Jump to content
We are currently closing new member registration for the time being. We apologize for the inconvenience. ×

Noname Legend - ตำนานไร้ชื่อ : The Lost Alphabet Santuary


Version5

Recommended Posts

  • Replies 387
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

  • Version5

    164

  • Loveless Nova

    93

  • SKYNET

    66

  • Tym

    34

Top Posters In This Topic

มาตามคำเรียกร้อง :pika10:

บทที่ 38

[ในส่วนตรงนี้ ทั้งบอสและมิวทูไม่ได้เห็นและไม่รู้เรื่อง แต่คนเขียนก็อยากจะเล่าอยู่ดี~]

      ภายในห้องส่วนตัวของหญิงชรา หญิงชรากำลังหลับตาเพื่อรวบรวมสติ เมื่อเธอลืมตาขึ้น หญิงชราก็นึกขึ้นว่า

      น่าจะชงเครื่องดื่มให้เด็กที่นอนอยู่ จึงจัดการชงเครื่องดื่มง่ายๆอย่างโอวันติน

      เมื่อชงเสร็จ หญิงชราไม่คิดจะลองชิมเพราะเหมือนเธอจะมั่นใจมากว่าอร่อย จึงนำแก้วโอวันตินวางบนถาดสีเงินวาว

      แล้วยกถาดขึ้น เดินไปยังข้างๆเตียง เธอกดปุ่มสีแดง แล้วแผงปุ่มก็ปรากฎขึ้นมาหลายปุ่ม

      หญิงชราเลือกที่จะกดปุ่มสีฟ้า สีที่เธอชอบที่สุด แล้วกำแพงก็เปิดออกเป็นทางเดิน เธอเดินเข้าไปในนั้นจนกระทั่งถึงห้องที่บอส

      ในความทรงจำนอนอยู่ แต่หญิงชราก็ทำแก้วหล่นแตกทันทีที่เห็นว่า มีกำแพงเปิดอยู่ หญิงชรารีบเดินอย่างรวดเร็วเข้าทางเดินนั้นไป

      ระหว่างเดิน หญิงชราก็พูดขึ้นมาคนเดียว {ฉันไม่ยอมให้เด็กคนนั้นเป็นเหมือนกับลูกชายฉันที่ตายไปหรอก...} หญิงชรารู้ตัวดี

      ว่ากว่าเธอจะไปถึง ก็คงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา แต่ไงๆ เธอก็จะต้องไปห้ามเด็กคนนั้นให้ได้ เพราะไม่อยากให้เด็กคนนั้นตาย

      อย่างที่ลูกชายของเธอตาย...

______________________________________________________________

      มิวทูและบอสที่เดินตามลูกมังกรในความทรงจำจนกระทั่งถึงห้องๆหนึ่ง ที่เหมือนว่าทั้งห้องจะทำมาจากกระจกทั้งหมด

      ตรงกลางมีแท่นบางอย่าง แต่เมื่อมองดีๆแล้ว จะมีลายอักขระมนต์ดำอยู่กลางแท่น

      “นี่บอส ทำไมถึงมีกลิ่นอย่างกับเลือกเต็มไปหมดเลย” มิวทูได้กลิ่นแล้วอยากจะอาเจียนออกมา เพราะกลิ่นเลือดแรงมาก

      “เพราะในตอนนั้น ผมก็ได้กลิ่นเหมือนกัน แต่แรงกว่านี้เยอะ เมื่ออยู่ในความทรงจำก็จะได้กลิ่นด้วย ถ้ากลิ่นมันแรงนะครับ...”

        บอสคลายข้อสงสัยของมิวทูในขณะที่ตนเองก็เอามือปิดจมูก

      {นี่มัน... กลิ่นอะไรเนี่ย... ทำไมเหม็นสาบ...} บอสในความทรงจำพูดขึ้น เหมือนอยากจะให้ลูกมังกรได้รับรู้ด้วย

        แต่ลูกมังกรไม่ได้สนใจ วิ่งต๊อกแต๊กไปทางขวามือต่อ มีทางเดินที่ต่างจากทางเดินที่บอสในความทรงจำเดินอย่างมาก

        ทางเดินเป็นสีขาวบริสุทธิ์ จนบอสในความทรงจำแทบจะหลับตาไปซักพักแล้วเดินตามลูกมังกรไป

      “รีบตามไปเถอะครับ จะถึงฉากไคลแมกซ์แล้ว” บอสพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งไปทางเดินสีขาว ทำให้มิวทูวิ่งตามไปด้วย

        จนทั้งคนที่ดูเหตุการณ์กับคนที่อยู่ในความทรงจำไม่รู้สึกถึงหญิงชราที่กำลังรีบเดินอย่างเอาเป็นเอาตาย

      แต่หญิงชรากลับเดินไปทางด้านซ้าย เพราะเธอรู้ดีว่า ถึงจะเดินไปทางขวามันก็ไม่ทันแล้ว จึงเดินไปทางด้านซ้าย เพื่อรอเด็กคนนั้นมาที่นี่ดีกว่า

      {รอด้วย...} บอสฝนความทรงจำพูดกับลูกมังกรทั้งๆที่รู้ว่าไงๆซะ ลูกมังกรก็ไม่เข้าใจ แต่เหมือนกับว่าลูกมังกรฟังออก

        จึงหยุดรอบอสในความทรงจำ

      {ก๊าซ ก๊าซ ก๊าซ~~} เหมือนลูกมังกรต้องการจะสื่อะไรบางอย่างออกมา แต่ทั้งบอสในความทรงจำ และมิวทูก็ฟังไม่ออกหรอก

      “นี่ ฉันสงสัยมานานแล้ว ทำไมฉันถึงฟังภาษาของโลกนายออก” มิวทูถามในขณะที่ตนเองเดินตามลูกมังกร

      “ความทรงจำนี้ ผมได้แปลงภาษาเป็นภาษาชินวะที่พี่มิวทูฟังและเข้าใจครับ” บอสตอบอย่างสุภาพ แต่ตอนนั้นเอง

        ที่บอสในความทรงจำจะเดินถึงห้องอีกห้องพอดี

        ภายในห้องนั้น บอกได้เลยว่า เป็นห้องที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่สิ่งของสักชิ้นราวกับว่า

        เป็นห้องสีขาวที่ไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่ในห้องที่บริสุทธิ์แห่งนี้ได้

        เมื่อบอสในความทรงจำเดินเข้าห้องแห่งนี้มาที่กลางห้อง จู่ๆวงเวทย์ก็โผล่ขึ้นมาโดยมาจุดที่บอสในความทรงจำอยู่เป็นจุดกึ่งกลางวงเวทย์

        วงเวทย์เริ่มทับซ้อนกันราวๆห้าวงเวทย์ แต่ละวงเวทย์มีสีแดง ฟ้า เขียว น้ำตาล และสีเทา

        วงเวทย์เริ่มเปล่งแสงขึ้น ทำให้บอสในความทรงจำเริ่มที่จะยืนต่อไปไม่ไหว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้บอสในควาทรงจำล้มลงไป

        โดยมีลูกมังกรยืนอยู่ข้างๆ...

Link to comment
Share on other sites

บทที่39

      เมื่อวงเวทย์ปรากฏขึ้น ทำให้มีพลังแผ่ออกมา จนหญิงชราที่ห่างไกลจากห้องนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออกมา

ทำให้หญิงชราคิดจะวิ่งกลับไปทางเดิม แต่ในทางกลับกันก็คิดในใจ มันจะไปทันได้ยังไง... แต่หญิงชราก็เชื่อมั่น ว่าเด็กคนนั้นจะต้องมาทางนี้แน่ๆ จึงว่าต่อไปอย่างมีความหวัง

      ขณะนั้นเอง อเล็กซ์ที่กำลังเตรียมของอะไรบางอย่างก็ได้รับรู้ถึงพลังที่แผ่ออกมาด้วย ทำให้มือที่ควานหาสิ่งของต้องหยุดลง

สีหน้าที่เคร่งเครียดเริ่มแทนที่ด้วยสีหน้าที่บ้าคลั่ง ทำให้มือขวาเร่งหาของอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อได้ของครบ อเล็กซ์ก็รีบเอาของโกยใส่ถุงแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องที่บอสในความทรงจำเคยพักผ่อน

      เมื่อเหตุการณ์สงบลง ไม่มีกระแสเวทย์แผ่ออกมา บอสในความทรงจำก็เริ่มรู้สึกตัว เมื่อตนเองลุกขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหายไปไหน

ก็เจอมังกรตัวใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าตน ลูกมังกรน้อยๆก็วิ่งเข้าไปหามังกรตัวนั้น ทั้งบอสในความทรงจำและมิวทูต่างก็คิดแบบเดียวกัน คือ

      มังกรตัวนั้นไม่เป็นแม่ ก็ พ่อของลูกมังกร... แต่น่าแปลก ที่ก่อนหน้านี้มิวทูรู้สึกถึงพลังบางอย่าง แต่ตอนนี้ มิวทูไม่รู้สึกพลังของมังกรเลย...

      {...เธอ... ขอบคุณมากนะ... ที่ช่วยลูกมังกรของเราไว้} เสียงมังกรที่พูดออกมาเป็นภาษาที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้

ทำให้บอสในความทรงจำอึ้งไปพักใหญ่ เพราะเสียงมังกรพูดภาษามนุษย์ไม่มีใครนึกออกหรอก ว่าเป็นเสียงที่ทรงอำนาจแค่ไหน...

        แต่แล้ว เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากข้างหลังบอสในความทรงจำ ทำให้บอสในความทรงจำรู้ว่า อีกไม่นานคงเจอเราแน่

แต่ดูเหมือนมังกรจะไม่สนใจเสียงนั่นเลยซักนิดเดียว

        {เจอแล้ว มังกรตัวเป็นๆ...} อเล็กซ์พูดราวกับคนเสียสติ เพราะการที่วิ่งสุดใจขาดทำให้ได้ยินเสียงหอบของอเล็กซ์อย่างชัดเจน

มือขวาของอเล็กซ์ก็ควานหาของบางอย่างในถุง เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ก็คือปืน... อเล็กซ์คิดจะยิงลูกมังกรก่อน

จะหันกระบอกปืนไปที่ลูกมังกร เมื่อเริ่มเหนี่ยวไก จู่ๆทั้งบอสในความทรงจำกับมิวทูก็เสียวสันหลังเล็กน้อยโดยไม่รู้สาเหตุ...

