Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Noname Legend - ตำนานไร้ชื่อ : The Lost Alphabet Santuary


Version5

Recommended Posts

  • Replies 387
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • Version5

    164

  • Loveless Nova

    93

  • SKYNET

    66

  • Tym

    34

Top Posters In This Topic

วันนั้นของเดือนของบอสท่าจะไม่จบง่ายๆแล้วสิ ใครนะจะเป้นผู้ช่วยให้บอส(กับSword&Blade(?))ผ่านพ้นฤดุกาลนี้ไปได้  :pika04: 

Link to comment
Share on other sites

เอ่อะ เราว่าพล็อตมันซ้ำกับของ ศจ. นะ

หรือแต่งให้เป็นฤดูมังกรหาคู่พร้อมกัน ก็เลยเลยตามเลย :pika02:

Link to comment
Share on other sites

เอ่อะ เราว่าพล็อตมันซ้ำกับของ ศจ. นะ

หรือแต่งให้เป็นฤดูมังกรหาคู่พร้อมกัน ก็เลยเลยตามเลย :pika02:

ครับ พยายามทำให้สอดคล้องกัน...

เพราะดูเหมือนจะวุ่นกันทั้งสองที่ด้วย=_="

Link to comment
Share on other sites

เอาล่ะสิ! บอสคลั่งขึ้นมาซะแล้ว! :pika08:

วุ่นพอๆ กับตอนเมโลเอ็ตต้ามาเลยแฮะ

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 82

        ขณะนี้มังกรน้ำเงินยังคงนิ่งเพราะกระแสไฟฟ้าช็อต  ถึงแม่จะเจ็บปวดแค่ไหนแต่เจ้าตัวก็ต้องทน...  อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปมีอะไร...  ถึงยังสงสัยไม่น้อย  ว่าทำไมควบคุมร่างไม่ค่อยได้  แต่ความรู้สึกกลับเด่นชัดมาก...  เจ็บ...

        แต่บอสในร่างมังกรน้ำเงินก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากนอนนิ่งๆ...  ทั้งๆที่ควรจะเป็นแบบนี้แท้ๆ...  แต่บอสกลับเห็นนกสีน้ำเงินกับมังกรสีขาวบินมาหาตน...  และนั่นทำให้ความโล่งอกตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม(มังกรมีตาตุ่มด้วยหรอ??)

        ‘พี่เรซิรั่มกับพี่ฟรีซเซียร์จะกลับมาทำไม…’  ตอนนี้บอสเริ่มคุมร่างไม่อยู่แล้วเพราะสัญชาตญาณเริ่มตื่นตัวอีกครั้ง  และยังรุนแรงกว่าเมื่อสักครู่มาก...

        แต่ความตกใจก็เริ่มแทรกจิตใจของบอส  เมื่อจู่ๆทั้งฟรีซเซียร์และเรซิรั่มก็คลอเคลียตน...

      “โฮก...”  เสียงบอสสบถออกมา...  จริงๆไม่อยากยอมรับเลย...  แต่มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...  แต่สายตากลับไปเห็นเซคร่อมที่แอบอยู่หลังกำแพงเข้า...

        ‘อย่าบอกนะ... พี่เรซิรั่มนอกใจ!! ไม่... ไม่มีทางเด็ดขาด... แล้วพี่เรซิรั่มมาทำกับเราทำไม... พี่ฟรีซเซียร์ก็ด้วย...’  บอสเริ่มคิดหนัก...

        แต่เซคร่อมกลับคิดไปอีกแบบ  ‘...ไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน... ไม่อยากเข้าไปร่วมวงด้วย... คงทนได้อีกไม่นาน...’

        สองเทพสาวก็ยังคงรุกต่อไป...  จนบอสสติหลุดลอยไปแล้ว  สัญชาตญาณจึงเริ่มทำงานแทน

        มังกรน้ำเงิน(ขออนุญาตไม่ใช้บอส เนื่องจากไม่ใช่บอสแล้ว)  เริ่มเลียส่วนปีกของฟรีซเซียร์  ทำให้ฟรีซเซียร์ตกใจไม่น้อย  แต่ก็พยายามคลอเคลียต่อไป...

_________________________________________________

      “อืม... พี่บอสไปนานจัง”  ชิโระหมุนตัวกลิ้งอยู่บนเตียงรอบอส  แต่รู้สึกจะนานเกินไปแล้ว

      “ไม่รู้สิ ลองเดินหาดูมะ จะได้เที่ยวเล่นภายในตัวด้วย”  ราเทียนเสนอความคิด  คุโระกับชิโระจึงพยักหน้าพร้อมกัน  แล้วทั้งสามจึงเดินออกจากห้องเพื่อตามหาบอส(เดินเล่นมากกว่า)

        แต่ระหว่างทาง  กลับพบคนที่นานๆทีจะโผล่มา  ทำให้พวกราเทียนอึ้งไปเล็กน้อยเพราะไม่รู้จัก

      “พวกเธอ... ลูกมังกรที่บอสเอามาเลี้ยงหนิ จะไปไหนกัน”  ดาร์คไรเหลือบไปเห็นราเทียนจึงถามขึ้น  เพราะจากที่ดูสภาพของพวกราเทียน  มันเหมือนแอบหนีเที่ยวมากกว่า

      “ไปหาพี่บอสฮะ”  คุโระตอบแทนราเทียน  ทำให้ดาร์คไรถอนหายใจ

      “จะช่วยหาให้ละกัน”  ดาร์คไรพูดเสร็จ  ร่างสีดำก็ค่อยๆจมลงพื้น...  จนกระทั่งเหลือแต่เงาบนพื้น  สุดท้ายเงาก็หายไป  สร้างความตะลึงให้กับราเทียน ชิโระและคุโระ

__________________________________________________

        ‘...เริ่มห้ามตนเองไม่อยู่ละ...’  เซคร่อมคิด  ถึงตนจะหาคู่เรียบร้อยแล้วก็เถอะ  แต่เห็นแบบนี้แล้วสัญชาตญาณกลับเริ่มพลุกพล่านขึ้น...  หากเมื่อตนยังเป็นมนุษย์  เรื่องแค่นี้ก็ไม่ทำให้ตนไขว้เขวได้...  แต่ตอนนี้เป็นมังกร  อาจต้องยอมกันบ้างเพราะคุมไม่อยู่จริงๆ

      “เซคร่อม มาทำไรแถวนี้”  เสียงจากไหนไม่ทราบดังขึ้น  ทำให้เซคร่อมเริ่มรู้สึกตัวว่าดาร์คไรอยู่แถวๆนี้

      “ดาร์คไร มีธุระอะไร”  เซคร่อมพูดกับอากาศ  แต่สักพัก  ร่างสีดำก็เริ่มผุดขึ้นมาจากเงา

      “วันนี้ข้าว่าง แล้วเดินไปเจอพวกเด็กๆของบอสพอดี เห็นพวกเด็กๆตามหาบอสกันอยู่เลยมาช่วย... เห็นบอสบ้างเปล่า”  ดาร์คไรถามกลับ  เซคร่อมก็ถอนหายใจออกมา  ทำให้ดาร์คไรแปลกใจ  นานแค่ไหนแล้วที่เซคร่อมถอนหายใจต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่เรซิรั่ม

      “เห็นสิ... แต่ข้าว่าอย่าเดินทางนี้เลย... ตอนนี้บอสกลายร่างเป็นมังกร แล้วก็อยู่ในช่วงหาคู่ จากนั้นฟรีซเซียร์กับเรซิรั่มเลยคิดจะช่วยบอส...”  เซคร่อมสรุปเหตุการณ์  เซคร่อมพูดน้อยก็จริง  แต่มีไม่กี่คนหรอกที่ทำให้เซคร่อมพูดเยอะได้...

      “หรอ... งั้นลองนี่หน่อยละกัน...”

____________________________________________________

        ทางด้านเชมี่ที่ตอนนี้กำลังดูแลเซเลบี้อยู่  เพราะเซเลบี้เพิ่งตื่นและพลังก็ค่อยๆกลับคืนมา...  แต่กลับจำเหตุการณ์ก่อนหน้าสลบไม่ได้เลย

      “กินซะนะ จะได้หายไวๆ”  เชมี่ยกข้าวมาให้เซเลบื้ทาน  เซเลบี้เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ

      “ขอโทษจริงๆนะ...”

      “ไม่เป็นไรหรอกน่า...”  เซเลบี้พูดขึ้นเพื่อให้เชมี่หายเครียดบ้าง  เธอคิดว่าเชมี่คงเครียดมาหลายวันแล้วตั้งแต่อัลเซอุสไม่ได้สติ

      “หรอ...”  เชมี่เปรยขึ้น  แต่จริงๆแล้วเธอลองใช้พลังเรียกความทรงจำแทบทุกอย่างโดยที่เซเลบี้ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ...  แต่ความทรงจำส่วนเดียวที่ขาดหายไป  คือก่อนที่จะสลบ

        ‘มันต้องมีอะไรแน่ๆ... ลองให้บอสช่วยละกัน...’

      “เดี๋ยวฉันลองไปถามบอสหน่อยนะ เพื่อบอสมีเวทย์พอช่วยได้...”  เชมี่พูดเสร็จก็เดินจากไป...  แต่ความกังวลก็มาถึงเมื่อเธอปิดประตู...  จะปล่อยให้เซเลบี้อยู่คนเดียวก็เสี่ยงเกินไป  เธอจึงใช้พลังคุมห้องนี้ไม่ให้พลังใดๆก็ตามทำร้ายเซเลบี้ได้...  แล้วจากนั้นจึงเริ่มตามหาบอส

____________________________________________________

        แต่ทางด้านบอส...  บอสเริ่มมีสติอีกครั้ง  ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา...  เพราะรู้สึกร่างมังกรเล่นเอาจนหลับ...

        พอลองสำรวจร่างตนเอง  พบว่าตนกลับมาเป็นมนุษย์อย่างเดิมแล้วจึงโล้งอกไม่น้อย...  แต่ทำไมหละ...  พอมองไปข้างๆก็เห็นฟรีซเซียร์กับเรซิรั่มนอนหอบอยู่...  เจ้าตัวก็เริ่มใจเสีย...

      “มะ...ไม่ใช่นะ...”  บอสเริ่มลนลาน...  แต่พอมองรอบๆบริเวณนั้น  ความจริงที่บอสหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เผยให้เห็นชัดขึ้น...  รอบๆก็มีมังกรสาวนอนไม่ได้สติ...เต็มไปหมด...

      “...ไม่จริง... ผมไม่ได้ทำ... ไม่ใช่ฝีมือผม~~~”

Link to comment
Share on other sites

วาว่า : เสน่ห์แรงไม่เบานี้หน่านาย หึๆๆ แอ๊ก!! *ถูกโซร่าถีบคว่ำ*

โซร่า : นี้มันเรื่องซีเรียสนะค่ะ มาสเตอร์!! ไปลักหลับหญิงที่มีคู่ครองแล้วและยังไม่มีนะ!!

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 83

      “...ไม่จริง... ผมไม่ได้ทำ... ไม่ใช่ฝีมือผม~~~”  บอสตะโกนออกมาพร้อมกับลุกขึ้น  และนั่นก็ทำให้ทุกคนตกใจ...  และบอสเองก็ด้วย  เพราะเมื่อสักครู่ตนอยู่ลานกว้าง  แล้วทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องพยาบาลได้...

