Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

ฟิคโปเกมอน *<~The Pokemon Future Destiny (Remake)~>*


bluewind

Recommended Posts

มาอ่านเเล้วค่า หลังจากที่หายไปหลายตอน เเหะๆ พวกมาดาสึโบมิเปลี่ยนของบูชาง่ายดีนะ ฮ่าๆ โดยส่วนตัวชอบรูปค่ะ ฮาดี -v-

ส่วนปีกของมาดาสึโบมิใช่ปีกของอาเกฮันท์รึเปล่า??

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 262
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • bluewind

    36

  • ChaosPhoenix

    18

  • Loveless Nova

    18

  • Hermit

    16

เห๊ะ โออิชิมัทฉะมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ (ฮา)

อ่านชื่อท่า"ลำแสงกระตุ้น"แล้วสะดุดแปลกๆแฮะ แต่มินนี่ก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไรดีเหมือนกัน = ="

ปล.พจจามะจางงงงง แอร๊ยยยยยยย มีบทนิดนึงก็ดี พจจามะ~~~~ >w<~!!

ปลล.ฮาหลวงพ่อมาดาสึโบมิกางปีกอาเงฮันท์ (ใช่ปะ - -) wwwwww

Link to comment
Share on other sites

หินนิรันดร์  - - ไอเทมใหม่สินะ  แต่ตอนช่วงที่กินชาเชียวแล้วล่องลอยแบบนั้น นึกถึงโฆษณาโกโก้ครั้นซ์เลยอะ

Link to comment
Share on other sites

เหล่ามาดาสึโบมิเปลี่ยนมาบูชาโออิชิมัทฉะกันซะแล้ว

วันข้างหน้าถ้าเปลี่ยนของบูชาอีก

คงจะไม่ใช่เป็นชาขาวเพียวริคุหรอกนะ

ปล.ฮารูปหลวงพ่อมาดาสึโบมิติดปีกอาเงฮันท์

Link to comment
Share on other sites

พวกคนอื่นๆที่ยังงงกับการโจมตีของโทเงคิสอยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจกับความหมายของเคทเข้าไปอีก

น่าจะใช้คำว่า "คงงุนงง" แทนนะ ใช้งงอันเดียวแล้วมันฟังแปร่งๆ พิกลสำหรับโอม orz

แขนดาบของเอลเรดเปล่งแสงสีเขียว และฟาดเข้าใส่ไมนันอย่างรวดเร็ว ฉัวะ!!!! แต่ไมนันก็วิ่งหลบได้อย่างรวดเร็ว

คำซ้ำจ้า ลองเปลี่ยนประโยคเพื่อหลีกเลี่ยงเจอสัมผัสกับคำซ้ำดู

อาจจะเป็น "และฟาดเข้าใส่ไมนันอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าไมนันเองก็เร็วพอที่จะหลบแขนข้างนั้นได้อย่างปลอดภัย บลาๆ" ก็ได้นะเคอะ

แต่คราวนี้ลำแสงนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าเอลเรดจะไม่ทันได้สังเกต

"แต่คราวนี้ลำแสงนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และเอลเรดเองก็เหมือนจะไม่ทันได้สังเกตซะด้วยสิ..."

แขนดาบของเอลเรดเปล่งแสงสีเขียว และฟาดเข้าใส่ไมนันอย่างรวดเร็ว ฉัวะ!!!! แต่ไมนันก็วิ่งหลบได้อย่างรวดเร็ว มันสังเกตเห็นรอยที่เอลเรดฟันไปนั้นเหมือนจะมีรอยหญ้าเขียวๆอยู่ด้วย ทั้งๆที่จุดที่ฟันไปเป็นแผ่นไม้ทั้งดุ้น “(นั่นคงเป็นผลของท่าคมดาบใบไม้สินะ…)” ไมนันคิด

ลองเคาะัเว้นบรรทัดบางช่วงดูเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านน่อว์ บางจุดอาจจะเป็นห้วงๆ หนึ่งที่ให้ตัวละครมีการพูด

ถ้ามันดูสำคัญๆ ลองเคาะเว้นเพื่อเน้นประโยคที่ตัวละครนั้นคิด/พูดดูก็ได้ จะได้ฟิลลิ่งเยอะขึ้นเลยตอนอ่าน XD

เปรี้ยงงงงงงงงง!!!!!!!!! จู่ๆก็ปรากฏสายฟ้าขนาดใหญ่จากเหนือหัวของเอลเรด ผ่าลงมาสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงด้วยฝีมือของพลัสเซิลที่อยู่ข้างหลังเอลเรดเอง...

“อว้ากกกกกกกกกก!!!!!!!!”

