Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

ฟิคโปเกมอน *<~The Pokemon Future Destiny (Remake)~>*


bluewind

Recommended Posts

อืม...คิดถึงผงพิเศษอันนี้จังแฮะ

ตอนสมัยเด็กใช้บ่อย (แต่ไม่ใช่ยี่ห้อร่วงชูชีพนะ - -)

โอ้~ จะเผยโฉมตัวร้ายแล้ว

เวลาปรากฏตัวจะพูดแบบแก๊งร็อคเก็ตป่าวหว่า (พูดอะไรออกไปเนี่ยเรา -*-)

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 262
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • bluewind

    36

  • ChaosPhoenix

    18

  • Loveless Nova

    18

  • Hermit

    16

Guest bulbabenz

ตาโตว---------

หลวงพ่อมาดาสึโบมิ...........

**อ้าปากค้างไปสามวินาที**

ร่วงชูชีพเนียนมั่กส์

หลวงพ่อก็ตวาดแร๊งแรง *^*

เอาและ ใกล้เพลาลุย!

Link to comment
Share on other sites

ลืมเว้นวรรคบางจุด (เล็กน้อย...) กับในตอนแรก :

ความเดิมตอนที่แล้ว กลุ่มของพลานัน ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเขา เคท ดาเนะคุง และมารีนะ ได้เดินทางไปยังป่าคิเคียวเพื่อค้นหาดินโพแทสซันซึ่งเป็นธาตุอาหารพืชสำคัญในการรักษาเซเรบี้ พวกเขาได้มาพบกับวัดประหลาดที่ตั้งอยู่กลางป่า พวกเขาได้ตัดสินใจค้างแรมที่นี่ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าภายในนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่...

@ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @

เป็นวัดแท้ๆ แต่ไหงเธอว์ไปบูชาอะไรงมงายซะงั้น?! *โดนโกนหัว*

แล้วไอ้ ร่วงชูชีพ นี่ ทำไม PKBasic ไปทำผงอะไรแปลกๆ แบบนั้นได้?!

มีแต่จุดให้ตบมุขทั้งนั้นเลยเว้ยเฮ้ย!! *พลั่ก*

อ้อ รูปยังแอบมีพลาดเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร (ฮา)

Link to comment
Share on other sites

อาน่าสงสัยจริงๆรู้จักกันได้ไงน่ะพวกโปเกมอน

ตัวร้ายโผล่มาแล้วคงได้เห็นฉากต่อสู้กันบ้างล่ะตอนหน้า

Link to comment
Share on other sites

อ่านแล้วๆ~*

แหมตอนนี้เป็นตอนที่รู้สึกว่าอ่านได้เต็มที่ดี : []~ (อารมณ์ฟิคมา)

แย่จัง โดนเข้าใจผิดซะแล้วสิ แต่เมื่อหลวงพ่อเห็นตัวการแบบนี้ไม่ไล่โกนหัวทั้งสองฝ่ายเลยเหร้อะ? (ฮา)

ปล. เสาโอนเอนนี่ ไอเดียมาจาก...สินะ =___=~*

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วนะฮะ~~~ :shinx01:

เอ๋!?  :shinx11:

ผงพิเศษตราร่วงชูชีพ!?!?

มุกนี้ฮาได้ใจมากเลยอ่ะฮะ เห็นมีเเต่ตราร่มชูชีพ แต่นี่มันร่วงชูชีพ~!!

(ต้องบอกว่าฮาจริงๆฮะโดยเฉพาะตอนดูภาพร่มชูชีพมีไฟไหม้อ่ะขำสุดๆ)555+ :shinx09:

ป.ล.โทษทีนะฮะทีพึ่งมาเม้ล เพราะว่าอ่านมานานแล้วยังไม่เม้ลซักที

Link to comment
Share on other sites

พวกเขาได้ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา และทันทีที่ลงน้ำหนักปลายเท้าไปยังพื้นไม้กระดาน ก็เกิดเสียงน่าขนลุก...

เกิดเสียงน่าขนลุกเฉยๆสินะคะ น่าจะเป็น"ก็เกิดเสียงน่าขนลุกขึ้น"มากกว่ามั้ง  :pika01:

ผงพิเศษตราร่มชูชีพยังไม่ค่อยเนียนนะคะ lol

ตอนนี้สนุกมาก ตั้งหน้าตั้งตาดูต่อไป (ตัวร้ายมาแล้วว...)><"

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านตอนล่าสุดละ ฮาผงพิเศษตาร่วงชูชีพ และก็จับโกนหัว :pika01: โปเกม่อนโดนโกนหัวจะเป็นยังไงแฮะ

ปล.ตอนนี้สนุกดีครับ ไม่มีอะไรวิจารณ์ คุณหนูคิระที่ว่าตอนแรกนึกว่าเป็นคิมูระ :pika11: ชื่อคล้ายๆกัน

Link to comment
Share on other sites

หลวงพ่อมาดาสึโบสิ.....เอ่อ ก็วัดนี้อานะ.... -*-

ผงวิเศษตราร่วงชูชีพรึ....ไม่เคยได้ยินแฮะ (แม้แต่ตรา ร่มชูชีพก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน)

โลกมนุษย์กับโลกโปเกม่อนตีปนกันม่วเลยแฮะฟิคนี้ ไปๆมาทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูดิจิตอลเวิร์ลเลยน้า~ (โลกดิจิตอลมันมีของๆมนุษย์อยู่ปนมั่วในทุกๆแห่งนี้นะ ทั้งตึกกลับหัวเอ่ย สารพัด...)

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...
  • 3 weeks later...

ขอโทษทุกคนจริงๆครับ ผมติดสอบจนไม่ได้ลงเสียนาน และตอนล่าสุดนี้ผมแต่งมันควบทีเดียว 2 ตอน เลยช้าไปอีก 4 วัน T_T

ผมสัญญาว่าจะตามอ่านของทุกๆคนแน่นอนครับ ขอโทษทุกคนด้วยครับ

**********************************************

ความเดิมตอนที่แล้ว – แท้จริงแล้ววัดนี้คือวัดมาดาสึโบมินั่นเอง ที่นั่นพวกเขาได้พบกับดินโพแทสซันที่ถูกใช้เป็นสิ่งสักการะบูชาของวัด พวกพลานันพยายามร้องขอดินโพแทสซันจากพวกมาดาสึโบมิ แต่พวกมันก็ไม่ยอมเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ก็มีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งได้มาเยือนที่วัดนี้ด้วยเช่นกัน...

