Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Noname Legend - ตำนานไร้ชื่อ : The Lost Alphabet Santuary


Version5

Recommended Posts

นั่นแหละ อิมเมจของอีวุยสองตัว>_<"

___________________________

บอส : ยัดเวทย์น้ำแข็งใส่วาว่า

Link to comment
Share on other sites

  • Replies 387
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • Version5

    164

  • Loveless Nova

    93

  • SKYNET

    66

  • Tym

    34

Top Posters In This Topic

อีวุยขาวกับอีวุยดำเหรอ ดูดี น่ารัก :pika01:

แถมยังมีความสามารถไม่เหมือนใครอีก น่าติดตาม

Link to comment
Share on other sites

_____________________________________________________

|                                                                                          |

|    Noname Legend - ตำนานไร้ชื่อ : The Lost Alphabet Santuary    |

|____________________________________________________|

บทที่ 65

        กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป...  ความจริงบางอย่างที่ไม่มีใครรับรู้...  ความโดดเดี่ยวที่ถูกรุมล้อมมานาน...  ความมืดมิดที่ไม่มีใครคาดคิดจักได้ปรากฏ...  และ...การสาบสูญของใครบางคน....

...

      “ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ...”  เสียงอันเยือกเย็นของมิสซิ่งโนที่ไม่น่าจะเป็นเสียงนี้ก็พูดคนเดียว...  ความอ้างว้างที่ตนเคยได้รับ...  ตอนนี้ก็ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว...  แต่คนนั้นหละ...  ตอนนี้จะมีความรู้สึกอีกไหมหนอ...

        มิสซิ่งโนนั่งดูทิวทัศน์บางอย่างที่ไม่น่าจะปรากฏได้ในมิติแห่งเทพ  เป็นเหมือนปราสาทบางอย่างที่เหมือนจะทรุดโทรมลงไปมาก...  แต่ยอดปราสาทกลับมีแสงเปล่งประกายระยิบระยับไม่ขาดช่วง...

        เมื่อเห็นแสง  มิสซิ่งโนจึงหยิบกระดาษ  นำขนนกจุ่มลงในหมึก  แล้วเขียนอะไรบางอย่างออกมา...  ตัวอักษรที่ยิ่งเขียน  เนื้อกระดาษก็เหมือนจะมีพลังมากขึ้น  แต่ถึงกระนั้น  ตนก็คิดว่าพลังยังคงไม่เพียงพอ...  แต่ก็ยังพยายามเขียนต่อไปจนมือถือขนนกไม่ไหว...  ทำให้มิสซิ่งโนเหนื่อยหอบ

      “คงต้องใช้แผนสุดท้าย...รอก่อนนะ...”  มิสซิ่งโนพูดคนเดียว  แต่เหมือนจะมีเสียงตอบรับดังมาจากทิวทัศน์ทำให้มิสซิ่งโนชื้นใจขึ้นมา...

___________________________________________________________________

        ณ ปราสาทของซีไลเนอร์ก็ยังคงเหมือนเดิม...  แต่วิวทิวทัศน์คราวนี้กลับมืดมนแทนที่จะสว่างสดใสเหมือนทุกเช้า...  เช่นเดียวกับคนบางคนในปราสาทที่มืดมนไม่แพ้กัน...

      “วันนี้บอสเป็นไรนะ”  เบต้ายังคงสงสัย  หลังจากที่เจอบอสที่ทำท่าทางเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย

      “ไม่รู้สิ... ต้องถามเจ้าตัวถึงจะรู้แหละ”  มิวทูก็สงสัยเหมือนกัน  แต่ไม่กล้าไปถามตรงๆ...

        แต่สิ่งที่บอสคิดมีเพียงอย่างเดียว...  ร่างโคลนของตนที่ส่งไปยังดาวเอิร์ธเพื่อไม่ให้เพื่อนในดาวเอิร์ธสงสัยเกิดปัญหาขึ้น...  เพราะตนจบ ม.3 ไปแล้ว  แต่ตอนมาก็ไม่ได้คิดเรื่องของ ม.4  ทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก...  แต่ร่างโคลนมันก็เป็นร่างก็อปปี้ของบอสที่เหมือนทุกอย่างแม้แต่นิสัย  จึงอยากไปเรียนสายศิลป์ คำนวณ  แต่พ่อไม่ให้จึงเกิดการเถียงระหว่างโคลนกับพ่อโดยที่เจ้าของโคลนไม่ได้รู้เรื่องเลย

        สุดท้าย  ก็ได้ไปเรียนที่อื่นแถมยังเป็นสายวิทย์ คณิต...  ทำให้โคลนของบอสเรียนมากขึ้น  และความรู้ของโคลนก็จะเชื่อต่อกับสมองของบอส  ทำให้บอสปวดหัวสุดๆกับอะไรไม่รู้ที่เยอะแยะในสมอง...  ฟิสิกส์เอย เคมีเอย โอย...  ปวดหัวสุดๆ...

        แต่จะทำไงได้ในเมื่อย้อนเวลากลับไปไม่ได้...  เพราะถ้าย้อนเวลาของดาวเอิร์ธ  กาลเวลาก็จะปั่นป่วน  สุดท้ายก็จะเกิดปรากฏการณ์แปลกๆที่ทำให้ดาวเอิร์ธล่มจมได้  จึงทำได้แค่ทำใจ  และรับความรู้อันน่าปวดหัวต่อไป...

        แต่ยังดีที่ยังมีอีวุยทั้งสองที่ตนเลี้ยง  ทำให้หายเครียดขึ้นมาบ้าง...  ส่วนราเทียน  เจ้ามังกรน้อยเหมือนจะดีใจที่มีเพื่อนซักที (เจ้านายไม่ยอมมาเล่นกับผมซักที : ราเทียน)

        แต่บรรยากาศห้องข้างๆของบอสที่นับวันก็ยิ่งชมพูมากขึ้นเรื่อยๆจนบอสเริ่มอยากไปหาหมอเพราะกลัวเป็นโรคเบาหวาน...  ทั้งๆที่เบต้าก็อายุไม่เกิน 20 แท้ๆ  เฮ้อ...

        ด้านเบต้าเองก็นอนลูบหัวพวกลีเฟียอยู่...  แต่มิวทูก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงบอกกับเบต้า

      “เบต้ายังไม่ได้สู้ยิม 17 เลยหนิ”  แค่นี้ก็ทำให้เบต้าเหงื่อตกขึ้นมา  และคำพูดนี้บอสที่อยู่ห้องข้างๆได้ยินเข้า  บอสจึงเทเลพอร์ทมายังห้องเบต้า

      “แล้วพี่เบต้าก็ต้องฝึกการต่อสู้ด้วยนะครับ...”  บอสพูดแล้วเหมือนเบต้าจะเถียงก็เถียงไม่ค่อยออก  เพราะตนเองก็ใช้พลังไม่คล่องอยู่...  จึงยอมแต่โดยดี...

      “ถ้างั้นไปฝึกในมิติแห่งเทพเถอะ”  มิวทูเสนอความคิดซึ่งบอสก็พยักหน้า  แล้วก็วาร์ปทั้งหมดไปยังห้องฝึกซ้อมในมิติแห่งเทพ

___________________________________________________________

ณ ด้านในสุดของมิติแห่งเทพ

        มิสซิ่งโนเขียนจดหมายบางอย่างอยู่  แต่พอเขียนเสร็จ  อัลเซอุสก็เข้ามาในห้องพอดี

      “มีธุระอะไรถึงได้เรียกผมหรือครับ”  อัลเซอุสยังแปลกใจไม่หายที่มิสวิ่งโนเรียกตนไปทำธุระ...  เพราะนานๆทีจะได้งาน  และ... แต่ละงานที่ได้มาโครตโหด...

        มิสซิ่งโนไม่ตอบ  แต่ยื่นกระดาษให้อัลเซอุสดู  ซึ่งอัลเซอุสอ่านแล้วก็พยักหน้า...

      “โอเคครับ จะรีบทำให้เสร็จครับ”  อัลเซอุสพูดเสร็จก็ขอตัว  แล้วก็ไปตามที่กระดาษบอก...  และเหมือนมิสซิ่งโนจะยิ้มเล็กน้อย...

        อัลเซอุสเคลื่อนย้ายตนมาที่ๆหนึ่งในป่า...  แล้วก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ทำให้มันจบๆ  พอเข้าใกล้เมืองก็แปลงร่างให้ตนเป็นมนุษย์เพื่อไม่ให้ใครสงสัย...  แต่พอเข้าเมืองก็เหมือนบรรยากาศเปลี่ยนไป...

        ‘มีเมืองนี้ในโลกชินวะด้วยรึ’  อัลเซอุสแปลกใจ  เพราะการสร้างเมืองหรือสร้างอะไรที่มีขนาดใหญ่  ตนจะทำทั้งนั้น...  แต่เมืองนี้ตนเองไม่ได้สร้างขึ้น...  ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา

        ‘มาถูกทางแล้ว... สงสัยคงต้องทำตามในกระดาษก่อนแล้วค่อยสืบดู...’  อัลเซอุสในร่างมนุษย์เดินเข้าไปในเมือง...  แต่ยิ่งเดินเข้าไป  เมืองก็เหมือนจะยิ่งซับซ้อนโดยไร้เหตุผล...  อัลเซอุสที่เปิดสัมผัสเต็มที่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตามหลังมา...  แต่ตนก็แปลกใจกว่าเดิมที่ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร...

      “...แสงพิพากษา!!”  อัลเซอุสใช้ท่าประจำตัวของตนไปด้านหลัง  แสงพิพากษาทำให้บริเวณนั้นสว่างขึ้น  แล้วทำให้พอเห็นบางอย่างลอยอยู่  แต่อัลเซอุสก็ยังแปลกใจที่สิ่งนั้นคืออะไร...

      “นั่น...ตัวอะไร...”  เหมือนอัลเซอุสเห็นบางอย่างที่ขยับได้  แต่ไม่ให้ความไว้วางใจเลยซักนิด

      “แสงพิพากษา!”  ตนปล่อยพลังไปยังสิ่งๆนั้น...  แต่เมื่อพลังตกกระทบ  พลังก็เหมือนถูกดูดเข้าไป  ซึ่งตนเองก็รับรู้ได้เลยว่าถูกดูดพลังไปมากแค่ไหน...  จึงสู้กับสิ่งนั้นไปครู่หนึ่ง

        ...

      “บ้าจริง...”  อัลเซอุสสบถขึ้น  สู้มาพักหนึ่ง  เหมือนตนเองเริ่มเสียเปรียบเห็นได้ชัด...  จริงๆต้องพูดว่าตนเองใช้พลังใส่อย่างเดียว  แต่เหมือนพลังทุกอย่างจะถูกดูดไปหมด...

        อัลเซอุสที่รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนว่าตนเองถูกล้อมด้วยอะไรบางอย่าง...  จึงรีบถอยออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด...

        แต่เหมือนกับว่า  สิ่งประหลาดเหล่านั้นจะรู้ดีว่าอัลเซอุสจะทำอะไรต่อไป...  จึงพุ่งไปดักหน้าทั้งกลุ่ม...  อัลเซอุสตกใจที่พวกมันไล่ตามความเร็วของตนทัน  แต่ไม่ทันระวัง  เหล่าสิ่งประหลาดมากมายที่อยู่หลังตนก็โจมตีพร้อมกันทั้งหมดใส่อัลเซอุส

        ...

_________________________________________________________

        เบต้าคิดผิดมหันต์...  ตอนแรกนึกว่าบอสจะใจดีกว่ามิวทูมาก...  ที่ไหนได้...  โหดกว่าหลายขุม...  ให้ไปสู้กับเจ้าตัวที่ใช้เวทย์สารพัดเนี่ยนะ...

      “เอ้าๆ ฝึกมา 3 ชั่วโมงเองนะครับ ฝึกต่อๆ”  บอสที่ไร้รอยขีดข่วนตบมือเรียกเบต้าร่างมิวทูแบบมีรอยฟกช้ำให้มาฝึกต่อ  หลังจากที่มิวทูบอกให้พักบ้าง  จึงให้เวลาพัก 10 นาที...  แต่มิวทูเองก็ฝึกพวกลีเฟียอยู่...

