Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

ฟิคโปเกมอน *<~The Pokemon Future Destiny (Remake)~>*


bluewind

Recommended Posts

เอ๊ะ! เลอ้อนคุง~!

-----------

น่าจะพูดว่า "อ้าว! เลอ้อนคุง~!"  เอ๊ะนี่ทำนองแปลกใจ อ้าวนี่ทำนอง พึ่งเห็น

เรนโทร่าเงื้อกรงเล็บ โปวารุนน่าจะมีบาดแผลจากเล็บด้วย

ชอบประโยคนี้ " ยังไงเสียนี่ก็เป็นการซ้อมต่อสู้ คุณควรจะศึกษาสิ่งที่เห็นให้ได้มากที่สุดดีกว่านะครับ"

----------

เซจิโระทำหน้าตื่นเหมือนคนที่อยู่ตรงหน้าเพิ่งโดนรถชนมา

-----------

เซจิโระทำหน้าตื่นเหมือนนี่ไม่ใช่ซ้อมการต่อสู้จริงๆแล้ว

โปวารุนน่าจะพูดต่อว่า "การต่อสุ้ที่แท้จริงน่ะ มันรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัวเลยนะครับ ถ้าบาดแผลแค่นี้ทนไม่ได้ ก็ถือว่าการฝึกไร้ประโยชน์นะครับ"

-----------

มันร้องเสียงดังลั่น อ๊าาาาาาาาา!!!!!!

-----------

ใครร้อง

-----------

ทันทีที่เรนโทร่าจับโปวารุนได้ก็สะบัดไปมาอย่างแรงเหมือนสุนัขกัดตุ๊กตาเล่น

---------

สุนัขกัดตุ๊กตาไล่ฝนเล่น น่าจะเหมาะดี =w=

จริงๆแล้วตอนที่ โปรสั่งให้เรนโทร่าใช้เขี้ยวเพลิง เซจิโระไม่น่างงนะ เพราะน่าจะรุ้อยุ่แล้วว่าจะทำอะไร - -

ฟิคก็น่ารักดีนะ ชอบโปวารุนที่ดูเป็นผู้ใหญ่สุดละ แต่ติดที่บางทีพูดบางประโยคยังไม่ค่อยกินใจเท่าไร น่าจะเพิ่มประโยคบางประโยคลงไปบ้าง เหมือนโปวารุนไม่สนใจสภาพของตัวเองเลยอะนะ =w= เป็นโปเกมอนที่สามารถเสี่ยงตายได้มากที่สุดเลยนะเนี่ย พวกที่ไม่ห่วงตัวเองอะ

ฟิคน่ารักดีนะ แต่ว่าเนี๊ยสมาแบบแปลกๆ

ปล. อ่านเม้นของเบ๊นซ์แล้วทรุด llllorz ฟิคเรานี่เกือบจะตรงกันข้ามกะที่เบ๊นซ์บอกจริงๆ

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 262
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • bluewind

    36

  • ChaosPhoenix

    18

  • Loveless Nova

    18

  • Hermit

    16

เนียสมาเป็นสายลับ หรือเปล่านี้ ท่าทางน่าสงสัย

Link to comment
Share on other sites

อ้าว เปิดมาดูมีตอนใหม่ซะงั้น

ตอนแรกจะเม้นต์เรื่องที่ทำไมไม่สั่งโปเกม่อนให้สู้เลย  อ่านไปอ่านมา  อ่อ เป็นเนื้อเรื่องนี่หว่า

Link to comment
Share on other sites

คุจิโกะหน้าโหด!!!....แต่ทำไมดูอีกมุมก็น่ารักหว่า..

เป็นการต่อสู้ที่สุดยอดมากเลยละเฟ้ย!!! แต่ทำไมไม่แปลงร่างเป็นอาวุธสู้กันบ้างละ?

แล้วตอนต่อไปจะเป็นไงต่อเนี้ย~

Link to comment
Share on other sites

ความเดิมตอนที่แล้ว – การซ้อมต่อสู้ระหว่างโปวารุนของเซจิโระและเรนโทร่าของโปรได้เริ่มต้นขึ้น โปวารุนได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวด้วยพลังเปลี่ยนสภาพอากาศที่ไม่เหมือนใคร ทางฝั่งเรนโทร่าก็มีสมรรถภาพพื้นฐานของร่างกายที่โดดเด่นเป็นอาวุธ การซ้อมต่อสู้ครั้งนี้แม้ว่าจะเสมอกัน แต่ก็ทำให้พวกเซจิโระได้เรียนรู้ถึงหลักการต่อสู้จริง และความสำคัญของมนุษย์อย่างพวกเขาต่อโปเกมอนคู่หูในการต่อสู้ หลังจากนั้น เนียส โปเกมอนปริศนาก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านต้นไม้...

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 10 ไปเข้าวัดเข้าวาซะบ้างก็ดีนะ

ณ ป่าคิเคียว...ซึ่งเป็นสถานที่ๆเกรเซียมอบหมายกลุ่มของพลานันให้ไปเก็บดินโพแทสซัน เพื่อใช้เป็นธาตุอาหารพืชสำคัญในการทำให้เซเรบี้ฟื้นจากการรักษาตัว

ป่าคิเคียวเป็นป่าที่ค่อนข้างรกทีเดียว ต้นไม้ในแถบนี้จะแผ่กิ่งก้านจนทำให้ภายในป่าดูมืดกว่าที่ควรจะเป็น จึงเป็นสถานที่ๆมีโปเกมอนนกขนาดเล็กอาศัยอยู่มาก

ทว่า หากเป็นเวลาตั้งแต่ตอนเย็นเป็นต้นไป ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันน่าพิศวงบางอย่าง...และเผอิญว่า ช่วงเวลาที่กลุ่มของพลานันมาถึงป่าแห่งนี้เป็นเวลาเย็นแล้วเสียด้วย

“เฮ้อ...ให้ตายสิ กะว่าจะมาทางลัดซะหน่อย ที่ไหนได้ ทางนี้ดันทำให้มาถึงป่าช้าหนักกว่าเดิมอีก” ดาเนะคุงเดินแบกถุงใส่ชุดคอสเพลย์บ่นเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพใส่เสื้อคอกลมกางเกงขาสั้น ไม่ได้ใส่ชุดคอสเพลย์เหมือนอย่างเคย ทำให้ดูๆไปแล้วภายใต้ชุดคอสเพลย์สุดหลุดโลกนั้นก็เหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไปเท่านั้นเอง

“ช่าย~ ฉันก็ตกน้ำไปกับดาเนะด้วย น่าเบื๊อน่าเบื่อ” อูริมูก็บ่นด้วยอารมณ์เนือยๆแบบดาเนะคุงด้วยเหมือนกัน

“น่าเบื่ออะไรกันเล่า!!!!” มารีนะกับไมนันหันขวับมาว้ากลั่นทีเดียวดาเนะคุงหงายหลังไปเลย

“ก็รุ่นพี่ดาเนะเองไม่ใช่เหรอคะที่ตกน้ำป๋อมแป๋มจะไหลลงน้ำตกแล้วให้พวกเราไปช่วยน่ะ!?”

