกน

ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะได้ผล ร่างของปิกาจุค่อยๆ ขยับทีละน้อยๆ มันกำลังพยายามลุกขึ้นยืนด้วยสปิริตเต็มที่ ทั้งๆ ที่ร่างกายมันแทยจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ทำไมกันนะ ทำไมมันถึงยังยืนขึ้นมาได้

"มะ... ไม่จริงน่า" จา พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "โดนเข้าไปขนาดนั้นแล้ว ทำไมมันถึง..."

อะไรประมาณนี้อ่ะครับ

ผมเองห่างหายจากการแต่งฟิคมานาน ติผิดพลาดอะไรก้ขอโทษด้วยนะครับ

ปล. แค่ความคิดเห็นส่วนตัวเฉยๆ ครับ อย่าเก็บไปคิดมากนะ

Link to comment
Share on other sites

เรื่องติๆ คนอื่นก้ติไปหมดแล้ว บวกกับบางอย่างก้บอกไปในเอ็มแล้ว เพราะงั้นก้ มาบอกสิ่งที่ยังไม่ได้บอกละกัน

ในส่วนของเนื้อเรื่อง มีความน่าสนใจอยู่แล้ว สำหรับผมนะ เป้นความน่าสนใจที่อยู่ในระดับมาก เลยด้วยละ คุณหนูหลุดจากโลกมนุษย์มาโลกโปเกมอน ต้องมาใช้ชีวิตเป็นโปเกมอน แถมเป็นโปเกมอนที่สูญพันธุ์ไปแล้วอีก(ทำไมไม่มีคนลักพาตัวไปขายบ้างนะ) จะกลับโลกมนุษย์ก็ไม่ได้ ยังต้องมาพัวพันกับเรื่องร้ายๆ ในโลกที่หลุดไปอีก และไม่แน่ว่า คุณหนูอาจจะเป้นกุญแจสำคัญของเหตุการณ์ก็ได้ การที่คุณหนูหลุดเข้ามาที่นี่ อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้

นั่นละครับ ความสนุกมันก็อยู่ตรงส่วนนี้ละ แต่ว่า ในเรื่องของการใช้ภาษาและการบรรยายมันยังดึงความสนุกออกมาไม่ได้เท่าที่ควร แน่นอนครับ การใช้คำที่ต่างกันมันก็ทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกต่างกันด้วย สิ่งที่ตี้เขียนมานั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวของตี้ สิ่งที่ตี้คิดอยู่ แต่มันรู้สึกเหมือนกับว่า ตี้บรรยายมันออกมาแบบย่อๆ คือไม่ถึงกับย่อมาก แต่ก็เป็นการย่อในระดับที่พอจะมีน้ำอยู่บ้างอ่ะครับ

แน่นอนครับว่า ผู้อ่านกับผู้แต่งย่อมมองในมุมไม่เหมือนกัน ผู้แต่งรู้ทะลุปรุโปร่งแล้วว่า เนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นยังไง บรรยายกาศเป็นยังไง แต่ผู้อ่านก็ไม่ได้รู้อะไรเลยตามไปด้วย เวลาที่แบบว่าคนเรามีภาพๆ นึงอยู่ในหัวแล้ว การบรรยายเพียงแค่นิดเดียวมันก็ทำให้เห็นภาพนั้นขึ้นมาได้ แต่ผู้อ่านก็ไม่ได้มีภาพอะไรอยู่ในหัว เพราะงั้น ผู้แต่งก็ควรจะบรรยายให้เห็นภาพขึ้นมาบ้าง

การบรรยายเองก็มีหลายรูปแบบ นะครับ แต่ที่อยากจะให้ตี้ลองเพิ่มๆ ดูก็มีเรื่องของ การบรรยายลักษณะหรือสถานที่น่ะ การบรรยายตรงจุดนี้ก็ผมจะอาศัยจากการบรรยายที่จุดเด่นของมันแล้วค่อยๆ ไล่ไปโดยรอบเรื่อยๆ ถ้าจุดเด่นมันมีหลายจุดก็จะขึ้นย่อหน้าใหม่แทนเพื่อจะกล่าวถึงจุดใหม่ ตรงนี้ก็ต้องระวังก็คือ พยายามอย่าใช้คำซ้ำๆ พยายามเลือกคำอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกันออกมาน่าจะดูดีกว่า

เช่น

เพราะในป่าแห่งนั้นมีต้นไม้อยู่มากมาย พวกโปเกมอนมากมายจึงชอบอาศัยอยู่ที่นั้น

ผมว่ามันจะดูดีว่าถ้าเป็น

เพราะในป่าแห่งนั้นมีต้นไม้อยู่แน่นขนัด พวกโปเกมอนจึงชอบมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นจำนวนมาก

อะไรทำนองนี้อ่ะครับ

อีกอย่างนึงคือการบรรยายความรู้สึก ผมเห้นด้วยกับแยมนะ ว่าการบรรยายความรู้สึกอย่างง่ายๆ ก็คือ "การลังเล" เพราะปกติ ชีวิตเราก้พบกับเรื่องที่ต้องลังเลอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว อีกอย่างนึงก้คือ "ความกลัว" ผมว่าถ้ามีการบรรยายตรงจุดนี้เข้าไป มันคงน่าสนใจขึ้นบ้าง เพราะตัวละครมันจะไม่ดูเหมือนพวกหุ่นไม้ หุ่นหระบอก หรือหุ่นชักอีกแล้ว มันจะเริ่มมีความคิดเป้นของตัวเอง กำหนดนิสัยตัวละครให้ต่างๆ กัน แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ต่างกัน ถ้าทำแบบนั้นได้ละก็ มันจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

อีกอย่างนะครับ ลองใช้สรรพนามหรือคำเรียกหลายๆ อย่างดูก็ได้ครับ เช่น เวลาเรียกนากะ ก้อาจจะไม่ใช้คำว่านากะ อาจจะใช้ว่า คุณหนู นากะ อีวุย โปเกมอนแมวสีน้ำตาล อะไรทำนองนี้อ่ะครับ มันจะได้ดูไม่น่าเบื่อ (แถมผมว่า คนอ่านจะได้บริหารสมองด้วย จะได้แบบว่า ทำให้เขาต้องคิดและจำโปเกมอนของเราได้ ไม่ว่าเราจะใช้คำอะไรแทนก็ตาม)

เรื่องสุดท้ายละมั้ง บางครั้งก็ลองเปลี่ยนมุมมองการบรรยายดูบ้าง ประเหมือนกับตี้จะบรรยายอยู่ในมุมมองเดียวอยู่ตลอด ประมาณว่า มุมมองของคนนอกอ่ะ อาจจะลองมามุมมองของตัวละครอื่นๆ เข้าไปในความคิดตัวละครบ้าง หรือไม่ก็ อาจจะเป็นมุมมองของสิ่งของบ้างก้ได้ เช่น สมมุติว่า ปิกาจูโดนลำแสงทำลายล้างงี้ อันนี้คือมุมมองปิกาจูว่ามันโดน อาจจะเปลี่ยนเป็น ลำแสงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ปอกาจู นี่ก้คือมุมมองของลำแสงทำลายล้างอ่านะ ลองๆ ฝึกๆ ดูครับ

เช่น (อันนี้ตัวอย่างการบรรยายแบบ ความลังเล การใช้คำแทน แล้วก็ มุมมอง)

ตูม!! ปิกาจูโดนลำแสงทำลายล้างเข้าไปเต็มๆ

"ปิกาจูเป็นอะไรมากมั้ย" เทรนเนอร์ของมันถาม

"แค่นี้ฉันก็ชนะแล้วละ ฮ่าๆๆๆ" อีกฝ่ายหนึ่งตอบ

"ลุกขึ้นสิปิกาจู" เทรนเนอร์สั่ง

ปิกาจูเริ่มลุกขึ้นได้อีกครั้ง

"หา... ทำไมมันยังลูกขึ้นได้ล่ะ" อีกฝ่ายพูดด้วยความตกใจ

ลองเปลี่ยนๆ เป็น

ตูม!! ลำแสงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่ปิกาจู โปเกมอนหนูน้อย ร่างกายของมันกระเด็นไปตามทิศทางของลำแสงแล้วก็แน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

"ปิกาจู เป็นอะไรมากรึเปล่า" นิน เทรนเนอร์ของปิกาจูพูดพลางจ้องมองร่างอันแน่นิ่งของหนูน้อย

"จบซักทีสินะ แค่นี้ฉันก็ชนะแล้ว" จา เทรนเนอร์อีกฝ่ายพูดอย่างมีชัย

นินเริ่มกำหมัดแน่น ความลังเลเกาะกุมจิตใจของเขาแล้ว จะทำยังไงดีนะ ปิกาจูเองไม่รู้จะลุกยืนไหวหรือเปล่า แต่ว่า... จะมาแพ้ที่นี่ก็ไม่ได้ ยังไงซะ มันก็ต้องสู้ละ ขอร้องละปิกาจู ช่วยทีเถอะนะ

"ปิกาจู ลุกขึ้นมาสิ ขอร้องละ" นินตะโกน

ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะได้ผล ร่างของปิกาจุค่อยๆ ขยับทีละน้อยๆ มันกำลังพยายามลุกขึ้นยืนด้วยสปิริตเต็มที่ ทั้งๆ ที่ร่างกายมันแทยจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ทำไมกันนะ ทำไมมันถึงยังยืนขึ้นมาได้

"มะ... ไม่จริงน่า" จา พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "โดนเข้าไปขนาดนั้นแล้ว ทำไมมันถึง..."