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 12 คนละพวกเดียวกัน

“วัดกลางป่าแบบนี้มีอะไรให้บุกรุกด้วยเหรอเนี่ย? ถามจริง?” อูริมูหันไปพูดกับไมนัน “ไม่รู้สิ ฉันว่าสงสัยเป็นโปเกมอนโจรป่าธรรมดาๆละมั้ง”

“ทุกคน! รีบลงไปจัดการกับผู้บุกรุกเร็วเข้า!!!” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิสั่งการพวกตัวอื่นๆให้ลงไปจัดการกับผู้บุกรุก แล้วเขาก็หันมาชี้หน้าพวกพลานัน “ไว้พวกข้าลงไปจัดการกับผู้บุกรุกนั่นก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์เรื่องผงพิเศษตราร่วงชูชีพกับพวกเอ็ง!”

แล้วมันก็วิ่งเขย่งๆพวกมาดาสึโบมิตัวอื่นๆไป ปล่อยให้พวกพลานันยืนงง...

“ฮู่ว~! นึกว่าพวกเราจะโดนโกนหัวซะแล้ว...” พลานันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าทุกคนมองเขาด้วยสายตาสมเพชพิกล เหมือนจะบอกว่า ‘เรื่องนั้นมันน่าห่วงตรงไหน?’

“ยังไงก็เถอะ จิ๊กโหลใส่ดินนี่เลยดีกว่า เรื่องอะไรจะไปทำตามที่หลวงพ่อบอกล่ะ งมงายจิ๊บเป๋ง” ดาเนะคุงคว้าโหลใส่ดินที่วางอยู่บนหิ้งไปเก็บไว้หน้าตาเฉย

“ไอ้เราเห็นท่าทางเมื่อกี้ก็นึกว่ารุ่นพี่จะเป็นคนธรรมะธรรมโม ใจสะอาดซะอีก...” มารีนะเอามือก่ายหน้าผากอย่างปวดจิต

“ดีละ ตอนนี้เราได้ดินมาแล้ว รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” เคทว่า ทุกคนก็เห็นด้วย และพากันลงไปจากชั้นนี้เพื่อตรงไปยังประตูทางออกที่อยู่ชั้นล่างสุดทันที

[glow=sienna,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

“อ๊ากกกกกกก!!!!!......”

พวกพลานันที่กำลังลงมาจากชั้นบนได้ยินเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นมาจากชั้นล่าง พวกเขาคิดตรงกันว่าเสียงแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ

“นั่นเสียงที่ต่อสู้กับผู้บุกรุกที่ว่าน่ะเหรอ!?” พลัสเซิลที่เกาะอยู่บนไหล่ของพลานันถาม

“แต่ฉันว่าผู้บุกรุกนั่นคงไม่ใช่ธรรมดาแล้วแหละ เล่นซะพวกนั้นร้องดังมาถึงนี่เชียว” ไมนันที่เกาะอยู่ที่ไหล่อีกข้างตอบ

“ฉันว่าเราคงได้สู้กับผู้บุกรุกนั่นแน่ๆเลย หึย~! ชักมันส์ๆ” อูริมูที่เกาะบนถุงใส่ชุดคอสเพลย์ไดโนเสาร์พ่นลมจมูก ทำท่าตื่นเต้นอย่างชัดเจน

“ถ้าผู้บุกรุกที่ว่าเขาไม่ได้ปิดทางออกของเราก็คงจะดีนะเจ้าคะ” พจจามะที่อยู่ในอ้อมอกของมารีนะพูดด้วย

แต่เมื่อพวกพลานันลงมาถึงห้องโถงชั้นล่างสุดก็ต้องพบกับสภาพที่น่าตกใจ เหล่ามาดาสึโบมิที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่กลับล้มหมดสติเกลื่อนห้องเต็มไปหมด แม้กระทั่งเจ้าอาวาสมาดาสึโบมิซึ่งเป็นเพียงตัวเดียวที่ยังไม่ล้ม ก็มีสภาพที่บอบช้ำเต็มที ในขณะที่เบื้องหน้าของมันคือวินดี้ โปเกมอนคล้ายเสือผสมสิงโตขนาดใหญ่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูออกจากห้องที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว

“นะ...นี่พวกเอ็งเป็นใครกันแน่...?” ท่านเจ้าอาวาสร้องถามอย่างตื่นตระหนก

โปเกมอนเสือสีส้มตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าไม่พูดอะไรตอบกลับมา และวินาทีต่อมา มันก็หายวับไปจากสายตาของมาดาสึโบมิตัวนั้นทันที

เปรี้ยงงงงงงง!!!!!!!

แต่ในขณะเดียวกับที่วินดี้หายไปนั้น ร่างของมาดาสึโบมิสีทองตัวนั้นก็ปลิวไปในอากาศ กระแทกกับผนังห้องเสียงดังตึง ก่อนที่จะร่วงลงมานอนกับพื้นออย่างหมดสภาพ ส่วนตัววินดี้นั้นปรากฏว่าอยู่อีกฝากหนึ่งของห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้แต่พวกพลานันเองก็ยังมองไม่ทัน...

“ฉันก็คือวินดี้...แห่งกองทัพเทอร์เรอร์ยังไงล่ะ”

มันตอบคำถามให้กับมาดาสึโบมิที่มันเพิ่งจัดการไปเมื่อกี้นี้เอง

และวินดี้ที่หันมาทางพวกพลานัน แทบจะทำให้หัวใจพวกเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลยทีเดียว “หือ!? ที่นี่นอกจากจะมีมาดาสึโบมิแล้วยังมีพวกมนุษย์อยู่ด้วยรึเนี่ย?”

“เหวอ! มันมองมาทางนี้แล้ว!!” พลานันอุทาน เขารีบหลบไปอยู่ข้างๆดาเนะคุง

“ไม่ต้องสนใจมันแล้ว! ฉันว่ารีบไปจากที่นี่ดีกว่า!” ดาเนะคุงว่า ทุกคนก็พากันวิ่งหนีตามที่เขาบอกทันที พวกเขาลงจากบันได แล้ววิ่งกรูไปยังประตูทางออกที่วินดี้เปิดโล่ง...แต่แล้วจู่ๆก็มีใบมีดสีเขียวยืดออกมาจากประตูทางออกนั้น!? โชคดีที่พวกพลานันรีบยั้งฝีเท้าไว้ได้ทันเวลา

ปรากฏว่าใบมีดที่เห็นเป็นเพียงส่วนแขนของโปเกมอนที่ก้าวเท้าออกมาจากประตูทางออกเท่านั้น มันเป็นโปเกมอนที่รูปร่างดูคล้ายมนุษย์ ร่างกายท่อนบนเป็นสีเขียว ท่อนล่างและใบหน้าเป็นสีขาว มีเดือยสีแดงบนหน้าอกและหลัง แขนและศอกที่ยื่นออกมาดูยาวเรียว คมกริบดุจมีดดาบ...