“มีครับหลวงพี่ ผมถือว่าเป็นการถวายสังฆทานให้หลวงพี่ละกันนะครับ~” ว่าแล้วดาเนะคุงก็หยิบชาเขียวถุงใหญ่จากในถุงใส่คอสเพลย์มาถวายให้เหล่าพระ มาดาสึโบมิทันที (ดาเนะคิด – ความจริงเราสะสมซองชาเขียวจากขวดโออิชิ มัทฉะต่างหาก เรานี่ฉลาดจริงๆเอิ๊กๆ)

ความจริงส่วนตรงวงเล็บจะเอาไปใส่ในเรื่องเลยก็ได้นะ เป็นความคิดของเนะคุงแทน ฮ่าๆ

เปลี่ยนสไตล์การเขียนใหม่สินะ เดี๋ยวจะรอดูต่อไปก็แล้วกัน รอเฮียบลูวินชินกับแบบนี้ก่อน

+ + + + + + + + + + + +

ปีกเป็นของ Beautifly, yes or no?!

เนะคุง... เราสิ้นศรัทธาในตัวนายแล้ว... (ฮา)

แต่ชาเขียวซองก็อร่ิอยเหมือนกันนะ lolololololol

ตอนหน้านั่งรอดูว่าจะไปที่ไหนต่อ แต่เริ่มติดในพจจามานกับมารีนะแล้วแฮะ XD

Link to comment
Share on other sites

ตอนนี่ พลัสเซิล ไมนัน นี่เก่งจังแหะ ><

พลังทำลายวัดได้เลย

Link to comment
Share on other sites

เหมือตอนนี้จะบรรยายน้อยไปหน่อยนะครับ โดยเฉพาะตอนต่อสู้น่ะ -w-"

(มะ....เม้นท์ไม่ออก....)

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

อยากบอกว่าไม่เคยกินชาเขียวแหละ!!!

แหม่ แต่โชคดีจังที่แอบสะสมไว้ พอดีเข้าร่วมงานคอสแล้วมีแจกบ่อย ๆ นี่คงติดอยู่ในชุดน่ะ

@มารีนะ พี่ไม่ใช่โดเร*** แต่พี่คือฟูชิกิดาเนะ!! ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ ชุดมันก็ต้องมีทีว่างไว้เก็บของเป็นธรรมด๊าา

ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ

--------------------

ว้าค ฮั่ค ๆ ๆ ๆ ๆ

โอ้ย ฮาสะใจมากมายxD

พลัซเซิลแอนด์ไมนัน ช่างพลังล้นเหลือ

อย่างนี้สิหัวหน้าของพวกเรา เฮ่!

Link to comment
Share on other sites

โออิชิ!!!!!! (น้ำในตำนานนั่น เคยหลอกตังเราไปแล้ว *รสชาติไม่ต่างจากน้ำเปล่าเท่าไหร่*)

หลวงพ่อเคยทำงานที่ปังตาเซียมาหรือเปล่าครับ lol~

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่13แล้ว  :pika01: ตอนนี้สนุกดีนะครับ ฉากบู๊บรรยายได้ดีนะ ผมเห็นภาพตามอะ

และก็เรื่องนี้มี 'ท่านผู้นั้น' แล้วสินะ  :pika08:

จะดูต่อไป ว่าท่านผูนั้นเป็นใคร

Link to comment
Share on other sites

อ่านแล้ว2ตอน...เมนท์รวบยอดเลยละกันนะครับ

สนุกดีครับ บรรยายเห็นภาพ แต่บางทีก็งงๆนิดหน่อย...

ท่านผู้นั้น เป็นใครกันนะ...อย่าบอกนะว่า"โคยคิง"*ปัง*

Link to comment
Share on other sites

เกือบจะได้ร่างแปลงอีกร่างของมาดาสึโบมิ แล้วสิ

Link to comment
Share on other sites

ชาเขียวสุดยอด!!! เราเชื่อว่าคุณจะบิินได้ดุจบัตเตอร์ฟรีเมื่อคุณได้ลอง เอิ้ก~

ต่างฝ่ายต่างก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการสินะ โฮะๆๆๆ

แต่ไมนันตัวน้อยของเราดันทำลายวัดซะเรียบ พร้อมโบยความผิดให้ศัตรูเสียงั้น ใช่ไม่ได้เลยนะ~ เจี๊ยกกกก!!!

Me/ สายฟ้าสังหาร...

Link to comment
Share on other sites

  • 3 weeks later...