      “เปลี่ยนคนฝึกหน่อยเถอะ บอสไปฝึกพวกลีเฟียเถอะ”  มิวทูเห็นแล้วโหดเกินไป...  จึงให้บอสไปฝึกกับพวกลีเฟีย  ทำให้บอสยอมแต่โดยดี...  ส่วนเบต้าเหมือนจะดีใจเล็กน้อยที่เปลี่ยนครูฝึก

      “วันนี้มาฝึกง่ายๆกันนะ”  บอสพูดกับพวกลีเฟียทำให้เบต้าอึ้ง...  พอเปลี่ยนคู่ฝึกแล้วหน้ามือกลายเป็นหลังมือ...  บอสให้พวกลีเฟียฝึกง่ายสุดๆ...  แต่ก็มีคนมาเปิดประตูห้องฝึก

      “เห็นอัลเซอุสบ้างไหม”  เชมี่ในร่างเด็กผู้หญิงผมเขียวถามขึ้น  หลังจากที่ตนตามหานานแล้วกลับไม่เจอ

      “วันนี้ไม่เห็นเลยครับ...”  เบต้าตอบ  พอเชมี่หันไปหาบอส  บอสก็ส่ายหน้าประมาณว่า ไม่เห็นเหมือนกัน  มิวทูก็ไม่ตอบแต่เหมือนเชมี่จะรู้ว่าไม่เห็นเหมือนกันจึงถอนหายใจ

      “ถ้าเห็นแล้วก็ช่วยบอกด้วยนะ...”  เชมี่พูดเสร็จก็เดินออกจากห้อง

        ‘อัลเซอุส...หายไปไหนกันนะ...’

Link to comment
Share on other sites

อัลคุงอย่าเป็นอะไรนะ!! โลลิน้อยๆกำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่!!  :pika03:

หุๆๆ บอสคงได้เครียดไปอีกยาวเลยกับเรื่องของโคลน เหอๆๆ  :pika10:

และบอส....เจ้าชอบเด็กสาย Eeveelution สินะ....เปลี่ยนซะเร็วโฮก... :pika01:

Link to comment
Share on other sites

อัลคุงอย่าเป็นอะไรนะ!! โลลิน้อยๆกำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่!!  :pika03:

หุๆๆ บอสคงได้เครียดไปอีกยาวเลยกับเรื่องของโคลน เหอๆๆ  :pika10:

และบอส....เจ้าชอบเด็กสาย Eeveelution สินะ....เปลี่ยนซะเร็วโฮก... :pika01:

บอส : มะ...ไม่ได้ชอบซักหน่อยนะเฮ้ย...

เบต้า : น่าเชื่อจัง = ="

บอส : มันน่ารักจนฝึกโหดไม่ลงอะ

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 66

        การฝึกยังคงเป็นไปด้วยดี...  ละมั้ง...  ในเมื่อฝึกแบบไม่ให้พักยาวๆ  พักก็แค่ 5 ถึง 10 นาที... เหนื่อยจริงๆ...  แต่พอฝึกครบ 10ชม.  บอสก็บอกให้เลิกฝึกเพราะหิวข้าวแล้ว...  เบต้าลองหยิบนาฬิกาขึ้น...  ตอนนี้ 19.00 น. แล้ว...  เวลาเหมือนจะผ่านไปเร็ว  แต่ฝีมือยังไม่กระดิกขึ้นเลย...  เหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ

        แต่มิวทูก็ไม่ใจร้ายมากไป  สอนวิธีการใช้พลังในร่างมิวทูให้  จนถึงสอนการใช้ท่าต่างๆตั้งแต่ธันเดอร์โบลต์ ไปจนถึง ลำแสงแช่แข็ง(Ice Beam)  ถึงจะไม่ต้องมาเจ็บเวลาโดนบอสยัดเวทย์ใส่  แต่มันเหนื่อยพอๆกัน...

      “พรุ่งนี้ค่อยมาฝึกต่อละกัน...”  บอสพูดทำให้เบต้าโล่งอก  แล้วก็เดินออกจากห้อง...  เบต้าที่ยังคงนั่งพักให้หายเหนื่อยก็ถามขึ้นมา

      “แล้วเมื่อไหร่จะใช้พลังได้คล่องซะทีละ”

      “คงอีกนานแหละ ไม่ต้องรีบหรอก”  มิวทูตอบ  แต่เพราะว่าไม่มีบอสมาอยู่ด้วยแล้ว...  สมองก็ดันไปคิดอยู่กับเรื่องในวันนั้น  ทำให้มิวทูหน้าแดงเล็กน้อยจึงสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนี้ออก

      “มิวทู เป็นอะไร ไม่สบายหรอ”  เบต้าเห็นมิวทูสะบัดหัวจึงนึกว่าปวดหัว  เลยเข้าไปแตะหน้าผากมิวทู  แต่มิวทูก็ดันหน้าแดงกว่าเดิมอีก...

      “พี่เบต้า พี่มิวทู หิวข้าวแล้ว”  กราเซียใช้หัวสะกิดมิวทู  ส่วนลีเฟียก็ใช้หัวสะกิดเบต้า  แล้วอีฟี่กับแบล็คกี้ก็เหมือนจะสนิทกันมากขึ้นแต่ก็ใช้หลังพิงกันและกันเพราะเหนื่อยกับวันนี้

      “ปะ...ไปกันข้าวกันเถอะ”  มิวทูพูดแก้เขิน  แล้วก็เดินนำ  ทำให้เบต้าแปลกใจเล็กน้อย  แต่ก็เดินตามมิวทูไป  ส่วนพวกลีเฟียก็วิ่งตามมา...

__________________________________________________________

        ... เวลายังคงดำเนินต่อไป...  ณ ที่แห่งหนึ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่บนโลกชินวะก็เกิดเปล่งแสงระยิบระยับขึ้น  แต่แสงที่เปล่งมานั้นไม่ทำให้มิสซิ่งโนมีความสุขได้เลย...

        ‘...ต่อไป... ก็คงต้องเป็นบอสสินะ...’  มิสซิ่งโนคิดแล้วก็ถอนหายใจ...  เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่สลบอยู่... 

        ‘ทั้งๆที่ไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแท้ๆ... แต่กลับต้องทำเพื่อให้เธอคนนั้น... ช่วยไม่ได้...’  มิสซิ่งโนกวาดมือไปยังร่างมนุษย์ผมขาว  แล้วร่างนั้นก็ลอยขึ้นฟ้า  จากนั้นก็ตกลงมาอย่างแรง  แต่ร่างนั้นกลับหายไปไม่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นอีกแล้ว...

        มิสซิ่งโนไม่รอช้ารีบนำขนนกจุ่มหมึกที่ลอยอยู่ด้วยพลังของตน  แล้วใช้พลังให้ขนนกเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษคล้ายจดหมาย...

        ‘คราวนี้เป็นบอส... ถ้าจะยาก...’

____________________________________________________________

        หลังจากที่บอสกินข้าวเสร็จ  ก็กลับเข้าห้องโดยที่อีวุยสีขาวและสีดำมารออยู่แล้ว...  ทำให้บอสเริ่มรู้ตัวว่าตนทิ้งอีวุยเพื่อไปฝึกการต่อสู้ของเบต้า

      “พี่อะ ทิ้งพวกผมได้ไง”  อีวุยสีดำประท้วงขึ้น  ส่วนอีวุยสีขาวเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่กล้า  ทำให้บอสยิ้มแล้วก็ลูบหัว

      “ขอโทษๆ เอาอาหารมาให้แล้ว ไม่โกรธกันนะ”  บอสใช้เวทย์ยกของ  ยกอาหารที่ตนเอามาให้อีวุยทั้งสองกับราเทียนกิน  แล้วก็วางไว้บนพื้น  ทำให้อีวุยทั้งสองลืมเรื่องโกรธไปเลย  ส่วนราเทียนที่หลับอยู่ได้ยินเสียงแล้วก็เริ่มลืมตาตื่น  แล้วก็ค่อยๆเดินมากินด้วย...  บอสเห็นภาพแบบนี้แล้วก็อบอุ่นขึ้นมา...  แต่ใครจะรู้...  ว่าความอบอุ่นที่ได้นั้น...  กำลังจะหายไป...

____________________________________________________________

        ณ ห้องข้างๆของบอส  เบต้าที่เหน็ดเหนื่อยจากการฝึก(โหด)  ของบอสกับมิวทูเข้าก็แทบจะตัวโยน  ทิ้งตัวลงบนเตียงทำให้มิวทูไล่ให้ไปอาบน้ำก่อน  ทำให้เบต้าต้องเค้นแรงการเดินไปอาบน้ำ  หลังจากอาบน้ำก็ทิ้งตัวนอนเลย  จนลีเฟียคิดว่า พี่เบต้านั้นทำเกินจริงไปหรือเปล่า

        มิวทูก็ดึง(ลาก)  เบต้าให้นอนบนหมอน  แล้วตนก็นอนข้างๆเบต้า  แต่เพราะสมองดันไปคิดถึงเรื่องนั้นทำให้หน้าเริ่มแดงก่ำ...  จะหันหน้าหนีเบต้าก็ไปเจอกับพวกลีเฟียที่ตนไม่อยากให้เห็นตอนหน้าแดงจึงหันหลังกลับ  ก็เจอเบต้า  แต่สุดท้ายก็ต้องข่มหน้าแดงเอาไว้  แล้วหันหน้าเข้าหาเบต้า

        ...เบต้าที่เริ่มรู้สึกตัวของการขยับไปมาข้างๆตนแล้วทำให้หันไปดู  เห็นมิวทูนอนเข้าหาตนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ  ทำให้เบต้ารู้ว่าหน้าแดงเพราะอะไรจึงใช้แขนตนกอดมิวทู  ทำให้มิวทูหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมอีก...  แต่ก็... ยอมให้เบต้ากอดต่อไปจนทั้งสองหลับในที่สุด...

____________________________________________________________

ณ ป่าแห่งหนึ่ง

        เซเลบี้ที่กำลังตรวจป่าที่เกิดผิดปกติ...  ป่ามนตราที่ไม่น่าจะมีต้นไม้สีดำอยู่กลับโผล่ออกมาใจกลางป่า  เซเลบี้ที่รู้สึกถึงพลังที่ไม่น่าไว้วางใจจึงต้องลองไปสำรวจดู

        ยิ่งเซเลบี้เข้าใกล้จุดที่มีต้นไม้สีดำมากเท่าไหร่  เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงพลังอันดำมืดมากเท่านั้น...  แต่เมื่อถึงจุดที่มีต้นไม้สีดำ  เห็นร่างมนุษย์ผมสีขาวนอนพิงต้นไม้อยู่โดยที่มีเลือดเปรอะเสื้อเล็กน้อย

      “อัลเซอุส!!”  เซเลบี้รีบเข้าไปดูอาการ  แต่เพราะที่นี่ไม่ปลอดภัย  เธอจึงเคลื่อนย้ายตัวเธอเองกับอัลเซอุสไปที่มิติแห่งเทพ

      “เชมี่ๆ”  เซเลบี้มาถึงแล้วก็ตะโกนเรียกเชมี่ก่อนเลย  ทำให้เหล่าเทพที่นอนในมิติแห่งนี้ก็เริ่มตื่น

      “เกิดอะไร...เห้ย...”  ไดอัลเกียที่กึ่งหลับกึ่งตื่นถามขึ้น  แต่เห็นอัลเซอุสร่างมนุษย์แล้วก็ทำให้ตนตื่นเต็มที่

      “เดี่ยวไปตามเชมี่ให้นะ”  พัลเกียที่รู้สถานการณ์จึงรีบไปตามเชมี่  แต่เชมี่เองก็ได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินเข้ามา

      “อัลเซอุส!!”  เชมี่เห็นร่างอัลเซอุสแล้วจึงรีบแปลงเป็นร่างมนุษย์แล้ววิ่งไปดูอาการของอัลเซอุส  แต่พอแตะมือของอัลเซอุส  ก็เกิดไฟฟ้าสถิตขึ้น  แต่เชมี่ก็ยังที่จะพยายามจับมือเพื่อให้รู้ถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไร

        หลังจากที่พยายามอยู่นาน  เชมี่ก็จับมืออัลเซอุสได้สำเร็จ  แต่มือที่จับนั้นเกิดรอยแผลไปทั่ว  ทำให้คนอื่นใจหายกับบาดแผล  แต่ก็ทำได้แค่ดู...