        มังกรใช้ขาหน้าของตน วาดไปทางอเล็กซ์ เมื่ออเล็กซ์เห็นอย่างนี้จึงรีบหันปลายปืนไปทางมังกร แต่เหมือนจะสายไป

เมื่อมังกรใช้พลังเวทย์ขึ้น มีวงเวทย์สีเทาล้อมรอบอเล็กซ์ อเล็กซ์คิดจะหนีแต่ก็ช้าไปแล้ว เพราะขาของอเล็กซ์ก้าวไม่ออกเหมือนมีอะไรซัอย่าง        มาพันธนาการขาของตนไว้

        เมื่อมังกรวาดขาอีกรอบ คราวนี้วงเวทย์สีดำที่ใหญ่กว่าวงเวทย์สีเทาก็ปรากฏขึ้น แสงของวงเวทย์เริ่มเปล่งประกายจนมองไม่เห็นคนที่อยู่ใน วงเวทย์ กระแสพลังที่มิวทูรู้สึกได้นั้นมันยิ่งใหญ่มาก จนผ่านไปซักพัก แสงของวงเวทย์เริ่มจาง บอสในความทรงจำหันไปรอบๆห้อง

มันดูแปลกๆพิกล จนเมื่อบอสในความทรงจำเห็นอเล็กซ์ที่เหมือนใช้แขนบังตาอยู่ เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อเล็กซ์กลับไม่ขยับไปไหน

        {ไม่ต้องห่วงหรอก... แค่หยุดเวลาเท่านั้นเอง} มังกรตนนั้นพูดโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วหันมาคุยกับบอสในความทรงจำที่มึน

จนทำอะไรไม่ถูก

        {เรามาเข้าเรื่องดีกว่า ร่างกายนี้ทนได้อีกไม่นานแล้ว ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อมามอบของบางอย่าง... ที่ฉันไม่คิดเลย

ว่าจะมอบให้มนุษย์โลก...}มังกรตนนั้นพูดเสียงเศร้าสร้อย แต่ยังคงความน่าเกรงขามเอาไว้

        {รับไปสิ} มังกรตนนั้นยื่นขาหน้าข้างขวามาหาบอสในความทรงจำ มิวทูจึงรีบวิ่งเข้าไปดูว่า มันคืออะไรกัน... บอสในความทรงจำหยิบขึ้นมาดู

มันเหมือนลูกแก้วขนาดใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อยสองลูก แต่ที่บอสในความทรงจำเริ่มรู้สึกไม่ดี ก็ในลูกแก้ว  มันมีลวดลายเหมือนนัยน์ตาของมังกรเลย...

        {มันคือนัยน์ตามังกร... เป็นสิ่งล้ำค่าของมังกรที่จะมอบให้ใครคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติครบถ้วน... แล้วแต่ว่าใครจะได้นัยน์ตามังกรประเภทไหน...} มังกรอธิบาย ซึ่งระหว่างอธิบายนั้น ลูกมังกรก็อ้อนมังกรใหญ่ มิวทูที่ดูอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้

        {แล้วนี่คือนัยน์ตามังกรประเภทไหนหละครับ} บอสในความทรงจำถามอย่างสุภาพ

        {มันคือนัยน์ตาเวทย์ หนึ่งในสี่นัยน์ตามังกรของโลก}

ลองจัดตัวหนังสือแบบนี้ดู ถ้าคิดว่าเวิร์คจะจัดตัวหนังสือแบบนี้ต่อ ถ้าไม่เวิร์คก็จะจัดแบบเดิม^^"

คิดว่า ตอนนี้จะเป็นตอนที่ผมแต่งนานมาก เพราะตัวหนังสือเยอะใช้ได้ เลยคิดหนักนิดนึง= ="

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 40

      {...} บอสในความทรงจำยืนอึ้งอยู่ซักพัก เพราะไม่รู้เหตุผลว่าให้ตนทำไม

      {แล้วคุณสมบัติที่ว่าหล่ะครับ...} บอสในความทรงจำถามขึ้น โดยที่มังกรก็เดินไปหาอเล็กซ์ จ้องอเล็กซ์ซักพัก แล้วจู่ๆ วงเวทย์สีน้ำเงินก็โผล่ออกมา แต่น่าแปลก ที่บอสในความทรงจำรู้สึกคุ้นเคยพลังนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

      {คุณสมบัติในการครอบครองนัยน์ตาเวทย์คือ ต้องเป็นคนที่เคยแตะต้องมังกรอย่างน้อยสามสิบนาที เคยเห็นและสัมผัสเวทย์มาก่อน และ

ความพึงพอใจของมังกร... เพราะเจ้าช่วยเหลือลูกของข้า ข้าเลยใช้พลังเวทย์ชนิดหนึ่งเรียกลูกมังกรมาหาข้า ระหว่างนั้นข้าก็เตรียมวาดวงเวทย์

เมื่อเจ้าเข้ามาในอาณาเขตนี้ เวทย์จะทำงาน เป็นเวทย์ที่ไม่มีผลอะไรเลย นอกจาก ขู่อีกฝ่ายเท่านั้นเอง} คำอธิบายของมังกรยาวเหยียดจนบอสในความทรงจำแถบจะบ้า เพราะไม่คิดว่าแค่เจอลูกมังกรโดยบังเอิญ ก็สามารถได้ของแบบนี้มาได้

      {แล้ววิธีการใช้หล่ะครับ} บอสในความทรงจำถามขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่มังกรใช้พลังส่งให้อเล็กซ์ถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น เพราะดูเหมือนเจ้าตัว(มังกร) จะรู้สึกรำคาญที่เห็นอเล็กซ์

      {ต้องทำพันธะสัญญาก่อน... แต่เจ็บนิดนึง} มังกรตอบขึ้นมา ทำให้บอสในความทรงจำรู้สึกเสียวสันหลัง เมื่อถ้าจะทำจริงๆ คงเจ็บแหงมๆ

      แต่เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก ร่างของมังกรตัวนั้นก็เริ่มที่จะเปล่งแสงออกมา ร่างมังกรเริ่มที่จะกลายเป็นผงบางอย่างที่บอสในความทรงจำไม่เคยเห็น

      {…เวลาหมดแล้วสินะ...} มังกรเปรยขึ้นมา ปีกของมังกรเริ่มที่กลายเป็นผงละออง ผงละอองก็เริ่มปลิวไสวเพราะสายลมที่พัดผ่านมา

      {ไม่จริงน่า...} บอสในความทรงจำกับมิวทูที่ดูเหตุการณ์ก็ครางขึ้นพร้อมกัน ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ามังกรตนนี้กำลังจะจากไปตั้งนานแล้ว

      {จริงๆฉันอยู่มานานแล้ว แต่ฉันใช้เวทที่ทำให้ฉันมีชีวิตนานขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยกฏข้อหนึ่ง นั่นก็คือ... ห้ามให้ใครเห็นแม้แต่ครั้งเดียว...}

ส่วนขาซ้ายของมังกรก็เริ่มที่จะกลายเป็นผง ลูกมังกรที่เห็นแล้วน้ำตาก็เริ่มคลอ

      {ไม่ต้องห่วงหรอกลูก... ร่างกายพ่อแค่จะหายไป...กลายเป็นผงเวทมนต์ แต่จิตใจพ่อก็ยังอยู่กับลูกเสมอ...} มังกรพูดกับลูกมังกร ทำให้

ลูกมังกรที่น้ำนาคลอก็กลายเป็นว่าน้ำตาไหลออกมา

      {ส่วนเธอ... ไม่ต้องเป็นฉันห่วงหรอก ร่างกายฉันแค่กลับไปรวมสู่อากาศเท่านั้น ส่วนจิตใจยังคงอยู่ เพื่อรอคนที่เหมาะสมกับนัยน์ตามังกรต่อไป...} ร่างกายมังกรเริ่มหายไปเกือบหมด เหลือแต่ส่วนปีกขวาและขาขวา

      {ส่วนวิธีการใช้นั้น... ลองเพ่งจิตกับนัยน์ตามังกรดูสิ...} เป็นคำพูดสุดท้ายที่บอสในความทรงจำกับมิวทูที่ได้ยิน เพราะตอนนี้มังกรหายกลายเป็นผงเวทมนต์หมดแล้ว

        มิวทูก็หันไปหาบอส เห็นบอสเหมือนกำลังซึมเรื่องไรบางอย่าง มิวทูจึงเดาได้เลยว่าเรื่องอะไร ตอนนี้ในใจบอสคงตำหนิตัวเองอยู่สินะ

ว่าเพราะตนทำให้มังกรตนนั้นสลายไป

      “อย่าโทษตัวเองเลย บอส... ถ้าเธอไม่เจอมังกรตัวนั้นพร้อมกับลูกมังกร ความหวังที่มังกรตั้งไว้ก็ไม่มีทางเป็นความจริงได้หรอก...” มิวทูเดินเข้ามาปลอบ

      “...อีกอย่าง มังกรตนนั้นไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะหายไปจากโลก แถมยังบอกด้วยว่าจิตใจยังคงอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก...” มิวทูพูดไปซักพัก บอสถึงฝืนยิ้มได้... แม้เพียงเล็กน้อย

      “นั่นสินะฮะ...”

      {...แล้วจะเอายังไงต่อละ...} บอสในความทรงจำพูดกับตนเอง เพราะไม่รู้แล้วว่าตนต้องไปที่ไหนต่อ ขืนเดินมั่วๆเข้า สถานการณ์อาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม

      {กิ้ว~} ลูกมังกรส่ายหัวเพื่อไล่ความโศกเศร้าทิ้ง แล้วร้องออกมาให้ตามไป

      {แต่ทางนั้น... กลิ่นเลือดมันแรงนะ} บอสพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่ก็ตามไป...

_________________________________________________________________

หญิงชราที่รออยู่ที่ห้องทางด้านซ้าย เมื่อรู้สึกว่าพลังเริ่มหายไป ทำให้ตนคิดหนักขึ้น... หรือว่าเด็กคนนั้นไปเจอเข้าจริงๆ... ขอร้อง... อย่าให้ได้นัยน์ตามังกรเลย... ไม่อยากให้ใครเสียไปเพราะสิ่งนี้อีกแล้ว...