อะไรประมาณนี้อ่ะครับ

ผมเองห่างหายจากการแต่งฟิคมานาน ติผิดพลาดอะไรก้ขอโทษด้วยนะครับ

ปล. แค่ความคิดเห็นส่วนตัวเฉยๆ ครับ อย่าเก็บไปคิดมากนะ

ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่นิน ความจริงก็บรรยายไม่ได้ละเอียดและไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยค่ะ

รู้สึกว่าฝีมือมันตกลงไปเยอะเลยค่ะ คราวหน้าจะปรับปรุงนะคะ

Link to comment
Share on other sites

ตั้งแต่บทนี้เป็นต้นไป ขอเปลี่ยนการเรียกชื่อโปเกมอนจาก"เอรูเรโด"เป็น"เอลเรด"แทนนะคะเพราะผู้แต่งพึ่งรู้ว่ามันอ่านแบบนี้*ผัวะ*

-------------------------------------------------------

CHAPTER10: Vs. Manyula (ep.1)

...เช้าวันรุ่งขึ้น...แสงอาทิตย์ทางทิศตะวันออกของปราสาทเชมี่ค่อยๆส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ดอกไม้ทั่วทั้งอาณาจักรค่อยๆเบ่งบานไปทั่ว เหมือนดอกไม้ที่กำลังตื่นนอนจากการหลับไหลในยามค่ำคืน...แสงค่อยๆลอดมาจากม่านสีแดงขนาดใหญ่ของห้องเชมี่ เชมี่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ กระพริบตาไปสอง-สามทีแล้วค่อยๆลุกขึ้น สะบัดขนเหมือนสุนัข(?)ทั่วไปที่ขนยุ่งจากการนอน

แล้วเข้าก็กระโดดลงมาจากเตียง แล้วบิน(?)ออกไปยังห้องอาหารซึ่งระหว่างทางเดินถูกปูด้วยพรมแดง...เขาบินไปยังที่ห้องอาหารซึ่งเขากินอาหารที่นันทุกวัน ภาพที่เห็นคือ ผู้นำของทุกอาณาจักรมาถึงที่ห้องอาหารแล้วซึ่งกำลังรอเขาอย่างพอดิบพอดี....

"อะแฮ่ม...วันนี้เราจะเปิดศึกกับมานิวล่าแล้ว ทุกคนพร้อมหรือยัง...มานิวล่าจะมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ แต่เราเตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่า...."เชมี่กระแอมกระไปตามนิสัยของเขา

ทันใดนั้น ก็มีเสียงคล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา..รวมทั้งแผ่นดินที่สั่นๆไปด้วย

"ตึงๆๆๆๆๆๆ"เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆๆในขณะที่แผ่นดินก็ไหงแรงขึ้นเช่นกัน จนทุกคนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนนั้น

"อะ...อะไรกันเนี่ย..ทำไมมันสั่นอย่างนี้.."เอลเรดพูดขณะที่กำลังหาอะไรเกาะเพื่อหยุดแรงสั่นสะเทือนนั้นในขณะเดียวกันทุกคนก็หาอะไรเกาะเพื่อพยุงตัวเช่นกัน แต่เชมี่ซึ่งกำลังบิน(?)อยู่ได้เข้าไปดูที่หน้าต่างโดยแหวกผ้าม่านสีแดงออก สิ่งที่เขาเห็นนั่นก็คือ..."กองทัพมานิวล่าขนาดใหญ่ที่มีโปเกมอนที่เป็นธาตุมืดทั้งสิ้น"...กองทัพได้หยุดลงเมื่อมาถึงปราสาทเชมี่

"เฮ้ย...หรือว่าแรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้จะเป็น การเดินทัพของมานิวล่า???"เชมี่พูดในขณะที่แรงสั่นหยุดแล้วเพราะการเดินทัพได้หยุดลง

"วะ...ว่าไงนะO_o!!!!"ทุกคนร้องขึ้นด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันที่แทบจะลุกไม่ขึ้นด้วยแรงสั่นสะเทือนนั้น

"ตึง...ตึง...!!!"เสียงอึกทึกคึกโครมเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนมีอะไรจะพังเข้ามาในปราสาท

"มานิวล่านี้นา...รู้แผนของเราได้ไง...แต่ไม่มีเวลาแล้วล่ะ เชมี่ รีบไปเตรียมการเร็วเข้า!!!"เอลเรดชะโงกไปทางหน้าต่างบ้าง

"รู้แล้ว...เอาล่ะ..เราจะแยกออกเป็น5กลุ่มแล้วกันนะ แต่ละกลุ่มต้องจัดการกองทัพของมานิวล่าตามชนิดทัพรู้มั้ย เท่าที่ดูแล้ว...ทัพของมานิวล่าน่าจะมีเฮลเกอร์(Houndoom),บันกิรัส(Tyranitar),แอบโซล(Absol),กราเอน่า(Mightyena),ยามิการัส(Murkrow)"เชมี่พูดแบบเร่งรีบในขณะที่เสียงกำลังดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนจะพังเข้ามาได้อยู่แล้ว

"เอางี้ๆ ก่อนจะสายเกินไป...นากะ ปิกาจู ซันดาส เอเนโกะโรโร่มากับฉัน นอกนั้นกลุ่ม1...เอลเรด ซาไนท์ ริโอลู ลูคาริโอ้ อยู่ด้วยกันนะ แล้วก็...กลุ่ม2โฟลทเซล บุยเซล ชาวเวอร์ กลาเซีย กลุ่ม3แบล็กกี้ เอฟี่ บูสเตอร์ ลีฟเฟีย กลุ่ม4มิโลคารอส ฮาคุริว นิโดควีน โครแบท กลุ่ม5(เศษ)เกียราดอส นิโดคิง แค่นี้ล่ะ..."เชมี่พูดอย่างว่องไว ก่อนที่จะบินออกประตูไปในขณะที่นากะ ปิกาจู ซันดาสและเอเนโกะโรโร่กำลังวิ่งตามมาติดๆ แต่ช้าไปเสียแล้ว...กองทัพมานิวล่าได้พังประตูและเกือบจะเข้ามาแล้ว..

"ทุกคน ตามฉันมา..ไปที่ห้องเก็บสมบัติดี๋ยวนี้!!! ส่วนนอกนั้นสะกัดพวกมานิวล่าเอาไว้ด้วยนะ...ขอร้องล่ะ"เชมี่พูดพร้อมบินไปอย่างรวดเร็ว ไปยังห้องเก็บสมบัติซึ่งไม่ไกลจากที่นี่

"ได้เลย..ไปกันเถอะ"ทุกคนพูดด้วยเสียงที่มีกำลังใจเต็มเปี่ยม หลังจากนั้นทุกคนออกไปต่อสู้กับพวกมานิวล่าทันที...

แต่อุปสรรคแรกนั่นก็คือ...ฝูงแอบโซลที่พังประตูเข้ามานั่นเอง!!!

"หนอย...เข้ามาเลย...อินไฟต์(Close combat)!!!"เอลเรดเข้าโจมตีฝูงแอบโซลที่ทางเข้าปราสาทเชมี่ โดยที่ใช้ทั้งแขน ขา เตะต่อยพวกแอบโซลอย่างเต็มแรงจนเกือบทะลุออกไปข้างนอกได้...

"ออร่าสเฟีย(Aura sphere)!!!"ลูคาริโอ้สร้างลูกทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือ เต็มไปด้วยพลังปราณสีฟ้า ยิงเข้าใส่ฝูงแอบโซลซึ่งเป็นหมาป่ามีเขาโง้งสีดำ ขนสีขาวนวลเหมือนหิมะเมื่อแสงออร่าเข้าไปต้องตัวแอบโซลตัวหนึ่ง แสงนั้นก็ระเบิดตูมเข้าใส่ โดยที่แอบโซลตัวอื่นก็โดนลูกหลงไปด้วย ทำให้ฝูงแอบโซลไม่มีโอกาสตีโต้เลยแม้แต่นิดเดียว...

ทางด้านเชมี่ที่กำลังไปห้องเก็บสมบัติอย่างรีบเร่ง

"เพล้ง!!!"เสียงคล้ายเสียงกระจกแตกดังขึ้น เศษกระจกตกอยู่ตามพื้นดูเหมือนจะบาดผู้ที่อาจหาญเข้ามาใกล้ มีคนเข้ามาในห้องเก็บสมบัติแล้วหรือ!?!

"ปัง!"เชมี่พังประตูเข้ามา สิ่งที่เขาเห็นคือมานิวล่าโปเกมอนแมวดำ ที่ยืนจังก้าอยู่ที่ขอบกระจก

"ข้ากำลังรออยู่แล้ว...เชมี่..."มานิวล่าพูดด้วยน้ำเสียงที่แผวเบา...แต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบมิได้(?)...

"ต้องการอะไรกันแน่น่ะ มานิวล่า"เชมี่พูดใส่ในขณะที่คนอื่นๆพึ่งจะวิ่งมาถึง

"ที่ต้องการน่ะเหรอ...ฉันต้องการอำนาจซึ่งท่านอัลเซอุสจะประทานให้...ตราบใดที่รวบรวมเพลททั้ง16เสร็จ..เพลททั้งหมดอยู่ที่นายนี่เว้นแต่..."มานิวล่าพูดจบก็เบือนหน้ามาหานากะ

และปิกาจูด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

"ทะ...ทำไม"ปิกาจูพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัวพร้อมค่อยๆถอยหลังไปหลบอยู่หลังนากะ

"พวกแกไปเจอเลนโทร่าเพื่อเอาเพลทมาใช่มั้ย"

"พะ...พูดอะไรน่ะ...เด็กพวกนี้ไม่เกี่ยว มานิวล่า ถอยไปซะ!!!"เชมี่ตะโกนใส่

"อะไร..แกกล้าขวางฉันเหรอเชมี่"มานิวล่าพูดด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโสพร้อมจับจ้องที่เชมี่ด้วยสายตาอันน่ากลัว

"ทุกคนระวังตัวกันหน่อยนะ..."เชมี่พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา

"หมัดน้ำแข็ง(Ice punch)!!!"มานิวล่ากระโจนจากขอบหน้าต่างที่แตกเข้ามาหาเชมี่ โดยมือของเขาถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งที่สะท้อนแสงอาทิตย์แวววาว เขาเงื้อมือมาทางเชมี่แล้วพุ่งออกไปเต็มแรง!!!