“ที่สำคัญไอ้ชุดไดโนเสาร์ที่นายใส่น่ะจมน้ำแล้วมันหนักตายชัก! พวกฉันลากนายขึ้นมาจากน้ำน่ะหนักยังกะลากคนเป็นสิบน่ะ! นายก็ด้วยอูริมู!! ขนแกชุ่มน้ำแล้วโคตรหนักเลย!!” มารีนะกับไมนันเดินไปรุมด่าดาเนะคุงไปยกใหญ่จนเจ้าตัวหงอ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว “ขอโทษคร๊าบๆๆๆๆ~”

“พี่ไมนันนั่นแหละพอเถอะค่ะ!! ดาเนะคุงเขาสำนึกผิดก็หมดเรื่องแล้วนี่คะ!!”

“ใช่ๆ ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อีกอย่างเราก็มาถึงที่ป่าคิเคียวได้อย่างปลอดภัยแล้วนี่จ๊ะ รีแลกซ์เข้าไว้ๆ~” พลัสเซิลกับโทเงคิสก็ช่วยกันไกล่เกลี่ยให้เลิกทะเลาะกัน เอ่อ...ยกเว้นพลัสเซิลที่เข้าไปล็อกหลังไมนันไว้เลย

“ฮ่ะๆๆ...แล้วฉันจะเข้าไปร่วมไกล่เกลี่ยดีมั้ยเนี่ย...” พลานันทำท่าเหมือนไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะพวกเขา

“ถึงดิฉันจะรู้ว่าดาเนะคุงผิด แต่การทะเลาะกันก็เป็นสิ่งไม่ดีนะเจ้าคะ...” พจจามะก็เอาแต่เดินมองอยู่ห่างๆ ประมาณว่ากุลสตรีอย่างเธอจะไม่เข้าไปยุ่งกับความรุนแรงใดๆ

“ว่าแต่ป่าแห่งนี้น่ะ มีบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจอยู่เต็มไปหมดเลย...”

คำพูดของเคทกลับทำให้พวกเขาหยุดทะเลาะกันได้ง่ายกว่าการไปไกล่เกลี่ยเองเสียอีก ระหว่างที่เดินอยู่พวกเขาก็มองไปรอบๆ พบว่าพื้นที่ในแถบนี้เริ่มมีสิ่งแปลกปลอมปรากฏให้เห็นหลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในป่าได้ซักพัก มันคือโคมไฟกระดาษเก่าๆที่ไม่ใช้แล้ว เศษไม้ที่มีรอยทาสีแดง และแผ่นไม้ยาวๆที่มีตัวอักษรที่เขียนไว้ด้วยหมึกเป็นแนวตั้ง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งของที่ตกหล่นอยู่ตามข้างทางเป็นหย่อมๆ

“อะไรกันล่ะเนี่ย ขยะหรอกเหรอ? แต่ทำไมหน้าตาเหมือนพวกของวัดที่ฉันเคยเห็นจัง?” ดาเนะคุงเอ่ยอย่างสงสัย

“หรือว่าแถวนี้จะมีวัดอยู่หรือคะ?” มารีนะกล่าว

“หา? วัดเนี่ยนะจะมาอยู่กลางป่าแบบนี้? พวกเธอล่ะพอรู้อะไรเกี่ยวกับป่านี้บ้างมั้ย?” คาออสหันไปถามกระต่ายสองพี่น้อง

“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ฉันกับพลัสเซิลยังไม่เคยมาแถวนี้เลย”

“พี่เกรเซียก็ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรที่เป็นพิเศษของป่านี้เลยค่ะ” โปเกมอนทั้งสองส่ายหน้า

“ว่าแต่บรรยากาศที่คุณเคทบอกว่าไม่น่าไว้ใจน่ะยังไงหรือเจ้าคะ?” พจจามะถาม

ยังไม่ทันที่เคทเธอรีนจะตอบ เธอก็ชะงักฝีเท้า ทำเอาหลายคนที่เดินตามหลังมาชนกันเล็กน้อย “ชู่ว พวกเธอได้ยินเสียงอะไรนั่นมั้ย?”

“หือ? เสียง?” ทุกคนลองเงี่ยหูฟัง

.........................

.............

...

หึๆๆฮุๆๆฮิๆๆ

พวกพลานันถึงกับหน้าซีดเผือด พวกเขาหันมามองหน้ากันอย่างหวาดระแวง แล้วพวกเขาก็รู้ได้ทันที ว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินไปนั้น ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ... พวกเขาเริ่มเขยิบเข้ามาชิดๆกัน บีบกลุ่มให้เล็กลงไปถนัดตา

“จะ...จะบอกว่ามีผีเหรอคะ???” มารีนะเริ่มล่อกแล่กหันซ้ายหันขวา เข้าไปอยู่ใกล้ๆดาเนะคุง “บ้า! อย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นได้มั้ยเธอนี่!”

กา~กา~กา~ เสียงกาจากไหนก็ไม่รู้ดังมาแต่ไกล แต่ไม่รู้ทำไมพวกเขาต้องได้ยินเสียงกาในที่แบบนี้ด้วย...

“แล้วทำไมกามันต้องร้องตอนนี้ด้วยเล่า~!!” พลานันเริ่มออกอาการคร่ำครวญ

“ดูท่าจะไม่ดีแล้วสิ...” เคทพูด ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่คุมสติได้ดีที่สุดในตอนนี้

โฮะๆๆเหะๆๆเหอๆๆ

เสียงหัวเราะปริศนาจากที่ไหนซักแห่งรอบๆพวกเขาดังขึ้นอีกครั้ง...

ดาเนะคุงฝืนใจรวบรวมความกล้าแล้วตะโกนออกไป “ค-ใครน่ะ! ใครพูด! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!”

“ก้อ~ฉาน~นี่~แหละ~พูด~งาย~ล่า~”

เสียงอันน่าสยดสยองนี้มันแว่วมาจากเบื้องหลังของพวกเขา....

พวกเขาค่อยๆหันกลับไป แล้วก็เห็น......

33041.jpg

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!! / แว้กกกกกกกกกกกก!!!!!! / เหวอออออออ!!! ผีหลอกกกกกกกกกก!!!!!”

พวกเขาใส่เกียร์หกเผ่นป่าราบหนีสุดชีวิต แต่ดันทิ้งพลานันที่น้ำลายฟูมปาก เป็นลมทั้งยืนไปแล้ว...ยังดีที่โทเงคิสกลับมาขนเขาพาหนีไปด้วยกันด้วย

“อ๊าาาาาาา!!! วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย!!!!”