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 41

        หลังจากที่เบต้าเข้าประตูซักพัก(ลืมกันยัง) เบต้าเปิดประตูออกมาก็เจอเด็กผู้ชายนั่งขัดสมาธิโดยที่มือยกคฑาตั้งฉากกับพื้น มีวงเวทย์สีฟ้าที่เบต้าไม่เคยเห็นกินบริเวณกว้าง โดยครอบคลุมทั้งเด็กผู้ชายและมิวทู เบต้ากำลังจะเข้าไปในนั้นโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่มือจากข้างหลังก็ดึง(กระชาก)ออกมาไม่ให้เข้าไป

      “เฮ้ย!” เบต้าโดนดึง(กระชาก)จนต้องมองไปข้างหลัง ว่าใครดึง(กระชาก)ตนกันแน่ แต่เมื่อหันไปแล้ว แรงที่จะด่าก็ลดลงไปครึ่งกันเลย

      “ทำไม... นี่คิดจะด่ากันใช่ไหม...” เชสต้าถามเสียงเย็นอย่างรู้ทัน โดยที่ข้างหลังก็มีฟรีซเซียร์ตามมา

      “ปะ...เปล่าครับพี่เชส แล้วนี่จะมาทำไมหรอครับ” เบต้าพูดเสียงสุภาพทันที แต่ก็อดที่จะกังวลมิวทูไม่ได้

      “ไม่เห็นหรอ บนหัวของบอสมีอะไรอยู่” เชสต้าชี้ไปข้างบนหัวของบอส ซึ่งเบต้าก็หันไปตามที่เชสต้าชี้

      “กลุ่มควันดำนั่นคืออะไร...” เบต้าพึมพำคนเดียว แต่ก็เตรียมงัดพลังออกมา

      “อย่าใช้พลังตอนนี้ เพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มควันคืออะไร แต่ที่แน่ๆ มันเล็งบอสตั้งแต่ต้น แสดงว่าบอสอยู่ในอันตรายแล้ว แถมตอนนี้ก็ไม่มีทางที่บอสคิดจะป้องกันตัวด้วย...” เชสต้าเอ่ยเสียงเครียดทันที

____________________________________________________________________

ในความทรงจำ

        บอสในความทรงจำวิ่งตามลูกมังกรโดยที่ไม่รู้ว่าตนกำลังจะเจอกับอะไร แต่ลางสังหรณ์ก็บอกว่า ให้ตามลูกมังกรตนนั้นไป มิวทูและบอสก็ตามไปด้วยเพื่อสังเกตุการณ์ แต่บอสที่ยิ่งวิ่งไปในนั้น สีหน้าก็เริ่มเครียดขึ้นโดยที่มิวทูไม่ทันสังเกตุ

        เมื่อบอสในความทรงจำไปจนสุดทาง เห็นหญิงชรากำลังนั่งบนเก้าอี้ซึ่งไม่น่าจะมีอยู่ในนี้ได้ สายตาของหญิงชราที่มองมาหาบอสในความทรงจำเศร้าสร้อยจนบอสในความทรงจำหยุดตามลูกมังกรแล้วถามหญิงชรา

      {ทำไมมานั่งในที่แบบนี้หละครับ...} เสียงของบอสในความทรงจำดังขึ้น ทำให้ลูกมังกรที่วิ่งนำหยุดชะงักแล้ววิ่งกลับมาหาบอสในความทรงจำ หญิงชราที่ได้ยินคำถามนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้

      {แล้วทำไมถึงถามแบบนั้นหละ} น้ำเสียงของหญิงชรานั้น ฟังแล้วเสนาะหูซึ่งไม่น่าเข้ากับวัยสูงอายุเลย

      {ก็...} บอสในความทรงจำถึงกับพูดไม่ออก ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถามแบบนั้น หญิงชราคนนั้นอาจจะมาร้ายก็ได้

      {กิ้ว กิ้ว~} เสียงของลูกมังกรทำให้บอสในความทรงจำหลุดจากห้วงความคิดของตนเอง แล้วหันไปมองลูกมังกรที่เหมือนจะพยายามบอกว่าให้ตามมันไป แต่เมื่อบอสในความทรงจำจะเดินตามลูกมังกรไป หญิงชราก็พูดขึ้น

      {แน่ใจเหรอ ที่จะไปทางนี้...} หญิงชราพูดขึ้นเหมือนจะเพื่อต้องการความมั่นใจ ว่าจะไปทางนี้จริงๆนะ

      {แล้วทางนี้มันมีอะไรหละครับ} บอสในความทรงจำถามกลับออกไป แต่หญิงชราก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า

      {ถ้าเธอจะไปก็ไปเถอะ แต่ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ...} หญิงชราพูดจบ น้ำตาของหญิงชราก็เริ่มที่จะไหล ทำให้บอสในความทรงจำยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่เหมือนหญิงชราจะไม่สนใจแล้วเดินจากไป... เด็กคนนั้นคงไม่เป็นไรหรอก... แต่จิตใจของเด็กคนนั้นจะรับไหวหรอ... ขืนเดินไปเข้าในนั้น...

      {กิ้ว กิ้ว กิ้ว กิ้ว~~} เสียงลูกมังกรดังขึ้นหลายครั้ง ทำให้บอสในความทรงจำรีบวิ่งไปหา จนไปถึงประตูบานหนึ่ง เหมือนลูกมังกรอยากเข้าไป แต่ความรู้สึกแปลกๆที่หลั่งไหลออกมาจากประตูทำให้บอสในความทรงจำรู้สึกคลื่นไส้ และเมื่อบอสเปิดประตูออกมา กลิ่นเลือดก็แผ่ออกมา กลิ่นสาบทำให้บอสรู้สึกแย่กว่าเดิม แต่ห้องมืดมากจนมองอะไรไม่เห็น บอสจึงคิดว่าน่าจะมีสวิตส์ไฟอยู่แถวๆกำแพงข้างประตูจึงลองแตะที่ผนังไปเรื่อยๆจนเจอสวิตส์เปิดไฟ

        เมื่อไฟในห้องเปิดออก สิ่งที่พบก็ทำให้มิวทูแทบอ้วกออกมา

        ในห้องเต็มไปด้วยเลือด... เลือดของสัตว์ต่างๆคละคลุ้งเต็มไปหมด ซากสัตว์ที่โดนทรมานต่างๆก็โดนกองเป็นภูเขา เครื่องมือทรมานก็ยังมีสัตว์บางตัวตายคาที่ ตั้งแต่หนูยันสิงโตก็เห็นเกลื่อนกลาดในสภาพที่ตายแล้ว แต่ดูเหมือนยังมีอีกห้องที่บอสในความทรงจำต้องเข้าไป

        ลูกมังกรที่เห็นแล้วทำหูลู่ลงมา น้ำตาของลูกมังกรก็เริ่มไหลออกมาเพราะทนเห็นเหล่าสัตว์ต่างๆตาย แต่ลูกมังกรก็ได้ยินเสียงแว่วๆดังออกมาจากประตูบานนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไป ทำให้บอสต้องวิ่งตามไปด้วย แต่นั่นทำให้บอสในความทรงจำคิดผิด ที่แอบดูตรงช่องประตู

        สิ่งที่เห็นอย่างแรกเลย กวางกำลังโดนผ่าตัดแบบสดๆทั้งๆที่กวางก็ยังไม่สลบเลย เสียงร้องของสัตว์ดังออกมาในห้องนั้นอย่างทรมาน มิวทูที่ยังไม่ได้เข้าไปดูก็ได้ยินทำให้รู้สึกเสียวสันหลังมายิ่งขึ้นจึงรีบวิ่งเข้าไปดู แต่นั่นทำให้มิวทูแทบจะอาเจียนออกมา

        ภาพที่มิวทูเห็น คนใส่เสื้อผ่าตัดกำลังใช้มือดึงขาหน้าข้างซ้ายของกวางจนขาด เลือดกวางไหลกระฉูดออกมาจากปากแผล เสียงร้องของกวางทำให้บอสในความทรงจำต้องเมินหน้าหนี มิวทูที่เห็นแล้วก็เริ่มขาดสติ ทำให้บอสรีบเปลี่ยนภาพความทรงจำกลายเป็นสีดำ

      “เข้าใจรึยังครับ ว่าทำไมผมถึงไม่อยากให้เห็น...” บอสพูดในขณะที่มิวทูเอามือกุมปากไว้

      “ละ... แล้วหลังจากนั้นหละ...” เมื่อมิวทูทำใจได้แล้วก็ถามกลับ

      “ผมทำพันธะสัญญากับนัยน์ตามังกร แล้วถล่มคฤหาสน์แบบทีเดียวจบ แต่ก่อนหน้านั้นผมไปเจอกับหญิงชราเข้าเลยพาหญิงชราหนีมาด้วย” บอสหลับตาตอบ เพราะใช้พลังในการสร้างมิติความทรงจำขึ้นมาใช้พลังมากเกินไป

      “แล้วหญิงชราไม่โกรธหรอ”

      “หญิงชราไม่โกรธหรอก แถมดีใจด้วยซ้ำ เพราะหญิงชราอยากออกจากที่นั่นมาก แต่เหมือนโดนกักขังไม่ให้ไปไหน ตอนนี้คงอยู่กับญาติของหญิงชราแล้วหละ” บอสตอบโดยที่มือกุมแขนข้างซ้ายไว้ เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ

      “แล้ว... บอสระวัง!!” มิวทูที่กำลังจะพูดก็เห็นเงาดำๆลอยเหนือบอส ทำให้บอสตกใจเล็กน้อยเมื่อโดนตะคอกใส่ แต่กว่าบอสจะรู้สึกตัวก็ช้าไปแล้ว เพราะจู่ๆแขนซ้ายของบอสก็โดนบิดจนแขนหัก เข้าเจ็บปวดเริ่มเข้ามาแทนที่ความตกใจ ทำให้มิติที่บอสสร้างขึ้นพังทลาย จนกลับมาสู่ที่

บ้านมิวทู

_______________________________________________________________

บ้านมิวทู

        เบต้า เชสต้ากับฟรีซเซียร์ที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็เห็นแขนของบอสที่จู่ๆก็บิดจนแขนหักดังกร๊อบ และเมื่อบอสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

มิวทูก็ได้สติขึ้นมา

      “กะ...เกิดไรขึ้น...” เชสต้าเดินเข้ามาถามมิวทูโดยที่ยังคงความสงบเอาไว้

      “ไม่รู้สิ... แต่ดูเหมือนสิ่งที่อยู่บนหัวของบอสจะเป็นคำตอบที่ดีนะ...” มิวทูชี้ไปบนหัวของบอสที่มีกลุ่มควันดำๆ แต่ก็มีตุ๊กตาฟางที่มีลักษณะแปลกไป...