=========================================================

"เชมี่เป็นธาตุพืชกับบิน โดนหมัดน้ำแข็งครั้งเดียวน่าจะน็อกแล้ว"คำพูดหลายๆคนอาจจะรู้อยู่ แต่เชมี่จะสามารถทนได้มั้ยหนอ...

To Be Continue....

ปล.อ่า...ตอนนี้บรรยายไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่...ยังไงก็ขอให้ช่วยติชมกันด้วยนะคะ

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านฟิกจ้า

อย่างที่บอกๆ กันนะขอรับ

คนอื่นๆก็ ติติง comment กันไปส่วนใหญ่ แล้ว ก็ไม่รู้จะ comment อะไรดี แต่ขอแนะนำถึงความต่อเนื้องของ เนื้อเรื่องแล้วกันนะ ^ ^

คือจากเนื้อเรื่องฉากต่อฉากนั้น ในด้านความต่อเนื่องนะครับ คือการตัดฉากหนึ่งสู้ฉากหนึ่ง มันดูไม่ละเอียดเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะการบรรยายหรือการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างรวดเร็วทำให้เนื้อเรื่องจึงไม่ค่อยประติดประต่อกันเท่าที่ควร (สำหรับผมอะนะ) บทพูดถึงตัวละครที่รับส่งกันหรือสถานที่ของตัวละครนั้น การกระทำต่างๆของตัวละคร อยากให้เกี่ยวพันซึ่งกันและกันมากขึ้น น่ะ ครับ ^ ^

ผมก็อธิบายไม่ค่อยเก่ง

แต่เนื้อเรื่องน่าสนใจและน่าติดตามดีมากครับ จะคอยเป็นกำลังใจและติดตาม อ่านต่อไป ขอรับ ^ ^

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านละคร้าบ~

กองทัพมานิวล่ามีแต่ธาตุมืดเหรอ เอาธาตุแมลงกับต่อสู้ไปต่อยแม่มเลย~ ชนะมานิวล่าด้วย อวสาน เหอๆๆๆๆ ล้อเล่น

ดูท่าจะได้รับคำแนะนำจากแยมกับนินเป็นอย่างดี รอบนี้ภาคบรรยายและการเก็บรายละเอียดจึงทำได้ดีกว่าตอนก่อนๆมากเลยครับ ^^

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องจุดที่ต้องแก้ไข

"ออร่าสเฟีย(Aura sphere)!!!"ลูคาริโอ้สร้างลูกทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือ เต็มไปด้วยพลังปราณสีฟ้า ยิงเข้าใส่ฝูงแอบโซลซึ่งเป็นหมาป่ามีเขาโง้งสีดำ ขนสีขาวนวลเหมือนหิมะเมื่อแสงออร่าเข้าไปต้องตัวแอบโซลตัวหนึ่ง แสงนั้นก็ระเบิดตูมเข้าใส่ โดยที่แอบโซลตัวอื่นก็โดนลูกหลงไปด้วย ทำให้ฝูงแอบโซลไม่มีโอกาสตีโต้เลยแม้แต่นิดเดียว...

ตรงจุดนี้จะเห็นได้ว่าเป็นฉากต่อสู้พร้อมๆกับบรรยายลักษณะของตัวละครไปด้วย ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่ควรบรรยายส่วนนี้ขณะต่อสู้ครับ เพราะมันจะทำให้เราอ่านแล้วอารมณ์สะดุด ควรบรรยายตอนที่ตัวละครนั้นๆปรากฏตัวออกมาเป็นครั้งแรกดีกว่า ประมาณว่า...

แต่อุปสรรคแรกนั่นก็คือ...ฝูงแอบโซลที่พังประตูเข้ามานั่นเอง!!! ซึ่งเป็นหมาป่ามีเขาโง้งสีดำ ขนสีขาวนวลเหมือนหิมะ

หรือ

แต่อุปสรรคแรกนั่นก็คือ...โปเกมอนรูปร่างเหมือนหมาป่ามีเขาโง้งสีดำ ขนสีขาวนวลเหมือนหิมะจำนวนมากที่พังประตูเข้ามา ฝูงแอบโซลนั่นเอง!!!

จะติดตามต่อแน่ๆครับ~ กำลังมันส์เลยทีเดียว~

ปล.สกัด ไม่มีสระ ะ ครับ

ปล.เชมี่! ตูรู้นะว่าแกพ่นไฟได้! พ่นไฟใส่มานิวล่าเลย!!!

Link to comment
Share on other sites

ศัตรูบุกเข้าถึงตัวเมืองได้เร็วขนาดนี้....นี่กองกำลังของเชมี่ไม่มีทหารเลยเหรอ? (เห็นแต่รายชื่อผู้กล้าอ่ะ)

จะได้เห็นผู้นำทั้งสองฝ่ายปะทะกันแล้ว~!!!!

Link to comment
Share on other sites

ขอติในส่วนรูปแบบการเขียนแล้วกันนะ เพราะเนื้อเรื่องน่าสนใจดีอยู่แล้ว

...เช้าวันรุ่งขึ้น...แสงอาทิตย์ทางทิศตะวันออกของปราสาทเชมี่ค่อยๆส่อง สว่างไปทั่วอาณาจักร ดอกไม้ทั่วทั้งอาณาจักรค่อยๆเบ่งบานไปทั่ว เหมือนดอกไม้ที่กำลังตื่นนอนจากการหลับไหลในยามค่ำคืน...แสงค่อยๆลอดมาจาก ม่านสีแดงขนาดใหญ่ของห้องเชมี่ เชมี่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ กระพริบตาไปสอง-สามทีแล้วค่อยๆลุกขึ้น สะบัดขนเหมือนสุนัข(?)ทั่วไปที่ขนยุ่งจากการนอน

ตรงนี้จะเห็นว่า ใช้คำซ้ำเกินไปนิดนึง ลองเปลี่ยนๆ คำดูบ้างอาจจะได้อะไรที่อ่านแล้วดูราบรื่นมากกว่านี้นะ เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะ

...เช้าวันรุ่งขึ้น...แสงอาทิตย์ทางทิศตะวันออกของปราสาทเชมี่ค่อยๆส่อง สว่างไปทั่วอาณาจักร ดอกไม้ทั่วทั้งอาณาจักรค่อยๆเบ่งบานไปทั่ว เหมือนดอกไม้ที่กำลังตื่นนอนจากการหลับไหลในยามค่ำคืน...แสงค่อยๆลอดมาจาก ม่านสีแดงขนาดใหญ่ของห้องเชมี่ เชมี่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ กระพริบตาไปสอง-สามทีแล้วค่อยๆลุกขึ้น สะบัดขนเหมือนสุนัข(?)ทั่วไปที่ขนยุ่งจากการนอน

ลองมาเป็น

...เช้าวันรุ่งขึ้น... ทางทิศตะวันออกของราชอาณาจักร แสงอาทิตย์ได้แผ่ขยายสาดส่องไปทั่วบริเวณ ดอกไม้ทั้งหลายเริ่มเบ่งบาน เหมือนกับว่าพวกมันกำลังตื่นนอนจากการหลับไหลในยามค่ำคืน...แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลอดออกมาจาก ม่านสีแดงขนาดใหญ่ของห้องเชมี่ โปเกมอนสุนัขสีขาว มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ กระพริบตาไปมาสองสามทีแล้วลุกขึ้น สะบัดขนที่ยุ่งเหยิงจากการนอนให้เข้าที่

ผมว่าอาจจะดูราบรื่นกว่านะ

แล้วก็บางครั้ง ผมว่าตี้เลือกบทบรรยายได้ไม่ถูกเวลาเท่าไหร่นัก อย่างเช่น

"ออร่าสเฟีย(Aura sphere)!!!"ลูคาริโอ้สร้างลูกทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือ เต็มไปด้วยพลังปราณสีฟ้า ยิงเข้าใส่ฝูงแอบโซลซึ่งเป็นหมาป่ามีเขาโง้งสีดำ ขนสีขาวนวลเหมือนหิมะเมื่อแสงออร่าเข้าไปต้องตัวแอบโซลตัวหนึ่ง แสงนั้นก็ระเบิดตูมเข้าใส่ โดยที่แอบโซลตัวอื่นก็โดนลูกหลงไปด้วย ทำให้ฝูงแอบโซลไม่มีโอกาสตีโต้เลยแม้แต่นิดเดียว...

ตรงส่วนนี้ ฉากต่อสู้ยิ่งโดยเฉพาะจังหวะตอนโดนโจมตีน่ะ เป็นฉากที่เกิดขึ้นเร็วมาก เพราะงั้นจึงไม่ควรมีคำบรรยายที่เกี่ยวกับฉากต่อสู้ลงไปน่ะครับ เพราะจะทำให้รู้สึกไม่ต่อเนื่อง แบบว่า อ้าว ซัดพลังใส่ไปแล้ว อยากรู้อ่ะว่ามันจะเป็นไง ไปบรรยายลักษณะมันอยู่นั่นละ อะไรประมาณนี้

เท่าที่ดูแล้ว ถ้าจะแทรกการบรรยายลักษณะแอ๊บโซลน่ะ ควรจะบรรยายตอนที่มันพังประตูเข้ามามากกว่า อาจจะแบบพอพังเข้ามา คนในนั้นตกตะลึงซักพักว่ามันมาได้ไง แล้วค่อยบรรยายอ่ะครับ เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างนะ

"ได้เลย..ไปกันเถอะ"ทุกคนพูดด้วยเสียงที่มีกำลังใจเต็มเปี่ยม หลังจากนั้นทุกคนออกไปต่อสู้กับพวกมานิวล่าทันที...