“พวกเจ้าอย่าขยับ! เราไม่ให้พวกเจ้าไปไหนทั้งนั้น” สำเนียงของโปเกมอนตัวนั้นฟังดูโบราณเหมือนในหนังญี่ปุ่นย้อนยุค

“อ๊า!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” มารีนะอุทาน

ขณะเดียวกับที่โปเกมอนใบมีดค่อยๆเดินต้อนให้พวกพลานันถอยหลังไป ก็มีมนุษย์อีกสองคนเดินตามหลังโปเกมอนตัวนั้นมาด้วย

“แหม ทำงานได้เรียบร้อยดีนี่วินดี้”

“เอลเรด ถอยกลับมาได้แล้ว”

วินดี้ และโปเกมอนใบมีดที่ถูกเรียกว่าเอลเรดถอยกลับไปหา ‘คู่หู’ ของเขา พวกพลานันต้องตะลึงงันอย่างยิ่งที่พวกเขาเห็นมนุษย์คนอื่นอีกนอกจากพวกเขาเอง

“เหวอ!? น-นอกจากพวกเราแล้วยังมีมนุษย์คนอื่นอีกเหรอ!?” พลานันอุทาน เขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเจอแต่เรื่องราวที่ไม่คาดฝันติดๆกันมากมาย

“ดูท่าทางจะไม่ใช่การกระทำของพวกคนดีเลยนะ? พวกเธอเป็นใครกัน?” เคทว่า

“อะแฮ่ม! ขอแนะนำตัวเลยละกันนะ” มนุษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กสาวสวมแว่นและเสื้อผ้าหลากสีสันเอามือประทับอก แสดงกิริยาแนะนำตัวอย่างมั่นใจ “ฉันโซมะ คิระ”

“มองบลังต์ กรีส โซริเอ็ตเต้ เป็นเกียรติที่ได้รู้จัก” มนุษย์อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กหนุ่มชุดสูทดูมีภูมิฐาน ขยับหมวกแนะนำตัว

“เรากำลังตามหาของสิ่งหนึ่งในวัดแห่งนี้ ตามคำสั่งของผู้นำกองกำลังเทอร์เรอร์ของเรา” เอลเรดบอก

“แต่ก็ดูเหมือนว่าการที่พวกเราได้พบกับมนุษย์อย่างพวกแกจะอยู่นอกเหนือแผนการของพวกเรานะ? ผู้นำเราสั่งว่าให้กำจัดทุกคนนอกจากพวกเราที่ล่วงรู้แผนการของเราเสียด้วย” วินดี้เสริม

IMG.jpg

“อึ๋ย! ทำไมพวกคุณคิดจะทำอะไรโหดร้ายแบบนั้นน่ะ!? พวกคุณเป็นมนุษย์แท้ๆทำไมถึงคิดจะจัดการเราล่ะ!?” พลานันร้องถาม

“ก็เพราะว่านี่เป็นคำสั่งน่ะสิ...คนที่ขัดขวางแผนการของพวกเรา มันก็ต้องจัดการไม่ให้เอาเรื่องของเราไปเผยแพร่ให้ใครรู้ และวิธีที่จะทำแบบนั้นได้ ก็คือกำจัดทิ้งซะยังไงเล่า” เด็กสาวตัวเล็กๆอย่างคิระพูดได้อย่างไม่รู้สึกรู้สากับความโหดร้ายของสิ่งที่พวกเธอกำลังจะทำเลยซักนิด

“ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ~! ฮื้ยยยยย!!!” อูริมูพ่นลมจมูกอย่างดุดัน

“เกลี้ยกล่อมอะไรไปก็คงเปล่าประโยชน์แล้วละ พวกเราคงต้องใช้กำลังฝ่าหนีออกไปจากวงล้อมของเจ้าพวกนี้ให้ได้เลย!” ดาเนะคุงบอกกับเพื่อนๆ

“งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง!” โปเกมอนคู่หูของพวกเขาต่างขึ้นมาประจันหน้ากับพวกคิระโดยมีไมนันเป็นแกนนำ “ถ้าเป็น 4 ต่อ 2 ละก็ พวกเราไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว!”

“อ๋อเหรอ? แต่ฉันว่าแค่ฉันคนเดียวก็กวาดพวกแกทั้ง 4 ตัวได้หมดแล้วละมั้ง หึหึหึ…” วินดี้แสยะยิ้มท้าทายพวกไมนัน แถมเอลเรดก็ยังเข้ามาเสริมกำลังข้างๆวินดี้อีกด้วย “ให้ข้าช่วยด้วยอีกคน งานจะเสร็จรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัวนะสหาย”

“หยึย~! พ-พวกเราไม่มีทางชนะแน่ๆเลย!!” พลานันร้องเสียงหลง มันเป็นอะไรที่แย่ยิ่งกว่าการที่เขาเคยโดนโจรขู่ไถเงินที่โลกมนุษย์เสียอีก

“เอ๊ะ!? แล้วโทเงคิ--"

มารีนะที่กำลังจะถามว่าโทเงคิสที่เฝ้ายามข้างนอกเป็นยังไงบ้าง เคทก็เอามือแตะปากของเธอเบาๆเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบไว้ก่อน ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะทำอะไรบางอย่าง...

“กับแค่โปเกมอนตัวเล็กๆแค่นี้ ฉันจัดการได้สบายอยู่แล้ว เตรียมตัวเตรียมใจซะ---“

“เอาเลยโทเงคิส!!”

วินาทีเดียวกับที่จู่ๆเคทก็ตะโกนบอกอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ตรงจุดที่พวกคิระยืนอยู่ก็เกิดระเบิดขึ้น! บรึ้มมมม!!!!!

พวกคิระล้วนกระเด็นล้มไปตามแรงระเบิด เป็นฝีมือของโทเงคิสที่ลอบโจมตีจากทางที่พวกคิระเข้ามาเมื่อครู่นี้นี่เอง!

[glow=black,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนที่ 13 ครับ

**************************************

ปล.ตอนหน้า จะลงในวันศุกร์นี้ครับ :pika01:

ปล2. วาดขนวินดี้ไม่ค่อยเหมือนตัวจริงเลยอ่ะ...พวกสัตว์สี่ขานี่ไม่ถนัดเอาเสียเลยแฮะ ต้องฝึกหน่อยแล้ว

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

สรรหาศัตรูมาสองหน่อ แม่เจ้า

เป็นสองหน่อที่ แบบว่า ไม่อยากคิดสภาพ....................

ปล.รู้สึกเกลียดขี้หน้าบักแว่นนั่นจริง อยากสอยแว่นมากระทืบทิ้งจัง................