        แขนซ้ายของตุ๊กตาฟางถูกบิดออกไป มันเหมือนกับบอสมาก แต่ความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มเข้า เมื่อท้องของตุ๊กตาฟางเริ่มมีอาการแปลกๆ และทันใดนั้น ท้องของตุ๊กตาฟางก็เหมือนโดนเจาะ

      “อ๊าก~~~” บอสร้องออกมา เลือดของบอสก็ไหลออกมาจากท้อง บอสเริ่มอาเจียนเป็นเลือด แต่ก็ยังคงประคองสติเอาไว้ รวมพลังเฮือกสุดท้ายจากแขนขวาที่กดแผลเอาไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมา และปล่อยออกมาเป็นลำแสงสีขาวทำลายตุ๊กตาฟางที่อยู่บนหัวจนสลายไป กลุ่มควันก็สลายไปด้วย

      “มิวทู... เทเลพอร์ท... เดี๋ยวนี้!!” เชสต้าสั่งมิวทูด้วยเสียงทรงอำนาจ ทำให้มิวทูใช้เทเลพอร์ทขั้นสูงสุด ทำการเคลื่อนย้ยทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ไปสู่มิติแห่งเทพ

_______________________________________________________________________

มิติแห่งเทพ

        เมื่อมิวทูเทเลพอร์ทเสร็จ เชมี่ที่เดินออกมาจากห้องโดยบังเอิญก็เห็นบอสกำลังบาดเจ็บจึงรีบใช้พลังใส่บอสไม่ให้เลือดไหล

      “มิวทู รีบเรียกเครซเซอเรียออกมา ด่วนเลย” เชมี่สั่งมิวทู

      “ค่ะ...” มิวทูรับคำสั่งเสร็จก็วิ่งตรงไปยังห้องเครซเซอเรีย

      “เครเซีย มานี่ด่วนเลย” มิวทูเปิดประตูห้องโดยไม่เคาะก่อนเห็นเครซเซอเรียกำลังจะล้มตัวนอน จึงรีบคว้าตัวเครซเซอเรียไว้ แล้วรีบวิ่งไปที่

ห้องพยาบาลโดยไม่ฟังคำถามของเครซเซอเรียเลย

        แต่เมื่อถึงห้องพยาบาล เครซเซอเรียก็ตกใจทันที เพราะที่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ป่วยมีรูพรุนตรงกลาง ถึงแม้ว่าจะห้ามเลือดแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะรอด

รึเปล่า จึงใช้พลังแสงจันทร์เพื่อรักษา

        “มูนไลท์ (MoonLight)!!” ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันแรม15ค่ำ แต่แสงจันทร์กลับแผ่ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ รูพรุนตรงท้องของบอสก็เริ่มที่จะสมานแผลไปทีละนิด ส่วนเชมี่ก็ใช้พลังจากพฤกษา เรียกเถาวัลย์ออกมารัดแขนซ้ายของบอส ซักพักเถาวัลย์เริ่มเปล่งแสงสีเขียวอ่อน แล้วเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวประกายเจิดจ้า จนแขนซ้ายของบอสกลับเป็นปกติเหมือนไม่ได้โดนบิดมาก่อน

        เมื่อเวลาผ่านไป เชมี่กับเครซเซอเรียก่อนเดิน(ลอย)ออกมา ราเทียนที่ทำหูลู่ก็วิ่งเข้าไปดูบอสทันที จนเชมี่อดขำไม่ได้

      “อาการเป็นไงบ้าง” เชสต้าถามเชมี่ด้วยท่าทางและคำพูดที่ใจเย็น

      “ไม่เป็นไรแล้วหละ แต่เสียเลือดมากไป จึงต้องนอนไปซักพัก... แต่ถามหน่อยเถอะ...” เชมี่พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อเชมี่พูดอีกคำ

      “ใครเป็นคนทำแบบนี้...” เชมี่พูดด้วยเสียงที่เด็ดขาด แต่ยังคงความหวานของเสียงเอาไว้

      “ไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นพวกมาสเตอเจียแน่ๆ...” เชสต้าพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ ทำให้เชมี่ก็พยักหน้าด้วย เพราะเซนส์ของเชสต้าแม่นมากถึงมากที่สุด

      “…แต่ฉันว่า บอสคงรู้เรื่องนี้ดี ว่าตัวเองโดนอะไรไป... ฉันว่ารอให้บอสฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยซักฟอกละกัน...” เชสต้าพูดกับเชมี่เสร็จก็เดินจากไปยังห้องของตน

Link to comment
Share on other sites

ที่ขยันลงฟิคตอนใหม่ทุกวัน เพื่อลงตอนนี้ วันนี้เท่านั้น :pika10:

บทที่ 42

        รุ่งเช้า บอสตื่นมา 6.10น. ถ้าจำไม่ผิด ตัวเองน่าจะอยู่ที่ห้องพยาบาล แต่ว่าตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย... เตียงที่นอนโครตนุ่ม ห้องที่ดูหรูหรากว่าคฤหาสน์ที่เคยถล่ม พื้นห้องที่ขัดจนเงาเหมือนมันจะสะท้อนเป็นภาพตัวเองได้ แต่เมื่อบอสเห็นแสงยามเช้า ก็ทำให้สลัดความคิดทั้งหมดออกไป แล้วลองมองออกไปดูข้างนอก

        ภาพที่บอสเห็นคงไม่มีวันได้เห็นอีกแน่ เป็นภาพทิวทัศน์ที่บอสคิดว่าสวยที่สุดที่เคยเห็นมา แสงอาทิตย์ในยามเช้าที่โดนภูเขาบัง

แต่ก็ยังโผล่มาส่วนหนึ่ง แสงประกายระยิบระยับจากท้องทะเล ฝูงนกคยาโมเมะ(Wingull) ที่บินตามเปลิปเปอร์(Pelipper) อยู่เหนือท้องทะเล

        แต่ความคิดทั้งหมดของบอสก็แทบดับ เมื่อเจอสายตาเย็นๆของใครบางคนที่อยากจะซักฟอกมานานแล้ว แต่เห็นบอสตื่นแล้วไม่สนใจ

ทำให้สายตายิ่งเย็นเข้าไปใหญ่

      “ว่างมากหรอ ถึงได้ชมวิวเล่น...” เสียงเย็นๆของเชสต้าดังขึ้นทำให้เรียกเหงื่อของบอสได้เป็นอย่างดี ในใจบอสก็คิดว่า ซวยแน่ตรูT^T

      “แล้ว...พี่เชสต้ามาทำไรอยู่ตรงนี้หรอฮะ แล้วที่นี่ที่ไหนหรอฮะ” บอสรีบถามก่อนเลย เผื่อเวลาโดนถามจะได้โดนถามน้อยลง

      “ฮะ ฮะ ฮะ อยู่ได้ เวลาพูดกับผู้ใหญ่ก็ ครับ สิ” เชสต้าดุจนบอสแทบจะสะดุ้งออกมา

      “คะ...ครับ” บอสพูดเสียงอ่อย

      “ขอซักฟอกหน่อยละกัน...รู้ใช่ไหมว่าตัวเองโดนอะไรไป” เชสต้าถามขึ้นทำให้บอสงงไปซักพัก แล้วก็อ๋อขึ้นมา

      “ถ้าเป็นตอนนั้นละก็ โดนคำสาปครับ...” บอสตอบอย่างมั่นใจ

      “...คำสาป...” เชสต้าเมื่อได้ยินคำนี้ก็เริ่มที่จะคิดหนัก

      “คำสาปนี้ มาจากโลกของผมแน่ เพราะผมเคยเห็นในการ์ตูนมาก่อน แต่ไม่มีตุ๊กตาฟางบนหัวนะครับ…” บอสหลับตาอธิบาย นึกชื่อคำสาปที่

น่าจะเป็นไปได้

      “ถ้าจำไม่ผิด ชื่อคำสาปคือ ตุ๊กตาวูดู... เป็นไสยศาสตร์ชนิดหนึ่ง…” เมื่อบอสพูดถึงตรงนี้ เชสต้าก็รีบเบรกขึ้นมาทันที

      “แปปนะ ไสยศาสตร์คืออะไร...” เชสต้าถามขึ้นทำให้บอสคิดได้เลย ว่าที่โลกนี่คงไม่มีใครรู้จักไสยศาสตร์ชัวร์

      “ไสยศาสตร์คือ ศาสตร์ที่เกี่ยวกับเวทมนต์... ไม่ใช่เวทอย่างที่ผมใช้แน่ครับ เพราะเวทมนต์ที่ว่าคือ มนต์ดำ จึงมีการเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

‘ศาสตร์มืด’ จะมีจริงหรือไม่มีจริงก็แล้วแต่คนเชื่อ แต่จากที่ผมโดน คงต้องเชื่อแล้วหละครับ” บอสหัวเราะแหะๆ แต่เชสต้าก็คิดหนักยิ่งขึ้น

      “ไสยศาสตร์ ที่ผมอ่านมา มันมีอยู่สองนิกาย คือ นิกายขาว และ นิกายดำ... นิกายขาวใช้ในทางที่ดี ส่วนนิกายดำใช้ในทางที่ร้าย ประมาณว่า

สาปแช่งทำนองนี้... ส่วนตุ๊กตาวูดูที่ผมบอก มันเป็นน่าจะเป็นการลงเวทมนต์ชนิดหนึ่งใส่ตุ๊กตาฟาง โดยมีสิ่งสิ่งหนึ่งอยู่ข้างในตุ๊กตาฟางซึ่งต้องเป็นของคนที่สาปแช่ง ถ้าตุ๊กตาเป็นอะไร คนที่โดนสาปแช่งก็ต้องโดนไปด้วย... ตอนนั้นพี่เชสต้าเห็นแขนซ้ายของตุ๊กตาฟางโดนบิดใช่ไหมครับ ผมเลยโดนบิดไปด้วย... และถ้าหัวของตุ๊กตาขาดละก็...” บอสไม่อยากพูดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น

      “หัวของคนถูกสาปก็จะขาดไปด้วยสินะ...” เชสต้าเริ่มเข้าใจบ้างแล้ว

      “แล้วก็...อย่าคิดว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายๆนะครับ เพราะถ้าคนทำเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ผลลัพธ์ก็จะสะท้อนกลับเข้าหาตัวผู้ใช้เองและความเจ็บปวดก็จะยิ่งกว่าการตายนะครับ...ตอนนั้นผมได้ทำลายไปแล้ว ผู้ใช้คง...” บอสพูดแค่นี้สีหน้าก็ยิ่งแย่ลง เมื่อตนรู้ดีว่าฆ่าคนทางอ้อม...ถึงแม้เพราะ

ป้องกันตัวเองก็เถอะ

      “ไม่เป็นไรน่า ถ้าเธอไม่กำจัดคำสาปในตอนนั้น เธอก็คงไม่ได้อยู่ตรงนี้หรอก...” เชสต้าพูดในเชิงบวกให้ แต่ที่บอสคิดคือ

กำลังแช่งอยู่ใช่ไหม= =”

      “อย่าคิดมากแล้วลงไปข้างล่างซะ...” เชสต้าพูดสั่งแกมบังคับขึ้น ทำให้บอสลุก ขึ้นมาแล้วทำตามคำสั่ง

      “แล้วที่นี่ที่ไหนหรอครับ...” บอสนึกขึ้นได้จึงรีบถาม

      “ปราสาทของฉันเอง!!”