ปัง! เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้นเสียแล้ว ประตูของปราสาทถูกพังขึ้นโดยโปเกมอนฝูงหนึ่ง เหล่าทหารทุกคนอยู่ในความตกตะลึง

"มันเข้ามาในปราสาทได้แล้วเหรอ" แอลเร้ดพูด "เร็วขนาดนี้เนี่ยนะ"

สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังแอ๊บโซล โปเกมอนหมาป่าสีขาว มันกำลังยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่พังประตูได้สำเร็จ มีกรีดร้องออกมาด้วยความยินดีพลางชูเขาสีดำที่โค้งเป็นรูปเคียวอย่างพอใจ

ก็นะ ผมเองก็บรรยายไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน เลยใช้เทคนิครวมการกระทำเข้ากับการบรรยายไปเลย แบบว่า เราบรรยายส่วนนึงไปแล้ว อยากจะบรรยายส่วนอื่น ก็ให้มันทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับส่วนที่เราบรรยาย มันจะได้แบบว่า ถือว่าบรรยายไปเสร็จสรรพไปเลย

โดยส่วนตัวแล้ว การบรรยายดีขึ้นครับ เนื้อเรื่องสนุกมากครับ ขาดแต่การใช้ข้อความเพื่อทำให้มันดูกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่อง ฝึกไปเรื่อยๆ ครับ เดี๋ยวก็ดีเอง จะคอยมาเม้นเรื่อยๆ นะ

Link to comment
Share on other sites

อ่าาา มาอ่านแล้วเจ้าค่ะ พออ่านคอมเม้นของแต่ละคนแล้ว เราก็ไม่รู้จะติอะไรแล้วเจ้าค่ะ มีคนติไปหมดแล้ว แต่เราขอพูดตรงส่วนเนื้อเรื่องซักหน่อยนะเจ้าคะ

ส่วนของเนื้อเรื่องบางจุดมันดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเจ้าค่ะ เพราะเป็นไปได้ยากที่จู่ๆ กองทัพจะมาบุกปราสาทเลย ถ้าการเดินทัพของมานิวร่าทำให้เสียงดังขนาดนั้นแล้ว ชาวเมืองก็น่าจะไปแจ้งเชมี่แล้วนะเจ้าคะ ไม่รอให้กองทัพเข้ามาใกล้ปราสาทหรอก

ทางด้านเชมี่เอง เราว่าเชมี่ก็น่าจะรู้แล้วว่าในเวลาอันใกล้นี้ มานิวร่าจะมาบุก ก็ไม่มีมีการจัดทหารไปประจำตามชายแดนเลย ปล่อยให้กองทัพเข้ามาบุกปราสาทจนได้ แบบนี้ชาวเมืองก็คงต้องตัวใครตัวมัน เอาแต่หนีอ่าเจ้าค่ะ มันดูค่อนข้างผิดวิสัยของผู้ครองเมืองไปหน่อย

ตอนที่เชมี่แบ่งกลุ่ม ตรงนี้เรายังไม่เห็นภาพว่า จะแบ่งกลุ่มไปทำไม เพราะสุดท้ายแล้วแต่ละกลุ่มก็ไม่ได้ออกไปทำหน้าที่ที่ต่างกันเลย ถ้าต่างคนต่างรู้ว่ากลุ่มไหนมีหน้าที่อะไรอยู่แล้ว แสดงว่าได้มีการจัดกลุ่มและวางแผนไว้แล้ว เชมี่ก็ไม่ควรพูดว่ากลุ่มไหนมีใครบ้าง เพราะข้าศึกมาบุกแล้ว จะเสียเวลาไม่ได้ แต่ถ้าเพิ่งมาแบ่งกลุ่มตอนที่เชมี่จะออกไปเชมี่ก็น่าจะบอกด้วยว่า กลุ่มไหนให้ไปทำอะไร เพราะไม่งั้นมันดูแปลกๆ ไปนะเจ้าคะ

ตอนนี้การบรรยายฉากต่อสู้ดีขึ้นกว่าเดิมมากเจ้าค่ะ บางครั้งเรายังสนุกตามไปกับมันเลย การติครั้งนี้อาจจะดูแรงไปหน่อย แต่ว่า อย่าคิดมากนะเจ้าคะ เราเองก็เป็นกำลังใจให้ สู้ต่อไปเจ้าค่ะ

Link to comment
Share on other sites

CHAPTER11: Vs.Manyula ep.2 สงครามสภาพอากาศ

...มานิวล่ากำหมัดที่ถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งแล้วพุ่งไปที่เชมี่ แต่ทว่า!!!!

"ผัวะ!!"หมัดนั้นกระทบร่างหนึ่งซึ่งเจ้าของร่างนั้นก็คือ....

"นะ....นากะ!!!"เชมี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจเป็นอันมาก หลังจากที่ร่างสีน้ำตาลน้อยๆของอีวุยตัวหนึ่ง เบี่ยงร่างรับหมัดนั้นแทน....

"อ๊ากกกก!!"นากะร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะสลบล้มตึงไปต่อหน้าต่อตาเชมี่ ซึ่งในขณะนั้นอารมณ์ของเชมี่รู้สึกเดือดพล่านเป็นไฟที่เห็นร่างของนากะล้มลงไปต่อหน้าต่อตา...

"บังอาจมากนะมานิวล่า!"เชมี่ตะโกนใส่มานิวล่าด้วยเสียงอันดัง

"อะไร....โดนอีวุยตัวนั้นแล้วมันหนักตรงไหนของนายเหรอ นายน่าจะดีใจนี่ที่ไม่โดนหมัดของฉัน"แมวดำผู้ชั่วร้ายพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและก้มหน้าลงไปมองอีวุยตัวน้อยที่กำลังสลบสไลอยู่หน้าเชมี่

"เอเนอจี้บอล(Energy ball)!!!"เชมี่ปล่อยบอลสีเขียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานไปที่มานิวล่าด้วยความเร็ว แต่ทว่า....

"ลำแสงแช่แข็ง(Ice beam)!!!!"มานิวล่าปล่อยลำแสงสีฟ้าอ่อนมาจากมือซึ่งมันพร้อมจะแช่แข็งทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า เพียงเท่านั้น เอเนอจี้บอลที่เชมี่ปล่อยมาก็ถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วเพราะทักษะการต่อสู้ของเธอนั่นเอง!!!

ตึง!!ลูกบอลสีฟ้าที่ถูกแช่แข็งด้วยลำแสงแช่แข็งตกลงบนพื้น ทันใดนั้น เชมี่ก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาหลังใช้ท่า"เอเนอจี้บอล"....

"อะไรกัน...ทำไมมันถึงเหนื่อยอย่างนี้ ทุกทีไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา...."เชมี่พูดด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแทบฟังไม่ออก สีหน้าของเขาซีดลงตามลำดับ ลำตัวตั้งแตู่จนถึงปลายเท้าทั้งสี่สั่นไปหมด.. เขาเซถลาไปที่หน้าต่างข้างๆหน้าต่างที่มานิวล่ายืนอยู่ เท้าของเขาเกือบจะเหยียบเศษกระจกที่แตกอยู่แล้ว ราวกับว่าเหมือนมีแรงอะไรมากดดันอย่างนั้นนั่นแหละ!

นั่นเป็นเพราะว่า...ความสามารถพิเศษของมานิวล่า"Pressure"นั่นเอง

"ท่านเชมี่ เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ"โปเกมอนหมาป่าสีเหลืองพูดขึ้น...ซันดาสนั่นเอง!!

"อะ...ไม่เป็นไร..."เชมี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง หูทั้ง2ข้างตกลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

ทันใดนั้นเอง โปเกมอนแมวผู้มีแผงคอสีม่วง..หรือเอเนโกะโรโร่ ก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากหลังซันดาส

"อย่าทำร้ายเชมี่นะ!!"โปเกมอนแมวพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น หางของเธอค่อยๆเปล่งแสงสีเงินขึ้น...แล้วก็!!

"ไอรอนเทล(Iron tail)"เอเนโกะโรโร่ฟาดหางอย่างเต็มแรงเข้าที่มานิวล่า!!!

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในขณะเดียวกันที่ ปราสาทเชมี่ด้านตะวันออก ซึ่งกลุ่มลีฟเฟีย บูสเตอร์ แบล็กกี้ เอฟี่ และทหารอีกจำนวนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าฝูงโปเกมอนไดโนเสาร์ขนาดใหญ่...บันกิรัสนั่นเอง!!!

"เอฟี่ แบล็กกี้ ลีฟเฟีย ระวังตัวด้วยนะ ฝูงบันกิรัสน่ะร้ายกาจมาก พวกมันเรียกพายุทรายได้นะ"บูสเตอร์พูดด้วยความเป็นห่วง

"อื้อ ไม่ต้องห่วงหรอกบูส พวกเราจะพยายามนะ"แบล็กกี้ โปเกมอนหมาดำพูดขึ้น พร้อมปลอบเพื่อนของเขา

วิ้ว..วิ้ว...พายุที่มีทรายจะนวนนับไม่ถ้วนลอยมาตามลม มันค่อยๆพัดแรงขึ้น...แรงขึ้น...และแรงขึ้นเรื่อยๆ

"แย่แล้ว...พายุทรายมา...แสบตาจังแฮะ"หมาป่าสีเขียว ลีฟเฟียพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล พร้อมขยี้ตาเป็นระยะๆ

"แฮ่!!!"บันกิรัสร้องขึ้นพร้อมกันเหมือนจะไล่ให้ศัตรูออกไปพ้นหน้าพ้นตา

"ทุกคนเตรียมพร้อม...1...2...3..ไป๊!!!"บูสเตอร์ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มออกคำสั่งให้ลูกทีมแยกย้ายกันไปจัดการ...