      “อ้าว...ได้สติแล้วเหรอ”  ดาร์คไรพูดขึ้น  ทำให้บอสดูสภาพตนเอง  ตอนนี้เป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้ว  งั้น...เมื่อสักครู่มัน...ความฝันหรอ...

      “ขอโทษด้วยละกัน...มันเป็นวิธีเดียวที่น่าจะหยุดได้”  ดาร์คไรพูดขึ้น  ทำให้บอสเริ่มเข้าใจ  ว่าตนคงฝันร้ายเพราะดาร์คไรทำ  แต่มันฝันร้ายไปหน่อยไหม...

      “ไม่...ไม่เป็นไรครับ”  บอสหอบอย่างเหนื่อยอ่อน...  แค่ฝันไปสินะ...

      “เอาละ ไหนๆเธอก็ไม่เป็นไรแล้ว มาช่วยฉันหน่อย”  เชมี่พูดขึ้น  ทำให้บอสสงสัย  เพิ่งจะหายแล้วให้ทำไรอีก...  อยากนอนต่ออะ

      “พอมีเวทย์เรียกความทรงจำบ้างไหม”  เชมี่ถามต่อ  ทำให้บอสพอเดาได้ว่าให้ช่วยงานอะไร

      “เซเลบี้สินะครับ ถ้าเป็นเวทย์คืนความทรงจำ ไม่มีครับ แต่ถ้าเป็นเวทย์อ่านความทรงจำน่าจะได้นะครับ”  บอสลองนึกเวทย์ที่ตนจำได้  จริงๆแล้วเทย์จำพวกนี้  มันไม่ใช่สายโจมตี  แต่เป็นสายสนับสนุน  ทำให้บอสต้องใช้พลังมากกว่าเดิมโดยที่เวทย์พวกนี้  ใช้พลังเยอะอยู่แล้ว  แล้วต้องเปลี่ยนพลังเวทย์สายโจมตีให้เป็นสายสนับสนุนก่อน  แล้วค่อยร่ายเวทย์  ทำให้มันยุ่งยากมากๆ...

      “ถ้างั้นไม่ลองก็ไม่รู้สินะ...”  เชมี่พูดกับบอส  ทำให้บอสพยักหน้า  แล้วเชมี่ก็เดินนำ  แต่บอสกำลังจะก้าวขาเดินตาม  ชิโระก็เข้ามากอดขา

      “พี่บอส แล้วไหนบอกจะเดินเล่นกันไง”  ชิโระเริ่มทวง  แต่บอสก็ได้แต่ยิ้ม  ลูบหัวชิโระหนึ่งที

      “งั้นก็มาเดินด้วยกันสิ”  ชิโระฟังแล้วถึงกับยิ้มแก้มปริ  แล้วก็วิ่งตามบอสไป  โดยที่ราเทียนกับคุโระวิ่งตามทีหลัง

      “รู้สึกชิโระจะติดบอสมากเลยนะนั่น”  มิวทูเห็นแล้วส่ายหน้าอย่างระอา...  มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว  เพราะบอสเก็บมาเลี้ยงนี่น่า

_______________________________________________________

        ระหว่างทาง  บอสก็โดนเชมี่ซักฟอกอย่างเมามันส์(คุณเธอคนเดียว บอสเหงื่อตกตลอดทาง)

      “ถามหน่อยเถอะ ทำไมเธอถึงเหนื่อย เพราะฉันจำได้ เธอสามารถฟื้นพลังได้เรื่อยๆไม่ใช่เหรอ”  เชมี่ยังคงถามคำถามที่ทำให้บอสเหงื่อตกอีกครั้ง

      “ก็บอกไปแล้วไงครับ มันคงถึงฤดูหาคู่ผมถึงเหนื่อย แถมไอ้ฟื้นพลังเนี่ย ผมควบคุมมันการฟื้นพลังไม่ได้นะครับ”  บอสตอบคำถามชวนเหงื่อตกไปกี่คำถามแล้วก็ไม่รู้  แต่ก็เกือบจะรอดทุกคำถาม... เกือบจะอ่านะ...

      “แล้วทำได้แน่นะ... อ่านความทรงจำ”  เชมี่ถามคำถามนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  บอสก็เข้าใจว่าทำไมถึงถาม...  เพราะเผื่อจะช่วยอัลเซอุสได้ไง...

      “ครับ อ่านได้...”  แต่บอสไม่บอกต่อว่ามันเปลืองพลังสุดๆ  เพราะดูเหมือนเชมี่จะตั้งใจช่วยจริงๆ

        เมื่อไปถึงห้องที่เซเลบี้ตอนนี้กำลังนอนพักผ่อนอยู่  บอสก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆ  จากนั้นก็เรียกบอลพลังสีฟ้าสองลูกออกจากมือทั้งสองข้าง  บอลพลังก็เริ่มดูดเข้าหากันเรื่อยๆ  จนเป็นลูกเดียวและเริ่มเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็นสีชมพู  จากนั้นบอสก็ค่อยๆเอาบอลพลังนั้นไปวางไว้บนหัวของเซเลบี้  บอลพลังก็ค่อยๆเข้าสู่ร่างกายของเซเลบี้  แล้วบอสก็ประสานมือทั้งสองข้างเหมือนนักบวชกำลังสวดภาวนา...

        ‘อืม... นี่มันช่วงก่อนที่เมโลเอ็ตต้าจะมานี่...’  บอสจำสภาพได้ดี  เพราะหากเป็นหลังจากนั้นจะเห็นรอยแปลกๆที่กำแพงไม่ก็พื้นห้อง...รอยบุบของสายฟ้าผ่า...ของตนเอง= ="

        ‘...พี่เซเลบี้เข้าไปในป่ามนตรา...’  บอสยังคงอ่านความทรงจำต่อไป  แต่...เมื่อถึงจังหวะตอนที่เซเลบี้กำลังหันหน้าไปหาศัตรู  จู่ๆบอสก็เบิกตาขึ้นอย่างฉับไว  และอาเจียนออกมาเป็นเลือด...  สร้างความตกใจให้เชมี่และพวกราเทียนอย่างมาก

      “อั่ก...”  บอสอาเจียนออกมาไม่หยุด  เชมี่จึงรีบช่วยบอสอย่างเร่งด่วนก่อนที่บอสจะอาเจียนเลือดนเลือดหมดตัว

      “แฮ่ก...แฮ่ก...”  บอสหอบออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน...  พลางนึกในใจ

        ‘โดนเล่นเข้าให้แล้ว (ไอ้)คุณมิสซิ่งโนร้ายจริงๆ ไม่ยอมให้แม้แต่จะอ่านความทรงจำส่วนที่ขาดหาย หากใครคิดจะอ่านมัน พลังที่คุณมิสซิ่งโนจะทำงาน... ถ้าจำไม่ผิดนี่มันเงาความมืด(Night Shade)... แต่ทำไมมันรุนแรงขนาดนี้’

      “บอส... เป็นอะไรไป”  เชมี่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง  เพราะนี่มันความผิดของเธอที่ทำให้บอสโดนแบบนี้

      “ไม่เป็นไรครับ แค่โดนเล่นงาน... คนที่ทำร้ายเซเลบี้ใส่พลังบางอย่างเข้าไปพร้อมกับลบความทรงจำ... หากใครคิดจะอ่านมัน จะโดนพลังนี่เล่นงาน”  บอสอธิบาย...  แต่พอบอสจะเดิน  ขากลับไม่มีแรงเพราะเสียเลือดมากไป...

      “อย่าฝืนสิ... เดี๋ยวมันก็แย่กว่าเดิมหรอก...”  เชมี่พูดด้วยความเป็นห่วง

      “ไม่เป็นไรครับ บอกกับพวกเด็กๆแล้วว่าจะเดินกลับ”  บอสส่ายหน้าประมาณว่าไม่เป็นไร  จากนั้นก็เดินกลับพร้อมกับชิโระ...  โดยที่เชมี่มองด้วยสายตาเศร้าๆ...  หากเธอไม่ให้บอสมาอ่านความทรงจำ  บอสก็คงไม่ต้องเสียเลือดแน่...

        แต่บอสเหมือนจะเข้าใจเชมี่  จึงหันหลัง  แล้วพูดกับเชมี่  “ไม่ใช่ความผิดของพี่เชมี่หรอกครับ ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกครับ (มันเป็นความผิดของไอ้คุณมิสซิ่งโนต่างหาก)”  ประโยคสุดท้ายบอสต่อในใจโดยไม่ได้พูดออกมา  เชมี่ได้ฟังก็ยิ้มเศร้าๆ

__________________________________________________

        บอสสร้างร่างโคลนให้อยู่กับพวกชิโระเพื่อจะได้ไม่ถูกสงสัย  ส่วนตัวจริงกลับไปอยู่คนเดียวในปราสาทเชสต้า

      “(ไอ้)คุณมิสซิ่งโน (โผล่หัว)ออกมาหน่อยครับ ผมรู้ว่าอยู่แถวนี้”  บอสพูดคนเดียว  จากนั้นร่างมนุษย์สีดำก็โผล่ขึ้น

      “เหอะ กว่าจะมา นี่คิดจะฆ่ากันเลยใช่ไหมครับ เล่นใช้ท่าเงาความมืด(Night Shade) ทันทีที่มีคนอ่านความทรงจำเนี่ย...”  มิสซิ่งโนมาถึงบอสก็เริ่มบ่นยาว

      “เอาไงได้ละ...”  มิสซิ่งโนพูดแค่นี้  ทำให้บอสเถียงไม่ออก  เพราะไม่อยากโดนล่ามโซ่

      “เฮ้อ... ช่างมันเถอะครับ... แต่ผมมีเรื่องแย่ๆมาบอก”  บอสเข้าสู่โหมดจริงจังที่นานๆทีจะเห็น

      “ว่ามา...”  มิสซิ่งโนก็เริ่มเครียดขึ้นมา

      “ช่วงนี้ผมจับพลังเวทย์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ และผมได้ทำลายเรียบร้อยแล้ว... แต่... ส่งมาที่ไหนผมไม่รู้”  บอสพูดเสียงเครียด  ทำให้มิสซิ่งโนเครียดตาม

      “และเวทย์ที่ส่งมานั้น... สำหรับจอมเวทย์อย่างผม เวทย์นั้นถือว่าเป็นสาสน์ท้ารบ...”

______________________________________________________

        ทางด้านโลกที่ห่างจากชินวะ...  และอาจเป็นโลกที่ใครบางคนรู้จักดี...

      “ท่านครับ สายเวทย์เชื่อมต่อถูกตัดขาดอีกแล้วครับ!!”  เสียงดังลั่นของลูกน้องทำให้ขันติของผู้เป็นนายขาดสะบั้น

      “อีกแล้วรึ!! นี่มันครั้งที่สามแล้วนะ!!!”  ผู้เป็นนายตวาดใส่ลูกน้อง

      “ใจเย็นๆก่อนครับ ท่านราชา ผมว่าทางนั้นคงมีจอมเวทย์ฝีมือดีแน่นอน... ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถตัดสายเวทย์เชื่อมต่อได้แน่ขอรับ”  หัวหน้ากลุ่มพูดอย่างใจเย็นกับราชา

      “งั้นพวกเจ้าจงเตรียมเสบียงให้พร้อม!! เราจะไปบุกที่นั่น!!!”  เสียงตวาดอีกระลอกของราชาดังสนั่น  จากนั้นก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วหายไปพร้อมกับคำพูดพึมพำเบาๆจนไม่มีใครได้ยิน

      “หึ ไอ้ลูกไม่รักดี อย่างแกต้องตายเท่านั้น...”