ขอโทษที่ขนขึ้นตัวครับ - -

*****************************************************

ความเดิมตอนที่แล้ว – ด้วยแผนการลอบโจมตีของเคท ทำให้พวกพลานันสามารถพาพวกมาดาสึโบมิที่บาดเจ็บหลบหนีออกจากวัดมาดาสึโบมิได้สำเร็จ แม้วัดจะถล่มพังพินาศไปด้วยฝีมือของไมนัน(?)ก็ตาม และด้วยการแลกเปลี่ยนของดาเนะ ทำให้พวกพลานันได้รับดินโพแทสซันจากพวกมาดาสึโบมิ ภารกิจของพวกเขาสำเร็จแล้ว...แต่ในขณะเดียวกัน พวกคิระเองก็ได้ของสิ่งหนึ่งติดตัวกลับไปด้วยโดยที่พวกพลานันไม่ได้รู้ตัว...

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 14 บ้านนอกเข้ากรุง

ณ สถานที่แห่งหนึ่ง.....ซึ่งไม่สามารถบรรยายลักษณะของสถานที่นั้นได้

คิระและมองบลังต์แห่งกองทัพเทอร์เรอร์ อยู่ภายในห้องๆหนึ่งซึ่งมีบุคคลลึกลับจำนวนมากที่ยังไม่เปิดเผยตัวอยู่ที่นี่ เหมือนกับครั้งที่โปเกมอนจักจั่นเทคคานินนำข่าวสารมาบอกให้ทุกคนรู้...

“ที่พวกแกสองคนพูดมาน่ะเป็นความจริงเรอะ!?” โปเกมอนลึกลับที่ยืนอยู่บนพื้นที่สูงที่สุดกล่าวถามคิระและมองบลังต์ที่นั่งคุกเข่าก้มหัวให้กับมันอยู่

“เป็นความจริงค่ะ” คิระรายงานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่เหมือนกับเสียงยามปกติของเธอ

“แสดงว่าพวกมันเห็นพวกแกสองคนแล้ว แล้วยังไงต่อ พวกแกจัดการปิดปากมันแล้วใช่มั้ย?” โปเกมอนลึกลับตัวนั้นถามต่อ คำถามนี้กลับทำให้คิระต้องลังเล ได้แต่อ้ำอื้ง คำพูดติดอยู่ในคอ จะกลืนก็ไม่ได้ จะคายก็ยิ่งแย่

“ตอบมาเร็วๆ!!” โปเกมอนลึกลับตัวนั้นเริ่มใช้โทสะตะคอกถามคิระอีกครั้ง เธอถึงกับสะดุ้งเฮือก เธอต้องรีบตอบแล้ว “อึก!...พ...พวกมันหนีไปได้ค่ะ...”

“ว่ายังไงนะ!!!! นี่พวกแกปล่อยให้มันเห็นหน้าไม่พอ ยังปล่อยให้มันหนีไปได้อีกเรอะ!!!” โปเกมอนลึกลับตัวนั้นตะคอกด้วยน้ำเสียงโมโหเดือด คิระที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็ยิ่งทำตัวลีบเล็กเข้าไปอีกด้วยความหวาดกลัวผู้เป็นใหญ่

“แต่พวกเราเองก็คาดไม่ถึงนะครับ! ว่าจะมีมนุษย์คนอื่นนอกจากพวกเราอยู่ที่โลกโปเกมอนแห่งนี้ด้วย” มองบลังต์รีบรายงานขัดจังหวะอารมณ์โมโหของโปเกมอนตัวนั้น ก่อนที่คิระจะแย่ไปกว่านี้

“และอีกอย่าง เราก็ได้หินนิรันดร(Everstone)ที่ท่านต้องการกลับมาตามคำสั่งแล้วนะคะ” คิระที่หายกลัวแล้วก็รายงานต่อจากมองบลังต์ทันที

“เฮอะ! ช่างมัน ถึงจะเจอเรื่องไม่คาดฝันอย่างเรื่องพวกมนุษย์คนอื่นก็ตาม แต่ยังไงก็ได้หินนิรันดรมาแล้ว เราจะได้ดำเนินขั้นตอนต่อไปได้ซะที” โปเกมอนลึกลับตัวนั้นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แสดงให้เห็นว่าแม้พวกคิระจะสำเร็จภารกิจตามที่มอบหมาย แต่มันก็ไม่ทำให้โปเกมอนตัวนั้นไม่พอใจเลย

“ว่าแต่เจ้านั่นได้ไปถึงที่นั่นรึยัง?” โปเกมอนปริศนาหันไปถามมนุษย์อีกคนหนึ่งที่อยู่ในเงามืดจนมองไม่เห็นใบหน้า

“เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างไปได้สวย ที่เหลือก็สอดแนมและรอการเก็บข้อมูลเท่านั้น” เขาตอบเสียงเรียบนิ่ง น่าสังเกตที่เขาไม่ได้ทำความเคารพเหมือนอย่างคิระและมองบลังต์ โดยโปเกมอนปริศนาตัวนั้นไม่ได้ถือสาอะไรเลย

"งั้นรึ...ถ้างั้นก็คงต้องรอผลการทำงานของเจ้าพวกนั้นแล้วสินะ..." มันเอ่ยคำพูดที่ความหมายฟังดูคลุมเครือ

[glow=rosybrown,3,300]O......................................................................................O[/glow]

เรามาดูทางด้านของกลุ่มคาออสบ้าง

“หวาว~! นี่น่ะเหรอเมืองโคงาเนะน่ะ!?” คิซาเนะเอ่ยอย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อลงจากรถม้าแกลลอปที่โดยสารมา คนอื่นๆที่ลงจากรถตามเธอมาต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอด้วยเมื่อได้มองไปรอบๆทัศนียภาพของจุดหมายที่พวกเขาได้มาถึง

ใช่แล้วครับ ขณะนี้คาออส คิซาเนะ สปอร์ และฟูร์นิเยร์ได้มาถึงเมืองโคงาเนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่มีทั้งตึกรามบ้านช่อง สถานที่ ร้านรวงต่างๆที่คล้ายกับในโลกมนุษย์ เพียงแต่มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับขนาดตัวของโปเกมอนเท่านั้น และทุกที่ที่พวกเขาหันมองก็ล้วนมีแต่พวกโปเกมอนเดินกันขวักไขว่ โดยรวมแล้วมีบรรยากาศหรูหราปะปนด้วยความเก่าแก่อย่างละนิดอย่างละหน่อยเหมือนเดินอยู่ในกรุงลอนดอน

“ฉันชอบบรรยากาศของที่นี่จังเลยนะคะ ดูคล้ายกับโลกมนุษย์ที่ฉันอยู่เลย” ฟูร์นิเยร์ที่เดินไปตามฟุตบาทกับทุกคนหันมองไปรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น เธอเห็นทั้งรถม้าแกลลอป และพวกโปเกมอนขนส่งขนาดใหญ่เคลื่อนที่ไปมาบนท้องถนน เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าถนนในเมืองนี้ไม่ได้ลาดยางเหมือนในโลกมนุษย์ แต่ใช้หินเรียบๆปูถนนเหมือนในสมัยก่อนเท่านั้น

“ใช่มั้ยล่ะ? รู้มั้ยว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่มีความก้าวหน้าที่สุดในทวีปโจโตเรี่ยนเชียวนะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับสื่อต่างๆเช่นหนังสือพิมพ์ ทีวี และก็ภาพยนตร์ ที่สำคัญที่นี่เป็นเมืองเกิดของฉันเองด้วยนา~” เกรเซียกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เชิดหน้าแสดงมาดเจ้าบ้านอย่างเต็มที่

“อุ๊ย ดูนี่สิคะ!” ฟูร์นิเยร์หยุดมองหน้าร้านขายทีวีร้านหนึ่ง เธอเข้าไปใกล้และมองผ่านกระจกใสหน้าร้านเข้าไป เบื้องหลังกระจกมีทีวีหลายเครื่องตั้งเรียงเป็นชั้นๆให้พวกโปเกมอนที่ผ่านไปมาได้เห็น และยังเปิดช่องทีวีต่างๆไว้ทุกเครื่องเพื่อโชว์ความคมชัดให้ลูกค้าดูเล่น แต่สิ่งที่ทำให้พวกคาออสรู้สึกสนใจก็คือ ทีวีเหล่านั้นล้วนเป็นระบบภาพขาวดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมากในโลกมนุษย์ของพวกเขา แม้แต่ระบบเสียงก็ยังฟังดูโบราณๆ ไม่คมชัดใสกริ๊บอย่างทีวีที่พวกเขาคุ้นเคย

“นี่มันสมัยคุณย่าของฉันที่ได้ดูเลยนะเนี่ย~ ฉันอยากเห็นมากเลยละ ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นของจริง” ฟูร์นิเยร์พูดอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นทีวีขาวดำแบบคลาสสิคๆที่เธอต้องการ

“อื้ม...ขนาดฉันเองยังเกิดไม่ทันรุ่นนี้เลยนะเนี่ย” คาออสเข้ามาดูตามฟูร์นิเยร์ด้วย

“เอ๋? พูดเป็นเล่นไปน่า นี่มันรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางขายเลยเชียวนะ?” เกรเซียรู้สึกแปลกใจในคำพูดของคู่หูเธอไม่น้อย

“มันใหม่ล่าสุดในโลกของเธอ แต่ที่โลกฉันมันตกยุคไปเป็นชาติแล้ว~ ฉันได้ดูทีวีหลากสีสันทุกวัน ไม่ได้มีแค่ขาวดำนี่หรอก เชยจัง” สปอร์อวดอ้าง ทำท่ายืดแบบเกรเซียเป็นการเกทับ และผู้ที่ถูกเกทับคนนั้นก็เกิดอาการฟอร์มหลุดทันที “ว-ว่าไงนะยะ!?”