ทหารทุกตัวแยกย้ายกันไปจัดการศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า

"แดดออก(Sunny day)!!!"บูสเตอร์ปล่อยลูกบอลสีแดงเพลิงออกจากปากขึ้นสู่ท้องฟ้า ลูกบอลนั้นกระจายในท้องฟ้าทำให้แดดจ้ามาแทนที่พายุทรายที่พัดอย่างรุนแรง แสงแดดอันร้อนแรงเริ่มสอดส่องลงมายังพื้นดิน ทำให้ดินแถวนั้นมีอุณหภุมิค่อนข้างสูง

"ตอนแดดออกนี้แหละ...."ลีฟเฟียทำอะไรบางอย่างเมื่อเห็นแสงอันร้อนแรง ใบไม้สีเขียวที่หัวของเธอค่อยๆเปล่งแสงจางๆ แล้วก็!!!

"โซล่าบีม(Solarbeam!!!)"ลีฟเฟียชาร์จพลังจากโซล่าบีมได้ไม่นานนักก็ปล่อยออกไปสู่ฝูงบันกิรัส ทำให้บันกิรัสที่โดนเข้าจังๆบางตัวถึงกับหมดสภาพล้มตึงลงไปตรงนั้น บ้างก็พอทนได้แต่เกิดบาดแผลฉกรรจ์...ที่สามารถปล่อยโซล่าบีมออกไปได้โดยไม่ต้องรับพลังจากแสงอาทิตย์

"เยี่ยมเลยลีฟเฟีย!!"บูสเตอร์พูดด้วยความดีใจ

"วังวนอัคคี(Fire spin)"โปเกมอนหมาป่าสีแดงพ่นไฟออกจากปากแล้วล้อมเป็นรูปวงกลม ล้อมบันกิรัสจำนวนหนึ่งให้เป็นกระจุกเดัยวกัน....

"พ่นไฟ(Flamethrower)!!"บูสเตอร์พ่นไฟออกจากปากพุ่งเข้าสู่บันกิรัส ไฟที่เขาพ่นออกมาร้อนแรงมากทำให้บันกิรัสบางตัวล้มลงไปกระแทกกับพื้นและบางตัวก็เกิดแผลพุพองขึ้นหลายจุด เนื่องจากทนไฟไม่ไหวนั่นเอง

ในขณะเดียวกัน หลังของบูสเตอร์ก็ไปชนอะไรสักอย่าง เขามองจากบนพื้นดินเป็นเงาทะมึนสีดำขนาดใหญ่ เขาค่อยๆหันไปมองช้าๆ เงาที่เขาเห็นนั่นก็คือ หัวหน้าฝูงบันกิรัสนั่นเอง

หัวหน้าฝูงไดโนเสาร์ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าบันกิรัสทั่วมาก

"แกเองน่ะเหรอ...ที่มาทำร้ายลูกน้องของฉัน..."บันกิรัสพูดด้วยน้ำเสียงสุดโหด โดยที่อารมณ์ของเขากำลังเดือด อยากจะทำร้ายบูสเตอร์เต็มแก่

"สโตนเอดจ์(Stone edge)!!!"ตาของบันกิรัสเรืองแสงสีเขียวขึ้นจางๆ หินที่อยู่รอบตัวของเขาค่อยๆปลีกจากพื้นดินโดยทั้งก้อนมีปลายแหลมหมดสิ้น หินนั้นเข้าโจมตีใส่หมาป่าสีแดงที่ยังไม่ทันตั้งตัว!!!!

===================================================

To Be Continue....

ปล.วันนี้หัวไม่แล่นเป็นอันมาก- - ต้องขออภัยอย่างมากนะคะ ตอนนี้เลยตะกุกตะกัก ไม่ลื่นเท่าที่ควรค่ะ แถมยังสั้นอีกด้วย ขอโทษจริงๆค่ะ m(_ _)m

ปล2.ขอคอมเม้นท์ด้วยค่ะ

Link to comment
Share on other sites

เน‚เธญเน‰เธง เธ‰เธฒเธเธ™เธตเน‰เธ•เนˆเธญเธชเธนเน‰เธเธฑเธ™เธกเธฑเธ™เธชเนŒเธกเธฒเธเน€เธฅเธขเธฅเธฐเธ•เธตเน‰ เธ”เธนเธเธฃเธฐเธŠเธฑเธšเธ‰เธฑเธšเน„เธงเธ”เธต(เนเธ•เนˆเธ—เธฑเน‰เธ‡เธ•เธญเธ™เธเน‡เธชเธฑเน‰เธ™เน„เธ›เธ™เธดเธ”เธˆเธฃเธดเธ‡เน†เธ™เนˆเธฐเนเธซเธฅเธฐ - -) เธ›เธฃเธšเธกเธทเธญเนเธ›เธฐเน†เน†เน†

เธ„เธงเธฒเธกเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธ‚เธญเธ‡เธกเธฒเธ™เธดเธงเธฅเนˆเธฒเธ™เธตเนˆเธกเธตเธ›เธฃเธฐเธชเธดเธ—เธ˜เธดเธ�เธฒเธžเธเธงเนˆเธฒเธ—เธตเนˆเธ„เธดเธ”เนเธฎเธฐ เนเธ•เนˆเธกเธฑเธ™เธเธณเธฅเธฑเธ‡เธˆเธฐเน‚เธ”เธ™เน„เธญเธญเน‰เธญเธ™เน€เธ—เธฅเธŸเธฒเธ”เนเธฅเน‰เธง เธซเธฃเธทเธญเธงเนˆเธฒเน€เธˆเนŠเนเธเธˆเธฐเน‚เธŠเธงเนŒเน€เธ—เธžเธ”เน‰เธงเธขเธเธฒเธฃเธˆเธฑเธšเธซเธฒเธ‡เนเธฅเน‰เธงเธ—เธธเนˆเธกเธเธฑเธšเธžเธทเน‰เธ™ เน‚เธญเธง~

เธˆเธฐเธกเธฒเธญเนˆเธฒเธ™เธ•เนˆเธญเธ•เธญเธ™เธซเธ™เน‰เธฒเธ™เธฐเธ„เธฃเธฑเธš =_=\

Link to comment
Share on other sites

บรรยายฉากต่อสู้ได้ดีมากๆ ครับ ดีจนแบบว่า ผมยังบรรยายแบบนั้นไม่ได้เลย

เรื่องที่ติก็คงจะมีแก้ รูปแบบการอธิบาย มันเป็นรูปแบบเดิมไปหน่อยน่ะครับ

เช่น คนหล่อที่สุดในโลก...นินจานั่นเอง!!!

อะไรประมาณนี้น่ะ

เคยติยาวไปแล้ว จะลองชมยาวๆ ดูบ้างนะ ไม่รู้ทำได้แค่ไหนแฮะ

ในส่วนของการใช้สรรพนามแทน หรือคำแทน ตี้ทำได้เริ่มจะหลากหลายขึ้นมาก ทำให้มันดูลื่นไหล ไม่ติดขัดเหมือนตอนก่อนๆ แล้วก็ การบรรยายเองก็ทำได้ดีเช่นกัน ถ้าตามความคิดของผม ตี้เองเรื่องการบรรยายน่ะ ยังเป็นคนที่บรรยายน้อยอยู่ เพราะงั้น ฉากต่อสู้ที่ต้องการ "การกระทำ" มากกว่า "กรรบรรยาย" จึงสามารถเขียนได้ดีเป็นพิเศษครับ เขียนฉากต่อสู้เยอะๆ ก็ดีครับ ชอบอ่าน

ส่วนที่ว่า มันสั้นหรือเปล่า ผมว่าไม่สั้นนะ ถ้าเทียบกับตอนที่แล้วๆ มา บางทีการที่เราบอกว่ามันสั้น ทั้งๆ ที่เราก็แต่งเท่าๆ เดิมน่ะ มันอาจเป็นเพราะว่า เรากำลังสนุกกับมันก็ได้ ผมเองก็คิดว่ามันสั้นนะ แบบว่า แค่แปปเดียวก็จบแล้ว แต่พอย้อนไปดู มันก็ไม่สั้นหรอก เพราะงั้น ก็สรุปได้แหละว่า แต่งได้สนุกดีครับ พยายามแต่งต่อไปเรื่อยๆ ครับ จะคอยตามอ่านเรื่อยๆ

ขออภัยที่มาเม้นช้าครับ

ปล. หมายๆ คนที่อ่านแล้วไม่กล้าเม้น ผมว่า เม้นเถอะครับ เพราะการเม้นน่ะ มันเป็นการบอกให้ผู้แต่งได้รับรู้ว่า เราได้อ่านและติดตามผลงานของเขา ไม่ว่าจะคอมเม้นท์อะไรมา มันคือการให้กำลังใจผู้แต่งครับ

Link to comment
Share on other sites

การต่อสู้เริ่มบรรยายได้น่าลุ้นมากเลยนะครับเนี้ย(สนุกด้วยละ!) แต่ก็ยังเหมือนจะรวดเร็วและรวบรัดไปหน่อยนึงละครับ

แต่ข้อที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ...

คำว่า

นั่นเอง!!!