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 84

      “แล้วจะทำไงต่อครับ ทางนั้นก็คิดจะทำจริงๆเพราะใช้เวทย์นี้มาสามครั้งแล้วนะครับ...”  บอสถามมิสซิ่งโนที่ตอนนี้ บรรยากาศตรึงเครียดสุดๆ

      “ไม่พบสาเหตุที่ทางนั้นทำสงครามเลยรึ...”  มิสซิ่งโนถามขึ้น  มันต้องมีสาเหตุแน่ๆ  พวกมันคงไม่คิดจะเอาชีวิตมาทิ้งเพราะความไร้สาเหตุแน่

      “ไม่พบเลยครับ ไม่พบนอกจากเวทย์ที่ทางนั้นส่งมาเลย...”  บอสลองนึกย้อนกลับไปตอนที่ทำลายเวทย์  มันไม่มีอะไรหลังจากนั้นเลยนอกจากสายเวทย์เชื่อมต่อจะขาด...

      “แล้วมีวิธีให้รู้สถานที่ของมันรึเปล่า”  มิสซิ่งโนถามขึ้น  เผื่ออาจจะรู้จักและสามรถปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้

      “มีครับ แต่มันเสี่ยงมาก คือไม่ทำลายเวทย์ที่พวกมันส่งมา แล้วผมจะฉายให้ดู... แต่ที่มันเสี่ยงคือ หลังจากที่มันส่งมาแล้ว มันจะส่งเวทย์ทำลายอะไรก็ได้ออกมาด้วย เผลอๆอาจจะส่งพรรคพวกมาเลย...”

      “...ถ้างั้น เอาเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคน แล้วมาประชุม... เพราะจากที่คิดไว้คงต้องให้ไดอัลก้าเข้ามาช่วย...”

_____________________________________________________

        หลังจากที่บอสคุยกับมิสซิ่งโนเรียบร้อย...  บอสก็กลับมาแทนร่างโคลนของตน  ซึ่งตอนนี้กำลังนอนอยู่...  แล้วมีพวกราเทียนนอนทับ...  หนัก...

        ‘...หนักจริงๆ... แต่ก็คงต้องหนักต่อไปจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ละมั้ง...’  บอสคิดแล้วถอนหายใจขึ้นมาทันที  แต่จะทำอย่างไรได้...  ไม่อยากไปรบกวนตอนนอน...

        แต่พอจะเคลิ้มหลับ เวทย์ไม่พึงประสงค์ก็มาอีกครั้ง  แต่คราวนี้ทำให้บอสรู้สึกแปลกไปกว่าเดิม

        ‘มาอีกแล้ว... แต่ทำไมคราวนี้รุนแรงกว่าเดิม... สงสัยต้องการจะให้สายเวทย์นี่ยึดติดกับโลกชินวะโดยสมบูรณ์สินะ... ไม่ยอมง่ายๆหรอกน่า...’  บอสค่อยๆสูดอากาศให้เต็มปอด(สูดยากมากเพราะพวกราเทียนทับอยู่...)  จากนั้นก็ใช้มือรวบอากาศ  แล้วจู่ๆเส้นเชือกสีดำก็โผล่ขึ้นมา  ขนาดของมันราวๆห้าเซนติเมตร...

        ‘อื้อหือ... คราวนี้เส้นใหญ่กว่าคราวก่อนเป็นเท่าตัวเลย... สงสัยจะทุ่มสุดกำลังจริงๆ... แต่... ในเมื่อสนองอย่างนีก็จะสนองกลับให้...’  บอสแสยะยิ้ม  ใช้เวทย์ส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่เส้นเชือกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง  จนเส้นเชือกขาดและเป็นตอตะโก

        ‘สงสัยต่อไปคงต้องทำแค่ไม่ให้สายเวทย์ทำงานซะแล้ว... คงไปยั่วมันมากเกินไป...’  บอสคิดแล้วก็หลับไป...

____________________________________________________

        วันรุ่งขึ้น  เบต้าตื่นขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าของบุคคลที่นอนอยู่ข้างๆ  หลงเหลือแต่พวกลีเฟียที่ยังเคลิ้มหลับเพราะอากาศวันนี้ช่างเย็นสบาย  เบต้าไม่คิดให้มาก  ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเล็กน้อย  แล้วเดินตรงไปยังห้องครัว

      “เคร๊ง เคร๊ง”  เสียงในห้องครัวดังขึ้น  บ่งบอกให้เห็นว่ามีคนกำลังทำอาหารอยู่  เบต้าไม่รอช้า  เปิดประตูเข้าไป  ก็พบกับมิวทูใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหาร  แต่ไม่ได้สังเกตุหรือรู้สึกถึงผู้มาใหม่เลย  เบต้าเลยคิดจะแปกล้งเข้าไปให้ตกใจเล่น  แต่จู่ๆมิวทูจะละมือจากกระทะ  แล้วสำรวจตัวเธอเองในกระจก...  จากนั้นก็แปลงร่างให้เป็นมนุษย์...  ที่ใส่แค่ผ้ากันเปื้อนตัวเดียว  ทำเอาเบต้าหน้าแดง

      “อะแฮ่ม... ช่วยดูหน่อย ว่ามีคนอยู่...”  เบต้ากระแอมเล็กน้อย  ทำให้มิวทูสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด  แล้วรีบกลับเป็นมิวทูเหมือนเดิม

      “ไม่เห็นอะไรนะ...”  มิวทูถามหน้าแดง

      “...”  เบต้าไม่ตอบ  เพราะว่าตอบแบบไหน  มิวทูก็น่าจะรู้ดี...  และเพราะเบต้าไม่ตอบทำให้มิวทูหน้าแดงกว่าเมื่อสักครู่อีก...

      “…สรุป เธอคิดจะยั่วฉันหลังจากที่ฉันเพิ่งตื่นหรอ”  เบต้าเริ่มเข้าใกล้มิวทู  ทำให้มิวทูเริ่มเดินถอยหลัง  แต่ถอยหลังไปเรื่อยๆ  หลังของมิวทูก็ไปชนกับกำแพงพอดี...  ทำให้เธอเริ่มรู้ตัวว่าจนมุม...รีบหันซ้ายหันขวาหาทางหนี

        แต่ก็เหมือนเบต้าจะรู้ดี  รีบคว้าตัวมิวทูแล้วจูบที่หน้าผาหนึ่งที  แล้วรีบปล่อยมิวทู...  ทำให้มิวทูเริ่มสงสัย...  ถ้าเมื่อก่อนคงจะโดนมากกว่านี้...แต่ทำไม...

      “ทีหลังก็ดูดีๆก่อน… ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ...”  เบต้าพูดเตือนมิวทู  ถึงแม้ว่าประโยคหลังจะพูดเบา  แต่มิวทูก็ได้ยินจนตกใจ  เพราะที่ผ่านมาเบต้าแค่อยากแกล้ง...(ก็ทำตัวอย่างนี้มันน่าแกล้งหนิ : เบต้า)  แต่ตอนนี้เบต้าชักไม่แน่ใจแล้วว่า  จะจบลงที่แกล้งสำเร็จรึเปล่า...

      “...อือ... ขอโทษนะ...”  มิวทูพูดขอโทษ  แต่เบต้าก็ส่ายหน้าไม่เป็นไร  แล้วจู่ๆเศษกระดาษก็ลอยมา

        ‘ประชุมด่วน มิสซิ่งโน’

      “ต้องไปสินะ...”  เบต้าถอนหายใจเฮือกใหญ่  จากนั้นก็เดินไปประชุมพร้อมกับมิวทู

____________________________________________________

        หลังจากที่เบต้ามาถึงที่ประชุมแล้ว  ทุกคนก็สภาพไม่ต่างจากตนบ้างนัก  ส่วนใหญ่จะเพิ่งตื่นซะมากกว่า  แต่บอสนอนรอซะแล้ว

      “โอเค มาครบทุกคนแล้วนะ”  มิสซิ่งโนในร่างมนุษย์เงาพูดขึ้น  ทำให้บอสจำต้องตื่นมาฟัง

      “จริงๆมีเรื่องด่วนแค่เรื่องเดียว แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของตอนนี้แล้ว ส่วนเนื้อหาเดี๋ยวให้บอสออกมาพูด...”  มิสซิ่งโนไม่รอช้า  รีบโบ้ยหน้าที่ให้บอสทันที  ทำให้บอสที่เพิ่งตื่นเถียงไม่ทัน  เลยต้องยอมออกไปพูด

      “คือ ช่วงนี้ผมจับพลังเวทย์ที่ไม่พึงประสงค์มาจากโลกอื่นได้ครับ และเวทย์ที่ส่งมานั้น สำหรับจอมเวทย์อย่างผม... มันคือสาสน์ทำสงครามครับ”  สิ้นเสียงบอสทำให้ทุกคนในห้องฮือฮากันใหญ่  เพราะในที่สุดจะได้ลุย(?)กันแล้ว

      “เอ่อ... ฟังหน่อยสิครับ แล้วไอ้เวทย์เนี่ย ผมทำลายไปสี่รอบแล้ว ล่าสุดก็เมื่อคืน...”  บอสกำลังจะพูดต่อ  แต่สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างจึงรีบจับมันมา  แต่คนอื่นเห็นเป็นบอสใช้มือฉกอากาศอยู่

        แต่เมื่อบอสหลับตาซักพัก  คราวนี้เริ่มเห็นเชือกยักษ์สีดำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามสิบเซนติเมตร  ทำเอาบอสหัวเราะแห้งๆ

      “พูดถึงก็มาเลยแหะ... แต่ใหญ่กว่าเมื่อวานสามเท่าเลยแหะ... สงสัยจะทุ่มสุดตัวจริงๆ”

      “แล้วเวทย์นี่มันทำอะไรได้”  เป็นเรื่องแปลกที่วันนี้เซคร่อมจะพูดเปิด  เพราะเริ่มไม่แน่ใจแล้ว  ว่าตนเคยเห็นเวทย์นี่มาก่อน...  ที่ไหนซักแห่ง

      “เมื่อเวทย์นี้ทำการปักหลักได้สำเร็จ ทางฝั่งที่ส่งเวทย์นี้จะสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ และยังส่งเวทย์มาทำลายได้แม้ว่าจะห่างเป็นหลายร้อยล้านไมล์... แต่เวทย์นี้ถือเป็นหนึ่งในเวทย์ต้องห้าม เพราะเมื่อปักหลักสำเร็จ ต้องมีเครื่องสังเวยเป็นมนุษย์... เพราะงี้ผมถึงรีบทำลายก่อนที่มันจะปักหลักสำเร็จ...”  บอสเริ่มเข้าสู่โหมดเครียด  แน่นอนนี่มันเรื่องชีวิตแล้วย่อมเครียดตาม

      “แต่ผมไม่รู้ว่ามันส่งมาที่ไหน ต้องเสี่ยงกับการที่มันปักสำเร็จราวๆสามวิ... ในเมื่อมันสามารถใช้เวทย์ใส่เราได้ หากผมร่ายเวทย์สวนกลับ เราก็สามารถใช้เวทย์ไปถล่มมันก็ได้โดยที่เราไม่เสียอะไรเลย... และจังหวะนี้ผมจะรีบฉายสภาพของที่นั่นเผื่อมีคนรู้จัก...”  บอสพูดวางแผน  แต่ตอนนี้เรซิรั่มเริ่มบีบมือเซคร่อมแน่น...