      “พลังอัลเซอุสหายไปหมดเลย...เพราะอะไรกัน”  เชมี่ไม่อยากเชื่อกับสาเหตุ...  แต่เพราะตอนนี้คับขันจึงลังเลไม่ได้

      “พาอัลเซอุสไปที่ห้องคุมพลังที”  เชมี่พูดเสร็จ  ตนก็ไปทางตรงข้ามกับห้องที่ตนบอก  พัลเกียจึงใช้พลังแห่งมิติให้อัลเซอุสไปยังห้องคุมพลังภายในเสี้ยววินาที...

      “เกิดอะไรขึ้น”  ฟรีซเซียร์ที่ได้ยินเสียงตกใจของเชมี่จึงตื่นแล้วก็มาดู  เพราะเชมี่แทบจะไม่ตกใจเลยหากเหตุการณ์นั้นไม่ใช่เหตุการณ์อะไรสำคัญ...

      “อัลเซอุสได้รับบาดเจ็บ พลังหายไปหมด”  ไดอัลเกียตอบ  ทำให้ฟรีซเซียร์เงียบไปซักพัก...

      “ทุกคน ตามมาช่วยหน่อย”  เชมี่เดินมาถือสิ่งของคล้ายกล่องพูดขึ้น  แล้วก็เดินไปที่ห้องคุมพลัง  โดยมีไดอัลเกีย พัลเกีย เซเลบี้ และฟรีซเซียร์ตามหลัง

_______________________________________________________

        บอสตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราเพราะสายลมที่ผิดปกติในกลางดึก...  เป็นสายลมที่แปลกประหลาด  ให้ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิง  เหมือนพายุแห่งความโกลาหลกำลังเคลื่อนตัวอยู่เบื้องหน้า  แต่บอสก็ตัดสินใจลองยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง  ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้เพราะเหมือนมีสายลมคมกริบเฉือนเนื้อตนอยู่...

        บอสชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงลองยื่นมือไปอีกครั้ง  ปรากฏว่าไม่โดนสายลมบาดแถมสายลมที่พัดมาก็หายไป...  เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเสียจริง

        แต่เมื่อบอสรู้สึกตัวอีกที...  จดหมายฉบับหนึ่งก็ลอยมาลงบนมือบอส  ทำให้บอสฉงนใจแต่ก็แกะซองจดหมายอ่านดู...  เป็นความหมายลวกๆแต่ได้ใจความ

                                                ‘พรุ่งนี้ มาพบฉันหน่อย ฉันมีงานให้ทำ

                                                                                ลงชื่อ... มิสซิ่งโน’

Link to comment
Share on other sites

เรทวันนั้น ยังส่งผลจนวันนี้ = =" ลืมๆ ได้แล้วนะมิวทู

อัลเซอุสไปโดนไรมาเนี่ย!!! :pika08:

เอ่อ...คืออ่านแล้วสะดุดตรงนี้

จนถึงสอนการใช้ท่าต่างๆตั้งแต่ธันเดอร์โบลต์ ไปจนถึง ลำแสงแช่ถึง(Ice Beam)

Link to comment
Share on other sites

รึว่า...ศัตรูคราวต่อไปจะเป็น!?

ใครหว่า? =w=

..............รู้สึกเหมือนราเที่ยนจะไร้บทบาทโดยสิ้นเชิง....

Link to comment
Share on other sites

เรทวันนั้น ยังส่งผลจนวันนี้ = =" ลืมๆ ได้แล้วนะมิวทู

อัลเซอุสไปโดนไรมาเนี่ย!!! :pika08:

เอ่อ...คืออ่านแล้วสะดุดตรงนี้

ขอบคุณครับที่จับผิด= =" (พลาดได้ไงกัน!!)

รึว่า...ศัตรูคราวต่อไปจะเป็น!?

ใครหว่า? =w=

..............รู้สึกเหมือนราเที่ยนจะไร้บทบาทโดยสิ้นเชิง....

จริงๆ เพื่อนผมก็บอกกับผมแล้ว แต่จะเริ่มมีบทก็น่าจะ(น่าจะ เน้นๆ) บทต่อๆไป

Link to comment
Share on other sites

ลงภาค 3 ไปแล้ว 2 ตอน...เรารู้แล้วว่าลืมอะไรไป...

ลืมเพลงเปิด!!!

ขอลงเพลงเปิดตรงนี้คงไม่ผิดนะ ' ^ '

Credit : www.nightcoreuniverse.net

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 67

        วันรุ่งขึ้น  มิวทูตื่นมาก็พบว่าตนถูกเบต้ากอดจึงลุกไม่ได้เนื่องจากกลัวว่าเบต้าจะตื่น  จึงทำได้แค่นอนอยู่นิ่งๆให้เบต้ากอดต่อไป... o///o

        แต่วันนี้  พวกลีเฟียที่ปกติจะตื่นช้ากว่ามิวทูเล็กน้อยกลับตื่นมา  โดยที่ลีเฟียตื่นก่อนโดยไม่รู้สาเหตุ  ลีเฟียหันไปมองมิวทูด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา (V.5 : (เลือดพุ่งจากจินตนาการ))  แต่เห็นเบต้ากำลังกอดมิวทูอยู่จึงรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย  ที่ลีเฟียเห็นภาพแบบนี้แต่เช้า

      “ละ...ลีเฟียตื่นแล้วเหรอ”  มิวทูทำหน้าไม่ถูก  แต่ลีเฟียเองก็หน้าแดงแล้วหันหน้าหนี

      “ขอโทษคะ หนูไม่รู้จริงๆ”  มิวทูที่ได้ยินแล้วรู้สึกโล่งอก...  จึงพยายามอยู่นานกว่าจะออกจากอ้อมกดอของเบต้าได้

      “วันนี้ลีเฟียอยากกินอะไรดี”  มิวทูถามลีเฟีย  เหมือนลีเฟียจะดีใจมาก

      “หนูกินอะไรก็ได้ค่ะ... แต่อยากกินของหวานที่พี่มิวทูทำให้”  มิวทูได้ยินแล้วก็ลูบหัวลีเฟียไปพักใหญ่  จากนั้นก็เดินเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหาร

___________________________________________________________

        บอสตื่นมาก็เห็นเจ้าราเทียนกำลังวิ่งเล่นกับอีวุยขาวดำ  เหมือนบอสจะคิดถูกแล้วที่เลี้ยงไว้เพราะดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีมาก  แต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วงกับสื่งที่ตนได้พบเมื่อคืน...

        บอสที่เริ่มรู้ตัวว่า  ตอนนี้เริ่มหิวแล้วและอีวุยขาวดำกับราเทียนก็คงหิวนานแล้วด้วย  จึงจนปัญญาว่าจะทำยังไงดี  แต่กลิ่นอาหารหอมๆจากห้องข้างๆก็ไปเตะจมูกบอสพอดี  จึงพาบรรดาโปเกมอนและมังกรน้อยไปที่ห้องของเบต้า

      “ก๊อกๆๆ...”  มิวทูที่กำลังคนวิปครีมอยู่ได้ยินเสียงเคาะประตูก็แปลกใจ  เวลานี้จะมีใครมาเคาะประตู...  สุดท้ายก็ละมือจากการทำอาหารแล้วเปิดประตู

      “อ้าว บอสเองหรอ”  มิวทูเห็นแล้วก็ตกใจเล็กน้อย  เพราะบอสไม่ค่อยจะมาแบบปกติซักเท่าไหร่  ส่วนใหญ่จะมาแบบเทเลพอร์ทเข้ามาเลย

      “คือ...อีวุยสองตัวหิวแล้ว  เจ้าราเทียนก็หิวแล้วด้วย มีอะไรให้กินเปล่าครับ”  บอสตอบเลี่ยงๆเพราะจริงๆตนก็หิว  แต่ไม่ค่อยกล้าจะขอซักเท่าไหร่

      “ได้สิ เพิ่งทำอาหารเสร็จเอง ตอนนี้กำลังทำของหวานอยู่”  หูบอสได้ยินของหวานแล้วเหมือนจะหูผึ่งเล็กน้อย  แต่ก็พยายามสะกดความอยากของตน

      “ขอบคุณคร้าบ ฝากสามตัวนี้ด้วยนะครับ”  บอสกำลังเดินออกจากห้อง  แต่มิวทูถามบางอย่าง

      “ไม่มากินด้วยกันหรอ ทำเผื่อด้วยนะ”  บอสได้ยินแล้วหันหน้าพยักหน้าอย่างรวดเร็ว  จึงได้กินข้าวพร้อมกับพวกอีวุยขาวดำและราเทียน

      “บอส...เมื่อคืนรู้สึกสายลมมันแปลกๆรึเปล่า”  มิวทูถามขึ้น  ซึ่งบอกเองก็แปลกใจเหมือนกัน

      “รู้สึกสิครับ... ให้ความรู้สึกเหมือนมีพายุจะเข้าเลย...”

      “หรอ...”  มิวทูทำหน้าหมองลงเล็กน้อย  บอสก็คิดไปว่าสงสัยคงจะเจอเรื่องกลุ้มใจ  เลยเก็บความคิดดีๆเอาไว้บอกกับเบต้า

      “...อ่าว บอสตื่นแล้วเหรอ”  เบต้าตื่นขึ้นมาในสภาพที่ดูดีผิดปกติ...  ถึงจะดูเหมือนพึ่งตื่น  แต่สภาพทรงผมมันไม่เหมือนเพิ่งตื่นเลย

      “เดี๋ยวขอไปทำของหวานต่อนะ”  มิวทูรู้ตัวว่าเธอลืมเรื่องของหวาน  จึงขอตัวทำของหวาน  ซึ่งได้จังหวะบอสก็แอบกระซิบกับเบต้า

      “พี่เบต้า วันนี้ชวนพี่มิวทูไปดูดาวสิ... วันนี้เห็นเค้าว่าดวงดาวสวยมากเลย”  บอสเสนอความคิดเบต้า  แต่เบต้าเองก็ยังคงมึนๆเพราะไม่รู้จะดูที่ไหน

      “แล้วจะให้ดูที่ไหน”

      “บนหลังคาปราสาทเลย เห็นชัดแน่ๆ”  บอสบอกอย่างสนุกสนาน  ส่วนเบต้าก็ยังคงทำหน้างงๆ  มันน่าสนุกตรงไหน

      “จะลองละกัน”  เบต้าตกลงอย่างประหลาดใจ  แต่มิวทูมาพอดีทำให้ความแปลกใจหายไป

      “ทำของหวานเสร็จแล้วนะ”  มิวทูในร่างมนุษย์พูดขึ้น  ตอนนี้มิวทูใส่ผ้ากันเปื้อนทำให้ดูน่ารักขึ้นในสายตาของเบต้า(หา? : บอส)

      “เอ่อ... ผมอิ่มแล้วครับ ขอบคุณที่ทำให้กินครับ”  บอสรู้สึกถึงความหวานจึงรีบถอยก่อน  ซึ่งราเทียนเหมือนจะรู้เรื่องจึงวิ่งตามบอสไปด้วย  ส่วนอีวุยขาวดำก็กลัวถูกทิ้งจึงวิ่งตามราเทียน

      “เอ่อ...หนูไปปลุกให้กราเซีย อีฟี่กับแบล็คกี้ก่อนนะคะ”  เหมือนลีเฟียจะงงๆที่ทำไมบอสจู่ๆก็หนี  จึงขอไปปลุกพวกกราเซียที่ยังหลับอยู่ให้มากินข้าว

      “วันนี้ทำอร่อยดีนะ”  เบต้าพูดกับมิวทู  ทำให้มิวทูอายเล็กน้อยถึงจะโดนชมเป็นปกติก็เถอะ...  แต่เบต้าเห็นมิวทูหน้าแดงแล้วก็น่าแกล้ง...