รู้สึกจะใช้บ่อยไปหน่อยนะ  :pika02:

Link to comment
Share on other sites

ในมุมมองของเราแล้ว ตี้บรรยายฉากต่อสู้ได้น่าสนใจมากเจ้าค่ะ เราเองก็อยากบรรยายได้แบบนั้นเหมือนกัน ปกติในฉากต่อสู้ การบรรยายไม่ได้เยอะอะไรอยู่แล้ว การที่ตี้ใช้สไตล์ตัวเองมาบรรยายฉากต่อสู้ ก็เลยทำให้ดูเหมาะสมกับฉากต่อสู้จริงๆ เลยละเจ้าค่ะ เหมือนกับว่าเราอธิบายแบบงงๆ เลยนะเจ้าคะ

เรื่องที่จะติเพียงข้อเดียวของเรา รีพลายบนก็ติไปแล้วเจ้าค่ะ เรื่องคำพิมพ์ผิดยังมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร จากที่ดูแล้ว เราคิดเหมือนกับว่า ตี้คิดจะแต่ง ก็พิมพ์ๆ สดเอาเลยอ่าเจ้าค่ะ หมายถึงพิมพ์ทีจบตอนไปเลย คราวหลังลองพิมพ์เก็บไว้ใส่เวิร์ด แล้วค่อยๆ มาต่อเติมก็ได้เจ้าค่ะ จะได้ไม่ต้องมาบังคับตัวเองว่า อยากจะลงวันนี้ แต่สมองไม่แล่น ทำเท่าที่ทำได้ พอสมองแล่นก้มาพิมพ์เพิ่ม จบตอนก็เอามาลง แบบนี้อาจจะดีกว่าเจ้าค่ะ

เรื่องที่จะชม คนอื่นก็พูดชมหมดแล้ว ในตอนนี้เราคิดว่า ตี้ปรับปรุงได้ดีกว่าตอนก่อนๆ มากเลยเจ้าค่ะ พยายามทำให้ได้แบบนี้ต่อไปนะเจ้าคะ เราจะพยายามมาเม้นให้เรื่อยๆ เจ้าค่ะ

Link to comment
Share on other sites

โอ้ว ฉากนี้ต่อสู้กันมันส์มากเลยละตี้ ดูกระชับฉับไวดี(แต่ทั้งตอนก็สั้นไปนิดจริงๆน่ะแหละ - -) ปรบมือแปะๆๆๆ

ความสามารถของมานิวล่านี่มีประสิทธิภาพกว่าที่คิดแฮะ แต่มันกำลังจะโดนไออ้อนเทลฟาดแล้ว หรือว่าเจ๊แกจะโชว์เทพด้วยการจับหางแล้วทุ่มกับพื้น โอว~

จะมาอ่านต่อตอนหน้านะครับ =_=

ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่บลูวิน(ตอนนี้คิดตอนไม่ค่อยออกเลยแฮะ- -)

บรรยายฉากต่อสู้ได้ดีมากๆ ครับ ดีจนแบบว่า ผมยังบรรยายแบบนั้นไม่ได้เลย

เรื่องที่ติก็คงจะมีแก้ รูปแบบการอธิบาย มันเป็นรูปแบบเดิมไปหน่อยน่ะครับ

เช่น คนหล่อที่สุดในโลก...นินจานั่นเอง!!!

อะไรประมาณนี้น่ะ

เคยติยาวไปแล้ว จะลองชมยาวๆ ดูบ้างนะ ไม่รู้ทำได้แค่ไหนแฮะ

ในส่วนของการใช้สรรพนามแทน หรือคำแทน ตี้ทำได้เริ่มจะหลากหลายขึ้นมาก ทำให้มันดูลื่นไหล ไม่ติดขัดเหมือนตอนก่อนๆ แล้วก็ การบรรยายเองก็ทำได้ดีเช่นกัน ถ้าตามความคิดของผม ตี้เองเรื่องการบรรยายน่ะ ยังเป็นคนที่บรรยายน้อยอยู่ เพราะงั้น ฉากต่อสู้ที่ต้องการ "การกระทำ" มากกว่า "กรรบรรยาย" จึงสามารถเขียนได้ดีเป็นพิเศษครับ เขียนฉากต่อสู้เยอะๆ ก็ดีครับ ชอบอ่าน

ส่วนที่ว่า มันสั้นหรือเปล่า ผมว่าไม่สั้นนะ ถ้าเทียบกับตอนที่แล้วๆ มา บางทีการที่เราบอกว่ามันสั้น ทั้งๆ ที่เราก็แต่งเท่าๆ เดิมน่ะ มันอาจเป็นเพราะว่า เรากำลังสนุกกับมันก็ได้ ผมเองก็คิดว่ามันสั้นนะ แบบว่า แค่แปปเดียวก็จบแล้ว แต่พอย้อนไปดู มันก็ไม่สั้นหรอก เพราะงั้น ก็สรุปได้แหละว่า แต่งได้สนุกดีครับ พยายามแต่งต่อไปเรื่อยๆ ครับ จะคอยตามอ่านเรื่อยๆ

ขออภัยที่มาเม้นช้าครับ

ปล. หมายๆ คนที่อ่านแล้วไม่กล้าเม้น ผมว่า เม้นเถอะครับ เพราะการเม้นน่ะ มันเป็นการบอกให้ผู้แต่งได้รับรู้ว่า เราได้อ่านและติดตามผลงานของเขา ไม่ว่าจะคอมเม้นท์อะไรมา มันคือการให้กำลังใจผู้แต่งครับ

ขอบคุณนะคะพี่นิน ที่ให้กำลังใจมาตลอด บางประโยคก็บรรยายไม่ค่อยละเอียด(เร็วเกินอีกต่างหาก- -)ค่ะ

การต่อสู้เริ่มบรรยายได้น่าลุ้นมากเลยนะครับเนี้ย(สนุกด้วยละ!) แต่ก็ยังเหมือนจะรวดเร็วและรวบรัดไปหน่อยนึงละครับ

แต่ข้อที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ...

คำว่า

รู้สึกจะใช้บ่อยไปหน่อยนะ  :pika02:

ง่า ใช้บ่อยไปจริงๆด้วย= = ต้องขออภัยอย่างสูงเลยนะคะ บางอย่างก็นึกถึงความสมเหตุสมผลน้อยเกินไป ขอโทษด้วยนะึคะ

ในมุมมองของเราแล้ว ตี้บรรยายฉากต่อสู้ได้น่าสนใจมากเจ้าค่ะ เราเองก็อยากบรรยายได้แบบนั้นเหมือนกัน ปกติในฉากต่อสู้ การบรรยายไม่ได้เยอะอะไรอยู่แล้ว การที่ตี้ใช้สไตล์ตัวเองมาบรรยายฉากต่อสู้ ก็เลยทำให้ดูเหมาะสมกับฉากต่อสู้จริงๆ เลยละเจ้าค่ะ เหมือนกับว่าเราอธิบายแบบงงๆ เลยนะเจ้าคะ

เรื่องที่จะติเพียงข้อเดียวของเรา รีพลายบนก็ติไปแล้วเจ้าค่ะ เรื่องคำพิมพ์ผิดยังมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร จากที่ดูแล้ว เราคิดเหมือนกับว่า ตี้คิดจะแต่ง ก็พิมพ์ๆ สดเอาเลยอ่าเจ้าค่ะ หมายถึงพิมพ์ทีจบตอนไปเลย คราวหลังลองพิมพ์เก็บไว้ใส่เวิร์ด แล้วค่อยๆ มาต่อเติมก็ได้เจ้าค่ะ จะได้ไม่ต้องมาบังคับตัวเองว่า อยากจะลงวันนี้ แต่สมองไม่แล่น ทำเท่าที่ทำได้ พอสมองแล่นก้มาพิมพ์เพิ่ม จบตอนก็เอามาลง แบบนี้อาจจะดีกว่าเจ้าค่ะ

เรื่องที่จะชม คนอื่นก็พูดชมหมดแล้ว ในตอนนี้เราคิดว่า ตี้ปรับปรุงได้ดีกว่าตอนก่อนๆ มากเลยเจ้าค่ะ พยายามทำให้ได้แบบนี้ต่อไปนะเจ้าคะ เราจะพยายามมาเม้นให้เรื่อยๆ เจ้าค่ะ

ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ติดตาม จะพยายามขยันอัพเรื่อยๆนะคะ :pocha08:

Link to comment
Share on other sites

บรรยายการต่อสู้ได้ดีครับ

แต่ผมว่า ... มันดูเยอะจนรกนะครับ?

Link to comment
Share on other sites

CHAPTER12: Vs.Manyula ep.3 เขี้ยวvs.เขี้ยว(part.1)!!!~

......หินปลายแหลมจำนวนมากกำลังพุ่งเข้าสู่ตัวของหมาป่าสีแดง แต่ก็!!....

"โอเวอร์ฮีท(Overheat)!!!!~"บูสเตอร์เริ่มปลดปล่อยเพลิงอันร้อนแรงออกมาจากปากของเขา....ไฟนั้นสามารถเผาผลาญหินได้ภายในพริบตา จากหินปลายแหลมกลายเป็นเศษดินและขี้เถ้าสีเทาดำ หล่นลงที่พื้นและปลิ้วหายไปในสายลมที่ละน้อยๆ

"อะไรกันนี่...เจ้านั่นทำลายหินของฉันได้รึนี่...หึหึ น่าสนเจ้าหมาป่าตัวนี้จริงๆ"บันกิรัสเพ่งดูที่บูสเตอร์ราวกับว่าจะประเมินราคาตัวเขา....

"นะ...นี่ นายมามองอะไรน่ะ หรือว่าอยากชิมโอเวอร์ฮีทอีกหรือไง!!"บูสเตอร์พูดด้วยเสียงแข็งเหมือนจะให้บันกิรัสออกไปจากที่นี่ให้จงได้

ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดครึ้ม แดดที่กำลังสว่างจ้าถูกเมฆดำบดบังแสงที่กำลังทอดลงมาจากฟ้าสู่พื้นล่าง...มีลมแรงจากทางด้านหลังของบันกิรัส พายุนี้เหมือนพายุทรายที่บันกิรัสเคยเรียกมาเมื่อก่อน แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว... เพราะว่าครั้งนี้มีลมซึ่งรุนแรงกว่ามาก เม็ดทรายก็ดูเหมือนจะเล็ดลอดผ่านขนตาของโปเกมอนหลายๆตัวได้ง่ายขึ้น

"ทุกคน ระวังตัวด้วยนะ พายุทรายมาแล้ว"บูสเตอร์เรียกพวกพ้องด้วยความเป็นห่วงว่าอันตรายจะเกิดขึ้น แต่พายุทรายที่พัดแรงขึ้นเรื่อยๆเริ่มเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้มากยิ่งขึ้น....ตาของบูสเตอร์เริ่มมองไม่ค่อยเห็น ทั้งร่างกาย จิตใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความทรมาณ และในโอกาสนั้นเอง!!!!