      “อย่าให้เป็นที่นั่นเลยนะ...”  เรซิรั่มพูดเสียงเบาที่สุดเพื่อให้เซคร่อมได้ยินเพียงคนเดียว

      “ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น...”  เซคร่อมตอบกลับ

      “และถึงตอนนี้ ผมก็ต้องขอความร่วมมือจากไดอัลก้าด้วยนะครับ”  บอสพูดขึ้น

      “เพราะพี่ไดอัลก้าหยุดเวลาได้ พี่ไดอัลก้าแค่หยุดเวลาส่งไปในเส้นเชือก ผมจะรีบเก็บภาพของสภาพของที่นั่น และรีบทำลายทิ้งก่อนที่จะมีคนถูกสังเวย...”  บอสพูดเสร็จก็บ่นพึมพำเบาๆ

      “Tera Form…”  จากนั้น  ชุดบอสก็เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดจอมเวทย์เต็มตัว  และดวงตามังกรก็มาแทนที่นัยน์ตาปกติของบอส

      “สงสัย คราวนี้ผมต้องถล่มแหลกแล้วหละครับ... ถ้าเป็นไปได้... มาช่วยกันยัดพลังใส่เชือกก็ดีนะครับ...”

Link to comment
Share on other sites

ได้เวลาลุยแล้วสินะ เหล่าจอมเวทย์และเหล่าเทพทั้งหลาย

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 85

      “หมายความว่าไง”  พัลเกียรู้สึกแปลกใจ  ที่จู่ๆพลังของบอสก็แผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด  แล้วยังบอกให้ช่วยมายัดพลังใส่เชือกอีก

      “ก็หมายความว่า เมื่อผมให้สัญญาณ ให้ทุกคนช่วยโจมตีใส่เส้นเชือกให้รุนแรงที่สุด เพราะมันจะส่งพลังไปที่อีกฟากเป็นของฝากไง...”  บอสพูดอย่างอารมณ์ดี  แต่จริงๆเก็บความโกรธไว้...  และทุกคนเองก็รู้...  ว่าบอสกำลังโกรธ

      “แต่ทำไมต้องทำขนาดนี้หละ...”  ฟรีซเซียร์ยังคงไม่เข้าใจ

      “...เวทย์ทำลายแบบข้ามโลกก็มีตั้งหลายเวทย์... แต่ฝ่ายนั้นเลือกเวทย์นี้ที่มีการสังเวยเพื่อทำให้ส่งเวทย์ทำลายได้ต่อเนื่องและหลากหลาย... ฝ่ายนั้นต้องการฆ่าเราจริงๆก็น่าจะบุกแบบสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่หลบหลังคนอื่น ถึงแม้คนพวกนั้นคิดว่าเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนมาก แต่คำว่า ‘ประโยชน์ส่วนมาก’ นี่มันมากจริงๆหรอ แค่ท้าสงครามก็เสี่ยงที่จะแพ้อยู่แล้ว แต่คนได้ประโยชน์หละ... ก็มีแต่คนออกคำสั่งเท่านั้น... สมมุติว่าพวกมันชนะเรา  พวกมันก็ได้แค่ครองโลกใบนี้... แล้วยังไงต่อ มันก็ไม่สามารถชุบคนที่เสียสละไปกับสงครามบ้าๆได้...”  บอสพูดยาวราวกับระบายอารมณ์...  จริงอยู่ที่บอสเคยอ่านนิยายประเภทนี้มา  แต่พอมาเจอจริงๆมันก็รับไม่ได้

      “พอเถอะ... ไม่ต้องพูดอีกแล้ว...”  มิวทูห้ามบอส  ทำให้บอสเหมือนหลุดจากภวังค์  คนอื่นๆก็พยักหน้า...

      “ขอโทษครับ...”  บอสพูดด้วยสีหน้าเศร้า  แต่คนอื่นก็ยิ้มให้กำลังใจ

      “ถ้าอย่างนั้น... เริ่มกันเลยเถอะ”  มิสซิ่งโนพูด  บอสก็พยักหน้า  เพราะมือของบอสจับปลายเชือกสีดำไว้  เลยทำให้การปักหลักของเส้นเชือกไม่สำเร็จ

      “เอาละนะ...”  บอสปล่อยเส้นเชือกออก  ทำให้เส้นเชือกพุ่งลงพื้นดินทันที  จากนั้นแสงของเส้นเชือกก็เริ่มสว่าง

      “พี่ไดอัลก้า หยุดเวลา!!!”  บอสตะโกนให้สัญญาณ  ไดอัลก้าก็ใช้พลังหยุดเวลาส่งผ่านเส้นเชือก  จากนั้นบอสก็บ่นพึมพำเบาๆ ฟังไม่ได้ศัพท์  จากนั้นแสงสีดำจากเปล่งจากเส้นเชือกก็เปลี่ยนเป็นสีขาว  บอสรีบเอามือพุ่งใส่เส้นเชือก  น่าแปลก... ที่มือบอสกลับทะลุไป...  จากนั้นก็รีบเอามือออก

      “ตอนนี้แหละครับ รีบโจมตีใส่เส้นเชือกเลย!!”  บอสให้สัญญาณอีกครั้ง  คราวนี้เทพทุกคนออกหน้าออกตาเล็กน้อย  เพราะนานๆทีจะมีที่ระบายหรือไม่ก็ยัดพลังได้เต็มที่...  พอคราวนี้เลยโจมตีแบบไม่ยั้งพลัง

      “Tera Flare – Tsunami – Tera Bolt – Earth Strain – Stratosphere – Deep Freeze!!”  บอสเองก็โจมตีใส่เส้นเชือกไม่ยั้งเช่นกัน  และไม่คิดจะยั้งพลังซะด้วย  โดยเริ่มจากลูกไฟยักษ์ใส่เส้นเชือก  แต่น่าแปลก  พอลูกไฟกระทบเส้นเชือก  ลูกไฟก็หายไปเลย  แต่บอสไม่สนใจ  เรียกคลื่นน้ำยักษ์ออกมาสิบระลอกใส่เชือก  พอน้ำเข้าไปในเส้นเชือกจนหมดก็ตามด้วยสายฟ้า 1 เทระโวลต์(เติมศูนย์ 11 ตัว)  เมื่อยัดสายฟ้าจนพอใจ  ก็ยัดหนามที่ทำจากดินต่ออีกพันแท่ง  แล้วตามด้วยลมที่คิดว่าน่าจะเบาที่สุดแล้ว(พอๆก็น้ำ)  แล้วปิดท้ายด้วยการส่งระเบิดน้ำแข็งเข้าไปปิดท้าย...  และทุกคนก็หยุดโจมตีเมื่อบอสยกมือ  แล้วรีบสลายเส้นเชือกพร้อมบอกว่า

      “พี่ไดอัลก้า เลิกหยุดเวลาได้แล้วครับ”

      “คิดว่าทางนั้นจะเป็นไง...”  มิวทูชักหวั่นๆ  เพราะเธอเองก็ไม่ยั้งพลัง

      “ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแหละมั้ง”  เบต้าตอบอย่างไม่คิดมาก  เพราะสมควรโดนแล้ว  ทำสงครามกับใครไม่ว่า  แต่ดันมาทำสงครามกับที่นี่เอง  ช่วยไม่ได้...

____________________________________________________________

        ทางด้านอีกโลก  ตอนนี้ราชากุมขมับราวกับพยายามระงับความโกรธของตนเองมากกว่ามาคิดหนัก  เพราะเสี้ยววินาทีที่ทำการปักหลักสำเร็จ  เหล่าจอมเวทย์ที่ทำการใช้สายเวทย์เชื่อมต่อก็บาดเจ็บสาหัส...  เพราะพลังที่ฝากนั้นส่งมาผ่านสายเวทย์ถูกบีบให้ลดพลังลง  ทำให้แค่บาดเจ็บสาหัส...  แต่ถ้าไม่ถูกบีบหละ...  เหล่าจอมเวทย์ฝีมือดีต้องตายแน่นอน...แล้วไง  หาคนใหม่มาแทนก็จบเรื่อง

      “บอกกับลูกน้องทุกกลุ่ม ต่อจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ เราจะบุกที่นั่น เตรียมตัวให้พร้อม อย่าพลาดเป็นอันขาด”  ราชาบอกกับหัวหน้ากลุ่มทุกหน่วย  จากนั้นราชาก็หายไปเหมือนอย่างทุกที

      “ใครกันนะ ส่งพลังที่เยอะขนาดนี้...”  หัวหน้ากลุ่มเริ่มพูดคุยกันเอง

      “ข้าว่าต้องส่งเป็นกลุ่ม ส่งพลังมาถี่ขนาดนี้อย่างน้อยต้องมากกว่าสี่คนแน่...”  หัวหน้าของอีกกลุ่มเริ่มออกความเห็น

      “แต่ที่ข้าสงสัยมากที่สุด พวกมันส่งพลังภายในเสี้ยววิได้ยังไง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ...”

      “ข้าว่า ถ้าไม่ใช่เวทย์เร่งเวลา ก็คงเป็นเวทย์หยุดเวลา”  หัวหน้าของอีกกลุ่มบอก  ทำให้ทุกคนตกใจ

      “มันจะเป็นไปได้หรอ!!”  หัวหน้าอีกคนค้าน...  แต่จริงๆกลับปฏิเสธไม่ลง...

      “ข้าว่ามันไม่น่าเชื่อ... แต่มันก็ควรจะเชื่อ...”

______________________________________________________________

        ทางด้านโลกชินวะ

      “โอเคครับ ผมได้ภาพสถานที่ของที่โลกนั้นมาแล้ว เดี๋ยวจะเปิดฉายให้เลยนะครับ”  บอสพูดขึ้นกับทุกคนพลางใช้เวทย์อัดภาพลงในแผ่นซีดี(เอามาเอง)  แล้วฉายลงสกรีนให้ทุกคนเห็น

      “...ขอให้อย่าเป็นที่นั่นเลยนะ...”  เรซิรั่มพูดกับเซคร่อมคนเดียว...  เซคร่อมรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเรซิรั่มกำลังกลัว...และเริ่มสั่น  ทำให้เซคร่อมต้องจับมือเรซิรั่มเพื่อให้กำลังใจ

        ภาพที่ฉายมานั้นเป็นภาพที่คนสองคนคุ้นตามาก  ทั้งตึกรามบ้าช่องสีดำล้วนและขาวล้วนปะปนกันไป...  และสิ่งที่เซคร่อมโกรธที่สุด...  คือดันไปเห็นราชาของที่นั่นพอดี...

      “คิดว่าที่นี่คือที่ไหนครับ”  บอสถามกับทุกคน

      “ฉันว่า...โลกที่ฉันเคยอยู่...”  เซคร่อมบอกกับทุกคน  สร้างความตกใจให้แก่ทุกคน(ยกเว้นบอส)

      “แล้วโลกนายจะมาทำสงครามกับเราทำไม”  ฟรีซเซียร์เริ่มสงสัย

      “ฉันว่า... พ่อของเซคร่อมฉันคงมาตามล่าพวกเรา...”  เรซิรั่มตอบด้วยเสียงอันสั่นเทา...