น่าแปลกที่ปิจูเองก็เป็นโปเกมอนที่อยู่ในโลกนี้ กลับไม่ใส่ใจกับคำพูดของคู่หู แถมยังทำหน้าเยาะเย้ยตามสปอร์ด้วย แต่คิซาเนะไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ตัวเธอที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับทนไม่ได้จนต้องต่อว่าเขา “ให้มันน้อยๆหน่อยนะคะสปอร์! พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ! ถ้าบอกว่าโลกของเกรเซียแค่พัฒนาล้าหลังกว่าโลกของเราฉันจะไม่ว่าเลยนะคะ!”

“(ฉันว่าเธอนั่นแหละพูดได้เจ็บที่สุด...)” ทุกคนที่มองคิซาเนะต่างก็พูดในใจแบบนี้...ส่วนเกรเซียน่ะเหรอ เธอไปนั่งหลบมุมอยู่ในซอกตึกเรียบร้อยแล้ว

“อะฮึๆ...ฉันว่าบ้านเกิดฉันมีทีวีที่ทันสมัยสุดๆแล้วนะ แต่ทำไมที่โลกมนุษย์ถึงมีทีวีสีได้ล่ะ พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม...” เธอบ่นอยู่คนเดียว โทนเสียงของเธอช่างฟังแล้วน่าหดหู่ยิ่งนัก

“แหม~ Stand up right now เถอะเกรเซีย ไอว่าเราควรจะรีบไปยังปราสาทของท่านเดียลก้าได้แล้วนะ เราไม่ได้มาเลือกซื้อทีวีนี่นา” ชิลทาริสเข้าไปปลอบเกรเซีย ทั้งท่าทางและการใช้คำพูดในสายตาพวกคาออสดูเหมือนพวกสาวๆรุ่นเดียวกันปลอบโยนกันและกันมากกว่า

“นั่นสินะ…ฮึ่ย!! เลิกสนใจทีวีแล้วรีบไปปราสาทของท่านเดียลก้าได้แล้วพวกเรา! อย่าช้า!” จิ้งจอกสาวหลุดพ้นจากความโศกเศร้า กลับมาอยู่ในโหมดเจ๊ใหญ่เหมือนเดิม พวกคาออสที่เห็นความแปรปรวนของอารมณ์ของเธอต่างก็แอบยิ้มแบบหน่ายๆ

“(เชอะ...ฉันละไม่ชอบอีตานี่จริงๆเลย ปากเสีย!)” คิซาเนะบ่นอยู่ในใจ ชำเลืองมองสปอร์อย่างไม่เป็นมิตร

[glow=midnightblue,3,300]O......................................................................................O[/glow]

และขณะนี้ พวกคาออสอยู่ในห้องโถงใหญ่ของปราสาท ห้องนี้เป็นห้องที่ก่อขึ้นด้วยหินสีน้ำเงิน สร้างความรู้สึกที่สงบและลึกลับอย่างน่าประหลาด บนผนังห้องฝั่งตรงข้ามของพวกคาออสมีนาฬิกาสีทองทั้งห้าเรือนถูกแขวนไว้บนผนังสูง แต่ละเรือนบอกเวลาตามแคว้นทั้งห้าบนดาวดวงนี้ บนเพดานมีโคมระย้าเพชรขนาดใหญ่เพียงชิ้นเดียวที่ให้แสงสว่างได้ทั้งห้อง อีกทั้งภายในห้องนี้มีโปเกมอนหลายตัวที่ดูมียศถาบรรดาศักดิ์ยืนเรียงกันตามผนังห้องอีกด้วย

“ทุกคนทำความเคารพ” เกรเซียบอกกับพวกคาออส พร้อมทั้งคุกเข่าทำความเคารพโปเกมอนตัวหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์บนพื้นยกระดับ พวกคาออสที่เห็นดังนั้นจึงทำตามด้วย