      “ว้าย ทำอะไรหนะ”  มิวทูตกใจ  ที่อยู่ๆเบต้าก็ยกตัวมิวทูขึ้นมาลอยเหนือพื้น  จากนั้นก็...

      “อือ...”  เสียงมิวทูครางเล็กน้อย  ที่เบต้าจูบมิวทูอย่างยาวนาน...  จนมิวทูทนไม่ไหวดิ้นให้หลุดออก...

      “แกล้งกันได้นะ...”  มิวทูพูดออกมาโดยที่หน้าแดงแปร๊ด

      “พวกพี่ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ...”  ลีเฟียพูดขึ้นทำให้เบต้ากับมิวทูหันไปอย่างรวดเร็ว  เห็นเหล่าโปเกมอนของตนที่ตื่นแล้วหันไปทางอื่นโดยที่เหมือนไม่อยากดู  ถ้าดูดีๆจะเห็นทุกตัวหน้าแดง

        “เบต้าอ้ะ”

____________________________________________________

        บอสพาตนเองกับพวกราเทียนมาที่มิติแห่งเทพเพราะจดหมายจากมิสซิ่งโน  ส่วนที่ต้องพาพวกราเยนมาด้วยเพราะไม่อยากให้พวกนี้เหงา  เลยพามาด้วยละกัน...

        บอสเดินไปเรื่อยๆอย่างเชื่องช้าในความคิดตน  แต่กลับเดินเร็วในความคิดของราเทียนและอีวุยขาวดำ  แต่เหมือนบอสจะเริ่มรู้สึกตัวจึงค่อยๆเดินไปพร้อมกัน...  จนถึงห้องของมิสซิ่งโน(เหนื่อย... ทางยาวมาก)

        บอสเคาะประตูก่อนแล้วจึงเข้าไป

      “ขออนุญาตครับ ผมมาตามจดหมายแล้ว”  บอสพูดอย่างสุภาพที่นานๆทีจะพูด

      “ขอบใจมาก จริงๆงานก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ทำตามที่กระดาษแผ่นนี้บอกที”  มิสซิ่งโนยื่นจดหมายให้บอสดู  เหมือนบอสจะทำหน้าประมาณว่า  งานแค่นี้ไม่ทำเองฟระ  แต่ก็พยักหน้ายอมทำ  ซึ่งราเทียนและอีวุยขาวดำยังไม่รู้เรื่องว่าคุยอะไรกันจึงวิ่งเล่นในห้อง

____________________________________________________

        กาลเวลาวันช่างผ่านไปเร็วจนถึงกลางคืน  เบต้าที่เริ่มคล่องกับการใช้พลังในร่างมิวทูแล้วจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ  ฝึกไป 10 ชั่วโมงเหมือนฝึกไป 2 ชั่วโมง  แต่ตามที่บอสบอกไว้ว่าไปดูดาวเวลาราวๆ 4 ทุ่ม  จึงได้พักเหนื่อย

      “มิวทู หลับตาสิ มีอะไรจะให้ดู”  เบต้าพูดด้วยเสียงเหมือนมีความลับ  ทำให้มิวทูก็อยากรู้ว่ามันคืออะไรจึงหลับตาลง  เบต้าที่เห็นมิวทูหลับตาก็น่ารักไปอีกแบบ

        เบต้าใช้เทเลพอร์ทมาที่หลังคาของปราสาท  มิวทูรู้สึกถึงแรงลมจึงสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน

      “มองไปข้างบนแล้วลืมตานะ”  มิวทูทำตามที่เบต้าบอก  ทำให้เห็นดวงดาวที่สวยงามเรียงรายเต็มไปหมด...  ทิวทัศน์ที่เห็นภูเขาสีดำเพราะกลางคืน  และแสงไฟจากเมือง  ช่างเข้าได้ดีกับดวงดาวที่ระยิบระยับบนฟากฟ้า...

      “สวยจัง...”  มิวทูเผลอพูดออกมา  ทำให้เบต้ายิ้มเล็กน้อย  โดยที่ไม่รู้สึกของบุคคลที่มาอยู่ก่อนแล้ว

        บอสที่อยู่ด้านข้างของหลังคาที่เบต้าและมิวทูมองไม่เห็นนอนดูดาวอยู่  เมื่อได้ยินเสียงก็แอบมอง  จากนั้นก็บ่นในใจเล็กน้อย

        ‘กว่าจะมา... แล้วดันลืมพวกลีเฟียอีก... พอดีเลย พาพวกราเทียนมาด้วย’  บอสคิดได้จึงเทเลพอร์ทไปกลับที่มากลับมาพร้อมกับพวกลีเฟียและพวกราเทียน

      “เป็นเทรนเนอร์ยังไงครับเนี่ย ลืมโปเกมอนของตัวเองด้วย”  บอสพูดขึ้นทำให้เบต้ากับมิวทูตกใจ  รีบหันไปทางต้นเสียง

      “ถ้างั้นก็มาดูด้วยกันสิ”  มิวทูพูดกลบเกลื่อนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง  ทำให้พวกลีเฟียรีบวิ่งไปหา...

      “แล้วพวกเธอไม่ไปด้วยเหรอ”  บอสถามพวกราเทียน  แต่ราเทียนกับอีวุยขาวดำก็คลอเคลียที่ขาบอสทำให้บอสยิ้มให้แล้วลูบหัวอย่างหมั่นเขี้ยว  จากนั้นบอสก็เดินนำพวกราเทียนให้ทั้งสามตามมา...  กลางคืนนี้เป็นคืนที่ช่างสุขสันต์...  แต่อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้ ‘สุขสันต์’  ก็เป็นได้...

Link to comment
Share on other sites

เป็นตอนที่หวานมากจนมดจะให้โล่ห์แล้วนะเนี้ย หึๆๆ หวานจนทำให้คนที่นั่งอ่านตรงนี้อดอมยิ้มไม่ได้เลย

และก็ไอ้คำว่า "สุดท้าย" ที่มีมากหลายครั้งนี้ มันไม่เคยสุดท้ายสักทีสินา คิดว่านิยายของท่านเป็น Final Fantasy หรือไง ถึงไม่มีท้ายที่สุดสักที =w="

Link to comment
Share on other sites

บทนี้  อัพเร็วมากโดยไร้สาเหตุ= =" (ผู้เขียนยังไม่รู้เลยว่ารีบอัพทำไม... แต่อยากลงแล้วเลยขออัพเลยละกัน)

บทที่ 68

        บอสตื่นขึ้นมากลางดึก  พยายามลุกออกจากเตียงด้วยแรงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้ทั้งอีวุยขาวดำและราเทียนตื่น...  แต่สุดท้ายก็เผลอขยับตัวมากไปจนราเทียนตื่นขึ้นมา

      “เจ้านายจะไปไหนครับ”  ราเทียนถามด้วยเสียงงัวเงีย  แต่บอสก็พูดโดยลืมอีวุยขาวดำที่กำลังหลับอยู่

      “บอกกี่ทีแล้ว เลิกเรียกว่าเจ้านายแล้วเรียกว่า ‘พี่’ แทน เรียกเจ้านายมันเหมือนแบ่งชนชั้นยังไงไม่รู้”  บอสพูดเสร็จอีวุยสีดำก็ตื่นขึ้นมา

      “เกิดอะไรขึ้นหรอ”

      “เฮ้อ... กะจะไม่ให้ตื่น... สุดท้ายก็ตื่นหมดยกเว้นชิโระ(อีวุยสีขาว)”  บอสถอนหายใจออกมา  แต่อีวุยสีดำก็ว่า

      “แล้วชื่อเล่นผมอะ บอกหน่อย”

      “ชื่อเธอก็ คุโระ ไง... เป็นแฝดด้วยเลยคิดว่า ชิโระ(สีขาว) กับ คุโระ(สีดำ) น่าจะเหมาะ”  บอสพูดขึ้นมา  ทำให้คุโระดีใจจนชิโระตื่น

      “โธ่... สุดท้ายก็ตื่นหมด”  บอสเอามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ  ทำให้ราเทียนถามเสียงเครียด

      “แล้วพี่จะไปไหน” 

      “จะไปทำภารกิจนิดหน่อยหนะ... เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว รออยู่ที่นี่ก่อนก็ได้”  บอสพูดเสร็จแล้วทำท่าเหมือนจะไป  แต่ราเทียน คุโระและชิโระกลับ

คลอเคลียที่ขาบอส

      “อย่าไปเลยนะ... ผมมีลางไม่ดีถ้าเกิดพี่ไปตอนนี้”  ราเทียนบอก  ทำให้บอสกลุ้มใจไม่น้อย  แต่งานก็คืองาน  หลีกเลี่ยงไม่ได้

      “หนูฝันร้ายคะ... พี่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”  ชิโระที่บอกเหตุผลขึ้น  ทำให้บอสคิดหนัก

      “แต่มันจำเป็นต้องไปนะ”  บอสย่อตัวลงพูดกับทั้งสาม

      “งั้นให้พวกผมไปด้วยสิ”  คุโระบอก  ทำให้บอสเป็นห่วงหากเกิดเหตุไม่ดี...  แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะให้บอสทำภารกิจในช่วงเวลานี้ได้...  จึงยอม

ตกลง

        บอสเทเลพอร์ทตนเองพร้อมกับราเทียน คุโระ และชิโระ  โผล่มาหน้าเมืองแห่งหนึ่ง  ที่บอสรู้สึกได้ถึงความไม่ไว้วางใจ...

        แต่เหมือนจะไม่ใช่แค่บอสที่ไม่ไว้วางใจ  ราเทียนถึงขั้นขู่ใส่หน้าเมืองโดยไร้เหตุผล  ส่วนคุโระกับชิโระก็แปลงร่างเป็นชาวเวอร์สสีดำกับบูสเตอร์

สีขาวแล้ว

      “ดูเหมือนว่างานนี้จะลำบากซะแล้ว”  บอสเปรยขึ้น  ซึ่งบอสเดินนำแล้วพอผ่านประตูเมืองไปก็ลองยิงเวทย์ใส่ประตูเมือง  กลับกลายว่าเวทย์ไร้ผล 

มันกลับหายไปดื้อๆ...  เหมือนมีกำแพงล่องหนกันเอาไว้

      “พวกเราโดนขังแล้วใช่ไหมครับ”  ราเทียนพูดเสียงเครียด  บอสทำได้แค่พยักหน้าแล้วลองวิธีอื่น

        บอสลองเทเลพอร์ทดู  แต่กลับเหมือนคลื่นบางอย่างรบกวนตอนรวมสมาธิ  ทำให้บอสถึงกับกุมขมับเพราะคลื่นบางอย่าง

      “พี่คะ เป็นอะไรรึเปล่า”  ชิโระพูดขึ้นที่เห็นบอสกุมขมับ  แต่บอสส่ายหน้าเหมือนบอกว่าไม่เป็นไร

      “เนื้อความในกระดาษบอกแค่ว่า ‘เดินไปถึงลานน้ำพุ ให้รออยู่ตรงนั้นในเวลาตีสาม แล้วเพื่อนของฉันจะให้ของ นำของนั้นกลับมา’ แค่นั้นเอง...

มันต้องมีอะไรแฝงแน่ๆ”  บอสพูดขึ้นมา  แต่ตอนนี้ทำได้แค่เดินไปให้ถึงลานน้ำพุ  เพราะจะเดินออกจากเมืองก็ไม่ได้  จะเทเลพอร์ทก็ไม่ได้เพราะมี

คลื่นรบกวน...