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านแล้วนะ จะเริ่มบู๊กันเต็มที่แล้วสินะ

Link to comment
Share on other sites

ศัตรูมันเท่และนิสัยสมเป็นตัวรา้ยจริงๆให้ตายเถอะ

ตอนนี่พลานันโชร์อะไรทึมๆอีกแล้วเป็นผู้นำกลุ่มได้ไงนี่

Link to comment
Share on other sites

เอ๊ะ  เรืื่องนี้ผมใช้บันกิรัสนิ

เห็นวินดี้นึกว่าของเรา  เหวอเลย - -

Link to comment
Share on other sites

พลานันคุงเหมือนเป็นตัวเอกของกลุ่มๆ นี้ที่โดนแย่งซีนเลยแฮะ ฮ่าๆ

แหม เด็กนั่น... อยากเอาคิซาเนะมาเขกกะโหลกซะจริง! (ให้ัมันน้อยๆ หน่อยนะคะ เจ้าเด็กแก่แดดไม่รู้จักเจียมตัว!)

ตกลงเคทหรือพลานันคุงเป็นลีดเดอร์เนี่ย? (ฮา)

Link to comment
Share on other sites

พจจามะ

พจจามะ

พจจามะ

[me=ゆめのけむり]โดนตบ[/me]

ขอแบ่งซีนให้มารีนะมั่งสิ ( ◕ ‿‿ ◕ )

[me=ゆめのけむり]โดนไล่ยิง[/me]

Link to comment
Share on other sites

พลานันทำตัวไม่ค่อยสมเป็นผู้นำกลุ่มเลยแฮะ

แต่ต้องคอยดูต่อไป

เพราะตามสูตรทั่วไปของการ์ตูนหรือนิยาย

คนที่ดูไม่เก่ง มักจะเก่งขึ้นในภายหลัง

(เผลอๆอาจเก่งกว่าคนที่เก่งมาก่อนแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ เหอๆ)

Link to comment
Share on other sites

แต่ในขณะเดียวกับที่วินดี้หายไปนั้น ร่างของมาดาสึโบมิสีทองตัวนั้นก็ปลิวไปในอากาศ กระแทกกับผนังห้องเสียงดังตึง ก่อนที่จะร่วงลงมานอนกับพื้นออย่างหมดสภาพ

วินดี้เมพพพพพ =[]=~!

ตอนนี้มีแต่คนอยากกระทืบคิระแฮะ หุหุ =_____,=+

Link to comment
Share on other sites

อ่านละ ตอนที่12 วินดี้นี่ตัวละครของโน๊ตสินะ แต่เอลเรดนี่ใครหว่า

รอตอนต่อไปครับผม  :pika01:

เข้าใจผิดอย่างแรง เนื่องจากทางนี้ไม่ได้อ่านข้อมูลผู้สมัครท่านอื่น  :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ปะทะกันแล้วสินะ จะเป็นยังไงต่อไป น่าลุ้นจริงๆ!!!

Link to comment
Share on other sites

เราเพิ่งมาอ่าน!!!

อย่างไรก็ตามเราว่าเหมือนบรรยายน้อยลงหรือยังไงก็ไม่รู้อ่านะ

ตามหลักแล้วการบรรยายแบบ Birds view พวกนี้ค่อนข้างจะต้องละเอียด

แต่เท่าที่อ่านเหมือนอู้บรรยายไปเยอะเหมือนกัน...

อย่างไรก็ตามมีส่วนที่เราคิดว่าไม่สมเหตุสมผลอยู่คือตอนที่

ขโมยดินมาได้นี่แหละ... ตอนก่อนออกตัวปกป้องแทบตาย

สุดท้ายทิ้งปลาย่างไว้ให้แมว =_=" (lol)

ลองฝึกวิธีบรรยายเป็น

"(คำพูด)"(คนส่งสาร)(ท่าทางคนพูด)(ผลตอบรับผู้รับสาร)(บรรยากาศที่เปลี่ยนไป)(ความรู้สึกของผู้ส่งสาร)

แบบนี้น่าจะทำให้เห็นภาพแล้วฟิคจะดูละเอียดขึ้น(มั้งนะ)

ประโยคยาวๆอ่านจะเปลี่ยนแพทเทิร์นเป็น

"คำพูด" (บทบรรยาย-----------------

---------------------) "คำพูด"

เพื่อย่อยคำให้ดูน่าอ่านก็ได้นะ!!...

TAKE CARE!!!

Link to comment
Share on other sites

สรรหาศัตรูมาสองหน่อ แม่เจ้า

เป็นสองหน่อที่ แบบว่า ไม่อยากคิดสภาพ....................

ปล.รู้สึกเกลียดขี้หน้าบักแว่นนั่นจริง อยากสอยแว่นมากระทืบทิ้งจัง................

กล้าทำผู้หญิงเหรอครับ = =

ศัตรูมันเท่และนิสัยสมเป็นตัวรา้ยจริงๆให้ตายเถอะ

ตอนนี่พลานันโชร์อะไรทึมๆอีกแล้วเป็นผู้นำกลุ่มได้ไงนี่

เกรเซีย - เพราะเขาอายุเยอะที่สุดยังไงล่ะจ๊ะ - -+

เอ๊ะ  เรืื่องนี้ผมใช้บันกิรัสนิ

เห็นวินดี้นึกว่าของเรา  เหวอเลย - -

ชาโดว์ยังไม่ออกครับ ใจเย็นๆ

พลานันคุงเหมือนเป็นตัวเอกของกลุ่มๆ นี้ที่โดนแย่งซีนเลยแฮะ ฮ่าๆ

แหม เด็กนั่น... อยากเอาคิซาเนะมาเขกกะโหลกซะจริง! (ให้ัมันน้อยๆ หน่อยนะคะ เจ้าเด็กแก่แดดไม่รู้จักเจียมตัว!)

ตกลงเคทหรือพลานันคุงเป็นลีดเดอร์เนี่ย? (ฮา)

อย่าว่าแต่โอมเลย ตอนนั่งแต่งผมยังนึกว่าเคทเป็นผู้นำจริงๆนะนั่น XD

พจจามะ

พจจามะ

พจจามะ

[me=ゆめのけむり]โดนตบ[/me]

ขอแบ่งซีนให้มารีนะมั่งสิ ( ◕ ‿‿ ◕ )

[me=ゆめのけむり]โดนไล่ยิง[/me]

จ้าๆ จะพยายามหาซีนให้ออกนะ =_=

พลานันทำตัวไม่ค่อยสมเป็นผู้นำกลุ่มเลยแฮะ

แต่ต้องคอยดูต่อไป

เพราะตามสูตรทั่วไปของการ์ตูนหรือนิยาย

คนที่ดูไม่เก่ง มักจะเก่งขึ้นในภายหลัง

(เผลอๆอาจเก่งกว่าคนที่เก่งมาก่อนแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ เหอๆ)

นั่นก็ต้องคอยติดตามดูการพัฒนาของเขาครับ

วินดี้เมพพพพพ =[]=~!