____________________________________________________

        เมื่อบอสเดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดว่าตนเองเริ่มหลงทาง แต่ก็ยังเดินต่อไป ซักพักเห็นป้ายลูกศรจึงเดินตามนั้นแหละ เมื่อเดินไปซักพักก็ถึง

ห้องอาหาร

        บอสเปิดเข้าไปก็เกิดความประทับใจขึ้น ที่เปิดประตูก็ได้ยินเสียง ปัง พร้อมกับริบบิ้นพุ่งเข้าใส่บอส เมื่อบอสดูดีๆ เห็นแผ่นป้ายอันใหญ่เขียนด้วยภาษาชินวะ และแน่นอน บอสเรียนภาษาของโลกนี้จนใช้คล่องแล้ว

        ป้ายเขียนไว้ว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’ เต็มป้ายทำให้บอสสงสัยขึ้น... นี่วันเกิดใครเนี่ย จัดงานซะใหญ่โตเลย แต่ความสงสัยของบอสก็หมดไป

เมื่อเสียงหวานของเชมี่ดังออกมา

      “สุขสันต์วันเกิดนะบอส...” เพราะคำพูดนั้น ทำให้บอสงงเข้าไปใหญ่ รู้ได้ไงเนี่ย แสดงว่าไปตรวจสอบข้อมูลของเราจนหมดเปลือกแล้วสิเนี่ย

= =”

      “...ครับ...” บอสได้แต่อึ้งกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าคนที่จะมาที่นี่ใหม่ๆแต่ก็ได้รับความเป็นมิตรอย่างดี ทำให้บอสรู้สึกอบอุ่นไม่น้อย

      “...แต่ตอนกลางวันผมไม่อยู่นะ เพราะผมจะกลับบ้าน...” เมื่อบอสพูดถึงบ้านขึ้น เหล่าเทพทั้งหลายก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า

      “ไปด้วยๆๆ” เทพทุกตนไม่เว้นแต่อัลเซอุสก็เป็นไปด้วย จนทำให้บอสกุมขมับเล็กน้อย

      “เอ่อ... จะไปทำไมครับ” บอสพูดขึ้นมา แต่ในใจคิดอย่างเดียว ว่างมากหรอ งานไม่มีรึไงเนี่ย= =”

      “อยากเห็นโลกอื่นด้วยหนิหน่า ไปด้วยกันนะ มิวทู~” ฟรีซเซียร์เดินเข้ามาหามิวทูทำท่าเหมือนจะชวนให้ไปด้วย

      “ทะ... ถ้าเบต้าไปด้วย... ฉันก็ไปเหมือนกันนะ” มิวทูพูดด้วยเสียงเขินเล็กน้อย หน้าแดงหน่อยๆ

      “ไปก็แล้วกัน” เบต้าพูดออกมา

      “ถ้าจะไปละก็ ช่วยทำให้ร่างจากโปเกมอน กลายเป็นร่างมุนษย์ก่อนเถอะครับ ไม่อยากออกข่าวหน้าหนึ่งบนดาวเอิร์ธ...” บอสตอบในขณะที่ยิ้ม

เจื่อนๆ เพราะคิดว่าถ้าไม่บอกแบบนี้ คงไปในสภาพโปเกมอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เทพบางตนอย่างอุซี่ก็เลยขอไม่ไปละกัน ทำให้เมสปริตท์กับอาเซฟล์

ไม่ไปด้วย

        “ก็ได้ๆ” ฟรีซเซียร์ก็แปลงร่างเป็นร่างมนุษย์คน(ตัว)แรก กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ผมสีฟ้ายาวถึงกลางหลัง ตาสีแดงที่ตัดกับผมสีฟ้า ส่วนเรื่องความสูง มิวทูสูงกว่านิดหน่อย

        พอฟรีซเซียร์แปลงร่าง ทำให้คนอื่นเริ่มที่จะแปลงร่างตามไปด้วย และแต่ละคนที่ออกมาเป็นร่างมนุษย์ทำให้บอสคิดหนักไปอีก

        ‘พอเป็นโปเกมอนก็โครตเด่น แต่พอเป็นร่างมนุษย์ก็โครตดูดี มันทำให้ยิ่งเด่นกว่าเดิมเปล่าเนี่ย’ บอสนึกสนุกในใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร

เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาเวลาที่คนบนโลกเห็นคนหน้าตาดีโครตๆมาอยู่แถวนี้ คงจะนึกไม่ออกว่าจะรอดไหมเนี่ย

      “คนที่จะไปก็มีพี่อัลเซอุส พี่เชมี่ พี่เครซเซอเรีย พี่ดาร์คไร พี่พัลเกีย พี่ไดอาเกีย พี่เซคร่อม พี่เรซิรั่ม พี่มิวทู พี่เบต้า พี่เชสต้า แล้วก็เจ้าวิคตินี่ด้วย... เยอะจังแหะ” บอสพูดรายชื่อทั้งหมด แต่เหมือนวิคตินี่จะไม่พอใจเล็กน้อย

      “ทำไมมีแต่ข้าที่เจ้าเรียกว่า ‘เจ้าวิคตินี่’ ข้ามีอายุมากกว่าเจ้าอีกนะ” วิคตินี่โวยวายเล็กน้อยตามประสาเด็ก(= =”)

      “งั้นลองแปลงร่างเป็นมนุษย์หน่อยสิ” บอสนั่งยองๆแล้วยิ้ม วิคตินี่เลยทำตามที่บอสบอก

        เมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์ ออกมาเป็นเด็กชายผมแดงเหลือง หน้าตาที่บอกได้คำเดียว เจ้านี่โดนเล็งมากที่สุดชัวร์ เพราะรัศมีโชตะแผ่โครตๆ

แต่ก็น่าสนุก

      “ถ้าครบแล้ว เดี๋ยวผมจะเคลื่อนย้ายไปหน้าบ้านผมเลยนะ” บอสพูดเป็นเชิงให้เตรียมตัว

      “3...2...1... Warp Portal!” บอสรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ แล้วกางมือออก พลังที่รวมไว้ก็แผ่ขยายออกมาพอที่จะครอบคลุมคนทั้งหมด เมื่อบอส

สลายพลัง ทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตก็ถูกเคลื่อนย้าย...

_____________________________________________________________

ณ ดาวเอิร์ธ

        เมื่อเคลื่อนย้ายมาที่โลก สิ่งที่มิวทูเห็นอย่างแรกเลยคือบ้านสองชั้น ซึ่งเป็นบ้านปกติทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ พอมองข้างๆเห็นทางสีเทาๆ

มีเส้นตรงสีเหลือง(ถนนนั้นแหละ) เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีคนอยู่ข้างใน(รถยนต์) แล้วก็มีคนขี่อะไรก็ไม่รู้คล้ายๆจักรยาน

(มอไซค์)

        แต่ดูเหมือนบอสจะเข้าไปในบ้านเลย ซึ่งขณะนี้เชสต้าก็รู้สึกไม่ดี เหมือนจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น แต่ก็เข้าบ้านตามบอส

      “แปลกจัง... ทำไมไม่ได้ยินเสียง แบงค์ หว่า” บอสพูดขึ้น ทำให้ทุกคนงง

      “ใครคือแบงค์” อัลเซอุสถามโดยที่มองภายในบ้าน

      “น้องชายฝาแฝดผมเอง” บอสตอบ ทำให้ทุกคนงงอีกครั้ง และเพราะทุกคนงงทำให้บอสงงไปด้วย เพราะคิดว่าทุกคนไปค้นข้อมูลบอสจน

หมดเปลือก ที่ไหนได้ ค้นแค่บางอย่าง แต่ดูเหมือนอัลเซอุสจะพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

      “แต่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงมนุษย์บริเวณนี้เลยนะ...” บอสเริ่มรู้สึกไม่ดี แต่เสียงของมิวทูก็ดังขึ้น

      “บอส มานี่ด่วนเลย ฟรีซเซียร์ลองเข้าห้องรับแขกแล้วมันเป็นแบบนี้” บอสรีบเดินตามมิวทูไป แต่นั่นทำให้บอสแทบจะบ้า

        สภาพห้องรับแขกเละไม่มีชิ้นดี มีเค้กที่เละอยู่พอให้รู้ว่า ตอนนั้นคงกำลังจัดงานรอบอสอยู่แน่ๆ แล้วทำไม...

        บอสเดินเข้าไปข้างใน ทุกคนที่เห็นสภาพนี้ก็เศร้าไปบ้าง แต่เมื่อบอสเห็นกระดาษที่เหมือนจะเป็นแผ่นใหม่ ก็หยิบขึ้นมาดู แต่นั่นทำให้บอส

ขาดสติแล้วจู่ๆก็หายไปจากตรงนั้น

        “บอส!!” ทุกคนวิ่งเข้าไป ไม่เจออะไร แต่เชสต้าที่เห็นกระดาษแผ่นที่บอสดู จึงอ่านดู และแน่นอน...