"โต้กลับ(Payback)!!"บันกิรัสใช้มือของเขาต่อยลงไปที่ตัวของบูสเตอร์อย่างแรงจนจมลงไปบนพื้นดิน ตอนนี้บูสเตอร์อาการยังร่อแร่ ตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยถลอกปอกเปิกไปทั่วทั้งตัว ขนสีแดงอันฟูฟ่องของเขาเริ่มฉีกขาดเป็นเส้นๆเพราะแรงโจมตีที่หนักหน่วงของไดโนเสาร์ตัวนั้น!!!

"เมื่อกี้ทำได้แสบมากเลยนะ บูสเตอร์ แต่ไฟแค่นั้น ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกเฟ้ย!!!"บันกิรัสพูดด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราด และเขากำลังจะเหยียบหมาป่าน้อยด้วยเท้าอันใหญ่โตของเขาให้จมมิดไปกับพื้นดิน แต่ทว่า!!!

"นี่!! จะทำอะไรบูสเตอร์น่ะ"

เสียงนี้ทำให้บันกิรัสหันขวับไปทางต้นเสียง เขาเห็นหมาป่าร่างสีดำยืนตระง่านอยู่ตรงหน้าของเขา วงแหวนสีเหลืองที่กลางหน้าผาก ต้นขาและรอบหางของเขาเรืองแสงสีเหลืองและค่อยๆดับไป....

"แก...เป็นใครกันน่ะ"บันกิรัสยกขาขึ้นมาวางที่พื้นที่เดิมแทนที่จะเหยียบบูสเตอร์ให้จมลงไปในดินกว่าเดิม...

"ฉันน่ะเหรอ คงไม่ต้องถามหรอกมั้ง..."แบล็กกี้พูด

"ชาโดว์บอล(Shadow ball)!!!~"เมื่อสิ้นเสียง ที่ปากของแบล็กกี้ก็เริ่มมีเม็ดสีดำๆขึ้นที่ปาก เม็ดนั้นเริ่มรวมกันเป็นลูกบอลขนาดใหญ่สีดำม่วง เขาพยายามรวบรวมพลังเต็มที่แล้วปล่อยไปที่บันกิรัส!!!!

"ตูมมมม!!!"เสียงนั้นระเบิดขึ้นที่ตัวของบันกิรัส ควันเริ่มออกมาจากหน้าท้องของเขา ควันที่ออกมาทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้พักหนึ่งแต่เมื่อควันจางลงแล้ว เขาก็พบว่า.....บันกิรัสไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!!!

"เนี่ยเหรอ..ชาโดว์บอลของแก มันทำอะไรข้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว...."

"คลื่นมังกร(Dragon pulse)!!!"

บันกิรัสเริ่มปล่อยคลื่นสีฟ้าอมเขียวเรืองแสงออกมาจากปาก พุ่งมายังแบล็กกี้!!!!!

_________________________________________________________

ทางด้านโฟลทเซล บุยเซล ชาวเวอร์ กลาเซียและทหารโปเกมอนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญกับฝูงหมาป่ามีเขาขนาดใหญ่ เฮลการ์(Houndoom)นั่นเอง!!!!

"เรากำลังจะเผิญศึกหนักกันแล้ว ระวังตัวด้วยนะลูก"โฟลทเซล โปเกมอนวีเซิลทะเล ผู้มีแผงคอเป็นห่วงยางสีเหลือง หางเป็นสองแฉกสีส้มพูดกับลูกน้อยด้วยความเป็นกังวล และกำลังเตรียมท่าพร้อมสู้

"แฮ่!!!"หมาป่าสีดำเฮลการ์กระโจนเข้ามาหาบุยเซลด้วยสายตาที่อยากจะทำร้ายเขาเหลือกำลัง...

"สปีัดสตาร์(Swift)!!!~"

โปเกมอนวีเซิลขนาดเล็กที่มีห่วงยางสีเหลืองพันอยู่รอบคอหรือุยเซลน้อยของเรา ใช้มือของเขาซึ่งถูกเคลือบด้วยแสงสีขาวๆ พุ่งเข้าใส่ท้องเฮลการ์ตัวนั้น เมื่อมันโดนสปีดสตาร์แล้วถึงกับล้มลงและหมดสภาพไปในทันที!!!

"ดีมาก ลูกรัก ไปกันเถอะครับท่านชาวเวอร์ ท่านกลาเซีย"โฟลทเซลพูดกับหมาป่าตัวสีฟ้าทั้งสองพร้อมกระโจนออกจากที่ๆยืนอยู่

พวกทหารโปเกมอนผู้กล้าทั้งหลายลุยเข้าสู่ฝูงเฮลการ์อย่างไม่หยุดยั้งจนฝูงหมาป่าเริ่มอ่อนแอลง.... แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็มีหมาป่าขนาดใหญ่กระโจนออกมาจากฝูงซึ่งกำลังชุลมุนกับทหารเชมี่นั่นก็คือ...หัวหน้าฝูงเฮลการ์นั่นเอง!!! หัวหน้าฝูงตัวนี้แม้ว่าตัวจะไล่เลี่ยกับเฮลการ์ทั่วๆไปแต่เขาของมันยาวโง้งน่ากลัวและที่สำคุญ มันยังมีทักษะการต่อสู้สูงมากอีกด้วย!!

"พวกแก...กล้าทำร้ายฝูงของข้ายังงั้นเรอะ..."เฮลการ์ตัวนนั้นพูดด้วยเสียงโทนต่ำจนฝ่ายเชมี่รู้สึกกดดัน....

"กรรรรร!!!~"เฮลการ์ได้กระโจนเข้ามาที่โฟลทเซลในขณะที่เขายังไม่ทันจะตั้งตัว มันกัดเขาที่คอจนล้มลงไปท่ามกลางโปเกมอนตัวอื่นที่กำลังยืนอึ้งอยู่

"ทะ...ท่านโฟลทเซล!!!"ชาวเวอร์โปเกมอนหมาป่าซึ่งมีแผงคอคล้ายกับหมวกอาบน้ำและมีหางเป็นปลาพูดด้วยเสียงที่ตกใจมาก

ในขณะเดียวกันโฟลทเซลก็กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยแรงกัดที่รุนแรงของหัวหน้าฝูงหมาป่า...เขารู้สึกว่าบริเวณที่โดนกัดมันเริ่มร้อนขึ้นทุกที ที่ร้อนขึ้นเป็นเพราะท่า"เขี้ยวเพลิง(Fire fang)"ของเฮลการ์!!!

"มะ...ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ...รีบไปจัดการตัวอื่นๆก่อนเถอะครับ"โฟลทเซลบอกให้คนอื่นๆไปด้วยน้ำเสียงที่ทรมาณ....

"ฮึ้ย!!!"โฟลทเซลใช้ขาล่างของเขาถีบตัวเฮลการ์ออกไปจากคอของเขาซึ่งตอนนี้มีแผลพุพองอยุ่เป็นจำนวนมาก แต่เฮลการ์ก็สามารถถอยกรูดออกไปตั้งหลักได้และมันก็กระโจนเข้ามาทางโฟลทเซลอีก!!! แต่ตอนนี้โฟลทเซลสามารถตั้งหลักได้แล้วเขาจึงตอบโต้ได้....แค่รอโอกาสนั้นเท่านั้นแหละ....

========================================================

โฟลทเซลจะงัดกลยุทธิ์อะไรมาสู้กับหมาป่่าตัวนี้หนอ....

To Be Continue....

ปล.เนื่องจากเวลาอันน้อยนิดจากการสอบ ส่งผลให้ผู้เขียนลงได้เพียงเท่านี้(สั้นเกิน) ขอโทษจริงๆนะคะm(_ _)m

Link to comment
Share on other sites

โอ้ มาอ่านแล้วครับ

แบล็กกี้มาแล้ว~! แต่ก็แน่ละ โกสต์หรือจะสู้มารได้ แถมพายุทรายยังเพิ่มพลังป้องกันพิเศษให้บันกิรัสอีก ไร้รอยขีดข่วนแบบนั้นก็สมควรแล้ว =_=

รอบนี้ฉากต่อสู้ยังดุเดือดได้ใจเหมือนเดิม มีการเล่นภาษาสำนวนมากขึ้น ทำให้ฟิคดูน่าสนใจขึ้นมากเลยครับ

ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ต้องแก้ไข~

บันกิรัสเพ่งดูที่บูสเตอร์ราวกับว่าจะประเมินราคาตัวเขา....

ใช้คำว่าประเมินค่าดีกว่าครับ ประเมินราคามันฟังดูเหมือนจะเอาบูสเตอร์ไปชั่งกิโลขาย =o=

ขนสีแดงอันฟูฟ่องของเขาเริ่มฉีกขาดเป็นเส้นๆเพราะแรงโจมตีที่หนักหน่วงของไดโนเสาร์ตัวนั้น!!!

ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมาย ! ก็ได้ เพราะเป็นการบรรยายว่าตอนนี้สภาพเป็นยังไง

หัวหน้าฝูงตัวนี้แม้ว่าตัวจะไล่เลี่ยกับเฮลการ์ทั่วๆไปแต่เขาของมันยาวโง้งน่ากลัวและที่สำคุญ มันยังมีทักษะการต่อสู้สูงมากอีกด้วย!!

อืม...ตรงนี้ไม่ต้องบรรยายหรอกว่าเฮลก้ามันเก่งแค่ไหนอ่านะ เพราะพวกโฟลทเซลเพิ่งเจอกับมันเป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่ามันจะเก่งแค่ไหน ถ้าจะบรรยายว่ามันเก่งแค่ไหน ควรบรรยายตอนที่มีฉากต่อสู้ของเฮลก้าให้เห็นดีกว่า

จะติดตามชมตอนต่อไปเน้อ~ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

เริ่มบรรยายได้ยอดเยี่ยมขึ้นแล้วนะครับเนี้ย~!!!