ตอนนี้มีแต่คนอยากกระทืบคิระแฮะ หุหุ =_____,=+

แหม ภูมิใจซะด้วย

เราเพิ่งมาอ่าน!!!

อย่างไรก็ตามเราว่าเหมือนบรรยายน้อยลงหรือยังไงก็ไม่รู้อ่านะ

ตามหลักแล้วการบรรยายแบบ Birds view พวกนี้ค่อนข้างจะต้องละเอียด

แต่เท่าที่อ่านเหมือนอู้บรรยายไปเยอะเหมือนกัน...

อย่างไรก็ตามมีส่วนที่เราคิดว่าไม่สมเหตุสมผลอยู่คือตอนที่

ขโมยดินมาได้นี่แหละ... ตอนก่อนออกตัวปกป้องแทบตาย

สุดท้ายทิ้งปลาย่างไว้ให้แมว =_=" (lol)

ลองฝึกวิธีบรรยายเป็น

แบบนี้น่าจะทำให้เห็นภาพแล้วฟิคจะดูละเอียดขึ้น(มั้งนะ)

ประโยคยาวๆอ่านจะเปลี่ยนแพทเทิร์นเป็น

เพื่อย่อยคำให้ดูน่าอ่านก็ได้นะ!!...

TAKE CARE!!!

ไปคุยกันในสไก๊มาแล้ว ขอบคุณมากๆครับที่ให้คำชี้แนะ :pika11:

**************************************************

อาห์ เวลามีตใกล้เข้ามาทุกที...(แล้วเกี่ยวอะไรกับฟิค - -)

ติดตามชมตอนต่อไปได้ ณ เรพต่อไปครับ...

Link to comment
Share on other sites

แม้จะลงดึกไปหน่อย แต่ก็เอาน่ะ วันศุกร์เหมือนกัน = = (โดนคนอ่านตบ)

เชิญรับชมได้เลยครับ

***************************************************

ความเดิมตอนที่แล้ว – ตัวจริงของผู้บุกรุกคือมนุษย์เหมือนกับพวกพลานัน!? นั่นคือโซมะ คิระ และมองบลังต์ กรีส โซริเอ็ตเต้ พวกเขามีโปเกมอนคู่หูเช่นเดียวกับพวกพลานัน อีกทั้งพวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มพวกเทอร์เรอร์ เหล่าผู้ชั่วร้ายที่พวกโปเกมอนแห่งกองกำลังบ้านต้นไม้พูดถึงอีกด้วย เป้าหมายของพวกเขาคือการตามหาบางสิ่งบางอย่างภายในวัดแห่งนี้ และกำจัดผู้ที่รู้แผนการของพวกเขาเสีย รวมถึงพวกพลานันที่มาพบกับพวกเขาโดยบังเอิญอีกด้วย ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ โทเงคิสของเคทก็ลอบโจมตีพวกคิระอย่างไม่ทันตั้งตัว!?

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 13 ค่ำคืนอันวุ่นวายและปลอดโปร่ง

“รีบช่วยพวกมาดาสึโบมิแล้วหนีเร็ว!!!” เคทและโทเงคิสตะโกนบอกทุกคนอีกครั้ง พวกคนอื่นๆที่ยังงงกับการโจมตีของโทเงคิสอยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจกับความหมายของเคทเข้าไปอีก แต่เมื่อพวกเขาเห็นเคทวิ่งไปหอบมาดาสึโบมิขึ้นมาสองสามตัว พวกเขาก็พอจะเริ่มเข้าใจแผนการของเคทแล้ว ดาเนะคุงที่เข้าใจแผนก่อนใครเพื่อนเข้าไปหอบพวกมาดาสึโบมิตัวอื่นๆมายัดใส่รวมกับถุงใส่ชุดไดโนเสาร์ของเขาทันที ก่อนที่มารีนะและพลานันจะเริ่มทำตามที่เคทบอกบ้าง

“หนอย! พวกมันเล่นลอบกัดนี่นา!” คิระพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้งพลางปัดฝุ่นออกจากตัว เธอดูบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ทำได้แสบเชียวนะ บังอาจลอบกัดเหรอ!?” วินดี้ที่ลุกขึ้นมาอย่างไม่ยากเย็นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปจัดการกับโทเงคิสแทน “ความเร็วแสง!!(Extremespeed)”

โครมมมม!!!!

กว่าพวกไมนันที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โทเงคิสก็ถูกวินดี้พุ่งชนอัดติดผนังด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกคนคิดว่าโทเงคิสต้องบาดเจ็บหนักแน่ แต่เปล่าเลย ในสภาพเช่นนั้นมันยังใช้ปีกทั้งสองข้างหุ้มตัวเองเอาไว้เพื่อลดความเสียหายได้อีก

“หึ! ดวงแข็งจริงนะ งั้นลองอีกทีเป็นไง!” วินดี้ตั้งท่าจะโจมตีโทเงคิสซ้ำอีก แต่ดูเหมือนว่ามันจะลืมคู่ต่อสู้อีกคนที่อยู่ข้างหลังไปเสียแล้ว

“จังหวะนี้แหละ! ระเบิดโคลน!!(Mud Bomb)”

“พจจ้า! ลำแสงแช่แข็ง!(Ice Beam)”

อูริมูพ่นโคลนก้อนใหญ่ออกมา ซึ่งระเบิดใส่วินดี้จนถูกอัดติดกำแพงและเปื้อนโคลนหนาๆทั่วทั้งตัว อีกทั้งลำแสงแช่แข็งของพจจามะยังทำให้โคลนที่หุ้มตัววินดี้ถูกแช่เย็นจนแข็งกรังเหมือนหิน มันขยับไปไหนไม่ได้แล้ว “โธ่เว้ย! ไอ้พวกนี้นี่!?”

“อย่านึกว่าทางนี้มีแค่วินดี้เท่านั้นนะ! ข้าจะฟันพวกเจ้าให้ขาดสะบั้น!” เอลเรดตรงเข้ามาเล่นงานพวกไมนันทันที มันเงื้อแขนดาบขึ้นเตรียมจะฟัน

“ถึงตาฉันออกโรงครั้งแรกในฟิคนี้ซะทีนะ! ลำแสงกระตุ้น!!(Charge Beam)” ไมนันชูมือขวายิงลำแสงไฟฟ้าเส้นเล็กตรงเข้าใส่เอลเรด แต่เอลเรดที่วิ่งตรงเข้ามาก็ใช้แขนดาบของมันเพียงข้างเดียวตั้งการ์ดป้องกันไว้ได้อย่างง่ายดาย “หึ! ไร้พลังจริงๆ คมดาบใบไม้!!(Leaf Blade)”