        แต่พอถึงลานน้ำพุ  บอสก็ดูนาฬิกาที่อยู่บนยอดน้ำพุ  ตอนนี้ 02.59 น.  ทำให้บอสยืนรอว่าจะมีใครรึเปล่า  เพราะจากที่เดินมา  ไม่พบใครเลยใน

เมืองนี้ทำให้บอสแปลกใจ  แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือบอสเหลือบไปเห็นถังขยะหลายที่  แต่ไม่มีซักที่ที่มีขยะอยู่ในนั้นเลย...  ราวกับว่า...ไม่มีใครอยู่ใน

เมืองนี้...

      “เป๊ง... เป๊ง... เป๊ง...”  เสียงนาฬิกาดังสามทีทำให้ชิโรสะดุ้งเล็กน้อย...  ทำให้บอสหันไปดูเวลา  ขณะนี้เวลา 03.00 น.  และนาฬิกาดังสามที  ทำ

ให้บอสคิดว่าเสียงนาฬิกาบอกชั่วโมง  แต่แล้ว...

      “เป๊ง...เคร๊ง...”  เสียงนาฬิกาดังต่ออีกหนึ่งครั้ง  แต่เสียงดังสนั่นของอะไรบางอย่างดังขึ้นทำให้สัญชาตญาณของทุกชีวิตเริ่มเตือน...ว่าไม่

ปลอดภัย...  แต่...

      “แก๊ง...”  เสียงสิ่งของตกลงสู่เบื้องล่างดังขึ้น  ทำให้บอสสร้างบาเรียคลุมตนเองกับพวกราเทียนเอาไว้  ซึ่งได้จังหวะกับบางสิ่งพุ่งเข้าหาตนพอดี

      “ชิ Glacier Beam!!”  บอสร่ายเวทย์น้ำแข็งใส่สิ่งนั้น  แต่พลังที่ยิงออกไปกลับหายไป...

      “บ้าน่า...”  บอสเปรยขึ้นโดยที่ไม่เชื่อสายตา...  แต่ก็ตกใจนานไม่ได้เพราะสิ่งนี้โจมตีตนอยู่ตลอดเวลาทำให้ต้องกางบาเรียตลอด

        ราเทียนที่อยากลองปล่อยพลังจึงรวมพลังไว้ที่ปาก  แล้วพ่นไฟออกมาขนาดเท่าลูกฟุตบอลใส่สิ่งประหลาด...  น่าแปลกที่ลูกไฟโดนสิ่งประหลาด

ได้เผยเห็นร่างของมันออกมา

      “เห้ย!!”  บอสตกใจกับสิ่งที่เห็น  เพราะรอบข้างค่อนข้างมืดจึงมองไม่ค่อยเห็น  แต่พอมีไฟแล้วเห็นดวงตาสีขาวมีจุดตรงกลางนับร้อยนับพันอยู่ 

      “ทะ...เทเลพอร์ท”  บอสเห็นว่าอยู่ต่อไปคงไม่ได้การจึงรีบหนี  ทำให้บอสรีบหนีโดยใช้เทเลพอร์ทโดยไม่ได้คิดว่า  ใช้ไม่ได้...  แต่มันไม่ได้เป็น

อย่างนั้น...  บอสเทเลพอร์ทได้...แต่ได้แค่บริเวณเมืองนี้

        บอสโผล่มาที่ขอบกำแพงเมืองจุดหนึ่งก็ได้ต่เหนื่อยหอบโดยไร้สาเหตุ...  การต่อสู้ชั่วครู่ไม่ถึง10นาที  แต่บอสกลับรู้สึกเหมือนต่อสู้เป็นชั่วโมง... 

แถมรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังไปอีก...  คุโระกับชิโระก็เช่นกัน  ใช้โต้คลื่น(Surf) กับพ่นไฟ(Flamethrower)  ไม่ได้ผล...  แต่บอสกลับแปลกใจที่รา

เทียนกลับพ่นไฟโจมตีใส่ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ดูดพลัง...

        โดยที่บอสไม่รู้ตัว  หลังกำแพงเหมือนมีดวงตาที่ปิดอยู่...  จู่ๆดวงตาก็เปิดขึ้นมาทำให้บอสตกใจ

      “Mega Flare!!”  บอสใช้เวทย์ไฟแล้วรีบหนีออกมาจากตรงนั้น  โดยที่พวกราเทียนวิ่งตามมาติดๆ  แต่ชิโระวิ่งจนสะดุดบางอย่างเข้าจนบอสหันไปดู

      “นี่มัน...เพลทของพี่อัลเซอุส...”  บอสแปลกใจมากที่ทำไมมาอยู่ตรงนี้...  แต่เพราะพลังตอนนี้ก็เต็มกลืนที่จะสู้แล้ว  บอสเริ่มรู้ว่ายิ่งใช้เวทย์ใส่มัน

รุนแรงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดพลังมากขึ้นเท่านั้น  จึงใช้เวทย์สร้างกำแพงใส่พวกราเทียนเพื่อขังไม่ให้ออกมา

      “พี่!!”  ราเทียนพยายามจะออกมาแต่ก็ไม่ได้  บอสก็พูดขึ้นมา

      “ฟังซะ เดี๋ยวจะเทเลพอร์ทออกไปให้  แล้วรีบไปที่ป่าอีกฟากของที่นี่เลยนะ...”  บอสพูดขึ้นทำให้คุโระเอะใจ

      “แล้วพี่หละ”

      “พี่จะสกัดมันเอง... รีบหนีไปก่อนที่พวกมันจะไล่ตามทันนะ...”  บอสพูดเสร็จก็ใช้เวทย์ใส่พวกราเทียน  เป็นเวทย์ป้องกันอันตรายเผื่อยามคับขัน...

      “แต่พี่บอส...”  ชิโระกำลังจะพูด  แต่เพราะ ‘พวกมัน’  มาแล้วบอสจึงออกคำสั่งเวทย์

      “ไปซะ!!!”  จากนั้นพวกราเทียนก็หายไปจากตรงนั้พร้อมกับร่างของบอสที่ทรุดฮวบ

        ‘แค่ส่งสามตัวนั้นออกไปจากเมืองนี้ก็กินพลังไปเยอะขนาดนี้เลยเรอะ...’

        แต่ ‘พวกมัน’  กลับตามพวกราเทียนไปทำให้บอสรู้ว่า มันจะตามไป ‘ฆ่าปิดปาก’  หรืออะไรแน่ๆ  จึงใช้เวทย์กั้นอาณาเขตไม่ให้พวกมันตามไป

      “ถ้าอยากไปละก็... ล้มผมให้ได้ก่อนสิ”  บอสพูดในสภาพเหนื่อยหอบ...

        ‘...โอกาสชนะเหรอ...ตอนนี้ไม่มีด้วยซ้ำ...แต่ต้องถ่วงให้พวกราเทียนหนีได้ไกลที่สุดก็พอ’

        สุดท้ายบอสก็ใช้ร่ายเวทย์เป็นภาษามังกรออกมา  รอบๆพื้นที่ของบอสเริ่มมีแสงอักขระวงเวทย์สีฟ้า...  จากนั้น...

        บอสใช้เวทย์ที่แรงที่สุดของสายน้ำแข็งออกมา  แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือน...  ท้องฟ้าเริ่มแยกออก...  รอบๆ ‘พวกมัน’  เริ่มเปล่งแสงเป็นสีฟ้า  จาก

นั้นลำแสงสีฟ้าจากฟากฟ้าและลำแสงที่พุ่งจากพื้นดินก็พุ่งใส่ ‘พวกมัน’

      “Absolute Zero!!”  ลำแสงแต่ละเส้นที่โดน ‘พวกมัน’  ก็กลายเป็นน้ำแข็ง  ลำแสงนับพันเส้นพุ่งใส่แบบไม่ยั้ง  พวกมันก็เริ่มหนีแต่เพราะลำแสง

เส้นแรกไปโดนแล้วกลายเป็นน้ำแข็งทำให้ขยับไม่ได้  จากนั้นก็โดนลำแสงนับพันพุ่งเข้าใส่จังๆ...

      “เปรี๊ยะ!!”  แสงที่ลำแสงกลายสภาพเป็นน้ำแข็งดังขึ้นพร้อมกันดังสนั่น...  ทำให้บอสคิดว่าน่าจะจบแล้ว...แต่...

      “ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆ”  เสียงเหมือนดวงตาเปิดออกดังขึ้นถี่ๆทำให้บอสคิดผิด...

        ‘เสร็จกัน... พวกมันไม่ใช่แค่ตัวตน...  แต่พวกมันคือ ‘ทั้งเมือง’!! ’  บอสคิด...จากนั้นสติของตนก็ดับวูบ...

Link to comment
Share on other sites

บอสแย่แล้ว!!! :pika08:

อย่าเป็นไรไปนะ ยังมีเหล่าน้องๆ (ที่ไม่ใช่มนุษย์) รออยู่ :pika06:

Link to comment
Share on other sites

Missing No. เจ้าคือตัวร้ายในบทนี้ใช่รึไม๋! นี้เจ้ากำลังป้อนพลังงานให้กับตัวเมืองนี้เพื่ออะไรกันแน่!?!

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 69

      “แฮ่ก แฮ่ก...”  เสียงเหนื่อยหอบดังไม่ขาดสายจากราเทียน คุโระ และชิโระ...  หากแต่กระนั้นก็ไม่ยอมหยุดวิ่งจนกว่าจะถึงสถานที่ที่บอสบอก  ซึ่งบอสบอกโดยใช้เวทย์  เพราะเกรงว่าพวกมันอาจจะรู้เรื่อง  แต่ตอนนี้ต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด  และนำเพลทไปให้พี่มิวทู

      “แย่ละ พวกมันตามมาแล้ว”  ราเทียนหันหลังแล้วเห็นกลุ่มดำๆ  ทำให้รู้ว่าหากใครซักคนหยุดวิ่งตอนนี้  ต้องเสร็จพวกมันแน่ๆ  จึงพ่นไฟเพื่อสกัดทางไม่ให้มันเข้ามา  แต่ชั่วครู่มันก็เข้ามาได้

      “อีกนิดเดียวจะถึงป่าที่พี่บอกแล้ว”  คุโระบอก  แต่พวกมันเริ่มจะกวดทันชิโระแล้ว  เมื่อมันปล่อยเงาดำใส่ชิโระ  เวทย์ของบอสที่เคลือบก็ช่วยป้องกันไม่ให้โจมตี  แล้วยังเพิ่มความเร็วในการวิ่งด้วย  จึงไม่รอช้าทั้งสามรีบวิ่งเข้าป่าที่เซเลบี้ปกป้องอยู่...