กองทัพของฝ่ายข้าศึกนี้มีแต่พวกเก่งๆทั้งนั้นเลยนะเนี้ย บูสเตอร์ผู้ร้อนแรงยังต้องพ่าย แบล็กกี้ผู้(อาจจะ)เย็นชายังต้องแพ้

ว่าแต่....ทำไมโฟลทเซลถึงได้แสดงอาการแพ้ธาตุไฟอย่างนั้นละ ธาตุน้ำชนะธาตุไฟไม่ใช่เหรอ?

Link to comment
Share on other sites

ใช้คำว่าประเมินค่าดีกว่าครับ ประเมินราคามันฟังดูเหมือนจะเอาบูสเตอร์ไปชั่งกิโลขาย =o=

ง่า...เหมือนกับจะเอาบูสเตอร์ไปชั่งกิโลจริงๆด้วย ครางหน้าจะปรับใช้คำให้ดีกว่านี้ค่ะ= =

เริ่มบรรยายได้ยอดเยี่ยมขึ้นแล้วนะครับเนี้ย~!!!

กองทัพของฝ่ายข้าศึกนี้มีแต่พวกเก่งๆทั้งนั้นเลยนะเนี้ย บูสเตอร์ผู้ร้อนแรงยังต้องพ่าย แบล็กกี้ผู้(อาจจะ)เย็นชายังต้องแพ้

ว่าแต่....ทำไมโฟลทเซลถึงได้แสดงอาการแพ้ธาตุไฟอย่างนั้นละ ธาตุน้ำชนะธาตุไฟไม่ใช่เหรอ?

ในขณะเเดียวกันไฟก็สามารถทำให้น้ำระเหยได้ค่ะ :pika01:

======================================

CHAPTER13: Vs.Manyula ep.3 เขี้ยวvs.เขี้ยว Final part

....โฟลทเซลและเฮลการ์กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยใช้ฟันที่แหลมคมหรือ"เขี้ยว"ในการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้ง2คน....

"เขี้ยวเพลิง(Fire fang)!!!"เขี้ยวของเฮลการ์เริ่มมีเพลิงอันร้อนแรงเกิดขึ้น แล้วหมาป่าสีดำก็กระโจนเข้าไปหาโฟลทเซลในทันทีที่เขี้ยวของมันติดไฟแต่โฟลทเซลก็....

"เขี้ยวน้ำแข็ง(Ice fang)!!!"เขี้ยวอันคมกริบของโฟลทเซลเริ่มมีน้ำแข็งเคลือบอยู่รอบๆ โดยที่มันพร้อมจะกัดคู่ต่อสู้ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...

แต่ครั้งนี้เฮลการ์เปลี่ยนไปกัดที่หางของโฟลทเซลเพื่อไม่ให้เขาใช้ท่าที่เกี่ยวกับหางได้... แต่ในขณะเดียวกันโฟลทเซลก็เอี้ยวตัวไปกัดที่กลางลำตัวสีดำของเฮลการ์....

ทั้งคู่กัดกันอย่างไม่ปล่อยจนต่างฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับจนเนื้อตัวของทั้งสองเปรอะเปื้อนเลอะเทอะไปด้วยดินทราย ท่ามกลางการต่อสู่ที่ดุเดือดของโปเกมอนทหารตัวอื่นๆ

จนกระทั่ง......หางของโฟลทเซลซึ่งเฮลการ์ยังกัดอยู่จมเขี้ยวเริ่มเปียกแฉะไปด้วยน้ำ...ซึ่งโฟลทเซลปล่อยออกมาก็เพราะเขาต้องการาจะทำอะไรบางอย่าง....

"นะ...นี่มันน้ำอะไรกันน่ะ"เฮลการ์พูดด้วยเสียงที่ประหลาดใจอย่างยิ่งเพราะไฟซึ่งกำลังติดที่หางของโฟลทเซลค่อยๆมอดลง....

"หึหึหึ...เตีรยมพบกับเซอร์ไพรส์ได้เลย เฮลการ์!!!"โฟลทเซลพูดด้วยเสียงที่มีเลศนัย

"อควาเทล!(Aqua tail)!!"หางซึ่งเปียกน้ำอยู่แล้วเหวี่ยงเฮลการ์ขึ้นไปบนฟ้าอย่างแรงจนปากของมันหลุดออกจากหางของโฟลทเซล ร่างของเฮลการ์ตกลงมาที่พื้นดังตึงอย่างแรงจนทหารทุกนายหันมามอง ดวงตานับร้อยคู่จ้องมาที่จุดๆเดียว ฝูงเฮลการ์เมื่อเห็นว่าเจ้านายของพวกมันได้พ่ายแพ้แล้วต่างก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง จนทำให้กองทหารฝ่ายเชมี่ได้รับชัยชนะไป!!!

"แฮ่ก...แฮ่ก...ชนะแล้วสินะ....."

โปเกมอนวีเซิลพูดไปหอบไปด้วยความดีใจก่อนที่จะล้มลงด้วยความเหนื่อยอ่อนที่เกิดจากการต่อสู้กับหัวหน้าฝูงหมาป่า...จนพวกโปเกมอนตัวอื่นๆต้องพยาบาลกันอย่างโกลาหล...

_______________________________________________________________

ในขณะเดียวกันเอลเรด ซาไนท์ ลูคาริโอ้และริโอลูกำลังต่อกรกับฝูงแอบโซลซึ่งพังประตูเข้ามา....

"เอาล่ะ...ทุกคน ระวังตัวให้ดีนะ พวกมันกำลังจะโจมตีเข้ามาแล้ว!!"เอลเรดทำสีหน้าเคร่งเครียดโดยฝูงแอบโซลเริ่มเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ทีละน้อยๆก่อนที่...

"หยุดนะ!"เสียงอันทรงอำนาจดังมาจากข้างหลังฝูงหมาป่าเขาโง้ง เหล่าทหารแอบโซลต่างหลีกทางให้หัวหน้าฝูงของพวกเขาซ่งเดินอย่างเย่อหยิ่งมาที่พวกเอลเรด

"พวกแกเองสินะ...ที่ชอบมาขัดขวางท่านมานิวล่าอยู่เรื่อย...."

"หนอย...เป็นแค่แอบโซลอย่ามาหยิ่งแถวนี้นะ กล้าพูดกับท่านราชา ท่านราชินีและผู้พิทักษ์แห่งปราณแบบนี้ได้ยังไงกันน่ะ!!!"ริโอลูพูดโต้ตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

"เฮอะ...หมาน้อยเช่นเจ้าน่ะเหรอจะมาต่อกรกับข้า...."แอบโซลเพ่งที่ริโอลูด้วยนัยตาที่แดงเถือกเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

"หนอย..."ริโอลูรีบพุ่งตัวไปที่แอบโซล...

"ดะ...เดี๋ยวก่อน ริโอลู!!! นายกับแอบโซลน่ะ ฝีมือมันคนละชั้นกันนะ"

ลูคาริโอ้เตือนน้องชายด้วยเสียงอันดัง แต่เสียงเหล่านั้นไม่ได้ไปถึงสติสัมปชัญญะของริโอลูเพราะตอนนี้เขาสนใจแต่การกำจัดแอบโซลตัวนี้เท่านั้น....

ในขณะที่ริโอลูกำลังกำหมัดเข้าไปต่อยแอบโซลแต่ก็...

"โจมตีฉับพลัน(Sucker punch)!!!"แอบโซลหายตัวไปต่อหน้าต่อตาริโอลูแล้วโผล่มาด้านหลัง มันใช้เขาที่แหลมคมฟาดเข้าที่ตัวริโอลูอย่างแรงจนริโอลูล้มลงไปกองกับพื้น แล้วเขาก็ใช้เท้าหน้าซึ่งมีเล็บแหลมคมกดเข้าไปที่อกของริโอลูจนแทบจมไปกับพื้นดิน...

"จะ...เจ็บ..."ริโอลูร้องออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่าจนแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้วแต่เขาก็พยายามยกเท้าของแอบโซลขึ้นมาจากอกของเขา

"ริ...ริโอลู..."ลูคาริโอ้ เอลเรดและซาไนท์ตกใจเป็นอย่างมากที่แอบโซลสามารถโจมตีริโอลูจนหมดสภาพได้ภายในพริบตา(เพราะอบิลิตี้ของแอบโซลSuper luckทำให้โจมตีโดนจุดตายในพริบตา)

"หึ...แค่นี้ยังตกใจกันขนาดนี้เชียวเหรอ....ถ้างั้นฉันจะฝังพวกแกที่นี่เลยก็แล้วกัน...หึหึ"แอบโซลยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนที่เขาจะใช้...

"พายุใบมีด(Razor wind)!!!!"แอบโซลใช้เขาที่คมกริบสร้างลมออกมาอย่างรุนแรง สังเกตดีๆลมซึ่งพัดอยู่นั้นสามารถทำให้ผนังของพระราชวังเชมี่ถล่มลงมา...และเพดานซึ่งอยู่ข้างบนเอลเรด ซาไนท์และลูคาริโอ้ก็กำลังจะถล่มลงมาเช่นกัน!!!

"ครืนนนน!!!"

เพดานชั้น2ของปราสาทเชมี่เริ่มพังทลายลงมาทับเอลเรด ซาไนท์และลูคาริโอ้แล้ว!!!!!!!~

====================================================

เหตุการณ์เพดานถล่มนี้จะเป็นยังไงกันหนอ....

To Be Continue...

ปล.ขอคอมเม้นท์เช่นเดิมค่ะและขอขอบคุณทุกๆท่านที่มาติชมค่ะ :pocha08:

Link to comment
Share on other sites

Guest
This topic is now closed to further replies.
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.