        “ชิ อ่านไม่ออกเลย...” เชสต้าพูดเจ็บใจ  มิวทูที่อ่านไม่ออกเหมือนกันแต่เห็นภาพๆหนึ่ง

      “สัญลักษณ์นี้... พวกมาสเตอเจียแน่ ฉันเคยเห็นตอนถูกจับบนยานของพวกมัน”

      “ถ้างั้นแย่แล้ว แต่อ่านไม่ออก ทำไงดีเนี่ย” ฟรีซเซียร์เริ่มกังวลมากขึ้น แต่เสียงสวรรค์ของใครหลายคนก็ดังขึ้น

        “ให้ช่วยแปลไหม...” เสียงที่ทุกคนได้ยินทำให้ทุกคนเห็นไปยังต้นเสียง...

        “มาได้ไง ท่านน่าจะอยู่ในมิติแห่งเทพนะ... ท่านมิสซิ่งโน!!!”

ตัวละครได้เปิดเผยแล้ว~~~

:pika10:

Link to comment
Share on other sites

เพิ่มรูปภาพเล็กน้อย=w=

ภาพของราเทียน

zxk2F2.jpg

ภาพของมังกร(พ่อของราเทียน)

hlTJJR.jpg

สองตัวนี้ เอามาจากเกมMonster Hunter นะ =w=

แล้วก็สุดท้าย ภาพบรรยากาศตอนประชุม น่าจะเป็นแบบนี้นะ(แอบขำในใจ เพราะดูแล้วน่ารักไปอีกแบบ=w=)

T8sLN7.jpg

เหมือนจะขาดไปหลายๆตัว แต่ก็ราวๆนี้แหละ

ที่สำคัญเลย

ผมไม่ได้วาดเองน้า ไปเปิดกูเกิ้ลดูเอา= ="

Link to comment
Share on other sites

เจอSSPประชุมแล้วจะรู้

เนื้อหา 20% นอกนั้นนอกเรื่อง

Link to comment
Share on other sites

อาหารค่ำมื้อสุดท้าย ฉบับโปเกมอนนี่หน่า น่ารัก :pika10:

Link to comment
Share on other sites

บทที่ 42

ณ ด้านของบอส

        เมื่อบอสเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังสถานที่ที่ในกระดาษแผ่นนั้นบอก บอสมองไปรอบๆโดยที่สัญชาตญาณเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ที่นี่ต้องไม่ใช่ที่ปลอดภัยแน่

        สถานที่ที่บอสอยู่เหมือนจะเป็นโรงงานร้างที่เมื่อก่อนเป็นโรงงานไฟฟ้า แต่เมื่อเศรษฐกิจปั่นป่วน โรงงานนี้เลยล้มละลายและถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ คงมีคนแอบเข้าไปสร้างอุปกรณ์เพื่อเป็นฐานลับ แต่สงสัยคงไม่ได้เพิ่งสร้างเมื่อเร็วๆนี้

        ภายในโรงงาน ไม่เหมือนโรงงานร้างเลยซักนิด โรงงานถูกประดับด้วยคริสตัลอย่างดีเต็มไปหมด บอสดูแล้วแทบจะหลับตาเพราะแสงสะท้อน

มันเยอะจนปวดตา แต่จู่ๆ มีแสงหนึ่งพุ่งตรงมาหาบอส

        บอสหลบไปข้างๆได้อย่างหวุดหวิด แต่สัญชาตญาณบอกว่ามันยังไม่จบ บอสจึงรีบกางบาเรียครอบคลุมทั้งร่างของบอสไว้ และเสียงสะเทือนก็ดังออกมาข้างหลังบอส

        แสงเลเซอร์ที่บอสหลบได้เมื่อกี้ได้สะท้อนเข้ามาข้างหลังบอส แต่บอสมีบาเรียกันไว้เลยแค่ได้รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน ซึ่งบอสก็พอเข้าใจลางๆได้แล้วว่าทำไมห้องนี้ถึงมีคริสตัลเต็มไปหมด เพราะต้องการให้เลเซอร์ไปสะท้อนกับคริสตัลนั่นเอง

        บอสไม่สนใจเลยรีบวิ่งเข้าไปให้พ้นห้องนี้ ไปเจออีห้องซึ่งแคบมาก ตรงกำแพงมีเศษกระดาษแปะอยู่ บอสจึงรีบเข้าไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู

        แต่แล้ว เมื่อบอสคว้ากระดาษมาอ่าน พบว่ามันแทบจะไม่ปะติดปะต่ออะไรเลย กับดักที่ซ่อนอยู่ตรงกำแพงก็ทำงานโดยที่บอสไม่ทันระวังตัว กลิ่นแก๊สบางอย่างลอยคละคลุ้งไปในอากาศ บอสที่เผลอไปสูดดมเข้าจึงรีบเอามือปิดจมูก บอสจึงรีบวิ่งหนีห้องนั้นไปยังห้องที่ลึกกว่าโดยที่บอสไม่สนใจว่าตัวเองโดนแก๊สอะไรลงไป

        เมื่อบอสเดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกับเงาดำๆเต็มไปหมด และเงาดำๆพุ่งเข้าหาบอส ทำให้บอสต้องหลบอย่างเดียว เพราะกลัวว่าถ้าใช้พลังพร่ำเพรื่อ

เวลาเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินจะไม่มีพลังให้ใช้

___________________________________________________

ณ บ้านบอส

        ผู้มาใหม่เป็นมนุษย์ที่ไม่ปกติ มิสซิ่งโนในร่างมนุษย์นั้นแทบจะบอกได้เลยว่า อย่าแปลงเป็นมนุษย์เถอะ ใครจะไปเชื่อละ ว่าท่านผู้นี้ไม่มีความสามารถในการแปลงร่างเท่าไหร่นักจึงกลายเป็นแบบนี้ ผู้ชายตัวสูงแต่กลับมืดจนมองไม่เห็น เหมือนเงารูปคนที่สามารถเดินได้ /มีรูปประกอบ/

      “ท่านมิสซิ่งโน มาที่นี่ได้ยังไงกันครับ” อัลเซอุสพูดเสียงเข้ม เพราะตัวเองก็กำลังโดดงานอยู่= =”

      “ก็เห็นพวกเจ้ากำลังโดดงานสนุกกันใหญ่ ข้าเลยมาโดดงานบ้าง” มิสซิ่งโนพูดขึ้นทำให้ใครหลายคนสะดุ้งขึ้นมาตามกัน

      “แล้วท่านแปลภาษาของโลกนี้ออกหรอ” พัลเกียรีบเปลี่ยนประเด็น แล้วพูดเสียงจริงจัง

      “แปลออกสิ ก็ข้าเป็นคนเชิญบอสมายังโลกชินวะเลยนะ ถ้าไม่เรียนภาษาที่นี่แล้วข้าจะส่งจดหมายเชิญไปหาบอสยังไง จะให้ข้าส่งเป็นภาพเรอะ” มิสซิ่งโนพูดเสียงเรียบ แล้วมือก็คว้ากระดาษขึ้นมาอ่าน

                      “พวกเราได้จับตัวครอบครัวของแกไว้แล้ว ถ้าแกยังไม่มาสถานที่ที่ข้าระบุไว้ก่อนเที่ยงคืน พวกเราจะฆ่าครอบครัวแกให้หมด

                                                                  สถานที่คือ โรงงานร้างใกล้ๆโรงเรียนของแก”

        ท่านมิสซิ่งโนได้ทำการแปลภาษาให้ทุกคนเข้าใจ แต่ที่ทุกคนยังงงคือ อะไรคือโรงเรียน และมันอยู่ที่ไหนเนี่ยสิ

      “ชักรำคาญละ มิวทู ใช้พลังจิตตรวจจับสายพลังของบอสที ถ้าจับจิตได้ก็รีบพาพวกเราไปหาบอส” เชสต้าสั่งมิวทู แต่มิวทูก็ตอบกลับไป

      “ฉันลองเป็นอย่างแรกเลยคะ แต่เหมือนที่โลกนี้ไม่ยอมรับพลังของพวกเรา แต่จะจับจิตได้ก็ตอนที่บอสใช้พลัง” สิ่งที่มิวทูตอบไปทำให้เทพ

หลายตนเริ่มเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บอสจะใช้พลัง แถมนี่ยังวันเกิดอีก

        “งั้นคงต้องรออย่างเดียวแล้วหละ มิวทูตรวจจับพลังของบอสต่อไปเลยนะ ถ้าเจออะไรเข้าก็รีบเทเลพอร์ตกลุ่มเลย” เชมี่พูดด้วยเสียงจริงจังปนหวานเล็กน้อย ทำให้อัลเซอุสเหม่อเล็กน้อยด้วย

        “งั้นระหว่างนี้เราทำไรกันดีละ” พัลเกียถามด้วยความเบื่อหน่าย

        “นายลองใช้พลังดูสิ เผื่อจะมีคนใช้พลังได้บ้าง” ไดอาเกียตอบกลับในขณะที่ตนกำลังเค้นพลังออกมา

        “ลองแล้ว ไม่ได้เหมือนกัน” พัลเกียก็อลงใช้พลังและไม่ได้ผล แต่พัลเกียก็ยังลองต่อไปจนกระทั่ง...

        “ฉันจับจิตได้แล้ว!!” มิวทูตะโกนขึ้น

        “ฉันใช้พลังได้แล้วด้วย” ไดอาเกียกับพัลเกียพูดขึ้นพร้อมกัน

        “มิวทู เคลื่อนย้ายพวกเราเลย!” เชสต้าสั่ง

        “เทเลพอร์ท!!” มิวทูใช้พลังครอบคลุมทุกคนแล้วก็หายไป...