        เมื่อวิ่งเข้าไปในป่าได้ซักพัก  พอมองไปข้างหลังไม่พบอะไรเลย...  จริงๆควรจะโล่งอกที่พวกมันไม่ตามมาแล้ว...  แต่ตอนนี้ทั้งสามกลับหวาดกลัวหากพวกมันไปดักหน้า...  รอบๆเริ่มรู้สึกถึงอันตราย

        ถึงจะรู้สึกไม่ดีแค่ไหน  ตอนนี้ก็ทำได้แค่วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว  หากหยุดกลางคันก็อาจจะเสร็จพวกมันได้

        พวกราเทียนพยายามวิ่งไปทางว้ายบ้าง  ขวาบ้าง  เผื่อพวกมันอาจจะสับสนในทิศทาง  แต่ไม่เลย  เหมือนพวกมันตามด้วย กลิ่น มากกว่าใช้สายตา  แต่ถึงกระนั้นก็ยังวิ่งต่อไป

        แต่ในที่สุด  สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น  พวกราเทียนวิ่งไปเรื่อยๆจนพบกับทางตัน  ด้านหน้าเป็นเหวที่ด้านล่างเป็นน้ำลึกและมีโขดหินอยู่  หากตกลงไปก็อาจจะเสียชีวิตได้  แต่จะเลี้ยวซ้ายขวาก็ไม่ได้ด้วย  เพราะเป็นรอยแตกของพื้น  ถ้าเหยียบลงบนพื้นแถบนั้นก็หมายถึงพื้นจะรับน้ำหนักไม่ไหว และตกลงเหวในที่สุด

        “ทำไงดี พวกมันเริ่มเข้ามาแล้ว”  ชิโระพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว  แต่พอพูดจบได้แปปเดียว  พวกมันก็ใช้ลมกระแทกทั้งสาม  โล่ที่บอสสร้างกันไม่ได้เพราะมันเป็นแรงของธรรมชาติไม่ใช่พลัง  พวกราเทียนจึงโดนเข้าไปเต็มๆถึงกับไถลจนขาหลังของราเทียนเกือบตกเหว

      “พี่คะ... หนูต้านไม่ไหวแล้ว”  ชิโระพูดขึ้น  เพราะใช้พลังของตนต้านแรงลมเอาไว้  ถึงจะมีคุโระกับราเทียนใช้พลังต้านด้วยแต่มันก็ยังไม่ไหวที่จะต้านแรงลมทั้งหมด

        เพราะทั้งสามมัวแต่ต้านแรงลมด้านหน้า  พวกมันจึงใช้พลังให้แรงลมกดพวกราเทียนจากด้านบนจนราเทียน คุโระและชิโระล้มลงไปกับพื้น

        ทั้งสามพยายามจะลุกขึ้นมา  แต่เพราะแรงลมกดอยู่จึงลุกไม่ได้  พวกมันจึงเข้ามาหาทั้งสาม  ยกทั้งสามให้ลอยเหนือพื้นขึ้น  แล้วปล่อยทั้งสามลงเหว

      “อ๊าก~~/อ๊า~~”

__________________________________________________

        มิวทูตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี...  เป็นลางสังหรณ์แห่งการสูญเสีย  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อจากการฝันร้าย...  หากแต่บุคคลข้างๆที่ตื่นมานานแล้วก็ดูอาการ

      “มิวทู เป็นอะไร...”  เบต้ารู้สึกเป็นห่วงที่จู่ๆมิวทูก็ลุกขึ้นมาเหนื่อยหอบ  เหมือนกับเจอฝันร้ายเข้า...

      “ไม่...ไม่มีอะไรหรอก”  เสียงมิวทูหอบเริ่มลดลง  เบต้าจึงใช้ผ้าซับเหงื่อของมิวทู

      “บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาโกหกหรอก”  เบต้าเริ่มบังคับ  เพราะการที่มิวทูฝันร้ายนี่ต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ

      “ฉันฝันร้าย...ฉันฝันว่าทุกคนจะสูญเสีย...”  มิวทูพูดได้นิดเดียว  ก็มีเสียงดังหน้าประตูขึ้น

      “เบต้า เบต้า ตื่นแล้วใช่ไหม”  เสียงของเชสต้าดังขึ้นด้วยเสียงที่ตื่นตระหนก  ทำให้เบต้ารีบไปเปิดประตูเพราะเชสต้าไม่เคยตื่นตระหนกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

      “พี่เชส มีอะไรหรอครับ” 

      “รู้บ้างเปล่า เมื่อวานบอสอยู่ไหน”  เชสต้าถามทำให้เบต้าสงสัย  มันเกี่ยวอะไรกับตน

      “ล่าสุด เมื่อวานราวๆ4ทุ่ม พวกผมกับบอสดูดาวบนหลังคาปราสาทครับ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแล้ว  ว่าแต่ทำไมหรอครับ”

      “วันนี้กะว่าจะให้บอสช่วยเคลื่อนย้ายต้นไม้คำสาปที่ป่ามนตรา แต่เคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบกลับก็เลยลอง ‘พัง’ ประตูดู แต่บอสไม่อยู่แล้ว...โปเกมอนกับลูกมังกรที่อยู่กับบอสก็ไม่อยู่ด้วย”  เบต้าฟังประโยคแรกๆก็งงๆ  แต่พอได้ยินคำสุดท้ายแล้วตกใจ  บอสไม่น่าไปไหนพร้อมกับลูกมังกรถ้ามันไม่จำเป็น  เพราะบอสกลัวว่าราเทียนจะพลัดหลง  ถึงจะมีโทรจิตก็ยังกลัวราเทียนหายอยู่ดี  แต่คราวนี้บอสพาราเทียนไปด้วย  มันแหม่งๆนะ

      “มิวทูว่าไง”  เบต้าหันไปถามมิวทูที่ตอนนี้หน้าซีด...

      “คือ...ฉันฝันว่าบอสกับพวกราเทียนจะ...”  มิวทูไม่ยอมพูดต่อ...  แต่เบต้าน่าจะตีความหมายออกจึงเงียบลง...

      “ถ้างั้น...ประชุมด่วน การประชุมครั้งนี้อาจจะขาดอัลเซอุสไป”  เชสต้าพูด  ทำให้มิวทูกับเบต้าสงสัย

      “ทำไมถึงขาดอัลเซอุสไปละ”

      “อัลเซอุสถูกโจมตี ตอนนี้ยังไม่ได้สติ และ พลังก็ถูกดูดไปหมด”  เชสต้าตอบ  มิวทูจึงเงียบ  แล้วเชสต้าก็ออกไป

      “ว่าไง มิวทู”  เบต้าถาม  หลังจากที่มิวทูสะกิดเหมือนอยากคุยด้วย

      “ขอร้องละ... อย่าไปไหนคนเดียวนะ...”  มิวทูอายๆที่จะพูด  แต่เบต้าก็เข้าใจความรู้สึก

      “ก็ได้...เธอเองก็ด้วยนะ”  เบต้าบอกกลับ  มิวทูจึงพยักหน้า

      “ถ้างั้นไปกันเถอะ”  เบต้าพูดเสร็จก็เทเลพอร์ทตนกับมิวทูไปที่มิติแห่งเทพ

______________________________________________________________

ณ มิติแห่งเทพ

        ลานกว้างใจกลางของมิติแห่งเทพ  ซึ่งเมื่อตอนงานแต่งงานเต็มไปด้วยโต๊ะอาหาร  แต่ตอนนี้กลับเป็นโต๊ะยาวตัวเดียวและมีเก้าอี้รอบๆ

      “เอาละ วันนี้มีเรื่องมาแจ้งอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องหลักๆจะเกี่ยวกับการสูญเสียพลังของอัลเซอุสกับการหายไปของบอสและลูกมังกรที่บอสเลี้ยงไว้”  เชสต้าพูดขึ้นในฐานะตัวแทนของมนุษย์เพื่อเปิดประเด็นในการประชุมครั้งนี้  ทำให้หลายคนเอะใจ

      “บอสหายตัวไปเนี่ยนะ...”  ไดอัลเกียแปลกใจ  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

      “ใช่ ช่วงเวลาที่หายไปน่าจะราวๆ เที่ยงคืนจนถึง 6 โมงเช้า”  เชสต้าพูดเพื่อให้คนอื่นไม่ต้องสงสัยเรื่องเวลา

      “แล้วอัลเซอุสเป็นไงบ้างละ”  ฟรีซเซียร์ถามเชมี่

      “พ้นภาวะอันตรายแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ฟื้น อาจจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าชายนิทราก็ได้”  เชมี่พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

      “เดี๋ยวนะ เราขาดใครไปรึเปล่า”  พัลเกียรู้สึกแปลกใจ ที่จำนวนคนหายไป 1 คน

      “นั่นสิ... ขาดใครไป”  เชสต้าก็เริ่มเห็นแล้ว  จึงลองใช้สายตาไล่มองไปทีละคน

      “เซเลบี้... ไดอัลเกีย พัลเกีย เบต้า มิวทู...”  แล้วทั้งหมดก็พูดพร้อมกัน

      “กำละ ลืมมิวไปได้ไง!!”  ใบหน้าทุกคน (ยกเว้นเบต้ากับมิวทู)  เริ่มซีดโดยไร้สาเหตุ  ลืมใครไม่ได้ กลับลืมมิวไป...  เทพทุกตนคิดเช่นนั้น...

      “ทำไมหรอครับ...”  เบต้าถามด้วยความสงสัย  ที่ทุกคนหน้าซีดเป็นไก่ต้มกันหมด  ไม่เว้นแต่เชสต้า

      “ถ้าลืมใครซักคน จงอย่าลืมมิวเป็นอันขาด...”  ไดอัลเกียพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอน  ราวกับว่าไม่ได้เห็นวันพรุ่งนี้

        ‘ลืมมิวแล้วไงเนี่ย...’  เบต้าคิดอย่างนี้...  โดยที่ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของมิว!!!

Link to comment
Share on other sites

มังกรน้อยกับอีวุยทั้งสองจะเป็นไงบ้างเนี่ย :pika02:

แล้วมิวจะน่ากลัวขนาดไหนกัน ชักสงสัย (ขนาดเจ๊เชสยังซีด แสดงว่าไม่ธรรมดา)

Link to comment
Share on other sites

การผจญภัยของเด็กน้อยทั้งสามคงไม่จบง่ายๆสินะ =w=

ว่าแต่...มิวงั้นรึ... :pika02:  (ลางไม่ดีอีกแล้ว...)

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 70

        …..

        ณ ที่ที่หนึ่ง  สถานที่ที่ไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้  กลับมีบุคคลเข้ามาทำให้มิสซิ่งโนตกตะลึง

      “บอส... เธอเข้ามาที่นี่ได้ไง”  มิสวิ่งโนตกใจหลังจากที่เห็นบอสที่ไม่น่าจะอยู่ละแวกนี้เดินเข้ามา  แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทำให้มิสซิ่งโนโล่งอก

      “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเองคะ... แค่ยืมร่างของเด็กคนนี้เท่านั้นเอง”  เสียงหวานของผู้หญิงเอ่ยจากปากของบอส  ทำให้มิสซิ่งโนรู้สึกกำลังจะได้ของๆตนกลับคืน...

      “ขอโทษนะ...”  #บอส# พูดขึ้น  ทำให้มิสซิ่งโนสงสัย

      “เรื่องไรละ”

      “คุณถึงยอมสละเพื่อนของคุณ เพื่อให้ฉันมีชีวิต...”  เสียงหวานเริ่มเศร้าสร้อย

      “…คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดหรอคะ เวลาที่คุณยอมสละเพื่อนของคุณ”

      “เจ็บปวด...แต่เธอเจ็บปวดกว่าไม่ใช่หรอ อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายร้อยปี...”  เสียงของมิสซิ่งโนเริ่มเศร้า

      “...นั่นสิ... ฉันจะกลับแล้วนะ”  #บอส# พูดขึ้นแล้วจะย่างเท้าออกจากกระท่อม

      “จะกลับเลยหรอ... อยู่เป็นเพื่อนคุยก่อนสิ...”

      “ไม่ได้หรอก เด็กคนนี้มีพลังสูง ขนาดดูดพลังตลอดเวลายังจะฟื้นพลังได้เร็ว... ฉันกลัวว่าหากคุมไม่ได้แล้วจะเกิดปัญหาตามมาทีหลัง...”  เสียงเริ่มเบาลง...  แต่มิสซิ่งโนกลับได้ยินชัดเจน

      “เฮ้อ...”  มิสซิ่งโนถอนหายใจเล็กน้อย  แล้วก็พูดต่อ

      “ถ้าเป็นไปได้ เอาเด็กนั่นไปขังในห้องดูดพลังก็ดีนะ...”  มิสซิ่งโนพูดขึ้น  ทำให้#บอส# ชะงัก

      “ทำไมละ...”

      “เพราะเด็กนี่มันตัวสร้างปัญหาอันดับหนึ่งของฉันน่ะสิ งานแต่ละชิ้นที่เด็กนี่ทำนะ... ฉันได้บิลเรียกร้องค่าเสียหายเต็มไปหมด”  มิสซิ่งโนพูดราวกับว่าเด็กนี่(บอส) มันน่าตื้บมากๆ  จน#บอส# ขำออกมา

      “ก็ได้จ๊ะ...”  #บอส# พูดเสร็จก็เดินออกไป...