      “โอเค ถ้างั้นถล่มแหลก”  บอสพูดปิดท้าย  ทำให้ทุกคนอึ้งเป็นแถบ

      “เอ่อ... ไม่คิดจะเกรงใจคนที่มาจากที่นั่นหน่อยหรอ...”  เบต้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

      “จะเกรงใจทำไมครับ ก็ที่นั่นทำให้กับพวกพี่เซคร่อมกับพี่เรซิรั่มให้เจ็บแสบ แถมยังมาท้าเราอีก อย่างนี้เราก็ต้องสนองพวกมันสิครับ เอ้าปิดการประชุม”  บอสพูดเสร็จก็บอกปิดเลยโดยไม่ฟังความคิดเห็นใดๆทั้งนั้น...  จริงๆน่าจะพูดว่าไม่มีใครคิดจะขัดเลยมากกว่า  เพราะทุกคนต่างก็ดีใจที่จะได้ถล่มกันซักที(???)

_____________________________________________________

        หลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว  แต่บอสต้องอยู่ต่อเพื่อมาปรึกษามิสซิ่งโนต่อ  แต่กว่าจะคุยเสร็จก็นานใช้ได้  ทำให้บอสคิดว่าเดินทางลัดน่าจะดีที่สุด  จึงเดินไปเรื่อยๆ

      “อะ...อ๊า...”  เสียงบางเสียงที่บอสคุ้นหูดังขึ้น  ทำให้บอสเกิดอาการสงสัย  เสียงอะไรกันหว่า...

        แต่บอสก็ยังเดินต่อไป  จนเห็นประตูบานหนึ่งเปิดอยู่...  แล้วเสียงดันมาจากในนี้  ทำให้บอสที่ต้องเดินผ่านหันไปสนใจภายในห้อง...  แค่นั้นแหละ...  หน้าบอสก็กลายเป็นปลาคาร์ฟพะงาบๆแบบพูดไม่ออก...  ใครจะไปนึก  หนีฉากแบบนี้แทบตาย  มากสุดได้แค่ฟัง...  แต่คราวนี้เห็นกันสดๆ...

        ทางด้านคนในห้อง  เรซิรั่มเหลือบไปเห็นบอสที่ทำหน้าปลาคาร์ฟพอดีจึงตกใจไม่น้อย  ถึงมันอยากขำแค่ไหนแต่ก็อาย...  พอเซคร่อมสงสัยว่าเรซิรั่มหันไปทางไหนก็หันตาม  เท่านั้นแหละบอสรีบเอามือปิดตา  แล้วช่วยปิดประตูเพราะกลัวคนอื่นมาเห็นอีก  แล้วรีบเผ่นไปจากตรงนั้นโดยที่ยังคงหน้าปลาคาร์ฟปากพะงาบๆพูดไม่ออกเหมือนเดิม...

        ส่วนเรซิรั่มก็หน้าแดงเล็กน้อย...  พลางโกรธเซคร่อมว่าทำไมไม่ปิดประตู...  แต่เซคร่อมก็ดันต่อทำให้เรซิรั่มโกรธไม่ลง...

ปล.

เรทอีกแล้ว /me ทรุด...

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 86

        เมื่อบอสเข้ามาในห้องโดยหน้าบอสยังคงเป็นหน้าปลาคาร์ฟ ปากพะงาบๆพูดไม่ออกหลังจากเจอเหตุการณ์สดๆร้อนๆเพิ่งออกจากเตาใหม่ๆ

      “พี่บอส เป็นไรไปหรอคะ”  ชิโระถามด้วยความแปลกใจ

      “…”  บอสไม่พูด...  ความจริงคือพูดแล้วแต่เสียงไม่ยอมออกมา  ปากยังคงพะงาบๆ  บอสเลยรีบไปอาบน้ำเพื่อทำใจและทำให้ใจเย็นลง

______________________________________________

        ทางด้านเบต้ากับมิวทูที่กลับห้องไปแล้ว  ตอนนี้ทั้งสองก็นอนกันเรียบร้อย  แต่เบต้ารู้สึกความร้อนที่มาจากแขนที่โดนพวกลีเฟียหนุนไว้  จึงลองเอามืออีกข้างแตะหน้าผากของลีเฟีย กราเซีย อีฟี่ และแบล็คกี้ดู...

      “ตัวร้อนเหรอเนี่ย...”  เบต้าเริ่มกังวล  เพราะไม่เคยเป็นหวัดจึงไม่รู้ว่าควรทำยังไง  แถมยังเป็นโปเกมอนด้วย  ยิ่งกังวลกว่าเดิมอีก

      “เป็นอะไรหรอ...”  มิวทูเริ่มตื่นเพราะคนข้างๆ(เบต้า) ขยับตัวบ่อย

      “พวกลีเฟียมีไข้สูงหมดเลย”  เบต้าตอบ

      “งั้นคงต้องให้พวกลีเฟียนอนที่อื่นแล้วหละ... เพราะดีไม่ดีเดี๋ยวจะแย่ลง แถมอาจจะติดไปยังคนอื่นด้วย...”  มิวทูพูด  แต่ก็กำลังคิดอยู่  ตอนนี้ดึกมากแล้ว  จะให้ท่านเชมี่ช่วยก็คงไปรบกวน  เดินเพ่นพ่านตอนกลางคืนก็ไปรบกวนคนอื่นอีก...

        แต่ความช่วยเหลือก็มาถึง  เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น

      “พี่เบต้า เปิดหน่อยครับ”  เสียงคุ้นๆดังออกมาจากนอกห้อง  ทำให้เบต้ารีบไปเปิดประตู

      “อ่าว พี่เบต้า ทำไมรีบซะขนาดนั้นละครับ”  บอสถามขึ้นเพราะปกติจะเห็นแต่มิวทูเปิดประตู  แต่คราวนี้เบต้าเปิดและเสียงวิ่งดังมาก

      “บอส มีวิธีให้โปเกมอนหายไข้บ้างปะ”  เบต้าถาม  บอสก็พอจะจับประเด็นได้

      “เอ่อ... ผมไม่ใช่สัตวแพทย์ที่ดาวเอิร์ธนะครับ แต่จะลองดูละกันครับ”  บอสตอบด้วยความเต็มใจเล็กน้อย...  ที่ตอบก็เพราะข้อตกลงของเชสต้าที่ว่า  ถ้าอยากมานอนที่ปราสาทนี้  ต้องช่วยเหลือเชสต้าและเบต้าทุกกรณีที่สามารถช่วยได้...

      “เดี๋ยวแปปนึงนะครับ”  บอสพูดเสร็จก็เทเลพอร์ทหายไป  แล้วแปปนึงอย่างที่ว่าจริงๆก็กลับมา

      “เจ้าพวกนี้เป็นไข้ ช่วยหน่อยนะ”  มิวทูพาพวกลีเฟียมาให้บอส  โดยที่ลีเฟียไอเป็นบางครั้ง  กราเซียตัวร้อนมากกว่าตัวอื่น  อีฟี่เดินไม่มีแรง  แล้วแบล็คกี้ที่เหงื่อออกง่ายผิดปกติ...  บอสเห็นสภาพแล้วต้องใช้เวทย์เคลื่อนย้ายให้พวกลีเฟียมาอยู่ห้องของตนที่บอสไปกางอาณาเขตกันไม่ให้โรคติดต่อไว้แล้ว...

        เมื่อบอสเดินเข้ามา  ก็ตรงไปที่โต๊ะที่บอสวางหนังสือเป็นตั้งเอาไว้ก่อนแล้ว  ไล่ดูสันหนังสือที่เกี่ยวกับการรักษาโปเกมอนที่เป็นไข้...

      “เจอแล้ว”  บอสอุทานอย่างดีใจ  แต่พอหยิบขึ้นมาดู...  ไม่อยากดีใจแล้ว  เพราะความหนามันประมาณนิ้วครึ่ง...  แต่บอสก็ไม่สนใจ  เปิดอ่านหน้าสารบัญก่อนเลย

      “วิธีการรักษาเมื่อโปเกมอนบาดเจ็บ... วิธีการรักษาเมื่อโปเมอนเป็นไข้...”  บอสเห็นหัวข้อแล้วก็ไล่มาดูต่อ

      “โปเกมอนแมลง โปเกมอนมืด... ... ทำไมมันต้องรักษาต่างกันด้วยเนี่ย กับไอแค่คนละธาตุ...”  บอสเริ่มบ่น  เพราะวิธีการรักษาต่างกัน  เพราะงั้นบอสจึงต้องหาถึง4ครั้ง(โปเกมอน4ตัว)

      “การรักษาโปเกมอนพืช... วิธีการรักษา... อะไรวะเนี่ย...”  บอสเริ่มจะไม่เข้าใจขึ้นมาแล้ว  เพราะวิธีการรักษามันออกแนวโรคจิตไปหน่อยไหม...

      “นำโปเกมอนลงน้ำร้อน จากนั้นใส่ผักลงไป... นี่มันวิธีการรักษาหรือทำอาหารวะ...”  บอสเห็นแล้วปาหนังสือทิ้ง  ส่วนลีเฟียที่ฟังอยู่ก็ขนลุกขึ้นมา

      “เอาวะ... ลองแบบนี้ละกัน”  บอสพูดแล้วก็หายไปในห้องน้ำ  แล้วก็ออกมาพร้อมกับขันน้ำและผ้าผืนเล็ก

        บอสเริ่มเอาผ้าจุ่มลงในน้ำอุ่น  แล้วเช็ดตัวกราเซียกับแบล็คกี้ก่อนโดยที่ทั้งสองก็ไม่ขัดอะไรมาก... แต่พอก็เช็ดตัวให้ลีเฟีย  เรื่องที่เห็นสดๆก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยที่บอสไม่อยากจะให้มันผุด  บอสเลยสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วเช็ดตัวให้ลีเฟียกับอีฟี่อย่างยากลำบาก...

        กว่าจะเช็ดตัวเสร็จก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว  บอสรีบเก็บขันและผ้าเพื่อจะได้รีบนอน  แต่พอจะลูบหัวพวกลีเฟียมันกลับง่วงแบบลืมตาไม่ขึ้นแล้ว  จึงนอนพื้นซะเลย...  ชิโระกับคุโระรู้สึกแขนที่หนุนเป็นจำหายไปจึงลุกขึ้นมาดู  เห็นบอสนอนอยู่บนพื้นเลยลงไปนอนตาม  ส่วนราเทียนก็นอนบนพื้นด้วย...  กลายเป็นทุกคนนอนบนพื้นหมดเลย...

______________________________________________

      “เฟียร์ เธอเป็นไงบ้าง...”  มิสซิ่งโนถามเฟียร์ที่ตอนนี้เฟียร์กำลังจะเข้านอน

      “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก... แล้วคุณไม่ต้องกลับไปมิติแห่งเทพหรอ... เดี๋ยวโดนสงสัยนะ”  เฟียร์พูดตอบกลับ  พร้อมถามต่อโดยความเป็นห่วง

      “ไม่ล่ะ... เธอสำคัญกว่า... คืนนี้ฉันว่าง... ฉันจะอยู่ข้างเธอจนถึงพรุ่งนี้...”  มิสซิ่งโนตอบพลางไล้เส้นผมสีฟ้าของเฟียร์

      “ขอบคุณนะ...”  เฟียร์ยิ้มอย่างเป็นสุขแล้วก็ผลอยหลับไป...  มิสซิ่งโนจูบหน้าผากของเฟียร์  แล้วก็กุมมือข้างขวาของเฟียร์จนถึงเช้า...