แขนดาบของเอลเรดเปล่งแสงสีเขียว และฟาดเข้าใส่ไมนันอย่างรวดเร็ว ฉัวะ!!!! แต่ไมนันก็วิ่งหลบได้อย่างรวดเร็ว มันสังเกตเห็นรอยที่เอลเรดฟันไปนั้นเหมือนจะมีรอยหญ้าเขียวๆอยู่ด้วย ทั้งๆที่จุดที่ฟันไปเป็นแผ่นไม้ทั้งดุ้น “(นั่นคงเป็นผลของท่าคมดาบใบไม้สินะ…)” ไมนันคิด

“พลังโจมตีของเจ้าแค่นั้นน่ะทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! ย้ากกกกกก!!!” เอลเรดวิ่งตรงเข้ามาหวังจะลงดาบใส่ไมนันอีกครั้ง แต่แล้วไมนันก็หยุดวิ่งและหันหน้าตรงมาทางศัตรู

“แกโดนอีกทีก็รู้ ลำแสงกระตุ้น!!” ไมนันยิงลำแสงไฟฟ้าสวนกลับไปเหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้ลำแสงนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าเอลเรดจะไม่ทันได้สังเกต มันยังคงวิ่งเข้ามาพร้อมตั้งท่าป้องกันด้วยแขนดาบเช่นเดิม “บอกแล้วไงว่าท่าโจมตีของเจ้ามันไร้พลัง!”

เปรี๊ยะะะะะ!!!!!

น่าผิดคาดที่เอลเรดกลับปัดป้องลำแสงนั้นไม่ได้ ถึงกับต้องใช้ขายันพื้นตั้งรับการโจมตีของไมนันเอาไว้ด้วยแขนดาบทั้งสองข้าง จนกระทั่งลำแสงหมดพลังลง เอลเรดลดการ์ดลงด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจไม่น้อย “อะไรกัน!? ทำไมจู่ๆพลังโจมตีก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด?”

“ฟ้าผ่า!!!(Thunder)”

เปรี้ยงงงงงงงงง!!!!!!!!! จู่ๆก็ปรากฏสายฟ้าขนาดใหญ่จากเหนือหัวของเอลเรด ผ่าลงมาสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงด้วยฝีมือของพลัสเซิลที่อยู่ข้างหลังเอลเรดเอง “อว้ากกกกกกกกกก!!!!!!!!”

เอลเรดถึงกับล้มทั้งยืนลงไปเลยเมื่อถูกฤทธิ์พลังฟ้าผ่า เผยให้เห็นพลัสเซิลที่อยู่ข้างหลังเอลเรดที่ล้มพับไปได้ “โอ้! ขอบใจนะพลัสเซิล”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่” น้องสาวของเขาชูนิ้วโป้งให้เป็นสัญลักษณ์ว่า ภารกิจสำเร็จ

“เอาละพวกเรา! รีบหนีออกไปกันเถอะ!!!” เสียงตะโกนของโทเงคิสร้องบอกทุกคน พวกพลานันที่ช่วยเหลือพวกมาดาสึโบมิมาได้แล้วพากันวิ่งหนีออกไปทางประตูทันที แต่คิระกับมองบลังต์ก็เข้ามาขวางไว้ “พวกเราไม่ให้พวกแกหนีไปได้หรอกน่า!!”

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา โทเงคิสบินโฉบเข้าใส่คิระและมองบลังต์อย่างแรงจนล้มกระเด็นได้อย่างง่ายดาย และเปิดทางให้พวกพลานันและโปเกมอนคู่หูของพวกเขาพาพวกมาดาสึโบมิหนีออกไปจากวัดได้โดยไม่เสียเวลามากนัก

“อุ๊บ...หนอย...บ้าชะมัด” เอลเรดยังคงพยายามลุกขึ้นมาได้ แม้มันเพิ่งจะบาดเจ็บจากฟ้าผ่ามาหมาดๆ เมื่อมันเห็นพวกพลานันกำลังพากันหามพวกมาดาสึโบมิออกไปจากวัดก็ตาแทบถลน “อ้าวเฮ้ย!? หยุดเดี๋ยวนี้!!!”

“ฮว้ากกกกกกก!!!!!” ขณะเดียวกันวินดี้ก็สามารถทลายโคลนแข็งที่พันธนาการตัวมันไว้ได้สำเร็จ มันรีบวิ่งไล่ตามพวกพลานันที่กำลังหนีออกไปจากวัดพร้อมๆกับเอลเรดที่ตามเข้ามาสมทบทันที “บังอาจขังฉันเอาไว้! ฉันจะไม่ให้พวกแกหนีไปได้แน่!!!”

“เมื่อกี้ฉันยิงลำแสงกระตุ้นไปสองครั้งแล้วนะ อยากเจอครั้งที่สามใช่มั้ย!? จัดหนักไปเล้ย!!!!”

แซดดดดดดดดดด!!!!!!

ไมนันที่อยู่รั้งท้ายใช้สองมือยิงลำแสงพลังไฟฟ้าอันใหญ่โตผิดกับที่ยิงใส่เอลเรดลิบลับออกมา วินดี้กับเอลเรดต่างกระโดดออกด้านข้างจนหลบพ้นได้ทั้งคู่ แต่ทว่าด้วยความรุนแรงที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับกำลังของไมนัน ทำให้มันควบคุมทิศทางไว้ไม่อยู่ ลำแสงเปลี่ยนวิถีไปโดนเสาหลักของวัดเข้าจนหักเป็นสองท่อน! “เฮ้ย!! ซวยแล้ว!!!”

ไมนันที่เผลอทำเรื่องร้ายแรงระดับชาติเข้า(?)รีบใส่เกียร์หกวิ่งหนีออกไปจากวัด ก่อนที่เสาวัดจะหักโค่นลงมาจนทำให้ทั้งวัดค่อยๆถล่มลง...

ครืนนนนนนนนนนนนน ! ! ! ! ! ! ! !

....................................

......................

.........

[glow=midnightblue,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

และแล้ว วัดมาดาสึโบมิก็ถล่มลงจนตอนนี้กลายเป็นซากวัดที่มีไม้กองมหึมาเท่านั้น...พวกพลานัน และเหล่าพระมาดาสึโบมิยืนมองซากวัดด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

“โอ...นี่วัดของพวกอาตมาถล่มจนกลายเป็นกองซากแล้วรึนี่...น่าเศร้าจริงๆ...” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย

“ทำไมวัดมาดาสึโบมิถึงถล่มได้นะเนี่ย?” พลานันที่โพล่งขึ้นมา ทำให้ไมนันแอบสะดุ้งโหยง เขาต้องปิดปากเงียบเอาไว้... “(หึย...อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้มั้ยเนี่ย...ขืนพวกเขารู้ว่าฉันเป็นคนทำวัดถล่มละตายแน่...)”