_____________________________________________________________________

ด้านของบอส

      “ชิ ยังไม่หมดอีก” บอสพึมพำขึ้นมาแล้วใช้พลังเวทย์ กวาดพวกเงาดำๆให้กระเด็นและสลายไป

      “แฮ่ก... แฮ่ก...” บอสเริ่มหายใจถี่ขึ้นเพราะความเหนื่อย

      “ถ้างั้น ขอทีเดียวดับนะ...” บอสชาร์จพลังไว้ที่ฝ่ามือของตน พลังที่ออกมาเป็นสีเหลือง เมื่อรวบรวมพลังจนพอใจ บอสก็ชี้ไปยังกลุ่มเงาดำกลุ่มหนึ่ง

      “Chain Lightning!!” สายฟ้าที่บอสปล่อยออกมา ไปกระทบกับกลุ่มเงาดำ และชิ่งไปเรื่อยๆจนเงาดำสลายไปหมด

      “แฮ่ก... หมดซะที” บอสนั่งลงกับพื้นเพราะความเหนื่อย แต่เมื่อบอสนั่งแล้ว ก็เห็นกลุ่มเงาดำอีกกลุ่ม

      “มาอีกแล้ว!!” บอสลุกขึ้นเตรียมโจมตี

      “เจอบอสแล้ว!” มิวทูบอกกับทุกคน

      “แล้วทำไมบอสถึงมองพวกเราด้วยสายตาอย่างนั้นหละ” เชมี่พลางคิด เพราะบอสมองด้วยสายตาตื่นตัว

        แล้วจู่ๆ บอสก็ใช้พลังสายลม ผลักพวกมิวทูให้กระเด็นออกไป แต่บอสก็พูดขึ้นว่า

      “ชิ ทำไมกลุ่มเงาดำกลุ่มนี้สลายยากชะมัด” สิ่งที่บอสพูดขึ้นมา ทำให้หลายคนตกใจ

      “บอสๆ นี่พวกเราเองนะ จำไม่ได้หรอ” ฟรีซเซียร์พูดขึ้น

      “ทำไมกลุ่มเงานี่มีเสียงครางออกมาด้วย” บอสพึมพำแล้วก็กำลังใช้พลังต่อ แต่เหมือนเชสต้าจะรู้ทัน

        เมื่อบอสชาร์จพลังเสร็จ เชสต้าก็หายไปอยู่ตรงหน้าบอส แล้วก็ต่อยหน้าแรงๆจนบอสหันไปอีกข้างเลย

      “พี่เชส ทำไรอะ” เบต้าตะโกนถาม

      “เป็นไง รู้สึกดีขึ้นยัง” เชสต้าถามบอส โดยที่บอสจับหัวตัวเอง แล้วเหมือนจะเขย่าหัวตัวเองเพื่อไล่ความมึนงงออก

      “นี่ผม เป็นไรไปเนี่ย... ทำไมเหมือนไม่มีแรงจะใช้พลัง” บอสพูดขึ้นมาลอยๆ เชสต้าเห็นว่าไม่แป็นไรแล้วก็เดินกลับว่ายังกลุ่ม

      “นี่บอสเป็นไรไปน่ะ” มิวทูถาม

      “เหมือนบอสจะโดนอะไรบางอย่างจนทำให้ประสาทหลอน แล้วเห็นพวกเราเป็นกลุ่มเงาดำที่จะเข้าทำร้ายทำนองนี้มั้ง” เชสต้าพูดในสิ่งที่ตัวเอง

คิดขึ้น ซึ่งมันตรงเป๊ะเลย

        “แต่ฉันว่า เรารีบกันดีกว่า เดี๋ยวคนร้ายจะรู้ตัว...”

เดวค่อยลงภาพละกัน

Link to comment
Share on other sites

ภาพมิวซิ่งโน ในร่างมนุษย์...  เห็นแล้วจะรู้ว่าทำไมไม่ค่อยอยากให้เจ้านี่แปลงร่างเป็นมนุษย์ :pika10:

ObQONx.jpg

ปล. ก็อปเขามาอีกแล้ว แถมคราวนี้ก็อปเป็นการ์ดเลยแหะ= ="  แต่ไงๆซะก็ราวๆนี้แหละ  ใช้ภาพนี้ไปก่อนละกัน

Link to comment
Share on other sites

มิสซิ่งเท่ห์มากๆเลย!!!!

เรื่องราวเริ่มจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ ความลับของเรื่องเอ่ย...จงเปิดเผยมาให้หมด!!! XD

Link to comment
Share on other sites

เอามาอัพต่อแล้ว

บทที่ 43

        หลังจากที่บอสได้สติ บอสก็จับจิตของครอบครัวได้ แล้วก็วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ เมื่อถึงห้องๆหนึ่งที่กว้างมาก แต่เหมือนว่าจะสร้างเป็นเมืองจำลองที่มีตึกสูงสามชั้นหลายตึก มิสซิ่งโนที่อยู่เงียบๆมานาน ก็พูดขึ้นมา

      “ข้ามีเรื่องอะไรจะมาบอกหนะ” มิสซิ่งโนพูดขึ้นมากะทันหัน ทำให้ทุกคนรีบหันหน้าไปยังผู้พูด เพราะรู้ว่า ถ้ามิสซิ่งโนมีเรื่องจะมาบอก มันต้องเป็นอะไรที่แปลกๆแน่

      “ว่ามาเลยครับ” อัลเซอุสตอบกลับในขณะที่ตนก็วิ่งอยู่เช่นกัน

      “คือ... มีเด็กๆอยากจะมาที่นี่ด้วย ข้าก็เลยพามาหนะ…” เชสต้าที่ฟังแล้ว เซนส์ของตนก็ทำงานขึ้นมา ถ้าเดาไม่ผิด เด็กๆน่าจะหมายถึง

      “พี่คะ/พี่ฮะ” เสียงของเด็กสาวเล็กเด็กชายดังขึ้นมาจากข้างหลังโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

        เด็กสาวผมยาวประบ่าสีเหลืองปนเขียว ดวงตาสีเหลืองอ่อน ผิวขาว หน้าตาน่ารักเอาใจชาวโลลิได้เป็นอย่างดี(= =”) ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดวันพีชสี

เหลืองมีลายใบไม้สีเขียว แต่ที่เห็นแล้วขัดตาที่สุดก็กำไลข้อมือรูปใบไม้

        ส่วนเด็กชายก็ไม่แพ้กัน ผมสั้นสีฟ้าเข้ม(ไม่ใช่น้ำเงินเข้ม) ดวงตาที่สีเดียวกับสีผม ผิวขาวเช่นกันแต่ไม่ขาวเท่าเด็กหญิง แขนของเด็กคนนี้มี

กำไลน้ำแข็ง ดูเหมือนเด็กคนนี้ก็เอาใจชาวโชตะได้ดีเหมือนกัน แต่น่าจะแพ้วิคตินี่อยู่ไม่กี่แต้ม

      “พวกเธอ...อย่าบอกนะ ลีเฟียกับกราเซีย!” มิวทูตกใจมากที่เห็นเจ้าสองตัวนั้นอยู่ในสภาพมนุษย์ ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสองตัวนี้ไม่ได้เรียนรู้ท่าแปลงร่างเลย

      “เห็นเด็กสองคนนี้อยู่ในบอลของเบต้า แล้วเจ้าก็ดันทิ้งไว้ที่มิติแห่งเทพอีก ข้าเลยเอาสองตัวนี้ออกมา แล้วก็แปลงร่างให้ด้วย ส่วนที่พวกเจ้าจับไม่ได้ เพราะข้าสร้างม่านพลังให้สองตัวนี้ล่องหนมา” มิสซิ่งโนอธิบายซะยาวเหยียด

      “พี่อ่ะ ทำไมไม่พาพวกหนูมาด้วย” ลีเฟียพูดขึ้นพลางทุบเบต้าเบาๆ

      “...ก็พี่เห็นว่า...มันอันตรายก็เลยไม่อยากให้มา...” เบต้าพูดเสียงอ่อย

      “แต่พวกเราเป็นโปเกมอนของพี่เบต้านะฮะ อย่างน้อยพี่น่าจะพกพวกเราติดตัวไว้ด้วย แต่พี่กลับ...” กราเซียพูดขึ้นมาทำให้เบต้าถึงกับสะอึก

        เบต้าเข้าใจเจ้าสองคนนี้ดีจึงก้มลงเล็กน้อย แล้วกอดทั้งสองคน “พี่ขอโทษนะ...พี่แค่กลัว...กลัวว่าถ้าเอาพวกเธอมาด้วยแล้วฉันปกป้องพวกเธอ

ไม่ได้...”

      “แต่พวกเราก็ปกป้องตัวเองได้แล้วนะครับ แล้วอีกอย่างพวกเราก็มีหน้าที่ให้ปกป้องพี่ไม่ใช่หรอ” กราเซียตอบกลับ ที่เสียงที่ออกมาก็เริ่มอ่อนลง

      “แต่ไงซะ พี่ก็เป็นเจ้าของพวกเธอไม่ใช่หรือ... เทรนเนอร์ก็ต้องปกป้องโปเกมอนของตัวเองด้วย ไม่ใช่ให้โปเกมอนปกป้องตัวเองเสมอไป...” พอเบต้าพูดอีกประโยค ลีเฟียก็ร้องไห้ออกมา

      “พี่เบต้า หนูขอโทษคะ...”

      “ผมขอโทษด้วยครับ ที่มาที่นี่โดยไม่บอกพวกพี่” กราเซียก็พูดด้วยน้ำดเสียงสั่นๆ บอสที่เห็นภาพแบบนี้ก็อินเล็กน้อย แต่บอสก็รู้สึกแปลกๆจึงรีบ

กางบาเรียให้ครอบคลุมทุกคน

      “ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นกระทบกับบาเรีย ซึ่งลูกกระสุนก็กระเด็นออกมาทางด้านลีเฟียพอดีทำให้บอสโกรธจัด นี่คิดจะฆ่าเด็กก่อนอย่างงั้นหรอ

ต้องฆ่าพวกมันให้หมด... ฆ่าให้หมด... ให้หมด...