________________________________________________

        ทางด้านเชสต้าที่ตอนนี้น่าจะหลับไปแล้วแต่กลับมานั่งจดตารางบางอย่างเหมือนเป็นตารางงาน  แต่ผู้มาหใมก็เข้ามาให้เชสต้าหนักใจอีกรอบ

      “พี่เชส พี่ควรตอบได้แล้วนะครับ”  แกมม่าพูดเสียงแข็ง  ทำให้เชสต้าวางของทุกอย่างแล้วเผชิญหน้ากับน้องของเธอเองถึงสามคน...

      “เรื่องนี้...อย่ารู้เลยจะดีกว่านะ...”  เชสต้าพูดขึ้นโดยเสียงที่ลึกลับและเยือกเย็นกว่าเดิม

      “แต่มันถึงเวลาที่น่าจะได้รู้แล้วนะครับ”  แกมม่าพูดต่อ  ทำให้เชสต้าถอนหายใจ...

      “รู้ใช่ไหม... ทั้งท่านปู่ ท่านย่า ท่านตา ท่านยาย และท่านปู่ทวดของเราเสียชีวิตพร้อมกัน...”  เชสต้าพูดขึ้นเชิงถาม  ทำให้เหล่าน้องๆของเชสต้าพยักหน้า  แต่ก็สงสัย จะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม

      “แล้วถ้าฉันบอกว่า ฉันเป็นคนฆ่าทั้งห้าคนนั้นละ...เธอจะเชื่อไหม...”

Link to comment
Share on other sites

วันลำบากของบอสเลยนะเนี้ย เหอๆๆ ต้องมารักษาแตะตัวพวก Eeveelution ด้วย หลังจากเจอภาพอย่างนั้น เหอๆๆ

ฆ....ฆาตรกรที่อยุ่ใกล้ตัวพวกเจ้า!.....ไม่หรอกน่า...เชสต้าต้องทำอะไรไปโดยมีเหตุผลบางอย่างแน่

Link to comment
Share on other sites

บอสเหนื่อยน่าดูเลยนะนั่น

เจ๊เชสพูดอะไรแปลกๆ น่ะ!! :pika08: ต้องมีเหตุผลสิน่า

Link to comment
Share on other sites

  • 2 weeks later...

ไม่ได้อัพนานเนื่องจากติดเรียบ + (ติดเกมT_T" ปั่นเวลยิกๆ) กว่าจะมีเวลาแต่งก็นานพอตัว สมองชอบแล่นตอนหลับ แต่พอจะแต่งสมองกลับไม่แล่น- -"

บทที่87

      “มันหมายความว่าไงฮะ พี่เชสต้า อธิบายมานะครับ”  เดลต้าเริ่มเถียง  ใครจะไปเชื่อในสิ่งที่เชสต้าพูดกันละ

      “หึหึ... ไม่เชื่อกันสินะ แล้วรู้รึเปล่า พวกเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย...”  เชสต้าพูดเสียงเย็นเฉียบ  ความลึกลับของเสียงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...  แกมม่าเองก็เริ่มคิดได้  ว่าพี่สาวของตน เชสต้าเป็นคนที่ลึกลับที่สุด...  เพราะมีแต่เชสต้าคนเดียวที่พยายามไม่พูดอะไรกับเขาเลย  จะพูดก็แต่ให้กำลังใจกับหน้าที่ก็เท่านั้น...  ถ้างั้น...ตั้งแต่เกิดมาถึงตอนนี้ราวๆยี่สิบสองปีเขาแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่สาวของตนเลย...  ไม่น่าเป็นไปได้...

      “ถ้าให้ผมเดา... ถ้าพี่พูดถูกจริง แปลว่าพวกผมโดนลบความทรงจำสินะครับ...”  แกมม่าพูดสิ่งที่คิดเอาไว้  ทำให้เดลต้ากับอัลฟ่าตกใจ

      “มันจะเป็นไปได้หรอครับ พี่แกมม่า”  เดลต้าเถียงอย่างสุดๆ

      “พี่แกมม่าคะ นี่เรื่องจริงจังนะคะ”  อัลฟ่าก็เถียงใช่กัน  แต่เสียงปรบมือของเชสต้าทำให้ทั้งสองเงียบ

      “เก่งมาก แกมม่า ไม่คิดเลยนะ แค่ฉันพูดเพียงสองประโยค นายก็สามารถตอบถูกถึง 50% แล้ว”

      “แสดงว่า ยังมีเรื่องที่พวกผมยังไม่รู้สินะครับ”  แกมม่าตอบกลับ  โดยที่ใช้สติเต็มที่ในการประเมินความเป็นไปได้...

      “แน่นอน... และฉันคิดว่า พวกเธออาจจะรับไม่ได้ด้วยซ้ำ...”

__________________________________________

        บอสตื่นขึ้นมาก็พบว่า  ตนนอนบนพื้นท่ามกลางฝูงอีวุยซะงั้นโดยที่จำไม่ค่อยจะได้ว่าทำไมถึงนอนแบบนี้  แต่ก็พยายามลุกขึ้นมาแบบไม่ให้เหล่าอีวุยตื่น

        บอสตื่นขึ้นมาก็เข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน  ซักพักก็ออกมาในชุดปกติเหมือนไปข้างนอก  จากนั้นก็ดูเหล่าคนไข้  โดยการเอามือไปแตะหน้าผาก  แต่ละตัวไข้เริ่มลดลงอย่างมาก  ทำให้บอสพอใจไม่น้อย  จากนั้นก็ตรงไปยังห้องของเบต้าที่อยู่ใกล้ๆกัน

      “ก๊อกๆๆ”  บอสเคาะประตู  และดูเหมือนจะได้ยินเสียงตกใจเล็กน้อย  แต่ก็รอนานนิดนึงกว่ามิวทูจะมาเปิด

      “อ้าว บอส มีธุระอะไรหรอ”  มิวทูถาม  แต่บอสก็จ้องมิวทูที่ตอนนี้หน้าแดงแล้วเหมือนจะหอบนิดหน่อย...เพราะไรหว่า

      “คือ แค่จะมาบอกเฉยๆครับ ว่าพวกลีเฟียอาการดีขึ้นมากแล้วอะครับ แล้วก็ พี่เบต้า เตรียมฝึกหนักเลยนะครับ… ส่วนที่จะมาจริงๆคือ... หิวแล้วอะ...”  บอสโอดครวญทันทีที่พูดจบ  พร้อมกับท้องก็เริ่มร้องพอดี

      “งะ...งั้นเดี๋ยวแปปนะ จะได้ทำเผื่อพวกลีเฟีย”  มิวทูพูดพลางเดินไปในห้องครัว  บอสก็เดินเข้ามาในห้อง  แล้วเหลือบไปเห็นคราบบางอย่างบนเตียง...

      “เอ่อ... พี่มิวทูฮะ คราบนี่มัน...”  บอสถามแล้วมิวทูรีบหันกลับ  เห็นบอสชี้ไปยังคราบแปลกๆ

      “ป้าบ!!!”  เสียงพลังที่มิวทูปล่อยออกมาฟาดหน้าบอสอย่างจัง  จนบอสลงไปดิ้นบนพื้นด้วยความเจ็บและแสบ  มิวทูใช้จังหวะนี้รีบลบคราบออกทันที

      “ขอโทษนะบอส คือพี่เห็นแมลงไรไม่รู้เกาะบนหัวเลยกะว่าจะช่วยไล่ให้”  มิวทูแก้ตัว...  แต่ใครจะไปฟังขึ้นละ...

      “ไม่เป็นไรครับ...”  บอสพูดพลางเอามือกุมหัวตนเอง  มิวทูถอนหายใจโล่งอกจากนั้นก็หายไปในห้องครัว...

        หลังจากกินข้าวเสร็จ  บอสก็นำอาหารที่มิวทูทำเผื่อไปไว้ห้องของตนเพื่อให้พวกลีเฟียกับพวกชิโระได้กิน  ส่วนบอส มิวทู กับเบต้าก็เริ่มฝึกหนักที่ห้องฝึกในมิติแห่งเทพ

      “จำไว้นะครับพี่เบต้า ผมจะใช้เวทย์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่พี่เบต้ารับการโจมตีของผมได้นะครับ”  บอสสร้างโคลนของตนให้เบต้าไปฝึกกับโคลนตัวนี้  พร้อมบอกการฝึกโหดๆให้กับเบต้า

      “ถ้างั้นแค่หลบก็จบเรื่อง”  เบต้าเริ่มหาทางรอด  เพราะดูแล้วโคลนบอสไม่ออมพลังแน่ๆ

      “แต่ถ้าพี่เบต้าหลบได้ การโจมตีครั้งต่อไปจะโจมตีทั้งสนามนะครับ”  บอสพูดยิ้มๆ  ทำให้เบต้าต้องยอม

      “ถึงจะกางอาณาเขตให้ความรุนแรงไม่ถึงตาย แต่ทำไมฝึกโหดขนาดนั้นละ”  มิวทูกระซิบกับบอสเพราะดูแล้วกะจะฆ่ากันชัดๆ

      “รู้จักภูมิต้านทานรึเปล่าครับ”  บอสถามกลับ  มิวทูก็พยักหน้า

      “มันคล้ายๆกันน่ะครับ ถ้าคนเป็นหวัด ก็จะเริ่มมีภูมิต้านทาน มันก็เหมือนกัน ถ้าพี่เบต้าโดนเวทย์หนักๆไปเรื่อยๆโดยไม่หลบ พี่เบต้าก็จะเริ่มสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ซึ่งเหล่าจอมเวทย์จะเรียกมันว่า ‘ค่าป้องกันเวทย์’ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการสู้กับพวกโลกฟากนู้น เพราะจะทำให้ได้รับบาดเจ็บทางเวทย์น้อยลง”  บอสอธิบาย  ทำให้มิวทูพยักหน้าปนสงสารเบต้า

      “ว่าแต่ พี่มิวทูใช้ไซสไตรค์(Psystrike) คล่องรึยังครับ... เอาแบบเหมือนตอนที่พี่เบต้าใช้นะ ที่เป็นดาบออกมาอะครับ”  บอสถามต่อ

      “คล่องแล้วหละ แล้วก็ไม่ต้องเสี่ยงด้วย... ว่าาแต่ถามทำไม”  มิวทูเริ่มสงสัยว่าจะถามเรื่องนี้ทำไม

      “ผมจะได้ฝึกการใช้ดาบเวทย์ด้วย…”

      “ดาบเวทย์? ฝึกทำไมหละ เธอใช้เวทย์ พวกมันก็เข้ามาไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้ว...”  มิวทูเริ่มรู้สึกไม่ดี

      “อย่าลืมสิครับ พวกนั้นน่าจะฝึกโหดพอตัว ทำให้ค่าป้องกันเวทย์ของพวกนั้นสูง เวทย์ผมเลยทำงานไม่เต็มที่... และสุดท้าย... ถ้าผมสู้กับระดับผู้นำหรือหัวหน้า... ผมอาจจะแพ้...”