“พี่ไมนัน พี่หนีออกมาเป็นคนสุดท้ายอ่ะ พอจะรู้รึเปล่าว่าทำไมวัดถึงพังลงมา?” น้องสาวตัวดีของเขาก็ดันเดินเข้ามาถามเสียอีก “(ยัยบ้าเอ๊ย~!!! คนอื่นมีไม่ถาม มาถามฉันเนี่ยนะ!?)”

“เอ่อ...คือว่าวินดี้ของเจ้าพวกนั้นมันไปกระโดดใส่เสา เสามันก็เลยทนแรงรับไม่ไหว โค่นลงมาพังวัดหมดเลยไง แหะๆๆ” ไมนันพยายามแก้ตัวด้วยสีหน้ายิ้มที่ฝืนธรรมชาติแบบสุดฤทธิ์ ขืนเขาทำสีหน้ากระวนกระวายละก็ พวกคนอื่นต้องรู้ และรุมสกรัมไมนันแน่ๆ

“จริงสิไมนัน เมื่อกี้นี้ฉันเห็นนายใช้ท่าลำแสงกระตุ้นกับเอลเรด พอยิงครั้งที่สอง มันก็มีพลังรุนแรงขึ้น มันเป็นเพราะอะไรน่ะ?” พลานันถามบ้าง

“โอ้ เป็นคำถามที่ดี” คราวนี้ไมนันดูจะตอบอย่างมั่นใจได้แล้ว เพราะไม่ได้ถามเรื่องวัดถล่ม “ลำแสงกระตุ้นเป็นท่าโจมตีที่เจ๋งมากเลยนะ ทุกๆครั้งที่ยิงออกไป จะยังคงเหลือพลังไฟฟ้าส่วนหนึ่งไว้ที่จุดที่ปล่อยออกไป และพลังส่วนนั้นจะหมุนเวียนกลับไปใช้เป็นตัวกระตุ้นให้พลังโจมตีของฉันที่จะปล่อยออกมาในครั้งต่อไปมีความรุนแรงยิ่งขึ้นยังไงล่ะ”

“โห ยอดไปเลยแฮะ ทั้งฟ้าผ่าของพลัสเซิลที่รุนแรง และลำแสงกระตุ้นของไมนัน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นโปเกมอนที่เก่งกันทั้งพี่ทั้งน้องแบบนี้นะเนี่ย” พลานันเอ่ยชมเสียยาว เล่นเอาพี่น้องกระต่ายคู่นี้อดเขินไม่ได้

“แล้วพวกเทอร์เรอร์พวกนั้นล่ะเจ้าคะ?” พจจามะถาม

“ฉันว่าพวกมันคงเดี้ยงอยู่ใต้กองซากนี่ หรือไม่ก็เผ่นไปแล้วละมั้ง?” อูริมูตอบอย่างไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่

“เอ๊ะจริงสิคะ ตอนนั้นหนูตั้งใจจะถามพี่เคทว่าโทเงคิสเป็นยังไงบ้าง ทำไมโทเงคิสถึงเข้ามาช่วยเราได้ล่ะคะ?” มารีนะถาม

“เพราะว่าฉันได้วางแผนกับโทเงคิสไว้ก่อนที่พวกเราจะเข้ามาในวัดนะสิ ตอนนั้นฉันเข้าไปเป็นคนสุดท้ายเพราะจะแอบวางแผนกับโทเงคิสว่า ให้คอยบินตรวจตราไปรอบๆจนกระทั่งมีผู้บุกรุกเข้ามา ถ้าโทเงคิสเจอพวกเขาก็รีบซ่อนตัวเสีย รอให้เขาเข้าไปในวัด แล้วค่อยให้โทเงคิสแอบตามไปทีหลังยังไงล่ะจ๊ะ” เคทอธิบาย มารีนะก็พยักหน้าตามแม้เธอจะนึกภาพไม่ออกในบางช่วงบางตอนก็ตามที

“อา...ยิ่งตอนนี้พวกอาตมาก็ไม่มีผงพิเศษตราร่วงชูชีพแล้ว ถึงพวกอาตมาจะช่วยกันสร้างวัดมาดาสึโบมิขึ้นมาใหม่ได้ก็คง....” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิและพระรูปอื่นๆต่างก็ทำหน้าห่อเหี่ยว

“อ้อ! จริงสิ! หลวงพี่ครับ ผมมีอะไรจะให้ดูครับ”

...

จู่ๆดาเนะคุงก็เรียกพวกมาดาสึโบมิให้ดูอะไรบางอย่าง ว่าแล้วเขาก็หยิบเอาซองใส่ผงสีเขียวๆซองหนึ่งพร้อมกับแก้วพลาสติกในถุงใส่ชุดคอสเพลย์ออกมาโชว์ให้ดู ตามด้วยกระติกน้ำร้อน (มารีนะ – รุ่นพี่เป็นโดเรOอนเหรอคะ!?) เทน้ำอุ่นและผงสีเขียวๆนั้นใส่แก้ว คนให้เข้ากัน แล้วยื่นให้เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิ “เอ้า ลองสิครับหลวงพี่”

มาดาสึโบมิสีทองมองน้ำสีเขียวในแก้วพลาสติกอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนที่จะรับมาซดอึกหนึ่ง

ซู้ด....

“โอ้ว! แม่จ้าว!!” ท่านเจ้าอาวาสที่ซดน้ำสีเขียวนี้เข้าไปถึงกับเกิดรีแอกชั่น มาดาสึโบมิสีทองสยายปีกผีเสื้อ โบยบินไปอย่างอิสระบนท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยใบไม้ปลิวไสวไปตามสายลมอันชื่นฉ่ำ....

IMG-6.jpg

แต่นั่นเป็นเพียงจินตนาการของท่านเจ้าอาวาสเท่านั้น  และท้องฟ้าตอนนี้ก็เป็นตอนกลางคืน ไม่ใช่ท้องฟ้าสีครามเสียหน่อย

“อา...นี่มันอะไรกัน อาตมารู้สึกได้ถึงความสดชื่น หอมกรุ่นด้วยกลิ่นไอของธรรมชาติ ดื่มแล้วรู้สึกราวกับว่าจิตใจจะล่องลอยไปตามสายลม...น้ำสีเขียวนี่มันคืออะไรกันแน่?” ดูเหมือนเจ้าอาวาสมาดาสึโบมิจะหลงไหลในสิ่งที่มันได้สัมผัสเสียด้วย

“นี่แหละครับคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ชาเขียว’ รู้มั้ยครับว่าที่โลกมนุษย์เนี่ย ชาเขียวศักดิ์สิทธิ์กว่าผงพิเศษตราร่วงชูชีพอีกนะครับ ผงพิเศษนั่นอย่างมากก็ทำได้แค่รักษาสิว แต่ชาเขียวนี้จะช่วยทำให้ผู้ที่ดื่มมันได้สัมผัสความสดชื่นอันลึกล้ำ...” ดาเนะคุงบรรยายสรรพคุณให้พวกมาดาสึโบมิฟังอย่างออกรสชาติ