“นั่นสิเจ้าค้า~!!” มารีนะกับพจจามะวิ่งหนีไป น้ำตาก็ไหลเป็นประกาย ทำหน้าเหมือนการ์ตูนผู้หญิง ปิ๊งๆๆๆๆ

“เฮ้ยพวกเรา! วิ่งมาถึงขั้นนี้แล้วช่วยหันกลับไปดูหน่อยเด๊ะว่ามันตามมารึเปล่า!?” ดาเนะคุงตะโกนถาม ตัวเองก็วิ่งหน้าตั้งแบกชุดคอสเพลย์ลูกเดียว มีอูริมูเกาะถุงคอสเพลย์ติดไปด้วย

“โธ่!!! ใครมันจะกล้าหันไปมองคนเดียวเล่า!! ถ้านายอยากรู้ก็หันไปดูเองเซ่!!!” ไมนันตะโกนกลับ

“เออก็ได้!! ถ้างั้นทุกคนช่วยกันหันไปดูพร้อมๆกันนะเฟ้ย!!! จะนับนะ!!!! หนึ่ง! สอง! สาม!”

พรึ่บ! พวกเขาหันกลับไปมอง

xm084.jpg

“แฮ่!!!!!!!!”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”

สรุปก็คือ รวมกันเราอยู่ ทิ้งกรูเมิงตาย นั่นเอง...

[glow=midnightblue,3,300]o.........................................................................o[/glow]

พวกดาเนะคุงวิ่งหน้าตั้งไม่ลืมหูลืมตาจนกระทั่งพวกเขาวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจนลงไปทรุดกับพื้น ส่วนโทเงคิสก็เหนื่อยจนลงจอดไม่สวย พลานันก็ลอยละลิ่วจากหลังโทเงคิสหน้าทิ่มจมดิน ดูท่าทางพวกเขาจะปลอดภัยแล้ว

“แฮ่กๆๆๆ....มะม่าย.....ตามา....แฮ่ก...แล้ชะมะ?(มันไม่ตามมาแล้วใช่มั้ย?)....” มารีนะเหนื่อยจนพูดไม่เป็นคำศัพท์

“สงสัยจะใช่....แฮ่ก....” น่าแปลกที่ดาเนะคุงฟังมารีนะรู้เรื่องด้วย

“เหวอ!!! ผีหลอก---เอ๊ะ? อ้าว? นี่เราอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย?” พลานันเพิ่งจะหายจากอาการสลบหันมามองรอบๆ

เคทเงยหน้าขึ้นดูว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน “แฮ่ก....อะ-เอ๋? นั่นมัน!?”

พวกเขากำลังอยู่ตรงหน้าสิ่งที่ไม่น่าจะมีในป่ารกแบบนี้ได้ มันเป็นวัดญี่ปุ่นที่สูงลิ่วจนดูเหมือนเป็นหอคอยมากกว่า ดูเหมือนว่าจะสร้างขึ้นจากไม้ มีหลังคาสีน้ำเงินแบ่งเป็นสามชั้นบนหอคอยและประดับยอดเสาสีทอง

“เอ๋??? นี่มันวัดญี่ปุ่นนี่นา!? ทำไมมีวัดอยู่กลางป่าแบบนี้ได้ล่ะ!?” ดาเนะคุงอุทาน

“ที่โลกของเราก็มีวัดที่หน้าตาคล้ายๆอย่างนี้เลย โอ้โห~” มารีนะเงยหน้ามองยอดวัดอย่างตื่นเต้น

“เอ๋? ที่โลกมนุษย์ของมารีนะก็มีวัดแบบนี้ด้วยเหรอเจ้าคะ?” พจจามะถาม เธอก็หันมาตอบให้ “ใช่แล้วละ มันดูเหมือนวัดคิงกะกุในประเทศญี่ปุ่นที่ฉันอยู่เลยละ”

พจจามะฟังมารีนะอธิบายอย่างใคร่รู้ ถึงมันจะไม่รู้จักวัดคิงกะกุหรือประเทศญี่ปุ่นก็เถอะ แต่เธอชอบอะไรที่ดูเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมแบบนี้มาก

“เอ?...ฉันรู้สึกว่ายอดวัดนั่นมันขยับด้วยนี่นา...บ้าแล้ว! ฉันนี่เพ้ออะไรเป็นตุเป็นตะจริงๆเลย ยอดวัดมันจะขยับเองได้ยังไง สงสัยฉันเมายอดวัดละมั้ง ฮะๆ” มารีนะหัวเราะให้ตัวเองพลางส่ายศีรษะในความเป๋อของตัวเองไปด้วย พจจามะได้แต่ยืนเอ๋อว่า ‘เมายอดวัด’ ของเธอนี่มันอะไรกันแน่? “เอ่อ...เมื่อกี้มารีนะตั้งใจจะเล่นมุขหรือว่าเป็นโรคจริงๆในโลกมนุษย์กันน่ะเจ้าคะ?”

“ดูแล้วเหมือนจะเป็นวัดในแถบเอเชียที่โลกมนุษย์ของเราเลยนะ?” เคทเอ่ย พลางพิจารณาส่วนต่างๆของวัดอย่างสนอกสนใจ

“เฮ้ย! มีแสงไฟออกมาจากหน้าต่าง แสดงว่าในนั้นต้องมีใครอยู่แน่ๆเลยละ!” อูริมูบอกให้ทุกคนดู หน้าต่างหน้าวัดนั้นมีแสงเทียนสว่างออกมานอกหน้าต่างขุ่นๆจากภายใน

“ลองเข้าไปในนั้นกันมั้ยล่ะทุกคนจ๊ะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เราจำเป็นต้องมีที่พักนะจ๊ะ ส่วนฉันจะคอยบินตรวจตราข้างนอกนี้เองจ้ะ” โทเงคิสบอกทุกคน ด้วยการอาสาของโทเงคิส ทำให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากทีเดียว

“โอเค งั้นพวกเราก็เข้าไปกันเถอะ เชิญหัวหน้ากลุ่มเลยครับผม~” ดาเนะคุงทำท่าผายมือไปทางประตูทางเข้าให้พลานัน

“อ้าวเฮ้ย ต้องเป็นฉันเหรอเนี่ย เวรกรรม...” พลานันคอตก แต่ในเมื่อเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มแล้ว เขาก็ต้องรับผิดชอบ เขาจำใจเดินนำทีมพาทุกคนเข้าไปในวัด

“คอยระวังรอบๆไว้ด้วยล่ะ อาจจะมีอะไรแอบมาจู่โจมเราทีเผลอก็ได้” ดาเนะคุงที่ตามหลังพลานันคอยเตือนทุกคน

“นี่ตกลงใครเป็นหัวหน้ากันแน่ล่ะเนี่ย ฉันละปวดเฮดจริงๆ” ไมนันเอามือก่ายหน้าผากอย่างปวดจิต

“แหมพี่คะ คนเรามันก็ต้องมีเรื่องไม่ถนัดบ้างอะไรบ้าง จริงมั้ยล่ะคะ” พลัสเซิลตบบ่าพี่ชายเบาๆ (ไมนันคิด – ตูว่าไม่บ้างแล้วแหละ...)