Link to comment
Share on other sites

แล้วเรื่องของเจ๊เชสก็ยังเป็นปริศนาต่อไป

นานแล้วสินะที่ไม่ได้เห็นเบต้าฝึกเวทย์ต่อเลย เอาใจช่วยนะ ขอให้รอดจากการฝึกโหดของบอสก็แล้วกัน

Link to comment
Share on other sites

นายนี้มันช่างวอนเจ็บตัวไปได้ทุกตอนเลยสินา บอส เหอๆๆ

ขนาดบอสก็จะแพ้พวกนั้นหรือ แล้วคนอื่นมันจะเหลืออะไรฟ่ะ...

Link to comment
Share on other sites

โว้ว ฝึกโหดๆ :pika08:

แต่ชักจะออกทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิมไม่ต้องไปแข่งมันแล้วเรอะ เบต้า :pika02:

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 88

      “นี่...ทำไมถึงพูดอย่างนั้นละ...”  มิวทูได้ยินแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อ...  บอสกล้าพูดว่าจะแพ้...

      “มีหลายสาเหตุครับ ทางนั้นใช้เวทย์เป็นหลักอยู่แล้ว ทหารหรือจอมเวทย์ทางนั้นตอ้งฝึกการโดนโจมตีทางเวทย์มาแน่ๆ หมายความว่า ทั้งทหารและจอมเวทย์ทางนั้นมีค่าป้องกันเวทย์สูงแน่นอน ทำให้ผมโจมตีได้ไม่เต็มที่...”  บอสพูดอธิบาย  แต่มิวทูก็ยังรู้สึกได้ ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ

      “...และสุดท้าย ผมมีจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงที่สุด... ถ้าทางนั้นรู้ละก็ ผมแพ้ลูกเดียว...”  มิวทูตกใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘จุดอ่อน’  บอสไม่น่าจะมีจุดอ่อนเลย...เพราะจากที่ดูแล้ว  บอสแทบจะไม่มีจุดอ่อนเลย

      “แล้วเรื่องนี้มีใครรู้นึยัง”  มิวทูถามด้วยความเป็นห่วง

      “มีแค่แฝดผมเท่านั้นที่รู้... แต่อีกไม่นานเบต้าก็จะรู้ด้วย... แต่ไม่ต้องห่วงครับ พวกพี่ไม่ได้ใช้เวทย์ เพราะงั้นสบายใจหายห่วง”  บอสพูดปลอบใจ

_____________________________________________________

        ทางด้านพี่น้องตระกูลไซเดอร์  แกมม่าเดินออกจากห้องของเชสต้าอย่างเงียบๆ  ด้วยสีหน้าที่เครียดสุดๆแต่ก็พยายามที่จะทำให้สีหน้าเป็นปกติที่สุด  ส่วนอัลฟ่ากับเดลต้าโดนใบ้รับประทานเล็กน้อย

      “ไม่อยากจะเชื่อเลย...”  เดลต้าบ่นคำนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว  เรื่องที่เชสต้าพูดมาแทบจะเป็นไปไม่ได้...  แต่ตนเองกลับรู้สึกว่าเชสต้าพูดความจริง...

      “อัลขอไปทำงานต่อนะคะ... ขืนมัวแต่คิดเรื่องนี้ไม่ได้ทำไรกันพอดี...”  อัลฟ่าพูดกับพี่ชายและน้องชายของเธอ  จากนั้นก็เดินจากไป

      “พี่ก็ขอตัว...”  แกมม่าพูดเสร็จก็หายไปอย่างกับนินจา  ทำให้เดลต้าตกใจ

      “...ฉันเองก็ควรจะไปทำงานเหมือนกัน...ถ้ามัวแต่คิดก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า...”  เดลต้าคิดแล้วก็เดินจากไป

        หลังจากที่เดลต้าออกไปไม่นาน  เชสต้าก็ทำตารางงานจนเสร็จ  แล้วก็พิงเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย  แต่ผู้มาใหม่ก็มาหาเชสต้า

      “...มีธุระอะไรหรอ ฟรีซเซียร์ ฮีทรัน ซุยคุน”  เชสต้าไม่ทันได้หันไปข้างหลังก็รู้แล้วว่าใครมา  ถึงจะแปลกใจมากที่จู่ๆโปเกมอนในตำนานที่น้องๆของเธอมีกลับมาหาเธอ...  และถ้าให้เดาไม่ผิดจะมาแบบไม่ได้นัดหมายกันด้วย

      “พวกเธอมีธุระอะไรกับนายท่าน”  เรควาซ่าปรากฏตัวขึ้นข้างๆเชสต้าในขนาดมินิไซส์(ขืนเอาขนาดจริงมา ห้องก็พังกันพอดี)

      “เชสต้าบอกเรื่องในอดีตไปแล้วเหรอ...”  ซุยคุนถาม  เชสต้าก็พยักหน้าแทนคำตอบ  ทำให้ซุยคุนทำสีหน้าเศร้าหมองลง

      “ทำไมถึงทำสีหน้าอย่างนั้นละ...”  เชสต้าถาม

      “...ก็แค่เป็นห่วงอัลฟ่า... เด็กที่น่าสงสารทั้งสามคนที่รู้เรื่องในอดีตจะต้องฝันร้ายพร้อมกับถูกดูดพลังชีวิตไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกตัวว่าควรทำยังไงต่อไป... ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่อยากเล่าให้สามคนนั้นฟังเลย”  ซุยคุนตอบเสียงเศร้า

      “ไม่ได้หรอก ซุยคุน ความลับไม่มีในโลก ความลับมีแต่จะรอคอยวันที่ถูกเปิดเผย... ตอนนี้เป็นตอนที่ควรเปิดเผยมากที่สุด เพราะหากไม่เปิดเผยตอนนี้ เราก็จะไม่รู้ว่าความลับจะเปิดเผยตอนไหน หากเปิดเผยในช่วงเวลาไม่เหมาะสม ก็เท่ากับน้องๆของฉันก็ไม่มีโอกาสที่จะได้รู้ว่า ตอนนี้ควรทำอะไร...”  เชสต้าพูดอย่างใจเย็น  แต่ทุกคนในนี้ก็รู้ดี  เบื่องหลังความใจเย็นของเชสต้า  จริงๆก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย...  จริงๆถ้าเชสต้าไม่ถูกขับไล่ในตอนนั้นละก็... เรื่องอาจจะไม่ใช่แบบนี้แน่...

_____________________________________________________________

        บอสที่ฝึกใช้ดาบกับมิวทูเหนื่อยหอบๆ  เพราะพยายามที่จะไม่ใช้เวทย์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ความสามารถด้านร่างกายแทบจะไม่เหลือ  ซึ่งตอนแรกมิวทูก็แปลกใจที่เหวี่ยงดาบง่ายๆ  แต่บอสกลับใช้ดาบรับไม่ได้  ซึ่งบอสก็บอกว่า

      “ก็ปกติผมใช้เวทย์ช่วยตลอด อย่างที่ผมวิ่งเร็วผมก็ใช้เวทย์ลมเข้าช่วย หรือผมต่อยหินทีเดียวแตก ผมก็แค่รวมพลังดินเข้าที่กำปั้นแล้วต่อย”  เป็นเหตุผลที่สุดจะบรรยาย  แต่พอเริ่มจะชิน  ความเร็วการเคลื่อนที่ก็มากขึ้นโดยที่ไม่ได้ใช้เวทย์เข้าช่วย  ส่วนเรื่องแรง...  อย่าไปคิดถึงมันเลย

      “พี่เบต้าครับ พักได้แล้วครับ”  บอสมองดูเวลา  ตอนนี้ประมาณหนึ่งทุ่มแล้วจึงบอกให้เบต้าหยุดพัก  เพราะฝึกติดต่อกันหลายชั่วโมง

      “เฮ้อ พักซะที”  เบต้าล้มตัวนอนบนพื้นด้วยความเหนื่อย...  แต่ไม่รู้ว่ามิวทูกับบอสคิดไปเองรึเปล่า...  เบต้าไม่ได้เหนื่อยอย่างที่เห็น...เหมือนเพิ่งจะเหนื่อยมากกว่าเหนื่อยเป็นเวลานานๆ

      “พี่เบต้า...ขอโทษนะครับ”  บอสพูดขึ้นมาลอยๆ  ทำให้เบต้ากับมิวทูสงสัย

      “ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไร”  เบต้าถามกลับ

      “อาจจะเจ็บนิดนึงนะครับ”  บอสยิ้มเล็กน้อย  แต่คำตอบมันไม่ตรงคำถาม  ทำให้สงสัยเข้าไปใหญ่  แต่จู่ๆบอสก็เรียกบอลไฟยักษ์ทุ่มใส่เบต้าแบบไม่ตั้งตัว  ทำให้มิวทูตกใจ

      “นี่บอสทำอะไรลงไป!!”  มิวทูตะโกนใกล้หูบอส  ทำให้บอสเอามือปิดหูเพราะอาการปวดหูจากการได้ยินเสียงดัง  แต่ก็เอามือชี้ไปยังกลุ่มควัน

        พอควันจางลง  ก็พบเบต้าในสภาพเจ็บเล็กน้อยเพียงเท่านั้น  ทำให้บอสตกใจเล็กน้อย

      “โห... ไม่กี่ชั่วโมงก็รับเวทย์ผมสบายๆได้แล้วหรอครับ...”

      “ก็โคลนนายดันใช้เวทย์แบบไม่ยอมให้หลบนี่”  เบต้าตอบกลับ  ทำให้บอสบอสหัวเราะแหะๆ...

      “ถ้างั้น กินข้าวกันเถอะ...”  มิวทูพูดเสร็จ  ทั้งสามก็เดินกลับไปยังห้องของเบต้า

____________________________________________________________

        หลังจากกินข้าวเสร็จ  บอสก็ขอตัวบอกจะไปถามเกี่ยวกับแผนการกับมิสซิ่งโน  แต่พอบอสออกมาจากห้องกลับตรงดิ่งไปอีกทาง...

        บอสยืนอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง  ในใจก็ชั่งคิดอยู่ว่าจถามตอนนี้เลยดีไหม...  แต่สุดท้ายก็เคาะประตูเพื่อเข้าห้อง

      “อ้าว มีธุระอะไรละ”  เชสต้าถามขึ้น  พอบอสเข้ามาในห้องก็รู้สึกเหมือนมีใครเคยมาอยู่เมื่อสักครู่แต่เหมือนจะเพิ่งออกไป

      “พี่ฟรีซเซียร์ พี่ซุยคุนกับพี่ฮีตรันเพิ่งออกไปหรอครับ...”  บอสถามในสิ่งที่ตัวเองคิดขึ้น

      “อืม ทำไมละ”  เชสต้าตอบพร้อมถามกลับ  ในใจก็ชื่นชมที่ตอบถูกหมดเลย

      “ผมชักจะรู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับพี่เบต้าและตระกูลไซเดอร์... ตระกูลของพี่เชสต้าครับ”

      “ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”  เชสต้าลองเชิงถามต่อ  เพราะอยากรู้ว่าบอสเข้าใกล้ความลับมากแค่ไหน

        บอสไม่ตอบ  แต่กลับใช้เวทย์แท่งน้ำแข็งเล็กๆพุ่งไปปักกำแพง พอเชสต้าดูแท่งน้ำแข็งก็มีกระดาษถูกปักอยู่  จึงลองดูกะดาษ  แต่ก็อึ้งแต่ไม่แสดงอาการใดๆออกมา

      “ตอนผมหลงทางในนี้ ผมเผลอเดินเข้าห้องหนึ่งน่าจะเป็นห้องปรุงยา แล้วพบกับสูตรยานั้นเข้า... ยาลบความทรงจำ...”  บอสเว้นช่วงการพูดเพื่อให้ตนเองหายใจ

      “ผมลองหาคุณสมบัติยาตัวนี้ในห้องสมุดดู เพราะลางสังหรณ์บอกว่า ยาตัวนี้ไม่ได้แค่ลบความทรงจำอย่างเดียว แต่พอผมเจอ มันกลับมีผลเสียด้วย คือเมื่อผู้ดื่มยาลบความทรงจำ ได้รู้เรื่องในสิ่งที่ลืม จะเกิดพิษในร่างกายขึ้น ซึ่งช่วงแรกยังเป็นปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ ก็มีผลถึงชีวิต...”