____________________________________________________

        ณ กระท่อมแห่งหนึ่ง

        รอบกระท่อมเต็มไปด้วยต้นไม้และใบหญ้า  รอบกระท่อมมีสระน้ำ  มีสวนที่เหมือนได้รับการดูแลทุกวัน  แต่ภายในกระท่อมกลับมีความรู้สึกต่างจากด้านนอกยิ่งนัก

      “อูย...”  เปลือกตาของราเทียนเริ่มเปิดออก  ราเทียนหันไปมองรอบๆว่าตนอยู่ที่ไหนก็พบว่าอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง  แล้วหันไปดูข้างๆ  คุโระกับชิโระยังสลบอยู่  ถ้าจำไม่ผิด  ตนตกเหวไม่ใช่หรือ...  ราเทียนจึงคิดจะสำรวจรอบๆ  แต่เสียงหนึ่งขัดขึ้น

      “อ้าว ฟื้นแล้วหรอ”  เสียงหวานของเด็กสาวเอ่ยขึ้น  ทำให้ราเทียนหันไปมอง  แต่ราเทียนกลับรู้สึกถึงพลังที่ผ่านซ่านจากเด็กสาวผมชมพูคนนี้

      “...ที่นี่...ที่ไหนครับ”  ราเทียนลองพูดขึ้น  ซึ่งเด็กสาวเหมือนจะรู้เรื่องจึงตอบกลับ

      “บ้านฉันเอง ฉันเห็นพวกนายกำลังตกเหวเลยช่วยไว้ทัน”  เสียงใสของเด็กสาวพูดต่อ  ทำให้คุโระกับชิโระตื่น

      “โอ๊ย...”  ชิโระลุกขึ้นแล้วร้องขึ้นมา  ทำให้คุโระรีบดูอาการของน้องสาว  พบว่าที่หลังของชิโระมีบาดแผลอยู่  คุโระจึงเลียแผลชิโระ

      “โอ๊ย พี่คะ เบาหน่อย”

      “ตื่นกันก็ดีแล้ว ฉันต้องไปประชุมแล้วก็จะคุยกับมิวทูด้วย”  เด็กสาวผมชมพูพูดเพราะคิดว่า พวกราเทียนคงไม่รู้  แต่ราเทียนได้ยังแล้วถามเลย

      “รู้จักพี่มิวทูด้วยเหรอครับ”  เด็กสาวได้ยินคำถามแล้วถึงกับแปลกใจ

      “รู้จักด้วยเหรอ มีธุระอะไรกับมิวทูหละ”

      “คือ เจ้าสิ่งนี้น่ะครับ”  ราเทียนใช้เวทย์เรียกของ เรียกเพลทขึ้นมา

      “นี่มัน...พวกเธอได้มาจากไหน...”  เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ  ซึ่งราเทียนก็ตอบกลับอย่างว่าง่าย

      “ผมไปเจอมันที่เมืองหนึ่งครับ ส่วนเมืองไหนผมก็...”  ราเทียนยังพูดไม่จบ  เด็กสาวผมชมพูก็เทเลพอร์ททุกคนไปยังสถานที่ที่ราเทียนน่าจะรู้จักดี

____________________________________________________

        ราเทียน คุโระกับชิโระมาสถานที่หนึ่งพร้อมกับเด็กสาวผมชมพู  แล้วเด็กสาวก็เดินนำ  ทำให้พวกราเทียนต้องวิ่งตามไป

      “ขอโทษที่มาสาย”  เสียงใสดังขึ้น  ทำให้บุคคลที่อยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้วหน้าซีดกันยิ่งกว่าเดิม  เมื่อเด็กสาวกวาดสายตา  ทำให้ทั้งห้องหนาวขึ้นไปอีก

      “คือ มิว... ฉันอธิบายได้นะ”  เชสต้ารีบพูดกับมิว  เพราะเธอเป็นคนเดียวที่รับความรู้สึก(กดดัน)ได้  แต่ก็มีผู้ขัดจังหวะวิ่งตรงมายังมิวทู

      “พี่มิวทู”  ราเทียนวิ่งไปยังมิวทูที่นั่งอยู่ข้างๆเบต้า

      “อ้าว พวกเธอไปอยู่ไหนมา แล้วนั่นแผลอะไร”  มิวทูรีบรักษาแผลที่หลังของชิโระ  ระหว่างนี้ราเทียนก็อธิบาย

      “คือ... พี่บอสได้ภารกิจเข้า แต่พวกผมจะไม่ยอมให้ไปหากพี่บอสไปคนเดียว ก็เลยได้ไปพร้อมกัน  แต่ที่เมืองที่พี่บอสไป...”  เมื่อพูดถึงตรงนี้  น้ำเสียงที่ราเทียนพูดเริ่มสั่นคลอน

      “มัน...มีแต่อันตราย จู่ๆดวงตาก็เปิดขึ้นตรงหน้า...บางครั้งก็ที่กำแพง...  แล้วพวกมันยังดูดพลังได้อีก... พี่บอสจึงใช้พลังให้พวกผมหนี…”

      “แล้วบอสหละ”  มิวทูถาม

      “ผมไม่รู้ครับ พี่บอสบอกจะช่วยถ่วงเวลาให้พวกผมหนี... แต่พวกผมก็โดนพวกมันตาม...”  ราเทียนพยายามจะเลี่ยงคำว่า ‘บอสตายแล้ว’

      “แล้วคนๆนั้นก็ไปเจอสิ่งนี้เข้า”  มิวหยิบบางสิ่งขึ้น  ทำให้เชมี่ตกใจ

      “เพลทของอัลเซอุส…”  เชมี่รีบวิ่งมาขอดูเพลท  มิวก็ยื่นให้ดู  แต่เชมี่เห็นแล้วเศร้าหมองกว่าเดิม

      “...เพลทนี้...โดนดูดพลังไปหมดแล้ว...”  สีหน้าเชมี่เหมือนอยากจะร้องไห้...  แต่ถึงนั้นแล้วก็ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้...  คนอื่นที่เห็นสภาพของเชมี่ก็เข้าใจจึงพูดให้กำลังใจ

      “ไม่ต้องห่วงหรอก อัลเซอุสอึดจะตาย”  ฟรีซเซียร์พูดปลอบใจ  ทำให้เชมี่ยิ้มได้นิดเดียว  แล้วก็เศร้าหมองเหมือนเดิม

      “โอเค พอสรุปคร่าวๆได้ละ”  เชสต้าพูดขึ้น

      “จากการที่คิด พวกมันน่าจะซุ่มโจมตี แล้วดูดพลังไป และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆละก็ ตอนนี้บอสน่าจะยังมีชีวิตอยู่…”  คำพูดของเชสต้าทำให้ราเทียนดีใจ

      “เพราะจากการที่ดูอาการของอัลเซอุส พวกมันไม่น่าคิดที่จะสังหาร แต่ต้องการพลังของคนอื่นมากกว่า แต่บอสก็คงไม่โผล่ให้พวกเราเห็นแน่ๆ”  เชสต้าพูดต่อ  ทำให้ราเทียนหูลู่ลง

      “ทำไมละครับ”

      “เพราะบอสสามารถฟื้นพลังของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งใครและเจ้าตัวก็หยุดไม่ได้ พวกมันคงจับไปไว้ซักแห่งแล้วคอยดูดพลังของบอสตลอด”

      “เรื่องที่จะพูดก็คงมีแค่นี้แหละ”  เชสต้าพูดเสร็จก็รีบเดิน(เผ่น) ออกจากห้องก่อนใครเพื่อน  ทำให้หลายคนสงสัยว่ารีบออกไปทำไม  แต่พอเห็นออร่าบางอย่างออกมาจากเด็กสาวผมชมพูแล้ว ทุกคนก็รีบหนียกเว้นมิวทู เบต้า แล้วก็พวกราเทียน

      “เอาละ ฉันคงต้องมีเรื่องอยากคุยกับเบต้าหน่อยนะ”  มิวพูดเสร็จก็ดึงแขนเบต้าแล้วลากออกจากห้องเพื่อไม่ให้มิวทูได้ยิน

        ‘...จะพาเบต้าออกจากห้องทำไมนะ...’  มิวทูคิดเช่นนี้

Link to comment
Share on other sites

มิว...นี้เธอ..หรือว่าเธอจะคิดกับเบต้าเหมือนกับร่างที่เกิดมาจากยีนของเธอ!?  :pika08:

หนึ่ง คือหึงเมื่อใครใกล้เธอ สอง คือเพ้อเวลาห่างกัน สาม คิดถึงเธอทุกวัน เพื่อนกันไม่เป็นแบบนี้

สี่ คืออยากสบตา ส่วนข้อห้าน่ารักสิ้นดี หกถึงร้อย ไว้ฟังพรุ่งนี้ เหตุผลที่ฉัน ไม่อยากเป็นเพื่อน...ผัวะ

me/ โดน Hyper Beam เสียชีวิต

Link to comment
Share on other sites

มิวจะทำอะไรเบต้าหว่า?

รู้สึกสงสัยกับการกระทำของมิสซิ่งโนนะเนี่ย :pika04:

Link to comment
Share on other sites

การบ้านเยอะอีกแล้ว... ทำแล้วแทบอ้วก(เมื่อวานนั่งทำจนถึงเที่ยงคืน...กะส่งวันนี้ แต่ครูบอกต้องส่งเป็นกลุ่ม ส่งเดี่ยวไม่ได้ แล้วตรูจะทำไปไมวะ กลุ่มตรูไม่มีใครเสร็จ!!!!)

บทที่ 71

        มิวลากเบต้ามามุมห้องแห่งหนึ่ง  ทำให้เบต้าสงสัย

      “เอ่อ...จะลากผมมาทำไมครับ”  เบต้าถามขึ้น

      “ฉันแค่อยากรู้... เธอจริงใจกับมิวทูแค่ไหน”  น้ำเสียงเอาจริงเอาจังจากเด็กสาวผมชมพูดถามขึ้น  ทำให้เบต้าเกิดสงสัยในตัวเด็ก(?) คนนี้

      “จริงใจเท่าทึ่คุณเห็นครับ”  เบต้าตอบอย่างจริงจัง  เพราะดูเหมือนสิ่งที่พูดมาจะเป็นเรื่องเครียดที่สุดเท่าที่เคยพบ(???)

      “...”  มิวเงียบไปเล็กน้อย...  ทำให้เบต้าเกิดอาการอยากถามขึ้นมา

      “แล้วคุณเกี่ยวอะไรกับมิวทูครับ คุณดูเหมือนเป็นห่วงมิวทูมาก...”

      “ฉันเป็นแม่ของมิวทู...”  มิวตอบ  ทำให้สติของเบต้ารวนเล็กน้อย  จึงทำการตบหูเพื่อความมั่นใจ

      “จริงๆหรอครับ...”  เบต้าถามเพื่อความมั่นใจในสิ่งที่ตนได้ยินเมื่อเมื่อสักครู่

      “จริงสิ ฉันเป็นแม่ของมิวทู”  มิวพูดย้ำ  ทำให้เบต้าแทบจะเซ...  แล้ว...เรื่องอายุ...

      “...ถ้าเป็นแม่ของมิวทูจริง... แล้วทำไมลูกออกมาถึงเป็นมิวทูละครับ”  เบต้าถามขึ้นหลังจากมึนอยู่นาน

      “แล้วเธอคิดว่ามิวทูได้ต้นแบบมาจากฉันกับอะไรละ”  มิวพูดในเชิงถาม  ทำให้เบต้าคิด

        ‘มิวทูหรอ...จะว่าไปก็ดูคล้ายมิวอยู่  แค่ตัวใหญ่กว่ามาก...  แต่ได้ต้นแบบมากจากอะไรอีกละเนี่ย...’  เบต้าคิดหนักอยู่นาน...  จริงๆตนเองก็รู้อยู่แล้วว่าต้นแบบมาจากมิวกับอะไร...