[glow=black,3,300]o.........................................................................o[/glow]

โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนที่ 11 ครับ

Link to comment
Share on other sites

Guest bulbabenz

แบกหลังตุง ฮี่ว ๆ

ทำไมโลกนี้มีฟูชิกิดาเนะเกลื่อนได้ขนาดนี้!? orz!!

อ่านตอนแรกนึกว่าจะเป็นหอคอยมาดาสึโบมิ.......

ไม่ใช่ล่ะม้างง

**ทำหน้ายิ้มเจื่อน ๆ**

Link to comment
Share on other sites

ตอนนี้มันคุ้นๆ แฮะ

(ไม่คุ้นได้ไง มันมีอยู่ในอันเก่านี่นา โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "รวมกันเราอยู่ ทิ้งกรูเมิงตาย")

น่าสงสารพลานันจังแฮะ

โดนคนเขียนแกล้งซะ

Link to comment
Share on other sites

พวกเขาใส่เกียร์หกเผ่นป่าราบหนีสุดชีวิต แต่ดันทิ้งพลานันที่น้ำลายฟูมปาก เป็นลมทั้งยืนไปแล้ว...ยังดีที่โทเงคิสกลับมาขนเขาพาหนีไปด้วยกันด้วย

*นั่งฮา*

นี่สินะคะที่บอกว่าจะลงกับตัวละครลุงโต้ง... (ฮา)

นั่นสิเจ้าค้า~!! มารีนะกับพจจามะวิ่งหนีไป น้ำตาก็ไหลเป็นประกาย ทำหน้าเหมือนการ์ตูนผู้หญิง ปิ๊งๆๆๆๆ

*ฮาต่อ*

*เข้าโหมดเครียด*

เหวอ!!! ผีหลอก---เอ๊ะ? อ้าว? นี่เราอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย? พลานันเพิ่งจะหายจากอาการสลบหันมามองรอบๆ ส่วนเคทเงยหน้าขึ้นดูว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน

แฮ่ก....อะ-เอ๋? นั่นมัน!?

เอ?...ฉันรู้สึกว่ายอดวัดนั่นมันขยับด้วยนี่นา...บ้าแล้ว! ฉันนี่เพ้ออะไรเป็นตุเป็นตะจริงๆเลย ยอดวัดมันจะขยับเองได้ยังไง สงสัยฉันเมายอดวัดละมั้ง ฮะๆ มารีนะหัวเราะให้ตัวเองพลางส่ายศีรษะในความเป๋อของตัวเองไปด้วย ส่วนพจจามะได้แต่ยืนเอ๋อว่า เมายอดวัด ของเธอนี่มันอะไรกันแน่?

เอ่อ...เมื่อกี้มารีนะตั้งใจจะเล่นมุขหรือว่าเป็นโรคจริงๆในโลกมนุษย์กันน่ะเจ้าคะ?

เว้นบรรทัดให้ถูกจังหวะ จะทำให้ความลื่นไหลเพิ่มขึ้นเค่อะ

น่าจะมีการใช้คำสันธานเชื่อมมากกว่านี้ เพื่อเพิ่มความลื่นไหลราวกับฉีดน้ำมันหล่อลื่นส์!~

(ปรบมือ 3 ครั้งให้กับการใช้ภาพประกอบ เพราะเข้าอารมณ์ฮา (แอนด์หลอน?) ได้อย่างดีเยี่ยม)

Link to comment
Share on other sites

มารีนะเอ๊ย ติงต๊องเหมือนเจ้าของ OC ฮ่าๆๆ

ฮาเหมือนเคย พจจามะโมเอ้...?

*เกี่ยวมั้ย?*

Link to comment
Share on other sites

: [] ช่วงนี้ผีดุซีซั่นสินะเคอะ~

(มุขผีหลอกมันฮาได้จายยยยย)

Link to comment
Share on other sites

แค่ชื่อตอนก็เต็ม 10 แล้ว XD

อ่านตอนนี้เอาฮาแบบหนังผีไทยกันเลยทีเดียว : P

Link to comment
Share on other sites

นี่ๆๆ ทำไมมีชื่อคาออสโผล่ออกมาด้วย และถ้าอยู่ ทำไมบทพูดแทบไม่มีเลยอะ - - แล้วเวลาหนีดันให้โทเงคิสแบกไปเนี่ยนะ แทนที่จะให้ไคริบแบกไปแทน -*-

Link to comment
Share on other sites

ฮาตรงเมายอดวัดกับชื่อตอน  :pika01:

ตัวละครเยอะขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มแย่งบทกันแล้วนะฮะ...

Link to comment
Share on other sites

มาอ่านเเล้วค่ะ มารีนะดูขี้บ่นกว่าที่คิดนะเนี่ย -.- แถมยังดูเข้ากับไมนันได้เเบบเเปลกๆ =w=

รอตอนต่อไปนะคะ >_<

Link to comment
Share on other sites

มารายงานตัวแล้วนะครับ :pika01: ขออภัยที่ล่าช้าไปมาก ตอนที่9อ่านเรียบร้อยแล้ว จะอ่านตอนที่10ต่อในเร็ววันแน่นอนครับ

Link to comment
Share on other sites

นิยายเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องแนวสยองขวัญตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย เหอๆๆ เลือกภาพมาประกอบฉากได้สยองดีมาก~(ดีที่ไม่ได้อ่านตอนกลางคืนนะเนี้ย)

เรื่องเล่าท้าวิญญาณของพวกนี้จะเป็นไงต่อไป ถ้าเขาไม่ได้ติดตามชม เขาก็ไม่ใช่แมวแล้ว เมี๊ยว!!!

Link to comment
Share on other sites

แบกหลังตุง ฮี่ว ๆ

ทำไมโลกนี้มีฟูชิกิดาเนะเกลื่อนได้ขนาดนี้!? orz!!

อ่านตอนแรกนึกว่าจะเป็นหอคอยมาดาสึโบมิ.......