“จริงๆหรือนี่!? แล้วโยมมีชาเขียวที่ว่านั่นอีกรึเปล่า!?” พระมาดาสึโบมิตัวหนึ่งถามอย่างตื่นเต้น

“มีครับหลวงพี่ ผมถือว่าเป็นการถวายสังฆทานให้หลวงพี่ละกันนะครับ~” ว่าแล้วดาเนะคุงก็หยิบชาเขียวถุงใหญ่จากในถุงใส่คอสเพลย์มาถวายให้เหล่าพระมาดาสึโบมิทันที (ดาเนะคิด – ความจริงเราสะสมซองชาเขียวจากขวดโออิชิ มัทฉะต่างหาก เรานี่ฉลาดจริงๆเอิ๊กๆ)

“โอ...อาตมาตัดสินใจแล้ว ในเมื่อที่โลกมนุษย์ของพวกโยมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกอาตมาก็จะถือว่าชาเขียวนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดเราเช่นเดียวกัน!” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิจ้องมองชาเขียวถุงใหญ่ด้วยสายตาเป็นประกาย...แต่พวกพลานันจ้องมองดาเนะคุงด้วยสายตาน่าสมเพช...

“งั้นผมขอผงพิเศษตราร่วงชูชีพเลยนะครับ?” ดาเนะคุงออกปากขอแบบดื้อๆ

“เอ้าเชิญเลยๆ พวกอาตมามีสิ่งสักการะบูชาใหม่แล้วละนะ” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิกลับอนุญาตอย่างง่ายดาย แล้วก็หันไปชื่นชมสรรพคุณของชาเขียวกับพวกพระมาดาสึโบมิตัวอื่นๆต่อ

“หนูว่าการกระทำของรุ่นพี่มันดูคล้ายๆสิบแปดมงกุฎยังไงก็ไม่รู้นะคะ...” มารีนะมองรุ่นพี่ที่เธอ(เคย)ชื่นชอบด้วยสายตาน่าสมเพช...

“เอาน่าๆ อย่างน้อยเราก็ได้ดินโพแทสซันกลับมาแล้วนะ แฮะๆๆๆ” ดาเนะคุงหัวเราะแก้ตัว ให้ลืมๆเรื่องเมื่อกี้ไปเสีย

"ชาเขียวนี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโลกมนุษย์จริงๆเหรอเจ้าคะ?" พจจามะถามอย่างใสซื่อ...มารีนะก็หันสายตาน่าสมเพชไปมองเจ้าเพนกวินพลางคิดในใจ "(นี่เธอเชื่อเรื่องเพี้ยนๆแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย...)"

“พวกเราได้ดินโพแทสซันมาแล้วสินะ ถ้างั้นก็กลับบ้านต้นไม้กันเถอะพวกเรา! ทุกคนกำลังรอคอยพวกเราอยู่นะ!” พลานันออกปากชวนทุกคนอย่างแข็งขัน สีหน้าท่าทางไม่เหลือเค้าตอนที่เขาพบกับพวกเทอร์เรอร์เลยซักนิด

“แหม ทีอย่างเนี้ยวางมาดได้สมเป็นผู้นำเชียวนะ อยากกลับบ้านต้นไม้จะแย่อยู่แล้วใช่มั้ยล่า?” ไมนันแซวคู่หูเล่น พลัสเซิลก็ตบหลังพี่ชายเข้าให้หนึ่งป้าบ “แหมพี่นี่ละก็!”

“ฮะๆๆๆๆ” พวกเขาหัวเราะกันอย่างเบิกบาน

[glow=seagreen,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

ณ จุดหนึ่งของป่า อยู่ไม่ห่างไกลจากซากวัดมาดาสึโบมิมากนัก...

เอลเรดกำลังพยุงร่างของมองบลังต์ที่บาดเจ็บพาเดินไปด้วยกัน ส่วนวินดี้ที่มีคิระอยู่บนหลังก็มีร่างกายบอบช้ำยิ่งกว่าคู่หูของมันเองเสียอีก จนก้าวเท้าเดินอย่างไม่เป็นจังหวะ...

“กรอด...เจ้าพวกนั้นทำแสบนักนะ ทั้งๆที่เป็นแค่โปเกมอนวิวัฒนาการขั้นแรกเท่านั้นเอง...” วินดี้กัดฟันอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้น

“แต่ก็ยังดีที่พวกเราได้สิ่งที่ ‘ท่านผู้นั้น’ ต้องการมาจนได้...” มองบลังต์หยิบของสิ่งหนึ่งจากในกระเป๋ากางเกงออกมา มันเป็นหินที่มีรูพรุนเล็กๆมากมายคล้ายหินพัมมิซ* แต่มีผิวเรียบมันสีขาวและมีลวดลายคล้ายหินอ่อน หากจะอธิบายว่าเป็นหินอ่อนที่มีรูพรุนละก็คงไม่ผิดนัก

“น-นั่นน่ะเหรอ? ‘หินนิรันดร’ น่ะ?” คิระเอ่ยอย่างประหลาดใจที่ได้เห็นของสิ่งนั้น

“ตอนที่วัดกำลังจะถล่มลงมา ผมเห็นหินนี้กลิ้งตกลงมาจากชั้นบนของวัด ผมเลยรีบตามไปเก็บมันกลับมา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยสภาพแบบนี้แหละ เพราะผมหนีออกมาคนหลังสุดนี่นา ต้องขอบคุณเอลเรดที่ช่วยผมหนีออกไปด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องนอนอยู่ใต้กองซากวัดอย่างแน่นอน...” มองบลังต์หันไปขอบคุณกับโปเกมอนคู่หูของเขา

“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ข้ายินดีที่จะปกป้องผู้เป็นนายของข้าอยู่แล้ว” เอลเรดตอบรับอย่างไม่ถือตัว

“รีบกลับไปยังฐานที่มั่นของเราเถอะ เราต้องรีบนำหินนิรันดรนี้ไปให้กับ ’ท่านผู้นั้น’ โดยเร็วที่สุด” วินดี้บอกทุกคน

[glow=black,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

จบตอนที่ 13 ครับ

**************************************

รู้มั้ยครับว่าปีกของมาดาสึโบมิเป็นของโปเกมอนตัวอะไรเอ่ย? = =

Link to comment
Share on other sites

ความจริงตอนแรกสุดกะว่าจะใช้แฟ้บแทนชาเขียว แต่กลัวว่าพวกมาดาสึโบมิจะเฉาตายหมดซะก่อนน่ะนะ เลยเอาของที่กินได้แทน = =

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.