      “และจากที่ผมสังเกตุ พี่เดลต้า น้องสาวคนเล็ก อัลฟ่า และพี่ชายคนโต แกมม่า ก็ไม่รู้ว่า พี่เบต้าเป็นน้องด้วย... และในทางกลับกัน พี่เบต้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายพี่สาวของพี่เบต้า ซึ่งสิ่งที่ผมคิดมีเพียงอย่างเดียว...”

      “ทั้งสี่โดนบังคับดื่มยาลบความทรงจำ...”

Link to comment
Share on other sites

ความลับที่ซ่อนอยู่ใต้ความลับ คือความลับที่น่ากลัวที่สุด เรื่องนี้ชักจะมีเชือกร้อยแสนแปดพันกันเป็นปมจนยุ่งไปหมดแล้วนะเนี้ย ทำเอากังวลว่า....มันจะจบหรือเปล่านะเรื่องนี้..เลยทีเดียว

Link to comment
Share on other sites

เรื่องน่าติดตามลุ้นต่อจริงๆ

เบต้าเก่งขึ้นเยอะเลยแฮะ

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 89

      “...เพราะอะไร เธอถึงคิดอย่างนั้นหละ”  เชสต้าถาม  ซึ่งบอสก็มั่นใจแล้ว  ว่าสิ่งที่ตนสันนิษฐานถูกต้อง

      “ที่ผมคิดว่า ทั้งสี่โดนบังคับให้ดื่มยาลบความทรงจำ ก็เพราะในหนังสือบอกว่า หากดื่มยาด้วยความเต็มใจ จะทำให้หลงเหลือความทรงจำที่สำคัญเพียงเล็กน้อย ซึ่งในที่นี้หมายความว่า หากพี่เบต้าดื่มยาโดยความเต็มใจ พี่เบต้าต้องจำได้ลางๆว่าพี่เชสต้าเป็นพี่สาวคนโต...ส่วนพี่อีกสามคนก็เหมือนกัน อย่างพี่เดลต้า ถ้าเห็นพี่เบต้าก็ต้องจำได้ลางๆว่าเป็นน้องของตน แต่นี่กลับจำอะไรไม่ได้แถมยังเกิดผลข้างเคียงอีก... ถ้าเดาไม่ผิด พวกพี่เดลต้าคงมาถามเรื่องที่จู่ๆก็ปวดหัวเวลาเห็นพี่เบต้าใช่ไหมครับ”  บอสอธิบายอย่างละเอียด

      “...”  เชสต้าไม่ตอบ  แต่ทำท่าเหมือนกับไม่อยากฟังแล้ว  บอสเลยเงียบเพราะรู้สึกผิดเล็กน้อย

      “ขอโทษครับที่พูดออกมาแบบนี้...”

      “ไม่หรอก... เธอเดาถูกทุกอย่าง...”  เชสต้าพูดเสียงเบา

      “...ในเมื่อเธอรู้ถึงขนาดนั้นแล้ว... ฉันจะเล่าความจริงทั้งหมด...”

======================================================================

        ตระกูลของ ซีไลเนอร์ เป็นตระกูลเก่าแก่และอยู่มานาน...  พวกเราซีไลเนอร์เป็นผู้ปกครองเมืองหลวงของชินวะมาช้านานโดยไม่มีข้อตกบกพร่อง...  แต่กรรมพันธุ์ของตระกูลซีไลเนอร์คือ เด็กที่เกิดมาคนแรกจะเป็นผู้ชายเสมอ  และเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รุ่นแรก...  แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างนั้น...

      “ทำไมเจ้าคลอดออกมาได้เด็กหญิง แทนที่จะเป็นเด็กชาย”  เสียงชายค่อนข้างมีอายุตวาดใส่ผู้หญิงที่กำลังอุ้มทารกด้วยความสั่นเทา...

      “แต่ท่านพ่อ เรื่องแบบนี้มันก็มัโอกาสเกิด...”  เสียงชายหมุ่นพูดเพื่อยับยั้งอารมณ์ของชายผู้เป็นพ่อ

      “ไม่... ไม่มีโอกาสหรอก ซิกม่า... ประวัติศาสตร์ของตระกูลซีไนเนอร์ไม่เคยคลอดลูกคนแรกออกมาเป็นเด็กหญิง...”  พ่อของซิกม่าพูดต่ออย่างเหลืออด  ปานจะฆ่าเด็กทารกที่หญิงสาวอุ้มอยู่ให้ได้...

      “ท่านพ่อ แต่เด็กคนนี้ก็เป็นหลานของท่านนะคะ”  หญิงสาวพูดเพื่อเตือนสติพ่อของสามี…

      “ไม่!!! เด็กนี่ไม่ใช่หลานข้า เด็กผ่าเหล่าของตระกูลแบบนี้...”  พ่อของซิกม่าไม่ลดสติลง  แต่กลับเดือดพล่านกว่าเดิม

      “ท่านเซต้า หากท่านไม่ยอมรับเด็กคนนี้ ทั้งผมและอาเรียก็จะออกจากปราสาทแห่งนี้!!”  ซิกม่าพูดอย่างจริงจัง  เขารักเด็กคนนี้มากๆ  หญิงสาวนามอาเรียก็ตกใจที่จู่ๆสามีของเธอก็พูดออกมาแบบนี้...  แต่ถ้าเพื่อรักษาเด็กคนนี้  เธอก็พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่าง...

      “...”  เซต้าไม่พูดอะไรต่อ...  แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับการปิดประตูเสียงดังสนั่น

      “ปัง!!!”

      “...ขอโทษนะ... ทั้งอาเรียกับซิกม่า... ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”  หญิงสาวที่มีอายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย

      “ไม่เป็นไรคะ ท่านแม่...”  อาเรียพูดอย่างโล่งอก

      “...ยังไง เราต้องปกป้องเชสต้าให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้...”  ซิกม่าพูด  ทั้งสองก็พยักหน้า

      “เดี๋ยวแม่จะสร้างทางลับให้โดยที่เขาไม่รู้ตัวให้... ส่วนพวกเธอ ทำตัวให้เงียบที่สุด... ทางที่ดีอยู่เข้าใกล้เขาเด็ดขาดนะ...”

_______________________________________________________________________________________

        แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปห้าปี...  จู่ๆแม่ของซิกม่าก็หายตัวไป...  ในช่วงแรก  ทั้งซิกม่าและอาเรียคิดว่าน่าจะออกไปทำงาน  แต่กลับหายไปร่วมสัปดาห์

      “ท่านแม่หายไปไหน...”  ซิกม่ายังคงสงสัยในเรื่องนี้

      “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันคะ...”  อาเรียก็พูดเหมือนกัน  ตอนนี้ทั้งสองและลูกสาวตัวน้อย เชสต้า  กำลังอยู่ในห้องลับเพื่อห้องกันไม่ให้ใครมาได้ยินบทสนทนา...

      “ท่านย่า...”  เชสต้าพูดขึ้นมาลอยๆสร้างความสนใจให้แก่ผู้เป็นพ่อและแม่

      “เชสต้า ลูกเป็นอะไรหรอ”  อาเรียถามลูกของเธอ  ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะคิดถึงท่านย่า...  แต่จู่ๆเชสต้าก็ลุกขึ้น  แล้วเดินออกจากห้องลับ

      “เชสต้า ลูกจะไปไหน กลับมาก่อน!”  อาเรียตกใจที่เชสต้าเดินออกจากห้องลับ  จึงรีบตามกลับมา  โดยที่ซิกม่าตามหลัง

      “ท่านย่า...อยู่ที่นี่...”  เชสต้าพูดต่อ  สร้างความตกใจให้ทั้งสอง  แล้วเชสต้าก็เดินต่อไป...

        แต่ยิ่งเชสต้าเดินมากขึ้นเท่าไหร่  ทั้งซิกม่าและอาเรียก็ประหลาดใจมากขึ้น  ทางที่เชสต้าเดินเป็นทางที่ไร้ผู้คนมากุคงมากที่สุด  และบางทางก็เป็นทางลับด้วย...  แล้วลูกห้าขวบของพวกเธอรู้ทางนี้ได้อย่างไร

        แต่เมื่อแชสต้าเดินมาเรื่อยๆก็ถึงทางตัน...  ถ้าเป็นคนปกติคงนึกว่านำทางมาผิดทาง...  แต่ซิกม่ากับอาเรียก็รู้สึกได้ว่า  ท่านย่าอยู่แถวนี้...

        เชสต้ายื่นมือแตะกำแพงไปทั่วทางตัน  แต่มือก็สัมผัสบางอย่างได้จึงกดลงไป  ทางลับก็เปิดออกมา  พบร่างของหญิงที่ร่างกายซูบผอม  บ่งบอกได้ว่าไม่ได้กินอะไรมานาน

      “ท่านย่า!!!”  ซิกม่าพูดด้วยความตกใจในสภาพของท่านย่า  ทั้งสามจึงรีบเข้ามาช่วย

      “ท่านย่า ทำใจดีๆไว้นะครับ”  ซิกม่าอุ้มท่านย่าเพื่อออกจากห้องแห่งนี้  แต่จู่ๆท่านย่าก็พูดขึ้นมา

      “รีบพา...เชสต้า...หนี...ไป...”  ท่านย่าพูดอย่างเลือนราง  จากนั้นก็หมดสติไป...

      “ท่านย่า...ท่านว่าอะไรนะครับ”  ซิกม่าถามเพราะเสียงค่อนข้างเลือนราง...  แต่จู่ๆเชสต้าก็ล้มลงหลับไป...

      “เชสต้า ลูกเป็นอะไร”  อาเรียรีบไปดูอาการของเชสต้า  แต่จู่ๆเธอเองก็ผลอยหลับไปด้วยเช่นกัน

      “นี่มัน... ผงนอนหลับ(Sleep Powder)...”  ซิกม่าเริ่มรู้ตัวแต่ก็สายไปแล้ว  สติของซิกม่าเลือนรางและภาพสุดท้ายที่เห็น...  เชสต้าถูกพาตัวไป...

Link to comment
Share on other sites

ใครกันทำท่านย่าได้ลงคอ!!! :pika08:

แล้วใครกันลักพาตัวเชสต้าไป!!! :pika08:

ปริศนาของตระกูลซีไลเนอร์ที่ซับซ้อนจริงๆ

ว่าแต่ว่า ทำไมพ่อของเชสต้าเรียกแม่ตัวเองว่า "ท่านย่า" ด้วยล่ะเนี่ย?

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.