ไม่ใช่ล่ะม้างง

**ทำหน้ายิ้มเจื่อน ๆ**

หรือว่าจะเป็นอย่างที่เบนซ์คิดกันนะ? หึหึหึหึ

ตอนนี้มันคุ้นๆ แฮะ

(ไม่คุ้นได้ไง มันมีอยู่ในอันเก่านี่นา โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "รวมกันเราอยู่ ทิ้งกรูเมิงตาย")

น่าสงสารพลานันจังแฮะ

โดนคนเขียนแกล้งซะ

ใช้ตอนเก่ามาดัดแปลงอีกแล้วครับท่าน =_=

*นั่งฮา*

นี่สินะคะที่บอกว่าจะลงกับตัวละครลุงโต้ง... (ฮา)

*ฮาต่อ*

*เข้าโหมดเครียด*

เว้นบรรทัดให้ถูกจังหวะ จะทำให้ความลื่นไหลเพิ่มขึ้นเค่อะ

น่าจะมีการใช้คำสันธานเชื่อมมากกว่านี้ เพื่อเพิ่มความลื่นไหลราวกับฉีดน้ำมันหล่อลื่นส์!~

(ปรบมือ 3 ครั้งให้กับการใช้ภาพประกอบ เพราะเข้าอารมณ์ฮา (แอนด์หลอน?) ได้อย่างดีเยี่ยม)

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับโอม

แกล้งผมจริงๆใช่ไหมนี่ - -  :pika06:

เขียนซะขนาดนี่

ทำใจเถิดพี่โต้ง :pika11:

มารีนะเอ๊ย ติงต๊องเหมือนเจ้าของ OC ฮ่าๆๆ

ฮาเหมือนเคย พจจามะโมเอ้...?

*เกี่ยวมั้ย?*

รอบนี้เป็นช่วงปล่อยมุขของมารีนะครับ = =

: [] ช่วงนี้ผีดุซีซั่นสินะเคอะ~

(มุขผีหลอกมันฮาได้จายยยยย)

บรรยากาศเหมือนหนังผีตลกในบ้านเรา =o=

แค่ชื่อตอนก็เต็ม 10 แล้ว XD

อ่านตอนนี้เอาฮาแบบหนังผีไทยกันเลยทีเดียว : P

เต็ม 10 เลยทีเดียว

นี่ๆๆ ทำไมมีชื่อคาออสโผล่ออกมาด้วย และถ้าอยู่ ทำไมบทพูดแทบไม่มีเลยอะ - - แล้วเวลาหนีดันให้โทเงคิสแบกไปเนี่ยนะ แทนที่จะให้ไคริบแบกไปแทน -*-

ที่จริงไม่มีคาออสอยู่หรอกครับ แต่ผมเอามาจากของเก่าแล้วลืมแก้ชื่อคาออส ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดครับ - -

ฮาตรงเมายอดวัดกับชื่อตอน  :pika01:

ตัวละครเยอะขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มแย่งบทกันแล้วนะฮะ...

จะพยายามกระจายบทให้ลงตัวที่สุดครับ

มาอ่านเเล้วค่ะ มารีนะดูขี้บ่นกว่าที่คิดนะเนี่ย -.- แถมยังดูเข้ากับไมนันได้เเบบเเปลกๆ =w=

รอตอนต่อไปนะคะ >_<

คู่ที่เหนือความคาดหมาย O_O

มารายงานตัวแล้วนะครับ :pika01: ขออภัยที่ล่าช้าไปมาก ตอนที่9อ่านเรียบร้อยแล้ว จะอ่านตอนที่10ต่อในเร็ววันแน่นอนครับ

อย่าลืมเม้นต์ด้วยล่ะ ผมเองก็จะไปอ่านของคิมูระด้วย

นิยายเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องแนวสยองขวัญตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย เหอๆๆ เลือกภาพมาประกอบฉากได้สยองดีมาก~(ดีที่ไม่ได้อ่านตอนกลางคืนนะเนี้ย)

เรื่องเล่าท้าวิญญาณของพวกนี้จะเป็นไงต่อไป ถ้าเขาไม่ได้ติดตามชม เขาก็ไม่ใช่แมวแล้ว เมี๊ยว!!!

อ่าขอบคุณครับวาว่า =_=

******************************

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ครับผม และตอนต่อไปจะออกมาในเร็ววัน

Link to comment
Share on other sites

อ่านตอนที่10แล้ว ขอรวบยอดเม้นตอนที่9ด้วยเลยนะครับ  :pika03:

ตอนที่9การบรรยายซ้อมต่อสูบรรยายออกมาได้ดีครับ อ่านแล้วเห็นภาพตาม ไหลลื่น เนื้อเรื่องก็ลื่นน่าติดตามเหมือนเดิมครับ คืออ่านได้เรื่อยๆ สบายๆ ตอนที่10นี่ก็สนุกดี รอดูว่าในวัดนั้นจะเป็นยังไงต่อ

ปล.พวกโปเกม่อนมันกลัวโกสต์ ที่เป็นโปเกม่อนด้วยกันหรือนี่ :pika01:

Link to comment
Share on other sites

ไม่ได้เมนท์(ลืม) มาเมนท์ละครับ

หลอนนนน ป่าคิเคียว...อยู่ตรงใหน =w=(ลืม)

ปล.ลืม2ครั้งติด

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ขออภัยคุณผู้อ่านทุกคนด้วยนะครับที่ล่าช้า ติดงานใหญ่ที่มาอีกระลอกอยู่ = =

เชิญรับชมได้เลยครับ

*********************************************************

ความเดิมตอนที่แล้ว – กลุ่มของพลานัน ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเขา เคท ดาเนะคุง และมารีนะ ได้เดินทางไปยังป่าคิเคียวเพื่อค้นหาดินโพแทสซันซึ่งเป็นธาตุอาหารพืชสำคัญในการรักษาเซเรบี้ พวกเขาได้มาพบกับวัดประหลาดที่ตั้งอยู่กลางป่า พวกเขาได้ตัดสินใจค้างแรมที่นี่ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าภายในนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่...

The Pokemon Future Destiny ตอนที่ 11 แขกยามวิกาล

ขณะนี้พวกพลานันได้มาอยู่หน้าประตูวัดแห่งนี้แล้ว พวกเขาค่อยๆเลื่อนประตูเปิดออก...

ภายวัดนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับวัดญี่ปุ่นที่พวกเขาเคยเห็นเช่นกัน คือมีประตูเลื่อนหนาๆและหน้าต่างกระดาษไข ตะเกียงน้ำมันที่ให้แสงสว่างตามทาง ยกเว้นพื้นทางเดินที่เป็นไม้กระดานเรียบๆแทนที่จะเป็นผืนเสื่อแบบที่พวกเขาเคยเห็นในประเทศญี่ปุ่น

“....เงียบกริบ ไม่มีใครอยู่ซักคนเลย?” พลานันเอ่ยขึ้นเบาๆ

“จะให้ฉันตะโกนเรียกหาคนที่อยู่ที่นี่ดีมั้ยล่ะ?” อูริมูถาม

“บ้า! เสียมารยาทน่า ฉันว่าพวกเราเดินหาคนที่อยู่ที่นี่เองดีกว่ามั้ง” ไมนันหันมาปราม

“ตามทางเดินมีประตูอยู่ ระหว่างที่เราเดินไปก็ลองเปิดประตูดูทีละบานเลยก็แล้วกันนะ” เคทเธอรีนเสนอ ทุกคนก็เห็นด้วย พวกเขาได้ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา และทันทีที่ลงน้ำหนักปลายเท้าไปยังพื้นไม้กระดาน ก็เกิดเสียงน่าขนลุก...