โปเกมอนตัวนี้คือเดียลก้า โปเกมอนรูปร่างเหมือนสัตว์สี่ขาที่มีผิวสีน้ำเงินเข้ม มีแถบสีเงินและฟ้าตามตัว มีอัญมณีสีน้ำเงินฝังในกลางอก หางสีเงินที่แผ่ออกเหมือนพัดเหล็ก ทำให้แสงที่ส่องกระทบได้สะท้อนบนตัวจนเปล่งประกาย เขาเป็นราชาผู้ปกครองทวีปโจโตเรี่ยนแห่งนี้

“เรียนท่านพระราชาเดียลก้า หม่อมฉันได้มาที่นี่เพื่อรายงานการมาเยือนของชาวมนุษย์โลก และเข้าร่วมการประชุมเรื่องการวางแผนวิธีรับมือกองทัพเทอร์เรอร์ตามที่ฝ่าบาทได้นัดเอาไว้ พร้อมกับมนุษย์ทั้งสี่คนนี้แล้วเพคะ”

จากนั้นไคริวได้กล่าวรายงานต่อจากเกรเซีย “จากการเปิดประตูมิติด้วยเครื่องย้ายมวลสาร ทำให้มีมนุษย์โลกเดินทางมายังโลกโปเกมอน 12 คน เราได้รับพวกเขาเข้าร่วมกองกำลังบ้านต้นไม้ เพื่อเป็นกำลังเสริมในการสู้รบกับกองทัพเทอร์เรอร์ โดยเกรเซียได้ให้มนุษย์ทั้ง 12 คนได้จับคู่กับโปเกมอนในกองกำลังบ้านต้นไม้ เพื่อใช้ในการต่อสู้ด้วยการเปลี่ยนร่างโปเกมอนให้เป็นอาวุธ พะยะค่ะ”

“อืม ข้าเข้าใจแล้ว”

เดียลก้าพยักหน้ารับคำรายงานของไคริว จากนั้นเขาได้กล่าวต้อนรับกับพวกคาออส “ข้าได้รู้เรื่องราวของมนุษย์โลกอย่างพวกเจ้าจากจดหมายที่เกรเซียส่งมาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว ยินดีต้อนรับพวกเจ้าสู่โลกโปเกมอน และเพื่อความสะดวกในการสนทนา ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าใช้ภาษาสามัญในการสนทนากับข้าได้”

สปอร์ยืนตัวตรงอย่างสงบนิ่งด้วยความเคารพต่างจากเวลาปกติที่ยืนด้วยท่าทางสบายๆเอามือล้วงกระเป๋า คาออสกับคิซาเนะมีท่าทางอึดอัดเล็กน้อย แต่ฟูร์นิเยร์ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลย “คะ – ค่า! หม่อมฉันขอขอบพระคุณฝ่าบาทนะคะ!”

ฟูร์นิเยร์ก้มหัวปลกๆด้วยความตื่นเต้นทั้งที่เดียลก้าก็อนุญาตแล้วว่าให้ใช้คำสามัญได้ จนเกรเซียอดรู้สึกเซ็งจิตไม่ได้…

“ถ้าอย่างนั้น กระผมขอถามคำถามครับ ท่านรู้เรื่องพวกเทอร์เรอร์ที่จะมารุกรานได้อย่างไรครับ? ทั้งๆที่มีแต่พวกเซเรบี้ที่ย้อนเวลามาเท่านั้น” สปอร์ถามอย่างสุภาพ ไม่เหมือนในเวลาปกติที่เขาชอบพูดจากวนๆเลย

“นั่นเป็นเพราะว่าตัวข้าเองก็เป็นผู้ควบคุมเวลาเช่นเดียวกัน และมีพลังแห่งเวลาที่แรงกล้ากว่าเซเรบี้เสียอีกนะ เพราะว่าข้านี่แหละคือผู้ถ่ายทอดพลังแห่งเวลาให้กับเซเรบี้ ดังนั้น หลังจากที่ข้าแน่ใจแล้วว่าพวกเซเรบี้ได้ทำการย้อนเวลาเรียบร้อยแล้ว ข้าจึงย้อนเวลาตามเซเรบี้มาอยู่ในยุคเดียวกันด้วยยังไงล่ะ” เดียลก้าตอบ

“ขออนุญาตถามนะคะ ดิฉันได้ถามพวกเกรเซียถึงเรื่องของครอบครัวของพวกเรา ที่ดิฉันคิดว่าพวกเขาจะเป็นห่วงเพราะจู่ๆพวกเราก็หายตัวไป เกรเซียได้บอกพวกเราแล้วว่าท่านได้ใช้สิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว ท่านทำได้ยังไงหรือคะ?” คิซาเนะถามบ้าง