      “…มิวกับ...มนุษย์สินะครับ...”  เบต้าลองพูดในสิ่งที่ตนคิด  แต่จริงๆก็คิดว่าไม่น่าจะใช่แต่คล้ายกันมาก

      “ถูกแล้วหละ...สามีฉันเป็นมนุษย์...”  มิวพูดยิ้มหน้าแดงเล็กน้อย  เบต้าก็เงียบลงโดยไม่รู้สาเหตุ

        ‘แต่ร่างมนุษย์เด็กขนาดนี้เนี่ยนะ จะแต่งงานแล้ว...’

      “แต่มิวทูบอกกับผมมาว่า เธอถูกสร้างมานะครับ”  เบต้าเริ่มเอะใจกับสิ่งที่มิวบอก  เพราะมันขัดกับสิ่งที่มิวทูบอก

      “...เรื่องนั้นให้ผมเล่าเถอะ”  จู่ๆผู้ชายคนหนึ่งก็เดินมาแตะหลังมิว  ทำให้มิวสะดุ้งแล้วหันไปข้างหลัง

      “อ้าว...คุณ มาที่นี่ได้ไง”  มิวตกใจกับผู้ชายที่มาแตะหลัง  แต่เบต้าก็ยังมึนๆว่าใครกัน  แต่ดูจากที่มิวบอกน่าจะเป็นสามีของมิวละมั้ง

      “เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมพูดให้เอง...ถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ไม่ใช่หรอ”  ผู้ชายพูดเอาใจมิว  ถึงมิวอยากจะพูดเอง...แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูด...เธอยังทำใจไม่ได้...ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปซักกี่สิบปี...

      “ก็ได้...”  มิวพูดเสียงเศร้าก็เดินจากไป

      “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจารัส ครับ ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นกรรมการฝ่ายดูแลความสงบสุขของโลกชินวะครับ”  จารัสแนะนำตัวอย่างสุภาพ  ทำให้เบต้าคิดไปว่า  ตนได้พบกับคนระดับท็อปของโลกหรือเนี่ย...  แต่สำเนียงมันแปลกๆ...  หน้าตาน่าจะประมาณอายุ20 ถึง30 ปี...  แต่ทำไมสำเนียงมันเหมือนคนอายุร้อยกว่าปี...

      “แล้วอายุของคุณจารัสเท่าไหร่ครับ...”  เบต้าถามอย่างสุภาพ(ในความคิดของตน)

      “ไม่ต้องเรียก ‘คุณ’หรอก เดี๋ยวไงๆซะนายก็ได้เป็นลูกเขยของผมแล้ว... ส่วนคำถาม... ตอนนี้ผมอายุ 125 ปีแล้วครับ”  จารัสพูดอย่างเป็นกันเองกับว่าที่ลูกเขยที่ตอนนี้ใบ้รับประทานเล็กน้อยกับอายุของคนที่คุยด้วย...  อายุ 125 ปีเนี่ยนะ... ไม่ใช่มนุษย์แล้ว...

      “...คงสงสัยละสิ... ว่าอายุขนาดนี้ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่เป็นมนุษย์...”  จารัสเดาขึ้นซึ่งก็ถูกเผง...  ทำให้เบต้าได้แต่พยักหน้ารับ

      “ลองคิดดูนะ... หากมนุษย์แต่งงานกับโปเกมอนในตำนานไม่ก็โปเกมอนเทพ... คิดว่าฝ่ายไหนจะเป็นคนจากไปก่อน...”  จารัสถาม  ทำให้เบต้าเงียบไปชั่วครู่...  หากเป็นอย่างนั้นจริง...  ฝ่ายที่จากไปก่อนน่าจะ...

      “มนุษย์...ใช่ไหมครับ...”

      “ถูกต้อง...เพราะโปเกมอนเทพหรือในตำนานมีอายุขัยยาวนานมากหากเทียบกับมนุษย์ มันจึงมีวิธีเดียวที่จะทำให้อายุขัยเท่ากัน... ก็คือให้อัลเซอุสช่วยทำพิธี...”  เบต้าฟังแล้วก็ยังเงียบต่อไป...

      “สงสัยนอกเรื่องไปแล้วมั้ง... กลับเข้าเรื่อง ตอนที่มิวทูเกิดมา... มิวดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี... แต่เหตุการณ์ที่ต้องเปลี่ยนแปลงโลกชินวะ มิวจำเป็นต้องทิ้งมิวทู...ที่ทำอย่างนี้เพื่อให้โลกชินวะน่าอยู่ขึ้น ทำให้มิวกับมิวทูมีความสุขมากขึ้น... ส่วนผมต้องทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตุการณ์ร่วมกับวิคตินี่ด้วย...”  จารัสพูดเรื่องในอดีตต่อไปเรื่อยๆ  เบต้าก็งงที่วิคตินี่เกี่ยวไรด้วย วันๆเอาแต่แกล้งคน

      “วิคตินี่มีหน้าที่อะไรครับเนี่ย”

      “หน้าที่ของวิคตินี่นั้น...เป็นหน้าที่ที่น่าสงสารที่สุดก็คงว่าได้... หน้าที่ในการสังเกตุการณ์ทุกเหตุการณ์สำคัญ...และ ‘ห้าม’ ยุ่งกับทุกเหตุการณ์สำคัญไม่ว่าผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นจะออกมาในทางที่ถูกหรือผิด... เพื่อบันทึกลงในหนังสือเล่มนี้...”  จารัสหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมาให้เบต้าดู  เบต้าเปิดอ่านไปที่หน้าหลังสุด... มันว่างเปล่า  พอไล่หน้ามาเรื่อยๆก็เห็นตัวหนังสือจึงอ่าน... เป็นเหตุการณ์ที่บอสสู้กับคาเคีย...

        ‘วิคตินี่ก็สังเกตุการณ์ช่วงนี้ด้วยหรอ...ไม่เห็นจับพลังได้เลย...’

      “น่าเศร้าไหมละ... มีเหตุการณ์ที่มิวทูโดนจับ... ทั้งๆที่วิคตินี่อยู่ใกล้สุดแท้ๆ...กลับเข้าไปช่วยไม่ได้... ก่อนหน้านี้ซัก20-30ปี... เหตุการณ์แห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่...การจากไปของพี่ทั้งสองของฟรีซเซียร์...และของคนอื่นมากมาย การสูญเสียครั้งนี้ วิคตินี่เองก็สังเกตุการณ์...แน่นอน หากมีวิคตินี่มาช่วย ก็คงไม่เกิดเหตุแบบนี้... แต่เพราะหน้าที่จึงเข้าไปช่วยไม่ได้... น่าเจ็บปวดไหมละ...ทั้งๆที่ช่วยได้แต่กลับทำไม่ได้...”  จารัสเอ่ยเสียงเศร้าเล็กน้อย เหมือนจะสงสารวิคตินี่อยู่ไม่น้อย...  เบต้าเองที่ได้รับรู้ถึงหน้าที่ของวิคตินี่แล้ว ทัศนคติก็เปลี่ยนไป...

      “กลับเข้าเรื่องต่อ...นอกเรื่องอีกแล้ว ช่วงที่ผมกับมิวไปทำหน้าที่ ช่วงนี้ต้องปลดระบบความปลอดภัยของโลกชินวะ พวกนอกโลกโดยเฉพาะดาวเอิร์ธก็ต่างมารุมโจมตีใส่เรา เพราะดาวเราเป็นดาวที่มีโปเกมอนที่สามารถใช้ในเชิงสร้างสรรค์และทำลายได้... พวกนั้นจึงต้องการเป็นอย่างมาก...”

      “แต่มีช่วงหนึ่งที่พวกของดาวเอิร์ธนั้นแอบรอดมาได้... และดันมาเจอบ้านของพวกเราในป่าพอดี... พวกมันจึงได้ลักพาตัวมิวทูที่ยังเด็กมาก...”

      “ชื่อเบต้าสินะ... รู้รึเปล่า... ว่าทำไมมิวทูถึงจำช่วงนั้นไม่ได้...”  จารัสถามเบต้า  เบต้าใช้เวลาในการคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

      “...สูญเสียความทรงจำ... โดนล้าง...สมองหรอครับ”  เบต้าไม่กล้าที่จะพูดออกมา...เพราะดูเหมือนมันโหดเกินไป...

      “เกือบถูก...แต่ไม่ใช่หรอก... พวกมันทำมากกว่าล้างสมอง... การล้างสมองเรายังหลงเหลือสัญชาตญาณและความเคยชินเล็กน้อย... แต่สิ่งที่พวกมันทำกับลูกของเราก็คือ... รีเซ็ต... การรีเซ็ตก็เหมือนกับกลับไปเกิดใหม่... แต่ร่างกายยังคงอยู่... แต่ข้างในจิตใจไม่หลงเหลืออะไรเลย... แล้วก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่...”  เบต้าฟังแล้วก็เริ่มเครียด  ไม่รู้ว่าชีวิตในอดีตของมิวทูมันมากถึงขนาดนี้...

      “แต่หลังจากที่มิวทูโดนรีเซ็ต เหมือนแผนการของมันพังทลาย เพราะจิตใจมิวทูบริสุทธิ์เกินไป... และพวกมันยังสั่งให้ฆ่าเด็กอีก... แล้วดันเป็นเด็กที่โดนทรมานด้วย... มิวทูจึงเกิดการรับไม่ได้...และไม่เชื่อฟังคำสั่ง... ผลที่ออกมา... การสังหารหมู่ของพวกดาวเอิร์ธ... ดังนั้นสิ่งที่เธอจำได้ในตอนแรกสุดคือ... เธอถูกสร้างด้วยน้ำมือของดาวเอิร์ธไง...”

      “เดี๋ยวนะครับ... คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ในเมื่อคุณไปทำหน้าที่”  เบต้าข้องใจอีกครั้ง

      “อย่าลืมสิ วิคตินี่ไง... ฉันรับรู้เรื่องนี้หลังจากเหตุการณ์สงบลง...”  จารัสตอบ...  แต่เบต้าฟังแล้วก็ขัดอีกครั้ง= =”

      “วิคตินี่ต้องสังเกตุการณ์ด้วยไม่ใช่กหรอครับ...”

      “...รู้จักท่าที่ชื่อว่า แทนตัว(Substitute) รึเปล่า... มันเป็นท่าที่ทำให้วิคิตนี่สามารถสังเกตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์พร้อมกันได้... แต่แน่นอน...วิคตินี่ต้องรับความเจ็บปวดจากการใช้ท่า และความโศกเศร้ามากขึ้นด้วย”

      “...”  เบต้าเงียบไปพักใหญ่  เรื่องราวของมิวทูที่ตนได้รับรู้เริ่มฝังเข้าไป  และบุคคลที่แอบยืนฟังอยู่นาน  น้ำตาของบุคคลนั้นก็เริ่มอาบแก้ม...  มือของบุคคลที่แอบยืนฟังสั่นเทา...  ราวกับว่าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้...  แต่ทำไมกลับได้ยินแล้วลืมไม่ลง...

Link to comment
Share on other sites

มิวทู : ฉัน...ก็มีพ่อแม่เหมือนกับคนอื่นสินะ.....

จารัส : ฉันช่างโชคดีจริงนา...มีแฟนเป็นถึงโลลิในตำนาน..

me/ โดนเก็บเพราะแอบไปเลียนเสียงจารัสเข้า

ยังดราม่าได้อีกนะเนี้ย เรื่องถูกเก็บไปเลี้ยงให้ทำเรื่องชัวร้ายนี้มีให้เห็นทุกการ์ตูนของโปเกม่อนสินา (Silver/Blue จากโปเกสุเปะ, Misumi จาก PokemonDP) =w=

Link to comment
Share on other sites

มิวทูเป็นลูกของมิว???  มิวมีสามีเป็นมนุษย์???  มิวทูถูกรีเซ็ต???

ตอนแรกอึ้ง ตอนท้ายนี่..........เศร้าง่า!!!!!!!!!!! :pika06:

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.