เอี๊ยดดดดด......

พลานันรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในชั่วขณะ คนอื่นๆที่เดินตามหลังพลานันมาก็เหยียบพื้นไม้จนเกิดเสียงแบบนี้เช่นกัน เสียงของไม้ที่ถูกรับน้ำหนัก ฟังแล้วน่าหวาดเสียวนี้ช่างเข้ากับบรรยากาศเงียบๆน่าขนลุกแบบนี้เหลือเกิน...

พวกเขาจับเอวของคนที่อยู่ข้างหน้าตัวเองไว้ แล้วค่อยๆเดินตามพลานันไป พวกโปเกมอนเองก็เกาะเอวเป็นแถวด้วยเช่นกัน โดยให้อูริมูที่ไม่มีมือให้เกาะ เดินตามเคทที่อยู่ท้ายแถวไปแทน ระหว่างทางที่พวกเขาเดินไป พวกเขาก็คอยเปิดประตูมองหาเผื่อว่าจะมีใครอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่มีเลยซักคน...

และปลายทางของทางเดินแคบๆที่พวกเขาเพิ่งเดินผ่านออกมานั้นก็คือ ห้องโถงใหญ่ที่มีเพดานสูงมาก ทว่าสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับพวกพลานันไม่ใช่ความใหญ่โตของห้องโถง แต่เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่ราวๆห้าคนโอบถึงตั้งไว้กลางห้อง มันสูงขึ้นไปถึงชั้นถัดไปที่เจาะรูบนเพดานเอาไว้ มีรั้วล้อมรอบบริเวณเสาไม้ติดป้ายข้อความอ่านได้ว่า ‘ห้ามจับเสา’ และที่สำคัญ เสานี้มันค่อยๆเอนไปเอนมาได้...

และทันใดนั้นเอง พวกพลานันที่ยังไม่หายตะลึงกับเสาวัดโยกเยกเองได้ ก็ต้องพบกับพวกโปเกมอนกลุ่มหนี่งที่วิ่งกรูกันมาจากฝั่งตรงข้ามของห้องมาหยุดอยู่หน้าพวกพลานัน มันคือมาดาสึโบมิ(Bellsprout) โปเกมอนที่มีร่างกายเป็นรากผอมๆ มือเป็นใบไม้ หัวเป็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง

“พ-พวกแกเป็นใครน่ะ!?” พลานันสะดุ้งถาม

“อย่าทำท่าหวาดระแวงอย่างนั้นสิโยม พวกอาตมาก็คือ พระที่ประจำอยู่ในวัดมาดาสึโบมินี้ยังไงล่ะ“ มาดาสึโบมิตัวที่ยืนอยู่หน้าสุดตอบเสียงเรียบ พวกพลานันสังเกตเห็นว่ามันเป็นตัวสีทองอร่ามแตกต่างจากที่มาดาสึโบมิตัวอื่นๆอย่างชัดเจน “ส่วนตัวอาตมาก็คือเจ้าอาวาสของวัดนี้นี่แหละ"

“อ่า เหรอครับ โล่งไปที” พลานันถอนหายใจ เขานึกว่าจะมาดาสึโบมิพวกนี้จะเข้ามาทำร้ายพวกเขาแล้วเสียอีก

“โอ้~ นี่พวกโยมคือมนุษย์สินะ ตามที่บันทึกไว้ในตำนานเทพเลยนี่นา...เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่พวกโยมมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” ท่านเจ้าอาวาสถาม

“พวกเรากำลังตามหาของอย่างหนึ่งอยู่น่ะครับหลวงพ่อ แล้วพวกเราก็หลงทางในป่าจนได้มาเจอวัดแห่งนี้ พวกเราก็เลยต้องการใช้ที่นี่เป็นที่พักชั่วคราวก่อนน่ะครับ ไม่ทราบว่าหลวงพ่อจะอนุญาตพวกเราให้ค้างคืนที่นี่ได้รึเปล่าครับ?” ดาเนะคุงนั่งพับเพียบพนมมือถาม พลานันเห็นแล้วก็ทำสีหน้าแปลกๆประมาณว่า ‘ทำอะไรของเขาอยู่เนี่ย?’

“นั่นเป็นการแสดงความเคารพต่อบุคคลที่เป็นพระในประเทศไทยที่รุ่นพี่ดาเนะเขาอยู่น่ะค่ะ เวลาพวกเขาอยู่ต่อหน้าพระ เขาจะนั่งพับเพียบพนมมือแบบนี้แหละค่ะ” มารีนะกระซิบบอกพลานันให้หายข้องใจ

“ได้สิโยม อาตมาจะให้พวกโยมค้างคืนที่นี่ก็ได้” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิพยักหน้า

“โอ้ ขอบคุณหลวงพ่อมากนะคร้าบ~” ดาเนะคุงกราบขอบคุณ

“จริงสิ ไหนๆพวกโยมก็มาที่นี่แล้ว พวกโยมต้องการจะเข้าร่วมการสวดมนต์บูชาคืนนี้มั้ยล่ะ?” มาดาสึโบมิอีกตัวหนึ่งถามพลานัน “เอ่อ ได้ครับ ผมเองก็อยากรู้จักการสวดมนต์ด้วยว่าเป็นยังไง”

“งั้นพวกโยมก็ตามพวกอาตมาขึ้นมาข้างบนนี้ได้เลย”

ว่าแล้วพวกมาดาสึโบมิก็ค่อยๆเดินเรียงแถวขึ้นไปตามบันไดไม้ที่อยู่ด้านในสุดของห้อง พวกพลานันค่อยๆเดินตามหลังพวกมันไป ขณะเดียวกันพวกเขาก็มองดูเสาวัดที่ขยับเขยื้อนเองได้อย่างรู้สึกฉงนใจ

“เอ่อหลวงพี่ครับ ทำไมเสาวัดนี้มันขยับไปมาได้ล่ะครับ? ดูแล้วเสียวจะล้มลงมาเลยนะครับ” ดาเนะคุงถามมาดาสึโบมิตัวที่อยู่ท้ายแถว มันก็เริ่มอธิบาย

“อ๋อ อาตมาเคยได้ยินตำนานของวัดนี้ว่า ก่อนที่จะมีการสร้างวัดนี้น่ะนะ พื้นที่นี้เคยมีเสาแบบนี้ตั้งอยู่แต่แรกแล้ว ทั้งๆที่เสาถูกฝังอยู่ในหลุมไม่ถึงครึ่งต้น แต่กลับเอนไปเอนมาได้โดยที่ไม่ล้ม เปรียบเทียบกับความสูงของมันแล้วชวนให้ล้มลงมาเหลือเกิน”

“แล้วเป็นไงต่อครับหลวงพี่?”