“นั่นเป็นเพราะว่าหลายวันก่อนที่พวกเกรเซียจะทำการเรียกพวกเจ้ามา ข้าได้ปรึกษากับเกรเซียไว้แล้วว่าข้าจะประดิษฐ์เครื่องมือที่จะแก้ปัญหาเรื่องช่วงเวลาในโลกของเจ้าได้อย่างถาวร ข้าก็เลยสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา”

เมื่อเดียลก้าพูดเสร็จ ก็มีโปเกมอนตัวหนึ่งเข็นโต๊ะไม้แบบมีล้อเลื่อนเดินมาอยู่ข้างหน้าไดรุก้า พวกคาออสเห็นสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะนั้นได้อย่างชัดเจน มันคือนาฬิกาทรายประหลาดที่ขนาดใหญ่กว่าแบบธรรมดาในโลกของพวกเขาเป็นเท่าตัว ไม้ที่ล็อกตัวนาฬิกาทรายไว้ถูกแกะสลักตกแต่งอย่างสวยงาม และมีทรายสีฟ้าสดใสอยู่ภายใน มันอยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้จับเวลา เพราะทรายยังอยู่ที่ก้นนาฬิกา

“นี่คือนาฬิกาทรายมนตรา เป็นนาฬิกาทรายที่ใช้ติดตั้งบนดาวที่ต้องการ และสามารถหยุดเวลาของดาวได้ทั้งดวงจนกว่าข้าจะหยิบมันออก มีเวลาจำกัดในการใช้ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น นี่เป็นเพียงนาฬิกาสำรองที่เก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ส่วนอีกชิ้นหนึ่งข้าได้ติดตั้งมันไว้ที่โลกของพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ”

“อื้อหือ~!” พวกเขายกเว้นคาออสได้แต่อุทานไม่เป็นคำศัพท์ แม้แต่สิ่งที่แหกกฏธรรมชาติอย่างการหยุดเวลาได้ดั่งใจนี้เดียลก้าก็ยังสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถสร้างนาฬิกาทรายนี้ได้ถึงสองชิ้น แล้วพลังการควบคุมเวลาที่แท้จริงของเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน

ปึง!

ประตูห้องโถงถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน ตามด้วยหัวหน้าทหารโปเกมอนนายหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องแล้วรายงานอย่างรวดเร็ว

“รายงานฝ่าบาทพะยะค่ะ! มีกองทัพศัตรูไม่ทราบสัญชาติ ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด ปรากฏตัวที่นอกเมืองฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างออกไปสามกิโลเมตรพะยะค่ะ!”

รายงานนี้ทำให้พวกคาออสแทบสะดุ้งเฮือก แม้พวกมันจะยังไม่มาถึง แต่การที่ศัตรูกำลังจะมาถึงเมืองในไม่ช้าก็ทำให้พวกเขารู้สึกเสียวสันหลังไปตามๆกัน

“ส่งหน่วยรบออกไปสามหน่วย ขับไล่พวกมันออกไปให้ได้ อย่าให้พวกมันได้เข้ามาใกล้ตัวเมืองเด็ดขาด แล้วก็คอยจับตาดูทางด้านอื่นๆของเมืองไว้ให้ดีด้วย อาจจะมีกองกำลังเสริมของพวกมันจากที่อื่นบุกเข้ามาก็ได้”

“รับทราบพะยะค่ะ!” นายทหารโปเกมอนตัวนั้นคำนับและวิ่งออกจากห้องโถงไป ระหว่างนี้คิซาเนะก็หันไปถามเกรเซียบ้าง

“กองทัพไม่ทราบสัญชาติที่ว่านั่น จะเป็นพวกเทอร์เรอร์รึเปล่าน่ะคะ?”

“เป็นไปได้ แต่ฉันว่าทางนั้นให้ทหารของท่านเดียลก้าจัดการเองดีกว่า พวกเราต้องไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ทิศเหนือของเมือง เรามีภารกิจแค่เก็บดินไปให้นายน้อยเท่านั้น” เกรเซียตอบเสียงเบา จากนั้นเธอก็หันไปรายงานกับพระราชา

“เรียนฝ่าบาท พวกหม่อมฉันจะขอตัวไปรวบรวมดินที่สวนสาธารณะทางเหนือก่อนนะเพคะ”

“ได้...ระวังตัวด้วยล่ะ ลางสังหรณ์ข้าสัมผัสได้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับภารกิจของพวกเจ้า”

“ขอบพระคุณมากค่ะ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอทูลลา” เกรเซียย่อตัวลงเป็นการทำความเคารพอีกครั้ง พร้อมกับพวกคาออส ก่อนที่จะออกจากปราสาทไป

[glow=firebrick,3,300]O......................................................................................O[/glow]

ตัดมาทางด้านตรอกแคบๆจุดหนึ่งของเมืองโคนาเงะ มีบุคคลลึกลับอยู่สองคนได้หลบซ่อนตัวจากสายตาโปเกมอนทั่วไปในบริเวณนี้...