      “พีทิวทูครับ... เอาอาวุธที่พี่มิวทูเอามาให้ผมดูมาไหมครับ...” เสียงของบอสเริ่มพูดด้วยคำสุภาพมากยิ่งขึ้น แต่เสียงก็ยิ่งเย็นขึ้นเช่นกัน

      “เอามา...ทำไมหละ” มิวทูถามขึ้นในขณะที่ตนก็กางบาเรียเหมือนกัน มิวทูก็เรียกอาวุธที่บอสบอกขึ้นมาส่งให้บอส

      “ขอลองยิงหน่อยละ” บอสจับปืนแน่น เหนี่ยวไกขึ้นฟ้า เสียงกระสุนของปืนดังขึ้น แต่กระสุนที่บอสยิงมันดันไม่ยิงเป็นเส้นตรง แต่มันโค้งไปยัง

ผู้ซุ่มยิง ลูกกระสุนยิงเข้าสมองจังๆจนเหยื่อรายแรกถึงตาย

        เมื่อมีคนตายด้วยกระสุนที่ไม่น่าจะโค้งได้ เหล่านักฆ่าที่ซุ่มอยู่ก็เริ่มที่จะเสียขวัญ แต่ดูเหมือนบอสจะยังไม่หยุด ยิงขึ้นฟ้าไปจนกระสุนหมด

      “กระสุนหมดซะแล้ว...” บอสพูขึ้นมาลอยๆ แต่ก็ยังถือปืนไว้อยู่

      “บอส...เมื่อกี้นายทำอะไร” อัลเซอุสถามขึ้น เพราะดูเหมือนจะจิตได้ว่า จิตของนักฆ่าหายไปหกราย

      “ตอนนี้เราเป็นเป้าหมายของพวกนั้นแน่ เธอคงใช้อาวุธนั่นกำจัดจนหมดสินะ...” เชสต้าพูดในสิ่งที่ตนสันนิษฐานขึ้นมา

      “นี่เรียกว่าปืนฮะ... เป็นอาวุธ...เรียกไงดีหว่า เอาเป็นว่ายิงออกมาเป็นเส้นตรง และความแรงสามารถเจาะหนังสัตว์หนาๆได้ละกัน... สัตว์นะครับ ไม่ใช่โปเกมอน” บอสอธิบายขึ้น แต่ก็อธิบายถูกผิดไปบ้าง

      “ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะทำไงละ พลังก็ใช้ได้นิดหน่อย สู้พวกมันไม่ได้แน่” ไดอาเกียบ่นขึ้นมา

      “ปืนก็ต้องสู้ด้วยปืนสิครับ ง่ายจะตาย รวมพลังไว้ที่ตัวปืนแล้วกดตรงนี้(ไกปืน) แล้วก็อยากให้มันไปยิงโดนใครก็นึกในใจ แค่นั้นแหละ โดนชัวร์”

บอสอธิบายพลางทำให้ดูไปด้วย ซึ่งเทพทุกตนเข้าใจช่วงแรกๆ แต่ประโยคสุดท้ายไม่เข้าใจ ซึ่งที่บอสพูกก็คือวิธีการทำให้กระสุนเลี้ยวโค้งไปโดนนัก

ฆ่านั่นเอง

      “จะพยายามดูละกัน...” พัลเกียพึมพำอยู่คนเดียว ซึ่งหลายคนก็คิดเช่นนั้น

      “แล้วจะไปทางไหนต่อละ” มิวทูถาม เพราะรู้สึกว่าอยู่ตรงนี้แล้วมีลางแปลกๆ

        บอสหลับตาเพื่อจับจิตคนในครอบครัวของตน ซักพักก็เจอ “เจอแล้วครับ ทางขวา” บอสวิ่งนำ แล้วคนอื่นก็ตามบอสไป

        ระหว่างทาง บอส มิวทู เบต้า ก็ใช้บาเรียสลับกันเป็นระยะๆ เพราะนักฆ่าเยอะมากจนเรียกได้ว่า ที่นี่มันแหล่งประชุมนักฆ่าทั่วทั้งโลกหรอ แต่ดู

เหมือนบาเรียของบอสมันดันสะท้อนกระสุนที่ยิงไปโดนนักฆ่าที่ยิงมาด้วย ทำให้เวลาบอสกางบาเรียไม่ค่อยมีใครอยากยิงเข้าไป เพราะกระสุนที่สะท้อนออกมา ขั้นเบาคือโดนถากๆ ส่วนขั้นกลางที่หลายคนโดนมากคือโดนสะท้อนเข้าไปตรงจุดที่ไม่สำคัญ ส่วนขั้นหนักคือ ถึงตาย...

        บอสนำทางมาจนถึงห้องโล่งๆที่มีทางแยกสามทาง ซึ่งแน่นอนเพราะบอสจับจิตได้จึงไม่ต้องเดาว่าควรไปทางไหน แต่เพราะสองทางที่เหลือนักฆ่าดันโผล่มาเป็นโขยงเหมือนจะเอาชีวิตของทุกคนให้ได้

        เมื่อบอสคิดทบทวนดีๆแล้ว บอสจึงใช้พลังเรียกร่างแยกออกมา

      “เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง ให้ร่างแยกผมเป็นคนนำทางให้นะครับ”

      “ไม่ได้หรอก เธอต้องไปเจอ...” มิวทูพูดกลับ แต่บอสก็สวนขึ้นมาก่อน

      “พวกพี่ใช้พลังได้นิดเดียวเองนะครับ ผมว่ารีบไปก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆก่อนจะดีกว่าครับ”

      “เข้าใจแล้ว” เชสต้าพูดขึ้นมาทำให้ทุกคนมองเชสต้าพร้อมกัน บอสที่เห็นว่ามีคนยินยอมก็สั่งให้ร่างแยกไปทางที่มีครอบครัวอยู่

      “ต้องรอดกลับมาด้วยนะ” ฟรีซเซียร์บังคับ

      “คร้าบ คร้าบ” บอสหันหน้าเข้ากับนักฆ่าโขยงใหญ่ พวกมิวทูก็วิ่งตามร่างโคลนขอบอสไป เมื่อบอสแน่ใจว่าไปกันหมดแลวก็พูดเบาๆ

      “อุตส่าห์กลั้นมานาน ขืนให้พวกพี่ๆอยู่ต่อไปคงจะมีลูกหลงกันมั่ง” บอสพูดอยู่คนเดียว แต่แล้วนักฆ่าก็ต่างตะลึกกันยกใหญ่ เมื่อจู่ๆสีผมของบอสที่ปกติเป็นสีดำกลับกลายเป็นสีขาว สีของนัยน์ตามังกรเริ่มเปลี่ยนจากสีน้ำเงิน เป็นสีน้ำเงินเข้ม... น้ำเงินปนดำ

        บอสหลับตาซักพัก แล้วบอสก็เรียกอาวุธออกมา ดาบในมือบอสที่แค่เห็นแล้วก็รู้ว่า คมจนตัดเหล็กเหมือนตัดวุ้น จู่ๆบอสก็หายไปจากตรงนั้น แล้วโผล่มาอีกทีก็กลางวงของโขยงนักฆ่า

        “Hell Slash!!”

        บอสเอาเบฟันพวกนักฆ่าในแนวนอน จนครบ 360 องศา  เมื่อบอสเปล่งพลังสีแดงออกมา ก็เกิดคลื่นดาบสีแดงสดเหมือนเลือด นักฆ่าที่โดนคลื่นดาบก็ถูกฟันจนเป็นแผลเหวอะ

        เมื่อบอสเห็นว่า พวกนักฆ่าคงไม่มีทางลุกขึ้นมาโต้ตอบได้แล้ว จึงคลายพลังของตนออกมา กลายเป็นผมสีดำเหมือนเดิม ส่วนสีตาก็ค่อยๆกลาย

เป็นสีน้ำเงิน

        “เปลี่ยนโหมดแค่ไม่ถึงสิบนาที ก็เหนื่อยหอบแล้วเหรอเนี่ย...คุมยากจริงๆ...” บอสบ่นขึ้นมาเบาๆด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

        “โหมดReverse(โหมดย้อนกลับ)”

Link to comment
Share on other sites

ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพระเอกนะเบต้า...แต่เอาเข้าจริงแล้ว สงสัยเจ้าบอสมันจะเหมาะที่จะเป็นพระเอกมากกว่านายอีก เก่งซะ =w=

Link to comment
Share on other sites

ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพระเอกนะเบต้า...แต่เอาเข้าจริงแล้ว สงสัยเจ้าบอสมันจะเหมาะที่จะเป็นพระเอกมากกว่านายอีก เก่งซะ =w=

V.5 : ก็ว่างั้นแหละ  ตอนแรกให้เบต้าเป็นตัวเอก  แต่พอไปเรื่อยๆ  บอสเป็นตัวเอกแล้วเขียนมันมันส์กว่าเยอะซะงั้น= ="

เบต้า : นี่แกคิดจะโค่นอำนาจทางอ้อมใช่ไหม(เตรียมไซโคคัท)

มิวทู : (เตรียมยำบอส)

บอส : เกี่ยวไรด้วยฟระ  ไปโทษ V.5 ไป๊

V.5 : อย่าโยนมาดิวะ!!!

Edit : 23/04/55 17.28 น.

ผู้เขียน : จริงๆแล้ว ภาคสองส่วนใหญ่เนื้อเรื่องจะเป็นของบอสซะส่วนมาก ดังนั้นไม่ต้องตกใจว่าเบต้าไม่เป็นพระเอกแล้ว

          แค่ช่วงนี้บทบอสเยอะกว่าเท่านั้นเอง

Link to comment
Share on other sites

สงสารเบต้าแฮะนับวันบทยิ่งลดลงๆ พระเอกตัวจริงผู้น่าสงสาร

Link to comment
Share on other sites

Missingnoนี่มัน...

Dark maskชัดๆ

Perth : รู้สึกถึงเงามืดวาบๆข้างหลัง

Link to comment
Share on other sites

มิสซิ่งโนไม่ได้ร้ายขนาดนั้นซักหน่อย

—————

มีข่าวร้ายมาบอก ว่าคอมใช้ไม่ได้ชั่วคราว งดลงตอนใหม่T^T

ข่าวดี. สปอยล์แผนการเล็กน้อย

1. Noname Legend

2. Noname Legend : Limit Storm

3. Noname Legend : xxxxxxxxxxx

4. The Dark Bright <Side Story>

5. XxxxxxxxxxxxxX

Link to comment
Share on other sites

อ่าว นึกว่าลงแล้วซะอีก :pika02:

ไม่เป็นไร เอาคอมไปส่งศูนย์ฯ โลด :pika10:

Link to comment
Share on other sites

[me=[V]ersion_[5]]ใช้ไอโฟนพี่[/me]

ถ้าเป็นงั้นจริง คงจะลงตอนใหม่เรียบร้อยแล้ว=w=

แต่พ่อจะซ่อมให้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะซ่อม...

Link to comment
Share on other sites

Please sign in to comment

You will be able to leave a comment after signing in



Sign In Now
  • Recently Browsing   0 members

    • No registered users viewing this page.

×
×
  • Create New...

Important Information

By using this site, you agree to our Terms of Use and Privacy Policy. We have placed cookies on your device to help make this website better. You can adjust your cookie settings, otherwise we'll assume you're okay to continue.