“แต่ผู้ที่พบเสาต้นนี้เป็นครั้งแรก เขาเห็นว่ามันผ่านไปถึงหนึ่งวันเต็มๆก็ยังไม่ล้ม เขาจึงเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า มีความมั่นคงเหมือนร่างกายอันผอมบางของมาดาสึโบมิแบบพวกอาตมาที่สามารถยืนหรือเดินได้เหมือนโปเกมอนตัวอื่นๆโดยที่ไม่ล้ม เขาสร้างวัดนี้ขึ้นโดยล้อมรอบตัวเสาเอาไว้ และเขาก็คือเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดนี้ยังไงล่ะ”

“โอว น่าเลื่อมใส น่าเลื่อมใส” ดาเนะคุงทำท่าไหว้เสาต้นนั้นปะหลกๆ พลานันก็ทำหน้าเหยเกเหมือนตอนดาเนะคุงนั่งพนมมือ แม้เขาจะพอรู้ว่านั่นคือการทำความเคารพ แต่เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี

“เอ๊ะ ถ้างั้นก็แสดงว่าที่หนูเห็นเมื่อกี้ก็ไม่ได้ตาฝาดสินะ มันสูงขึ้นไปถึงยอดวัดเลยรึเนี่ย? นึกว่าตัวเองจะเมายอดวัดแล้วซะอีก แหะๆ” มารีนะหัวเราะนิดหนึ่งด้วยความโล่งใจ แต่พจจามะ คู่หูของเธอก็ยังงงกับคำว่า ‘เมายอดวัด’ ของเธออยู่ดี...

[glow=maroon,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

จนเมื่อมาถึงชั้นสอง ชั้นนี้มีการปูพรมลวดลายแปลกตาไว้เป็นอย่างดีทั้งชั้น มีวัตถุสิ่งของทางศาสนาที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่พวกมาดาสึโบมิเหล่านี้นับถือวางไว้ชิดริมห้องมากมาย แม้กระทั่งบนฝาผนังก็มีภาพวาดทางศาสนาแขวนไว้เช่นกัน ส่วนกลางห้องนั้นยังคงมีเสาต้นใหญ่ที่ขยับไปมาได้จากชั้นล่าง และยังสูงขึ้นไปถึงชั้นที่สามอีก

และสิ่งที่ดูสะดุดตาพวกพลานันมากที่สุด เห็นจะเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่วางไว้ด้านในสุดของห้อง ซึ่งพวกมาดาสึโบมิได้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าสิ่งนั้น

“และนี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งของวัดที่พวกอาตมา ซึ่งเป็นพระของวัดนี้ได้สักการะบูชาเรื่อยมา เอ้าพวกโยมก็มากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลด้วยสิ” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิชักชวน พวกพลานันก็ค่อยๆเดินเลาะไปทางริมห้องอย่างรู้สึกเกรงใจ จนเมื่อพวกพลานันเดินอ้อมมาอยู่หน้าสุดของพวกมาดาสึโบมิ จนได้เห็นสิ่งของที่พวกมาดาสึโบมิได้ ‘สักการะบูชา’ อย่างชัดเจน เจ้าโปเกมอนเพนกวินของมารีนะก็ถึงกับตกใจ

“พ-พจจ๊า!! นี่มันดินโพแทสซันนี่นาเจ้าคะ!?”

“หา!? ว่าไงนะ!?” ทุกคนอุทานจนพวกมาดาสึโบมิถึงกับตกใจตาม

สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้าเป็นผงดินสีม่วงที่ถูกบรรจุไว้ในโหลแก้วอย่างดีบนหิ้งพระ และยังมีประกายสะท้อนแสงอย่างน่าประหลาดคล้ายด่างทับทิม แต่สีอ่อนกว่า

“นี่น่ะเหรอดินโพแทสซันที่เรากำลังตามหาอยู่น่ะ!?” พลานันคว้าโหลใส่ดินมาดูใกล้ๆอย่างอยากรู้อย่างเห็น

“อ๊ะ! อย่าซี้ซั้วคว้ามาแบบนั้นสิคะ!” พลัสเซิลร้องห้าม แต่เหมือนจะช้าไปแล้ว เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิเข้ามาโวยวายทันที “หยุดนะ! พวกโยมคิดจะเอาผงพิเศษตราร่วงชูชีพไปทำอะไร!?”

.....

พวกพลานันยืนเอ๋อไปชั่วขณะ...

“เอ๋? ไหนพูดใหม่อีกทีสิคะ?” มารีนะสั่นหัวอย่างงงๆ

“พวกโยมคิดจะเอาผงพิเศษตราร่วงชูชีพไปทำอะไร!?”

mqozy.jpg

ทุกคน – ห๊า!?!? เนี่ยนะผงพิเศษตราร่วงชูชีพ!?!?

ไมนัน – บ้าแล้ว!! ในโลกโปเกมอนมันยังมีผงพิเศษตราร่ม เอ้ย! ร่วงชูชีพด้วยเร้อ!?

พลัสเซิล – พี่เป็นโปเกมอนแต่ดันรู้จักผงพิเศษตราร่มชูชีพของแท้ด้วยเหรอคะ!?

ดาเนะคุง – ขนาดผงพิเศษตราร่มชูชีพแถวบ้านตูยังไม่เคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรเลยนะเฟ้ย! ไว้เล่นคุณไสยมากกว่าละไม่ว่า!?

อูริมู – จะบูชาไว้พอกหน้ารึไงวะครับ!?

มารีนะ – เอ๋? ผงพิเศษอะไรนั่นมันคืออะไรเหรอคะรุ่นพี่ดาเนะ?

พจมานจามะ – ผงพิเศษตราร่มชูชีพนิยมมาตั้งแต่สมัยบ้านทรายทองแล้วเจ้าค่ะ...เอ๋? เมื่อกี้ดิฉันพูดอะไรไปนะเจ้าคะ?

พลานันกับเคทได้แต่ยืนมองพวกคนติงต๊องกำลังเถียงมาดาสึโบมิอย่างเดียว ไม่มีที่สำหรับคนปกติอย่างพวกเขาให้เข้าไปแทรกเลย...