“แผนเป็นยังไงบ้าง?...” คนหนึ่งถามขึ้นด้วยเสียงโทนต่ำที่ฟังดูกดดัน

“เรียบร้อย~ ตอนนี้พวกทหารออกไปกรูกันที่นอกเมืองแล้วละ” อีกคนหนึ่งตอบด้วยเสียงที่ร่าเริงแบบเด็กผู้ชายแนวลุยๆ

“ถ้างั้น...เรามาทำอะไรมันส์ๆกันดีกว่า”

เสียงพูดของเขาฟังดูมืดหม่นตรงข้ามกับเนื้อหาของสิ่งที่เขาพูดโดยสิ้นเชิง เขาชักดาบเหล็กเล่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังขึ้นมา....

[glow=black,2,300]O......................................................................................O[/glow]

โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนที่ 15 ครับ

ปล.แถม ผมใช้ต้นแบบของเมืองโคงาเนะในเรื่องนี้มาจากลอนดอนสมัยเก่า หน้าตาก็คล้ายๆแบบนี้ละครับ

mysong167.jpg

ขอโทษทีที่ในรูปมันอาจจะไม่เก่า - -

Link to comment
Share on other sites

เมื่อเดียลก้าพูดเสร็จ ก็มีโปเกมอนตัวหนึ่งเข็นโต๊ะไม้แบบมีล้อเลื่อนเดินมาอยู่ข้างหน้าไดรุก้า

ตั้งใจจะพิมพ์ว่า เดียลก้า?

คนสองคนท้ายเรื่องนั้นใครหว่า

เกรเซียน่ารัก อิอิ XD

ปล.ตอนนี้ไม่มีภาพประกอบ... *โดนตบร่วง*

Link to comment
Share on other sites

มีนาฬิกาแขวนอยู่ตั้ง 5 เรือนแน๊ะ ช่างเป็นอะไรที่รอบคอบจริงๆ

เดียลก้า ถ่ายทอดพลังแห่งเวลาให้เซเลบีด้วย เป็นเหมือนท่านอาจารย์เซเลบีสินะ

ต่อไปก็ไปเก็บดินละ จะเก็บยังไงต้องไปรอลุ้นกันต่อนะนิ =w=

ปล.น่าจะบอกด้วยว่าทรายสีฟ้าสดใสทำจากอะไร ถึงได้มีพลังมากมายขนาดนี้ (อาจบรรยายสรรพคุณเวิ่นเวอร์เข้าไปเช่น เกล็กทรายสีฟ้าสดใส่นี้ทำจากขี้เล็บของข้า เป็นต้น)

/-me โดนถีบ

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วนะ ท่าทางลางสังหรณ์ของเดียอัลก้าจะแม่นยำน่าดูเลยแฮะ

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่14ละ นาฬิกาทรายหยุดเวลานั่นแก้ปัญหาได้ดีจริงๆ ส่วนสองคนที่โผล่มาทีหลัง แต่ไม่เผยชื่อนั่นใครหว่า  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ตอนนนี่ตัดกลับมาอีกกลุ่มแล้วนึกว่าเรื่องจะตัดไปที่บ้านต้นไม้ซะอีก

เมืองนี่ท่าจะนาน

ตัวละครมีดาบในนี่มีไม่กีคนหรอกมั้งครับ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

เดียลก้าเป็นพระราชา หรือว่าหัวหน้าเทอร์เรอร์จะเป็น!! หรือจะหักมุมกันนะ :pika01:

โคงาเนะแบบสมัยเก่าก็น่าเที่ยวดี แต่แอบชอบโหมดไฮเทคมากกว่า

Link to comment
Share on other sites

เหมือนกับว่าจะเดินทางย้อนเวลาไปในอดีตเลยนะเนี้ย หุๆๆ มนุษย์ทั้งหลายทำเอาอาเจ๊โปเกม่อนจิ้งจอกน้ำแข็งจ๋อยไปได้เลย

มาแป๊บเดียวก็มีกองทัพบุกมาแล้ว ต้องต่อสู้ไวกันจังเลยน้า~ ถ้าตอนต่อไปมาไวๆก็คงจะดีสินะ

Link to comment
Share on other sites

เห็นแล้วคิดถึง อยากแต่งฟิกบ้าง

ไว้วันว่าง ๆ จะมาอ่าน

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.