“บังอาจนัก!! นี่เอ็งกล้าเหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้งั้นเรอะ!? รู้มั้ยว่าผงพิเศษตราร่วงชูชีพนี้เคยแสดงปาฏิหาริย์ทำให้สิวที่เคยระบาดในวัดนี้หายเกลี้ยง!! ระวังพวกเอ็งจะโดนนรกกินหัว!!!” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิชี้หน้าด่าแหลก (พวกพลานันคิด - อะโห...ท่านเจ้าอาวาสแกเปลี่ยนสรรพนามเรียกพวกเราเฉยเลย...)

“ต-แต่ว่านี่เป็นดินโพแทสซันที่พวกเรากำลังตามหาอยู่นะครับ พวกเราแค่ตั้งใจจะขออนุญาตยืมมันไปใช้เท่านั้นเองครับ!” พลานันขอร้อง

“ผงพิเศษตราร่วงชูชีพของวัดนี้ไม่มีชื่อฝรั่งแบบนั้นหรอก! และไม่มีการตั้งชื่อเป็นภาษาต่างประเทศด้วย! และนี่เป็นศักดิ์สิทธิ์ของวัด! มีอยู่แค่โหลเดียวในโลก! พวกเอ็งไม่มีสิทธิ์จะใช้มันไม่ว่าเพราะอะไรทั้งนั้น!!” เจ้าอาวาสมาดาสึโบมิไม่ยอมง่ายๆ ยังปฏิเสธเสียงแข็งเหมือนเดิม (คนเขียน – ผงพิเศษของแท้ก็ไม่ได้มีชื่อเห่ยๆแบบของแกนะเฟ้ย...)

“แต่ว่าพวกเราต้องการจะขอนำไปใช้ทำเป็นยารักษาท่านเซเรบี้ของเรานะเจ้าคะ!” พจจามะก็เข้ามาขอร้องด้วยคน

“ครั้งล่าสุดก็มีโปเกมอนที่บอกแบบพวกเอ็ง แต่ที่จริงตั้งใจจะเอาผงพิเศษนี้ไปขาย! ยังดีที่พวกข้าเอามันกลับมาทัน! พวกข้าไม่เชื่อพวกโจรใจบาปอย่างพวกเอ็งหรอก!!!”

“แต่พวกเรารับรองได้ว่าเป็นเรื่องจริงนะครับหลวงพ่อ! พวกเราจะเป็นแบบโจรพวกนั้นได้ยังไง!?” ดาเนะคุงก็เข้ามาขอร้องอีกแรง

“ไม่รู้เฟ้ย!! ข้าสรุปว่าพวกแกมันก็แค่โจรใจบาปเหมือนที่พวกข้าเจอมานั่นแหละ! อย่างนี้พวกข้าต้องจับพวกแกโกนหัวแล้วบวชซะให้หมดจะได้หลาบจำ!!” พวกมันทุกตัวชูมือใบไม้ที่สะท้อนแสงคมกริบ ช่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก

“กะ-โกนหัวเหรอ???” พลานันทำหน้าตะลึง แล้วหันหน้าไปมองมารีนะกับเคทด้วยสายตาแปลกๆ...จนคนที่โดนมองชักไม่ไว้ใจหน้าพลานันตะหงิดๆ

“แย่แล้วครับหลวงพ่อ~!!!” เสียงร้องของมาดาสึโบมิอีกตัวที่กระวีกระวาดวิ่งขึ้นมาชั้นสองทำลายบรรยากาศอันน่าปวดตับลงชั่วคราว “มีผู้บุกรุกเข้ามาในวัดของเราครับ!!!”

“เอ๋~! ว่าไงนะ!?” พวกมาดาสึโบมิอุทานอย่างตกใจ

[glow=sienna,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

ณ ทางเข้าวัดชั้นล่างสุด ซึ่งเป็นเส้นทางแคบๆที่พวกพลานันเดินผ่านมาเมื่อครู่ เต็มไปด้วยร่องรอยของการฟันด้วยดาบมากมาย ประตูถูกผ่าเป็นสองซีก ทรัพย์สินภายในห้องถูกรื้อค้น บนพื้นยังมีมาดาสึโบมิจำนวนหนึ่งนอนหมดสภาพอยู่ตรงนั้นด้วย

และที่หน้าทางเข้าของวัด ซึ่งเป็นเวลากลางคืนแล้ว มีมนุษย์อีกสองคนยืนอยู่ที่นั่น คนหนึ่งเป็นเด็กสาวสวมแว่น ผมน้ำตาลผูกโบว์สีแดง และยังแต่งกายหลากสีสัน เสื้อนอกสีฟ้า เสื้อในสีเขียวมีลายหน้าแมว กระโปรงสีชมพู ถุงเท้ายาวสีขาวสลับฟ้าอ่อน รองเท้าสีม่วง โดยรวมแล้วทั้งตัวเธอทุกส่วนใส่สีแทบไม่ซ้ำกันเลย

อีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผมน้ำเงิน ซึ่งมาในชุดสูทสีน้ำเงินพร้อมกับหมวกทรงสูงสีเดียวกัน เนกไทสีเลือดนก รองเท้าคัชชูขัดเงามันปลาบ เรียกได้ว่าเขาดูตรงข้ามกับเด็กสาวชนิดที่ว่าคนละขั้วเลยทีเดียว

“หืม~ นี่เธอแน่ใจเหรอว่าในวัดกลางป่าแบบนี้มีสิ่งที่ ‘ท่านผู้นั้น’ กำลังต้องการอยู่น่ะ?” เด็กสาวถามชายหนุ่มสวมชุดสูท

“แน่นอนครับคุณหนูคิระ...สัมผัสของโปเกมอนคู่หูของผมบ่งบอกอย่างนั้น และที่สำคัญ ที่นี่ว่ากันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพนับถืออยู่ที่นี่ ผมมั่นใจได้ว่าที่นี่จะต้องมีสิ่งที่ ’ท่านผู้นั้น’ กำลังต้องการอยู่อย่างแน่นอน...”

[glow=black,3,300]O………………………………………………………………….O[/glow]

โปรดติดตามตอนต่อไปในตอนที่ 12 ครับ

Link to comment
Share on other sites

"ผงพิเศษ!!! แต่ตรูใช้ไม่เห็นหายเลย..." (นอกประเด็น)

เอี๊ยดดดดด......

เอี๊ย......

ไม่ต่างเท่าไรแหะ

น่าติดตามต่อยิงยวด หอคอยจะพังไหมนี้!!

Link to comment
Share on other sites

ฮา~~

ผงพิเศษตาร่วงชูชีพ+มีไฟไฟม้บนร่ม

เห็นท่าทางการคุยของสองคนด้านหลังแล้ว นึกถึงตัวละครตัวนึงในโปเกม่อนแฮะ...แต่นึกชื่อไม่ออก

Link to comment
Share on other sites

: []  :pika08: :pika08: :pika08: :pika08:

มุขปุ๋ยตราร่มชูชีพ!!! (แถวบ้านสปอร์ไว้โรยใส่หมาแก้ขี้เรื้อน)

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.